Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๓-๕. ปุณฺณมนฺตาณิปุตฺตเตฺถรอปทานวณฺณนา
3-5. Puṇṇamantāṇiputtattheraapadānavaṇṇanā
อชฺฌายโก มนฺตธโรติอาทิกํ อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อนุกฺกเมน วิญฺญุตํ ปโตฺตฯ อปรภาเค ปทุมุตฺตเร ภควติ อุปฺปชฺชิตฺวา โพธเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสเนฺต เหฎฺฐา วุตฺตนเยน มหาชเนน สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต นิสีทิตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา เทสนาวสาเน อุฎฺฐิตาย ปริสาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมเนฺตตฺวา เหฎฺฐา วุตฺตนเยน มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘ภเนฺต, อหํ อิมินา อธิกาเรน น อญฺญํ สมฺปตฺติํ ปเตฺถมิ, ยถา ปเนโส ภิกฺขุ สตฺตมทิวสมตฺถเก ตุเมฺหหิ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ อโคฺค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิฯ สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุโทฺธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ตฺวํ ธมฺมกถิกานํ อโคฺค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ
Ajjhāyakomantadharotiādikaṃ āyasmato puṇṇassa mantāṇiputtattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato uppattito puretarameva haṃsavatīnagare brāhmaṇamahāsālakule nibbattitvā anukkamena viññutaṃ patto. Aparabhāge padumuttare bhagavati uppajjitvā bodhaneyyānaṃ dhammaṃ desente heṭṭhā vuttanayena mahājanena saddhiṃ vihāraṃ gantvā parisapariyante nisīditvā dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ dhammakathikānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā ‘‘mayāpi anāgate evarūpena bhavituṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā desanāvasāne uṭṭhitāya parisāya satthāraṃ upasaṅkamitvā nimantetvā heṭṭhā vuttanayena mahāsakkāraṃ katvā bhagavantaṃ evamāha – ‘‘bhante, ahaṃ iminā adhikārena na aññaṃ sampattiṃ patthemi, yathā paneso bhikkhu sattamadivasamatthake tumhehi dhammakathikānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapito, evaṃ ahampi anāgate ekassa buddhassa sāsane dhammakathikānaṃ aggo bhaveyya’’nti patthanaṃ akāsi. Satthā anāgataṃ oloketvā tassa patthanāya samijjhanabhāvaṃ disvā ‘‘anāgate kappasatasahassamatthake gotamo nāma buddho uppajjissati, tassa sāsane pabbajitvā tvaṃ dhammakathikānaṃ aggo bhavissasī’’ti byākāsi.
โส ยาวตายุกํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต กปฺปสตสหสฺสํ ปุญฺญสมฺภารํ สมฺภรโนฺต เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุนามเก พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส ภาคิเนโยฺย หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส ปุโณฺณติ นามํ อกํสุฯ โส สตฺถริ อภิสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก อนุกฺกเมน ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรเนฺต อญฺญาสิโกณฺฑญฺญสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ปธานมนุยุญฺชโนฺต สพฺพํ ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ‘‘ทสพลสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ มาตุลเตฺถเรน สทฺธิํ สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา กปิลวตฺถุสามนฺตาเยว โอหิยิตฺวา โยนิโส มนสิกาเร กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ
So yāvatāyukaṃ kalyāṇakammaṃ katvā tato cuto kappasatasahassaṃ puññasambhāraṃ sambharanto devamanussesu saṃsaritvā amhākaṃ bhagavato kāle kapilavatthunagarassa avidūre doṇavatthunāmake brāhmaṇagāme brāhmaṇamahāsālakule aññāsikoṇḍaññattherassa bhāgineyyo hutvā nibbatti. Tassa puṇṇoti nāmaṃ akaṃsu. So satthari abhisambodhiṃ patvā pavattitavaradhammacakke anukkamena rājagahaṃ upanissāya viharante aññāsikoṇḍaññassa santike pabbajitvā laddhūpasampado padhānamanuyuñjanto sabbaṃ pabbajitakiccaṃ matthakaṃ pāpetvā ‘‘dasabalassa santikaṃ gamissāmī’’ti mātulattherena saddhiṃ satthu santikaṃ āgantvā kapilavatthusāmantāyeva ohiyitvā yoniso manasikāre kammaṃ karonto nacirasseva vipassanaṃ ussukkāpetvā arahattaṃ pāpuṇi.
ตสฺส ปน ปุณฺณเตฺถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ปญฺจสตา อเหสุํฯ เถโร เต ทสกถาวตฺถูหิ โอวทิฯ เตปิ สเพฺพ ทสกถาวตฺถูหิ โอวทิตา ตสฺส โอวาเท ฐตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ ญตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘ภเนฺต, มยํ ปพฺพชิตกิจฺจสฺส มตฺถกํ ปตฺตา, ทสนฺนญฺจ กถาวตฺถูนํ ลาภิโน, สมโย ทานิ โน ทสพลํ ปสฺสิตุ’’นฺติ, เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘มยฺหํ ทสกถาวตฺถุลาภิตํ สตฺถา ชานาติฯ อหํ ธมฺมํ เทเสโนฺต ทสกถาวตฺถูนิ อมุญฺจิตฺวาว เทเสมิ, มยิ จ คจฺฉเนฺต สเพฺพปิเม ภิกฺขู มํ ปริวาเรตฺวา คจฺฉิสฺสนฺติ, เอวํ เม คเณน สทฺธิํ คนฺตฺวา อยุตฺตํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ, อิเม ตาว ทสพลํ ปสฺสิตุํ คจฺฉนฺตู’’ติฯ อถ เต เอวมาห – ‘‘อาวุโส, ตุเมฺห ปุรโต คนฺตฺวา ทสพลํ ปสฺสถ, มม วจเนน ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ คตมเคฺคน อาคจฺฉิสฺสามี’’ติฯ เตปิ เถรา สเพฺพ ทสพลสฺส ชาติภูมิรฎฺฐวาสิโน สเพฺพ ขีณาสวา สเพฺพ ทสกถาวตฺถุลาภิโน อุปชฺฌายสฺส โอวาทํ อจฺฉินฺทิตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อนุปุเพฺพน จาริกํ จรนฺตา สฎฺฐิโยชนมคฺคํ อติกฺกมฺม ราชคเห เวฬุวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทิตุนฺติ ภควา เตหิ สทฺธิํ ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน มธุรปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต จ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน เตหิ ‘‘ชาติภูมิโต’’ติ วุเตฺต ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต ‘อตฺตนา จ อปฺปิโจฺฉ อปฺปิจฺฉกถญฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒) ทสกถาวตฺถุลาภิํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิฯ เตปิ ‘‘ปุโณฺณ นาม, ภเนฺต, อายสฺมา มนฺตาณิปุโตฺต’’ติ อาโรจยิํสุฯ
Tassa pana puṇṇattherassa santike pabbajitā kulaputtā pañcasatā ahesuṃ. Thero te dasakathāvatthūhi ovadi. Tepi sabbe dasakathāvatthūhi ovaditā tassa ovāde ṭhatvā arahattaṃ pāpuṇitvā attano pabbajitakiccaṃ matthakappattaṃ ñatvā upajjhāyaṃ upasaṅkamitvā āhaṃsu – ‘‘bhante, mayaṃ pabbajitakiccassa matthakaṃ pattā, dasannañca kathāvatthūnaṃ lābhino, samayo dāni no dasabalaṃ passitu’’nti, thero tesaṃ vacanaṃ sutvā cintesi – ‘‘mayhaṃ dasakathāvatthulābhitaṃ satthā jānāti. Ahaṃ dhammaṃ desento dasakathāvatthūni amuñcitvāva desemi, mayi ca gacchante sabbepime bhikkhū maṃ parivāretvā gacchissanti, evaṃ me gaṇena saddhiṃ gantvā ayuttaṃ dasabalaṃ passituṃ, ime tāva dasabalaṃ passituṃ gacchantū’’ti. Atha te evamāha – ‘‘āvuso, tumhe purato gantvā dasabalaṃ passatha, mama vacanena tathāgatassa pāde vandatha, ahampi tumhākaṃ gatamaggena āgacchissāmī’’ti. Tepi therā sabbe dasabalassa jātibhūmiraṭṭhavāsino sabbe khīṇāsavā sabbe dasakathāvatthulābhino upajjhāyassa ovādaṃ acchinditvā theraṃ vanditvā anupubbena cārikaṃ carantā saṭṭhiyojanamaggaṃ atikkamma rājagahe veḷuvanamahāvihāraṃ gantvā dasabalassa pāde vanditvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Āciṇṇaṃ kho panetaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ āgantukehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammoditunti bhagavā tehi saddhiṃ ‘‘kacci, bhikkhave, khamanīya’’ntiādinā nayena madhurapaṭisanthāraṃ katvā ‘‘kuto ca tumhe, bhikkhave, āgatatthā’’ti pucchitvā puna tehi ‘‘jātibhūmito’’ti vutte ‘‘ko nu kho, bhikkhave, jātibhūmiyaṃ jātibhūmakānaṃ bhikkhūnaṃ sabrahmacārīnaṃ evaṃ sambhāvito ‘attanā ca appiccho appicchakathañca bhikkhūnaṃ kattā’’’ti (ma. ni. 1.252) dasakathāvatthulābhiṃ bhikkhuṃ pucchi. Tepi ‘‘puṇṇo nāma, bhante, āyasmā mantāṇiputto’’ti ārocayiṃsu.
เตสํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุโตฺต เถรํ ทสฺสนกาโม อโหสิฯ อถ สตฺถา ราชคหโต สาวตฺถิํ อคมาสิฯ ปุณฺณเตฺถโรปิ ทสพลสฺส ตตฺถ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อโนฺตคนฺธกุฎิยํเยว ตถาคตํ สมฺปาปุณิฯ สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ เถโร ธมฺมํ สุตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปฎิสลฺลานตฺถาย อนฺธวนํ คนฺตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ สาริปุตฺตเตฺถโรปิ ตสฺสาคมนํ สุตฺวา สีสานุโลกิโก คนฺตฺวา โอกาสํ สลฺลเกฺขตฺวา ตสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนกํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน สทฺธิํ สโมฺมทิตฺวา ตํ วิสุทฺธิกฺกมํ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) ปุจฺฉิฯ โสปิสฺส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ พฺยากโรโนฺต รถวินีตูปมาย อติวิย จิตฺตํ อาราเธสิฯ เต อญฺญมญฺญสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทิํสุฯ
Tesaṃ kathaṃ sutvā āyasmā sāriputto theraṃ dassanakāmo ahosi. Atha satthā rājagahato sāvatthiṃ agamāsi. Puṇṇattheropi dasabalassa tattha āgatabhāvaṃ sutvā ‘‘satthāraṃ passissāmī’’ti gantvā antogandhakuṭiyaṃyeva tathāgataṃ sampāpuṇi. Satthā tassa dhammaṃ desesi. Thero dhammaṃ sutvā dasabalaṃ vanditvā paṭisallānatthāya andhavanaṃ gantvā aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi. Sāriputtattheropi tassāgamanaṃ sutvā sīsānulokiko gantvā okāsaṃ sallakkhetvā tasmiṃ rukkhamūle nisinnakaṃ upasaṅkamitvā therena saddhiṃ sammoditvā taṃ visuddhikkamaṃ (ma. ni. 1.257) pucchi. Sopissa pucchitapucchitaṃ byākaronto rathavinītūpamāya ativiya cittaṃ ārādhesi. Te aññamaññassa subhāsitaṃ samanumodiṃsu.
๔๓๔. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค ภิกฺขุสงฺฆสฺส มเชฺฌ นิสิโนฺน เถรํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว , มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุโณฺณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๖) เอตทเคฺค ฐเปสิฯ โส ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ วิภาเวโนฺต อชฺฌายโกติอาทิมาหฯ ตตฺถ อชฺฌายโกติ อเนกพฺราหฺมณานํ วาเจตา สิกฺขาเปตาฯ มนฺตธโรติ มนฺตานํ ธาเรตาติ อโตฺถ, เวทสงฺขาตสฺส จตุตฺถเวทสฺส สชฺฌายนสวนทานานํ วเสน ธาเรตาติ วุตฺตํ โหติฯ ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทสงฺขาตานํ ติณฺณํ เวทานํ ญาเณน ธาเรตพฺพตา ‘‘เวโท’’ติ ลทฺธนาเมสุ ตีสุ เวทคเนฺถสุ ปารํ ปริโยสานํ คโตติ อโตฺถ ฯ ปุรกฺขโตมฺหิ สิเสฺสหีติ มม นิจฺจปริวารภูเตหิ สิเสฺสหิ ปริวุโต อหํ อมฺหิฯ อุปคจฺฉิํ นรุตฺตมนฺติ นรานํ อุตฺตมํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิํ, สมีปํ คโตติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
434. Atha naṃ satthā aparabhāge bhikkhusaṅghassa majjhe nisinno theraṃ ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave , mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ dhammakathikānaṃ yadidaṃ puṇṇo’’ti (a. ni. 1.188, 196) etadagge ṭhapesi. So pubbakammaṃ saritvā somanassavasena pubbacaritāpadānaṃ vibhāvento ajjhāyakotiādimāha. Tattha ajjhāyakoti anekabrāhmaṇānaṃ vācetā sikkhāpetā. Mantadharoti mantānaṃ dhāretāti attho, vedasaṅkhātassa catutthavedassa sajjhāyanasavanadānānaṃ vasena dhāretāti vuttaṃ hoti. Tiṇṇaṃ vedānanti iruvedayajuvedasāmavedasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ vedānaṃ ñāṇena dhāretabbatā ‘‘vedo’’ti laddhanāmesu tīsu vedaganthesu pāraṃ pariyosānaṃ gatoti attho . Purakkhatomhi sissehīti mama niccaparivārabhūtehi sissehi parivuto ahaṃ amhi. Upagacchiṃ naruttamanti narānaṃ uttamaṃ bhagavantaṃ upasaṅkamiṃ, samīpaṃ gatoti attho. Sesaṃ suviññeyyameva.
๔๓๘. อภิธมฺมนยญฺญูหนฺติ อหํ ตทา ตสฺส พุทฺธสฺส กาเล อภิธมฺมนยโกวิโทติ อโตฺถฯ กถาวตฺถุวิสุทฺธิยาติ กถาวตฺถุปฺปกรเณ วิสุทฺธิยา เฉโก, อปฺปิจฺฉสนฺตุฎฺฐิกถาทีสุ ทสสุ กถาวตฺถูสุ วา เฉโก, ตาย กถาวตฺถุวิสุทฺธิยา สเพฺพสํ ยติชนานํ ปณฺฑิตานํ วิญฺญาเปตฺวาน โพเธตฺวาน อนาสโว นิกฺกิเลโส วิหรามิ วาสํ กเปฺปมิฯ
438.Abhidhammanayaññūhanti ahaṃ tadā tassa buddhassa kāle abhidhammanayakovidoti attho. Kathāvatthuvisuddhiyāti kathāvatthuppakaraṇe visuddhiyā cheko, appicchasantuṭṭhikathādīsu dasasu kathāvatthūsu vā cheko, tāya kathāvatthuvisuddhiyā sabbesaṃ yatijanānaṃ paṇḍitānaṃ viññāpetvāna bodhetvāna anāsavo nikkileso viharāmi vāsaṃ kappemi.
๔๓๙. อิโต ปญฺจสเต กเปฺปติ อิโต ปญฺจพุทฺธปฎิมณฺฑิตโต ภทฺทกปฺปโต ปญฺจสเต กเปฺป สุปฺปกาสกา สุฎฺฐุ ปากฎา จกฺกรตนาทิ สตฺตหิ รตเนหิ สมฺปนฺนา ชมฺพุทีปาทิจตุทีปมฺหิ อิสฺสรา ปธานา จตุโร จตฺตาโร จกฺกวตฺติราชาโน อเหสุนฺติ อโตฺถฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ
439.Ito pañcasate kappeti ito pañcabuddhapaṭimaṇḍitato bhaddakappato pañcasate kappe suppakāsakā suṭṭhu pākaṭā cakkaratanādi sattahi ratanehi sampannā jambudīpādicatudīpamhi issarā padhānā caturo cattāro cakkavattirājāno ahesunti attho. Sesaṃ vuttanayamevāti.
ปุณฺณมนฺตาณิปุตฺตเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Puṇṇamantāṇiputtattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๓-๕. ปุณฺณมนฺตาณิปุตฺตเตฺถรอปทานํ • 3-5. Puṇṇamantāṇiputtattheraapadānaṃ