Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๐. ปุณฺณมสุตฺตํ
10. Puṇṇamasuttaṃ
๘๒. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อโชฺฌกาเส นิสิโนฺน โหติฯ
82. Ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati pubbārāme migāramātupāsāde mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ. Tena kho pana samayena bhagavā tadahuposathe pannarase puṇṇāya puṇṇamāya rattiyā bhikkhusaṅghaparivuto ajjhokāse nisinno hoti.
อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุเจฺฉยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ กิญฺจิเทว 1 เทสํ, สเจ เม ภควา โอกาสํ กโรติ ปญฺหสฺส เวยฺยากรณายา’’ติ? ‘‘เตน หิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สเก อาสเน นิสีทิตฺวา ปุจฺฉ ยทากงฺขสี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา สเก อาสเน นิสีทิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิเม นุ โข, ภเนฺต, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ, เวทนุปาทานกฺขโนฺธ, สญฺญุปาทานกฺขโนฺธ, สงฺขารุปาทานกฺขโนฺธ, วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธ’’ติฯ
Atha kho aññataro bhikkhu uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘puccheyyāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ kiñcideva 2 desaṃ, sace me bhagavā okāsaṃ karoti pañhassa veyyākaraṇāyā’’ti? ‘‘Tena hi tvaṃ, bhikkhu, sake āsane nisīditvā puccha yadākaṅkhasī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato paṭissutvā sake āsane nisīditvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ime nu kho, bhante, pañcupādānakkhandhā, seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho, vedanupādānakkhandho, saññupādānakkhandho, saṅkhārupādānakkhandho, viññāṇupādānakkhandho’’ti.
‘‘อิเม โข ปน, ภิกฺขุ, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา; เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณุปาทานกฺขโนฺธ’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
‘‘Ime kho pana, bhikkhu, pañcupādānakkhandhā; seyyathidaṃ – rūpupādānakkhandho…pe… viññāṇupādānakkhandho’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā bhagavantaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi –
‘‘อิเม โข ปน, ภเนฺต, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา กิํมูลกา’’ติ? ‘‘อิเม โข, ภิกฺขุ, ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ฉนฺทมูลกา’’ติ…เป.… ตเญฺญว นุ โข, ภเนฺต, อุปาทานํ เต ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา อุทาหุ อญฺญตฺร ปญฺจหิ อุปาทานกฺขเนฺธหิ อุปาทานนฺติ? ‘‘น โข, ภิกฺขุ, ตเญฺญว อุปาทานํ เต ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา นาปิ อญฺญตฺร ปญฺจหิ อุปาทานกฺขเนฺธหิ อุปาทานํ, อปิ จ โย ตตฺถ ฉนฺทราโค ตํ ตตฺถ อุปาทาน’’นฺติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ…เป.… อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
‘‘Ime kho pana, bhante, pañcupādānakkhandhā kiṃmūlakā’’ti? ‘‘Ime kho, bhikkhu, pañcupādānakkhandhā chandamūlakā’’ti…pe… taññeva nu kho, bhante, upādānaṃ te pañcupādānakkhandhā udāhu aññatra pañcahi upādānakkhandhehi upādānanti? ‘‘Na kho, bhikkhu, taññeva upādānaṃ te pañcupādānakkhandhā nāpi aññatra pañcahi upādānakkhandhehi upādānaṃ, api ca yo tattha chandarāgo taṃ tattha upādāna’’nti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti kho so bhikkhu…pe… uttariṃ pañhaṃ apucchi –
‘‘สิยา ปน, ภเนฺต, ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธสุ ฉนฺทราคเวมตฺตตา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, เอกจฺจสฺส เอวํ โหติ – ‘เอวํรูโป สิยํ อนาคตมทฺธานํ, เอวํเวทโน สิยํ อนาคตมทฺธานํ, เอวํสโญฺญ สิยํ อนาคตมทฺธานํ, เอวํสงฺขาโร สิยํ อนาคตมทฺธานํ , เอวํวิญฺญาโณ สิยํ อนาคตมทฺธาน’นฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขุ, สิยา ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธสุ ฉนฺทราคเวมตฺตตา’’ติ? ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ…เป.… อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
‘‘Siyā pana, bhante, pañcupādānakkhandhesu chandarāgavemattatā’’ti? ‘‘Siyā, bhikkhū’’ti bhagavā avoca – ‘‘idha, bhikkhu, ekaccassa evaṃ hoti – ‘evaṃrūpo siyaṃ anāgatamaddhānaṃ, evaṃvedano siyaṃ anāgatamaddhānaṃ, evaṃsañño siyaṃ anāgatamaddhānaṃ, evaṃsaṅkhāro siyaṃ anāgatamaddhānaṃ , evaṃviññāṇo siyaṃ anāgatamaddhāna’nti. Evaṃ kho, bhikkhu, siyā pañcupādānakkhandhesu chandarāgavemattatā’’ti? ‘‘Sādhu, bhante’’ti kho so bhikkhu…pe… uttariṃ pañhaṃ apucchi –
‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, ขนฺธานํ ขนฺธาธิวจน’’นฺติ? ‘‘ยํ กิญฺจิ, ภิกฺขุ, รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, อยํ วุจฺจติ รูปกฺขโนฺธฯ ยา กาจิ เวทนา… ยา กาจิ สญฺญา … เย เกจิ สงฺขารา… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, อยํ วุจฺจติ วิญฺญาณกฺขโนฺธฯ เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขุ, ขนฺธานํ ขนฺธาธิวจน’’นฺติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ…เป.… อปุจฺฉิ –
‘‘Kittāvatā nu kho, bhante, khandhānaṃ khandhādhivacana’’nti? ‘‘Yaṃ kiñci, bhikkhu, rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā, ayaṃ vuccati rūpakkhandho. Yā kāci vedanā… yā kāci saññā … ye keci saṅkhārā… yaṃ kiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā, ayaṃ vuccati viññāṇakkhandho. Ettāvatā kho, bhikkhu, khandhānaṃ khandhādhivacana’’nti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti kho so bhikkhu…pe… apucchi –
‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย รูปกฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนาย; โก เหตุ โก ปจฺจโย เวทนากฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนาย; โก เหตุ โก ปจฺจโย สญฺญากฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนาย; โก เหตุ โก ปจฺจโย สงฺขารกฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนาย; โก เหตุ โก ปจฺจโย วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนายา’’ติ? ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขุ, มหาภูตา เหตุ, จตฺตาโร มหาภูตา ปจฺจโย รูปกฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนายฯ ผโสฺส เหตุ ผโสฺส ปจฺจโย เวทนากฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนายฯ ผโสฺส เหตุ ผโสฺส ปจฺจโย สญฺญากฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนายฯ ผโสฺส เหตุ , ผโสฺส ปจฺจโย สงฺขารกฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนายฯ นามรูปํ เหตุ, นามรูปํ ปจฺจโย วิญฺญาณกฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนายา’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ…เป.… อปุจฺฉิ –
‘‘Ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo rūpakkhandhassa paññāpanāya; ko hetu ko paccayo vedanākkhandhassa paññāpanāya; ko hetu ko paccayo saññākkhandhassa paññāpanāya; ko hetu ko paccayo saṅkhārakkhandhassa paññāpanāya; ko hetu ko paccayo viññāṇakkhandhassa paññāpanāyā’’ti? ‘‘Cattāro kho, bhikkhu, mahābhūtā hetu, cattāro mahābhūtā paccayo rūpakkhandhassa paññāpanāya. Phasso hetu phasso paccayo vedanākkhandhassa paññāpanāya. Phasso hetu phasso paccayo saññākkhandhassa paññāpanāya. Phasso hetu , phasso paccayo saṅkhārakkhandhassa paññāpanāya. Nāmarūpaṃ hetu, nāmarūpaṃ paccayo viññāṇakkhandhassa paññāpanāyā’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti kho so bhikkhu…pe… apucchi –
‘‘กถํ นุ โข, ภเนฺต, สกฺกายทิฎฺฐิ โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธเมฺม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ; อตฺตนิ วา รูปํ, รูปสฺมิํ วา อตฺตานํ; เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ… อตฺตโต สมนุปสฺสติ, วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ; อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํฯ เอวํ โข, ภิกฺขุ, สกฺกายทิฎฺฐิ โหตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ…เป.… อปุจฺฉิ –
‘‘Kathaṃ nu kho, bhante, sakkāyadiṭṭhi hotī’’ti? ‘‘Idha, bhikkhu, assutavā puthujjano ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido ariyadhamme avinīto, sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinīto rūpaṃ attato samanupassati, rūpavantaṃ vā attānaṃ; attani vā rūpaṃ, rūpasmiṃ vā attānaṃ; vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ… attato samanupassati, viññāṇavantaṃ vā attānaṃ; attani vā viññāṇaṃ, viññāṇasmiṃ vā attānaṃ. Evaṃ kho, bhikkhu, sakkāyadiṭṭhi hotī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti kho so bhikkhu…pe… apucchi –
‘‘กถํ ปน, ภเนฺต, สกฺกายทิฎฺฐิ น โหตี’’ติ? ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, สุตวา อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธเมฺม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธเมฺม สุวินีโต น รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ; น อตฺตนิ วา รูปํ, น รูปสฺมิํ วา อตฺตานํ; น เวทนํ… น สญฺญํ… น สงฺขาเร… น วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ; น อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ, น วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํฯ เอวํ โข, ภิกฺขุ, สกฺกายทิฎฺฐิ น โหตี’’ติฯ ‘‘สาธุ , ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ…เป.… อปุจฺฉิ –
‘‘Kathaṃ pana, bhante, sakkāyadiṭṭhi na hotī’’ti? ‘‘Idha, bhikkhu, sutavā ariyasāvako ariyānaṃ dassāvī ariyadhammassa kovido ariyadhamme suvinīto, sappurisānaṃ dassāvī sappurisadhammassa kovido sappurisadhamme suvinīto na rūpaṃ attato samanupassati, na rūpavantaṃ vā attānaṃ; na attani vā rūpaṃ, na rūpasmiṃ vā attānaṃ; na vedanaṃ… na saññaṃ… na saṅkhāre… na viññāṇaṃ attato samanupassati, na viññāṇavantaṃ vā attānaṃ; na attani vā viññāṇaṃ, na viññāṇasmiṃ vā attānaṃ. Evaṃ kho, bhikkhu, sakkāyadiṭṭhi na hotī’’ti. ‘‘Sādhu , bhante’’ti kho so bhikkhu…pe… apucchi –
‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, รูปสฺส อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กิํ นิสฺสรณํ; โก เวทนาย… โก สญฺญาย… โก สงฺขารานํ… โก วิญฺญาณสฺส อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กิํ นิสฺสรณ’’นฺติ? ‘‘ยํ โข, ภิกฺขุ, รูปํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ รูปสฺส อสฺสาโทฯ ยํ รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ – อยํ รูปสฺส อาทีนโวฯ โย รูปสฺมิํ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ – อิทํ รูปสฺส นิสฺสรณํฯ ยํ เวทนํ ปฎิจฺจ… ยํ สญฺญํ ปฎิจฺจ… เย สงฺขาเร ปฎิจฺจ… ยํ วิญฺญาณํ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ วิญฺญาณสฺส อสฺสาโทฯ ยํ วิญฺญาณํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ – อยํ วิญฺญาณสฺส อาทีนโวฯ โย วิญฺญาณสฺมิํ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ – อิทํ วิญฺญาณสฺส นิสฺสรณ’’นฺติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา ภควนฺตํ อุตฺตริํ ปญฺหํ อปุจฺฉิ –
‘‘Ko nu kho, bhante, rūpassa assādo, ko ādīnavo, kiṃ nissaraṇaṃ; ko vedanāya… ko saññāya… ko saṅkhārānaṃ… ko viññāṇassa assādo, ko ādīnavo, kiṃ nissaraṇa’’nti? ‘‘Yaṃ kho, bhikkhu, rūpaṃ paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ – ayaṃ rūpassa assādo. Yaṃ rūpaṃ aniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ – ayaṃ rūpassa ādīnavo. Yo rūpasmiṃ chandarāgavinayo chandarāgappahānaṃ – idaṃ rūpassa nissaraṇaṃ. Yaṃ vedanaṃ paṭicca… yaṃ saññaṃ paṭicca… ye saṅkhāre paṭicca… yaṃ viññāṇaṃ paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ – ayaṃ viññāṇassa assādo. Yaṃ viññāṇaṃ aniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ – ayaṃ viññāṇassa ādīnavo. Yo viññāṇasmiṃ chandarāgavinayo chandarāgappahānaṃ – idaṃ viññāṇassa nissaraṇa’’nti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā bhagavantaṃ uttariṃ pañhaṃ apucchi –
‘‘กถํ นุ โข, ภเนฺต, ชานโต, กถํ ปสฺสโต อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺตี’’ติ? ‘‘ยํ กิญฺจิ, ภิกฺขุ, รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ ยา กาจิ เวทนา… ยา กาจิ สญฺญา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํ กิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิญฺญาณํ – ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ เอวํ โข, ภิกฺขุ, ชานโต เอวํ ปสฺสโต อิมสฺมิญฺจ สวิญฺญาณเก กาเย พหิทฺธา จ สพฺพนิมิเตฺตสุ อหงฺการมมงฺการมานานุสยา น โหนฺตี’’ติฯ
‘‘Kathaṃ nu kho, bhante, jānato, kathaṃ passato imasmiñca saviññāṇake kāye bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā na hontī’’ti? ‘‘Yaṃ kiñci, bhikkhu, rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ rūpaṃ – ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passati. Yā kāci vedanā… yā kāci saññā… ye keci saṅkhārā… yaṃ kiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ ajjhattaṃ vā bahiddhā vā oḷārikaṃ vā sukhumaṃ vā hīnaṃ vā paṇītaṃ vā yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ viññāṇaṃ – ‘netaṃ mama, nesohamasmi, na meso attā’ti evametaṃ yathābhūtaṃ sammappaññāya passati. Evaṃ kho, bhikkhu, jānato evaṃ passato imasmiñca saviññāṇake kāye bahiddhā ca sabbanimittesu ahaṅkāramamaṅkāramānānusayā na hontī’’ti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘อิติ กิร โภ รูปํ อนตฺตา, เวทนา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ อนตฺตา; อนตฺตกตานิ กมฺมานิ กถมตฺตานํ 3 ผุสิสฺสนฺตี’’ติฯ อถ โข ภควา ตสฺส ภิกฺขุโน เจตสา เจโต ปริวิตกฺกมญฺญาย ภิกฺขู อามเนฺตสิ –
Tena kho pana samayena aññatarassa bhikkhuno evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘iti kira bho rūpaṃ anattā, vedanā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ anattā; anattakatāni kammāni kathamattānaṃ 4 phusissantī’’ti. Atha kho bhagavā tassa bhikkhuno cetasā ceto parivitakkamaññāya bhikkhū āmantesi –
‘‘ฐานํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ ยํ อิเธกโจฺจ โมฆปุริโส อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ตณฺหาธิปเตเยฺยน เจตสา สตฺถุสาสนํ อติธาวิตพฺพํ มเญฺญยฺยฯ อิติ กิร, โภ, รูปํ อนตฺตา, เวทนา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ อนตฺตาฯ อนตฺตกตานิ กมฺมานิ กถมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตีติ? ปฎิปุจฺฉาวินีตา โข เม ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ตตฺร ตตฺร เตสุ เตสุ ธเมฺมสุฯ
‘‘Ṭhānaṃ kho panetaṃ, bhikkhave, vijjati yaṃ idhekacco moghapuriso avidvā avijjāgato taṇhādhipateyyena cetasā satthusāsanaṃ atidhāvitabbaṃ maññeyya. Iti kira, bho, rūpaṃ anattā, vedanā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ anattā. Anattakatāni kammāni kathamattānaṃ phusissantīti? Paṭipucchāvinītā kho me tumhe, bhikkhave, tatra tatra tesu tesu dhammesu.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เวทนา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ ? ‘‘อนิจฺจํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ? ‘‘ทุกฺขํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ตสฺมาติห…เป.… เอวํ ปสฺสํ…เป.… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, rūpaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Vedanā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ niccaṃ vā aniccaṃ vā’’ti ? ‘‘Aniccaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vā taṃ sukhaṃ vā’’ti? ‘‘Dukkhaṃ, bhante’’. ‘‘Yaṃ panāniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ, kallaṃ nu taṃ samanupassituṃ – ‘etaṃ mama, esohamasmi, eso me attā’’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. Tasmātiha…pe… evaṃ passaṃ…pe… nāparaṃ itthattāyāti pajānātī’’ti.
‘‘เทฺว ขนฺธา ตเญฺญว สิยํ, อธิวจนญฺจ เหตุนา;
‘‘Dve khandhā taññeva siyaṃ, adhivacanañca hetunā;
สกฺกาเยน ทุเว วุตฺตา, อสฺสาทวิญฺญาณเกน จ;
Sakkāyena duve vuttā, assādaviññāṇakena ca;
เอเต ทสวิธา วุตฺตา, โหติ ภิกฺขุ ปุจฺฉายา’’ติฯ ทสมํ;
Ete dasavidhā vuttā, hoti bhikkhu pucchāyā’’ti. dasamaṃ;
ขชฺชนียวโคฺค อฎฺฐโมฯ
Khajjanīyavaggo aṭṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อสฺสาโท เทฺว สมุทยา, อรหเนฺตหิ อปเร เทฺว;
Assādo dve samudayā, arahantehi apare dve;
สีโห ขชฺชนี ปิโณฺฑลฺยํ, ปาลิเลเยฺยน ปุณฺณมาติฯ
Sīho khajjanī piṇḍolyaṃ, pālileyyena puṇṇamāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. ปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา • 10. Puṇṇamasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. ปุณฺณมสุตฺตวณฺณนา • 10. Puṇṇamasuttavaṇṇanā