Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๓] ๓. ปุณฺณปาติชาตกวณฺณนา

    [53] 3. Puṇṇapātijātakavaṇṇanā

    ตเถว ปุณฺณา ปาติโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต วิสวารุณิํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกํ สมยํ สาวตฺถิยํ สุราธุตฺตา สนฺนิปติตฺวา มนฺตยิํสุ – ‘‘สุรามูลํ โน ขีณํ, กหํ นุ โข ลภิสฺสามา’’ติฯ อเถโก กกฺขฬธุโตฺต อาห ‘‘มา จินฺตยิตฺถ, อเตฺถโก อุปาโย’’ติฯ ‘‘กตโร อุปาโย นามา’’ติ? ‘‘อนาถปิณฺฑิโก องฺคุลิมุทฺทิกา ปิฬนฺธิตฺวา มฎฺฐสาฎกนิวโตฺถ ราชุปฎฺฐานํ คจฺฉติ, มยํ สุราปาติยํ วิสญฺญีกรณํ เภสชฺชํ ปกฺขิปิตฺวา อาปานํ สเชฺชตฺวา นิสีทิตฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส อาคมนกาเล ‘อิโต เอหิ มหาเสฎฺฐี’ติ ปโกฺกสิตฺวา ตํ สุรํ ปาเยตฺวา วิสญฺญีภูตสฺส องฺคุลิมุทฺทิกา จ สาฎเก จ คเหตฺวา สุรามูลํ กริสฺสามา’’ติฯ เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตถา กตฺวา เสฎฺฐิสฺส อาคมนกาเล ปฎิมคฺคํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, อิโต ตาว อาคจฺฉถ , อยํ อมฺหากํ สนฺติเก อติมนาปา สุรา, โถกํ ปิวิตฺวา คจฺฉถา’’ติ วทิํสุฯ โสตาปโนฺน อริยสาวโก กิํ สุรํ ปิวิสฺสติ, อนตฺถิโก สมาโนปิ ปน ‘‘อิเม ธุเตฺต ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ เตสํ อาปานภูมิํ คนฺตฺวา เตสํ กิริยํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ สุรา อิเมหิ อิมินา นาม การเณน โยชิตา’’ติ ญตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฎฺฐาย อิเม อิโต ปลาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อาห – ‘‘หเร ทุฎฺฐธุตฺตา, ตุเมฺห ‘สุราปาติยํ เภสชฺชํ ปกฺขิปิตฺวา อาคตาคเต ปาเยตฺวา วิสญฺญี กตฺวา วิลุมฺปิสฺสามา’ติ อาปานมณฺฑลํ สเชฺชตฺวา นิสินฺนา เกวลํ อิมํ สุรํ วเณฺณถ, เอโกปิ ตํ อุกฺขิปิตฺวา ปิวิตุํ น อุสฺสหติฯ สเจ อยํ อโยชิตา อสฺส, อิมํ ตุเมฺหว ปิเวยฺยาถา’’ติ เต ธุเตฺต ตเชฺชตฺวา ตโต ปลาเปตฺวา อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ธุเตฺตหิ กตการณํ ตถาคตสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ จิเนฺตโนฺต เชตวนํ คนฺตฺวา อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘อิทานิ ตาว คหปติ เต ธุตฺตา ตํ วเญฺจตุกามา ชาตา, ปุเพฺพ ปน ปณฺฑิเตปิ วเญฺจตุกามา อเหสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Tathevapuṇṇā pātiyoti idaṃ satthā jetavane viharanto visavāruṇiṃ ārabbha kathesi. Ekaṃ samayaṃ sāvatthiyaṃ surādhuttā sannipatitvā mantayiṃsu – ‘‘surāmūlaṃ no khīṇaṃ, kahaṃ nu kho labhissāmā’’ti. Atheko kakkhaḷadhutto āha ‘‘mā cintayittha, attheko upāyo’’ti. ‘‘Kataro upāyo nāmā’’ti? ‘‘Anāthapiṇḍiko aṅgulimuddikā piḷandhitvā maṭṭhasāṭakanivattho rājupaṭṭhānaṃ gacchati, mayaṃ surāpātiyaṃ visaññīkaraṇaṃ bhesajjaṃ pakkhipitvā āpānaṃ sajjetvā nisīditvā anāthapiṇḍikassa āgamanakāle ‘ito ehi mahāseṭṭhī’ti pakkositvā taṃ suraṃ pāyetvā visaññībhūtassa aṅgulimuddikā ca sāṭake ca gahetvā surāmūlaṃ karissāmā’’ti. Te ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā tathā katvā seṭṭhissa āgamanakāle paṭimaggaṃ gantvā ‘‘sāmi, ito tāva āgacchatha , ayaṃ amhākaṃ santike atimanāpā surā, thokaṃ pivitvā gacchathā’’ti vadiṃsu. Sotāpanno ariyasāvako kiṃ suraṃ pivissati, anatthiko samānopi pana ‘‘ime dhutte pariggaṇhissāmī’’ti tesaṃ āpānabhūmiṃ gantvā tesaṃ kiriyaṃ oloketvā ‘‘ayaṃ surā imehi iminā nāma kāraṇena yojitā’’ti ñatvā ‘‘ito dāni paṭṭhāya ime ito palāpessāmī’’ti cintetvā āha – ‘‘hare duṭṭhadhuttā, tumhe ‘surāpātiyaṃ bhesajjaṃ pakkhipitvā āgatāgate pāyetvā visaññī katvā vilumpissāmā’ti āpānamaṇḍalaṃ sajjetvā nisinnā kevalaṃ imaṃ suraṃ vaṇṇetha, ekopi taṃ ukkhipitvā pivituṃ na ussahati. Sace ayaṃ ayojitā assa, imaṃ tumheva piveyyāthā’’ti te dhutte tajjetvā tato palāpetvā attano gehaṃ gantvā ‘‘dhuttehi katakāraṇaṃ tathāgatassa ārocessāmī’’ti cintento jetavanaṃ gantvā ārocesi. Satthā ‘‘idāni tāva gahapati te dhuttā taṃ vañcetukāmā jātā, pubbe pana paṇḍitepi vañcetukāmā ahesu’’nti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พาราณสิเสฎฺฐิ อโหสิฯ ตทาเปเต ธุตฺตา เอวเมว สมฺมเนฺตตฺวา สุรํ โยเชตฺวา พาราณสิเสฎฺฐิสฺส อาคมนกาเล ปฎิมคฺคํ คนฺตฺวา เอวเมว กถยิํสุฯ เสฎฺฐิ อนตฺถิโกปิ หุตฺวา เต ปริคฺคณฺหิตุกาโม คนฺตฺวา เตสํ กิริยํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ นาเมเต กาตุกามา, ปลาเปสฺสามิ เน อิโต’’ติ จิเนฺตตฺวา เอวมาห ‘‘โภโนฺต, ธุตฺตา สุรํ ปิวิตฺวา ราชกุลํ คนฺตุํ นาม อยุตฺตํ, ราชานํ ทิสฺวา ปุน อาคจฺฉโนฺต ชานิสฺสามิ, ตุเมฺห อิเธว นิสีทถา’’ติ ราชุปฎฺฐานํ คนฺตฺวา ปจฺจาคญฺฉิฯ ธุตฺตา ‘‘อิโต เอถ, สามี’’ติฯ โสปิ ตตฺถ คนฺตฺวา เภสเชฺชน สํโยชิตา สุราปาติโย โอโลเกตฺวา เอวมาห ‘‘โภโนฺต ธุตฺตา ตุมฺหากํ กิริยา มยฺหํ น รุจฺจติ, ตุมฺหากํ สุราปาติโย ยถาปูริตาว ฐิตา, ตุเมฺห เกวลํ สุรํ วเณฺณถ, น ปน ปิวถฯ สจายํ มนาปา อสฺส, ตุเมฺหปิ ปิเวยฺยาถ, อิมาย ปน วิสสํยุตฺตาย ภวิตพฺพ’’นฺติ เตสํ มโนรถํ ภินฺทโนฺต อิมํ คาถมาห –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto bārāṇasiseṭṭhi ahosi. Tadāpete dhuttā evameva sammantetvā suraṃ yojetvā bārāṇasiseṭṭhissa āgamanakāle paṭimaggaṃ gantvā evameva kathayiṃsu. Seṭṭhi anatthikopi hutvā te pariggaṇhitukāmo gantvā tesaṃ kiriyaṃ oloketvā ‘‘idaṃ nāmete kātukāmā, palāpessāmi ne ito’’ti cintetvā evamāha ‘‘bhonto, dhuttā suraṃ pivitvā rājakulaṃ gantuṃ nāma ayuttaṃ, rājānaṃ disvā puna āgacchanto jānissāmi, tumhe idheva nisīdathā’’ti rājupaṭṭhānaṃ gantvā paccāgañchi. Dhuttā ‘‘ito etha, sāmī’’ti. Sopi tattha gantvā bhesajjena saṃyojitā surāpātiyo oloketvā evamāha ‘‘bhonto dhuttā tumhākaṃ kiriyā mayhaṃ na ruccati, tumhākaṃ surāpātiyo yathāpūritāva ṭhitā, tumhe kevalaṃ suraṃ vaṇṇetha, na pana pivatha. Sacāyaṃ manāpā assa, tumhepi piveyyātha, imāya pana visasaṃyuttāya bhavitabba’’nti tesaṃ manorathaṃ bhindanto imaṃ gāthamāha –

    ๕๓.

    53.

    ‘‘ตเถว ปุณฺณา ปาติโย, อญฺญายํ วตฺตเต กถา;

    ‘‘Tatheva puṇṇā pātiyo, aññāyaṃ vattate kathā;

    อาการเณน ชานามิ, น จายํ ภทฺทิกา สุรา’’ติฯ

    Ākāraṇena jānāmi, na cāyaṃ bhaddikā surā’’ti.

    ตตฺถ ตเถวาติ ยถา มยา คมนกาเล ทิฎฺฐา, อิทานิปิ อิมา สุราปาติโย ตเถว ปุณฺณาฯ อญฺญายํ วตฺตเต กถาติ ยา อยํ ตุมฺหากํ สุราวณฺณนกถา วตฺตติ, สา อญฺญาว อภูตา อตจฺฉาฯ ยทิ หิ เอสา สุรา มนาปา อสฺส, ตุเมฺหปิ ปิเวยฺยาถ, อุปฑฺฒปาติโย อวสิเสฺสยฺยุํฯ ตุมฺหากํ ปน เอเกนาปิ สุรา น ปีตาฯ อาการเณน ชานามีติ ตสฺมา อิมินา การเณน ชานามิฯ น จายํ ภทฺทิกา สุราติ ‘‘เนวายํ ภทฺทิกา สุรา, วิสสํโยชิตาย เอตาย ภวิตพฺพ’’นฺติ ธุเตฺต นิคฺคณฺหิตฺวา ยถา น ปุน เอวรูปํ กโรนฺติ, ตถา เต ตเชฺชตฺวา วิสฺสเชฺชสิฯ โส ยาวชีวํ ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ

    Tattha tathevāti yathā mayā gamanakāle diṭṭhā, idānipi imā surāpātiyo tatheva puṇṇā. Aññāyaṃ vattate kathāti yā ayaṃ tumhākaṃ surāvaṇṇanakathā vattati, sā aññāva abhūtā atacchā. Yadi hi esā surā manāpā assa, tumhepi piveyyātha, upaḍḍhapātiyo avasisseyyuṃ. Tumhākaṃ pana ekenāpi surā na pītā. Ākāraṇena jānāmīti tasmā iminā kāraṇena jānāmi. Na cāyaṃ bhaddikā surāti ‘‘nevāyaṃ bhaddikā surā, visasaṃyojitāya etāya bhavitabba’’nti dhutte niggaṇhitvā yathā na puna evarūpaṃ karonti, tathā te tajjetvā vissajjesi. So yāvajīvaṃ dānādīni puññāni katvā yathākammaṃ gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ธุตฺตา เอตรหิ ธุตฺตา, พาราณสิเสฎฺฐิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā dhuttā etarahi dhuttā, bārāṇasiseṭṭhi pana ahameva ahosi’’nti.

    ปุณฺณปาติชาตกวณฺณนา ตติยาฯ

    Puṇṇapātijātakavaṇṇanā tatiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๓. ปุณฺณปาติชาตกํ • 53. Puṇṇapātijātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact