Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๑๒. โสฬสนิปาโต

    12. Soḷasanipāto

    ๑. ปุณฺณาเถรีคาถาวณฺณนา

    1. Puṇṇātherīgāthāvaṇṇanā

    โสฬสนิปาเต อุทหารี อหํ สีเตติอาทิกา ปุณฺณาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา เหตุสมฺปนฺนตาย สญฺชาตสํเวคา ภิกฺขุนีนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ลทฺธปฺปสาทา ปพฺพชิตฺวา ปริสุทฺธสีลา ตีณิ ปิฎกานิ อุคฺคเหตฺวา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมกถิกา จ อโหสิฯ ยถา จ วิปสฺสิสฺส ภควโต สาสเน, เอวํ สิขิสฺส เวสฺสภุสฺส กกุสนฺธสฺส โกณาคมนสฺส กสฺสปสฺส จ ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สีลสมฺปนฺนา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา ธมฺมกถิกา จ อโหสิฯ มานธาตุกตฺตา ปน กิเลเส สมุจฺฉินฺทิตุํ นาสกฺขิฯ มาโนปนิสฺสยวเสน กมฺมสฺส กตตฺตา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท อนาถปิณฺฑิกสฺส เสฎฺฐิโน ฆรทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ปุณฺณาติสฺสา นามํ อโหสิฯ สา สีหนาทสุตฺตนฺตเทสนาย (ม. นิ. ๑.๑๔๖ อาทโย) โสตาปนฺนา หุตฺวา ปจฺฉา อุทกสุทฺธิกํ พฺราหฺมณํ ทเมตฺวา เสฎฺฐินา สมฺภาวิตา หุตฺวา เตน ภุชิสฺสภาวํ ปาปิตา ตํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี น จิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๔.๑๘๔-๒๐๓) –

    Soḷasanipāte udahārī ahaṃ sītetiādikā puṇṇāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī vipassissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā hetusampannatāya sañjātasaṃvegā bhikkhunīnaṃ santikaṃ gantvā dhammaṃ sutvā laddhappasādā pabbajitvā parisuddhasīlā tīṇi piṭakāni uggahetvā bahussutā dhammadharā dhammakathikā ca ahosi. Yathā ca vipassissa bhagavato sāsane, evaṃ sikhissa vessabhussa kakusandhassa koṇāgamanassa kassapassa ca bhagavato sāsane pabbajitvā sīlasampannā bahussutā dhammadharā dhammakathikā ca ahosi. Mānadhātukattā pana kilese samucchindituṃ nāsakkhi. Mānopanissayavasena kammassa katattā imasmiṃ buddhuppāde anāthapiṇḍikassa seṭṭhino gharadāsiyā kucchimhi nibbatti, puṇṇātissā nāmaṃ ahosi. Sā sīhanādasuttantadesanāya (ma. ni. 1.146 ādayo) sotāpannā hutvā pacchā udakasuddhikaṃ brāhmaṇaṃ dametvā seṭṭhinā sambhāvitā hutvā tena bhujissabhāvaṃ pāpitā taṃ pabbajjaṃ anujānāpetvā pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karontī na cirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.4.184-203) –

    ‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, สิขิโน เวสฺสภุสฺส จ;

    ‘‘Vipassino bhagavato, sikhino vessabhussa ca;

    กกุสนฺธสฺส มุนิโน, โกณาคมนตาทิโนฯ

    Kakusandhassa munino, koṇāgamanatādino.

    ‘‘กสฺสปสฺส จ พุทฺธสฺส, ปพฺพชิตฺวาน สาสเน;

    ‘‘Kassapassa ca buddhassa, pabbajitvāna sāsane;

    ภิกฺขุนี สีลสมฺปนฺนา, นิปกา สํวุตินฺทฺริยาฯ

    Bhikkhunī sīlasampannā, nipakā saṃvutindriyā.

    ‘‘พหุสฺสุตา ธมฺมธรา, ธมฺมตฺถปฎิปุจฺฉิกา;

    ‘‘Bahussutā dhammadharā, dhammatthapaṭipucchikā;

    อุคฺคเหตา จ ธมฺมานํ, โสตา ปยิรุปาสิตาฯ

    Uggahetā ca dhammānaṃ, sotā payirupāsitā.

    ‘‘เทเสนฺตี ชนมเชฺฌหํ, อโหสิํ ชินสาสเน;

    ‘‘Desentī janamajjhehaṃ, ahosiṃ jinasāsane;

    พาหุสเจฺจน เตนาหํ, เปสลา อภิมญฺญิสํฯ

    Bāhusaccena tenāhaṃ, pesalā abhimaññisaṃ.

    ‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, สาวตฺถิยํ ปุรุตฺตเม;

    ‘‘Pacchime ca bhave dāni, sāvatthiyaṃ puruttame;

    อนาถปิณฺฑิโน เคเห, ชาตาหํ กุมฺภทาสิยาฯ

    Anāthapiṇḍino gehe, jātāhaṃ kumbhadāsiyā.

    ‘‘คตา อุทกหาริยํ, โสตฺถิยํ ทิชมทฺทสํ;

    ‘‘Gatā udakahāriyaṃ, sotthiyaṃ dijamaddasaṃ;

    สีตฎฺฎํ โตยมชฺฌมฺหิ, ตํ ทิสฺวา อิทมพฺรวิํฯ

    Sītaṭṭaṃ toyamajjhamhi, taṃ disvā idamabraviṃ.

    ‘‘อุทหารี อหํ สีเต, สทา อุทกโมตริํ;

    ‘‘Udahārī ahaṃ sīte, sadā udakamotariṃ;

    อยฺยานํ ทณฺฑภยภีตา, วาจาโทสภยฎฺฎิตาฯ

    Ayyānaṃ daṇḍabhayabhītā, vācādosabhayaṭṭitā.

    ‘‘กสฺส พฺราหฺมณ ตฺวํ ภีโต, สทา อุทกโมตริ;

    ‘‘Kassa brāhmaṇa tvaṃ bhīto, sadā udakamotari;

    เวธมาเนหิ คเตฺตหิ, สีตํ เวทยเส ภุสํฯ

    Vedhamānehi gattehi, sītaṃ vedayase bhusaṃ.

    ‘‘ชานนฺตี วต มํ โภติ, ปุณฺณิเก ปริปุจฺฉสิ;

    ‘‘Jānantī vata maṃ bhoti, puṇṇike paripucchasi;

    กโรนฺตํ กุสลํ กมฺมํ, รุนฺธนฺตํ กตปาปกํฯ

    Karontaṃ kusalaṃ kammaṃ, rundhantaṃ katapāpakaṃ.

    ‘‘โย จ วุโฑฺฒ ทหโร วา, ปาปกมฺมํ ปกุพฺพติ;

    ‘‘Yo ca vuḍḍho daharo vā, pāpakammaṃ pakubbati;

    ทกาภิเสจนา โสปิ, ปาปกมฺมา ปมุจฺจติฯ

    Dakābhisecanā sopi, pāpakammā pamuccati.

    ‘‘อุตฺตรนฺตสฺส อกฺขาสิํ, ธมฺมตฺถสํหิตํ ปทํ;

    ‘‘Uttarantassa akkhāsiṃ, dhammatthasaṃhitaṃ padaṃ;

    ตญฺจ สุตฺวา ส สํวิโคฺค, ปพฺพชิตฺวารหา อหุฯ

    Tañca sutvā sa saṃviggo, pabbajitvārahā ahu.

    ‘‘ปูเรนฺตี อูนกสตํ, ชาตา ทาสิกุเล ยโต;

    ‘‘Pūrentī ūnakasataṃ, jātā dāsikule yato;

    ตโต ปุณฺณาติ นามํ เม, ภุชิสฺสํ มํ อกํสุ เตฯ

    Tato puṇṇāti nāmaṃ me, bhujissaṃ maṃ akaṃsu te.

    ‘‘เสฎฺฐิํ ตโตนุชาเนตฺวา, ปพฺพชิํ อนคาริยํ;

    ‘‘Seṭṭhiṃ tatonujānetvā, pabbajiṃ anagāriyaṃ;

    น จิเรเนว กาเลน, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Na cireneva kālena, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;

    ‘‘Iddhīsu ca vasī homi, dibbāya sotadhātuyā;

    เจโตปริยญาณสฺส, วสี โหมิ มหามุเนฯ

    Cetopariyañāṇassa, vasī homi mahāmune.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;

    สพฺพาสวปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ

    Sabbāsavaparikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.

    ‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฎิภาเน ตเถว จ;

    ‘‘Atthadhammaniruttīsu, paṭibhāne tatheva ca;

    ญาณํ เม วิมลํ สุทฺธํ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส วาหสาฯ

    Ñāṇaṃ me vimalaṃ suddhaṃ, buddhaseṭṭhassa vāhasā.

    ‘‘ภาวนาย มหาปญฺญา, สุเตเนว สุตาวินี;

    ‘‘Bhāvanāya mahāpaññā, suteneva sutāvinī;

    มาเนน นีจกุลชา, น หิ กมฺมํ วินสฺสติฯ

    Mānena nīcakulajā, na hi kammaṃ vinassati.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānavasena –

    ๒๓๖.

    236.

    ‘‘อุทหารี อหํ สีเต, สทา อุทกโมตริํ;

    ‘‘Udahārī ahaṃ sīte, sadā udakamotariṃ;

    อยฺยานํ ทณฺฑภยภีตา, วาจาโทสภยฎฺฎิตาฯ

    Ayyānaṃ daṇḍabhayabhītā, vācādosabhayaṭṭitā.

    ๒๓๗.

    237.

    ‘‘กสฺส พฺราหฺมณ ตฺวํ ภีโต, สทา อุทกโมตริ;

    ‘‘Kassa brāhmaṇa tvaṃ bhīto, sadā udakamotari;

    เวธมาเนหิ คเตฺตหิ, สีตํ เวทยเส ภุสํฯ

    Vedhamānehi gattehi, sītaṃ vedayase bhusaṃ.

    ๒๓๘.

    238.

    ‘‘ชานนฺตี วต มํ โภติ, ปุณฺณิเก ปริปุจฺฉสิ;

    ‘‘Jānantī vata maṃ bhoti, puṇṇike paripucchasi;

    กโรนฺตํ กุสลํ กมฺมํ, รุนฺธนฺตํ กตปาปกํฯ

    Karontaṃ kusalaṃ kammaṃ, rundhantaṃ katapāpakaṃ.

    ๒๓๙.

    239.

    ‘‘โย จ วุโฑฺฒ ทหโร วา, ปาปกมฺมํ ปกุพฺพติ;

    ‘‘Yo ca vuḍḍho daharo vā, pāpakammaṃ pakubbati;

    ทกาภิเสจนา โสปิ, ปาปกมฺมา ปมุจฺจติฯ

    Dakābhisecanā sopi, pāpakammā pamuccati.

    ๒๔๐.

    240.

    ‘‘โก นุ เต อิทมกฺขาสิ, อชานนฺตสฺส อชานโก;

    ‘‘Ko nu te idamakkhāsi, ajānantassa ajānako;

    ‘ทกาภิเสจนา นาม, ปาปกมฺมา ปมุจฺจติ’ฯ

    ‘Dakābhisecanā nāma, pāpakammā pamuccati’.

    ๒๔๑.

    241.

    ‘‘สคฺคํ นูน คมิสฺสนฺติ, สเพฺพ มณฺฑูกกจฺฉปา;

    ‘‘Saggaṃ nūna gamissanti, sabbe maṇḍūkakacchapā;

    นาคา จ สุสุมารา จ, เย จเญฺญ อุทเก จราฯ

    Nāgā ca susumārā ca, ye caññe udake carā.

    ๒๔๒.

    242.

    ‘‘โอรพฺภิกา สูกริกา, มจฺฉิกา มิคพนฺธกา;

    ‘‘Orabbhikā sūkarikā, macchikā migabandhakā;

    โจรา จ วชฺฌฆาตา จ, เย จเญฺญ ปาปกมฺมิโน;

    Corā ca vajjhaghātā ca, ye caññe pāpakammino;

    ทกาภิเสจนา เตปิ, ปาปกมฺมา ปมุจฺจเรฯ

    Dakābhisecanā tepi, pāpakammā pamuccare.

    ๒๔๓.

    243.

    ‘‘สเจ อิมา นทิโย เต, ปาปํ ปุเพฺพ กตํ วหุํ;

    ‘‘Sace imā nadiyo te, pāpaṃ pubbe kataṃ vahuṃ;

    ปุญฺญมฺปิ มา วเหยฺยุํ เต, เตน ตฺวํ ปริพาหิโรฯ

    Puññampi mā vaheyyuṃ te, tena tvaṃ paribāhiro.

    ๒๔๔.

    244.

    ‘‘ยสฺส พฺราหฺมณ ตฺวํ ภีโต, สทา อุทกโมตริ;

    ‘‘Yassa brāhmaṇa tvaṃ bhīto, sadā udakamotari;

    ตเมว พฺรเหฺม มากาสิ, มา เต สีตํ ฉวิํ หเนฯ

    Tameva brahme mākāsi, mā te sītaṃ chaviṃ hane.

    ๒๔๕.

    245.

    ‘‘กุมฺมคฺคปฎิปนฺนํ มํ, อริยมคฺคํ สมานยิ;

    ‘‘Kummaggapaṭipannaṃ maṃ, ariyamaggaṃ samānayi;

    ทกาภิเสจนา โภติ, อิมํ สาฎํ ททามิ เตฯ

    Dakābhisecanā bhoti, imaṃ sāṭaṃ dadāmi te.

    ๒๔๖.

    246.

    ‘‘ตุเยฺหว สาฎโก โหตุ, นาหมิจฺฉามิ สาฎกํ;

    ‘‘Tuyheva sāṭako hotu, nāhamicchāmi sāṭakaṃ;

    สเจ ภายสิ ทุกฺขสฺส, สเจ เต ทุกฺขมปฺปิยํฯ

    Sace bhāyasi dukkhassa, sace te dukkhamappiyaṃ.

    ๒๔๗.

    247.

    ‘‘มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห;

    ‘‘Mākāsi pāpakaṃ kammaṃ, āvi vā yadi vā raho;

    สเจ จ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วาฯ

    Sace ca pāpakaṃ kammaṃ, karissasi karosi vā.

    ๒๔๘.

    248.

    ‘‘น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุเปจฺจาปิ ปลายโต;

    ‘‘Na te dukkhā pamutyatthi, upeccāpi palāyato;

    สเจ ภายสิ ทุกฺขสฺส, สเจ เต ทุกฺขมปฺปิยํฯ

    Sace bhāyasi dukkhassa, sace te dukkhamappiyaṃ.

    ๒๔๙.

    249.

    ‘‘อุเปหิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมํ สงฺฆญฺจ ตาทินํ;

    ‘‘Upehi saraṇaṃ buddhaṃ, dhammaṃ saṅghañca tādinaṃ;

    สมาทิยาหิ สีลานิ, ตํ เต อตฺถาย เหหิติฯ

    Samādiyāhi sīlāni, taṃ te atthāya hehiti.

    ๒๕๐.

    250.

    ‘‘อุเปมิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมํ สงฺฆญฺจ ตาทินํ;

    ‘‘Upemi saraṇaṃ buddhaṃ, dhammaṃ saṅghañca tādinaṃ;

    สมาทิยามิ สีลานิ, ตํ เม อตฺถาย เหหิติฯ

    Samādiyāmi sīlāni, taṃ me atthāya hehiti.

    ๒๕๑.

    251.

    ‘‘พฺรหฺมพนฺธุ ปุเร อาสิํ, อชฺชมฺหิ สจฺจพฺราหฺมโณ;

    ‘‘Brahmabandhu pure āsiṃ, ajjamhi saccabrāhmaṇo;

    เตวิโชฺช เวทสมฺปโนฺน, โสตฺติโย จมฺหิ นฺหาตโก’’ติฯ –

    Tevijjo vedasampanno, sottiyo camhi nhātako’’ti. –

    อิมา คาถา อภาสิฯ

    Imā gāthā abhāsi.

    ตตฺถ อุทหารีติ ฆเฎน อุทกํ วาหิกาฯ สีเต ตทา อุทกโมตรินฺติ สีตกาเลปิ สพฺพทา รตฺตินฺทิวํ อุทกํ โอตริํฯ ยทา ยทา อยฺยกานํ อุทเกน อโตฺถ, ตทา ตทา อุทกํ ปาวิสิํ, อุทกโมตริตฺวา อุทกํ อุปเนสินฺติ อธิปฺปาโยฯ อยฺยานํ ทณฺฑภยภีตาติ อยฺยกานํ ทณฺฑภเยน ภีตาฯ วาจาโทสภยฎฺฎิตาติ วจีทณฺฑภเยน เจว โทสภเยน จ อฎฺฎิตา ปีฬิตา, สีเตปิ อุทกโมตรินฺติ โยชนาฯ

    Tattha udahārīti ghaṭena udakaṃ vāhikā. Sīte tadā udakamotarinti sītakālepi sabbadā rattindivaṃ udakaṃ otariṃ. Yadā yadā ayyakānaṃ udakena attho, tadā tadā udakaṃ pāvisiṃ, udakamotaritvā udakaṃ upanesinti adhippāyo. Ayyānaṃ daṇḍabhayabhītāti ayyakānaṃ daṇḍabhayena bhītā. Vācādosabhayaṭṭitāti vacīdaṇḍabhayena ceva dosabhayena ca aṭṭitā pīḷitā, sītepi udakamotarinti yojanā.

    อเถกทิวสํ ปุณฺณา ทาสี ฆเฎน อุทกํ อาเนตุํ อุทกติตฺถํ คตาฯ ตตฺถ อทฺทส อญฺญตรํ พฺราหฺมณํ อุทกสุทฺธิกํ หิมปาตสมเย มหติ สีเต วตฺตมาเน ปาโตว อุทกํ โอตริตฺวา สสีสํ นิมุชฺชิตฺวา มเนฺต ชปฺปิตฺวา อุทกโต อุฎฺฐหิตฺวา อลฺลวตฺถํ อลฺลเกสํ ปเวธนฺตํ ทนฺตวีณํ วาทยมานํฯ ตํ ทิสฺวา กรุณาย สโญฺจทิตมานสา ตโต นํ ทิฎฺฐิคตา วิเวเจตุกามา ‘‘กสฺส, พฺราหฺมณ, ตฺวํ ภีโต’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ กสฺส, พฺราหฺมณ, ตฺวํ กุโต จ นาม ภยเหตุโต ภีโต หุตฺวา สทา อุทกโมตริ สพฺพกาลํ สายํ ปาตํ อุทกํ โอตริฯ โอตริตฺวา จ เวธมาเนหิ กมฺปมาเนหิ คเตฺตหิ สรีราวยเวหิ สีตํ เวทยเส ภุสํ สีตทุกฺขํ อติวิย ทุสฺสหํ ปฎิสํเวทยสิ ปจฺจนุภวสิฯ

    Athekadivasaṃ puṇṇā dāsī ghaṭena udakaṃ ānetuṃ udakatitthaṃ gatā. Tattha addasa aññataraṃ brāhmaṇaṃ udakasuddhikaṃ himapātasamaye mahati sīte vattamāne pātova udakaṃ otaritvā sasīsaṃ nimujjitvā mante jappitvā udakato uṭṭhahitvā allavatthaṃ allakesaṃ pavedhantaṃ dantavīṇaṃ vādayamānaṃ. Taṃ disvā karuṇāya sañcoditamānasā tato naṃ diṭṭhigatā vivecetukāmā ‘‘kassa, brāhmaṇa, tvaṃ bhīto’’ti gāthamāha. Tattha kassa, brāhmaṇa, tvaṃ kuto ca nāma bhayahetuto bhīto hutvā sadāudakamotari sabbakālaṃ sāyaṃ pātaṃ udakaṃ otari. Otaritvā ca vedhamānehi kampamānehi gattehi sarīrāvayavehi sītaṃ vedayase bhusaṃ sītadukkhaṃ ativiya dussahaṃ paṭisaṃvedayasi paccanubhavasi.

    ชานนฺตี วต มํ โภตีติ, โภติ ปุณฺณิเก, ตฺวํ ตํ อุปจิตํ ปาปกมฺมํ รุนฺธนฺตํ นิวารณสมตฺถํ กุสลํ กมฺมํ อิมินา อุทโกโรหเนน กโรนฺตํ มํ ชานนฺตี วต ปริปุจฺฉสิฯ

    Jānantī vata maṃ bhotīti, bhoti puṇṇike, tvaṃ taṃ upacitaṃ pāpakammaṃ rundhantaṃ nivāraṇasamatthaṃ kusalaṃ kammaṃ iminā udakorohanena karontaṃ maṃ jānantī vata paripucchasi.

    นนุ อยมโตฺถ โลเก ปากโฎ เอวฯ กถาปิ มยํ ตุยฺหํ วทามาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย จ วุโฑฺฒ’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – วุโฑฺฒ วา ทหโร วา มชฺฌิโม วา โย โกจิ หิํสาทิเภทํ ปาปกมฺมํ ปกุพฺพติ อติวิย กโรติ, โสปิ ภุสํ ปาปกมฺมนิรโต ทกาภิเสจนา สินาเนน ตโต ปาปกมฺมา ปมุจฺจติ อจฺจนฺตเมว วิมุจฺจตีติฯ

    Nanu ayamattho loke pākaṭo eva. Kathāpi mayaṃ tuyhaṃ vadāmāti dassento ‘‘yo ca vuḍḍho’’ti gāthamāha. Tassattho – vuḍḍho vā daharo vā majjhimo vā yo koci hiṃsādibhedaṃ pāpakammaṃpakubbati ativiya karoti, sopi bhusaṃ pāpakammanirato dakābhisecanā sinānena tato pāpakammā pamuccati accantameva vimuccatīti.

    ตํ สุตฺวา ปุณฺณิกา ตสฺส ปฎิวจนํ เทนฺตี ‘‘โก นุ เต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โก นุ เต อิทมกฺขาสิ, อชานนฺตสฺส อชานโกติ กมฺมวิปากํ อชานนฺตสฺส เต สเพฺพน สพฺพํ กมฺมวิปากํ อชานโต อชานโก อวิทฺทสุ พาโล อุทกาภิเสจนเหตุ ปาปกมฺมโต ปมุจฺจตีติ, อิทํ อตฺถชาตํ โก นุ นาม อกฺขาสิ, น โส สเทฺธยฺยวจโน, นาปิ เจตํ ยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Taṃ sutvā puṇṇikā tassa paṭivacanaṃ dentī ‘‘ko nu te’’tiādimāha. Tattha ko nu te idamakkhāsi, ajānantassaajānakoti kammavipākaṃ ajānantassa te sabbena sabbaṃ kammavipākaṃ ajānato ajānako aviddasu bālo udakābhisecanahetu pāpakammato pamuccatīti, idaṃ atthajātaṃ ko nu nāma akkhāsi, na so saddheyyavacano, nāpi cetaṃ yuttanti adhippāyo.

    อิทานิสฺส ตเมว ยุตฺติอภาวํ วิภาเวนฺตี ‘‘สคฺคํ นูน คมิสฺสนฺตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ นาคาติ วิชฺฌสาฯ สุสุมาราติ กุมฺภีลาฯ เย จเญฺญ อุทเก จราติ เย จเญฺญปิ วาริโคจรา มจฺฉมกรนนฺทิยาวตฺตาทโย จ, เตปิ สคฺคํ นูน คมิสฺสนฺติ เทวโลกํ อุปปชฺชิสฺสนฺติ มเญฺญ, อุทกาภิเสจนา ปาปกมฺมโต มุตฺติ โหติ เจติ อโตฺถฯ

    Idānissa tameva yuttiabhāvaṃ vibhāventī ‘‘saggaṃ nūna gamissantī’’tiādimāha. Tattha nāgāti vijjhasā. Susumārāti kumbhīlā. Ye caññe udake carāti ye caññepi vārigocarā macchamakaranandiyāvattādayo ca, tepi saggaṃ nūna gamissanti devalokaṃ upapajjissanti maññe, udakābhisecanā pāpakammato mutti hoti ceti attho.

    โอรพฺภิกาติ อุรพฺภฆาตกาฯ สูกริกาติ สูกรฆาตกาฯ มจฺฉิกาติ เกวฎฺฎาฯ มิคพนฺธกาติ มาควิกาฯ วชฺฌฆาตาติ วชฺฌฆาตกเมฺม นิยุตฺตาฯ

    Orabbhikāti urabbhaghātakā. Sūkarikāti sūkaraghātakā. Macchikāti kevaṭṭā. Migabandhakāti māgavikā. Vajjhaghātāti vajjhaghātakamme niyuttā.

    ปุญฺญมฺปิ มา วเหยฺยุนฺติ อิมา อจิรวติอาทโย นทิโย ยถา ตยา ปุเพฺพ กตํ ปาปํ ตตฺถ อุทกาภิเสจเนน สเจ วหุํ นีหเรยฺยุํ, ตถา ตยา กตํ ปุญฺญมฺปิ อิมา นทิโย วเหยฺยุํ ปวาเหยฺยุํฯ เตน ตฺวํ ปริพาหิโร อสฺส ตถา สติ เตน ปุญฺญกเมฺมน ตฺวํ ปริพาหิโร วิรหิโตว ภเวยฺยาติ น เจตํ ยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ยถา วา อุทเกน อุทโกโรหกสฺส ปุญฺญปวาหนํ น โหติ, เอวํ ปาปปวาหนมฺปิ น โหติ เอวฯ กสฺมา? นฺหานสฺส ปาปเหตูนํ อปฺปฎิปกฺขภาวโตฯ โย ยํ วินาเสติ, โส ตสฺส ปฎิปโกฺขฯ ยถา อาโลโก อนฺธการสฺส, วิชฺชา จ อวิชฺชาย, น เอวํ นฺหานํ ปาปสฺสฯ ตสฺมา นิฎฺฐเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘น อุทกาภิเสจนา ปาปโต ปริมุตฺตี’’ติฯ เตนาห ภควา –

    Puññampi mā vaheyyunti imā aciravatiādayo nadiyo yathā tayā pubbe kataṃ pāpaṃ tattha udakābhisecanena sace vahuṃ nīhareyyuṃ, tathā tayā kataṃ puññampi imā nadiyo vaheyyuṃ pavāheyyuṃ. Tena tvaṃparibāhiroassa tathā sati tena puññakammena tvaṃ paribāhiro virahitova bhaveyyāti na cetaṃ yuttanti adhippāyo. Yathā vā udakena udakorohakassa puññapavāhanaṃ na hoti, evaṃ pāpapavāhanampi na hoti eva. Kasmā? Nhānassa pāpahetūnaṃ appaṭipakkhabhāvato. Yo yaṃ vināseti, so tassa paṭipakkho. Yathā āloko andhakārassa, vijjā ca avijjāya, na evaṃ nhānaṃ pāpassa. Tasmā niṭṭhamettha gantabbaṃ ‘‘na udakābhisecanā pāpato parimuttī’’ti. Tenāha bhagavā –

    ‘‘น อุทเกน สุจี โหติ, พเหฺวตฺถ นฺหายตี ชโน;

    ‘‘Na udakena sucī hoti, bahvettha nhāyatī jano;

    ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธโมฺม จ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณ’’ติฯ (อุทา. ๙; เนตฺติ. ๑๐๔);

    Yamhi saccañca dhammo ca, so sucī so ca brāhmaṇo’’ti. (udā. 9; netti. 104);

    อิทานิ ยทิ ปาปํ ปวาเหตุกาโมสิ, สเพฺพน สพฺพํ ปาปํ มา กโรหีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺส, พฺราหฺมณา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ตเมว พฺรเหฺม มากาสีติ ยโต ปาปโต ตฺวํ ภีโต, ตเมว ปาปํ พฺรเหฺม, พฺราหฺมณ, ตฺวํ มา อกาสิฯ อุทโกโรหนํ ปน อีทิเส สีตกาเล เกวลํ สรีรเมว พาธติ ฯ เตนาห – ‘‘มา เต สีตํ ฉวิํ หเน’’ติ, อีทิเส สีตกาเล อุทกาภิเสจเนน ชาตสีตํ ตว สรีรจฺฉวิํ มา หเนยฺย มา พาเธสีติ อโตฺถฯ

    Idāni yadi pāpaṃ pavāhetukāmosi, sabbena sabbaṃ pāpaṃ mā karohīti dassetuṃ ‘‘yassa, brāhmaṇā’’ti gāthamāha. Tattha tameva brahme mākāsīti yato pāpato tvaṃ bhīto, tameva pāpaṃ brahme, brāhmaṇa, tvaṃ mā akāsi. Udakorohanaṃ pana īdise sītakāle kevalaṃ sarīrameva bādhati . Tenāha – ‘‘mā te sītaṃ chaviṃ hane’’ti, īdise sītakāle udakābhisecanena jātasītaṃ tava sarīracchaviṃ mā haneyya mā bādhesīti attho.

    กุมฺมคฺคปฎิปนฺนํ มนฺติ ‘‘อุทกาภิเสจเนน สุทฺธิ โหตี’’ติ อิมํ กุมฺมคฺคํ มิจฺฉาคาหํ ปฎิปนฺนํ ปคฺคยฺห ฐิตํ มํฯ อริยมคฺคํ สมานยีติ ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓; เนตฺติ. ๓๐, ๑๑๖, ๑๒๔; เปฎโก. ๒๙) อิมํ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ คตมคฺคํ สมานยิ, สมฺมเทว อุปเนสิ, ตสฺมา โภติ อิมํ สาฎกํ ตุฎฺฐิทานํ อาจริยภาคํ ตุยฺหํ ททามิ, ตํ ปฎิคฺคณฺหาติ อโตฺถฯ

    Kummaggapaṭipannaṃ manti ‘‘udakābhisecanena suddhi hotī’’ti imaṃ kummaggaṃ micchāgāhaṃ paṭipannaṃ paggayha ṭhitaṃ maṃ. Ariyamaggaṃ samānayīti ‘‘sabbapāpassa akaraṇaṃ, kusalassa upasampadā’’ti (dī. ni. 2.90; dha. pa. 183; netti. 30, 116, 124; peṭako. 29) imaṃ buddhādīhi ariyehi gatamaggaṃ samānayi, sammadeva upanesi, tasmā bhoti imaṃ sāṭakaṃ tuṭṭhidānaṃ ācariyabhāgaṃ tuyhaṃ dadāmi, taṃ paṭiggaṇhāti attho.

    สา ตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปตุํ ‘‘ตุเยฺหว สาฎโก โหตุ, นาหมิจฺฉามิ สาฎก’’นฺติ วตฺวา ‘‘สเจ ภายสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยทิ ตุวํ สกลาปายิเก สุคติยญฺจ อผาสุกตาโทภคฺคตาทิเภทา ทุกฺขา ภายสิฯ ยทิ เต ตํ อปฺปิยํ น อิฎฺฐํฯ อาวิ วา ปเรสํ ปากฎภาเวน อปฺปฎิจฺฉนฺนํ กตฺวา กาเยน วาจาย ปาณาติปาตาทิวเสน วา ยทิ วา รโห อปากฎภาเวน ปฎิจฺฉนฺนํ กตฺวา มโนทฺวาเรเยว อภิชฺฌาทิวเสน วา อณุมตฺตมฺปิ ปาปกํ ลามกํ กมฺมํ มากาสิ มา กริฯ อถ ปน ตํ ปาปกมฺมํ อายติํ กริสฺสสิ, เอตรหิ กโรสิ วา, ‘‘นิรยาทีสุ จตูสุ อปาเยสุ มนุเสฺสสุ จ ตสฺส ผลภูตํ ทุกฺขํ อิโต เอโตฺต วา ปลายเนฺต มยิ นานุพนฺธิสฺสตี’’ติ อธิปฺปาเยน อุเปจฺจ สญฺจิจฺจ ปลายโตปิ เต ตโต ปาปโต มุตฺติ โมกฺขา นตฺถิ, คติกาลาทิปจฺจยนฺตรสมวาเย สติ วิปจฺจเต เอวาติ อโตฺถฯ ‘‘อุปฺปจฺจา’’ติ วา ปาโฐ, อุปฺปติตฺวาติ อโตฺถฯ เอวํ ปาปสฺส อกรเณน ทุกฺขาภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ปุญฺญสฺส กรเณนปิ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สเจ ภายสี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตาทินนฺติ ทิฎฺฐาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺตํฯ ยถา วา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา ปสฺสิตพฺพา, ตถา ปสฺสิตพฺพโต ตาทิ, ตํ พุทฺธํ สรณํ อุเปหีติ โยชนาฯ ธมฺมสเงฺฆสุปิ เอเสว นโยฯ ตาทีนํ วรพุทฺธานํ ธมฺมํ, อฎฺฐนฺนํ อริยปุคฺคลานํ สงฺฆํ สมูหนฺติ โยชนาฯ นฺติ สรณคมนํ สีลานํ สมาทานญฺจฯ เหหิตีติ ภวิสฺสติฯ

    Sā taṃ paṭikkhipitvā dhammaṃ kathetvā saraṇesu sīlesu ca patiṭṭhāpetuṃ ‘‘tuyheva sāṭako hotu, nāhamicchāmi sāṭaka’’nti vatvā ‘‘sace bhāyasi dukkhassā’’tiādimāha. Tassattho – yadi tuvaṃ sakalāpāyike sugatiyañca aphāsukatādobhaggatādibhedā dukkhā bhāyasi. Yadi te taṃ appiyaṃ na iṭṭhaṃ. Āvi vā paresaṃ pākaṭabhāvena appaṭicchannaṃ katvā kāyena vācāya pāṇātipātādivasena vā yadi vā raho apākaṭabhāvena paṭicchannaṃ katvā manodvāreyeva abhijjhādivasena vā aṇumattampi pāpakaṃ lāmakaṃ kammaṃ mākāsi mā kari. Atha pana taṃ pāpakammaṃ āyatiṃ karissasi, etarahi karosi vā, ‘‘nirayādīsu catūsu apāyesu manussesu ca tassa phalabhūtaṃ dukkhaṃ ito etto vā palāyante mayi nānubandhissatī’’ti adhippāyena upecca sañcicca palāyatopi te tato pāpato mutti mokkhā natthi, gatikālādipaccayantarasamavāye sati vipaccate evāti attho. ‘‘Uppaccā’’ti vā pāṭho, uppatitvāti attho. Evaṃ pāpassa akaraṇena dukkhābhāvaṃ dassetvā idāni puññassa karaṇenapi taṃ dassetuṃ ‘‘sace bhāyasī’’tiādi vuttaṃ. Tattha tādinanti diṭṭhādīsu tādibhāvappattaṃ. Yathā vā purimakā sammāsambuddhā passitabbā, tathā passitabbato tādi, taṃ buddhaṃ saraṇaṃ upehīti yojanā. Dhammasaṅghesupi eseva nayo. Tādīnaṃ varabuddhānaṃ dhammaṃ, aṭṭhannaṃ ariyapuggalānaṃ saṅghaṃ samūhanti yojanā. Tanti saraṇagamanaṃ sīlānaṃ samādānañca. Hehitīti bhavissati.

    โส พฺราหฺมโณ สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาย อปรภาเค สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา ฆเฎโนฺต วายมโนฺต น จิรเสฺสว เตวิโชฺช หุตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทาเนโนฺต ‘‘พฺรหฺมพนฺธู’’ติ คาถมาหฯ

    So brāhmaṇo saraṇesu sīlesu ca patiṭṭhāya aparabhāge satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā ghaṭento vāyamanto na cirasseva tevijjo hutvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānento ‘‘brahmabandhū’’ti gāthamāha.

    ตสฺสโตฺถ – อหํ ปุเพฺพ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปตฺติมเตฺตน พฺรหฺมพนฺธุ นามาสิํฯ ตถา อิรุเพฺพทาทีนํ อเชฺฌนาทิมเตฺตน เตวิโชฺช เวทสมฺปโนฺน โสตฺติโย นฺหาตโก จ นามาสิํฯ อิทานิ สพฺพโส พาหิตปาปตาย สจฺจพฺราหฺมโณ ปรมตฺถพฺราหฺมโณ, วิชฺชตฺตยาธิคเมน เตวิโชฺช, มคฺคญาณสงฺขาเตน เวเทน สมนฺนาคตตฺตา เวทสมฺปโนฺน, นิตฺถรสพฺพปาปตาย นฺหาตโก จ อมฺหีติฯ เอตฺถ จ พฺราหฺมเณน วุตฺตคาถาปิ อตฺตนา วุตฺตคาถาปิ ปจฺฉา เถริยา ปเจฺจกํ ภาสิตาติ สพฺพา เถริยา คาถา เอว ชาตาติฯ

    Tassattho – ahaṃ pubbe brāhmaṇakule uppattimattena brahmabandhu nāmāsiṃ. Tathā irubbedādīnaṃ ajjhenādimattena tevijjo vedasampanno sottiyo nhātako ca nāmāsiṃ. Idāni sabbaso bāhitapāpatāya saccabrāhmaṇo paramatthabrāhmaṇo, vijjattayādhigamena tevijjo, maggañāṇasaṅkhātena vedena samannāgatattā vedasampanno, nittharasabbapāpatāya nhātako ca amhīti. Ettha ca brāhmaṇena vuttagāthāpi attanā vuttagāthāpi pacchā theriyā paccekaṃ bhāsitāti sabbā theriyā gāthā eva jātāti.

    ปุณฺณาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Puṇṇātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    โสฬสนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Soḷasanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑. ปุณฺณาเถรีคาถา • 1. Puṇṇātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact