Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๔. ปุณฺณเตฺถรคาถาวณฺณนา

    4. Puṇṇattheragāthāvaṇṇanā

    สพฺภิเรว สมาเสถาติ อายสฺมโต ปุณฺณเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ทสพลสฺส อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพโตฺต อนุกฺกเมน วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถริ โลเก อุปฺปชฺชเนฺต เอกทิวสํ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนากาเล เหฎฺฐา วุตฺตนเยน มหาชเนน สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยเนฺต นิสีทิตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา เทสนาวสาเน วุฎฺฐิตาย ปริสาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมเนฺตตฺวา เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘ภเนฺต, อหํ อิมินา อธิการกเมฺมน นาญฺญํ สมฺปตฺติํ ปเตฺถมิฯ ยถา ปน โส ภิกฺขุ อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก ธมฺมกถิกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ ภิกฺขูนํ อโคฺค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิฯ สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุโทฺธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ปพฺพชิตฺวา ธมฺมกถิกานํ อโคฺค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิฯ

    Sabbhirevasamāsethāti āyasmato puṇṇattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa dasabalassa uppattito puretarameva haṃsavatīnagare brāhmaṇamahāsālakule nibbatto anukkamena viññutaṃ patto satthari loke uppajjante ekadivasaṃ buddhānaṃ dhammadesanākāle heṭṭhā vuttanayena mahājanena saddhiṃ vihāraṃ gantvā parisapariyante nisīditvā dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ dhammakathikānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā ‘‘mayāpi anāgate evarūpena bhavituṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā desanāvasāne vuṭṭhitāya parisāya satthāraṃ upasaṅkamitvā nimantetvā heṭṭhā vuttanayeneva mahāsakkāraṃ katvā bhagavantaṃ evamāha – ‘‘bhante, ahaṃ iminā adhikārakammena nāññaṃ sampattiṃ patthemi. Yathā pana so bhikkhu ito sattamadivasamatthake dhammakathikānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapito, evaṃ ahampi anāgate ekassa buddhassa sāsane dhammakathikānaṃ bhikkhūnaṃ aggo bhaveyya’’nti patthanaṃ akāsi. Satthā anāgataṃ oloketvā tassa patthanāya samijjhanabhāvaṃ disvā ‘‘anāgate kappasatasahassamatthake gotamo nāma buddho uppajjissati, tassa sāsane tvaṃ pabbajitvā dhammakathikānaṃ aggo bhavissasī’’ti byākāsi.

    โส ตตฺถ ยาวชีวํ กลฺยาณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต กปฺปสตสหสฺสํ ปุญฺญญาณสมฺภารํ สมฺภรโนฺต เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุนามเก พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส ภาคิเนโยฺย หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘ปุโณฺณ’’ติ นามํ อกํสุฯ โส สตฺถริ อภิสโมฺพธิํ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจเกฺก อนุปุเพฺพน ราชคหํ คนฺตฺวา ตํ อุปนิสฺสาย วิหรเนฺต อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สพฺพํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปธานมนุยุญฺชโนฺต ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาว ‘‘ทสพลสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ มาตุลเตฺถเรน สทฺธิํ สตฺถุ สนฺติกํ อคนฺตฺวา กปิลวตฺถุสามนฺตาเยว โอหียิตฺวา โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๔๓๔-๔๔๐) –

    So tattha yāvajīvaṃ kalyāṇadhammaṃ katvā tato cuto kappasatasahassaṃ puññañāṇasambhāraṃ sambharanto devamanussesu saṃsaritvā amhākaṃ bhagavato kāle kapilavatthunagarassa avidūre doṇavatthunāmake brāhmaṇagāme brāhmaṇamahāsālakule aññāsikoṇḍaññattherassa bhāgineyyo hutvā nibbatti. Tassa nāmaggahaṇadivase ‘‘puṇṇo’’ti nāmaṃ akaṃsu. So satthari abhisambodhiṃ patvā pavattavaradhammacakke anupubbena rājagahaṃ gantvā taṃ upanissāya viharante aññāsikoṇḍaññattherassa santike pabbajitvā laddhūpasampado sabbaṃ pubbakiccaṃ katvā padhānamanuyuñjanto pabbajitakiccaṃ matthakaṃ pāpetvāva ‘‘dasabalassa santikaṃ gamissāmī’’ti mātulattherena saddhiṃ satthu santikaṃ agantvā kapilavatthusāmantāyeva ohīyitvā yonisomanasikāre kammaṃ karonto nacirasseva vipassanaṃ ussukkāpetvā arahattaṃ pāpuṇi. Vuttampi cetaṃ apadāne (apa. thera 1.1.434-440) –

    ‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

    ‘‘Ajjhāyako mantadharo, tiṇṇaṃ vedāna pāragū;

    ปุรกฺขโตมฺหิ สิเสฺสหิ, อุปคจฺฉิํ นรุตฺตมํฯ

    Purakkhatomhi sissehi, upagacchiṃ naruttamaṃ.

    ‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;

    ‘‘Padumuttaro lokavidū, āhutīnaṃ paṭiggaho;

    มม กมฺมํ ปกิเตฺตสิ, สํขิเตฺตน มหามุนิฯ

    Mama kammaṃ pakittesi, saṃkhittena mahāmuni.

    ‘‘ตาหํ ธมฺมํ สุณิตฺวาน, อภิวาเทตฺวาน สตฺถุโน;

    ‘‘Tāhaṃ dhammaṃ suṇitvāna, abhivādetvāna satthuno;

    อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, ปกฺกมิํ ทกฺขิณามุโขฯ

    Añjaliṃ paggahetvāna, pakkamiṃ dakkhiṇāmukho.

    ‘‘สํขิเตฺตน สุณิตฺวาน, วิตฺถาเรน อภาสยิํ;

    ‘‘Saṃkhittena suṇitvāna, vitthārena abhāsayiṃ;

    สเพฺพ สิสฺสา อตฺตมนา, สุตฺวาน มม ภาสโตฯ

    Sabbe sissā attamanā, sutvāna mama bhāsato.

    ‘‘สกํ ทิฎฺฐิํ วิโนเทตฺวา, พุเทฺธ จิตฺตํ ปสาทยุํ;

    ‘‘Sakaṃ diṭṭhiṃ vinodetvā, buddhe cittaṃ pasādayuṃ;

    สํขิเตฺตนปิ เทเสมิ, วิตฺถาเรน ตเถวหํฯ

    Saṃkhittenapi desemi, vitthārena tathevahaṃ.

    ‘‘อภิธมฺมนยญฺญูหํ, กถาวตฺถุวิสุทฺธิยา;

    ‘‘Abhidhammanayaññūhaṃ, kathāvatthuvisuddhiyā;

    สเพฺพสํ วิญฺญาเปตฺวาน, วิหรามิ อนาสโวฯ

    Sabbesaṃ viññāpetvāna, viharāmi anāsavo.

    ‘‘อิโต ปญฺจสเต กเปฺป, จตุโร สุปฺปกาสกา;

    ‘‘Ito pañcasate kappe, caturo suppakāsakā;

    สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จตุทีปมฺหิ อิสฺสราฯ

    Sattaratanasampannā, catudīpamhi issarā.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    ตสฺส ปน ปุณฺณเตฺถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ปญฺจสตา อเหสุํฯ เถโร สยํ ทสกถาวตฺถุลาภิตาย เตปิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ โอวทิฯ เต ตสฺส โอวาเท ฐตฺวา สเพฺพว อรหตฺตํ ปตฺตาฯ เต อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ ญตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘ภเนฺต, อมฺหากํ กิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ, ทสนฺนญฺจมฺห กถาวตฺถูนํ ลาภิโน, สมโย, ทานิ โน ทสพลํ ปสฺสิตุ’’นฺติฯ เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘มม ทสกถาวตฺถุลาภิตํ สตฺถา ชานาติ อหํ ธมฺมํ เทเสโนฺต ทส กถาวตฺถูนิ อมุญฺจิตฺวาว เทเสมิ, มยิ คจฺฉเนฺต สเพฺพปิเม ภิกฺขู มํ ปริวาเรตฺวา คจฺฉิสฺสนฺติ, เอวํ คณสงฺคณิกาย คนฺตฺวา ปน อยุตฺตํ มยฺหํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ, อิเม ตาว คนฺตฺวา ปสฺสนฺตู’’ติ เต ภิกฺขู อาห – ‘‘อาวุโส, ตุเมฺห ปุรโต คนฺตฺวา ตถาคตํ ปสฺสถ, มม วจเนน จสฺส ปาเท วนฺทถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ คตมเคฺคนาคมิสฺสามี’’ติฯ เต เถรา สเพฺพปิ ทสพลสฺส ชาติภูมิรฎฺฐวาสิโน สเพฺพ ขีณาสวา สเพฺพ ทสกถาวตฺถุลาภิโน อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส โอวาทํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อนุปุเพฺพน จาริกํ จรนฺตา สฎฺฐิโยชนมคฺคํ อติกฺกมฺม ราชคเห เวฬุวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ

    Tassa pana puṇṇattherassa santike pabbajitā kulaputtā pañcasatā ahesuṃ. Thero sayaṃ dasakathāvatthulābhitāya tepi dasahi kathāvatthūhi ovadi. Te tassa ovāde ṭhatvā sabbeva arahattaṃ pattā. Te attano pabbajitakiccaṃ matthakappattaṃ ñatvā upajjhāyaṃ upasaṅkamitvā āhaṃsu – ‘‘bhante, amhākaṃ kiccaṃ matthakappattaṃ, dasannañcamha kathāvatthūnaṃ lābhino, samayo, dāni no dasabalaṃ passitu’’nti. Thero tesaṃ vacanaṃ sutvā cintesi – ‘‘mama dasakathāvatthulābhitaṃ satthā jānāti ahaṃ dhammaṃ desento dasa kathāvatthūni amuñcitvāva desemi, mayi gacchante sabbepime bhikkhū maṃ parivāretvā gacchissanti, evaṃ gaṇasaṅgaṇikāya gantvā pana ayuttaṃ mayhaṃ dasabalaṃ passituṃ, ime tāva gantvā passantū’’ti te bhikkhū āha – ‘‘āvuso, tumhe purato gantvā tathāgataṃ passatha, mama vacanena cassa pāde vandatha, ahampi tumhākaṃ gatamaggenāgamissāmī’’ti. Te therā sabbepi dasabalassa jātibhūmiraṭṭhavāsino sabbe khīṇāsavā sabbe dasakathāvatthulābhino attano upajjhāyassa ovādaṃ sampaṭicchitvā theraṃ vanditvā anupubbena cārikaṃ carantā saṭṭhiyojanamaggaṃ atikkamma rājagahe veḷuvanamahāvihāraṃ gantvā dasabalassa pāde vanditvā ekamantaṃ nisīdiṃsu.

    อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทิตุนฺติ ภควา เตหิ สทฺธิํ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน มธุรปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต จ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ ฯ อถ เตหิ ‘‘ชาติภูมิโต’’ติ วุเตฺต ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต ‘อตฺตนา จ อปฺปิโจฺฉ อปฺปิจฺฉกถญฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒) ทสกถาวตฺถุลาภิํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิฯ เตปิ ‘‘ปุโณฺณ นาม, ภเนฺต, อายสฺมา มนฺตาณิปุโตฺต’’ติ อาโรจยิํสุฯ ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุโตฺต เถรสฺส ทสฺสนกาโม อโหสิฯ อถ สตฺถา ราชคหโต สาวตฺถิํ อคมาสิ ฯ ปุณฺณเตฺถโรปิ ทสพลสฺส ตตฺถ อาคตภาวํ สุตฺวา – ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อโนฺตคนฺธกุฎิยํเยว ตถาคตํ สมฺปาปุณิฯ สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ เถโร ธมฺมํ สุตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปฎิสลฺลานตฺถาย อนฺธวนํ คนฺตฺวา อญฺญตรมฺหิ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ

    Āciṇṇaṃ kho panetaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ āgantukehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammoditunti bhagavā tehi saddhiṃ – ‘‘kacci, bhikkhave, khamanīya’’ntiādinā nayena madhurapaṭisanthāraṃ katvā ‘‘kuto ca tumhe, bhikkhave, āgacchathā’’ti pucchi . Atha tehi ‘‘jātibhūmito’’ti vutte ‘‘ko nu kho, bhikkhave, jātibhūmiyaṃ jātibhūmakānaṃ bhikkhūnaṃ sabrahmacārīnaṃ evaṃ sambhāvito ‘attanā ca appiccho appicchakathañca bhikkhūnaṃ kattā’’’ti (ma. ni. 1.252) dasakathāvatthulābhiṃ bhikkhuṃ pucchi. Tepi ‘‘puṇṇo nāma, bhante, āyasmā mantāṇiputto’’ti ārocayiṃsu. Taṃ kathaṃ sutvā āyasmā sāriputto therassa dassanakāmo ahosi. Atha satthā rājagahato sāvatthiṃ agamāsi . Puṇṇattheropi dasabalassa tattha āgatabhāvaṃ sutvā – ‘‘satthāraṃ passissāmī’’ti gantvā antogandhakuṭiyaṃyeva tathāgataṃ sampāpuṇi. Satthā tassa dhammaṃ desesi. Thero dhammaṃ sutvā dasabalaṃ vanditvā paṭisallānatthāya andhavanaṃ gantvā aññataramhi rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi.

    สาริปุตฺตเตฺถโรปิ ตสฺสาคมนํ สุตฺวา สีสานุโลกิโก คนฺตฺวา โอกาสํ สลฺลเกฺขตฺวา ตํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน สทฺธิํ สโมฺมทิตฺวา, ตํ สตฺตวิสุทฺธิกฺกมํ ปุจฺฉิฯ เถโรปิสฺส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ พฺยากโรโนฺต รถวินีตูปมาย จิตฺตํ อาราเธสิ, เต อญฺญมญฺญสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทิํสุฯ อถ สตฺถา อปรภาเค ภิกฺขุสงฺฆมเชฺฌ นิสิโนฺน เถรํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุโณฺณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๖) ธมฺมกถิกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ โส เอกทิวสํ อตฺตโน วิมุตฺติสมฺปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิสฺสาย อหเญฺจว อเญฺญ จ พหู สตฺตา สํสารทุกฺขโต วิปฺปมุตฺตา, พหูปการา วต สปฺปุริสสํเสวา’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต อุทานวเสน ปีติเวควิสฺสฎฺฐํ ‘‘สพฺภิเรว สมาเสถา’’ติ คาถํ อภาสิฯ

    Sāriputtattheropi tassāgamanaṃ sutvā sīsānulokiko gantvā okāsaṃ sallakkhetvā taṃ rukkhamūle nisinnaṃ upasaṅkamitvā therena saddhiṃ sammoditvā, taṃ sattavisuddhikkamaṃ pucchi. Theropissa pucchitapucchitaṃ byākaronto rathavinītūpamāya cittaṃ ārādhesi, te aññamaññassa subhāsitaṃ samanumodiṃsu. Atha satthā aparabhāge bhikkhusaṅghamajjhe nisinno theraṃ ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ dhammakathikānaṃ yadidaṃ puṇṇo’’ti (a. ni. 1.188, 196) dhammakathikānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. So ekadivasaṃ attano vimuttisampattiṃ paccavekkhitvā ‘‘satthāraṃ nissāya ahañceva aññe ca bahū sattā saṃsāradukkhato vippamuttā, bahūpakārā vata sappurisasaṃsevā’’ti pītisomanassajāto udānavasena pītivegavissaṭṭhaṃ ‘‘sabbhireva samāsethā’’ti gāthaṃ abhāsi.

    . ตตฺถ สพฺภิเรวาติ สปฺปุริเสหิ เอวฯ สโนฺตติ ปเนตฺถ พุทฺธาทโย อริยา อธิเปฺปตาฯ เต หิ อนวเสสโต อสตํ ธมฺมํ ปหาย สทฺธเมฺม อุกฺกํสคตตฺตา สาติสยํ ปสํสิยตฺตา จ วิเสสโต ‘‘สโนฺต สปฺปุริสา’’ติ จ วุจฺจนฺติฯ สมาเสถาติ สมํ อาเสถ สห วเสยฺยฯ เต ปยิรุปาสโนฺต เตสํ สุสฺสูสโนฺต ทิฎฺฐานุคติญฺจ อาปชฺชโนฺต สมานวาโส ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ ปณฺฑิเตหตฺถทสฺสิภีติ เตสํ โถมนาฯ ปณฺฑา วุจฺจติ ปญฺญา, สา อิเมสํ สญฺชาตาติ ปณฺฑิตาฯ ตโต เอว อตฺตตฺถาทิเภทํ อตฺถํ อวิปรีตโต ปสฺสนฺตีติ อตฺถทสฺสิโนฯ เตหิ ปณฺฑิเตหิ อตฺถทสฺสีภิ สมาเสถฯ กสฺมาติ เจ? ยสฺมา เต สโนฺต ปณฺฑิตา, เต วา สมฺมา เสวนฺตา เอกนฺตหิตภาวโต มคฺคญาณาทีเหว อรณียโต อตฺถํ, มหาคุณตาย สนฺตตาย จ มหนฺตํ, อคาธภาวโต คมฺภีรญาณโคจรโต จ คมฺภีรํ, หีนจฺฉนฺทาทีหิ ทฎฺฐุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อิตเรหิ จ กิเจฺฉน ทฎฺฐพฺพตฺตา ทุทฺทสํ , ทุทฺทสตฺตา สณฺหนิปุณสภาวตฺตา นิปุณญาณโคจรโต จ นิปุณํ, นิปุณตฺตา เอวํ สุขุมสภาวตาย อณุํ นิพฺพานํ, อวิปรีตเฎฺฐน วา ปรมตฺถสภาวตฺตา อตฺถํ, อริยภาวกรตฺตา มหตฺตนิมิตฺตตาย มหนฺตํ, อนุตฺตานสภาวตาย คมฺภีรํ, ทุเกฺขน ทฎฺฐพฺพํ น สุเขน ทฎฺฐุํ สกฺกาติ ทุทฺทสํ, คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรนฺติ จตุสจฺจํ, วิเสสโต นิปุณํ อณุํ, นิโรธสจฺจนฺติ เอวเมตํ จตุสจฺจํ ธีรา สมธิคจฺฉนฺติ ธิติสมฺปนฺนตาย ธีรา จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สมฺมเทว อธิคจฺฉนฺติฯ อปฺปมตฺตาติ สพฺพตฺถ สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมาทปฎิปตฺติํ ปูเรนฺตาฯ วิจกฺขณาติ วิปสฺสนาภาวนาย เฉกา กุสลาฯ ตสฺมา สพฺภิเรว สมาเสถาติ โยชนาฯ ปณฺฑิเตหตฺถทสฺสิภีติ วา เอตํ นิสฺสกฺกวจนํฯ ยสฺมา ปณฺฑิเตหิ อตฺถทสฺสีภิ สมุทายภูเตหิ ธีรา อปฺปมตฺตา วิจกฺขณา มหนฺตาทิวิเสสวนฺตํ อตฺถํ สมธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตาทิเสหิ สพฺภิเรว สมาเสถาติ สมฺพโนฺธฯ เอวเมสา เถรสฺส ปฎิเวธทีปเนน อญฺญาพฺยากรณคาถาปิ อโหสีติฯ

    4. Tattha sabbhirevāti sappurisehi eva. Santoti panettha buddhādayo ariyā adhippetā. Te hi anavasesato asataṃ dhammaṃ pahāya saddhamme ukkaṃsagatattā sātisayaṃ pasaṃsiyattā ca visesato ‘‘santo sappurisā’’ti ca vuccanti. Samāsethāti samaṃ āsetha saha vaseyya. Te payirupāsanto tesaṃ sussūsanto diṭṭhānugatiñca āpajjanto samānavāso bhaveyyāti attho. Paṇḍitehatthadassibhīti tesaṃ thomanā. Paṇḍā vuccati paññā, sā imesaṃ sañjātāti paṇḍitā. Tato eva attatthādibhedaṃ atthaṃ aviparītato passantīti atthadassino. Tehi paṇḍitehi atthadassībhi samāsetha. Kasmāti ce? Yasmā te santo paṇḍitā, te vā sammā sevantā ekantahitabhāvato maggañāṇādīheva araṇīyato atthaṃ, mahāguṇatāya santatāya ca mahantaṃ, agādhabhāvato gambhīrañāṇagocarato ca gambhīraṃ, hīnacchandādīhi daṭṭhuṃ asakkuṇeyyattā itarehi ca kicchena daṭṭhabbattā duddasaṃ, duddasattā saṇhanipuṇasabhāvattā nipuṇañāṇagocarato ca nipuṇaṃ, nipuṇattā evaṃ sukhumasabhāvatāya aṇuṃ nibbānaṃ, aviparītaṭṭhena vā paramatthasabhāvattā atthaṃ, ariyabhāvakarattā mahattanimittatāya mahantaṃ, anuttānasabhāvatāya gambhīraṃ, dukkhena daṭṭhabbaṃ na sukhena daṭṭhuṃ sakkāti duddasaṃ, gambhīrattā duddasaṃ, duddasattā gambhīranti catusaccaṃ, visesato nipuṇaṃ aṇuṃ, nirodhasaccanti evametaṃ catusaccaṃ dhīrā samadhigacchanti dhitisampannatāya dhīrā catusaccakammaṭṭhānabhāvanaṃ ussukkāpetvā sammadeva adhigacchanti. Appamattāti sabbattha satiavippavāsena appamādapaṭipattiṃ pūrentā. Vicakkhaṇāti vipassanābhāvanāya chekā kusalā. Tasmā sabbhireva samāsethāti yojanā. Paṇḍitehatthadassibhīti vā etaṃ nissakkavacanaṃ. Yasmā paṇḍitehi atthadassībhi samudāyabhūtehi dhīrā appamattā vicakkhaṇā mahantādivisesavantaṃ atthaṃ samadhigacchanti, tasmā tādisehi sabbhireva samāsethāti sambandho. Evamesā therassa paṭivedhadīpanena aññābyākaraṇagāthāpi ahosīti.

    ปุณฺณเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Puṇṇattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. ปุณฺณเตฺถรคาถา • 4. Puṇṇattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact