Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๓. ปุโณฺณวาทสุตฺตํ
3. Puṇṇovādasuttaṃ
๓๙๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข อายสฺมา ปุโณฺณ สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา ปุโณฺณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ มํ, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน โอวาเทน โอวทตุ, ยมหํ ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหเรยฺย’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ, ปุณฺณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา ปุโณฺณ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
395. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho āyasmā puṇṇo sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā puṇṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu maṃ, bhante, bhagavā saṃkhittena ovādena ovadatu, yamahaṃ bhagavato dhammaṃ sutvā eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto vihareyya’’nti. ‘‘Tena hi, puṇṇa, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā puṇṇo bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
‘‘สนฺติ โข, ปุณฺณ, จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ ตํ เจ ภิกฺขุ อภินนฺทติ อภิวทติ อโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ ตสฺส ตํ อภินนฺทโต อภิวทโต อโชฺฌสาย ติฎฺฐโต อุปฺปชฺชติ นนฺที 1ฯ ‘นนฺทีสมุทยา ทุกฺขสมุทโย, ปุณฺณา’ติ วทามิฯ
‘‘Santi kho, puṇṇa, cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā. Taṃ ce bhikkhu abhinandati abhivadati ajjhosāya tiṭṭhati. Tassa taṃ abhinandato abhivadato ajjhosāya tiṭṭhato uppajjati nandī 2. ‘Nandīsamudayā dukkhasamudayo, puṇṇā’ti vadāmi.
‘‘สนฺติ โข, ปุณฺณ, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา… มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ ตํ เจ ภิกฺขุ อภินนฺทติ อภิวทติ อโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ ตสฺส ตํ อภินนฺทโต อภิวทโต อโชฺฌสาย ติฎฺฐโต อุปฺปชฺชติ นนฺทีฯ ‘นนฺทีสมุทยา ทุกฺขสมุทโย, ปุณฺณา’ติ วทามิฯ
‘‘Santi kho, puṇṇa, sotaviññeyyā saddā… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā… manoviññeyyā dhammā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā. Taṃ ce bhikkhu abhinandati abhivadati ajjhosāya tiṭṭhati. Tassa taṃ abhinandato abhivadato ajjhosāya tiṭṭhato uppajjati nandī. ‘Nandīsamudayā dukkhasamudayo, puṇṇā’ti vadāmi.
‘‘สนฺติ จ โข, ปุณฺณ, จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ ตํ เจ ภิกฺขุ นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ ตสฺส ตํ อนภินนฺทโต อนภิวทโต อนโชฺฌสาย ติฎฺฐโต นนฺที นิรุชฺฌติฯ ‘นนฺทีนิโรธา ทุกฺขนิโรโธ, ปุณฺณา’ติ วทามิฯ
‘‘Santi ca kho, puṇṇa, cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā. Taṃ ce bhikkhu nābhinandati nābhivadati nājjhosāya tiṭṭhati. Tassa taṃ anabhinandato anabhivadato anajjhosāya tiṭṭhato nandī nirujjhati. ‘Nandīnirodhā dukkhanirodho, puṇṇā’ti vadāmi.
‘‘สนฺติ จ โข, ปุณฺณ, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา… มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ ตํ เจ ภิกฺขุ นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ ตสฺส ตํ อนภินนฺทโต อนภิวทโต อนโชฺฌสาย ติฎฺฐโต นนฺที นิรุชฺฌติฯ ‘นนฺทีนิโรธา ทุกฺขนิโรโธ, ปุณฺณา’ติ วทามิฯ
‘‘Santi ca kho, puṇṇa, sotaviññeyyā saddā… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā… manoviññeyyā dhammā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā. Taṃ ce bhikkhu nābhinandati nābhivadati nājjhosāya tiṭṭhati. Tassa taṃ anabhinandato anabhivadato anajjhosāya tiṭṭhato nandī nirujjhati. ‘Nandīnirodhā dukkhanirodho, puṇṇā’ti vadāmi.
‘‘อิมินา จ ตฺวํ ปุณฺณ, มยา สํขิเตฺตน โอวาเทน โอวทิโต กตรสฺมิํ ชนปเท วิหริสฺสสี’’ติ? ‘‘อิมินาหํ, ภเนฺต, ภควตา สํขิเตฺตน โอวาเทน โอวทิโต, อตฺถิ สุนาปรโนฺต นาม ชนปโท, ตตฺถาหํ วิหริสฺสามี’’ติฯ
‘‘Iminā ca tvaṃ puṇṇa, mayā saṃkhittena ovādena ovadito katarasmiṃ janapade viharissasī’’ti? ‘‘Imināhaṃ, bhante, bhagavatā saṃkhittena ovādena ovadito, atthi sunāparanto nāma janapado, tatthāhaṃ viharissāmī’’ti.
๓๙๖. ‘‘จณฺฑา โข, ปุณฺณ, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา; ผรุสา โข, ปุณฺณ, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสาฯ สเจ ตํ, ปุณฺณ, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา อโกฺกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ตตฺถ เต, ปุณฺณ, กินฺติ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา อโกฺกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ภทฺทกา 3 วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม ปาณินา ปหารํ เทนฺตี’ติฯ เอวเมตฺถ 4, ภควา, ภวิสฺสติ; เอวเมตฺถ, สุคต, ภวิสฺสตี’’ติฯ
396. ‘‘Caṇḍā kho, puṇṇa, sunāparantakā manussā; pharusā kho, puṇṇa, sunāparantakā manussā. Sace taṃ, puṇṇa, sunāparantakā manussā akkosissanti paribhāsissanti, tattha te, puṇṇa, kinti bhavissatī’’ti? ‘‘Sace maṃ, bhante, sunāparantakā manussā akkosissanti paribhāsissanti, tattha me evaṃ bhavissati – ‘bhaddakā 5 vatime sunāparantakā manussā, subhaddakā vatime sunāparantakā manussā, yaṃ me nayime pāṇinā pahāraṃ dentī’ti. Evamettha 6, bhagavā, bhavissati; evamettha, sugata, bhavissatī’’ti.
‘‘สเจ ปน เต, ปุณฺณ, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา ปาณินา ปหารํ ทสฺสนฺติ, ตตฺถ ปน เต, ปุณฺณ, กินฺติ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา ปาณินา ปหารํ ทสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม เลฑฺฑุนา ปหารํ เทนฺตี’ติฯ เอวเมตฺถ, ภควา, ภวิสฺสติ; เอวเมตฺถ, สุคต, ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Sace pana te, puṇṇa, sunāparantakā manussā pāṇinā pahāraṃ dassanti, tattha pana te, puṇṇa, kinti bhavissatī’’ti? ‘‘Sace me, bhante, sunāparantakā manussā pāṇinā pahāraṃ dassanti, tattha me evaṃ bhavissati – ‘bhaddakā vatime sunāparantakā manussā, subhaddakā vatime sunāparantakā manussā, yaṃ me nayime leḍḍunā pahāraṃ dentī’ti. Evamettha, bhagavā, bhavissati; evamettha, sugata, bhavissatī’’ti.
‘‘สเจ ปน เต, ปุณฺณ, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา เลฑฺฑุนา ปหารํ ทสฺสนฺติ, ตตฺถ ปน เต, ปุณฺณ, กินฺติ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา เลฑฺฑุนา ปหารํ ทสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม ทเณฺฑน ปหารํ เทนฺตี’ติฯ เอวเมตฺถ, ภควา, ภวิสฺสติ; เอวเมตฺถ, สุคต, ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Sace pana te, puṇṇa, sunāparantakā manussā leḍḍunā pahāraṃ dassanti, tattha pana te, puṇṇa, kinti bhavissatī’’ti? ‘‘Sace me, bhante, sunāparantakā manussā leḍḍunā pahāraṃ dassanti, tattha me evaṃ bhavissati – ‘bhaddakā vatime sunāparantakā manussā, subhaddakā vatime sunāparantakā manussā, yaṃ me nayime daṇḍena pahāraṃ dentī’ti. Evamettha, bhagavā, bhavissati; evamettha, sugata, bhavissatī’’ti.
‘‘สเจ ปน เต, ปุณฺณ, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา ทเณฺฑน ปหารํ ทสฺสนฺติ, ตตฺถ ปน เต, ปุณฺณ, กินฺติ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา ทเณฺฑน ปหารํ ทสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม สเตฺถน ปหารํ เทนฺตี’ติฯ เอวเมตฺถ, ภควา, ภวิสฺสติ; เอวเมตฺถ, สุคต, ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Sace pana te, puṇṇa, sunāparantakā manussā daṇḍena pahāraṃ dassanti, tattha pana te, puṇṇa, kinti bhavissatī’’ti? ‘‘Sace me, bhante, sunāparantakā manussā daṇḍena pahāraṃ dassanti, tattha me evaṃ bhavissati – ‘bhaddakā vatime sunāparantakā manussā, subhaddakā vatime sunāparantakā manussā, yaṃ me nayime satthena pahāraṃ dentī’ti. Evamettha, bhagavā, bhavissati; evamettha, sugata, bhavissatī’’ti.
‘‘สเจ ปน เต, ปุณฺณ, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา สเตฺถน ปหารํ ทสฺสนฺติ, ตตฺถ ปน เต, ปุณฺณ, กินฺติ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา สเตฺถน ปหารํ ทสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ – ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ มํ 7 นยิเม ติเณฺหน สเตฺถน ชีวิตา โวโรเปนฺตี’ติฯ เอวเมตฺถ, ภควา, ภวิสฺสติ; เอวเมตฺถ, สุคต, ภวิสฺสตี’’ติฯ
‘‘Sace pana te, puṇṇa, sunāparantakā manussā satthena pahāraṃ dassanti, tattha pana te, puṇṇa, kinti bhavissatī’’ti? ‘‘Sace me, bhante, sunāparantakā manussā satthena pahāraṃ dassanti, tattha me evaṃ bhavissati – ‘bhaddakā vatime sunāparantakā manussā, subhaddakā vatime sunāparantakā manussā, yaṃ maṃ 8 nayime tiṇhena satthena jīvitā voropentī’ti. Evamettha, bhagavā, bhavissati; evamettha, sugata, bhavissatī’’ti.
‘‘สเจ ปน ตํ, ปุณฺณ, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา ติเณฺหน สเตฺถน ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺติ, ตตฺถ ปน เต, ปุณฺณ, กินฺติ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา ติเณฺหน สเตฺถน ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ – ‘สนฺติ โข ภควโต สาวกา กาเย จ ชีวิเต จ อฎฺฎียมานา หรายมานา ชิคุจฺฉมานา สตฺถหารกํ ปริเยสนฺติฯ ตํ เม อิทํ อปริยิฎฺฐํเยว สตฺถหารกํ ลทฺธ’นฺติฯ เอวเมตฺถ, ภควา, ภวิสฺสติ; เอวเมตฺถ, สุคต, ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, สาธุ, ปุณฺณ! สกฺขิสฺสสิ โข ตฺวํ, ปุณฺณ, อิมินา ทมูปสเมน สมนฺนาคโต สุนาปรนฺตสฺมิํ ชนปเท วิหริตุํฯ ยสฺสทานิ ตฺวํ, ปุณฺณ, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ
‘‘Sace pana taṃ, puṇṇa, sunāparantakā manussā tiṇhena satthena jīvitā voropessanti, tattha pana te, puṇṇa, kinti bhavissatī’’ti? ‘‘Sace maṃ, bhante, sunāparantakā manussā tiṇhena satthena jīvitā voropessanti, tattha me evaṃ bhavissati – ‘santi kho bhagavato sāvakā kāye ca jīvite ca aṭṭīyamānā harāyamānā jigucchamānā satthahārakaṃ pariyesanti. Taṃ me idaṃ apariyiṭṭhaṃyeva satthahārakaṃ laddha’nti. Evamettha, bhagavā, bhavissati; evamettha, sugata, bhavissatī’’ti. ‘‘Sādhu, sādhu, puṇṇa! Sakkhissasi kho tvaṃ, puṇṇa, iminā damūpasamena samannāgato sunāparantasmiṃ janapade viharituṃ. Yassadāni tvaṃ, puṇṇa, kālaṃ maññasī’’ti.
๓๙๗. อถ โข อายสฺมา ปุโณฺณ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สุนาปรโนฺต ชนปโท เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน สุนาปรโนฺต ชนปโท ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ อายสฺมา ปุโณฺณ สุนาปรนฺตสฺมิํ ชนปเท วิหรติฯ อถ โข อายสฺมา ปุโณฺณ เตเนวนฺตรวเสฺสน ปญฺจมตฺตานิ อุปาสกสตานิ ปฎิเวเทสิ 9, เตเนวนฺตรวเสฺสน ปญฺจมตฺตานิ อุปาสิกสตานิ ปฎิเวเทสิ, เตเนวนฺตรวเสฺสน ติโสฺส วิชฺชา สจฺฉากาสิฯ อถ โข อายสฺมา ปุโณฺณ อปเรน สมเยน ปรินิพฺพายิฯ
397. Atha kho āyasmā puṇṇo bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya yena sunāparanto janapado tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena sunāparanto janapado tadavasari. Tatra sudaṃ āyasmā puṇṇo sunāparantasmiṃ janapade viharati. Atha kho āyasmā puṇṇo tenevantaravassena pañcamattāni upāsakasatāni paṭivedesi 10, tenevantaravassena pañcamattāni upāsikasatāni paṭivedesi, tenevantaravassena tisso vijjā sacchākāsi. Atha kho āyasmā puṇṇo aparena samayena parinibbāyi.
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘โย โส, ภเนฺต, ปุโณฺณ นาม กุลปุโตฺต ภควตา สํขิเตฺตน โอวาเทน โอวทิโต โส กาลงฺกโตฯ ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, ปุโณฺณ กุลปุโตฺต ปจฺจปาทิ 11 ธมฺมสฺสานุธมฺมํ, น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเฐสิฯ ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว, ปุโณฺณ กุลปุโตฺต’’ติฯ
Atha kho sambahulā bhikkhū yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘yo so, bhante, puṇṇo nāma kulaputto bhagavatā saṃkhittena ovādena ovadito so kālaṅkato. Tassa kā gati, ko abhisamparāyo’’ti? ‘‘Paṇḍito, bhikkhave, puṇṇo kulaputto paccapādi 12 dhammassānudhammaṃ, na ca maṃ dhammādhikaraṇaṃ viheṭhesi. Parinibbuto, bhikkhave, puṇṇo kulaputto’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
ปุโณฺณวาทสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ
Puṇṇovādasuttaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ปุโณฺณวาทสุตฺตวณฺณนา • 3. Puṇṇovādasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๓. ปุโณฺณวาทสุตฺตวณฺณนา • 3. Puṇṇovādasuttavaṇṇanā