Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๓. ปุโณฺณวาทสุตฺตวณฺณนา

    3. Puṇṇovādasuttavaṇṇanā

    ๓๙๕. อนนฺตรสุเตฺต ‘‘ปฎิสลฺลานาติ ผลสมาปตฺติโต’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ ธมฺมเสนาปติโน อริยวิหารสฺส อธิเปฺปตตฺตา, อิธ ปน อกตกิจฺจสฺส ปฎิสลฺลานํ นาม กายวิเวโกติ อาห – ‘‘ปฎิสลฺลานาติ เอกีภาวา’’ติฯ ‘‘จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา’’ติ ปเนตฺถ วิเญฺญยฺยรูปํ วิชานนฺตสฺส ทฺวารภูตํ จกฺขุนฺติ อุภยํ อชฺฌตฺติกํ พาหิรญฺจ อายตนํ อภินนฺทิตาทิสามเญฺญน ตเญฺจติ เอตฺถ ตํ-สเทฺทน เอกชฺฌํ ปจฺจามฎฺฐนฺติ อาห – ‘‘ตเญฺจติ ตํ จกฺขุเญฺจว รูปญฺจา’’ติฯ ยํ ปเนตฺถ วิเญฺญยฺยสเทฺทน โชติตํ วิญฺญาณํ ตํ สมฺปยุตฺตธมฺมาติ ตทุภยํ, ‘‘มโนวิเญฺญยฺยา ธมฺมา’’ติ ปเทน กถิตเมวาติ อิธ น คหิตํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ สโมธาเนนาติ สหาวฎฺฐาเนน, จิเตฺตน นนฺทิยา ตณฺหาย สห ปวตฺติยา จิตฺตสหุปฺปตฺติยาติ อโตฺถฯ เตนาห – ‘‘อุปฺปชฺชติ นนฺที’’ติฯ ปญฺจกฺขนฺธทุกฺขสฺส สโมธานนฺติ ปญฺจกฺขนฺธสงฺขาตสฺส ทุกฺขสจฺจสฺส ปจฺจโวกาเร สหปฺปวตฺติ โหติฯ ยสฺมา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชมานํ ฉนฺนํ ทฺวารานํเยว วเสน อุปฺปชฺชติ, ตถา สมุทโยติ, ตสฺมา อาห – ‘‘อิติ ฉสุ ทฺวาเรสู’’ติอาทิฯ กิเลสวฎฺฎสฺส กมฺมวฎฺฎสฺส วิปากวฎฺฎสฺส จ กถิตตฺตา อาห – ‘‘วฎฺฎํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทเสฺสตี’’ติฯ ทุติยนเยติ ‘‘สนฺติ จ โข’’ติอาทินา วุเตฺต ทุติเย เทสนานเยฯ ปาฎิเยโกฺก อนุสนฺธีติ น ยถานุสนฺธิ นาปิ อชฺฌาสยานุสนฺธีติ อธิปฺปาโย, ปุจฺฉานุสนฺธิสฺส ปน อิธ สมฺภโว เอว นตฺถีติฯ สตฺตสุ ฐาเนสูติ อโกฺกสเน ปริภาสเน ปาณิปฺปหาเร เลฑฺฑุปฺปหาเร ทณฺฑปฺปหาเร สตฺถปฺปหาเร ชีวิตาโวโรปเนติ อิเมสุ สตฺตสุฯ ‘‘ภทฺทกา วติเม’’ติอาทินา ขนฺติปฎิสํยุตฺตํ สีหนาทํ นทาเปตุํ

    395. Anantarasutte ‘‘paṭisallānāti phalasamāpattito’’ti vuttaṃ, tattha dhammasenāpatino ariyavihārassa adhippetattā, idha pana akatakiccassa paṭisallānaṃ nāma kāyavivekoti āha – ‘‘paṭisallānāti ekībhāvā’’ti. ‘‘Cakkhuviññeyyā rūpā’’ti panettha viññeyyarūpaṃ vijānantassa dvārabhūtaṃ cakkhunti ubhayaṃ ajjhattikaṃ bāhirañca āyatanaṃ abhinanditādisāmaññena tañceti ettha taṃ-saddena ekajjhaṃ paccāmaṭṭhanti āha – ‘‘tañceti taṃ cakkhuñceva rūpañcā’’ti. Yaṃ panettha viññeyyasaddena jotitaṃ viññāṇaṃ taṃ sampayuttadhammāti tadubhayaṃ, ‘‘manoviññeyyā dhammā’’ti padena kathitamevāti idha na gahitaṃ. Esa nayo sesesupi. Samodhānenāti sahāvaṭṭhānena, cittena nandiyā taṇhāya saha pavattiyā cittasahuppattiyāti attho. Tenāha – ‘‘uppajjati nandī’’ti. Pañcakkhandhadukkhassa samodhānanti pañcakkhandhasaṅkhātassa dukkhasaccassa paccavokāre sahappavatti hoti. Yasmā dukkhaṃ uppajjamānaṃ channaṃ dvārānaṃyeva vasena uppajjati, tathā samudayoti, tasmā āha – ‘‘iti chasu dvāresū’’tiādi. Kilesavaṭṭassa kammavaṭṭassa vipākavaṭṭassa ca kathitattā āha – ‘‘vaṭṭaṃ matthakaṃ pāpetvā dassetī’’ti. Dutiyanayeti ‘‘santi ca kho’’tiādinā vutte dutiye desanānaye. Pāṭiyekko anusandhīti na yathānusandhi nāpi ajjhāsayānusandhīti adhippāyo, pucchānusandhissa pana idha sambhavo eva natthīti. Sattasu ṭhānesūti akkosane paribhāsane pāṇippahāre leḍḍuppahāre daṇḍappahāre satthappahāre jīvitāvoropaneti imesu sattasu. ‘‘Bhaddakā vatime’’tiādinā khantipaṭisaṃyuttaṃ sīhanādaṃ nadāpetuṃ.

    ๓๙๖. จณฺฑาติ โกธนา, เตน ทูสิตจิตฺตตาย ทุฎฺฐาติ วุตฺตาฯ กิพฺพิสาติ ปาปาฯ ผรุสาติ อีสกมฺปิ ปสาทสิเนหาภาเวน ลุทฺทาฯ ผรุสวจนตาย วา ผรุสา, ตถาภูตา ปน ลุทฺทา นาม โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กกฺขฬา’’ติฯ อิทญฺจ เตติ, ‘‘หตฺถเจฺฉทํ นาสิกเจฺฉท’’นฺติ เอวมาทิํ อิทญฺจ อนิฎฺฐํ กริสฺสามาติ ภยทสฺสเนน ตเชฺชสฺสนฺติฯ

    396.Caṇḍāti kodhanā, tena dūsitacittatāya duṭṭhāti vuttā. Kibbisāti pāpā. Pharusāti īsakampi pasādasinehābhāvena luddā. Pharusavacanatāya vā pharusā, tathābhūtā pana luddā nāma honti, tasmā vuttaṃ ‘‘kakkhaḷā’’ti. Idañca teti, ‘‘hatthacchedaṃ nāsikaccheda’’nti evamādiṃ idañca aniṭṭhaṃ karissāmāti bhayadassanena tajjessanti.

    ฆฎิกมุคฺคเรนาติ ทณฺฑานํ กิร อคฺคปเสฺส ฆฎาการํ ทเสฺสนฺติ, เตน โส ‘‘ฆฎิกมุคฺคโร’’ติ วุจฺจติฯ เอกโตธาราทินา สเตฺถน กรวาลขคฺคาทินาฯ ‘‘อินฺทฺริยสํวราทีนํ เอตํ นาม’’นฺติ วตฺวา ยตฺถ ยตฺถ อินฺทฺริยสํวราทโย ‘‘ทโม’’ติ วุตฺตา, ตํ ปาฐปเทสํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สเจฺจนา’’ติอาทิมาห ฯ มนจฺฉฎฺฐานิ อินฺทฺริยานิ ทเมติ สํวเรตีติ อินฺทฺริยสํวโร, ทโมฯ ราคาทิปาปธเมฺม ทเมติ อุปสเมตีติ ทโม, ปญฺญาฯ ปาณาติปาตาทิกมฺมกิเลเส ทเมติ อุปสเมติ วิกฺขเมฺภตีติ ทโม อุโปสโถฯ พฺยาปาทวิเหสาทิเก ทเมติ วิเนตีติ ทโมติ อาห – ‘‘อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต ขนฺติ ‘ทโม’ติ เวทิตพฺพา’’ติฯ อุปสโมติ ตเสฺสว ทมสฺส เววจนํ, ตสฺมา ทโม จ โส พฺยาปาทาทีนํ วินยนเฎฺฐน เตสํเยว อุปสมนเฎฺฐน อุปสโม จาติ ทมูปสโม, อธิวาสนขนฺติฯ

    Ghaṭikamuggarenāti daṇḍānaṃ kira aggapasse ghaṭākāraṃ dassenti, tena so ‘‘ghaṭikamuggaro’’ti vuccati. Ekatodhārādinā satthena karavālakhaggādinā. ‘‘Indriyasaṃvarādīnaṃ etaṃ nāma’’nti vatvā yattha yattha indriyasaṃvarādayo ‘‘damo’’ti vuttā, taṃ pāṭhapadesaṃ dassento ‘‘saccenā’’tiādimāha . Manacchaṭṭhāni indriyāni dameti saṃvaretīti indriyasaṃvaro, damo. Rāgādipāpadhamme dameti upasametīti damo, paññā. Pāṇātipātādikammakilese dameti upasameti vikkhambhetīti damo uposatho. Byāpādavihesādike dameti vinetīti damoti āha – ‘‘imasmiṃ pana sutte khanti ‘damo’ti veditabbā’’ti. Upasamoti tasseva damassa vevacanaṃ, tasmā damo ca so byāpādādīnaṃ vinayanaṭṭhena tesaṃyeva upasamanaṭṭhena upasamo cāti damūpasamo, adhivāsanakhanti.

    ๓๙๗. ตตฺถ ขนฺติยํ กตาธิกาโร ตํ ชนปทํ คนฺตฺวา มหาชนสฺส อวสฺสโย โหติ, ตสฺมา ตทสฺส อปทานํ สมุทาคมโต ปฎฺฐาย วิภาเวตุํ, ‘‘โก ปเนส ปุโณฺณ’’ติอาทิ อารทฺธํฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สุนาปรนฺตชนปเทฯ อสปฺปายวิหารนฺติ ภาวนาภิโยคสฺส น สปฺปายํ วิหารํฯ

    397. Tattha khantiyaṃ katādhikāro taṃ janapadaṃ gantvā mahājanassa avassayo hoti, tasmā tadassa apadānaṃ samudāgamato paṭṭhāya vibhāvetuṃ, ‘‘ko panesa puṇṇo’’tiādi āraddhaṃ. Etthāti etasmiṃ sunāparantajanapade. Asappāyavihāranti bhāvanābhiyogassa na sappāyaṃ vihāraṃ.

    เทฺว ภาตโรติ อวิภตฺตสาปเตยฺยา อวิภตฺตโวหารสํโยคาฯ เตนาห ‘‘เตสู’’ติอาทิฯ ชนปทจาริกํ จรโนฺต ภณฺฑํ คเหตฺวา ชนปเทสุ วิกฺกยํ กโรโนฺตฯ

    Dve bhātaroti avibhattasāpateyyā avibhattavohārasaṃyogā. Tenāha ‘‘tesū’’tiādi. Janapadacārikaṃ caranto bhaṇḍaṃ gahetvā janapadesu vikkayaṃ karonto.

    ‘‘พุทฺธปูชํ ธมฺมปูชํ สงฺฆปูชํ กริสฺสามา’’ติ ตนฺนินฺนาฯ อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ อฎฺฐาสีติ, ‘‘พุโทฺธ’’ติ วจนํ อสฺสุตปุพฺพํ โสตปถํ อุปคตํ อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ สมุฎฺฐาเปนฺตํ ปีติสมุฎฺฐานปณีตรูเปหิ ฉวิจมฺมาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ อฎฺฐาสิฯ วิสฺสชฺชิตนฺติ วิกฺกิณนวเสน วินิโยชิตํฯ กมฺมฎฺฐานํ น อุปฎฺฐาตีติ ภาวนาวีถิํ น โอตรติฯ มยฺหํ อสปฺปาโยติ มยฺหํ กมฺมฎฺฐานภาวนาย สปฺปาโย อุปกาโร น โหติฯ

    ‘‘Buddhapūjaṃ dhammapūjaṃ saṅghapūjaṃ karissāmā’’ti tanninnā. Aṭṭhimiñjaṃ āhacca aṭṭhāsīti, ‘‘buddho’’ti vacanaṃ assutapubbaṃ sotapathaṃ upagataṃ anappakaṃ pītisomanassaṃ samuṭṭhāpentaṃ pītisamuṭṭhānapaṇītarūpehi chavicammādīni chinditvā aṭṭhimiñjaṃ āhacca aṭṭhāsi. Vissajjitanti vikkiṇanavasena viniyojitaṃ. Kammaṭṭhānaṃ na upaṭṭhātīti bhāvanāvīthiṃ na otarati. Mayhaṃ asappāyoti mayhaṃ kammaṭṭhānabhāvanāya sappāyo upakāro na hoti.

    โกจิ จงฺกมิตุํ สมโตฺถ นาม นตฺถิ มหตา สมุทฺทวีจิสเทฺทน อุปทฺทุตตฺตา ภาวนามนสิการสฺส อนภิสมฺภุณนโตฯ เตนาห ‘‘สมุทฺทวีจิโย’’ติอาทิฯ โสติ มกุฬวิหาโรฯ

    Kocicaṅkamituṃ samattho nāma natthi mahatā samuddavīcisaddena upaddutattā bhāvanāmanasikārassa anabhisambhuṇanato. Tenāha ‘‘samuddavīciyo’’tiādi. Soti makuḷavihāro.

    อุตฺตมชเวน คจฺฉมานา ยถาธิเปฺปตํ มคฺคํ อติกฺกมิตฺวา อญฺญตรํ ทีปกํ ปาปุณิ

    Uttamajavena gacchamānā yathādhippetaṃ maggaṃ atikkamitvā aññataraṃ dīpakaṃ pāpuṇi.

    อุปฺปาทิกํ อุฎฺฐาเปตฺวาติ มหาวาตมณฺฑลสมุฎฺฐาปเนน ตสฺมิํ ปเทเส มหาสมุทฺทํ สํโขเภโนฺต มหนฺตํ อุปฺปาทํ อุฎฺฐเปตฺวาฯ

    Uppādikaṃ uṭṭhāpetvāti mahāvātamaṇḍalasamuṭṭhāpanena tasmiṃ padese mahāsamuddaṃ saṃkhobhento mahantaṃ uppādaṃ uṭṭhapetvā.

    เถโร, ‘‘อเมฺห อาวเชฺชยฺยาถา’’ติ กนิฎฺฐสฺส วจนํ สริตฺวา อนฺตรนฺตรา อาวเชฺชติ, ตสฺมา ตทาปิ อาวเชฺชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ตสฺมิํเยว ขเณ อาวชฺชิตฺวา’’ติฯ สมฺมุเขติ สีสฎฺฐาเนฯ ปฎิเวเทสุนฺติ ปเวเทสุํ, อุปาสกา มยนฺติ ปฎิชานิํสุฯ อิมินาติ อิมินา มยฺหํ ปริจฺจตฺตโกฎฺฐาเสนฯ มณฺฑลมาฬนฺติ มุณฺฑมณฺฑลมาฬสทิสํ ปฎิสฺสยํฯ ปริจารกาติ อวเสสคามิโนฯ

    Thero, ‘‘amhe āvajjeyyāthā’’ti kaniṭṭhassa vacanaṃ saritvā antarantarā āvajjeti, tasmā tadāpi āvajjeti, taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘tasmiṃyeva khaṇe āvajjitvā’’ti. Sammukheti sīsaṭṭhāne. Paṭivedesunti pavedesuṃ, upāsakā mayanti paṭijāniṃsu. Imināti iminā mayhaṃ pariccattakoṭṭhāsena. Maṇḍalamāḷanti muṇḍamaṇḍalamāḷasadisaṃ paṭissayaṃ. Paricārakāti avasesagāmino.

    สจฺจพนฺธสฺส โอกาสํ กโรโนฺต ‘‘เอกูนปญฺจสตาน’’นฺติ อาหฯ ตํ ทิวสํ…เป.… อคฺคเหสิ, เตน โส เถโร ปฐมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ เอตทเคฺค ฐปิโตฯ

    Saccabandhassa okāsaṃ karonto ‘‘ekūnapañcasatāna’’nti āha. Taṃ divasaṃ…pe… aggahesi, tena so thero paṭhamaṃ salākaṃ gaṇhantānaṃ etadagge ṭhapito.

    วาณิชคามํ คนฺตฺวาติ วาณิชคามสมีปํ คนฺตฺวาฯ พุทฺธโกลาหลนฺติ พุทฺธานํ อุปคมฺม สตฺตานํ อุปฺปชฺชนกุตูหลํฯ

    Vāṇijagāmaṃ gantvāti vāṇijagāmasamīpaṃ gantvā. Buddhakolāhalanti buddhānaṃ upagamma sattānaṃ uppajjanakutūhalaṃ.

    มหาคนฺธกุฎิยํเยวาติ เชตวนมหาวิหาเร มหาคนฺธกุฎิยํเยวฯ ปริจริตพฺพนฺติ อุปฎฺฐาตพฺพํฯ

    Mahāgandhakuṭiyaṃyevāti jetavanamahāvihāre mahāgandhakuṭiyaṃyeva. Paricaritabbanti upaṭṭhātabbaṃ.

    คนฺธกฎฺฐานีติ จนฺทนอครุสลฬาทีนิ สุคนฺธกฎฺฐานิฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ

    Gandhakaṭṭhānīti candanaagarusalaḷādīni sugandhakaṭṭhāni. Sesaṃ suviññeyyamevāti.

    ปุโณฺณวาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Puṇṇovādasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๓. ปุโณฺณวาทสุตฺตํ • 3. Puṇṇovādasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ปุโณฺณวาทสุตฺตวณฺณนา • 3. Puṇṇovādasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact