Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๒. ปุปฺผสุตฺตํ
2. Pupphasuttaṃ
๙๔. สาวตฺถินิทานํฯ ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, โลเกน วิวทามิ, โลโกว มยา วิวทติฯ น, ภิกฺขเว, ธมฺมวาที เกนจิ โลกสฺมิํ วิวทติฯ ยํ, ภิกฺขเว, นตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ, อหมฺปิ ตํ ‘นตฺถี’ติ วทามิฯ ยํ, ภิกฺขเว, อตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ, อหมฺปิ ตํ ‘อตฺถี’ติ วทามิ’’ฯ
94. Sāvatthinidānaṃ. ‘‘Nāhaṃ, bhikkhave, lokena vivadāmi, lokova mayā vivadati. Na, bhikkhave, dhammavādī kenaci lokasmiṃ vivadati. Yaṃ, bhikkhave, natthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ, ahampi taṃ ‘natthī’ti vadāmi. Yaṃ, bhikkhave, atthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ, ahampi taṃ ‘atthī’ti vadāmi’’.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, นตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ, ยมหํ ‘นตฺถี’ติ วทามิ? รูปํ , ภิกฺขเว, นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตํ อวิปริณามธมฺมํ นตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ; อหมฺปิ ตํ ‘นตฺถี’ติ วทามิฯ เวทนา… สญฺญา… สงฺขารา… วิญฺญาณํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตํ อวิปริณามธมฺมํ นตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ; อหมฺปิ ตํ ‘นตฺถี’ติ วทามิฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, นตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ; อหมฺปิ ตํ ‘นตฺถี’ติ วทามิ’’ฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, natthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ, yamahaṃ ‘natthī’ti vadāmi? Rūpaṃ , bhikkhave, niccaṃ dhuvaṃ sassataṃ avipariṇāmadhammaṃ natthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ; ahampi taṃ ‘natthī’ti vadāmi. Vedanā… saññā… saṅkhārā… viññāṇaṃ niccaṃ dhuvaṃ sassataṃ avipariṇāmadhammaṃ natthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ; ahampi taṃ ‘natthī’ti vadāmi. Idaṃ kho, bhikkhave, natthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ; ahampi taṃ ‘natthī’ti vadāmi’’.
‘‘กิญฺจ, ภิกฺขเว, อตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ, ยมหํ ‘อตฺถี’ติ วทามิ? รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ อตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ; อหมฺปิ ตํ ‘อตฺถี’ติ วทามิฯ เวทนา อนิจฺจา…เป.… วิญฺญาณํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ อตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ; อหมฺปิ ตํ ‘อตฺถี’ติ วทามิฯ อิทํ โข, ภิกฺขเว, อตฺถิสมฺมตํ โลเก ปณฺฑิตานํ; อหมฺปิ ตํ ‘อตฺถี’ติ วทามิ’’ฯ
‘‘Kiñca, bhikkhave, atthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ, yamahaṃ ‘atthī’ti vadāmi? Rūpaṃ, bhikkhave, aniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ atthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ; ahampi taṃ ‘atthī’ti vadāmi. Vedanā aniccā…pe… viññāṇaṃ aniccaṃ dukkhaṃ vipariṇāmadhammaṃ atthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ; ahampi taṃ ‘atthī’ti vadāmi. Idaṃ kho, bhikkhave, atthisammataṃ loke paṇḍitānaṃ; ahampi taṃ ‘atthī’ti vadāmi’’.
‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, โลเก โลกธโมฺม, ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ; อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา ตํ อาจิกฺขติ เทเสติ ปญฺญเปติ ปฎฺฐเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติฯ
‘‘Atthi, bhikkhave, loke lokadhammo, taṃ tathāgato abhisambujjhati abhisameti; abhisambujjhitvā abhisametvā taṃ ācikkhati deseti paññapeti paṭṭhapeti vivarati vibhajati uttānīkaroti.
‘‘กิญฺจ , ภิกฺขเว, โลเก โลกธโมฺม, ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ, อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปญฺญเปติ ปฎฺฐเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ? รูปํ, ภิกฺขเว, โลเก โลกธโมฺม ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติฯ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปญฺญเปติ ปฎฺฐเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติฯ
‘‘Kiñca , bhikkhave, loke lokadhammo, taṃ tathāgato abhisambujjhati abhisameti, abhisambujjhitvā abhisametvā ācikkhati deseti paññapeti paṭṭhapeti vivarati vibhajati uttānīkaroti? Rūpaṃ, bhikkhave, loke lokadhammo taṃ tathāgato abhisambujjhati abhisameti. Abhisambujjhitvā abhisametvā ācikkhati deseti paññapeti paṭṭhapeti vivarati vibhajati uttānīkaroti.
‘‘โย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน เอวํ อาจิกฺขิยมาเน เทสิยมาเน ปญฺญปิยมาเน ปฎฺฐปิยมาเน วิวริยมาเน วิภชิยมาเน อุตฺตานีกริยมาเน น ชานาติ น ปสฺสติ ตมหํ, ภิกฺขเว, พาลํ ปุถุชฺชนํ อนฺธํ อจกฺขุกํ อชานนฺตํ อปสฺสนฺตํ กินฺติ กโรมิ! เวทนา, ภิกฺขเว, โลเก โลกธโมฺม…เป.… สญฺญา, ภิกฺขเว… สงฺขารา, ภิกฺขเว… วิญฺญาณํ, ภิกฺขเว, โลเก โลกธโมฺม ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติฯ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปญฺญเปติ ปฎฺฐเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติฯ
‘‘Yo, bhikkhave, tathāgatena evaṃ ācikkhiyamāne desiyamāne paññapiyamāne paṭṭhapiyamāne vivariyamāne vibhajiyamāne uttānīkariyamāne na jānāti na passati tamahaṃ, bhikkhave, bālaṃ puthujjanaṃ andhaṃ acakkhukaṃ ajānantaṃ apassantaṃ kinti karomi! Vedanā, bhikkhave, loke lokadhammo…pe… saññā, bhikkhave… saṅkhārā, bhikkhave… viññāṇaṃ, bhikkhave, loke lokadhammo taṃ tathāgato abhisambujjhati abhisameti. Abhisambujjhitvā abhisametvā ācikkhati deseti paññapeti paṭṭhapeti vivarati vibhajati uttānīkaroti.
‘‘โย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน เอวํ อาจิกฺขิยมาเน เทสิยมาเน ปญฺญปิยมาเน ปฎฺฐปิยมาเน วิวริยมาเน วิภชิยมาเน อุตฺตานีกริยมาเน น ชานาติ น ปสฺสติ ตมหํ, ภิกฺขเว, พาลํ ปุถุชฺชนํ อนฺธํ อจกฺขุกํ อชานนฺตํ อปสฺสนฺตํ กินฺติ กโรมิ!
‘‘Yo, bhikkhave, tathāgatena evaṃ ācikkhiyamāne desiyamāne paññapiyamāne paṭṭhapiyamāne vivariyamāne vibhajiyamāne uttānīkariyamāne na jānāti na passati tamahaṃ, bhikkhave, bālaṃ puthujjanaṃ andhaṃ acakkhukaṃ ajānantaṃ apassantaṃ kinti karomi!
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุปฺปลํ วา ปทุมํ วา ปุณฺฑรีกํ วา อุทเก ชาตํ อุทเก สํวฑฺฒํ อุทกา อจฺจุคฺคมฺม ฐาติ 1 อนุปลิตฺตํ อุทเกน; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตถาคโต โลเก ชาโต โลเก สํวโฑฺฒ โลกํ อภิภุยฺย วิหรติ อนุปลิโตฺต โลเกนา’’ติฯ ทุติยํฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, uppalaṃ vā padumaṃ vā puṇḍarīkaṃ vā udake jātaṃ udake saṃvaḍḍhaṃ udakā accuggamma ṭhāti 2 anupalittaṃ udakena; evameva kho, bhikkhave, tathāgato loke jāto loke saṃvaḍḍho lokaṃ abhibhuyya viharati anupalitto lokenā’’ti. Dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ปุปฺผสุตฺตวณฺณนา • 2. Pupphasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๒. ปุปฺผสุตฺตวณฺณนา • 2. Pupphasuttavaṇṇanā