Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหานิเทฺทส-อฎฺฐกถา • Mahāniddesa-aṭṭhakathā

    ๑๐. ปุราเภทสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา

    10. Purābhedasuttaniddesavaṇṇanā

    ๘๓. ทสเม ปุราเภทสุตฺตนิเทฺทเส กถํทสฺสีติ อิมสฺส สุตฺตสฺส อิโต ปเรสญฺจ ปญฺจนฺนํ กลหวิวาทจูฬพฺยูหมหาพฺยูหตุวฎกอตฺตทณฺฑสุตฺตานํ สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตวณฺณนายํ (สุ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๖๒ อาทโย) วุตฺตนเยเนว สามญฺญโต อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพาฯ วิเสสโต ปน ยเถว ตสฺมิํ มหาสมเย ราคจริตเทวตานํ สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสตุํ นิมฺมิตพุเทฺธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตนฺต- (สุ. นิ. ๓๖๑ อาทโย) มภาสิ, เอวํ ตสฺมิํเยว มหาสมเย ‘‘กิํ นุ โข ปุรา สรีรเภทา กตฺตพฺพ’’นฺติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เทวตานํ จิตฺตํ ญตฺวา ตาสํ อนุคฺคหตฺถํ อฑฺฒเตฬสภิกฺขุสตปริวารํ นิมฺมิตพุทฺธํ อากาเสน อาเนตฺวา เตน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิฯ

    83. Dasame purābhedasuttaniddese kathaṃdassīti imassa suttassa ito paresañca pañcannaṃ kalahavivādacūḷabyūhamahābyūhatuvaṭakaattadaṇḍasuttānaṃ sammāparibbājanīyasuttavaṇṇanāyaṃ (su. ni. aṭṭha. 2.362 ādayo) vuttanayeneva sāmaññato uppatti veditabbā. Visesato pana yatheva tasmiṃ mahāsamaye rāgacaritadevatānaṃ sappāyavasena dhammaṃ desetuṃ nimmitabuddhena attānaṃ pucchāpetvā sammāparibbājanīyasuttanta- (su. ni. 361 ādayo) mabhāsi, evaṃ tasmiṃyeva mahāsamaye ‘‘kiṃ nu kho purā sarīrabhedā kattabba’’nti uppannacittānaṃ devatānaṃ cittaṃ ñatvā tāsaṃ anuggahatthaṃ aḍḍhateḷasabhikkhusataparivāraṃ nimmitabuddhaṃ ākāsena ānetvā tena attānaṃ pucchāpetvā imaṃ suttamabhāsi.

    กถํ? พุทฺธา นาม มหนฺตา เอเต สตฺตวิเสสา, ยํ สเทวกสฺส โลกสฺส ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา น กิญฺจิ กตฺถจิ นีลาทิวเสน วิภตฺตรูปารมฺมเณสุ วิภตฺตรูปารมฺมณํ วา, เภริสทฺทาทิวเสน วิภตฺตสทฺทารมฺมณาทีสุ สทฺทาทิอารมฺมณํ วา อตฺถิ, ยํ เอเตสํ ญาณมุเข อาปาถํ นาคจฺฉติฯ ยถาห – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป.… สเทวมนุสฺสาย ทิฎฺฐํ สุตํ มุตํ วิญฺญาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ ตมหํ อพฺภญฺญาสิ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๒๔)ฯ เอวํ สพฺพตฺถ อปฺปฎิหตญาโณ ภควา สพฺพาปิ ตา เทวตา ภพฺพาภพฺพวเสน เทฺว โกฎฺฐาเส อกาสิฯ ‘‘กมฺมาวรเณน วา สมนฺนาคตา’’ติอาทินา (ปุ. ป. ๑๒) หิ นเยน วุตฺตา สตฺตา อภพฺพา นามฯ เต เอกวิหาเร วสเนฺตปิ พุทฺธา น โอโลเกนฺติฯ วิปรีตา ปน ภพฺพา นามฯ เต ทูเร วสเนฺตปิ คนฺตฺวา สงฺคณฺหนฺติฯ ตสฺมิํ เทวตาสนฺนิปาเต เย อภพฺพา, เต ปหาย ภเพฺพ ปริคฺคเหสิฯ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘เอตฺตกา เอตฺถ ราคจริตา, เอตฺตกา โทสาทิจริตา’’ติ จริยวเสน ฉ โกฎฺฐาเส อกาสิฯ อถ เนสํ สปฺปายธมฺมเทสนํ อุปธาเรโนฺต ‘‘ราคจริตานํ เทวานํ สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตํ (สุ. นิ. ๓๖๑ อาทโย) กเถสฺสามิ, โทสจริตานํ กลหวิวาทสุตฺตํ (สุ. นิ. ๘๖๘ อาทโย), โมหจริตานํ มหาพฺยูหสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๐๑ อาทโย), วิตกฺกจริตานํ จูฬพฺยูหสุตฺตํ (สุ. นิ. ๘๘๔ อาทโย), สทฺธาจริตานํ ตุวฎกสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๒๑ อาทโย), พุทฺธิจริตานํ ปุราเภทสุตฺตํ (สุ. นิ. ๘๕๔ อาทโย) กเถสฺสามี’’ติ เทสนํ ววตฺถาเปตฺวา ปุน ตํ ปริสํ มนสากาสิ ‘‘อตฺตชฺฌาสเยน นุ โข ชาเนยฺย, ปรชฺฌาสเยน, อฎฺฐุปฺปตฺติเกน, ปุจฺฉาวเสนา’’ติฯ ตโต ‘‘ปุจฺฉาวเสน ชาเนยฺยา’’ติ ญตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ เทวตานํ อชฺฌาสยํ คเหตฺวา จริยวเสน ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมโตฺถ’’ติ ‘‘เตสุ ปญฺจสเตสุ ภิกฺขูสุ เอโกปิ น สโกฺกตี’’ติ อทฺทสฯ ตโต อสีติมหาสาวเก, เทฺว อคฺคสาวเก จ สมนฺนาหริตฺวา ‘‘เตปิ น สโกฺกนฺตี’’ติ ทิสฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘สเจ ปเจฺจกพุโทฺธ ภเวยฺย, สกฺกุเณยฺย นุ โข’’ติฯ ‘‘โสปิ น สกฺกุเณโยฺย’’ติ ญตฺวา ‘‘สกฺกสุยามาทีสุ โกจิ สกฺกุเณยฺยา’’ติ สมนฺนาหริฯ สเจ หิ เตสุ โกจิ สกฺกุเณยฺย, ตํ ปุจฺฉาเปตฺวา อตฺตนา วิสฺสเชฺชยฺยฯ น ปน เตสุปิ โกจิ สโกฺกติฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘มาทิโส พุโทฺธเยว สกฺกุเณยฺย, อตฺถิ ปน กตฺถจิ อโญฺญ พุโทฺธ’’ติ อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตญาณํ ปตฺถริตฺวา โลกํ โอโลเกโนฺต น อญฺญํ พุทฺธํ อทฺทสฯ อนจฺฉริยเญฺจตํ, อิทานิ อตฺตนา สมํ น ปเสฺสยฺย, โย ชาตทิวเสปิ พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๗) วุตฺตนเยน อตฺตนา สมํ อปสฺสโนฺต ‘‘อโคฺคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑) อปฺปฎิวตฺติยํ สีหนาทํ นทิฯ เอวํ อญฺญํ อตฺตนา สมํ อปสฺสิตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘สเจ อหํ ปุจฺฉิตฺวา อหเมว วิสฺสเชฺชยฺยํ, เอวํ ตา เทวตา น สกฺขิสฺสนฺติ ปฎิวิชฺฌิตุํฯ อญฺญสฺมิํ ปน พุเทฺธเยว ปุจฺฉเนฺต มยิ จ วิสฺสชฺชเนฺต อเจฺฉรกํ ภวิสฺสติ, สกฺขิสฺสนฺติ จ เทวตา ปฎิวิชฺฌิตุํ, ตสฺมา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสฺสามี’’ติ อภิญฺญาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ‘‘ปตฺตจีวรคฺคหณํ อาโลกิตํ วิโลกิตํ สมิญฺชิตํ ปสาริตญฺจ มม สทิสํเยว โหตู’’ติ กามาวจรจิเตฺตหิ ปริกมฺมํ กตฺวา ‘‘ปาจีนยุคนฺธรปริเกฺขปโต อุลฺลงฺฆยมานํ จนฺทมณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา นิกฺขมโนฺต วิย อาคจฺฉตู’’ติ รูปาวจรจิเตฺตน อธิฎฺฐาสิฯ เทวสโงฺฆ ตํ ทิสฺวา ‘‘อโญฺญปิ นุ โข โภ, จโนฺท อุคฺคโต’’ติ อาหฯ อถ จนฺทํ โอหาย อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น จโนฺท, สูริโย อุคฺคโต’’ติฯ ปุน อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น สูริโย, เทววิมานํ เอต’’นฺติฯ ปุน อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น เทววิมานํ, เทวปุโตฺต เอโส’’ติฯ ปุน อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น เทวปุโตฺต, มหาพฺรหฺมา เอโส’’ติฯ ปุน อาสนฺนตเร ชาเต ‘‘น มหาพฺรหฺมา, อปโรปิ โภ พุโทฺธ อาคโต’’ติ อาหฯ

    Kathaṃ? Buddhā nāma mahantā ete sattavisesā, yaṃ sadevakassa lokassa diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā na kiñci katthaci nīlādivasena vibhattarūpārammaṇesu vibhattarūpārammaṇaṃ vā, bherisaddādivasena vibhattasaddārammaṇādīsu saddādiārammaṇaṃ vā atthi, yaṃ etesaṃ ñāṇamukhe āpāthaṃ nāgacchati. Yathāha – ‘‘yaṃ, bhikkhave, sadevakassa lokassa…pe… sadevamanussāya diṭṭhaṃ sutaṃ mutaṃ viññātaṃ pattaṃ pariyesitaṃ anuvicaritaṃ manasā, tamahaṃ jānāmi tamahaṃ abbhaññāsi’’nti (a. ni. 4.24). Evaṃ sabbattha appaṭihatañāṇo bhagavā sabbāpi tā devatā bhabbābhabbavasena dve koṭṭhāse akāsi. ‘‘Kammāvaraṇena vā samannāgatā’’tiādinā (pu. pa. 12) hi nayena vuttā sattā abhabbā nāma. Te ekavihāre vasantepi buddhā na olokenti. Viparītā pana bhabbā nāma. Te dūre vasantepi gantvā saṅgaṇhanti. Tasmiṃ devatāsannipāte ye abhabbā, te pahāya bhabbe pariggahesi. Pariggahetvā ‘‘ettakā ettha rāgacaritā, ettakā dosādicaritā’’ti cariyavasena cha koṭṭhāse akāsi. Atha nesaṃ sappāyadhammadesanaṃ upadhārento ‘‘rāgacaritānaṃ devānaṃ sammāparibbājanīyasuttaṃ (su. ni. 361 ādayo) kathessāmi, dosacaritānaṃ kalahavivādasuttaṃ (su. ni. 868 ādayo), mohacaritānaṃ mahābyūhasuttaṃ (su. ni. 901 ādayo), vitakkacaritānaṃ cūḷabyūhasuttaṃ (su. ni. 884 ādayo), saddhācaritānaṃ tuvaṭakasuttaṃ (su. ni. 921 ādayo), buddhicaritānaṃ purābhedasuttaṃ (su. ni. 854 ādayo) kathessāmī’’ti desanaṃ vavatthāpetvā puna taṃ parisaṃ manasākāsi ‘‘attajjhāsayena nu kho jāneyya, parajjhāsayena, aṭṭhuppattikena, pucchāvasenā’’ti. Tato ‘‘pucchāvasena jāneyyā’’ti ñatvā ‘‘atthi nu kho koci devatānaṃ ajjhāsayaṃ gahetvā cariyavasena pañhaṃ pucchituṃ samattho’’ti ‘‘tesu pañcasatesu bhikkhūsu ekopi na sakkotī’’ti addasa. Tato asītimahāsāvake, dve aggasāvake ca samannāharitvā ‘‘tepi na sakkontī’’ti disvā cintesi – ‘‘sace paccekabuddho bhaveyya, sakkuṇeyya nu kho’’ti. ‘‘Sopi na sakkuṇeyyo’’ti ñatvā ‘‘sakkasuyāmādīsu koci sakkuṇeyyā’’ti samannāhari. Sace hi tesu koci sakkuṇeyya, taṃ pucchāpetvā attanā vissajjeyya. Na pana tesupi koci sakkoti. Athassa etadahosi – ‘‘mādiso buddhoyeva sakkuṇeyya, atthi pana katthaci añño buddho’’ti anantāsu lokadhātūsu anantañāṇaṃ pattharitvā lokaṃ olokento na aññaṃ buddhaṃ addasa. Anacchariyañcetaṃ, idāni attanā samaṃ na passeyya, yo jātadivasepi brahmajālavaṇṇanāyaṃ (dī. ni. aṭṭha. 1.7) vuttanayena attanā samaṃ apassanto ‘‘aggohamasmi lokassā’’ti (dī. ni. 2.31) appaṭivattiyaṃ sīhanādaṃ nadi. Evaṃ aññaṃ attanā samaṃ apassitvā cintesi ‘‘sace ahaṃ pucchitvā ahameva vissajjeyyaṃ, evaṃ tā devatā na sakkhissanti paṭivijjhituṃ. Aññasmiṃ pana buddheyeva pucchante mayi ca vissajjante accherakaṃ bhavissati, sakkhissanti ca devatā paṭivijjhituṃ, tasmā nimmitabuddhaṃ māpessāmī’’ti abhiññāpādakaṃ jhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya ‘‘pattacīvaraggahaṇaṃ ālokitaṃ vilokitaṃ samiñjitaṃ pasāritañca mama sadisaṃyeva hotū’’ti kāmāvacaracittehi parikammaṃ katvā ‘‘pācīnayugandharaparikkhepato ullaṅghayamānaṃ candamaṇḍalaṃ bhinditvā nikkhamanto viya āgacchatū’’ti rūpāvacaracittena adhiṭṭhāsi. Devasaṅgho taṃ disvā ‘‘aññopi nu kho bho, cando uggato’’ti āha. Atha candaṃ ohāya āsannatare jāte ‘‘na cando, sūriyo uggato’’ti. Puna āsannatare jāte ‘‘na sūriyo, devavimānaṃ eta’’nti. Puna āsannatare jāte ‘‘na devavimānaṃ, devaputto eso’’ti. Puna āsannatare jāte ‘‘na devaputto, mahābrahmā eso’’ti. Puna āsannatare jāte ‘‘na mahābrahmā, aparopi bho buddho āgato’’ti āha.

    ตตฺถ ปุถุชฺชนเทวตา จินฺตยิํสุ – ‘‘เอกพุทฺธสฺส ตาว อยํ เทวตาสนฺนิปาโตฯ ทฺวินฺนํ กีวมหโนฺต ภวิสฺสตี’’ติฯ อริยเทวตา จินฺตยิํสุ – ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว พุทฺธา นาม นตฺถิ, อทฺธา ภควา อตฺตนา สทิสํ อญฺญํ เอกํ พุทฺธํ นิมฺมินี’’ติฯ อถสฺส เทวสงฺฆสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว นิมฺมิตพุโทฺธ อาคนฺตฺวา ทสพลํ อวนฺทิตฺวาว สมฺมุขฎฺฐาเน สมสมํ กตฺวา มาปิเต อาสเน นิสีทิฯ ภควโต พาตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ, นิมฺมิตสฺสาปิ, ภควโต สรีรา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมนฺติ, นิมฺมิตสฺสาปิ, ภควโต สรีรรสฺมิโย นิมฺมิตสรีเร ปฎิหญฺญนฺติ, นิมฺมิตสฺส รสฺมิโย ภควโต กาเย ปฎิหญฺญนฺติฯ ตา ทฺวินฺนมฺปิ พุทฺธานํ สรีรโต อุคฺคมฺม ภวคฺคํ อาหจฺจ ตโต ตโต ปฎินิวตฺติตฺวา เทวตานํ มตฺถกมตฺถกปริยเนฺตน โอตริตฺวา จกฺกวาฬมุขวฎฺฎิยํ ปติฎฺฐหิํสุฯ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ สุวณฺณมยวงฺกโคปานสิวินทฺธมิว เจติยฆรํ วิโรจิตฺถฯ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกจกฺกวาเฬ ราสิภูตา ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ รสฺมิอพฺภนฺตรํ ปวิสิตฺวา อฎฺฐํสุฯ นิมฺมิโต นิสีทโนฺตเยว ‘‘กถํทสฺสี กถํสีโล, อุปสโนฺตติ วุจฺจตี’’ติอาทินา นเยน อธิปญฺญาทิกํ ปุจฺฉโนฺต คาถมาหฯ

    Tattha puthujjanadevatā cintayiṃsu – ‘‘ekabuddhassa tāva ayaṃ devatāsannipāto. Dvinnaṃ kīvamahanto bhavissatī’’ti. Ariyadevatā cintayiṃsu – ‘‘ekissā lokadhātuyā dve buddhā nāma natthi, addhā bhagavā attanā sadisaṃ aññaṃ ekaṃ buddhaṃ nimminī’’ti. Athassa devasaṅghassa passantasseva nimmitabuddho āgantvā dasabalaṃ avanditvāva sammukhaṭṭhāne samasamaṃ katvā māpite āsane nisīdi. Bhagavato bāttiṃsamahāpurisalakkhaṇāni, nimmitassāpi, bhagavato sarīrā chabbaṇṇarasmiyo nikkhamanti, nimmitassāpi, bhagavato sarīrarasmiyo nimmitasarīre paṭihaññanti, nimmitassa rasmiyo bhagavato kāye paṭihaññanti. Tā dvinnampi buddhānaṃ sarīrato uggamma bhavaggaṃ āhacca tato tato paṭinivattitvā devatānaṃ matthakamatthakapariyantena otaritvā cakkavāḷamukhavaṭṭiyaṃ patiṭṭhahiṃsu. Sakalacakkavāḷagabbhaṃ suvaṇṇamayavaṅkagopānasivinaddhamiva cetiyagharaṃ virocittha. Dasasahassacakkavāḷadevatā ekacakkavāḷe rāsibhūtā dvinnaṃ buddhānaṃ rasmiabbhantaraṃ pavisitvā aṭṭhaṃsu. Nimmito nisīdantoyeva ‘‘kathaṃdassī kathaṃsīlo, upasantoti vuccatī’’tiādinā nayena adhipaññādikaṃ pucchanto gāthamāha.

    ตตฺถ ปุจฺฉาย ตาว โส นิมฺมิโต กถํทสฺสีติ อธิปญฺญํ, กถํสีโลติ อธิสีลํ, อุปสโนฺตติ อธิจิตฺตํ ปุจฺฉติฯ เสสํ ปากฎเมวฯ

    Tattha pucchāya tāva so nimmito kathaṃdassīti adhipaññaṃ, kathaṃsīloti adhisīlaṃ, upasantoti adhicittaṃ pucchati. Sesaṃ pākaṭameva.

    นิมฺมิตพุทฺธาทิวิภาวนตฺถํ เปฎเก –

    Nimmitabuddhādivibhāvanatthaṃ peṭake –

    ‘‘อุเปติ ธมฺมํ ปริปุจฺฉมาโน, กุสลํ อตฺถุปสญฺหิตํ;

    ‘‘Upeti dhammaṃ paripucchamāno, kusalaṃ atthupasañhitaṃ;

    น ชีวติ น นิพฺพุโต น มโต, ตํ ปุคฺคลํ กตมํ วทนฺติ พุทฺธาฯ (ปริ. ๔๗๙);

    Na jīvati na nibbuto na mato, taṃ puggalaṃ katamaṃ vadanti buddhā. (pari. 479);

    ‘‘สํสารขีโณ น จ วนฺตราโค, น จาปิ เสโกฺข น จ ทิฎฺฐธโมฺม;

    ‘‘Saṃsārakhīṇo na ca vantarāgo, na cāpi sekkho na ca diṭṭhadhammo;

    อขีณาสโว อนฺติมเทหธารี, ตํ ปุคฺคลํ กตมํ วทนฺติ พุทฺธาฯ

    Akhīṇāsavo antimadehadhārī, taṃ puggalaṃ katamaṃ vadanti buddhā.

    ‘‘น ทุกฺขสเจฺจน สมงฺคิภูโต, น มคฺคสเจฺจน กุโต นิโรโธ;

    ‘‘Na dukkhasaccena samaṅgibhūto, na maggasaccena kuto nirodho;

    สมุทยสจฺจโต สุวิทูรวิทูโร, ตํ ปุคฺคลํ กตมํ วทนฺติ พุทฺธาฯ

    Samudayasaccato suvidūravidūro, taṃ puggalaṃ katamaṃ vadanti buddhā.

    ‘‘อเหตุโก โนปิ จ รูปนิสฺสิโต, อปจฺจโย โนปิ จ โส อสงฺขโต;

    ‘‘Ahetuko nopi ca rūpanissito, apaccayo nopi ca so asaṅkhato;

    อสงฺขตารมฺมโณ โนปิ จ รูปี, ตํ ปุคฺคลํ กตมํ วทนฺติ พุทฺธา’’ติฯ –

    Asaṅkhatārammaṇo nopi ca rūpī, taṃ puggalaṃ katamaṃ vadanti buddhā’’ti. –

    วุตฺตํฯ

    Vuttaṃ.

    ตตฺถ ปฐมคาถา นิมฺมิตพุทฺธํ สนฺธาย, ทุติยคาถา ปจฺฉิมภวิกโพธิสตฺตํ สนฺธาย, ตติยคาถา อรหตฺตผลฎฺฐํ สนฺธาย, จตุตฺถคาถา อรูเป นิพฺพานปจฺจเวกฺขณมโนทฺวารปุเรจาริกจิตฺตสมงฺคิํ สนฺธาย วุตฺตาติ ญาตพฺพาฯ กีทิเสน ทสฺสเนนาติ กีทิสวเสน ทสฺสเนนฯ กิํสณฺฐิเตนาติ กิํสริเกฺขนฯ กิํปกาเรนาติ กิํวิเธนฯ กิํปฎิภาเคนาติ กิํอากาเรนฯ

    Tattha paṭhamagāthā nimmitabuddhaṃ sandhāya, dutiyagāthā pacchimabhavikabodhisattaṃ sandhāya, tatiyagāthā arahattaphalaṭṭhaṃ sandhāya, catutthagāthā arūpe nibbānapaccavekkhaṇamanodvārapurecārikacittasamaṅgiṃ sandhāya vuttāti ñātabbā. Kīdisena dassanenāti kīdisavasena dassanena. Kiṃsaṇṭhitenāti kiṃsarikkhena. Kiṃpakārenāti kiṃvidhena. Kiṃpaṭibhāgenāti kiṃākārena.

    ยํ ปุจฺฉามีติ ยํ ปุคฺคลํ ปุจฺฉามิ, ตํ มยฺหํ วิยากโรหิฯ ยาจามีติ อายาจามิฯ อเชฺฌสามีติ อาณาเปมิฯ ปสาเทมีติ ตว สนฺตาเน โสมนสฺสํ อุปฺปาเทมิฯ พฺรูหีติ นิเทฺทสสฺส อุเทฺทสปทํฯ อาจิกฺขาติ เทเสตพฺพานํ ‘‘อิมานิ นามานี’’ติ นามวเสน กเถหิฯ เทเสหีติ ทเสฺสหิ ฯ ปญฺญเปหีติ ชานาเปหิฯ ญาณมุขวเสน หิ อปฺปนํ ฐเปโนฺต ‘‘ปญฺญเปหี’’ติ วุจฺจติฯ ปฎฺฐเปหีติ ปญฺญาเปหิ, ปวตฺตาเปหีติ อโตฺถฯ ญาณมุเข ฐเปหีติ วาฯ วิวราติ วิวฎํ กโรหิ, วิวริตฺวา ทเสฺสหีติ อโตฺถฯ วิภชาติ วิภาคกิริยาย วิภาเวโนฺต ทเสฺสหีติ อโตฺถฯ อุตฺตานีกโรหีติ ปากฎภาวํ กโรหิฯ

    Yaṃ pucchāmīti yaṃ puggalaṃ pucchāmi, taṃ mayhaṃ viyākarohi. Yācāmīti āyācāmi. Ajjhesāmīti āṇāpemi. Pasādemīti tava santāne somanassaṃ uppādemi. Brūhīti niddesassa uddesapadaṃ. Ācikkhāti desetabbānaṃ ‘‘imāni nāmānī’’ti nāmavasena kathehi. Desehīti dassehi . Paññapehīti jānāpehi. Ñāṇamukhavasena hi appanaṃ ṭhapento ‘‘paññapehī’’ti vuccati. Paṭṭhapehīti paññāpehi, pavattāpehīti attho. Ñāṇamukhe ṭhapehīti vā. Vivarāti vivaṭaṃ karohi, vivaritvā dassehīti attho. Vibhajāti vibhāgakiriyāya vibhāvento dassehīti attho. Uttānīkarohīti pākaṭabhāvaṃ karohi.

    อถ วา อาจิกฺขาติ เทสนาทีนํ ฉนฺนํ ปทานํ มูลปทํฯ เทสนาทีนิ ฉ ปทานิ เอตสฺส อตฺถสฺส วิวรณตฺถํ วุตฺตานิฯ ตตฺถ เทเสหีติ อุคฺฆฎิตญฺญูนํ วเสน สเงฺขปโต ปฐมํ อุเทฺทสวเสน เทเสหิฯ อุคฺฆฎิตญฺญู หิ สเงฺขเปน วุตฺตํ ปฐมํ วุตฺตญฺจ ปฎิวิชฺฌนฺติฯ ปญฺญเปหีติ วิปญฺจิตญฺญูนํ วเสน เตสํ จิตฺตโตสเนน พุทฺธินิสาเนน จ ปฐมํ สํขิตฺตสฺส วิตฺถารโต นิเทฺทสวเสเนว ปญฺญเปหิฯ ปฎฺฐเปหีติ เตสํเยว นิทฺทิฎฺฐสฺส นิเทฺทสสฺส ปฎินิเทฺทสวเสน วิตฺถาริตวเสน ฐเปติ ปฎฺฐเปหิฯ วิวราติ นิทฺทิฎฺฐสฺสปิ ปุนปฺปุนํ วจเนน วิวราหิฯ วิภชาติ ปุนปฺปุนํ วุตฺตสฺสาปิ วิภาคกรเณน วิภชาหิฯ อุตฺตานีกโรหีติ วิวฎสฺส วิตฺถารตรวจเนน วิภตฺตสฺส จ นิทสฺสนวจเนน อุตฺตานิํ กโรหิฯ อยํ เทสนา เนยฺยานมฺปิ ปฎิเวธาย โหตีติฯ

    Atha vā ācikkhāti desanādīnaṃ channaṃ padānaṃ mūlapadaṃ. Desanādīni cha padāni etassa atthassa vivaraṇatthaṃ vuttāni. Tattha desehīti ugghaṭitaññūnaṃ vasena saṅkhepato paṭhamaṃ uddesavasena desehi. Ugghaṭitaññū hi saṅkhepena vuttaṃ paṭhamaṃ vuttañca paṭivijjhanti. Paññapehīti vipañcitaññūnaṃ vasena tesaṃ cittatosanena buddhinisānena ca paṭhamaṃ saṃkhittassa vitthārato niddesavaseneva paññapehi. Paṭṭhapehīti tesaṃyeva niddiṭṭhassa niddesassa paṭiniddesavasena vitthāritavasena ṭhapeti paṭṭhapehi. Vivarāti niddiṭṭhassapi punappunaṃ vacanena vivarāhi. Vibhajāti punappunaṃ vuttassāpi vibhāgakaraṇena vibhajāhi. Uttānīkarohīti vivaṭassa vitthārataravacanena vibhattassa ca nidassanavacanena uttāniṃ karohi. Ayaṃ desanā neyyānampi paṭivedhāya hotīti.

    ๘๔. วิสฺสชฺชเน ปน ภควา สรูเปน อธิปญฺญาทีนิ อวิสฺสเชฺชตฺวาว อธิปญฺญาทิปฺปภาเวน เยสํ กิเลสานํ อุปสมา ‘‘อุปสโนฺต’’ติ วุจฺจติ, นานาเทวตานํ อาสยานุโลเมน เตสํ อุปสมเมว ทีเปโนฺต ‘‘วีตตโณฺห’’ติอาทิกา คาถาโย อภาสิฯ ตตฺถ อาทิโต อฎฺฐนฺนํ คาถานํ ‘‘ตํ พฺรูมิ อุปสโนฺต’’ติ อิมาย คาถาย สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ, ตโต ปราสํ ‘‘ส เว สโนฺตติ วุจฺจตี’’ติ อิมินา สพฺพปจฺฉิเมน ปเทนฯ

    84. Vissajjane pana bhagavā sarūpena adhipaññādīni avissajjetvāva adhipaññādippabhāvena yesaṃ kilesānaṃ upasamā ‘‘upasanto’’ti vuccati, nānādevatānaṃ āsayānulomena tesaṃ upasamameva dīpento ‘‘vītataṇho’’tiādikā gāthāyo abhāsi. Tattha ādito aṭṭhannaṃ gāthānaṃ ‘‘taṃ brūmi upasanto’’ti imāya gāthāya sambandho veditabbo, tato parāsaṃ ‘‘sa ve santoti vuccatī’’ti iminā sabbapacchimena padena.

    อนุปทวณฺณนานโย – วีตตโณฺห ปุราเภทาติ โย สรีรเภทา ปุพฺพเมว ปหีนตโณฺหฯ ปุพฺพมนฺตมนิสฺสิโตติ อตีตทฺธาทิเภทํ ปุพฺพอนฺตํ อนิสฺสิโตฯ เวมเชฺฌ นุปสเงฺขโยฺยติ ปจฺจุปฺปเนฺนปิ อทฺธนิ ‘‘รโตฺต’’ติอาทินา นเยน น อุปสงฺขาตโพฺพ ฯ ตสฺส นตฺถิ ปุรกฺขตนฺติ ตสฺส อรหโต ทฺวินฺนํ ปุเรกฺขารานํ อภาวา อนาคเต อทฺธนิ ปุรกฺขตมปิ นตฺถิ, ตํ พฺรูมิ อุปสโนฺตติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ

    Anupadavaṇṇanānayo – vītataṇho purābhedāti yo sarīrabhedā pubbameva pahīnataṇho. Pubbamantamanissitoti atītaddhādibhedaṃ pubbaantaṃ anissito. Vemajjhe nupasaṅkheyyoti paccuppannepi addhani ‘‘ratto’’tiādinā nayena na upasaṅkhātabbo . Tassa natthi purakkhatanti tassa arahato dvinnaṃ purekkhārānaṃ abhāvā anāgate addhani purakkhatamapi natthi, taṃ brūmi upasantoti evamettha yojanā veditabbā. Esa nayo sabbattha.

    ปุรา กายสฺส เภทาติ กรชกายสฺส เภทโต ปุเพฺพเยวฯ อตฺตภาวสฺสาติ สกลตฺตภาวสฺสฯ กเฬวรสฺส นิเกฺขปาติ กเฬวรสฺส นิเกฺขปโต สรีรสฺส ฐปนโตฯ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปเจฺฉทาติ ทุวิธสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปเจฺฉทโต ปุพฺพเมวฯ

    Purā kāyassa bhedāti karajakāyassa bhedato pubbeyeva. Attabhāvassāti sakalattabhāvassa. Kaḷevarassa nikkhepāti kaḷevarassa nikkhepato sarīrassa ṭhapanato. Jīvitindriyassa upacchedāti duvidhassa jīvitindriyassa upacchedato pubbameva.

    ปุพฺพโนฺต วุจฺจติ อตีโต อทฺธาติ ปุพฺพสงฺขาโต อโนฺต โกฎฺฐาโส ‘‘อตีโต อทฺธาติ, อติกฺกโนฺต กาโล’’ติ กถียติฯ อตีตํ อทฺธานํ อารพฺภาติ อตีตกาลํ ปฎิจฺจ ตณฺหา ปหีนาฯ

    Pubbanto vuccati atīto addhāti pubbasaṅkhāto anto koṭṭhāso ‘‘atīto addhāti, atikkanto kālo’’ti kathīyati. Atītaṃ addhānaṃ ārabbhāti atītakālaṃ paṭicca taṇhā pahīnā.

    อปรมฺปิ ภเทฺทกรตฺตปริยายํ (ม. นิ. ๓.๒๗๒ อาทโย) ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอวํรูโป อโหสินฺติ กาโฬปิ สมาโน อินฺทนีลมณิวโณฺณ อโหสินฺติ เอวํ มนุญฺญรูปวเสเนว เอวํรูโป อโหสิํฯ กุสลสุขโสมนสฺสเวทนาวเสเนว เอวํเวทโนฯ ตํ สมฺปยุตฺตานํเยว สญฺญาทีนํ วเสน เอวํสโญฺญฯ เอวํสงฺขาโรฯ เอวํวิญฺญาโณ อโหสิํ อตีตมทฺธานนฺติ ตตฺถ นนฺทิํ น สมนฺนาเนตีติ เตสุ รูปาทีสุ ตณฺหํ วา ตณฺหาสมฺปยุตฺตทิฎฺฐิํ วา นานุปวตฺตยติฯ อปเรน ปริยาเยน มหากจฺจานภเทฺทกรตฺตปริยายํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ วา อิติ เม จกฺขุ อโหสี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ จกฺขูติ จกฺขุปสาโทฯ รูปาติ จตุสมุฎฺฐานิกรูปาฯ อิมินา นเยน เสสายตนานิปิ เวทิตพฺพานิฯ วิญฺญาณนฺติ นิสฺสยวิญฺญาณํฯ น ตทภินนฺทตีติ ตํ จกฺขุเญฺจว รูปญฺจ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน นาภินนฺทติฯ อิติ เม มโน อโหสิ อิติ ธมฺมาติ เอตฺถ ปน มโนติ ภวงฺคจิตฺตํฯ ธมฺมาติ เตภูมกธมฺมารมฺมณํฯ หสิตลปิตกีฬิตานีติ ทนฺตวิทํสกหสิตญฺจ วาจาลปิตญฺจ กายกีฬาทิกีฬิตญฺจาติ หสิตลปิตกีฬิตานิฯ น ตทสฺสาเทตีติ ตานิ หสิตาทีนิ นาภินนฺทติฯ น ตํ นิกาเมตีติ กนฺตํ น กโรติฯ น จ เตน วิตฺติํ อาปชฺชตีติ เตน จ ตุฎฺฐิํ น ปาปุณาติฯ

    Aparampi bhaddekarattapariyāyaṃ (ma. ni. 3.272 ādayo) dassento ‘‘atha vā’’tiādimāha. Tattha evaṃrūpo ahosinti kāḷopi samāno indanīlamaṇivaṇṇo ahosinti evaṃ manuññarūpavaseneva evaṃrūpo ahosiṃ. Kusalasukhasomanassavedanāvaseneva evaṃvedano. Taṃ sampayuttānaṃyeva saññādīnaṃ vasena evaṃsañño. Evaṃsaṅkhāro. Evaṃviññāṇo ahosiṃ atītamaddhānanti tattha nandiṃ na samannānetīti tesu rūpādīsu taṇhaṃ vā taṇhāsampayuttadiṭṭhiṃ vā nānupavattayati. Aparena pariyāyena mahākaccānabhaddekarattapariyāyaṃ dassento ‘‘atha vā iti me cakkhu ahosī’’tiādimāha. Tattha cakkhūti cakkhupasādo. Rūpāti catusamuṭṭhānikarūpā. Iminā nayena sesāyatanānipi veditabbāni. Viññāṇanti nissayaviññāṇaṃ. Na tadabhinandatīti taṃ cakkhuñceva rūpañca taṇhādiṭṭhivasena nābhinandati. Iti me mano ahosi iti dhammāti ettha pana manoti bhavaṅgacittaṃ. Dhammāti tebhūmakadhammārammaṇaṃ. Hasitalapitakīḷitānīti dantavidaṃsakahasitañca vācālapitañca kāyakīḷādikīḷitañcāti hasitalapitakīḷitāni. Na tadassādetīti tāni hasitādīni nābhinandati. Na taṃ nikāmetīti kantaṃ na karoti. Na ca tena vittiṃ āpajjatīti tena ca tuṭṭhiṃ na pāpuṇāti.

    ตํ ตํ ปจฺจยํ ปฎิจฺจ อุปฺปโนฺนติ ปจฺจุปฺปโนฺนฯ รโตฺตติ นุปสเงฺขโยฺยติ ราเคน รโตฺตติ คณนํ น อุปเนตโพฺพฯ อุปริปิ เอเสว นโยฯ เอวรูโป สิยนฺติอาทีสุ ปณีตมนุญฺญรูปาทิวเสเนว ตณฺหาทิฎฺฐิปวตฺตนสงฺขาตา นนฺที สมนฺนานยนา เวทิตพฺพาฯ น ปณิทหตีติ ปตฺถนาวเสน น ฐเปติฯ อปฺปณิธานปจฺจยาติ น ปตฺถนาฐปนการเณนฯ

    Taṃ taṃ paccayaṃ paṭicca uppannoti paccuppanno. Rattoti nupasaṅkheyyoti rāgena rattoti gaṇanaṃ na upanetabbo. Uparipi eseva nayo. Evarūpo siyantiādīsu paṇītamanuññarūpādivaseneva taṇhādiṭṭhipavattanasaṅkhātā nandī samannānayanā veditabbā. Na paṇidahatīti patthanāvasena na ṭhapeti. Appaṇidhānapaccayāti na patthanāṭhapanakāraṇena.

    ๘๕. อสนฺตาสีติ เตน เตน อลาภโต อสนฺตสโนฺตฯ อวิกตฺถีติ สีลาทีหิ อวิกตฺถนสีโลฯ อกุกฺกุโจติ หตฺถกุกฺกุจฺจาทิวิรหิโตฯ มนฺตภาณีติ มนฺตาย ปริคฺคเหตฺวา วาจํ ภาสิตาฯ อนุทฺธโตติ อุทฺธจฺจวิรหิโตฯ ส เว วาจายโตติ โส วาจาย ยโต สํยโต จตุโทสวิรหิตํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ

    85.Asantāsīti tena tena alābhato asantasanto. Avikatthīti sīlādīhi avikatthanasīlo. Akukkucoti hatthakukkuccādivirahito. Mantabhāṇīti mantāya pariggahetvā vācaṃ bhāsitā. Anuddhatoti uddhaccavirahito. Sa ve vācāyatoti so vācāya yato saṃyato catudosavirahitaṃ vācaṃ bhāsitā hoti.

    อโกฺกธโนติ ยญฺหิ โข วุตฺตนฺติ ‘‘น โกธโน อโกธโน โกธวิรหิโต’’ติ ยํ กถิตํ, ตํ ปฐมํ ตาว โกธํ กเถตุกาโม ‘‘อปิจ โกโธ ตาว วตฺตโพฺพ’’ติ อาหฯ โกโธ ตาว วตฺตโพฺพติ ปฐมํ โกโธ กเถตโพฺพฯ ทสหากาเรหิ โกโธ ชายตีติ ทสหิ การเณหิ โกโธ อุปฺปชฺชติฯ อนตฺถํ เม อจรีติ อวฑฺฒิํ เม อกาสิ, อิมินา อุปาเยน สพฺพปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อฎฺฐาเน วา ปน โกโธ ชายตีติ อการเณ โกโธ อุปฺปชฺชติฯ เอกโจฺจ หิ ‘‘เทโว อติวสฺสตี’’ติ กุปฺปติ, ‘‘น วสฺสตี’’ติ กุปฺปติ, ‘‘สูริโย ตปฺปตี’’ติ กุปฺปติ, ‘‘น ตปฺปตี’’ติ กุปฺปติ, วาเต วายเนฺตปิ กุปฺปติ, อวายเนฺตปิ กุปฺปติ, สมฺมชฺชิตุํ อสโกฺกโนฺต โพธิปณฺณานํ กุปฺปติ, จีวรํ ปารุปิตุํ อสโกฺกโนฺต วาตสฺส กุปฺปติ, อุปกฺขลิตฺวา ขาณุกสฺส กุปฺปติฯ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อฎฺฐาเน วา ปน โกโธ ชายตี’’ติฯ ตตฺถ เหฎฺฐา นวสุ ฐาเนสุ สเตฺต อารพฺภ อุปฺปนฺนตฺตา กมฺมปถเภโท โหติฯ

    Akkodhanoti yañhi kho vuttanti ‘‘na kodhano akodhano kodhavirahito’’ti yaṃ kathitaṃ, taṃ paṭhamaṃ tāva kodhaṃ kathetukāmo ‘‘apica kodho tāva vattabbo’’ti āha. Kodho tāva vattabboti paṭhamaṃ kodho kathetabbo. Dasahākārehi kodho jāyatīti dasahi kāraṇehi kodho uppajjati. Anatthaṃ me acarīti avaḍḍhiṃ me akāsi, iminā upāyena sabbapadesu attho veditabbo. Aṭṭhāne vā pana kodho jāyatīti akāraṇe kodho uppajjati. Ekacco hi ‘‘devo ativassatī’’ti kuppati, ‘‘na vassatī’’ti kuppati, ‘‘sūriyo tappatī’’ti kuppati, ‘‘na tappatī’’ti kuppati, vāte vāyantepi kuppati, avāyantepi kuppati, sammajjituṃ asakkonto bodhipaṇṇānaṃ kuppati, cīvaraṃ pārupituṃ asakkonto vātassa kuppati, upakkhalitvā khāṇukassa kuppati. Idaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘aṭṭhāne vā pana kodho jāyatī’’ti. Tattha heṭṭhā navasu ṭhānesu satte ārabbha uppannattā kammapathabhedo hoti.

    อฎฺฐานฆาโต ปน สงฺขาเรสุ อุปฺปโนฺน กมฺมปถเภทํ น กโรติฯ จิตฺตํ อาฆาเตโนฺต อุปฺปโนฺนติ จิตฺตสฺส อาฆาโตฯ ตโต พลวตโร ปฎิฆาโตฯ ปฎิหญฺญนวเสน ปฎิฆํฯ ปฎิวิรุชฺฌตีติ ปฎิวิโรโธฯ กุปฺปนวเสน โกโปฯ ปโกโป สมฺปโกโปติ อุปสคฺควเสน ปทํ วฑฺฒิตํฯ ทุสฺสนวเสน โทโสฯ ปโทโส สมฺปโทโสติ อุปสคฺควเสน ปทํ วฑฺฒิตํฯ จิตฺตสฺส พฺยาปตฺตีติ จิตฺตสฺส วิปนฺนตา วิปริวตฺตนากาโรฯ มนํ ปทูสยมาโน อุปฺปชฺชตีติ มโนปโทโสฯ กุชฺฌนวเสน โกโธฯ กุชฺฌนากาโร กุชฺฌนาฯ กุชฺฌิตสฺส ภาโว กุชฺฌิตตฺตํฯ ทุสฺสตีติ โทโสฯ ทุสฺสนาติ ทุสฺสนากาโรฯ ทุสฺสิตตฺตนฺติ ทุสฺสิตภาโวฯ ปกติภาววิชหนเฎฺฐน พฺยาปชฺชนํ พฺยาปตฺติฯ พฺยาปชฺชนาติ พฺยาปชฺชนากาโรฯ วิรุชฺฌตีติ วิโรโธฯ ปุนปฺปุนํ วิรุชฺฌตีติ ปฎิวิโรโธฯ วิรุทฺธาการปฎิวิรุทฺธาการวเสน วา อิทํ วุตฺตํฯ จณฺฑิโก วุจฺจติ จโณฺฑ, ถทฺธปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว จณฺฑิกฺกํฯ น เอเตน สุโรปิตํ วจนํ โหติ, ทุรุตฺตํ อปริปุณฺณเมว โหตีติ อสุโรโปฯ กุทฺธกาเล หิ ปริปุณฺณวจนํ นาม นตฺถิ, สเจปิ กสฺสจิ โหติ, ตํ อปฺปมาณํฯ อปเร ปน ‘‘อสฺสุชนนเฎฺฐน อสฺสุโรปนโต อสฺสุโรโป’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ โสมนสฺสสฺสาปิ อสฺสุชนนโตฯ เหฎฺฐาวุตฺตอตฺตมนตาปฎิปกฺขโต น อตฺตมนตาติ อนตฺตมนตาฯ สา ปน ยสฺมา จิตฺตเสฺสว, น สตฺตสฺส, ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํฯ

    Aṭṭhānaghāto pana saṅkhāresu uppanno kammapathabhedaṃ na karoti. Cittaṃ āghātento uppannoti cittassa āghāto. Tato balavataro paṭighāto. Paṭihaññanavasena paṭighaṃ. Paṭivirujjhatīti paṭivirodho. Kuppanavasena kopo. Pakopo sampakopoti upasaggavasena padaṃ vaḍḍhitaṃ. Dussanavasena doso. Padoso sampadosoti upasaggavasena padaṃ vaḍḍhitaṃ. Cittassabyāpattīti cittassa vipannatā viparivattanākāro. Manaṃ padūsayamāno uppajjatīti manopadoso. Kujjhanavasena kodho. Kujjhanākāro kujjhanā. Kujjhitassa bhāvo kujjhitattaṃ. Dussatīti doso. Dussanāti dussanākāro. Dussitattanti dussitabhāvo. Pakatibhāvavijahanaṭṭhena byāpajjanaṃ byāpatti. Byāpajjanāti byāpajjanākāro. Virujjhatīti virodho. Punappunaṃ virujjhatīti paṭivirodho. Viruddhākārapaṭiviruddhākāravasena vā idaṃ vuttaṃ. Caṇḍiko vuccati caṇḍo, thaddhapuggalo, tassa bhāvo caṇḍikkaṃ. Na etena suropitaṃ vacanaṃ hoti, duruttaṃ aparipuṇṇameva hotīti asuropo. Kuddhakāle hi paripuṇṇavacanaṃ nāma natthi, sacepi kassaci hoti, taṃ appamāṇaṃ. Apare pana ‘‘assujananaṭṭhena assuropanato assuropo’’ti vadanti, taṃ akāraṇaṃ somanassassāpi assujananato. Heṭṭhāvuttaattamanatāpaṭipakkhato na attamanatāti anattamanatā. Sā pana yasmā cittasseva, na sattassa, tasmā ‘‘cittassā’’ti vuttaṃ.

    อธิมตฺตปริตฺตตา เวทิตพฺพาติ อธิมตฺตภาโว ปริตฺตภาโว จ, พลวภาโว มนฺทภาโวติ อโตฺถฯ กญฺจิ กาเลติ เอกทาฯ ‘‘กญฺจิ กาล’’นฺติปิ ปาโฐฯ จิตฺตาวิลกรณมโตฺต โหตีติ จิตฺตสฺส อาวิลกรณปฺปมาโณ, จิตฺตกิลิฎฺฐกรณปฺปมาโณติ อโตฺถฯ ‘‘จิตฺตาลสกรณมโตฺต’’ติปิ ปาโฐ, ตํ น สุนฺทรํฯ ตสฺส จิตฺตกิลมถกรณมโตฺตติ อโตฺถฯ น จ ตาว มุขกุลานวิกุลาโน โหตีติ มุขสฺส สโงฺกจนวิสโงฺกจโน น จ ตาว โหติฯ น จ ตาว หนุสโญฺจปโน โหตีติ ทฺวินฺนํ หนูนํ อปราปรํ จลโน น จ ตาว โหติฯ น จ ตาว ผรุสวาจํ นิจฺฉารโณ โหตีติ ปเรสํ มมฺมเจฺฉทกํ ผรุสวาจํ มุขโต นีหรเณน พหิ นิกฺขมโน น จ ตาว โหติฯ น จ ตาว ทิสาวิทิสานุวิโลกโน โหตีติ ปรสฺส อพฺภุกฺกิรณตฺถํ ทณฺฑาทิอตฺถาย ทิสญฺจ อนุทิสญฺจ ปุนปฺปุนํ วิโลกโน น จ ตาว โหติฯ

    Adhimattaparittatā veditabbāti adhimattabhāvo parittabhāvo ca, balavabhāvo mandabhāvoti attho. Kañci kāleti ekadā. ‘‘Kañci kāla’’ntipi pāṭho. Cittāvilakaraṇamatto hotīti cittassa āvilakaraṇappamāṇo, cittakiliṭṭhakaraṇappamāṇoti attho. ‘‘Cittālasakaraṇamatto’’tipi pāṭho, taṃ na sundaraṃ. Tassa cittakilamathakaraṇamattoti attho. Na ca tāva mukhakulānavikulāno hotīti mukhassa saṅkocanavisaṅkocano na ca tāva hoti. Na ca tāva hanusañcopano hotīti dvinnaṃ hanūnaṃ aparāparaṃ calano na ca tāva hoti. Na ca tāva pharusavācaṃ nicchāraṇo hotīti paresaṃ mammacchedakaṃ pharusavācaṃ mukhato nīharaṇena bahi nikkhamano na ca tāva hoti. Na ca tāva disāvidisānuvilokano hotīti parassa abbhukkiraṇatthaṃ daṇḍādiatthāya disañca anudisañca punappunaṃ vilokano na ca tāva hoti.

    น จ ตาว ทณฺฑสตฺถปรามสโน โหตีติ อาฆาตนตฺถํ ทณฺฑญฺจ เอกโตธาราทิสตฺถญฺจ อาทิยโน น จ ตาว โหติฯ น จ ตาว ทณฺฑสตฺถอพฺภุกฺกิรโณ โหตีติ วุตฺตปฺปการํ ทณฺฑสตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ปหรโณ น จ ตาว โหติฯ น จ ตาว ทณฺฑสตฺถอภินิปาตโน โหตีติ เอตํ ทุวิธํ ปรสฺส ปหรณตฺถํ น จ ตาว ขิปโน โหติฯ น จ ตาว ฉินฺนวิจฺฉินฺนกรโณ โหตีติ ทณฺฑสตฺถาทิขิปเนน ปรสรีรํ ทฺวิธากรโณ จ วิวิธากาเรน วณกรโณ จ น ตาว โหติฯ ‘‘ฉิทฺทวิจฺฉิทฺทกรโณ’’ติปิ ปาโฐฯ น จ ตาว สมฺภญฺชนปลิภญฺชโน โหตีติ สรีรํ ภญฺชิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณกรโณ น จ ตาว โหติฯ น จ ตาว องฺคมงฺคอปกฑฺฒโน โหตีติ องฺคปจฺจงฺคํ สมฺปคฺคเหตฺวา อปเนตฺวา กฑฺฒโน น จ ตาว โหติฯ น จ ตาว ชีวิตา โวโรปโน โหตีติ ชีวิตินฺทฺริยโต โวโรปโน น จ ตาว โหติฯ น จ ตาว สพฺพจาคปริจฺจาคาย สณฺฐิโต โหตีติ สพฺพํ ปรสฺส ชีวิตํ นาเสตฺวา อตฺตโน ชีวิตนาสนตฺถาย สณฺฐิโต น จ ตาว โหติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา อญฺญํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา อตฺตานํ ชีวิตา โวโรปนตฺถาย ฐิโต, ตทา สพฺพจาคปริจฺจาคา นาม โหติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    Na ca tāva daṇḍasatthaparāmasano hotīti āghātanatthaṃ daṇḍañca ekatodhārādisatthañca ādiyano na ca tāva hoti. Na ca tāva daṇḍasatthaabbhukkiraṇo hotīti vuttappakāraṃ daṇḍasatthaṃ ukkhipitvā paharaṇo na ca tāva hoti. Na ca tāvadaṇḍasatthaabhinipātano hotīti etaṃ duvidhaṃ parassa paharaṇatthaṃ na ca tāva khipano hoti. Na ca tāva chinnavicchinnakaraṇo hotīti daṇḍasatthādikhipanena parasarīraṃ dvidhākaraṇo ca vividhākārena vaṇakaraṇo ca na tāva hoti. ‘‘Chiddavicchiddakaraṇo’’tipi pāṭho. Na ca tāva sambhañjanapalibhañjano hotīti sarīraṃ bhañjitvā cuṇṇavicuṇṇakaraṇo na ca tāva hoti. Na ca tāva aṅgamaṅgaapakaḍḍhano hotīti aṅgapaccaṅgaṃ sampaggahetvā apanetvā kaḍḍhano na ca tāva hoti. Na ca tāva jīvitā voropano hotīti jīvitindriyato voropano na ca tāva hoti. Na ca tāva sabbacāgapariccāgāya saṇṭhito hotīti sabbaṃ parassa jīvitaṃ nāsetvā attano jīvitanāsanatthāya saṇṭhito na ca tāva hoti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yadā aññaṃ jīvitā voropetvā attānaṃ jīvitā voropanatthāya ṭhito, tadā sabbacāgapariccāgā nāma hoti. Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;

    ‘‘Kodhaṃ chetvā sukhaṃ seti, kodhaṃ chetvā na socati;

    โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ;

    Kodhassa visamūlassa, madhuraggassa brāhmaṇa;

    วธํ อริยา ปสํสนฺติ, ตญฺหิ เฉตฺวา น โสจตี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗, ๒๖๗);

    Vadhaṃ ariyā pasaṃsanti, tañhi chetvā na socatī’’ti. (saṃ. ni. 1.187, 267);

    ยโตติ ยทาฯ ปรปุคฺคลํ ฆาเฎตฺวาติ ปรปุคฺคลํ นาเสตฺวาฯ อตฺตานํ ฆาเฎตีติ อตฺตานํ มาเรติฯ ปรมุสฺสทคโตติ อติพลวภาวํ คโตฯ ปรมเวปุลฺลปฺปโตฺตติ อติวิปุลภาวํ ปโตฺตฯ โกธสฺส ปหีนตฺตาติ อนาคามิมเคฺคน วุตฺตปฺปการสฺส โกธสฺส ปหีนภาเวนฯ โกธวตฺถุสฺส ปริญฺญาตตฺตาติ โกธสฺส ปติฎฺฐาภูตสฺส การณภูตสฺส ปิยาปิยอฎฺฐานสงฺขาตสฺส วตฺถุสฺส ญาตตีรณปริญฺญาหิ พฺยาเปตฺวา ญาตภาเวนฯ โกธเหตุสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตาติ โกธสฺส ชนกเหตุโน โทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส อุจฺฉินฺนภาเวนฯ

    Yatoti yadā. Parapuggalaṃ ghāṭetvāti parapuggalaṃ nāsetvā. Attānaṃ ghāṭetīti attānaṃ māreti. Paramussadagatoti atibalavabhāvaṃ gato. Paramavepullappattoti ativipulabhāvaṃ patto. Kodhassa pahīnattāti anāgāmimaggena vuttappakārassa kodhassa pahīnabhāvena. Kodhavatthussa pariññātattāti kodhassa patiṭṭhābhūtassa kāraṇabhūtassa piyāpiyaaṭṭhānasaṅkhātassa vatthussa ñātatīraṇapariññāhi byāpetvā ñātabhāvena. Kodhahetussa upacchinnattāti kodhassa janakahetuno domanassasahagatacittuppādassa ucchinnabhāvena.

    ตาสีติ ภายนสีโล โหติฯ อุตฺตาสีติ อติภายนสีโลฯ ปริตฺตาสีติ สมนฺตโต ภายนสีโลฯ ภายตีติ ภยํ อุปฺปชฺชติฯ สนฺตาสํ อาปชฺชตีติ วิรูปภาวํ ปาปุณาติฯ กตฺถี โหตีติ อตฺตโน วณฺณภณนสีโล โหติฯ วิกตฺถีติ วิวิธา นานปฺปการโต วณฺณภณนสีโลฯ ชาติยา วาติ ขตฺติยภาวาทิชาติสมฺปตฺติยา วาฯ โคเตฺตน วาติ โคตมโคตฺตาทินา อุกฺกฎฺฐโคเตฺตน วาฯ โกลปุตฺติเยน วาติ มหากุลภาเวน วาฯ วณฺณโปกฺขรตาย วาติ วณฺณสมฺปนฺนสรีรตาย วาฯ สรีรญฺหิ ‘‘โปกฺขร’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺส วณฺณสมฺปตฺติยา อภิรูปภาเวนาติ อโตฺถฯ ธเนน วาติอาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ

    Tāsīti bhāyanasīlo hoti. Uttāsīti atibhāyanasīlo. Parittāsīti samantato bhāyanasīlo. Bhāyatīti bhayaṃ uppajjati. Santāsaṃ āpajjatīti virūpabhāvaṃ pāpuṇāti. Katthīhotīti attano vaṇṇabhaṇanasīlo hoti. Vikatthīti vividhā nānappakārato vaṇṇabhaṇanasīlo. Jātiyā vāti khattiyabhāvādijātisampattiyā vā. Gottena vāti gotamagottādinā ukkaṭṭhagottena vā. Kolaputtiyena vāti mahākulabhāvena vā. Vaṇṇapokkharatāya vāti vaṇṇasampannasarīratāya vā. Sarīrañhi ‘‘pokkhara’’nti vuccati, tassa vaṇṇasampattiyā abhirūpabhāvenāti attho. Dhanena vātiādīni uttānatthāneva.

    กุกฺกุจฺจนฺติ นิเทฺทสสฺส อุเทฺทสปทํฯ ตตฺถ กุกฺกุจฺจนฺติ กุจฺฉิตํ กตํ กุกตํ, ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจํฯ ตํ ปจฺฉานุตาปลกฺขณํ, กตากตานุโสจนรสํ, วิปฺปฎิสารปจฺจุปฎฺฐานํ, กตากตปทฎฺฐานํ, ทาสพฺยํ วิย ทฎฺฐพฺพํฯ หตฺถกุกฺกุจฺจมฺปีติ หเตฺถหิ กุจฺฉิตํ กตํ กุกตํ, ตสฺส ภาโว หตฺถกุกฺกุจฺจํฯ ปาทกุกฺกุจฺจาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Kukkuccanti niddesassa uddesapadaṃ. Tattha kukkuccanti kucchitaṃ kataṃ kukataṃ, tassa bhāvo kukkuccaṃ. Taṃ pacchānutāpalakkhaṇaṃ, katākatānusocanarasaṃ, vippaṭisārapaccupaṭṭhānaṃ, katākatapadaṭṭhānaṃ, dāsabyaṃ viya daṭṭhabbaṃ. Hatthakukkuccampīti hatthehi kucchitaṃ kataṃ kukataṃ, tassa bhāvo hatthakukkuccaṃ. Pādakukkuccādīsupi eseva nayo.

    อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญิตาติ อจฺฉมํสํ สูกรมํสนฺติ ขาทติ, ทีปิมํสํ มิคมํสนฺติ ขาทติ, อกปฺปิยโภชนํ กปฺปิยโภชนนฺติ ภุญฺชติ, วิกาเล กาลสญฺญิตาย ภุญฺชติ, อกปฺปิยปานกํ กปฺปิยปานกนฺติ ปิวติฯ อยํ อกปฺปิเย กปฺปิยสญฺญิตาฯ กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญิตาติ สูกรมํสํ อจฺฉมํสนฺติ ขาทติ, มิคมํสํ ทีปิมํสนฺติ ขาทติ, กปฺปิยโภชนํ อกปฺปิยโภชนนฺติ ภุญฺชติ, กาเล วิกาลสญฺญิตาย ภุญฺชติ, กปฺปิยปานกํ อกปฺปิยปานกนฺติ ปิวติฯ อยํ กปฺปิเย อกปฺปิยสญฺญิตาฯ อวเชฺช วชฺชสญฺญิตาติ นิโทฺทเส โทสสญฺญิตาฯ วเชฺช อวชฺชสญฺญิตาติ สโทเส นิโทฺทสสญฺญิตาฯ กุกฺกุจฺจายนาติ กุกฺกุจฺจายนากาโรฯ กุกฺกุจฺจายิตตฺตนฺติ กุกฺกุจฺจายิตภาโวฯ เจตโส วิปฺปฎิสาโรติ จิตฺตสฺส วิรูโป ปฎิสรณภาโวฯ มโนวิเลโขติ จิตฺตสฺส วิเลโขฯ

    Akappiyekappiyasaññitāti acchamaṃsaṃ sūkaramaṃsanti khādati, dīpimaṃsaṃ migamaṃsanti khādati, akappiyabhojanaṃ kappiyabhojananti bhuñjati, vikāle kālasaññitāya bhuñjati, akappiyapānakaṃ kappiyapānakanti pivati. Ayaṃ akappiye kappiyasaññitā. Kappiye akappiyasaññitāti sūkaramaṃsaṃ acchamaṃsanti khādati, migamaṃsaṃ dīpimaṃsanti khādati, kappiyabhojanaṃ akappiyabhojananti bhuñjati, kāle vikālasaññitāya bhuñjati, kappiyapānakaṃ akappiyapānakanti pivati. Ayaṃ kappiye akappiyasaññitā. Avajje vajjasaññitāti niddose dosasaññitā. Vajje avajjasaññitāti sadose niddosasaññitā. Kukkuccāyanāti kukkuccāyanākāro. Kukkuccāyitattanti kukkuccāyitabhāvo. Cetaso vippaṭisāroti cittassa virūpo paṭisaraṇabhāvo. Manovilekhoti cittassa vilekho.

    กตตฺตา จ อกตตฺตา จาติ กายทุจฺจริตาทีนํ กตภาเวน จ กายสุจริตาทีนํ อกตภาเวน จฯ กตํ เม กายทุจฺจริตนฺติ มยา กาเยน กิเลสปูติกตฺตา ทุฎฺฐุ จริตํ กาเยน กตํฯ อกตํ เม กายสุจริตนฺติ มยา กาเยน สุฎฺฐุ จริตํ น กตํฯ วจีทุจฺจริตวจีสุจริตาทีสุปิ เอเสว นโย นิโรธปริโยสาเนสุ ฯ

    Katattā ca akatattā cāti kāyaduccaritādīnaṃ katabhāvena ca kāyasucaritādīnaṃ akatabhāvena ca. Kataṃ me kāyaduccaritanti mayā kāyena kilesapūtikattā duṭṭhu caritaṃ kāyena kataṃ. Akataṃ me kāyasucaritanti mayā kāyena suṭṭhu caritaṃ na kataṃ. Vacīduccaritavacīsucaritādīsupi eseva nayo nirodhapariyosānesu .

    จิตฺตสฺสาติ น สตฺตสฺส น โปสสฺสฯ อุทฺธจฺจนฺติ อุทฺธตากาโรฯ อวูปสโมติ น วูปสโมฯ เจโต วิกฺขิปตีติ เจตโส วิเกฺขโป, ภนฺตตฺตํ จิตฺตสฺสาติ จิตฺตสฺส ภนฺตภาโว ภนฺตยานภนฺตโคณาทีนํ วิยฯ อิมินา เอการมฺมณสฺมิํเยว วิปฺผนฺทนํ กถิตํฯ อุทฺธจฺจญฺหิ เอการมฺมเณ วิปฺผนฺทติ, วิจิกิจฺฉา นานารมฺมเณติฯ อิทํ วุจฺจติ อุทฺธจฺจนฺติ อยํ อุทฺธตภาโว กถียติฯ

    Cittassāti na sattassa na posassa. Uddhaccanti uddhatākāro. Avūpasamoti na vūpasamo. Ceto vikkhipatīti cetaso vikkhepo, bhantattaṃ cittassāti cittassa bhantabhāvo bhantayānabhantagoṇādīnaṃ viya. Iminā ekārammaṇasmiṃyeva vipphandanaṃ kathitaṃ. Uddhaccañhi ekārammaṇe vipphandati, vicikicchā nānārammaṇeti. Idaṃ vuccati uddhaccanti ayaṃ uddhatabhāvo kathīyati.

    มุสาวาทํ ปหายาติ เอตฺถ มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภญฺชโก วจีปโยโค กายปโยโค วาฯ วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโทฯ

    Musāvādaṃ pahāyāti ettha musāti visaṃvādanapurekkhārassa atthabhañjako vacīpayogo kāyapayogo vā. Visaṃvādanādhippāyena panassa paravisaṃvādakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo.

    อปโร นโย – มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุฯ วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิญฺญาปนํฯ ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิญฺญาเปตุกามสฺส ตถาวิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโท, ตํ มุสาวาทํฯ ปหายาติ อิมํ มุสาวาทเจตนาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ปชหิตฺวา ฯ ปฎิวิรโตติ ปหีนกาลโต ปฎฺฐาย ตโต ทุสฺสีลฺยโต โอรโต วิรโตวฯ นตฺถิ ตสฺส วีติกฺกมิสฺสามีติ จกฺขุโสตวิเญฺญยฺยา ธมฺมา, ปเคว กายวิเญฺญยฺยาติ อิมินา นเยน อเญฺญสุปิ เอวรูเปสุ ปเทสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Aparo nayo – musāti abhūtaṃ atacchaṃ vatthu. Vādoti tassa bhūtato tacchato viññāpanaṃ. Lakkhaṇato pana atathaṃ vatthuṃ tathato paraṃ viññāpetukāmassa tathāviññattisamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo, taṃ musāvādaṃ. Pahāyāti imaṃ musāvādacetanāsaṅkhātaṃ dussīlyaṃ pajahitvā . Paṭiviratoti pahīnakālato paṭṭhāya tato dussīlyato orato viratova. Natthi tassa vītikkamissāmīti cakkhusotaviññeyyā dhammā, pageva kāyaviññeyyāti iminā nayena aññesupi evarūpesu padesu attho veditabbo.

    สจฺจํ วทตีติ สจฺจวาทีฯ สเจฺจน สจฺจํ สนฺทหติ ฆเฎตีติ สจฺจสโนฺธ, น อนฺตรนฺตรา มุสา วทตีติ อโตฺถฯ โย หิ ปุริโส กทาจิ มุสา วทติ, กทาจิ สจฺจํ, ตสฺส มุสาวาเทน อนฺตริตตฺตา สจฺจํ สเจฺจน น ฆฎิยติ, ตสฺมา โส น สจฺจสโนฺธ, อยํ ปน น ตาทิโส, ชีวิตเหตุปิ มุสา อวตฺวา สเจฺจน สจฺจํ สนฺทหติเยวาติ สจฺจสโนฺธฯ

    Saccaṃ vadatīti saccavādī. Saccena saccaṃ sandahati ghaṭetīti saccasandho, na antarantarā musā vadatīti attho. Yo hi puriso kadāci musā vadati, kadāci saccaṃ, tassa musāvādena antaritattā saccaṃ saccena na ghaṭiyati, tasmā so na saccasandho, ayaṃ pana na tādiso, jīvitahetupi musā avatvā saccena saccaṃ sandahatiyevāti saccasandho.

    เถโตติ ถิโร, ถิรกโถติ อโตฺถฯ เอโก หิ ปุคฺคโล หลิทฺทิราโค วิย, ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุ วิย, อสฺสปิเฎฺฐ ฐปิตกุมฺภณฺฑมิว จ น ถิรกโถ โหติ, เอโก ปาสาณเลขา วิย, อินฺทขีลา วิย จ ถิรกโถ โหติ, อสินา สีสํ ฉินฺทเนฺตปิ เทฺว กถา น กเถติ, อยํ วุจฺจติ เถโตฯ

    Thetoti thiro, thirakathoti attho. Eko hi puggalo haliddirāgo viya, thusarāsimhi nikhātakhāṇu viya, assapiṭṭhe ṭhapitakumbhaṇḍamiva ca na thirakatho hoti, eko pāsāṇalekhā viya, indakhīlā viya ca thirakatho hoti, asinā sīsaṃ chindantepi dve kathā na katheti, ayaṃ vuccati theto.

    ปจฺจยิโกติ ปตฺติยายิตพฺพโก, สทฺธายิตพฺพโกติ อโตฺถฯ เอกโจฺจ หิ ปุคฺคโล น ปจฺจยิโก โหติ, ‘‘อิทํ เกน วุตฺตํ, อสุเกนา’’ติ วุเตฺต ‘‘มา ตสฺส วจนํ สทฺทหถา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ เอโก ปจฺจยิโก โหติ, ‘‘อิทํ เกน วุตฺตํ, อสุเกนา’’ติ วุเตฺต ‘‘ยทิ เตน วุตฺตํ, อิทเมว ปมาณํ, อิทานิ อุปปริกฺขิตพฺพํ นตฺถิ, เอวเมว อิท’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, อยํ วุจฺจติ ปจฺจยิโกฯ

    Paccayikoti pattiyāyitabbako, saddhāyitabbakoti attho. Ekacco hi puggalo na paccayiko hoti, ‘‘idaṃ kena vuttaṃ, asukenā’’ti vutte ‘‘mā tassa vacanaṃ saddahathā’’ti vattabbataṃ āpajjati. Eko paccayiko hoti, ‘‘idaṃ kena vuttaṃ, asukenā’’ti vutte ‘‘yadi tena vuttaṃ, idameva pamāṇaṃ, idāni upaparikkhitabbaṃ natthi, evameva ida’’nti vattabbataṃ āpajjati, ayaṃ vuccati paccayiko.

    อวิสํวาทโก โลกสฺสาติ ตาย สจฺจวาทิตาย โลกํ น วิสํวาเทตีติ อโตฺถฯ

    Avisaṃvādako lokassāti tāya saccavāditāya lokaṃ na visaṃvādetīti attho.

    ปิสุณํ วาจํ ปหายาติอาทีสุ ยาย วาจาย ยสฺส ตํ วาจํ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ ปรสฺส จ สุญฺญภาวํ กโรติ, สา ปิสุณา วาจาฯ ยาย ปน อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสํ กโรติ, ยา วาจา สยมฺปิ ผรุสา, เนว กณฺณสุขา น หทยงฺคมา, อยํ ผรุสา วาจาฯ เยน สมฺผํ ปลปติ นิรตฺถกํ, โส สมฺผปฺปลาโปฯ ยา เตสํ มูลภูตา เจตนาปิ ปิสุณวาจาทินามเมว ลภติ, สา เอว จ อิธ อธิเปฺปตาฯ

    Pisuṇaṃ vācaṃ pahāyātiādīsu yāya vācāya yassa taṃ vācaṃ bhāsati, tassa hadaye attano piyabhāvaṃ parassa ca suññabhāvaṃ karoti, sā pisuṇā vācā. Yāya pana attānampi parampi pharusaṃ karoti, yā vācā sayampi pharusā, neva kaṇṇasukhā na hadayaṅgamā, ayaṃ pharusā vācā. Yena samphaṃ palapati niratthakaṃ, so samphappalāpo. Yā tesaṃ mūlabhūtā cetanāpi pisuṇavācādināmameva labhati, sā eva ca idha adhippetā.

    อิเมสํ เภทายาติ เยสํ อิโต วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ, เตสํ เภทายฯ ภินฺนานํ วา สนฺธาตาติ ทฺวินฺนํ มิตฺตานํ วา สมานุปชฺฌายกาทีนํ วา เกนจิเทว การเณน ภินฺนานํ เอกเมกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อีทิเส กุเล ชาตานํ เอวํ พหุสฺสุตานํ อิทํ น ยุตฺต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา สนฺธานํ กตฺตา อนุกตฺตาฯ

    Imesaṃbhedāyāti yesaṃ ito vuttānaṃ santike sutaṃ, tesaṃ bhedāya. Bhinnānaṃ vā sandhātāti dvinnaṃ mittānaṃ vā samānupajjhāyakādīnaṃ vā kenacideva kāraṇena bhinnānaṃ ekamekaṃ upasaṅkamitvā ‘‘tumhākaṃ īdise kule jātānaṃ evaṃ bahussutānaṃ idaṃ na yutta’’ntiādīni vatvā sandhānaṃ kattā anukattā.

    อนุปฺปทาตาติ สนฺธานานุปฺปทาตาฯ เทฺว ชเน สมเคฺค ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ เอวรูเป กุเล ชาตานํ เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตานํ อนุจฺฉวิกเมต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ทฬฺหีกมฺมํ กตฺตาติ อโตฺถฯ สมโคฺค อาราโม อสฺสาติ สมคฺคาราโม, ยตฺถ สมคฺคา นตฺถิ, ตตฺถ วสิตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อโตฺถฯ ‘‘สมคฺคราโม’’ติปิ ปาฬิ, อยเมเวตฺถ อโตฺถฯ สมคฺครโตติ สมเคฺคสุ รโต, เต ปหาย อญฺญตฺร คนฺตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อโตฺถฯ สมเคฺค ทิสฺวาปิ สุตฺวาปิ นนฺทตีติ สมคฺคนนฺทีฯ สมคฺคกรณิํ วาจํ ภาสิตาติ ยา วาจา สเตฺต สมเคฺคเยว กโรติ, ตํ สามคฺคิคุณปริทีปิกเมว วาจํ ภาสติ, น อิตรนฺติฯ

    Anuppadātāti sandhānānuppadātā. Dve jane samagge disvā ‘‘tumhākaṃ evarūpe kule jātānaṃ evarūpehi guṇehi samannāgatānaṃ anucchavikameta’’ntiādīni vatvā daḷhīkammaṃ kattāti attho. Samaggo ārāmo assāti samaggārāmo, yattha samaggā natthi, tattha vasitumpi na icchatīti attho. ‘‘Samaggarāmo’’tipi pāḷi, ayamevettha attho. Samaggaratoti samaggesu rato, te pahāya aññatra gantumpi na icchatīti attho. Samagge disvāpi sutvāpi nandatīti samagganandī. Samaggakaraṇiṃ vācaṃ bhāsitāti yā vācā satte samaggeyeva karoti, taṃ sāmaggiguṇaparidīpikameva vācaṃ bhāsati, na itaranti.

    ปรสฺส มมฺมเจฺฉทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เอกนฺตผรุสเจตนา ผรุสา วาจา, เนลาติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, นสฺสา เอลนฺติ เนลา, นิโทฺทสาติ อโตฺถ ‘‘เนลโงฺค เสตปจฺฉาโท’’ติ เอตฺถ (อุทา. ๖๕; เปฎโก. ๒๕) วุตฺตเนลํ วิยฯ กณฺณสุขาติ พฺยญฺชนมธุรตาย กณฺณานํ สุขา, สูจิวิชฺฌนํ วิย กณฺณสูลํ น ชเนติฯ อตฺถมธุรตาย สกลสรีเร โกปํ อชเนตฺวา เปมํ ชเนตีติ เปมนียาฯ หทยํ คจฺฉติ อปฎิหญฺญมานา สุเขน จิตฺตํ ปวิสตีติ หทยงฺคมาฯ คุณปริปุณฺณตาย ปุเร ภวาติ โปรี, ปุเร สํวฑฺฒนารี วิย สุกุมาราติปิ โปรี, ปุรสฺส เอสาติปิ โปรี, นครวาสีนํ กถาติ อโตฺถฯ นครวาสิโน หิ ยุตฺตกถา โหนฺติ, ปิติมตฺตํ ปิตาติ ภาติมตฺตํ ภาตาติ วทนฺติฯ เอวรูปี กถา พหุโน ชนสฺส กนฺตา โหตีติ พหุชนกนฺตาฯ กนฺตภาเวเนว พหุโน ชนสฺส มนาปา จิตฺตวุฑฺฒิกราติ พหุชนมนาปา

    Parassa mammacchedakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā ekantapharusacetanā pharusā vācā, nelāti elaṃ vuccati doso, nassā elanti nelā, niddosāti attho ‘‘nelaṅgo setapacchādo’’ti ettha (udā. 65; peṭako. 25) vuttanelaṃ viya. Kaṇṇasukhāti byañjanamadhuratāya kaṇṇānaṃ sukhā, sūcivijjhanaṃ viya kaṇṇasūlaṃ na janeti. atthamadhuratāya sakalasarīre kopaṃ ajanetvā pemaṃ janetīti pemanīyā. Hadayaṃ gacchati apaṭihaññamānā sukhena cittaṃ pavisatīti hadayaṅgamā. Guṇaparipuṇṇatāya pure bhavāti porī, pure saṃvaḍḍhanārī viya sukumārātipi porī, purassa esātipi porī, nagaravāsīnaṃ kathāti attho. Nagaravāsino hi yuttakathā honti, pitimattaṃ pitāti bhātimattaṃ bhātāti vadanti. Evarūpī kathā bahuno janassa kantā hotīti bahujanakantā. Kantabhāveneva bahuno janassa manāpā cittavuḍḍhikarāti bahujanamanāpā.

    อนตฺถวิญฺญาปิกา กายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา อกุสลเจตนา สมฺผปฺปลาโปฯ กาเลน วทตีติ กาลวาที, วตฺตพฺพยุตฺตกาลํ สลฺลเกฺขตฺวา วทตีติ อโตฺถฯ ภูตํ ตถํ ตจฺฉํ สภาวเมว วทตีติ ภูตวาที ฯ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถสนฺนิสฺสิตเมว กตฺวา วทตีติ อตฺถวาทีฯ นวโลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ ธมฺมวาทีฯ สํวรวินยปหานวินยสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ วินยวาที

    Anatthaviññāpikā kāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā akusalacetanā samphappalāpo. Kālena vadatīti kālavādī, vattabbayuttakālaṃ sallakkhetvā vadatīti attho. Bhūtaṃ tathaṃ tacchaṃ sabhāvameva vadatīti bhūtavādī. Diṭṭhadhammikasamparāyikatthasannissitameva katvā vadatīti atthavādī. Navalokuttaradhammasannissitaṃ katvā vadatīti dhammavādī. Saṃvaravinayapahānavinayasannissitaṃ katvā vadatīti vinayavādī.

    นิธานํ วุจฺจติ ฐปโนกาโส, นิธานมสฺส อตฺถีติ นิธานวตี, หทเย นิธาตพฺพยุตฺตกํ วาจํ ภาสิตาติ อโตฺถฯ กาเลนาติ เอวรูปิํ ภาสมาโนปิ จ ‘‘อหํ นิธานวติํ วาจํ ภาสิสฺสามี’’ติ น อกาเลน ภาสติ, ยุตฺตกาลํ ปน อเปกฺขิตฺวาว ภาสตีติ อโตฺถฯ สาปเทสนฺติ สอุปมํ, สการณนฺติ อโตฺถฯ ปริยนฺตวตินฺติ ปริเจฺฉทํ ทเสฺสตฺวา ยถาสฺสา ปริเจฺฉโท ปญฺญายติ, เอวํ ภาสตีติ อโตฺถฯ อตฺถสํหิตนฺติ อเนเกหิปิ นเยหิ วิภชเนฺตน ปริยาทาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อตฺถสมฺปนฺนํ ภาสติฯ ยํ วา โส อตฺถวาที อตฺถํ วทติ, เตน อเตฺถน สหิตตฺตา อตฺถสํหิตํ วาจํ ภาสติ, น อญฺญํ นิกฺขิปิตฺวา อญฺญํ ภาสตีติ วุตฺตํ โหติฯ จตุโทฺทสาปคตํ วาจํ ภาสตีติ มุสาวาทาทีหิ จตูหิ โทเสหิ อปคตํ วาจํ ภาสติฯ ทฺวตฺติํสาย ติรจฺฉานกถายาติ ทฺวตฺติํสาย สคฺคโมกฺขานํ ติรจฺฉานภูตาย กถายฯ

    Nidhānaṃ vuccati ṭhapanokāso, nidhānamassa atthīti nidhānavatī, hadaye nidhātabbayuttakaṃ vācaṃ bhāsitāti attho. Kālenāti evarūpiṃ bhāsamānopi ca ‘‘ahaṃ nidhānavatiṃ vācaṃ bhāsissāmī’’ti na akālena bhāsati, yuttakālaṃ pana apekkhitvāva bhāsatīti attho. Sāpadesanti saupamaṃ, sakāraṇanti attho. Pariyantavatinti paricchedaṃ dassetvā yathāssā paricchedo paññāyati, evaṃ bhāsatīti attho. Atthasaṃhitanti anekehipi nayehi vibhajantena pariyādātuṃ asakkuṇeyyatāya atthasampannaṃ bhāsati. Yaṃ vā so atthavādī atthaṃ vadati, tena atthena sahitattā atthasaṃhitaṃ vācaṃ bhāsati, na aññaṃ nikkhipitvā aññaṃ bhāsatīti vuttaṃ hoti. Catuddosāpagataṃ vācaṃ bhāsatīti musāvādādīhi catūhi dosehi apagataṃ vācaṃ bhāsati. Dvattiṃsāya tiracchānakathāyāti dvattiṃsāya saggamokkhānaṃ tiracchānabhūtāya kathāya.

    ทส กถาวตฺถูนีติ อปฺปิจฺฉตาทีนิ ทส วิวฎฺฎนิสฺสิตาย กถาย วตฺถุภูตานิ การณานิฯ อปฺปิจฺฉกถนฺติ เอตฺถ อปฺปิโจฺฉติ อิจฺฉาวิรหิโต อนิโจฺฉ นิตฺตโณฺหฯ เอตฺถ หิ พฺยญฺชนํ สาวเสสํ วิย, อโตฺถ ปน นิรวเสโสฯ น หิ ขีณาสวสฺส อณุมตฺตาปิ อิจฺฉา นาม อตฺถิฯ

    Dasakathāvatthūnīti appicchatādīni dasa vivaṭṭanissitāya kathāya vatthubhūtāni kāraṇāni. Appicchakathanti ettha appicchoti icchāvirahito aniccho nittaṇho. Ettha hi byañjanaṃ sāvasesaṃ viya, attho pana niravaseso. Na hi khīṇāsavassa aṇumattāpi icchā nāma atthi.

    อปิเจตฺถ อตฺริจฺฉตา ปาปิจฺฉตา มหิจฺฉตา อปฺปิจฺฉตาติ อยํ เภโท เวทิตโพฺพ – ตตฺถ สกลาเภ อติตฺตสฺส ปรลาภปตฺถนา อตฺริจฺฉตา นาม, ตาย สมนฺนาคตสฺส เอกภาชเน ปกฺกปูเวปิ อตฺตโน ปเตฺต ปติเต น สุปโกฺก วิย ขุทฺทโก วิย จ ขายติ, เสฺวว ปน ปรสฺส ปเตฺต ปกฺขิโตฺต สุปโกฺก วิย มหโนฺต วิย จ ขายติฯ อสนฺตคุณสมฺภาวนตา ปน ปฎิคฺคหเณ จ อมตฺตญฺญุตา ปาปิจฺฉตา นาม, สา ‘‘อิเธกโจฺจ อสโทฺธ สมาโน สโทฺธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติอาทินา (วิภ. ๘๕๑) นเยน อเตฺรว อาคตาเยวฯ ตาย จ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล โกหเญฺญ ปติฎฺฐาติฯ สนฺตคุณสมฺภาวนตา ปน ปฎิคฺคหเณ จ อมตฺตญฺญุตา มหิจฺฉตา นาม, สาปิ ‘‘อิเธกโจฺจ สโทฺธ สมาโน สโทฺธติ มํ ชโน ชานาตูติ อิจฺฉติ, สีลวา สมาโน สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ (วิภ. ๘๕๑) อิมินา นเยน อาคตาเยวฯ ตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ทุสฺสนฺตปฺปโย โหติ, วิชาตมาตาปิสฺส จิตฺตํ คเหตุํ น สโกฺกติฯ เตเนตํ วุจฺจติ –

    Apicettha atricchatā pāpicchatā mahicchatā appicchatāti ayaṃ bhedo veditabbo – tattha sakalābhe atittassa paralābhapatthanā atricchatā nāma, tāya samannāgatassa ekabhājane pakkapūvepi attano patte patite na supakko viya khuddako viya ca khāyati, sveva pana parassa patte pakkhitto supakko viya mahanto viya ca khāyati. Asantaguṇasambhāvanatā pana paṭiggahaṇe ca amattaññutā pāpicchatā nāma, sā ‘‘idhekacco asaddho samāno saddhoti maṃ jano jānātū’’tiādinā (vibha. 851) nayena atreva āgatāyeva. Tāya ca samannāgato puggalo kohaññe patiṭṭhāti. Santaguṇasambhāvanatā pana paṭiggahaṇe ca amattaññutā mahicchatā nāma, sāpi ‘‘idhekacco saddho samāno saddhoti maṃ jano jānātūti icchati, sīlavā samāno sīlavāti maṃ jano jānātū’’ti (vibha. 851) iminā nayena āgatāyeva. Tāya samannāgato puggalo dussantappayo hoti, vijātamātāpissa cittaṃ gahetuṃ na sakkoti. Tenetaṃ vuccati –

    ‘‘อคฺคิกฺขโนฺธ สมุโทฺท จ, มหิโจฺฉ จาปิ ปุคฺคโล;

    ‘‘Aggikkhandho samuddo ca, mahiccho cāpi puggalo;

    สกเฎน ปจฺจเย เทตุ, ตโยเปเต อตปฺปยา’’ติฯ (ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒๕๒; อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๖๓; อุทา. อฎฺฐ. ๓๑);

    Sakaṭena paccaye detu, tayopete atappayā’’ti. (ma. ni. aṭṭha. 1.252; a. ni. aṭṭha. 1.1.63; udā. aṭṭha. 31);

    สนฺตคุณนิคูหนตา ปน ปฎิคฺคหเณ จ มตฺตญฺญุตา อปฺปิจฺฉตา นาม, ตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อตฺตนิ วิชฺชมานมฺปิ คุณํ ปฎิจฺฉาเทตุกามตาย สโทฺธ สมาโน ‘‘สโทฺธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติฯ สีลวา… ปวิวิโตฺต… พหุสฺสุโต… อารทฺธวีริโย… สมาธิสมฺปโนฺน… ปญฺญวา… ขีณาสโว สมาโน ‘‘ขีณาสโวติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ เสยฺยถาปิ มชฺฌนฺติกเตฺถโรฯ เอวํ อปฺปิโจฺฉ จ ปน ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ ถาวรํ กโรติ, ทายกานํ จิตฺตํ อาราเธติ, ยถา ยถา หิ โส อตฺตโน อปฺปิจฺฉตาย อปฺปํ คณฺหาติ, ตถา ตถา ตสฺส วเตฺต ปสนฺนา มนุสฺสา พหู เทนฺติฯ

    Santaguṇanigūhanatā pana paṭiggahaṇe ca mattaññutā appicchatā nāma, tāya samannāgato puggalo attani vijjamānampi guṇaṃ paṭicchādetukāmatāya saddho samāno ‘‘saddhoti maṃ jano jānātū’’ti na icchati. Sīlavā… pavivitto… bahussuto… āraddhavīriyo… samādhisampanno… paññavā… khīṇāsavo samāno ‘‘khīṇāsavoti maṃ jano jānātū’’ti na icchati seyyathāpi majjhantikatthero. Evaṃ appiccho ca pana bhikkhu anuppannaṃ lābhaṃ uppādeti, uppannaṃ thāvaraṃ karoti, dāyakānaṃ cittaṃ ārādheti, yathā yathā hi so attano appicchatāya appaṃ gaṇhāti, tathā tathā tassa vatte pasannā manussā bahū denti.

    อปโรปิ จตุพฺพิโธ อปฺปิโจฺฉ ปจฺจยอปฺปิโจฺฉ ธุตงฺคอปฺปิโจฺฉ ปริยตฺติอปฺปิโจฺฉ อธิคมอปฺปิโจฺฉติ ฯ ตตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ อปฺปิโจฺฉ ปจฺจยอปฺปิโจฺฉฯ โส ทายกสฺส วสํ ชานาติ, เทยฺยธมฺมสฺส วสํ ชานาติ, อตฺตโน ถามํ ชานาติฯ ยทิ หิ เทยฺยธโมฺม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติฯ เทยฺยธโมฺม อโปฺป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติฯ เทยฺยธโมฺมปิ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ญตฺวา ปมาเณเนว คณฺหาติฯ

    Aparopi catubbidho appiccho paccayaappiccho dhutaṅgaappiccho pariyattiappiccho adhigamaappicchoti . Tattha catūsu paccayesu appiccho paccayaappiccho. So dāyakassa vasaṃ jānāti, deyyadhammassa vasaṃ jānāti, attano thāmaṃ jānāti. Yadi hi deyyadhammo bahu hoti, dāyako appaṃ dātukāmo, dāyakassa vasena appaṃ gaṇhāti. Deyyadhammo appo, dāyako bahuṃ dātukāmo, deyyadhammassa vasena appaṃ gaṇhāti. Deyyadhammopi bahu, dāyakopi bahuṃ dātukāmo, attano thāmaṃ ñatvā pamāṇeneva gaṇhāti.

    ธุตงฺคสมาทานสฺส อตฺตนิ อตฺถิภาวํ น ชานาเปตุกาโม ธุตงฺคอปฺปิโจฺฉ นามฯ โย ปน พหุสฺสุตภาวํ น ชานาเปตุกาโม, อยํ ปริยตฺติอปฺปิโจฺฉ นามฯ โย ปน โสตาปนฺนาทีสุ อญฺญตโร หุตฺวา โสตาปนฺนาทิภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ อธิคมอปฺปิโจฺฉ นามฯ ขีณาสโว ปน อตฺริจฺฉตํ ปาปิจฺฉตํ มหิจฺฉตํ ปหาย สพฺพโส อิจฺฉาปฎิปกฺขภูตาย อโลภสงฺขาตาย ปริสุทฺธาย อปฺปิจฺฉตาย สมนฺนาคตตฺตา อปฺปิโจฺฉ นามฯ ‘‘อาวุโส, อตฺริจฺฉตา ปาปิจฺฉตา มหิจฺฉตาติ, อิเม ธมฺมา ปหาตพฺพาติ, เตสุ อาทีนวํ ทเสฺสตฺวา เอวรูปํ อปฺปิจฺฉตํ สมาทาย วตฺติตพฺพ’’นฺติ วทโนฺต อปฺปิจฺฉกถํ กเถติ นามฯ

    Dhutaṅgasamādānassa attani atthibhāvaṃ na jānāpetukāmo dhutaṅgaappiccho nāma. Yo pana bahussutabhāvaṃ na jānāpetukāmo, ayaṃ pariyattiappiccho nāma. Yo pana sotāpannādīsu aññataro hutvā sotāpannādibhāvaṃ jānāpetuṃ na icchati, ayaṃ adhigamaappiccho nāma. Khīṇāsavo pana atricchataṃ pāpicchataṃ mahicchataṃ pahāya sabbaso icchāpaṭipakkhabhūtāya alobhasaṅkhātāya parisuddhāya appicchatāya samannāgatattā appiccho nāma. ‘‘Āvuso, atricchatā pāpicchatā mahicchatāti, ime dhammā pahātabbāti, tesu ādīnavaṃ dassetvā evarūpaṃ appicchataṃ samādāya vattitabba’’nti vadanto appicchakathaṃ katheti nāma.

    สนฺตุฎฺฐีกถนฺติอาทีสุ วิเสสตฺถเมว ทีปยิสฺสาม, โยชนา ปน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ สนฺตุฎฺฐีกถนฺติ อิตรีตรปจฺจยสโนฺตสํ นิสฺสิตํ กถํฯ โส ปเนส สโนฺตโส ทฺวาทสวิโธ โหติฯ เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสโนฺตโส, ยถาพลสโนฺตโส, ยถาสารุปฺปสโนฺตโสติ ติวิโธฯ เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุปิฯ

    Santuṭṭhīkathantiādīsu visesatthameva dīpayissāma, yojanā pana vuttanayeneva veditabbā. Santuṭṭhīkathanti itarītarapaccayasantosaṃ nissitaṃ kathaṃ. So panesa santoso dvādasavidho hoti. Seyyathidaṃ – cīvare yathālābhasantoso, yathābalasantoso, yathāsāruppasantosoti tividho. Evaṃ piṇḍapātādīsupi.

    ตสฺสายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วาฯ โส เตเนว ยาเปติ, อญฺญํ น ปเตฺถติ, ลภโนฺตปิ น คณฺหาติฯ อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสโนฺตโสฯ อถ ปน โย ปกติทุพฺพโล วา โหติ, อาพาธชราภิภูโต วา, ครุจีวรํ ปารุปโนฺต กิลมติฯ โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธิํ ตํ ปริวเตฺตตฺวา ลหุเกน ยาเปโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส จีวเร ยถาพลสโนฺตโสฯ อปโร ปณีตปจฺจยลาภี โหติฯ โส ปตฺตุณฺณจีวราทีนํ อญฺญตรํ มหคฺฆจีวรํ, พหูนิ วา ปน จีวรานิ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ, อิทํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ, อิทํ อปฺปลาภีนํ โหตู’’ติ ทตฺวา เตสํ ปุราณจีวรํ วา สงฺการกูฎาทิโต วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา เตหิ สงฺฆาฎิํ กตฺวา ธาเรโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสโนฺตโส

    Tassāyaṃ pabhedavaṇṇanā – idha bhikkhu cīvaraṃ labhati sundaraṃ vā asundaraṃ vā. So teneva yāpeti, aññaṃ na pattheti, labhantopi na gaṇhāti. Ayamassa cīvare yathālābhasantoso. Atha pana yo pakatidubbalo vā hoti, ābādhajarābhibhūto vā, garucīvaraṃ pārupanto kilamati. So sabhāgena bhikkhunā saddhiṃ taṃ parivattetvā lahukena yāpentopi santuṭṭhova hoti. Ayamassa cīvare yathābalasantoso. Aparo paṇītapaccayalābhī hoti. So pattuṇṇacīvarādīnaṃ aññataraṃ mahagghacīvaraṃ, bahūni vā pana cīvarāni labhitvā ‘‘idaṃ therānaṃ cirapabbajitānaṃ, idaṃ bahussutānaṃ anurūpaṃ, idaṃ gilānānaṃ, idaṃ appalābhīnaṃ hotū’’ti datvā tesaṃ purāṇacīvaraṃ vā saṅkārakūṭādito vā nantakāni uccinitvā tehi saṅghāṭiṃ katvā dhārentopi santuṭṭhova hoti. Ayamassa cīvare yathāsāruppasantoso.

    อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อญฺญํ น ปเตฺถติ, ลภโนฺตปิ น คณฺหาติฯ อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสโนฺตโสฯ โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ลภติ, เยนสฺส ปริภุเตฺตน อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภุญฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสโนฺตโสฯ อปโร พหุํ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ตํ จีวรํ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภีคิลานานํ ทตฺวา เตสํ วา เสสกํ ปิณฺฑาย วา จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภุญฺชโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสโนฺตโส

    Idha pana bhikkhu piṇḍapātaṃ labhati lūkhaṃ vā paṇītaṃ vā, so teneva yāpeti, aññaṃ na pattheti, labhantopi na gaṇhāti. Ayamassa piṇḍapāte yathālābhasantoso. Yo pana attano pakativiruddhaṃ vā byādhiviruddhaṃ vā piṇḍapātaṃ labhati, yenassa paribhuttena aphāsu hoti, so taṃ sabhāgassa bhikkhuno datvā tassa hatthato sappāyabhojanaṃ bhuñjitvā samaṇadhammaṃ karontopi santuṭṭhova hoti. Ayamassa piṇḍapāte yathābalasantoso. Aparo bahuṃ paṇītaṃ piṇḍapātaṃ labhati, so taṃ cīvaraṃ viya theracirapabbajitabahussutaappalābhīgilānānaṃ datvā tesaṃ vā sesakaṃ piṇḍāya vā caritvā missakāhāraṃ bhuñjantopi santuṭṭhova hoti. Ayamassa piṇḍapāte yathāsāruppasantoso.

    อิธ ปน ภิกฺขุ เสนาสนํ ลภติ มนาปํ วา อมนาปํ วา, โส เตน เนว โสมนสฺสํ น โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ, อนฺตมโส ติณสนฺถารเกนาปิ ยถาลเทฺธเนว ตุสฺสติฯ อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสโนฺตโสฯ โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสโนฺตโส

    Idha pana bhikkhu senāsanaṃ labhati manāpaṃ vā amanāpaṃ vā, so tena neva somanassaṃ na domanassaṃ uppādeti, antamaso tiṇasanthārakenāpi yathāladdheneva tussati. Ayamassa senāsane yathālābhasantoso. Yo pana attano pakativiruddhaṃ vā byādhiviruddhaṃ vā senāsanaṃ labhati, yatthassa vasato aphāsu hoti, so taṃ sabhāgassa bhikkhuno datvā tassa santake sappāyasenāsane vasantopi santuṭṭhova hoti. Ayamassa senāsane yathābalasantoso.

    อปโร มหาปุโญฺญ เลณมณฺฑปกูฎาคาราทีนิ พหูนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ, โส ตํ จีวรํ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภีคิลานานํ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสโนฺตโสฯ โยปิ ‘‘อุตฺตมเสนาสนํ นาม ปมาทฎฺฐานํ, ตตฺถ นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส ปุน ปฎิพุชฺฌโต ปาปวิตกฺกา ปาตุภวนฺตี’’ติ ปฎิสญฺจิกฺขิตฺวา ตาทิสํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฎิจฺฉติ, โส ตํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อโพฺภกาสรุกฺขมูลาทีสุ วสโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสโนฺตโส

    Aparo mahāpuñño leṇamaṇḍapakūṭāgārādīni bahūni paṇītasenāsanāni labhati, so taṃ cīvaraṃ viya theracirapabbajitabahussutaappalābhīgilānānaṃ datvā yattha katthaci vasantopi santuṭṭhova hoti. Ayamassa senāsane yathāsāruppasantoso. Yopi ‘‘uttamasenāsanaṃ nāma pamādaṭṭhānaṃ, tattha nisinnassa thinamiddhaṃ okkamati, niddābhibhūtassa puna paṭibujjhato pāpavitakkā pātubhavantī’’ti paṭisañcikkhitvā tādisaṃ senāsanaṃ pattampi na sampaṭicchati, so taṃ paṭikkhipitvā abbhokāsarukkhamūlādīsu vasantopi santuṭṭhova hoti. Ayamassa senāsane yathāsāruppasantoso.

    อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส ยํ ลภติ, เตเนว ตุสฺสติ, อญฺญํ น ปเตฺถติ, ลภโนฺตปิ น คณฺหาติฯ อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสโนฺตโสฯ โย ปน เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตลํ คเหตฺวา อญฺญเทว วา ปริเยสิตฺวา เภสชฺชํ กโรโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสโนฺตโส

    Idha pana bhikkhu bhesajjaṃ labhati lūkhaṃ vā paṇītaṃ vā, so yaṃ labhati, teneva tussati, aññaṃ na pattheti, labhantopi na gaṇhāti. Ayamassa gilānapaccaye yathālābhasantoso. Yo pana telena atthiko phāṇitaṃ labhati, so taṃ sabhāgassa bhikkhuno datvā tassa hatthato telaṃ gahetvā aññadeva vā pariyesitvā bhesajjaṃ karontopi santuṭṭhova hoti. Ayamassa gilānapaccaye yathābalasantoso.

    อปโร มหาปุโญฺญ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ, โส ตํ จีวรํ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภีคิลานานํ ทตฺวา เตสํ อาภเตน เยน เกนจิ ยาเปโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหติฯ โย ปน เอกสฺมิํ ภาชเน จตุมธุรํ ฐเปตฺวา เอกสฺมิํ มุตฺตหรีตกํ ‘‘คณฺห, ภเนฺต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘สจสฺส เตสุ อญฺญตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ, อถ มุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิต’’นฺติ จตุมธุรํ ปฎิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรโนฺต ปรมสนฺตุโฎฺฐว โหติฯ อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสโนฺตโสฯ อิเมสํ ปน ปเจฺจกปจฺจเยสุ ติณฺณํ ติณฺณํ สโนฺตสานํ ยถาสารุปฺปสโนฺตโสว อโคฺคฯ อรหา เอเกกสฺมิํ ปจฺจเย อิเมหิ ตีหิปิ สนฺตุโฎฺฐวฯ

    Aparo mahāpuñño bahuṃ telamadhuphāṇitādipaṇītabhesajjaṃ labhati, so taṃ cīvaraṃ viya theracirapabbajitabahussutaappalābhīgilānānaṃ datvā tesaṃ ābhatena yena kenaci yāpentopi santuṭṭhova hoti. Yo pana ekasmiṃ bhājane catumadhuraṃ ṭhapetvā ekasmiṃ muttaharītakaṃ ‘‘gaṇha, bhante, yadicchasī’’ti vuccamāno ‘‘sacassa tesu aññatarenapi rogo vūpasammati, atha muttaharītakaṃ nāma buddhādīhi vaṇṇita’’nti catumadhuraṃ paṭikkhipitvā muttaharītakena bhesajjaṃ karonto paramasantuṭṭhova hoti. Ayamassa gilānapaccaye yathāsāruppasantoso. Imesaṃ pana paccekapaccayesu tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ santosānaṃ yathāsāruppasantosova aggo. Arahā ekekasmiṃ paccaye imehi tīhipi santuṭṭhova.

    ปวิเวกกถนฺติ ปวิเวกนิสฺสิตํ กถํฯ ตโย หิ วิเวกา กายวิเวโก จิตฺตวิเวโก อุปธิวิเวโกติฯ ตตฺถ เอโก คจฺฉติ, เอโก ติฎฺฐติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กเปฺปติ, เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอโก ปฎิกฺกมติ, เอโก อภิกฺกมติ, เอโก จงฺกมํ อธิฎฺฐาติ, เอโก จรติ, เอโก วิหรตีติ อยํ กายวิเวโก นามฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย ปน จิตฺตวิเวโก นามฯ นิพฺพานํ อุปธิวิเวโก นามฯ

    Pavivekakathanti pavivekanissitaṃ kathaṃ. Tayo hi vivekā kāyaviveko cittaviveko upadhivivekoti. Tattha eko gacchati, eko tiṭṭhati, eko nisīdati, eko seyyaṃ kappeti, eko gāmaṃ piṇḍāya pavisati, eko paṭikkamati, eko abhikkamati, eko caṅkamaṃ adhiṭṭhāti, eko carati, eko viharatīti ayaṃ kāyaviveko nāma. Aṭṭha samāpattiyo pana cittaviveko nāma. Nibbānaṃ upadhiviveko nāma.

    วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฎฺฐกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํฯ จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํฯ อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๕๗)ฯ

    Vuttampi hetaṃ – ‘‘kāyaviveko ca vivekaṭṭhakāyānaṃ nekkhammābhiratānaṃ. Cittaviveko ca parisuddhacittānaṃ paramavodānappattānaṃ. Upadhiviveko ca nirupadhīnaṃ puggalānaṃ visaṅkhāragatāna’’nti (mahāni. 57).

    อสํสคฺคกถนฺติ เอตฺถ ปน สวนสํสโคฺค ทสฺสนสํสโคฺค สมุลฺลปนสํสโคฺค สโมฺภคสํสโคฺค กายสํสโคฺคติ ปญฺจวิโธ สํสโคฺคฯ เตสุ อิธ ภิกฺขุ สุณาติ ‘‘อมุกสฺมิํ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา กุมารี วา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’’ติ, โส ตํ สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา หีนายาวตฺตติฯ เอวํ ปเรหิ กถิยมานรูปาทิสมฺปตฺติํ อตฺตนา วา หสิตลปิตคีตสทฺทํ สุณนฺตสฺส โสตวิญฺญาณวีถิวเสน อุปฺปโนฺน ราโค สวนสํสโคฺค นามฯ

    Asaṃsaggakathanti ettha pana savanasaṃsaggo dassanasaṃsaggo samullapanasaṃsaggo sambhogasaṃsaggo kāyasaṃsaggoti pañcavidho saṃsaggo. Tesu idha bhikkhu suṇāti ‘‘amukasmiṃ gāme vā nigame vā itthī vā kumārī vā abhirūpā dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā’’ti, so taṃ sutvā saṃsīdati visīdati, na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretuṃ, sikkhādubbalyaṃ anāvikatvā hīnāyāvattati. Evaṃ parehi kathiyamānarūpādisampattiṃ attanā vā hasitalapitagītasaddaṃ suṇantassa sotaviññāṇavīthivasena uppanno rāgo savanasaṃsaggo nāma.

    ‘‘อิธ ภิกฺขุ น เหว โข สุณาติ, อปิ จ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถิํ วา กุมาริํ วา อภิรูปํ ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตํ, โส ตํ ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สโกฺกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา หีนายาวตฺตติฯ เอวํ วิสภาครูปํ โอโลเกนฺตสฺส ปน จกฺขุวิญฺญาณวีถิวเสน อุปฺปนฺนราโค ทสฺสนสํสโคฺค นามฯ

    ‘‘Idha bhikkhu na heva kho suṇāti, api ca kho sāmaṃ passati itthiṃ vā kumāriṃ vā abhirūpaṃ dassanīyaṃ pāsādikaṃ paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgataṃ, so taṃ disvā saṃsīdati visīdati, na sakkoti brahmacariyaṃ sandhāretuṃ, sikkhādubbalyaṃ anāvikatvā hīnāyāvattati. Evaṃ visabhāgarūpaṃ olokentassa pana cakkhuviññāṇavīthivasena uppannarāgo dassanasaṃsaggo nāma.

    อญฺญมญฺญํ อลฺลาปสลฺลาปวเสน อุปฺปนฺนราโค ปน สมุลฺลปนสํสโคฺค นามฯ ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิยา สนฺตกํ ภิกฺขุนิยา วา ภิกฺขุสฺส สนฺตกํ คเหตฺวา ปริโภคกรณวเสน อุปฺปนฺนราโค สโมฺภคสํสโคฺค นามฯ หตฺถคฺคาหาทิวเสน อุปฺปนฺนราโค ปน กายสํสโคฺค นามฯ อรหา อิเมหิ ปญฺจหิ สํสเคฺคหิ จตูหิปิ ปริสาหิ สทฺธิํ อสํสโฎฺฐ, คาหมุตฺตโก เจว สํสคฺคมุตฺตโก จฯ อสํสคฺคสฺส วณฺณํ ภณโนฺต อสํสคฺคกถํ กเถติ นามฯ

    Aññamaññaṃ allāpasallāpavasena uppannarāgo pana samullapanasaṃsaggo nāma. Bhikkhuno bhikkhuniyā santakaṃ bhikkhuniyā vā bhikkhussa santakaṃ gahetvā paribhogakaraṇavasena uppannarāgo sambhogasaṃsaggo nāma. Hatthaggāhādivasena uppannarāgo pana kāyasaṃsaggo nāma. Arahā imehi pañcahi saṃsaggehi catūhipi parisāhi saddhiṃ asaṃsaṭṭho, gāhamuttako ceva saṃsaggamuttako ca. Asaṃsaggassa vaṇṇaṃ bhaṇanto asaṃsaggakathaṃ katheti nāma.

    วีริยารมฺภกถนฺติ เอตฺถ โย ปคฺคหิตวีริโย ปริปุณฺณกายิกเจตสิกวีริโย โหติ, คมเน อุปฺปนฺนํ กิเลสํ ฐานํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ฐาเน อุปฺปนฺนํ กิเลสํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนํ กิเลสํ สยนํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ทเณฺฑน กณฺหสปฺปํ อุปฺปีเฬตฺวา คณฺหโนฺต วิย อมิตฺตํ คีวาย อกฺกมโนฺต วิย จ วิจรติ, ตาทิสสฺส อารทฺธวีริยสฺส วณฺณํ ภณโนฺต วีริยารมฺภกถํ กเถติ นามฯ

    Vīriyārambhakathanti ettha yo paggahitavīriyo paripuṇṇakāyikacetasikavīriyo hoti, gamane uppannaṃ kilesaṃ ṭhānaṃ pāpuṇituṃ na deti, ṭhāne uppannaṃ kilesaṃ nisajjaṃ, nisajjāya uppannaṃ kilesaṃ sayanaṃ pāpuṇituṃ na deti, daṇḍena kaṇhasappaṃ uppīḷetvā gaṇhanto viya amittaṃ gīvāya akkamanto viya ca vicarati, tādisassa āraddhavīriyassa vaṇṇaṃ bhaṇanto vīriyārambhakathaṃ katheti nāma.

    สีลกถนฺติอาทีสุ สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํฯ สมาธีติ วิปสฺสนาปาทกา อฎฺฐ สมาปตฺติโยฯ ปญฺญาติ โลกิยโลกุตฺตรญาณํฯ วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติฯ วิมุตฺติญาณทสฺสนนฺติ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ สีลาทีนํ คุณํ ปกาเสโนฺต สีลาทิกถํ กเถติ นามฯ

    Sīlakathantiādīsu sīlanti catupārisuddhisīlaṃ. Samādhīti vipassanāpādakā aṭṭha samāpattiyo. Paññāti lokiyalokuttarañāṇaṃ. Vimuttīti arahattaphalavimutti. Vimuttiñāṇadassananti ekūnavīsatividhaṃ paccavekkhaṇañāṇaṃ. Sīlādīnaṃ guṇaṃ pakāsento sīlādikathaṃ katheti nāma.

    สติปฎฺฐานกถนฺติอาทีนิ สงฺคชาลมติจฺจ โส มุนีติปริโยสานานิ ปุเพฺพ วุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺพานิฯ

    Satipaṭṭhānakathantiādīni saṅgajālamaticca so munītipariyosānāni pubbe vuttānusārena veditabbāni.

    ๘๖. นิราสตฺตีติ นิตฺตโณฺหฯ วิเวกทสฺสี ผเสฺสสูติ ปจฺจุปฺปเนฺนสุ จกฺขุสมฺผสฺสาทีสุ อตฺตาทิภาววิเวกํ ปสฺสติฯ ทิฎฺฐีสุ จ น นียตีติ ทฺวาสฎฺฐิยา ทิฎฺฐีสุ กายจิ ทิฎฺฐิยา น นียติฯ

    86.Nirāsattīti nittaṇho. Vivekadassī phassesūti paccuppannesu cakkhusamphassādīsu attādibhāvavivekaṃ passati. Diṭṭhīsu ca na nīyatīti dvāsaṭṭhiyā diṭṭhīsu kāyaci diṭṭhiyā na nīyati.

    วิปริณตํ วา วตฺถุํ น โสจตีติ ปกติภาวํ ชหิตฺวา นเฎฺฐ กิสฺมิญฺจิ วตฺถุสฺมิํ น โสกํ อาปชฺชติฯ วิปริณตสฺมิํ วาติ วินสฺสมาเน วตฺถุมฺหิฯ

    Vipariṇataṃvā vatthuṃ na socatīti pakatibhāvaṃ jahitvā naṭṭhe kismiñci vatthusmiṃ na sokaṃ āpajjati. Vipariṇatasmiṃ vāti vinassamāne vatthumhi.

    จกฺขุสมฺผโสฺสติ จกฺขุํ วตฺถุํ กตฺวา จกฺขุวิญฺญาณสหชาโต ผโสฺส จกฺขุสมฺผโสฺสฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ จ ปุริมา จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกาว, มโนสมฺผโสฺส หทยวตฺถุโกปิ อวตฺถุโกปิ สโพฺพ จตุภูมโก ผโสฺสฯ อธิวจนสมฺผโสฺสติ ปริยาเยน เอตสฺส นามํ โหติเยว ฯ ตโย หิ อรูปิโน ขนฺธา สยํ ปิฎฺฐิวฎฺฎกา หุตฺวา อตฺตโน สหชาตสมฺผสฺสสฺส อธิวจนสมฺผโสฺสติ นามํ กโรนฺติฯ ปฎิฆสมฺผโสฺสติ นิปฺปริยาเยน ปน ปฎิฆสมฺผโสฺส นาม ปญฺจทฺวาริกผโสฺสฯ อธิวจนสมฺผโสฺส นาม มโนทฺวาริกผโสฺสฯ สุขเวทนีโย ผโสฺสติ สุขเวทนาย หิโต อุปฺปาทโก ผโสฺสฯ อิตรทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ กุสโล ผโสฺสติ เอกวีสติกุสลจิตฺตสหชาโต ผโสฺสฯ อกุสโลติ ทฺวาทสอกุสลสหชาโต ผโสฺสฯ อพฺยากโตติ ฉปฺปญฺญาสอพฺยากตสหชาโต ผโสฺสฯ กามาวจโรติ จตุปญฺญาสกามาวจรสหชาโต ผโสฺสฯ รูปาวจโรติ กุสลาทิปญฺจทสรูปาวจรสมฺปยุโตฺต ฯ อรูปาวจโรติ กุสลาพฺยากตวเสน ทฺวาทสอรูปาวจรสมฺปยุโตฺตฯ

    Cakkhusamphassoti cakkhuṃ vatthuṃ katvā cakkhuviññāṇasahajāto phasso cakkhusamphasso. Sesesupi eseva nayo. Ettha ca purimā cakkhupasādādivatthukāva, manosamphasso hadayavatthukopi avatthukopi sabbo catubhūmako phasso. Adhivacanasamphassoti pariyāyena etassa nāmaṃ hotiyeva . Tayo hi arūpino khandhā sayaṃ piṭṭhivaṭṭakā hutvā attano sahajātasamphassassa adhivacanasamphassoti nāmaṃ karonti. Paṭighasamphassoti nippariyāyena pana paṭighasamphasso nāma pañcadvārikaphasso. Adhivacanasamphasso nāma manodvārikaphasso. Sukhavedanīyo phassoti sukhavedanāya hito uppādako phasso. Itaradvayepi eseva nayo. Kusalo phassoti ekavīsatikusalacittasahajāto phasso. Akusaloti dvādasaakusalasahajāto phasso. Abyākatoti chappaññāsaabyākatasahajāto phasso. Kāmāvacaroti catupaññāsakāmāvacarasahajāto phasso. Rūpāvacaroti kusalādipañcadasarūpāvacarasampayutto . Arūpāvacaroti kusalābyākatavasena dvādasaarūpāvacarasampayutto.

    สุญฺญโตติ อนตฺตานุปสฺสนาวเสน วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปโนฺน มโคฺค สุญฺญโต, เตน สหชาโต ผโสฺส สุญฺญโต ผโสฺสฯ อิตรทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ อนิมิโตฺตติ เอตฺถ อนิจฺจานุปสฺสนาวเสน วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปโนฺน มโคฺค อนิมิโตฺตฯ อปฺปณิหิโตติ ทุกฺขานุปสฺสนาวเสน วิปสฺสนฺตสฺส อุปฺปโนฺน มโคฺค อปฺปณิหิโตฯ โลกิโยติ โลโก วุจฺจติ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน วโฎฺฎ, ตสฺมิํ ปริยาปนฺนภาเวน โลเก นิยุโตฺตติ โลกิโย, เตภูมโก ธโมฺมฯ โลกุตฺตโรติ โลกโต อุตฺตโร อุตฺติโณฺณติ โลกุตฺตโร, โลเก อปริยาปนฺนภาเวนปิ โลกุตฺตโรฯ อเตฺตน วาติ อตฺตภาเวน วาฯ อตฺตนิเยน วาติ อตฺตายเตฺตน วาฯ

    Suññatoti anattānupassanāvasena vipassantassa uppanno maggo suññato, tena sahajāto phasso suññato phasso. Itaradvayepi eseva nayo. Animittoti ettha aniccānupassanāvasena vipassantassa uppanno maggo animitto. Appaṇihitoti dukkhānupassanāvasena vipassantassa uppanno maggo appaṇihito. Lokiyoti loko vuccati lujjanapalujjanaṭṭhena vaṭṭo, tasmiṃ pariyāpannabhāvena loke niyuttoti lokiyo, tebhūmako dhammo. Lokuttaroti lokato uttaro uttiṇṇoti lokuttaro, loke apariyāpannabhāvenapi lokuttaro. Attena vāti attabhāvena vā. Attaniyena vāti attāyattena vā.

    ๘๗. ปติลีโนติ ราคาทีนํ ปหีนตฺตา ตโต อปคโตฯ อกุหโกติ อวิมฺหาปโก ตีหิ กุหนวตฺถูหิฯ อปิหาลูติ อปิหนสีโล, ปตฺถนาตณฺหาย รหิโตติ วุตฺตํ โหติฯ อมจฺฉรีติ ปญฺจมเจฺฉรวิรหิโตฯ อปฺปคโพฺภติ กายปาคพฺภิยาทิวิรหิโตฯ อเชคุโจฺฉติ สมฺปนฺนสีลาทิตาย อเชคุจฺฉนีโย อเสจนโก มนาโปฯ เปสุเณเยฺย จ โน ยุโตติ ทฺวีหิ อากาเรหิ อุปสํหริตเพฺพ ปิสุณกเมฺม อยุโตฺตฯ

    87.Patilīnoti rāgādīnaṃ pahīnattā tato apagato. Akuhakoti avimhāpako tīhi kuhanavatthūhi. Apihālūti apihanasīlo, patthanātaṇhāya rahitoti vuttaṃ hoti. Amaccharīti pañcamaccheravirahito. Appagabbhoti kāyapāgabbhiyādivirahito. Ajegucchoti sampannasīlāditāya ajegucchanīyo asecanako manāpo. Pesuṇeyye ca no yutoti dvīhi ākārehi upasaṃharitabbe pisuṇakamme ayutto.

    ราคสฺส ปหีนตฺตาติ อรหตฺตมเคฺคน ราคกิเลสสฺส ปหีนภาเวนฯ อสฺมิมาโน ปหีโน โหตีติ อสฺมีติ อุนฺนติมาโน สมุเจฺฉทวเสน ปหีโน โหติฯ

    Rāgassa pahīnattāti arahattamaggena rāgakilesassa pahīnabhāvena. Asmimāno pahīno hotīti asmīti unnatimāno samucchedavasena pahīno hoti.

    ตีณิ กุหนวตฺถูนีติ ตีณิ วิมฺหาปนการณานิฯ ปจฺจยปฎิเสวนสงฺขาตํ กุหนวตฺถูติอาทีสุ จีวราทีหิ นิมนฺติตสฺส ตทตฺถิกเสฺสว สโต ปาปิจฺฉตํ นิสฺสาย ปฎิกฺขิปเนน เต จ คหปติเก อตฺตนิ สุปฺปติฎฺฐิตปสาเท ญตฺวา ปุน เตสํ ‘‘อโห อโยฺย อปฺปิโจฺฉ, น กิญฺจิ ปฎิคฺคณฺหิตุํ อิจฺฉติ, สุลทฺธํ วต โน อสฺส, สเจ อปฺปมตฺตกมฺปิ กิญฺจิ ปฎิคฺคเณฺหยฺยา’’ติ นานาวิเธหิ อุปาเยหิ ปณีตานิ จีวราทีนิ อุปเนนฺตานํ ตทนุคฺคหกามตํเยว อวิกตฺวา ปฎิคฺคหเณน จ ตโต ปภุติ อปิ สกฎภาเรหิ อุปนามนเหตุภูตํ วิมฺหาปนํ ปจฺจยปฎิเสวนสงฺขาตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํฯ ปาปิจฺฉเสฺสว ปน สโต สมฺภาวนาธิปฺปาเยน กเตน อิริยาปเถน วิมฺหาปนํ อิริยาปถสงฺขาตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํฯ ปาปิจฺฉเสฺสว ปน สโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคมปริทีปนวาจาย ตถา ตถา วิมฺหาปนํ สามนฺตชปฺปนสงฺขาตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํฯ

    Tīṇi kuhanavatthūnīti tīṇi vimhāpanakāraṇāni. Paccayapaṭisevanasaṅkhātaṃ kuhanavatthūtiādīsu cīvarādīhi nimantitassa tadatthikasseva sato pāpicchataṃ nissāya paṭikkhipanena te ca gahapatike attani suppatiṭṭhitapasāde ñatvā puna tesaṃ ‘‘aho ayyo appiccho, na kiñci paṭiggaṇhituṃ icchati, suladdhaṃ vata no assa, sace appamattakampi kiñci paṭiggaṇheyyā’’ti nānāvidhehi upāyehi paṇītāni cīvarādīni upanentānaṃ tadanuggahakāmataṃyeva avikatvā paṭiggahaṇena ca tato pabhuti api sakaṭabhārehi upanāmanahetubhūtaṃ vimhāpanaṃ paccayapaṭisevanasaṅkhātaṃ kuhanavatthūti veditabbaṃ. Pāpicchasseva pana sato sambhāvanādhippāyena katena iriyāpathena vimhāpanaṃ iriyāpathasaṅkhātaṃ kuhanavatthūti veditabbaṃ. Pāpicchasseva pana sato uttarimanussadhammādhigamaparidīpanavācāya tathā tathā vimhāpanaṃ sāmantajappanasaṅkhātaṃ kuhanavatthūti veditabbaṃ.

    กตมํ ปจฺจยปฎิเสวนสงฺขาตนฺติ เอตฺถ ปจฺจยปฎิเสวนนฺติ เอวํ สงฺขาตํ ปจฺจยปฎิเสวนสงฺขาตํฯ นิมเนฺตนฺตีติ อิธ คหปติกา ‘‘ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ ภิกฺขู นิมเนฺตนฺติฯ อยเมว วา ปาโฐฯ ‘‘นิมเนฺตตี’’ติ วา ‘‘วทนฺตี’’ติ วา เกจิ ปฐนฺติฯ ตาทิเส นิมนฺตาเปนฺติฯ นิมเนฺตนฺตีติ ปาฐสฺส สมฺภโว ทฎฺฐโพฺพฯ จีวรํ ปจฺจกฺขาตีติ จีวรํ ปฎิกฺขิปติฯ เอตํ สารุปฺปํ, ยํ สมโณติ ยํ จีวรธารณํ สมโณ กโรติ, เอตํ สารุปฺปํ อนุจฺฉวิกํฯ ปาปณิกา วา นนฺตกานีติ อาปณทฺวาเร ปติกานิ อนฺตวิรหิตานิ ปิโลติกานิฯ อุจฺจินิตฺวาติ สํกฑฺฒิตฺวาฯ อุญฺฉาจริยายาติ ภิกฺขาจรเณนฯ ปิณฺฑิยาโลเปนาติ ปิณฺฑํ กตฺวา ลทฺธอาโลเปนฯ ปูติมุเตฺตน วาติ โคมุเตฺตน วาฯ โอสธํ กเรยฺยาติ เภสชฺชกิจฺจํ กเรยฺยฯ ตทุปาทายาติ ตโต ปฎฺฐายฯ ธุตวาโทติ ธุตคุณวาทีฯ ภิโยฺย ภิโยฺย นิมเนฺตนฺตีติ อุปรูปริ นิมเนฺตนฺติฯ สมฺมุขีภาวาติ สมฺมุขีภาเวน, วิชฺชมานตายาติ อโตฺถฯ ปสวตีติ ปฎิลภติฯ สทฺธาย สมฺมุขีภาเวน สกฺกา กาตุนฺติ ‘‘สทฺธาย สมฺมุขีภาวา’’ติอาทิมาหฯ เทยฺยธมฺมา สุลภา ทกฺขิเณยฺยา จ, สทฺธา ปน ทุลฺลภาฯ ปุถุชฺชนสฺส หิ สทฺธา อถาวรา, ปทวาเร ปทวาเร นานา โหติฯ เตเนวสฺส มหาโมคฺคลฺลานสทิโสปิ อคฺคสาวโก ปาฎิโภโค ภวิตุํ อสโกฺกโนฺต อาห ‘‘ทฺวินฺนํ โข เนสํ อาวุโส ธมฺมานํ ปาฎิโภโค โภคานญฺจ ชีวิตสฺส จ, สทฺธาย ปน ตฺวํ ปาฎิโภโค’’ติฯ

    Katamaṃ paccayapaṭisevanasaṅkhātanti ettha paccayapaṭisevananti evaṃ saṅkhātaṃ paccayapaṭisevanasaṅkhātaṃ. Nimantentīti idha gahapatikā ‘‘bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti bhikkhū nimantenti. Ayameva vā pāṭho. ‘‘Nimantetī’’ti vā ‘‘vadantī’’ti vā keci paṭhanti. Tādise nimantāpenti. Nimantentīti pāṭhassa sambhavo daṭṭhabbo. Cīvaraṃ paccakkhātīti cīvaraṃ paṭikkhipati. Etaṃ sāruppaṃ, yaṃ samaṇoti yaṃ cīvaradhāraṇaṃ samaṇo karoti, etaṃ sāruppaṃ anucchavikaṃ. Pāpaṇikā vā nantakānīti āpaṇadvāre patikāni antavirahitāni pilotikāni. Uccinitvāti saṃkaḍḍhitvā. Uñchācariyāyāti bhikkhācaraṇena. Piṇḍiyālopenāti piṇḍaṃ katvā laddhaālopena. Pūtimuttena vāti gomuttena vā. Osadhaṃ kareyyāti bhesajjakiccaṃ kareyya. Tadupādāyāti tato paṭṭhāya. Dhutavādoti dhutaguṇavādī. Bhiyyo bhiyyo nimantentīti uparūpari nimantenti. Sammukhībhāvāti sammukhībhāvena, vijjamānatāyāti attho. Pasavatīti paṭilabhati. Saddhāya sammukhībhāvena sakkā kātunti ‘‘saddhāya sammukhībhāvā’’tiādimāha. Deyyadhammā sulabhā dakkhiṇeyyā ca, saddhā pana dullabhā. Puthujjanassa hi saddhā athāvarā, padavāre padavāre nānā hoti. Tenevassa mahāmoggallānasadisopi aggasāvako pāṭibhogo bhavituṃ asakkonto āha ‘‘dvinnaṃ kho nesaṃ āvuso dhammānaṃ pāṭibhogo bhogānañca jīvitassa ca, saddhāya pana tvaṃ pāṭibhogo’’ti.

    เอวํ ตุเมฺห ปุเญฺญน ปริพาหิรา ภวิสฺสถาติ เอตฺถ ปุเญฺญนาติ นิสฺสกฺกเตฺถ กรณวจนํฯ ปุญฺญโต ปริหีนา ปรมฺมุขา ภวิสฺสถฯ ภากุฎิกาติ มุขานํ ปธานปุริมฎฺฐิตภาวทสฺสเนน ภากุฎิกรณํ, มุขสโงฺกโจติ วุตฺตํ โหติฯ ภากุฎิกรณํ สีลมสฺสาติ ภากุฎิโก, ภากุฎิกสฺส ภาโว ภากุฎิยํฯ กุหนาติ วิมฺหาปนาฯ กุหสฺส อายนา กุหายนาฯ กุหิตสฺส ภาโว กุหิตตฺตํ

    Evaṃ tumhe puññena paribāhirā bhavissathāti ettha puññenāti nissakkatthe karaṇavacanaṃ. Puññato parihīnā parammukhā bhavissatha. Bhākuṭikāti mukhānaṃ padhānapurimaṭṭhitabhāvadassanena bhākuṭikaraṇaṃ, mukhasaṅkocoti vuttaṃ hoti. Bhākuṭikaraṇaṃ sīlamassāti bhākuṭiko, bhākuṭikassa bhāvo bhākuṭiyaṃ. Kuhanāti vimhāpanā. Kuhassa āyanā kuhāyanā. Kuhitassa bhāvo kuhitattaṃ.

    ปาปิโจฺฉติ อสนฺตคุณทีปนกาโมฯ อิจฺฉาปกโตติ อิจฺฉาย อปกโต, อุปทฺทุโตติ อโตฺถฯ สมฺภาวนาธิปฺปาโยติ พหุมานชฺฌาสโยฯ คมนํ สณฺฐเปตีติ อภิกฺกมาทิคมนํ อภิสงฺขโรติ, ปาสาทิกภาวํ กโรตีติ วุตฺตํ โหติฯ อิตเรสุปิ เอเสว นโยฯ ปณิธาย คจฺฉตีติ ปตฺถนํ ฐเปตฺวา คจฺฉติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ สมาหิโต วิย คจฺฉตีติ อุปจารปฺปโตฺต วิย คจฺฉติฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ

    Pāpicchoti asantaguṇadīpanakāmo. Icchāpakatoti icchāya apakato, upaddutoti attho. Sambhāvanādhippāyoti bahumānajjhāsayo. Gamanaṃ saṇṭhapetīti abhikkamādigamanaṃ abhisaṅkharoti, pāsādikabhāvaṃ karotīti vuttaṃ hoti. Itaresupi eseva nayo. Paṇidhāya gacchatīti patthanaṃ ṭhapetvā gacchati. Sesesupi eseva nayo. Samāhito viya gacchatīti upacārappatto viya gacchati. Sesesupi eseva nayo.

    อาปาถกชฺฌายีว โหตีติ สมฺมุขา อาคตานํ มนุสฺสานํ ฌานํ สมาปชฺชโนฺต วิย สนฺตภาวํ ทเสฺสติฯ อิริยาปถสฺสาติ จตุอิริยาปถสฺสฯ อาฐปนาติ อาทิฎฺฐปนา, อาทเรน วา ฐปนาฯ ฐปนาติ ฐปนากาโรฯ สณฺฐปนาติ อภิสงฺขรณํ, ปาสาทิกภาวกรณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อริยธมฺมสนฺนิสฺสิตนฺติ โลกุตฺตรธมฺมปฎิพทฺธํฯ กุญฺจิกนฺติ อวาปุรณํฯ มิตฺตาติ สิเนหวโนฺตฯ สนฺทิฎฺฐาติ ทิฎฺฐมตฺตาฯ สมฺภตฺตาติ ทฬฺหมิตฺตาฯ อุทฺทเณฺฑติ เอโก ปติสฺสยวิเสโสฯ

    Āpāthakajjhāyīva hotīti sammukhā āgatānaṃ manussānaṃ jhānaṃ samāpajjanto viya santabhāvaṃ dasseti. Iriyāpathassāti catuiriyāpathassa. Āṭhapanāti ādiṭṭhapanā, ādarena vā ṭhapanā. Ṭhapanāti ṭhapanākāro. Saṇṭhapanāti abhisaṅkharaṇaṃ, pāsādikabhāvakaraṇanti vuttaṃ hoti. Ariyadhammasannissitanti lokuttaradhammapaṭibaddhaṃ. Kuñcikanti avāpuraṇaṃ. Mittāti sinehavanto. Sandiṭṭhāti diṭṭhamattā. Sambhattāti daḷhamittā. Uddaṇḍeti eko patissayaviseso.

    โกรชิกโกรชิโกติ สโงฺกจสโงฺกจโก, อติสโงฺกจโกติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘โกรจกโกรจโก’’ติ วา ปาโฐฯ ภากุฎิกภากุฎิโกติ อติวิย มุขสโงฺกจนสีโลฯ กุหกกุหโกติ อติวิย วิมฺหาปโกฯ ลปกลปโกติ อติวิย สลฺลาปโกฯ มุขสมฺภาวิโกติ อตฺตโน มุขวเสน อเญฺญหิ สห สมฺภาวิโก, อปฺปิตจิโตฺตติ เอเกฯ สนฺตานนฺติ กิเลสสนฺตตาย สนฺตานํฯ สมาปตฺตีนนฺติ สมาปชฺชิตพฺพานํฯ คมฺภีรนฺติ นินฺนปติฎฺฐานํฯ คูฬฺหนฺติ ทเสฺสตุํ ทุกฺขํฯ นิปุณนฺติ สุขุมํฯ ปฎิจฺฉนฺนนฺติ ปทเตฺถน ทุปฺปฎิวิชฺฌาธิปฺปายํฯ โลกุตฺตรนฺติ ธมฺมทีปกํฯ สุญฺญตาปฎิสญฺญุตฺตนฺติ นิพฺพานปฎิสญฺญุตฺตํฯ อถ วา โลกุตฺตรสุญฺญตาปฎิสญฺญุตฺตนฺติ โลกุตฺตรธมฺมภูตนิพฺพานปฎิสญฺญุตฺตํฯ

    Korajikakorajikoti saṅkocasaṅkocako, atisaṅkocakoti vuttaṃ hoti. ‘‘Koracakakoracako’’ti vā pāṭho. Bhākuṭikabhākuṭikoti ativiya mukhasaṅkocanasīlo. Kuhakakuhakoti ativiya vimhāpako. Lapakalapakoti ativiya sallāpako. Mukhasambhāvikoti attano mukhavasena aññehi saha sambhāviko, appitacittoti eke. Santānanti kilesasantatāya santānaṃ. Samāpattīnanti samāpajjitabbānaṃ. Gambhīranti ninnapatiṭṭhānaṃ. Gūḷhanti dassetuṃ dukkhaṃ. Nipuṇanti sukhumaṃ. Paṭicchannanti padatthena duppaṭivijjhādhippāyaṃ. Lokuttaranti dhammadīpakaṃ. Suññatāpaṭisaññuttanti nibbānapaṭisaññuttaṃ. Atha vā lokuttarasuññatāpaṭisaññuttanti lokuttaradhammabhūtanibbānapaṭisaññuttaṃ.

    กายิกํ ปาคพฺภิยนฺติ กาเย ภวํ กายิกํฯ วาจสิกเจตสิเกสุปิ เอเสว นโยฯ อจิตฺตีการกโตติ พหุมานกิริยรหิโตฯ อนุปาหนานํ จงฺกมนฺตานนฺติ อุปาหนวิรหิตานํ จงฺกมนฺตานํ สมีเป, อนาทเร วา สามิวจนํฯ สอุปาหโนติ อุปาหนารูโฬฺห หุตฺวา จงฺกมติฯ นีเจ จงฺกเม จงฺกมนฺตานนฺติ อกตปริเจฺฉทาย ภูมิยา จงฺกมเนฺต ปริเจฺฉทํ กตฺวา วาลุกํ อากิริตฺวา อาลมฺพนํ โยเชตฺวา กตจงฺกเม นีเจปิ จงฺกเม จงฺกมเนฺตฯ อุเจฺจ จงฺกเม จงฺกมตีติ อิฎฺฐกจยนสมฺปเนฺน เวทิกาปริกฺขิเตฺต อุเจฺจ จงฺกเม จงฺกมติฯ สเจ ปาการปริกฺขิโตฺต โหติ ทฺวารโกฎฺฐกยุโตฺต, ปพฺพตนฺตรวนนฺตรภูมนฺตรสฺส วา สุปฺปฎิจฺฉโนฺน, ตาทิเส จงฺกเม จงฺกมิตุํ วฎฺฎติ, อปฺปฎิจฺฉเนฺนปิ อุปจารํ มุญฺจิตฺวา วฎฺฎติฯ ฆฎฺฎยโนฺตปิ ติฎฺฐตีติ อติสมีเป ติฎฺฐติฯ ปุรโตปิ ติฎฺฐตีติ ปุรตฺถิมโตปิ ติฎฺฐติฯ ฐิตโกปิ ภณตีติ ขาณุโก วิย อโนนมิตฺวา ภณติฯ พาหาวิเกฺขปโกติ พาหุํ ขิปิตฺวา ขิปิตฺวา ภณติฯ

    Kāyikaṃ pāgabbhiyanti kāye bhavaṃ kāyikaṃ. Vācasikacetasikesupi eseva nayo. Acittīkārakatoti bahumānakiriyarahito. Anupāhanānaṃ caṅkamantānanti upāhanavirahitānaṃ caṅkamantānaṃ samīpe, anādare vā sāmivacanaṃ. Saupāhanoti upāhanārūḷho hutvā caṅkamati. Nīce caṅkame caṅkamantānanti akataparicchedāya bhūmiyā caṅkamante paricchedaṃ katvā vālukaṃ ākiritvā ālambanaṃ yojetvā katacaṅkame nīcepi caṅkame caṅkamante. Ucce caṅkame caṅkamatīti iṭṭhakacayanasampanne vedikāparikkhitte ucce caṅkame caṅkamati. Sace pākāraparikkhitto hoti dvārakoṭṭhakayutto, pabbatantaravanantarabhūmantarassa vā suppaṭicchanno, tādise caṅkame caṅkamituṃ vaṭṭati, appaṭicchannepi upacāraṃ muñcitvā vaṭṭati. Ghaṭṭayantopi tiṭṭhatīti atisamīpe tiṭṭhati. Puratopitiṭṭhatīti puratthimatopi tiṭṭhati. Ṭhitakopi bhaṇatīti khāṇuko viya anonamitvā bhaṇati. Bāhāvikkhepakoti bāhuṃ khipitvā khipitvā bhaṇati.

    อนุปขชฺชาติ สเพฺพสํ นิสินฺนฎฺฐานํ ปวิสิตฺวาฯ นเวปิ ภิกฺขู อาสเนน ปฎิพาหตีติ อตฺตโน ปตฺตาสเน อนิสีทิตฺวา ปุเร วา ปจฺฉา วา ปวิสโนฺต อาสเนน ปฎิพาหติ นามฯ

    Anupakhajjāti sabbesaṃ nisinnaṭṭhānaṃ pavisitvā. Navepi bhikkhū āsanena paṭibāhatīti attano pattāsane anisīditvā pure vā pacchā vā pavisanto āsanena paṭibāhati nāma.

    อนาปุจฺฉมฺปิ กฎฺฐํ ปกฺขิปตีติ อนาปุจฺฉิตฺวา อนปโลเกตฺวา อคฺคิมฺหิ ทารุํ ขิปติฯ ทฺวารํ ปิทหตีติ ชนฺตาฆเร ปิทหติฯ

    Anāpucchampi kaṭṭhaṃ pakkhipatīti anāpucchitvā anapaloketvā aggimhi dāruṃ khipati. Dvāraṃ pidahatīti jantāghare pidahati.

    โอตรตีติ อุทกติตฺถํ ปวิสติฯ นฺหายตีติ สรีรํ สิเนเหติฯ อุตฺตรตีติ อุทกติตฺถโต ตีรํ อุคฺคจฺฉติฯ

    Otaratīti udakatitthaṃ pavisati. Nhāyatīti sarīraṃ sineheti. Uttaratīti udakatitthato tīraṃ uggacchati.

    โวกฺกมฺมาปีติ อติกฺกมิตฺวาปิฯ โอวรกานีติ คเพฺภ ปติฎฺฐิตสยนฆรานิฯ

    Vokkammāpīti atikkamitvāpi. Ovarakānīti gabbhe patiṭṭhitasayanagharāni.

    คูฬฺหานีติ ปฎิจฺฉนฺนานิฯ ปฎิจฺฉนฺนานีติ อเญฺญหิ ปฎิจฺฉาทิตานิฯ

    Gūḷhānīti paṭicchannāni. Paṭicchannānīti aññehi paṭicchāditāni.

    อนชฺฌิโฎฺฐ วาติ เถเรหิ ‘‘ธมฺมํ ภณาหี’’ติ อนาณโตฺต อนายาจิโต จฯ

    Anajjhiṭṭho vāti therehi ‘‘dhammaṃ bhaṇāhī’’ti anāṇatto anāyācito ca.

    ปาปธโมฺมติ ลามกธโมฺมฯ อสุจิสงฺกสรสมาจาโรติ อเญฺญหิ ‘‘อยํ ทุสฺสีโล’’ติ สงฺกาย สริตโพฺพ อาจาโร สํโยโค เอตสฺสาติ อสุจิสงฺกสรสมาจาโรฯ สงฺกสฺสรสมาจาโรติ สการํ สํโยคํ กตฺวาปิ ปฐนฺติฯ ปฎิจฺฉนฺนกมฺมโนฺตติ ปฎิจฺฉาทิตกายวจีกมฺมโนฺตฯ อสฺสมโณติ น สมโณฯ สมณปฎิโญฺญติ ‘‘อหํ สมโณ’’ติ ปฎิชานโนฺตฯ อพฺรหฺมจารีติ เสฎฺฐจริยา วิรหิโตฯ พฺรหฺมจาริปฎิโญฺญติ วุตฺตปฎิปโกฺขฯ อโนฺตปูตีติ อพฺภนฺตเร กุสลธมฺมวิรหิตตฺตา อโนฺตปูติภาวมาปโนฺนฯ อวสฺสุโตติ ราเคน ติโนฺตฯ กสมฺพุชาโตติ สงฺการสภาโวฯ อาจารโคจรสมฺปโนฺนติ เอตฺถ ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติโสฺส หิโรตฺตปฺปสมฺปโนฺน สุนิวโตฺถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกเนฺตน ปฎิกฺกเนฺตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิญฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปโนฺน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตญฺญู ชาคริยมนุยุโตฺต สติสมฺปชเญฺญน สมนฺนาคโต อปฺปิโจฺฉ สนฺตุโฎฺฐ อารทฺธวีริโย อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจาโรฯ เอวํ ตาว อาจาโร เวทิตโพฺพฯ

    Pāpadhammoti lāmakadhammo. Asucisaṅkasarasamācāroti aññehi ‘‘ayaṃ dussīlo’’ti saṅkāya saritabbo ācāro saṃyogo etassāti asucisaṅkasarasamācāro. Saṅkassarasamācāroti sakāraṃ saṃyogaṃ katvāpi paṭhanti. Paṭicchannakammantoti paṭicchāditakāyavacīkammanto. Assamaṇoti na samaṇo. Samaṇapaṭiññoti ‘‘ahaṃ samaṇo’’ti paṭijānanto. Abrahmacārīti seṭṭhacariyā virahito. Brahmacāripaṭiññoti vuttapaṭipakkho. Antopūtīti abbhantare kusaladhammavirahitattā antopūtibhāvamāpanno. Avassutoti rāgena tinto. Kasambujātoti saṅkārasabhāvo. Ācāragocarasampannoti ettha bhikkhu sagāravo sappatisso hirottappasampanno sunivattho supāruto pāsādikena abhikkantena paṭikkantena ālokitena vilokitena samiñjitena pasāritena okkhittacakkhu iriyāpathasampanno indriyesu guttadvāro bhojane mattaññū jāgariyamanuyutto satisampajaññena samannāgato appiccho santuṭṭho āraddhavīriyo ābhisamācārikesu sakkaccakārī garucittīkārabahulo viharati, ayaṃ vuccati ācāro. Evaṃ tāva ācāro veditabbo.

    โคจโร ปน ติวิโธ อุปนิสฺสยโคจโร อารกฺขโคจโร อุปนิพนฺธโคจโรติฯ ตตฺถ กตโม อุปนิสฺสยโคจโร? ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต กลฺยาณมิโตฺต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทาเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฎฺฐิํ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ; ยสฺส วา ปน อนุสิกฺขมาโน สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปญฺญาย วฑฺฒติฯ อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโรฯ

    Gocaro pana tividho upanissayagocaro ārakkhagocaro upanibandhagocaroti. Tattha katamo upanissayagocaro? Dasakathāvatthuguṇasamannāgato kalyāṇamitto, yaṃ nissāya assutaṃ suṇāti, sutaṃ pariyodāpeti, kaṅkhaṃ vitarati, diṭṭhiṃ ujuṃ karoti, cittaṃ pasādeti; yassa vā pana anusikkhamāno saddhāya vaḍḍhati, sīlena, sutena, cāgena, paññāya vaḍḍhati. Ayaṃ vuccati upanissayagocaro.

    กตโม อารกฺขโคจโร? อิธ ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิโฎฺฐ วีถิํ ปฎิปโนฺน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี สุสํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถิํ โอโลเกโนฺต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺติํ, น อิตฺถิํ, น ปุริสํ โอโลเกโนฺต, น อุทฺธํ อุโลฺลเกโนฺต, น อโธ โอโลเกโนฺต, น ทิสาวิทิสํ เปกฺขมาโน คจฺฉติฯ อยํ วุจฺจติ อารกฺขโคจโรฯ

    Katamo ārakkhagocaro? Idha bhikkhu antaragharaṃ paviṭṭho vīthiṃ paṭipanno okkhittacakkhu yugamattadassāvī susaṃvuto gacchati, na hatthiṃ olokento, na assaṃ, na rathaṃ, na pattiṃ, na itthiṃ, na purisaṃ olokento, na uddhaṃ ullokento, na adho olokento, na disāvidisaṃ pekkhamāno gacchati. Ayaṃ vuccati ārakkhagocaro.

    กตโม อุปนิพนฺธโคจโร? จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ยตฺถ จิตฺตํ อุปนิพนฺธติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย? ยทิทํ จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒), อยํ วุจฺจติ อุปนิพนฺธโคจโรติฯ อิติ อิมินา จ อาจาเรน อิมินา จ โคจเรน อุเปโต…เป.… สมนฺนาคโตฯ เตนปิ วุจฺจติ อาจารโคจรสมฺปโนฺนติฯ

    Katamo upanibandhagocaro? Cattāro satipaṭṭhānā yattha cittaṃ upanibandhati. Vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘‘ko ca, bhikkhave, bhikkhuno gocaro sako pettiko visayo? Yadidaṃ cattāro satipaṭṭhānā’’ti (saṃ. ni. 5.372), ayaṃ vuccati upanibandhagocaroti. Iti iminā ca ācārena iminā ca gocarena upeto…pe… samannāgato. Tenapi vuccati ācāragocarasampannoti.

    อณุมเตฺตสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสาวีติ อณุปฺปมาเณสุ อสญฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วเชฺชสุ ภยทสฺสนสีโลฯ สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิญฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สมฺมา อาทาย สิกฺขติฯ เอตฺถ จ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ เอตฺตาวตา จ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ทสฺสิตํฯ ‘‘อาจารโคจรสมฺปโนฺน’’ติอาทิ ปน สพฺพํ ยถาปฎิปนฺนสฺส ตํ สีลํ สมฺปชฺชติ, ตํ ปฎิปตฺติํ ทเสฺสตุํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Aṇumattesu vajjesu bhayadassāvīti aṇuppamāṇesu asañcicca āpannasekhiyaakusalacittuppādādibhedesu vajjesu bhayadassanasīlo. Samādāya sikkhati sikkhāpadesūti yaṃkiñci sikkhāpadesu sikkhitabbaṃ, taṃ sabbaṃ sammā ādāya sikkhati. Ettha ca ‘‘pātimokkhasaṃvarasaṃvuto’’ti ettāvatā ca puggalādhiṭṭhānāya desanāya pātimokkhasaṃvarasīlaṃ dassitaṃ. ‘‘Ācāragocarasampanno’’tiādi pana sabbaṃ yathāpaṭipannassa taṃ sīlaṃ sampajjati, taṃ paṭipattiṃ dassetuṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ๘๘. สาติเยสุ อนสฺสาวีติ สาตวตฺถูสุ กามคุเณสุ ตณฺหาสนฺถววิรหิโตฯ สโณฺหติ สเณฺหหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคโตฯ ปฎิภานวาติ ปริยตฺติปริปุจฺฉาธิคมปฎิภาเนหิ สมนฺนาคโตฯ น สโทฺธติ สามํ อธิคตธมฺมํ น กสฺสจิ สทฺทหติฯ น วิรชฺชตีติ ขยา ราคสฺส วิรตฺตตฺตา อิทานิ น วิรชฺชติฯ

    88.Sātiyesu anassāvīti sātavatthūsu kāmaguṇesu taṇhāsanthavavirahito. Saṇhoti saṇhehi kāyakammādīhi samannāgato. Paṭibhānavāti pariyattiparipucchādhigamapaṭibhānehi samannāgato. Na saddhoti sāmaṃ adhigatadhammaṃ na kassaci saddahati. Na virajjatīti khayā rāgassa virattattā idāni na virajjati.

    เยสํ เอสาติ เยสํ ปุคฺคลานํ สาตวตฺถูสุ กามคุเณสุ อิจฺฉา ตณฺหาฯ อปฺปหีนาติ สนฺถวสมฺปยุตฺตา ตณฺหา อรหตฺตมเคฺคน อปฺปหีนาฯ เตสํ จกฺขุโต รูปตณฺหา สวตีติ เอเตสํ จกฺขุทฺวารโต ปวตฺตชวนวีถิสมฺปยุตฺตา รูปารมฺมณา ตณฺหา อุปฺปชฺชติฯ อาสวตีติ โอกาสโต ยาว ภวคฺคา ธมฺมโต ยาว โคตฺรภู สวติฯ สนฺทตีติ นทีโสตํ วิย อโธมุขํ สนฺทติฯ ปวตฺตตีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติวเสน ปวตฺตติฯ เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ สุกฺกปเกฺข วุตฺตวิปริยาเยน ตณฺหา อรหตฺตมเคฺคน สุปฺปหีนาฯ เตสํ จกฺขุโต รูปตณฺหา น สวติฯ

    Yesaṃ esāti yesaṃ puggalānaṃ sātavatthūsu kāmaguṇesu icchā taṇhā. Appahīnāti santhavasampayuttā taṇhā arahattamaggena appahīnā. Tesaṃ cakkhuto rūpataṇhā savatīti etesaṃ cakkhudvārato pavattajavanavīthisampayuttā rūpārammaṇā taṇhā uppajjati. Āsavatīti okāsato yāva bhavaggā dhammato yāva gotrabhū savati. Sandatīti nadīsotaṃ viya adhomukhaṃ sandati. Pavattatīti punappunaṃ uppattivasena pavattati. Sesadvāresupi eseva nayo. Sukkapakkhe vuttavipariyāyena taṇhā arahattamaggena suppahīnā. Tesaṃ cakkhuto rūpataṇhā na savati.

    สเณฺหน กายกเมฺมน สมนฺนาคโตติ อผรุเสน มุทุนา กายกเมฺมน สมงฺคีภูโต เอกีภูโตฯ วจีกมฺมาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สเณฺหหิ สติปฎฺฐาเนหีติอาทีสุ สติปฎฺฐานาทโย โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกาฯ ปริยาปุณนอตฺถาทิปริปุจฺฉาโลกิยโลกุตฺตรธมฺมาธิคมวเสน สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถา ติโสฺส ปฎิภานปฺปเภทสงฺขาตา ปญฺญา ยสฺส อตฺถิ, โส ปฎิภานวาฯ ตสฺส ปริยตฺติํ นิสฺสาย ปฎิภายตีติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปริยาปุณนํ อลฺลียิตฺวา ญาณํ ชายติ ญาณํ อภิมุขํ โหติฯ จตฺตาโร สติปฎฺฐานาติ สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธมฺมา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกวเสน วุตฺตาฯ มคฺคผลานิ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรวเสนฯ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาโย ฉ จ อภิญฺญาโย วิโมกฺขนฺติกวเสน วุตฺตาติ ญาตพฺพาฯ

    Saṇhenakāyakammena samannāgatoti apharusena mudunā kāyakammena samaṅgībhūto ekībhūto. Vacīkammādīsupi eseva nayo. Saṇhehi satipaṭṭhānehītiādīsu satipaṭṭhānādayo lokiyalokuttaramissakā. Pariyāpuṇanaatthādiparipucchālokiyalokuttaradhammādhigamavasena sallakkhaṇavibhāvanavavatthānakaraṇasamatthā tisso paṭibhānappabhedasaṅkhātā paññā yassa atthi, so paṭibhānavā. Tassa pariyattiṃ nissāya paṭibhāyatīti tassa puggalassa pariyāpuṇanaṃ allīyitvā ñāṇaṃ jāyati ñāṇaṃ abhimukhaṃ hoti. Cattāro satipaṭṭhānāti sattatiṃsa bodhipakkhiyadhammā lokiyalokuttaramissakavasena vuttā. Maggaphalāni nibbattitalokuttaravasena. Catasso paṭisambhidāyo cha ca abhiññāyo vimokkhantikavasena vuttāti ñātabbā.

    ตตฺถ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาโยติ จตฺตาโร ญาณปฺปเภทาติ อโตฺถฯ อิทฺธิวิธาทิอาสวกฺขยปริโยสานานิ อธิกานิ ฉ ญาณานิฯ ตสฺสาติ ปรสฺส, อโตฺถ ปฎิภายตีติ สมฺพโนฺธฯ อโตฺถติ สเงฺขปโต เหตุผลํฯ ตญฺหิ ยสฺมา เหตุอนุสาเรน อรียติ อธิคมียติ ปาปุณียติ, ตสฺมา อโตฺถติ วุจฺจติฯ ปเภทโต ปน ยํกิญฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ นิพฺพานํ ภาสิตโตฺถ วิปาโก กิริยาติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา อโตฺถติ เวทิตพฺพา, ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส โส อโตฺถ ปเภทโต ญาโต ปากโฎ โหติฯ ธโมฺมติ สเงฺขปโต ปจฺจโยฯ โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ วิทหติ ปวเตฺตติ เจว ปาเปติ จ, ตสฺมา ธโมฺมติ วุจฺจติฯ ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ อริยมโคฺค ภาสิตํ กุสลํ อกุสลนฺติ อิเม ปญฺจ ธมฺมา ธโมฺมติ เวทิตพฺพา, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส โส ธโมฺม ปเภทโต ญาโต ปากโฎ โหติ, ตสฺมิํ อเตฺถ จ ธเมฺม จ ยา สภาวนิรุตฺติ อพฺยภิจารี โวหาโร, ตสฺส อภิลาเป ภาสเน อุทีรเณ ตํ ลปิตํ ภาสิตํ อุทีริตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สา นิรุตฺติ ญาตา ปากฎา โหติฯ

    Tattha catasso paṭisambhidāyoti cattāro ñāṇappabhedāti attho. Iddhividhādiāsavakkhayapariyosānāni adhikāni cha ñāṇāni. Tassāti parassa, attho paṭibhāyatīti sambandho. Atthoti saṅkhepato hetuphalaṃ. Tañhi yasmā hetuanusārena arīyati adhigamīyati pāpuṇīyati, tasmā atthoti vuccati. Pabhedato pana yaṃkiñci paccayuppannaṃ nibbānaṃ bhāsitattho vipāko kiriyāti ime pañca dhammā atthoti veditabbā, taṃ atthaṃ paccavekkhantassa so attho pabhedato ñāto pākaṭo hoti. Dhammoti saṅkhepato paccayo. So hi yasmā taṃ taṃ vidahati pavatteti ceva pāpeti ca, tasmā dhammoti vuccati. Pabhedato pana yo koci phalanibbattako hetu ariyamaggo bhāsitaṃ kusalaṃ akusalanti ime pañca dhammā dhammoti veditabbā, taṃ dhammaṃ paccavekkhantassa so dhammo pabhedato ñāto pākaṭo hoti, tasmiṃ atthe ca dhamme ca yā sabhāvanirutti abyabhicārī vohāro, tassa abhilāpe bhāsane udīraṇe taṃ lapitaṃ bhāsitaṃ udīritaṃ sabhāvaniruttisaddaṃ ārammaṇaṃ katvā paccavekkhantassa sā nirutti ñātā pākaṭā hoti.

    เอตฺถ อเตฺถ ญาเต อโตฺถ ปฎิภายตีติ อิทานิ ตสฺส สทฺทํ อาหริตฺวา วุตฺตปฺปเภเท อเตฺถ ปากฎีภูเต วุตฺตปฺปเภโท อโตฺถ ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปฎิภายติ ญาณาภิมุโข โหติฯ ธเมฺม ญาเต ธโมฺม ปฎิภายตีติ วุตฺตปฺปเภเท ธเมฺม ปากฎีภูเต วุตฺตปฺปเภโท ธโมฺม ปฎิภายติฯ นิรุตฺติยา ญาตาย นิรุตฺติ ปฎิภายตีติ วุตฺตปฺปเภทาย นิรุตฺติยา ปากฎาย วุตฺตปฺปเภทา นิรุตฺติ ปฎิภายติฯ อิเมสุ ตีสุ ญาเณสุ ญาณนฺติ อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ อิเมสุ ตีสุ สพฺพตฺถกญาณมารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส เตสุ ตีสุ ญาเณสุ ปเภทคตํ ญาณํ, ยถาวุเตฺตสุ วา เตสุ ตีสุ ญาเณสุ โคจรกิจฺจาทิวเสน วิตฺถารคตํ ญาณํ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาฯ อิมาย ปฎิภานปฎิสมฺภิทายาติ อิมาย วุตฺตปฺปการาย ยถาวุตฺตวิตฺถารปญฺญาย อุเปโต โหติฯ โส วุจฺจติ ปฎิภานวาติ นิคเมโนฺต อาหฯ ยสฺส ปริยตฺติ นตฺถีติ ปริยตฺติ นาม พุทฺธวจนํฯ ตญฺหิ อุคฺคณฺหนฺตสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ ยสฺส ปุคฺคลสฺส เอวรูปา ปริยตฺติ นตฺถิฯ ปริปุจฺฉา นตฺถีติ ปริปุจฺฉา นาม ปาฬิอฎฺฐกถาทีสุ คณฺฐิปทอตฺถปทวินิจฺฉยกถาฯ อุคฺคหิตปาฬิอาทีสุ หิ อตฺถํ กเถนฺตสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ อธิคโม นตฺถีติ อธิคโม นาม อรหตฺตปฺปตฺติฯ อรหตฺตญฺหิ ปตฺตสฺส ปฎิสมฺภิทา วิสทา โหนฺติฯ ยสฺส วุตฺตปฺปการา ติวิธา สมฺปตฺติ นตฺถิฯ กิํ ตสฺส ปฎิภายิสฺสตีติ เกน การเณน ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปเภทคตํ ญาณํ อุปฎฺฐหิสฺสติฯ

    Ettha atthe ñāte attho paṭibhāyatīti idāni tassa saddaṃ āharitvā vuttappabhede atthe pākaṭībhūte vuttappabhedo attho tassa puggalassa paṭibhāyati ñāṇābhimukho hoti. Dhamme ñātedhammo paṭibhāyatīti vuttappabhede dhamme pākaṭībhūte vuttappabhedo dhammo paṭibhāyati. Niruttiyā ñātāya nirutti paṭibhāyatīti vuttappabhedāya niruttiyā pākaṭāya vuttappabhedā nirutti paṭibhāyati. Imesu tīsu ñāṇesu ñāṇanti atthadhammaniruttīsu imesu tīsu sabbatthakañāṇamārammaṇaṃ katvā paccavekkhantassa tesu tīsu ñāṇesu pabhedagataṃ ñāṇaṃ, yathāvuttesu vā tesu tīsu ñāṇesu gocarakiccādivasena vitthāragataṃ ñāṇaṃ paṭibhānapaṭisambhidā. Imāya paṭibhānapaṭisambhidāyāti imāya vuttappakārāya yathāvuttavitthārapaññāya upeto hoti. So vuccati paṭibhānavāti nigamento āha. Yassa pariyatti natthīti pariyatti nāma buddhavacanaṃ. Tañhi uggaṇhantassa paṭisambhidā visadā honti. Yassa puggalassa evarūpā pariyatti natthi. Paripucchā natthīti paripucchā nāma pāḷiaṭṭhakathādīsu gaṇṭhipadaatthapadavinicchayakathā. Uggahitapāḷiādīsu hi atthaṃ kathentassa paṭisambhidā visadā honti. Adhigamo natthīti adhigamo nāma arahattappatti. Arahattañhi pattassa paṭisambhidā visadā honti. Yassa vuttappakārā tividhā sampatti natthi. Kiṃ tassa paṭibhāyissatīti kena kāraṇena tassa puggalassa pabhedagataṃ ñāṇaṃ upaṭṭhahissati.

    สามนฺติ สยเมวฯ สยํ อภิญฺญาตนฺติ สยเมว เตน ญาเณน อวคมิตํฯ อตฺตปจฺจกฺขํ ธมฺมนฺติ อตฺตนา ปฎิวิชฺฌิตํ ปจฺจเวกฺขิตํ ธมฺมํฯ น กสฺสจิ สทฺทหตีติ อตฺตปจฺจกฺขตาย ปเรสํ น สทฺทหติ, สทฺธาย น คจฺฉติฯ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทิกํ ทฺวาทสปทิกปจฺจยาการทสฺสนวเสน วุตฺตํฯ อวิชฺชานิโรธาติอาทโย สํสารนิวตฺติํ สนฺธาย วุตฺตาฯ อิทํ ทุกฺขนฺติอาทิ สจฺจทสฺสนวเสนฯ อิเม อาสวาติอาทโย อปเรน ปริยาเยน กิเลสวเสน ปจฺจยทสฺสนวเสนฯ อิเม ธมฺมา อภิเญฺญยฺยาติอาทโย อภิเญฺญยฺยปริเญฺญยฺยปหาตพฺพภาเวตพฺพสจฺฉิกาตพฺพธมฺมานํ ทสฺสนวเสนฯ ฉนฺนํ ผสฺสายตนานนฺติอาทโย ผสฺสายตนานํ อุปฺปตฺติญฺจ อตฺถงฺคมญฺจ อสฺสาทญฺจ อุปทฺทวญฺจ นิสฺสรณญฺจ ทสฺสนวเสนฯ ปญฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ ปญฺจวีสติวิเธน อุทยญฺจ วยญฺจ, เตสุ ฉนฺทราควเสน อสฺสาทญฺจ, เตสํ วิปริณามํ อาทีนวญฺจ, นิสฺสรณสงฺขาตํ นิพฺพานญฺจฯ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อวิชฺชาทิสมุทยญฺจ, อวิชฺชาทินิโรเธ อตฺถงฺคมญฺจ เอวมาทิทสฺสนวเสน วุตฺตาฯ เอเต ธมฺมา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ

    Sāmanti sayameva. Sayaṃ abhiññātanti sayameva tena ñāṇena avagamitaṃ. Attapaccakkhaṃ dhammanti attanā paṭivijjhitaṃ paccavekkhitaṃ dhammaṃ. Na kassaci saddahatīti attapaccakkhatāya paresaṃ na saddahati, saddhāya na gacchati. Avijjāpaccayā saṅkhārātiādikaṃ dvādasapadikapaccayākāradassanavasena vuttaṃ. Avijjānirodhātiādayo saṃsāranivattiṃ sandhāya vuttā. Idaṃ dukkhantiādi saccadassanavasena. Ime āsavātiādayo aparena pariyāyena kilesavasena paccayadassanavasena. Ime dhammā abhiññeyyātiādayo abhiññeyyapariññeyyapahātabbabhāvetabbasacchikātabbadhammānaṃ dassanavasena. Channaṃ phassāyatanānantiādayo phassāyatanānaṃ uppattiñca atthaṅgamañca assādañca upaddavañca nissaraṇañca dassanavasena. Pañcannaṃ upādānakkhandhānaṃ pañcavīsatividhena udayañca vayañca, tesu chandarāgavasena assādañca, tesaṃ vipariṇāmaṃ ādīnavañca, nissaraṇasaṅkhātaṃ nibbānañca. Catunnaṃ mahābhūtānaṃ avijjādisamudayañca, avijjādinirodhe atthaṅgamañca evamādidassanavasena vuttā. Ete dhammā tattha tattha vuttanayena veditabbā.

    อมโตคธนฺติ นตฺถิ เอตสฺส มรณสงฺขาตํ มตนฺติ อมตํฯ กิเลสวิสปฎิปกฺขตฺตา อคทนฺติปิ อมตํฯ ตสฺมิํ นินฺนตาย อมโตคธํฯ อมตปรายนนฺติ วุตฺตปฺปการํ อมตํ ปรํ อยนํ คติ ปติฎฺฐา อสฺสาติ อมตปรายนํฯ อมตปริโยสานนฺติ ตํ อมตํ สํสารสฺส นิฎฺฐาภูตตฺตา ปริโยสานมสฺสาติ อมตปริโยสานํฯ

    Amatogadhanti natthi etassa maraṇasaṅkhātaṃ matanti amataṃ. Kilesavisapaṭipakkhattā agadantipi amataṃ. Tasmiṃ ninnatāya amatogadhaṃ. Amataparāyananti vuttappakāraṃ amataṃ paraṃ ayanaṃ gati patiṭṭhā assāti amataparāyanaṃ. Amatapariyosānanti taṃ amataṃ saṃsārassa niṭṭhābhūtattā pariyosānamassāti amatapariyosānaṃ.

    ๘๙. ลาภกมฺยา น สิกฺขตีติ ลาภปตฺถนาย สุตฺตนฺตาทีนิ น สิกฺขติฯ อวิรุโทฺธ จ ตณฺหาย, รเสสุ นานุคิชฺฌตีติ วิโรธาภาเวน จ อวิรุโทฺธ หุตฺวา ตณฺหาย มูลรสาทีสุ เคธํ นาปชฺชติฯ

    89.Lābhakamyā na sikkhatīti lābhapatthanāya suttantādīni na sikkhati. Aviruddho ca taṇhāya, rasesu nānugijjhatīti virodhābhāvena ca aviruddho hutvā taṇhāya mūlarasādīsu gedhaṃ nāpajjati.

    เกน นุ โขติ ลาภปตฺถนาย การณจิเนฺตน ปิหสฺส ปริเยสเน นิปาโตฯ ลาภาภินิพฺพตฺติยาติ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ วิเสเสน อุปฺปตฺติยาฯ ลาภํ ปริปาเจโนฺตติ ปจฺจเย ปริปาจยโนฺตฯ

    Kena nu khoti lābhapatthanāya kāraṇacintena pihassa pariyesane nipāto. Lābhābhinibbattiyāti catunnaṃ paccayānaṃ visesena uppattiyā. Lābhaṃ paripācentoti paccaye paripācayanto.

    อตฺตทมตฺถายาติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตาย ปญฺญาย อตฺตโน ทมนตฺถายฯ อตฺตสมตฺถายาติ สมาธิสมฺปยุตฺตาย ปญฺญาย อตฺตโน สมาธานตฺถายฯ อตฺตปรินิพฺพาปนตฺถายาติ ทุวิเธนาปิ ญาเณน อตฺตโน อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โข อาวุโส ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๙)ฯ อปฺปิจฺฉเญฺญว นิสฺสายาติ เอตฺถ ปจฺจยอปฺปิโจฺฉ อธิคมอปฺปิโจฺฉ ปริยตฺติอปฺปิโจฺฉ ธุตงฺคอปฺปิโจฺฉติ จตฺตาโร อปฺปิจฺฉา, เตสํ นานตฺถํ เหฎฺฐา วิตฺถาริตํ เอว, ตํ อปฺปิจฺฉํ อลฺลียิตฺวาฯ สนฺตุฎฺฐิเญฺญวาติ จตูสุ ปจฺจเยสุ จ ติวิธํ สโนฺตสํ อลฺลียิตฺวา, เอเตสํ วิภาโค เหฎฺฐา วิตฺถาริโตเยวฯ สเลฺลขเญฺญวาติ กิเลสเลขนํฯ อิทมตฺถิตเญฺญวาติ อิเมหิ กุสลธเมฺมหิ อตฺถิ อิทมตฺถิ, ตสฺส ภาโว อิทมตฺถิตา, ตํ อิทมตฺถิตํเยว นิสฺสาย อลฺลียิตฺวาฯ

    Attadamatthāyāti vipassanāsampayuttāya paññāya attano damanatthāya. Attasamatthāyāti samādhisampayuttāya paññāya attano samādhānatthāya. Attaparinibbāpanatthāyāti duvidhenāpi ñāṇena attano anupādāparinibbānatthāya. Vuttañhetaṃ ‘‘anupādāparinibbānatthaṃ kho āvuso bhagavati brahmacariyaṃ vussatī’’ti (ma. ni. 1.259). Appicchaññeva nissāyāti ettha paccayaappiccho adhigamaappiccho pariyattiappiccho dhutaṅgaappicchoti cattāro appicchā, tesaṃ nānatthaṃ heṭṭhā vitthāritaṃ eva, taṃ appicchaṃ allīyitvā. Santuṭṭhiññevāti catūsu paccayesu ca tividhaṃ santosaṃ allīyitvā, etesaṃ vibhāgo heṭṭhā vitthāritoyeva. Sallekhaññevāti kilesalekhanaṃ. Idamatthitaññevāti imehi kusaladhammehi atthi idamatthi, tassa bhāvo idamatthitā, taṃ idamatthitaṃyeva nissāya allīyitvā.

    รโสติ นิเทฺทสสฺส อุเทฺทสปทํฯ มูลรโสติ ยํกิญฺจิ มูลํ ปฎิจฺจ นิพฺพตฺตรโสฯ ขนฺธรสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อมฺพิลนฺติ ตกฺกมฺพิลาทิฯ มธุรนฺติ เอกนฺตโต โคสปฺปิอาทิฯ มธุ ปน กสาวยุตฺตํ จิรนิกฺขิตฺตํ กสาวํ โหติ, ผาณิตํ ขาริยุตฺตํ จิรนิกฺขิตฺตํ ขาริยํ โหติฯ สปฺปิ ปน จิรนิกฺขิตฺตํ วณฺณคเนฺธ ชหนฺตมฺปิ รสํ น ชหตีติ ตเทว เอกนฺตมธุรํฯ ติตฺตกนฺติ นิมฺพปณฺณาทิฯ กฎุกนฺติ สิงฺคิเวรมริจาทิฯ โลณิกนฺติ สามุทฺทิกโลณาทิฯ ขาริกนฺติ วาติงฺคณกฬีราทิฯ ลมฺพิกนฺติ พทรามลกกปิฎฺฐสาลวาทิฯ กสาวนฺติ หรีตกาทิฯ อิเม สเพฺพปิ รสา วตฺถุวเสน วุตฺตาฯ ตํตํวตฺถุโก ปเนตฺถ รโส จ อมฺพิลาทีนิ นาเมหิ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ สาทูติ อิฎฺฐรโสฯ อสาทูติ อนิฎฺฐรโสฯ อิมินา ปททฺวเยน สโพฺพปิ รโส ปริยาทิโนฺนฯ สีตนฺติ สีตรโสฯ อุณฺหนฺติ อุณฺหรโสฯ เอวมยํ มูลรสาทินา เภเทน ภิโนฺนปิ รโส ลกฺขณาทีหิ อภิโนฺนเยวฯ สโพฺพปิ เหส ชิวฺหาปฎิหนนลกฺขโณ, ชิวฺหาวิญฺญาณสฺส วิสยภาวรโส, ตเสฺสว โคจรปจฺจุปฎฺฐาโนฯ เต ชิวฺหเคฺคน รสคฺคานีติ เอเต สมณพฺราหฺมณา ปสาทชิวฺหเคฺคน อุตฺตมรสานิฯ ปริเยสนฺตาติ คเวสมานาฯ อาหิณฺฑนฺตีติ ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺติฯ เต อมฺพิลํ ลภิตฺวา อนมฺพิลํ ปริเยสนฺตีติ ตกฺกาทิอมฺพิลํ ลทฺธา อนมฺพิลํ คเวสนฺติฯ เอวํ สพฺพํ ปริวเตฺตตฺวา ปริวเตฺตตฺวา โยชิตํฯ

    Rasoti niddesassa uddesapadaṃ. Mūlarasoti yaṃkiñci mūlaṃ paṭicca nibbattaraso. Khandharasādīsupi eseva nayo. Ambilanti takkambilādi. Madhuranti ekantato gosappiādi. Madhu pana kasāvayuttaṃ ciranikkhittaṃ kasāvaṃ hoti, phāṇitaṃ khāriyuttaṃ ciranikkhittaṃ khāriyaṃ hoti. Sappi pana ciranikkhittaṃ vaṇṇagandhe jahantampi rasaṃ na jahatīti tadeva ekantamadhuraṃ. Tittakanti nimbapaṇṇādi. Kaṭukanti siṅgiveramaricādi. Loṇikanti sāmuddikaloṇādi. Khārikanti vātiṅgaṇakaḷīrādi. Lambikanti badarāmalakakapiṭṭhasālavādi. Kasāvanti harītakādi. Ime sabbepi rasā vatthuvasena vuttā. Taṃtaṃvatthuko panettha raso ca ambilādīni nāmehi vuttoti veditabbo. Sādūti iṭṭharaso. Asādūti aniṭṭharaso. Iminā padadvayena sabbopi raso pariyādinno. Sītanti sītaraso. Uṇhanti uṇharaso. Evamayaṃ mūlarasādinā bhedena bhinnopi raso lakkhaṇādīhi abhinnoyeva. Sabbopi hesa jivhāpaṭihananalakkhaṇo, jivhāviññāṇassa visayabhāvaraso, tasseva gocarapaccupaṭṭhāno. Te jivhaggena rasaggānīti ete samaṇabrāhmaṇā pasādajivhaggena uttamarasāni. Pariyesantāti gavesamānā. Āhiṇḍantīti tattha tattha vicaranti. Te ambilaṃ labhitvā anambilaṃ pariyesantīti takkādiambilaṃ laddhā anambilaṃ gavesanti. Evaṃ sabbaṃ parivattetvā parivattetvā yojitaṃ.

    ปฎิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรตีติ ปฎิสงฺขานปญฺญาย ชานิตฺวา อุปาเยน อาหารํ อาหาเรติฯ อิทานิ อุปายํ ทเสฺสตุํ ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Paṭisaṅkhā yoniso āhāraṃ āhāretīti paṭisaṅkhānapaññāya jānitvā upāyena āhāraṃ āhāreti. Idāni upāyaṃ dassetuṃ ‘‘neva davāyā’’tiādi vuttaṃ.

    ตตฺถ เนว ทวายาติ ทวตฺถาย น อาหาเรติฯ ตตฺถ นฎลงฺฆกาทโย ทวตฺถาย อาหาเรนฺติ นามฯ ยญฺหิ โภชนํ ภุตฺตสฺส นจฺจคีตกพฺพสิโลกสงฺขาโต ทโว อติเรกตเรน ปฎิภาติ, ตํ โภชนํ อธเมฺมน วิสเมน ปริเยสิตฺวา เต อาหาเรนฺติฯ อยํ ปน ภิกฺขุ น เอวมาหาเรติฯ

    Tattha neva davāyāti davatthāya na āhāreti. Tattha naṭalaṅghakādayo davatthāya āhārenti nāma. Yañhi bhojanaṃ bhuttassa naccagītakabbasilokasaṅkhāto davo atirekatarena paṭibhāti, taṃ bhojanaṃ adhammena visamena pariyesitvā te āhārenti. Ayaṃ pana bhikkhu na evamāhāreti.

    มทายาติ มานมทปุริสมทานํ วฑฺฒนตฺถาย น อาหาเรติฯ ตตฺถ ราชราชมหามตฺตา มทตฺถาย อาหาเรนฺติ นามฯ เต หิ อตฺตโน มานมทปุริสมทานํ วฑฺฒนตฺถาย ปิณฺฑรสโภชนาทีนิ ปณีตโภชนานิ ภุญฺชนฺติฯ อยํ ปน ภิกฺขุ เอวํ นาหาเรติฯ

    Namadāyāti mānamadapurisamadānaṃ vaḍḍhanatthāya na āhāreti. Tattha rājarājamahāmattā madatthāya āhārenti nāma. Te hi attano mānamadapurisamadānaṃ vaḍḍhanatthāya piṇḍarasabhojanādīni paṇītabhojanāni bhuñjanti. Ayaṃ pana bhikkhu evaṃ nāhāreti.

    มณฺฑนายาติ สรีรมณฺฑนตฺถาย น อาหาเรติฯ ตตฺถ รูปูปชีวินิโย มาตุคามา อเนฺตปุริกาทโย จ สปฺปิผาณิตาทีนิ ปิวนฺติ, สินิทฺธมุทุมทฺทวโภชนํ อาหาเรนฺติฯ เอวํ โน องฺคลฎฺฐิ สุสณฺฐิตา ภวิสฺสติ, สรีเร ฉวิวโณฺณ ปสโนฺน ภวิสฺสตีติฯ อยํ ปน ภิกฺขุ เอวํ น อาหาเรติฯ

    Namaṇḍanāyāti sarīramaṇḍanatthāya na āhāreti. Tattha rūpūpajīviniyo mātugāmā antepurikādayo ca sappiphāṇitādīni pivanti, siniddhamudumaddavabhojanaṃ āhārenti. Evaṃ no aṅgalaṭṭhi susaṇṭhitā bhavissati, sarīre chavivaṇṇo pasanno bhavissatīti. Ayaṃ pana bhikkhu evaṃ na āhāreti.

    น วิภูสนายาติ สรีเร มํสวิภูสนตฺถาย น อาหาเรติฯ ตตฺถ นิพฺพุทฺธมลฺลมุฎฺฐิกมลฺลเจฎกาทโย สุสินิเทฺธหิ มจฺฉมํสาทีหิ สรีรํ ปีเณนฺติ ‘‘เอวํ โน มํสํ อุสฺสทํ ภวิสฺสติ ปหารสหนตฺถายา’’ติฯ อยํ ปน ภิกฺขุ เอวํ สรีเร มํสวิภูสนตฺถาย น อาหาเรติฯ

    Na vibhūsanāyāti sarīre maṃsavibhūsanatthāya na āhāreti. Tattha nibbuddhamallamuṭṭhikamallaceṭakādayo susiniddhehi macchamaṃsādīhi sarīraṃ pīṇenti ‘‘evaṃ no maṃsaṃ ussadaṃ bhavissati pahārasahanatthāyā’’ti. Ayaṃ pana bhikkhu evaṃ sarīre maṃsavibhūsanatthāya na āhāreti.

    ยาวเทวาติ อาหาราหรณปโยชนสฺส ปริเจฺฉทนิยมทสฺสนํฯ อิมสฺส กายสฺส ฐิติยาติ อิมสฺส จตุมหาภูติกสฺส กรชกายสฺส ฐปนตฺถาย อาหาเรติ, อิทมสฺส อาหาราหรเณ ปโยชนนฺติ อโตฺถฯ ยาปนายาติ ชีวิตินฺทฺริยยาปนตฺถาย อาหาเรติฯ วิหิํสูปรติยาติ วิหิํสา นาม อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกขุทฺทา, ตสฺสา อุปรติยา วูปสมนตฺถาย อาหาเรติฯ พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ พฺรหฺมจริยํ นาม ติโสฺส สิกฺขา สกลสาสนํ, ตสฺส อนุคฺคณฺหตฺถาย อาหาเรติฯ

    Yāvadevāti āhārāharaṇapayojanassa paricchedaniyamadassanaṃ. Imassa kāyassa ṭhitiyāti imassa catumahābhūtikassa karajakāyassa ṭhapanatthāya āhāreti, idamassa āhārāharaṇe payojananti attho. Yāpanāyāti jīvitindriyayāpanatthāya āhāreti. Vihiṃsūparatiyāti vihiṃsā nāma abhuttapaccayā uppajjanakakhuddā, tassā uparatiyā vūpasamanatthāya āhāreti. Brahmacariyānuggahāyāti brahmacariyaṃ nāma tisso sikkhā sakalasāsanaṃ, tassa anuggaṇhatthāya āhāreti.

    อิตีติ อุปายนิทสฺสนํ, อิมินา อุปาเยนาติ อโตฺถฯ ปุราณญฺจ เวทนํ ปฎิหงฺขามีติ ปุราณเวทนํ นาม อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา, ตํ ปฎิหนิสฺสามีติ อาหาเรติฯ นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ นวเวทนา นาม อติภุตฺตปจฺจเยน อุปฺปชฺชนกเวทนา, น ตํ อุปฺปาเทสฺสามีติ อาหาเรติฯ อถ วา นวเวทนา นาม ภุตฺตปจฺจยา น อุปฺปชฺชนกเวทนา, ตสฺสา อนุปฺปนฺนาย อนุปฺปชฺชนตฺถเมว อาหาเรติฯ

    Itīti upāyanidassanaṃ, iminā upāyenāti attho. Purāṇañca vedanaṃ paṭihaṅkhāmīti purāṇavedanaṃ nāma abhuttapaccayā uppajjanakavedanā, taṃ paṭihanissāmīti āhāreti. Navañca vedanaṃ na uppādessāmīti navavedanā nāma atibhuttapaccayena uppajjanakavedanā, na taṃ uppādessāmīti āhāreti. Atha vā navavedanā nāma bhuttapaccayā na uppajjanakavedanā, tassā anuppannāya anuppajjanatthameva āhāreti.

    ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ยาปนา จ เม ภวิสฺสติฯ อนวชฺชตา จาติ เอตฺถ อตฺถิ สาวชฺชํ, อตฺถิ อนวชฺชํฯ ตตฺถ อธมฺมิกปริเยสนา อธมฺมิกปฎิคฺคหณํ อธเมฺมน ปริโภโคติ อิทํ สาวชฺชํ นามฯ ธเมฺมน ปน ปริเยสิตฺวา ธเมฺมน ปฎิคฺคเหตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชนํ อนวชฺชํ นามฯ เอกโจฺจ อนวเชฺชเยว สาวชฺชํ กโรติ, ‘‘ลทฺธํ เม’’ติ กตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตํ ภุญฺชติ, ตํ ชีราเปตุํ อสโกฺกโนฺต อุทฺธํวิเรจนอโธวิเรจนาทีหิ กิลมติ, สกลวิหาเร ภิกฺขู ตสฺส สรีรปฎิชคฺคนเภสชฺชปริเยสนาทีสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺติ, ‘‘กิํ อิท’’นฺติ วุเตฺต ‘‘อสุกสฺส นาม อุทรํ อุทฺธุมาต’’นฺติอาทิํ วทนฺติฯ ‘‘เอส นิจฺจกาลมฺปิ เอวํ ปกติโกเยว, อตฺตโน กุจฺฉิปฺปมาณํ นาม น ชานาตี’’ติ นินฺทนฺติ ครหนฺติฯ อยํ อนวเชฺชเยว สาวชฺชํ กโรติ นามฯ เอวํ อกตฺวา ‘‘อนวชฺชตา จ เม ภวิสฺสตี’’ติ อาหาเรติฯ

    Yātrā ca me bhavissatīti yāpanā ca me bhavissati. Anavajjatā cāti ettha atthi sāvajjaṃ, atthi anavajjaṃ. Tattha adhammikapariyesanā adhammikapaṭiggahaṇaṃ adhammena paribhogoti idaṃ sāvajjaṃ nāma. Dhammena pana pariyesitvā dhammena paṭiggahetvā paccavekkhitvā paribhuñjanaṃ anavajjaṃ nāma. Ekacco anavajjeyeva sāvajjaṃ karoti, ‘‘laddhaṃ me’’ti katvā pamāṇātikkantaṃ bhuñjati, taṃ jīrāpetuṃ asakkonto uddhaṃvirecanaadhovirecanādīhi kilamati, sakalavihāre bhikkhū tassa sarīrapaṭijagganabhesajjapariyesanādīsu ussukkaṃ āpajjanti, ‘‘kiṃ ida’’nti vutte ‘‘asukassa nāma udaraṃ uddhumāta’’ntiādiṃ vadanti. ‘‘Esa niccakālampi evaṃ pakatikoyeva, attano kucchippamāṇaṃ nāma na jānātī’’ti nindanti garahanti. Ayaṃ anavajjeyeva sāvajjaṃ karoti nāma. Evaṃ akatvā ‘‘anavajjatā ca me bhavissatī’’ti āhāreti.

    ผาสุวิหาโร จาติ เอตฺถาปิ อตฺถิ ผาสุวิหาโร, อตฺถิ น ผาสุวิหาโรฯ ตตฺถ อาหรหตฺถโก อลํสาฎโก ตตฺรวฎฺฎโก กากมาสโก ภุตฺตวมิตโกติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ พฺราหฺมณานํ โภชนํ น ผาสุวิหาโร นามฯ เอเตสุ หิ อาหรหตฺถโก นาม พหุํ ภุญฺชิตฺวา อตฺตโน ธมฺมตาย อุฎฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘อาหร หตฺถ’’นฺติ วทติฯ อลํสาฎโก นาม อจฺจุทฺธุมาตกุจฺฉิตาย อุฎฺฐิโตปิ สาฎกํ นิวาเสตุํ น สโกฺกติฯ ตตฺรวฎฺฎโก นาม อุฎฺฐาตุํ อสโกฺกโนฺต ตเตฺรว ปริวฎฺฎติฯ กากมาสโก นาม ยถา กาเกหิ อามสิตุํ สโกฺกติ, เอวํ ยาว มุขทฺวารา อาหาเรติฯ ภุตฺตวมิตโก นาม มุเขน สนฺธาเรตุํ อสโกฺกโนฺต ตเตฺถว วมติฯ เอวํ อกตฺวา ‘‘ผาสุวิหาโร จ เม ภวิสฺสตี’’ติ อาหาเรติฯ ผาสุวิหาโร นาม จตูหิ ปญฺจหิ อาโลเปติ อูนูทรตาฯ เอตฺตกญฺหิ ภุญฺชิตฺวา ปานียํ ปิวโต จตฺตาโร อิริยาปถา สุเขน ปวตฺตนฺติฯ ตสฺมา ธมฺมเสนาปติ เอวมาห –

    Phāsuvihāro cāti etthāpi atthi phāsuvihāro, atthi na phāsuvihāro. Tattha āharahatthako alaṃsāṭako tatravaṭṭako kākamāsako bhuttavamitakoti imesaṃ pañcannaṃ brāhmaṇānaṃ bhojanaṃ na phāsuvihāro nāma. Etesu hi āharahatthako nāma bahuṃ bhuñjitvā attano dhammatāya uṭṭhātuṃ asakkonto ‘‘āhara hattha’’nti vadati. Alaṃsāṭako nāma accuddhumātakucchitāya uṭṭhitopi sāṭakaṃ nivāsetuṃ na sakkoti. Tatravaṭṭako nāma uṭṭhātuṃ asakkonto tatreva parivaṭṭati. Kākamāsako nāma yathā kākehi āmasituṃ sakkoti, evaṃ yāva mukhadvārā āhāreti. Bhuttavamitako nāma mukhena sandhāretuṃ asakkonto tattheva vamati. Evaṃ akatvā ‘‘phāsuvihāro ca me bhavissatī’’ti āhāreti. Phāsuvihāro nāma catūhi pañcahi ālopeti ūnūdaratā. Ettakañhi bhuñjitvā pānīyaṃ pivato cattāro iriyāpathā sukhena pavattanti. Tasmā dhammasenāpati evamāha –

    ‘‘จตฺตาโร ปญฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

    ‘‘Cattāro pañca ālope, abhutvā udakaṃ pive;

    อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ (เถรคา. ๙๘๓; มิ. ป. ๖.๕.๑๐);

    Alaṃ phāsuvihārāya, pahitattassa bhikkhuno’’ti. (theragā. 983; mi. pa. 6.5.10);

    อิมสฺมิํ ปน ฐาเน องฺคานิ สโมธาเนตพฺพานิฯ เนว ทวายาติ หิ เอกํ องฺคํ, น มทายาติ เอกํ, น มณฺฑนายาติ เอกํ, น วิภูสนายาติ เอกํ, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ฐิติยา ยาปนายาติ เอกํ, วิหิํสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ เอกํ, อิติ ปุราณญฺจ เวทนํ ปฎิหงฺขามิ นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ เอกํ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ เอกํ องฺคํ, อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จาติ อยเมตฺถ โภชนานิสํโสฯ

    Imasmiṃ pana ṭhāne aṅgāni samodhānetabbāni. Neva davāyāti hi ekaṃ aṅgaṃ, na madāyāti ekaṃ, na maṇḍanāyāti ekaṃ, na vibhūsanāyāti ekaṃ, yāvadeva imassa kāyassa ṭhitiyā yāpanāyāti ekaṃ, vihiṃsūparatiyā brahmacariyānuggahāyāti ekaṃ, iti purāṇañca vedanaṃ paṭihaṅkhāmi navañca vedanaṃ na uppādessāmīti ekaṃ, yātrā ca me bhavissatīti ekaṃ aṅgaṃ, anavajjatā ca phāsuvihāro cāti ayamettha bhojanānisaṃso.

    มหาสิวเตฺถโร ปนาห – ‘‘เหฎฺฐา จตฺตาริ องฺคานิ ปฎิเกฺขโป นาม, อุปริ ปน อฎฺฐงฺคานิ สโมธาเนตพฺพานี’’ติฯ ตตฺถ ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ฐิติยาติ เอกํ องฺคํ, ยาปนายาติ เอกํ, วิหิํสูปรติยาติ เอกํ, พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ เอกํ, อิติ ปุราณญฺจ เวทนํ ปฎิหงฺขามีติ เอกํ, นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ เอกํ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ เอกํ, อนวชฺชตา จาติ เอกํ, ผาสุวิหาโร ปน โภชนานิสํโสติฯ เอวํ อฎฺฐงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรติฯ

    Mahāsivatthero panāha – ‘‘heṭṭhā cattāri aṅgāni paṭikkhepo nāma, upari pana aṭṭhaṅgāni samodhānetabbānī’’ti. Tattha yāvadeva imassa kāyassa ṭhitiyāti ekaṃ aṅgaṃ, yāpanāyāti ekaṃ, vihiṃsūparatiyāti ekaṃ, brahmacariyānuggahāyāti ekaṃ, iti purāṇañca vedanaṃ paṭihaṅkhāmīti ekaṃ, navañca vedanaṃ na uppādessāmīti ekaṃ, yātrā ca me bhavissatīti ekaṃ, anavajjatā cāti ekaṃ, phāsuvihāro pana bhojanānisaṃsoti. Evaṃ aṭṭhaṅgasamannāgataṃ āhāraṃ āhāreti.

    ๙๐. อุเปกฺขโกติ ฉฬงฺคุเปกฺขาย สมนฺนาคโตฯ สโตติ กายานุปสฺสนาทิสติยุโตฺตฯ

    90.Upekkhakoti chaḷaṅgupekkhāya samannāgato. Satoti kāyānupassanādisatiyutto.

    อุเปกฺขโกติ ฉฬงฺคุเปกฺขาย สมนฺนาคโตติ เอตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขาธโมฺม นาม โกติ? ญาณาทโยฯ ‘‘ญาณ’’นฺติ วุเตฺต กิริยโต จตฺตาริ ญาณสมฺปยุตฺตานิ ลพฺภนฺติ, ‘‘สตตวิหาโร’’ติ วุเตฺต อฎฺฐ มหาจิตฺตานิ ลพฺภนฺติ, ‘‘รชฺชนทุสฺสนํ นตฺถี’’ติ วุเตฺต ทส จิตฺตานิ ลพฺภนฺติฯ โสมนสฺสํ อาเสวนวเสน ลพฺภติฯ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ การณวเสน จกฺขูติ ลทฺธโวหาเรน รูปทสฺสนสมเตฺถน จกฺขุวิญฺญาเณน รูปํ ทิสฺวาฯ โปราณา ปนาหุ – จกฺขุ รูปํ น ปสฺสติ อจิตฺตกตฺตา, จิตฺตมฺปิ น ปสฺสติ อจกฺขุกตฺตาฯ ทฺวารารมฺมณสงฺฆฎฺฎเนน ปน ปสาทวตฺถุเกน จิเตฺตน ปสฺสติฯ อีทิเสสุ ปน ฐาเนสุ ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติอาทีสุ วิย สสมฺภารกถา นาม โหติฯ ตสฺมา จกฺขุวิญฺญาเณน รูปํ ทิสฺวาติ อยเมเวตฺถ อโตฺถฯ

    Upekkhakoti chaḷaṅgupekkhāya samannāgatoti ettha chaḷaṅgupekkhādhammo nāma koti? Ñāṇādayo. ‘‘Ñāṇa’’nti vutte kiriyato cattāri ñāṇasampayuttāni labbhanti, ‘‘satatavihāro’’ti vutte aṭṭha mahācittāni labbhanti, ‘‘rajjanadussanaṃ natthī’’ti vutte dasa cittāni labbhanti. Somanassaṃ āsevanavasena labbhati. Cakkhunā rūpaṃ disvāti kāraṇavasena cakkhūti laddhavohārena rūpadassanasamatthena cakkhuviññāṇena rūpaṃ disvā. Porāṇā panāhu – cakkhu rūpaṃ na passati acittakattā, cittampi na passati acakkhukattā. Dvārārammaṇasaṅghaṭṭanena pana pasādavatthukena cittena passati. Īdisesu pana ṭhānesu ‘‘dhanunā vijjhatī’’tiādīsu viya sasambhārakathā nāma hoti. Tasmā cakkhuviññāṇena rūpaṃ disvāti ayamevettha attho.

    เนว สุมโน โหตีติ โลภุปฺปตฺติวเสน ฉนฺทราคุปฺปตฺติวเสน โสมนโสฺส น โหติฯ น ทุมฺมโนติ ปฎิฆุปฺปตฺติวเสน ทุฎฺฐจิโตฺต น โหติฯ อุเปกฺขโกติ อุปปตฺติโต อิกฺขโก โหติ, อปกฺขปติโต หุตฺวา อิริยาปถํ ปวเตฺตติฯ สโต สมฺปชาโนติ สติมา ญาณสมฺปโนฺนฯ มนาปํ นาภิคิชฺฌตีติ มนวฑฺฒนกํ อิฎฺฐารมฺมณํ นาภิคิชฺฌติ น ปเตฺถติฯ นาภิหํสตีติ น ตุสฺสติฯ น ราคํ ชเนตีติ ตตฺถ ตตฺถ รญฺชนํ น อุปฺปาเทติฯ ตสฺส ฐิโตว กาโย โหตีติ ตสฺส ขีณาสวสฺส จกฺขาทิกาโย กมฺปารหิตตฺตา ฐิโต นิจฺจโล โหติฯ อมนาปนฺติ อนิฎฺฐารมฺมณํ ฯ น มงฺกุ โหตีติ โทมนสฺสิโต น โหติฯ อปฺปติฎฺฐิตจิโตฺตติ โกธวเสน ฐิตมโน น โหติฯ อลีนมนโสติ อลีนจิโตฺตฯ อพฺยาปนฺนเจตโสติ พฺยาปาทรหิตจิโตฺตฯ

    Neva sumano hotīti lobhuppattivasena chandarāguppattivasena somanasso na hoti. Na dummanoti paṭighuppattivasena duṭṭhacitto na hoti. Upekkhakoti upapattito ikkhako hoti, apakkhapatito hutvā iriyāpathaṃ pavatteti. Sato sampajānoti satimā ñāṇasampanno. Manāpaṃ nābhigijjhatīti manavaḍḍhanakaṃ iṭṭhārammaṇaṃ nābhigijjhati na pattheti. Nābhihaṃsatīti na tussati. Na rāgaṃ janetīti tattha tattha rañjanaṃ na uppādeti. Tassaṭhitova kāyo hotīti tassa khīṇāsavassa cakkhādikāyo kampārahitattā ṭhito niccalo hoti. Amanāpanti aniṭṭhārammaṇaṃ . Na maṅku hotīti domanassito na hoti. Appatiṭṭhitacittoti kodhavasena ṭhitamano na hoti. Alīnamanasoti alīnacitto. Abyāpannacetasoti byāpādarahitacitto.

    รชนีเย น รชฺชตีติ รชนียสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ น ราคํ อุปฺปาเทติฯ ทุสฺสนีเย น ทุสฺสตีติ โทสุปฺปาเท วตฺถุสฺมิํ น โทสํ อุปฺปาเทติฯ โมหนีเย น มุยฺหตีติ โมหนียสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ น โมหํ อุปฺปาเทติฯ โกปนีเย น กุปฺปตีติ โกธนียสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ น จลติฯ มทนีเย น มชฺชตีติ มทนียสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ น สํสีทติฯ กิเลสนีเย น กิลิสฺสตีติ อุปตปนียสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ น อุปตปฺปติฯ ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมโตฺตติ รูปารมฺมเณ จกฺขุวิญฺญาเณน ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมโตฺตฯ สุเต สุตมโตฺตติ สทฺทายตเน โสตวิญฺญาเณน สุเต สุตมโตฺตฯ มุเต มุตมโตฺตติ ฆานชิวฺหากายวิญฺญาเณน ปาปุณิตฺวา คหิเต คหิตมโตฺตฯ วิญฺญาเต วิญฺญาตมโตฺตติ มโนวิญฺญาเณน ญาเต ญาตมโตฺตฯ ทิเฎฺฐ น ลิมฺปตีติ จกฺขุวิญฺญาเณน ทิเฎฺฐ รูปารมฺมเณ ตณฺหาทิฎฺฐิเลเปน น ลิมฺปติฯ ทิเฎฺฐ อนูปโยติ รูปารมฺมเณ นิตฺตโณฺห โหติฯ อนปาโยติ อปทุฎฺฐจิโตฺตฯ

    Rajanīye na rajjatīti rajanīyasmiṃ vatthusmiṃ na rāgaṃ uppādeti. Dussanīye na dussatīti dosuppāde vatthusmiṃ na dosaṃ uppādeti. Mohanīye na muyhatīti mohanīyasmiṃ vatthusmiṃ na mohaṃ uppādeti. Kopanīye na kuppatīti kodhanīyasmiṃ vatthusmiṃ na calati. Madanīye na majjatīti madanīyasmiṃ vatthusmiṃ na saṃsīdati. Kilesanīye na kilissatīti upatapanīyasmiṃ vatthusmiṃ na upatappati. Diṭṭhe diṭṭhamattoti rūpārammaṇe cakkhuviññāṇena diṭṭhe diṭṭhamatto. Sute sutamattoti saddāyatane sotaviññāṇena sute sutamatto. Mute mutamattoti ghānajivhākāyaviññāṇena pāpuṇitvā gahite gahitamatto. Viññāte viññātamattoti manoviññāṇena ñāte ñātamatto. Diṭṭhe na limpatīti cakkhuviññāṇena diṭṭhe rūpārammaṇe taṇhādiṭṭhilepena na limpati. Diṭṭhe anūpayoti rūpārammaṇe nittaṇho hoti. Anapāyoti apaduṭṭhacitto.

    สํวิชฺชตีติ ลพฺภติฯ ปสฺสตีติ โอโลเกติฯ ฉนฺทราโคติ สิเนโหฯ รูปารามนฺติ รูปํ อารามํ อสฺสาติ รูปารามํฯ รูเป รตนฺติ รูปรตํฯ รูเป สนฺตุฎฺฐีติ รูปสมฺมุทิตํ

    Saṃvijjatīti labbhati. Passatīti oloketi. Chandarāgoti sineho. Rūpārāmanti rūpaṃ ārāmaṃ assāti rūpārāmaṃ. Rūpe ratanti rūparataṃ. Rūpe santuṭṭhīti rūpasammuditaṃ.

    ทนฺตํ นยนฺติ สมิตินฺติ อุยฺยานกีฬามณฺฑลาทีสุ มหาชนมชฺฌํ คจฺฉนฺตา ทนฺตเมว โคณชาติํ วา อสฺสชาติํ วา ยาเน โยเชตฺวา นยนฺติฯ ราชาติ ตถารูปาเนว ฐานานิ คจฺฉโนฺต ราชาปิ ทนฺตเมว อภิรุหติฯ มนุเสฺสสูติ มนุเสฺสสุปิ จตูหิ อริยมเคฺคหิ ทโนฺต นิพฺพิเสวโนว เสโฎฺฐฯ โยติวากฺยนฺติ โย เอวรูปํ อติกฺกมวจนํ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานมฺปิ ติติกฺขติ น ปฎิปฺผนฺทติ น วิหญฺญติ, เอวรูโป ทโนฺต เสโฎฺฐติ อโตฺถฯ

    Dantaṃ nayanti samitinti uyyānakīḷāmaṇḍalādīsu mahājanamajjhaṃ gacchantā dantameva goṇajātiṃ vā assajātiṃ vā yāne yojetvā nayanti. Rājāti tathārūpāneva ṭhānāni gacchanto rājāpi dantameva abhiruhati. Manussesūti manussesupi catūhi ariyamaggehi danto nibbisevanova seṭṭho. Yotivākyanti yo evarūpaṃ atikkamavacanaṃ punappunaṃ vuccamānampi titikkhati na paṭipphandati na vihaññati, evarūpo danto seṭṭhoti attho.

    อสฺสตราติ วฬวาย คทฺรเภน ชาตาฯ อาชานียาติ ยํ อสฺสทมฺมสารถิ การณํ กาเรติ, ตสฺส ขิปฺปํ ชานนสมตฺถาฯ สินฺธวาติ สินฺธวรเฎฺฐ ชาตา อสฺสาฯ มหานาคาติ กุญฺชรสงฺขาตา มหาหตฺถิโนฯ อตฺตทโนฺตติ เอเต อสฺสตรา วา อาชานียา วา สินฺธวา วา กุญฺชรา วา วรา ทนฺตา, น อทนฺตาฯ โย ปน จตุมคฺคสงฺขาเตน อตฺตทเนฺตน ทนฺตตาย อตฺตทโนฺต นิพฺพิเสวโน, อยํ ตโตปิ วรํ, สเพฺพหิปิ เอเตหิ อุตฺตริตโรติ อโตฺถฯ

    Assatarāti vaḷavāya gadrabhena jātā. Ājānīyāti yaṃ assadammasārathi kāraṇaṃ kāreti, tassa khippaṃ jānanasamatthā. Sindhavāti sindhavaraṭṭhe jātā assā. Mahānāgāti kuñjarasaṅkhātā mahāhatthino. Attadantoti ete assatarā vā ājānīyā vā sindhavā vā kuñjarā vā varā dantā, na adantā. Yo pana catumaggasaṅkhātena attadantena dantatāya attadanto nibbisevano, ayaṃ tatopi varaṃ, sabbehipi etehi uttaritaroti attho.

    น หิ เอเตหิ ยาเนหีติ ยานิ เอตานิ หตฺถิยานาทิยานานิ, น หิ เอเตหิ ยาเนหิ โกจิ ปุคฺคโล สุปินเนฺตนปิ อคตปุพฺพตฺตา ‘‘อคต’’นฺติ สงฺขาตํ นิพฺพานทิสํ, ตํ ฐานํ คเจฺฉยฺยฯ ยถา ปุพฺพภาเค อินฺทฺริยทเมน ทเนฺตน อปรภาเค อริยมคฺคภาวนาย สุทเนฺตน ทโนฺต นิพฺพิเสวโน สปฺปโญฺญ ปุคฺคโล ตํ อคตปุพฺพํ ทิสํ คจฺฉติ, ทนฺตภูมิํ ปาปุณาติฯ ตสฺมา อตฺตทมนเมว วรนฺติ อโตฺถฯ

    Na hi etehi yānehīti yāni etāni hatthiyānādiyānāni, na hi etehi yānehi koci puggalo supinantenapi agatapubbattā ‘‘agata’’nti saṅkhātaṃ nibbānadisaṃ, taṃ ṭhānaṃ gaccheyya. Yathā pubbabhāge indriyadamena dantena aparabhāge ariyamaggabhāvanāya sudantena danto nibbisevano sappañño puggalo taṃ agatapubbaṃ disaṃ gacchati, dantabhūmiṃ pāpuṇāti. Tasmā attadamanameva varanti attho.

    วิธาสุ น วิกมฺปนฺตีติ เสยฺยสฺส เสโยฺยหมสฺมีติอาทีสุ มานวิธาสุ น จลนฺติ นปฺปเวธนฺติฯ วิปฺปมุตฺตา ปุนพฺภวาติ ปุนพฺภวปฎิสนฺธิยา ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติโต สุฎฺฐุ มุตฺตา มุญฺจิตฺวา ฐิตาฯ ทนฺตภูมิมนุปฺปตฺตาติ เอกนฺตทมนํ อรหตฺตผลภูมิํ ปาปุณิตฺวา ฐิตาฯ เต โลเก วิชิตาวิโนติ เต อรหโนฺต สตฺตโลเก วิชิตวิชยา วิชิตวโนฺต นาม โหนฺติฯ

    Vidhāsu na vikampantīti seyyassa seyyohamasmītiādīsu mānavidhāsu na calanti nappavedhanti. Vippamuttā punabbhavāti punabbhavapaṭisandhiyā punappunaṃ uppattito suṭṭhu muttā muñcitvā ṭhitā. Dantabhūmimanuppattāti ekantadamanaṃ arahattaphalabhūmiṃ pāpuṇitvā ṭhitā. Te loke vijitāvinoti te arahanto sattaloke vijitavijayā vijitavanto nāma honti.

    ยสฺมา จ ภาวิตินฺทฺริโย นิพฺภโย นิพฺพิกาโร ทโนฺต โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺสินฺทฺริยานี’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยสฺส จกฺขาทีนิ ฉฬินฺทฺริยานิ โคจรภาวนาย อนิจฺจาทิติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วาสนาภาวนาย สติสมฺปชญฺญคนฺธํ คาหาเปตฺวา ภาวิตานิ, ตานิ จ โข อชฺฌตฺตโคจรภาวนาย, เอวํ ปน พหิทฺธา จ สพฺพโลเกติ ยตฺถ ยตฺถ อินฺทฺริยานํ เวกลฺลตา เวกลฺลโต วา สมฺภโว, ตตฺถ นาภิชฺฌาทิวเสน ภาวิตานีติ เอวํ นิพฺพิชฺฌ ญตฺวา ปฎิวิชฺฌิตฺวา อิมํ ปรญฺจ โลกํ สกสนฺตติขนฺธโลกํ ปรสนฺตติขนฺธโลกญฺจ ทนฺตมรณํ มริตุกาโม กาลํ กงฺขติ, ชีวิตกฺขยกาลํ อาคเมติ ปติมาเนติ, น ภายติ มรณสฺสฯ ยถาห –

    Yasmā ca bhāvitindriyo nibbhayo nibbikāro danto hoti, tasmā tamatthaṃ dassento ‘‘yassindriyānī’’ti gāthamāha. Tassattho – yassa cakkhādīni chaḷindriyāni gocarabhāvanāya aniccāditilakkhaṇaṃ āropetvā vāsanābhāvanāya satisampajaññagandhaṃ gāhāpetvā bhāvitāni, tāni ca kho ajjhattagocarabhāvanāya, evaṃ pana bahiddhā ca sabbaloketi yattha yattha indriyānaṃ vekallatā vekallato vā sambhavo, tattha nābhijjhādivasena bhāvitānīti evaṃ nibbijjha ñatvā paṭivijjhitvā imaṃ parañca lokaṃ sakasantatikhandhalokaṃ parasantatikhandhalokañca dantamaraṇaṃ maritukāmo kālaṃ kaṅkhati, jīvitakkhayakālaṃ āgameti patimāneti, na bhāyati maraṇassa. Yathāha –

    ‘‘มรเณ เม ภยํ นตฺถิ, นิกนฺติ นตฺถี ชีวิเต’’ฯ (เถรคา. ๒๐);

    ‘‘Maraṇe me bhayaṃ natthi, nikanti natthī jīvite’’. (theragā. 20);

    ‘‘นาภิกงฺขามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;

    ‘‘Nābhikaṅkhāmi maraṇaṃ, nābhikaṅkhāmi jīvitaṃ;

    กาลญฺจ ปติมาเนมิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติฯ (เถรคา. ๖๐๖, ๖๕๔, ๑๐๐๒; มิ. ป. ๒.๒.๔ โถกํ วิสทิสํ);

    Kālañca patimānemi, nibbisaṃ bhatako yathā’’ti. (theragā. 606, 654, 1002; mi. pa. 2.2.4 thokaṃ visadisaṃ);

    ภาวิโต ส ทโนฺตติ เอวํ ภาวิตินฺทฺริโย โส ทโนฺตฯ

    Bhāvitosa dantoti evaṃ bhāvitindriyo so danto.

    ๙๑. นิสฺสยตาติ ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสยาฯ ญตฺวา ธมฺมนฺติ อนิจฺจาทีหิ อากาเรหิ ธมฺมํ ชานิตฺวาฯ อนิสฺสิโตติ เอวํ เตหิ นิสฺสเยหิ อนิสฺสิโตฯ เตน อญฺญตฺร ธมฺมญาณา นตฺถิ นิสฺสยานํ อภาโวติ ทีเปติฯ ภวาย วิภวาย วาติ สสฺสตาย อุเจฺฉทาย วาฯ อิมิสฺสา คาถาย นิเทฺทโส อุตฺตาโนฯ

    91.Nissayatāti taṇhādiṭṭhinissayā. Ñatvā dhammanti aniccādīhi ākārehi dhammaṃ jānitvā. Anissitoti evaṃ tehi nissayehi anissito. Tena aññatra dhammañāṇā natthi nissayānaṃ abhāvoti dīpeti. Bhavāya vibhavāya vāti sassatāya ucchedāya vā. Imissā gāthāya niddeso uttāno.

    ๙๒. ตํ พฺรูมิ อุปสโนฺตติ ตํ เอวรูปํ เอเกกคาถาย วุตฺตํ อุปสโนฺตติ กเถมิฯ อตรี โส วิสตฺติกนฺติ โส อิมํ วิสตาทิภาเวน วิสตฺติกาสงฺขาตํ มหาตณฺหํ อตริฯ

    92.Taṃ brūmi upasantoti taṃ evarūpaṃ ekekagāthāya vuttaṃ upasantoti kathemi. Atarī so visattikanti so imaṃ visatādibhāvena visattikāsaṅkhātaṃ mahātaṇhaṃ atari.

    อตฺตโน ทิฎฺฐิยา ราโค อภิชฺฌากายคโนฺถติ สยํ คหิตทิฎฺฐิยา รญฺชนสงฺขาโต ราโค อภิชฺฌากายคโนฺถฯ ปรวาเทสุ อาฆาโต อปฺปจฺจโยติ ปเรสํ วาทปฎิวาเทสุ โกโป จ อตุฎฺฐากาโร จ พฺยาปาโท กายคโนฺถฯ อตฺตโน สีลํ วา วตํ วาติ สยํ คหิตเมถุนวิรติสงฺขาตํ สีลํ วา โควตาทิวตํ วาฯ สีลพฺพตํ วาติ ตทุภยํ วาฯ ปรามาโสติ อิมินา สุทฺธีติอาทิวเสน ปรโต อามสติฯ อตฺตโน ทิฎฺฐิ อิทํสจฺจาภินิเวโส กายคโนฺถติ สยํ คหิตทิฎฺฐิํ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ (อุทา. ๕๔; ม. นิ. ๓.๒๗, ๓๐๑) อโยนิโส อภินิเวโส อิทํสจฺจาภินิเวโส กายคโนฺถฯ คนฺถา ตสฺส น วิชฺชนฺตีติ ตสฺส ขีณาสวสฺส เทฺว ทิฎฺฐิคนฺถา โสตาปตฺติมเคฺคน น สนฺติฯ พฺยาปาโท กายคโนฺถ อนาคามิมเคฺคนฯ อภิชฺฌากายคโนฺถ อรหตฺตมเคฺคนฯ

    Attano diṭṭhiyā rāgo abhijjhākāyaganthoti sayaṃ gahitadiṭṭhiyā rañjanasaṅkhāto rāgo abhijjhākāyagantho. Paravādesu āghāto appaccayoti paresaṃ vādapaṭivādesu kopo ca atuṭṭhākāro ca byāpādo kāyagantho. Attano sīlaṃ vā vataṃ vāti sayaṃ gahitamethunaviratisaṅkhātaṃ sīlaṃ vā govatādivataṃ vā. Sīlabbataṃ vāti tadubhayaṃ vā. Parāmāsoti iminā suddhītiādivasena parato āmasati. Attano diṭṭhi idaṃsaccābhiniveso kāyaganthoti sayaṃ gahitadiṭṭhiṃ ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti (udā. 54; ma. ni. 3.27, 301) ayoniso abhiniveso idaṃsaccābhiniveso kāyagantho. Ganthā tassa na vijjantīti tassa khīṇāsavassa dve diṭṭhiganthā sotāpattimaggena na santi. Byāpādo kāyagantho anāgāmimaggena. Abhijjhākāyagantho arahattamaggena.

    ๙๓. อิทานิ ตเมว อุปสนฺตํ ปสํสโนฺต อาห ‘‘น ตสฺส ปุตฺตา’’ติ เอวมาทิฯ ตตฺถ ปุตฺตา อตฺรชาทโย จตฺตาโรฯ เอตฺถ จ ปุตฺตปริคฺคหาทโย ปุตฺตาทินาเมน วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ เต หิสฺส น วิชฺชนฺติ, เตสํ วา อภาเวน ปุตฺตาทโย น วิชฺชนฺตีติฯ อตฺตาติ ‘‘อตฺตา อตฺถี’’ติ คหิตา สสฺสตทิฎฺฐิํ นตฺถิฯ นิรตฺตาติ ‘‘อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คหิตา อุเจฺฉททิฎฺฐิฯ

    93. Idāni tameva upasantaṃ pasaṃsanto āha ‘‘na tassa puttā’’ti evamādi. Tattha puttā atrajādayo cattāro. Ettha ca puttapariggahādayo puttādināmena vuttāti veditabbā. Te hissa na vijjanti, tesaṃ vā abhāvena puttādayo na vijjantīti. Attāti ‘‘attā atthī’’ti gahitā sassatadiṭṭhiṃ natthi. Nirattāti ‘‘ucchijjatī’’ti gahitā ucchedadiṭṭhi.

    นตฺถีติ คเหตพฺพํ นตฺถิฯ มุญฺจิตพฺพํ นตฺถีติ โมเจตพฺพํ นตฺถิฯ ยสฺส นตฺถิ คหิตนฺติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน คหิตํ น วิชฺชติฯ ตสฺส นตฺถิ มุญฺจิตพฺพนฺติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส มุญฺจิตพฺพํ น วิชฺชติฯ คาหมุญฺจนสมติกฺกโนฺตติ คหณญฺจ โมจนญฺจ วีติวโตฺตฯ วุทฺธิปริหานิวีติวโตฺตติ วุฑฺฒิญฺจ หานิญฺจ อติกฺกโนฺตฯ

    Natthīti gahetabbaṃ natthi. Muñcitabbaṃ natthīti mocetabbaṃ natthi. Yassa natthi gahitanti yassa puggalassa taṇhādiṭṭhivasena gahitaṃ na vijjati. Tassa natthi muñcitabbanti tassa puggalassa muñcitabbaṃ na vijjati. Gāhamuñcanasamatikkantoti gahaṇañca mocanañca vītivatto. Vuddhiparihānivītivattoti vuḍḍhiñca hāniñca atikkanto.

    ๙๔. เยน นํ วชฺชุํ ปุถุชฺชนา, อโถ สมณพฺราหฺมณาติ เยน ตํ ราคาทินา วเชฺชน ปุถุชฺชนา สเพฺพปิ เทวมนุสฺสา อิโตว พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณา จ รโตฺตติ วา ทุโฎฺฐติ วา วเทยฺยุํฯ ตํ ตสฺส อปุรกฺขตนฺติ ตํ ราคาทิวชฺชํ ตสฺส อรหโต อปุรกฺขตํฯ ตสฺมา วาเทสุ เนชตีติ ตํการณา นินฺทาวจเนสุ น กมฺปติฯ

    94.Yena naṃ vajjuṃ puthujjanā, atho samaṇabrāhmaṇāti yena taṃ rāgādinā vajjena puthujjanā sabbepi devamanussā itova bahiddhā samaṇabrāhmaṇā ca rattoti vā duṭṭhoti vā vadeyyuṃ. Taṃ tassa apurakkhatanti taṃ rāgādivajjaṃ tassa arahato apurakkhataṃ. Tasmā vādesu nejatīti taṃkāraṇā nindāvacanesu na kampati.

    เนชตีติ นิเทฺทสสฺส อุเทฺทสปทํฯ น อิญฺชตีติ จลนํ น กโรติฯ น จลตีติ น ตตฺถ นมติฯ น เวธตีติ กเมฺปตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย น ผนฺทติฯ นปฺปเวธตีติ น กมฺปติฯ น สมฺปเวธตีติ น ปริวตฺตติฯ

    Nejatīti niddesassa uddesapadaṃ. Na iñjatīti calanaṃ na karoti. Na calatīti na tattha namati. Na vedhatīti kampetuṃ asakkuṇeyyatāya na phandati. Nappavedhatīti na kampati. Na sampavedhatīti na parivattati.

    ๙๕. น อุเสฺสสุ วทเตติ วิสิเฎฺฐสุ อตฺตานํ อโนฺตกตฺวา ‘‘อหํ วิสิโฎฺฐ’’ติ อติมานวเสน น วทติฯ เอส นโย อิตเรสุ ทฺวีสุฯ กปฺปํ เนติ อกปฺปิโยติ โส เอวรูโป ทุวิธมฺปิ กปฺปํ น เอติฯ กสฺมา? ยสฺมา อกปฺปิโย, ปหีนกโปฺปติ วุตฺตํ โหติฯ อิมิสฺสาปิ คาถาย นิเทฺทโส อุตฺตาโนวฯ

    95.Na ussesu vadateti visiṭṭhesu attānaṃ antokatvā ‘‘ahaṃ visiṭṭho’’ti atimānavasena na vadati. Esa nayo itaresu dvīsu. Kappaṃ neti akappiyoti so evarūpo duvidhampi kappaṃ na eti. Kasmā? Yasmā akappiyo, pahīnakappoti vuttaṃ hoti. Imissāpi gāthāya niddeso uttānova.

    ๙๖. สกนฺติ มยฺหนฺติ ปริคฺคหิตํฯ อสตา จ น โสจตีติ อวิชฺชมานาทินา อสตา จ น โสจติฯ ธเมฺมสุ จ น คจฺฉตีติ สพฺพธเมฺมสุ ฉนฺทาทิวเสน น คจฺฉติฯ ส เว สโนฺตติ วุจฺจตีติ โส เอวรูโป นรุตฺตโม ‘‘สโนฺต’’ติ วุจฺจติฯ อิมิสฺสาปิ คาถาย นิเทฺทโส อุตฺตาโนวฯ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน โกฎิสตสหสฺสเทวตานํ อรหตฺตปฺปตฺติ อโหสิ, โสตาปนฺนาทีนํ คณนา นตฺถีติฯ

    96.Sakanti mayhanti pariggahitaṃ. Asatā ca na socatīti avijjamānādinā asatā ca na socati. Dhammesu ca na gacchatīti sabbadhammesu chandādivasena na gacchati. Sa ve santoti vuccatīti so evarūpo naruttamo ‘‘santo’’ti vuccati. Imissāpi gāthāya niddeso uttānova. Arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Desanāpariyosāne koṭisatasahassadevatānaṃ arahattappatti ahosi, sotāpannādīnaṃ gaṇanā natthīti.

    สทฺธมฺมปฺปโชฺชติกาย มหานิเทฺทสฎฺฐกถาย

    Saddhammappajjotikāya mahāniddesaṭṭhakathāya

    ปุราเภทสุตฺตนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Purābhedasuttaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / มหานิเทฺทสปาฬิ • Mahāniddesapāḷi / ๑๐. ปุราเภทสุตฺตนิเทฺทโส • 10. Purābhedasuttaniddeso


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact