Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๑๐. ปุราเภทสุตฺตวณฺณนา
10. Purābhedasuttavaṇṇanā
๘๕๕. กถํทสฺสีติ ปุราเภทสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? อิมสฺส สุตฺตสฺส อิโต ปเรสญฺจ ปญฺจนฺนํ กลหวิวาทจูฬพฺยูหมหาพฺยูหตุวฎกอตฺตทณฺฑสุตฺตานํ สมฺมาปริพฺพาชนียสฺส อุปฺปตฺติยํ วุตฺตนเยเนว สามญฺญโต อุปฺปตฺติ วุตฺตาฯ วิเสสโต ปน ยเถว ตสฺมิํ มหาสมเย ราคจริตเทวตานํ สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสตุํ นิมฺมิตพุเทฺธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตมภาสิ, เอวํ ตสฺมิํเยว มหาสมเย ‘‘กิํ นุ โข ปุรา สรีรเภทา กตฺตพฺพ’’นฺติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เทวตานํ จิตฺตํ ญตฺวา ตาสํ อนุคฺคหตฺถํ อฑฺฒเตฬสภิกฺขุสตปริวารํ นิมฺมิตพุทฺธํ อากาเสน อาเนตฺวา เตน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิฯ
855.Kathaṃdassīti purābhedasuttaṃ. Kā uppatti? Imassa suttassa ito paresañca pañcannaṃ kalahavivādacūḷabyūhamahābyūhatuvaṭakaattadaṇḍasuttānaṃ sammāparibbājanīyassa uppattiyaṃ vuttanayeneva sāmaññato uppatti vuttā. Visesato pana yatheva tasmiṃ mahāsamaye rāgacaritadevatānaṃ sappāyavasena dhammaṃ desetuṃ nimmitabuddhena attānaṃ pucchāpetvā sammāparibbājanīyasuttamabhāsi, evaṃ tasmiṃyeva mahāsamaye ‘‘kiṃ nu kho purā sarīrabhedā kattabba’’nti uppannacittānaṃ devatānaṃ cittaṃ ñatvā tāsaṃ anuggahatthaṃ aḍḍhateḷasabhikkhusataparivāraṃ nimmitabuddhaṃ ākāsena ānetvā tena attānaṃ pucchāpetvā imaṃ suttamabhāsi.
ตตฺถ ปุจฺฉาย ตาว โส นิมฺมิโต กถํทสฺสีติ อธิปญฺญํ กถํสีโลติ อธิสีลํ, อุปสโนฺตติ อธิจิตฺตํ ปุจฺฉติฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
Tattha pucchāya tāva so nimmito kathaṃdassīti adhipaññaṃ kathaṃsīloti adhisīlaṃ, upasantoti adhicittaṃ pucchati. Sesaṃ pākaṭameva.
๘๕๖. วิสฺสชฺชเน ปน ภควา สรูเปน อธิปญฺญาทีนิ อวิสฺสเชฺชตฺวาว อธิปญฺญาทิปฺปภาเวน เยสํ กิเลสานํ อุปสมา ‘‘อุปสโนฺต’’ติ วุจฺจติ, นานาเทวตานํ อาสยานุโลเมน เตสํ อุปสมเมว ทีเปโนฺต ‘‘วีตตโณฺห’’ติอาทิกา คาถาโย อภาสิฯ ตตฺถ อาทิโต อฎฺฐนฺนํ คาถานํ ‘‘ตํ พฺรูมิ อุปสโนฺต’’ติ อิมาย คาถาย สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ตโต ปราสํ ‘‘ส เว สโนฺตติ วุจฺจตี’’ติ อิมินา สพฺพปจฺฉิเมน ปเทนฯ
856. Vissajjane pana bhagavā sarūpena adhipaññādīni avissajjetvāva adhipaññādippabhāvena yesaṃ kilesānaṃ upasamā ‘‘upasanto’’ti vuccati, nānādevatānaṃ āsayānulomena tesaṃ upasamameva dīpento ‘‘vītataṇho’’tiādikā gāthāyo abhāsi. Tattha ādito aṭṭhannaṃ gāthānaṃ ‘‘taṃ brūmi upasanto’’ti imāya gāthāya sambandho veditabbo. Tato parāsaṃ ‘‘sa ve santoti vuccatī’’ti iminā sabbapacchimena padena.
อนุปทวณฺณนานเยน จ – วีตตโณฺห ปุรา เภทาติ โย สรีรเภทา ปุพฺพเมว ปหีนตโณฺหฯ ปุพฺพมนฺตมนิสฺสิโตติ อตีตทฺธาทิเภทํ ปุพฺพนฺตมนิสฺสิโตฯ เวมเชฺฌนุปสเงฺขโยฺยติ ปจฺจุปฺปเนฺนปิ อทฺธนิ ‘‘รโตฺต’’ติอาทินา นเยน น อุปสงฺขาตโพฺพฯ ตสฺส นตฺถิ ปุรกฺขตนฺติ ตสฺส อรหโต ทฺวินฺนํ ปุเรกฺขารานํ อภาวา อนาคเต อทฺธนิ ปุรกฺขตมฺปิ นตฺถิ, ตํ พฺรูมิ อุปสโนฺตติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ อิโต ปรํ ปน โยชนํ อทเสฺสตฺวา อนุตฺตานปทวณฺณนํเยว กริสฺสามฯ
Anupadavaṇṇanānayena ca – vītataṇho purā bhedāti yo sarīrabhedā pubbameva pahīnataṇho. Pubbamantamanissitoti atītaddhādibhedaṃ pubbantamanissito. Vemajjhenupasaṅkheyyoti paccuppannepi addhani ‘‘ratto’’tiādinā nayena na upasaṅkhātabbo. Tassa natthi purakkhatanti tassa arahato dvinnaṃ purekkhārānaṃ abhāvā anāgate addhani purakkhatampi natthi, taṃ brūmi upasantoti evamettha yojanā veditabbā. Esa nayo sabbattha. Ito paraṃ pana yojanaṃ adassetvā anuttānapadavaṇṇanaṃyeva karissāma.
๘๕๗. อสนฺตาสีติ เตน เตน อลาภเกน อสนฺตสโนฺตฯ อวิกตฺถีติ สีลาทีหิ อวิกตฺถนสีโล ฯ อกุกฺกุโจติ หตฺถกุกฺกุจาทิวิรหิโต ฯ มนฺตภาณีติ มนฺตาย ปริคฺคเหตฺวา วาจํ ภาสิตาฯ อนุทฺธโตติ อุทฺธจฺจวิรหิโตฯ ส เว วาจายโตติ โส วาจาย ยโต สํยโต จตุโทสวิรหิตํ วาจํ ภาสิตา โหติฯ
857.Asantāsīti tena tena alābhakena asantasanto. Avikatthīti sīlādīhi avikatthanasīlo . Akukkucoti hatthakukkucādivirahito . Mantabhāṇīti mantāya pariggahetvā vācaṃ bhāsitā. Anuddhatoti uddhaccavirahito. Sa ve vācāyatoti so vācāya yato saṃyato catudosavirahitaṃ vācaṃ bhāsitā hoti.
๘๕๘. นิราสตฺตีติ นิตฺตโณฺหฯ วิเวกทสฺสี ผเสฺสสูติ ปจฺจุปฺปเนฺนสุ จกฺขุสมฺผสฺสาทีสุ อตฺตาทิภาววิเวกํ ปสฺสติฯ ทิฎฺฐีสุ จ น นียตีติ ทฺวาสฎฺฐิทิฎฺฐีสุ กายจิ ทิฎฺฐิยา น นียติฯ
858.Nirāsattīti nittaṇho. Vivekadassī phassesūti paccuppannesu cakkhusamphassādīsu attādibhāvavivekaṃ passati. Diṭṭhīsu ca na nīyatīti dvāsaṭṭhidiṭṭhīsu kāyaci diṭṭhiyā na nīyati.
๘๕๙. ปติลีโนติ ราคาทีนํ ปหีนตฺตา ตโต อปคโตฯ อกุหโกติ อวิมฺหาปโก ตีหิ กุหนวตฺถูหิฯ อปิหาลูติ อปิหนสีโล, ปตฺถนาตณฺหาย รหิโตติ วุตฺตํ โหติฯ อมจฺฉรีติ ปญฺจมเจฺฉรวิรหิโตฯ อปฺปคโพฺภติ กายปาคพฺภิยาทิวิรหิโตฯ อเชคุโจฺฉติ สมฺปนฺนสีลาทิตาย อเชคุจฺฉนีโย อเสจนโก มนาโปฯ เปสุเณเยฺย จ โน ยุโตติ ทฺวีหิ อากาเรหิ อุปสํหริตเพฺพ ปิสุณกเมฺม อยุโตฺตฯ
859.Patilīnoti rāgādīnaṃ pahīnattā tato apagato. Akuhakoti avimhāpako tīhi kuhanavatthūhi. Apihālūti apihanasīlo, patthanātaṇhāya rahitoti vuttaṃ hoti. Amaccharīti pañcamaccheravirahito. Appagabbhoti kāyapāgabbhiyādivirahito. Ajegucchoti sampannasīlāditāya ajegucchanīyo asecanako manāpo. Pesuṇeyye ca no yutoti dvīhi ākārehi upasaṃharitabbe pisuṇakamme ayutto.
๘๖๐. สาติเยสุ อนสฺสาวีติ สาตวตฺถูสุ กามคุเณสุ ตณฺหาสนฺถววิรหิโตฯ สโณฺหติ สเณฺหหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคโตฯ ปฎิภานวาติ ปริยตฺติปริปุจฺฉาธิคมปฎิภาเนหิ สมนฺนาคโตฯ น สโทฺธติ สามํ อธิคตธมฺมํ น กสฺสจิ สทฺทหติฯ น วิรชฺชตีติ ขยา ราคสฺส วิรตฺตตฺตา อิทานิ น วิรชฺชติฯ
860.Sātiyesu anassāvīti sātavatthūsu kāmaguṇesu taṇhāsanthavavirahito. Saṇhoti saṇhehi kāyakammādīhi samannāgato. Paṭibhānavāti pariyattiparipucchādhigamapaṭibhānehi samannāgato. Na saddhoti sāmaṃ adhigatadhammaṃ na kassaci saddahati. Na virajjatīti khayā rāgassa virattattā idāni na virajjati.
๘๖๑. ลาภกมฺยา น สิกฺขตีติ น ลาภปตฺถนาย สุตฺตนฺตาทีนิ สิกฺขติฯ อวิรุโทฺธ จ ตณฺหาย, รเสสุ นานุคิชฺฌตีติ วิโรธาภาเวน จ อวิรุโทฺธ หุตฺวา ตณฺหาย มูลรสาทีสุ เคธํ นาปชฺชติฯ
861.Lābhakamyā na sikkhatīti na lābhapatthanāya suttantādīni sikkhati. Aviruddho ca taṇhāya, rasesu nānugijjhatīti virodhābhāvena ca aviruddho hutvā taṇhāya mūlarasādīsu gedhaṃ nāpajjati.
๘๖๒. อุเปกฺขโกติ ฉฬงฺคุเปกฺขาย สมนฺนาคโตฯ สโตติ กายานุปสฺสนาทิสติยุโตฺตฯ
862.Upekkhakoti chaḷaṅgupekkhāya samannāgato. Satoti kāyānupassanādisatiyutto.
๘๖๓. นิสฺสยนาติ ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสยาฯ ญตฺวา ธมฺมนฺติ อนิจฺจาทีหิ อากาเรหิ ธมฺมํ ชานิตฺวาฯ อนิสฺสิโตติ เอวํ เตหิ นิสฺสเยหิ อนิสฺสิโตฯ เตน อญฺญตฺร ธมฺมญาณา นตฺถิ นิสฺสยานํ อภาโวติ ทีเปติ ภวาย วิภวาย วาติ สสฺสตาย อุเจฺฉทาย วาฯ
863.Nissayanāti taṇhādiṭṭhinissayā. Ñatvā dhammanti aniccādīhi ākārehi dhammaṃ jānitvā. Anissitoti evaṃ tehi nissayehi anissito. Tena aññatra dhammañāṇā natthi nissayānaṃ abhāvoti dīpeti bhavāya vibhavāya vāti sassatāya ucchedāya vā.
๘๖๔. ตํ พฺรูมิ อุปสโนฺตติ ตํ เอวรูปํ เอเกกคาถาย วุตฺตํ อุปสโนฺตติ กเถมิฯ อตรี โส วิสตฺติกนฺติ โส อิมํ วิสตาทิภาเวน วิสตฺติกาสงฺขาตํ มหาตณฺหํ อตริฯ
864.Taṃbrūmi upasantoti taṃ evarūpaṃ ekekagāthāya vuttaṃ upasantoti kathemi. Atarī so visattikanti so imaṃ visatādibhāvena visattikāsaṅkhātaṃ mahātaṇhaṃ atari.
๘๖๕. อิทานิ ตเมว อุปสนฺตํ ปสํสโนฺต อาห ‘‘น ตสฺส ปุตฺตา’’ติ เอวมาทิฯ ตตฺถ ปุตฺตา อตฺรชาทโย จตฺตาโรฯ เอตฺถ จ ปุตฺตปริคฺคหาทโย ปุตฺตาทินาเมน วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ เต หิสฺส น วิชฺชนฺติ, เตสํ วา อภาเวน ปุตฺตาทโย น วิชฺชนฺตีติฯ
865. Idāni tameva upasantaṃ pasaṃsanto āha ‘‘na tassa puttā’’ti evamādi. Tattha puttā atrajādayo cattāro. Ettha ca puttapariggahādayo puttādināmena vuttāti veditabbā. Te hissa na vijjanti, tesaṃ vā abhāvena puttādayo na vijjantīti.
๘๖๖. เยน นํ วชฺชุํ ปุถุชฺชนา, อโถ สมณพฺราหฺมณาติ เยน ตํ ราคาทินา วเชฺชน ปุถุชฺชนา สเพฺพปิ เทวมนุสฺสา อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณา จ รโตฺต วา ทุโฎฺฐ วาติ, วเทยฺยุํฯ ตํ ตสฺส อปุรกฺขตนฺติ ตํ ราคาทิวชฺชํ ตสฺส อรหโต อปุรกฺขตํ ตสฺมา วาเทสุ เนชตีติ ตํ การณา นินฺทาวจเนสุ น กมฺปติฯ
866.Yena naṃ vajjuṃ puthujjanā, atho samaṇabrāhmaṇāti yena taṃ rāgādinā vajjena puthujjanā sabbepi devamanussā ito bahiddhā samaṇabrāhmaṇā ca ratto vā duṭṭho vāti, vadeyyuṃ. Taṃ tassa apurakkhatanti taṃ rāgādivajjaṃ tassa arahato apurakkhataṃ tasmā vādesu nejatīti taṃ kāraṇā nindāvacanesu na kampati.
๘๖๗. น อุเสฺสสุ วทเตติ วิสิเฎฺฐสุ อตฺตานํ อโนฺตกตฺวา ‘‘อหํ วิสิโฎฺฐ’’ติ อติมานวเสน น วทติฯ เอส นโย อิตเรสุ ทฺวีสุฯ กปฺปํ เนติ อกปฺปิโยติ โส เอวรูโป ทุวิธมฺปิ กปฺปํ น เอติฯ กสฺมา? ยสฺมา อกปฺปิโย, ปหีนกโปฺปติ วุตฺตํ โหติฯ
867.Na ussesu vadateti visiṭṭhesu attānaṃ antokatvā ‘‘ahaṃ visiṭṭho’’ti atimānavasena na vadati. Esa nayo itaresu dvīsu. Kappaṃ neti akappiyoti so evarūpo duvidhampi kappaṃ na eti. Kasmā? Yasmā akappiyo, pahīnakappoti vuttaṃ hoti.
๘๖๘. สกนฺติ มยฺหนฺติ ปริคฺคหิตํฯ อสตา จ น โสจตีติ อวิชฺชมานาทินา อสตา จ น โสจติฯ ธเมฺมสุ จ น คจฺฉตีติ สเพฺพสุ ธเมฺมสุ ฉนฺทาทิวเสน น คจฺฉติฯ ส เว สโนฺตติ วุจฺจตีติ โส เอวรูโป นรุตฺตโม ‘‘สโนฺต’’ติ วุจฺจตีติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน โกฎิสตสหสฺสเทวตานํ อรหตฺตปฺปตฺติ อโหสิ, โสตาปนฺนาทีนํ คณนา นตฺถีติฯ
868.Sakanti mayhanti pariggahitaṃ. Asatā ca na socatīti avijjamānādinā asatā ca na socati. Dhammesu ca na gacchatīti sabbesu dhammesu chandādivasena na gacchati. Sa ve santoti vuccatīti so evarūpo naruttamo ‘‘santo’’ti vuccatīti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Desanāpariyosāne koṭisatasahassadevatānaṃ arahattappatti ahosi, sotāpannādīnaṃ gaṇanā natthīti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย ปุราเภทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya purābhedasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๑๐. ปุราเภทสุตฺตํ • 10. Purābhedasuttaṃ