Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Purāṇacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
๕๐๓-๕. เตน สมเยนาติ ปุราณจีวรสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคาติ ปิตุปิตา ปิตามโห, ปิตามหสฺส ยุคํ ปิตามหยุคํฯ ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ วุจฺจติฯ อภิลาป มตฺตเมว เจตํฯ อตฺถโต ปน ปิตามโหเยว ปิตามหยุคํฯ ตโต อุทฺธํ สเพฺพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตาฯ เอวํ ยาว สตฺตโม ปุริโส ตาว ยา อสมฺพทฺธา สา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อสมฺพทฺธาติ วุจฺจติฯ เทสนามุขเมว เจตํฯ ‘‘มาติโต วา ปิติโต วา’’ติวจนโต ปน ปิตามหยุคมฺปิ ปิตามหิยุคมฺปิ มาตามหยุคมฺปิ มาตามหิยุคมฺปิ เตสํ ภาตุภคินีภาคิเนยฺยปุตฺตปปุตฺตาทโยปิ สเพฺพ อิธ สงฺคหิตา เอวาติ เวทิตพฺพาฯ
503-5.Tena samayenāti purāṇacīvarasikkhāpadaṃ. Tattha yāva sattamā pitāmahayugāti pitupitā pitāmaho, pitāmahassa yugaṃ pitāmahayugaṃ. Yuganti āyuppamāṇaṃ vuccati. Abhilāpa mattameva cetaṃ. Atthato pana pitāmahoyeva pitāmahayugaṃ. Tato uddhaṃ sabbepi pubbapurisā pitāmahaggahaṇeneva gahitā. Evaṃ yāva sattamo puriso tāva yā asambaddhā sā yāva sattamā pitāmahayugā asambaddhāti vuccati. Desanāmukhameva cetaṃ. ‘‘Mātito vā pitito vā’’tivacanato pana pitāmahayugampi pitāmahiyugampi mātāmahayugampi mātāmahiyugampi tesaṃ bhātubhaginībhāgineyyaputtapaputtādayopi sabbe idha saṅgahitā evāti veditabbā.
ตตฺรายํ วิตฺถารนโย – ปิตา ปิตุปิตา ตสฺส ปิตา ตสฺสาปิ ปิตาติ เอวํ ยาว สตฺตมา ยุคา, ปิตา ปิตุมาตา ตสฺสา ปิตา จ มาตา จ ภาตา จ ภคินี จ ปุตฺตา จ ธีตโร จาติ เอวมฺปิ อุทฺธญฺจ อโธ จ ยาว สตฺตมา ยุคา, ปิตา ปิตุภาตา ปิตุภคินี ปิตุปุตฺตา ปิตุธีตโร เตสมฺปิ ปุตฺตธีตุปรมฺปราติ เอวมฺปิ ยาว สตฺตมา ยุคา, มาตา มาตุมาตา ตสฺสา มาตา ตสฺสาปิ มาตาติ เอวมฺปิ ยาว สตฺตมา ยุคา, มาตา มาตุปิตา ตสฺส มาตา จ ปิตา จ ภาตา จ ภคินี จ ปุตฺตา จ ธีตโร จาติ, เอวมฺปิ อุทฺธญฺจ อโธ จ ยาว สตฺตมา ยุคา, มาตา มาตุภาตา มาตุภคินี มาตุปุตฺตา มาตุธีตโร เตสมฺปิ ปุตฺตธีตุปรมฺปราติ เอวมฺปิ ยาว สตฺตมา ยุคา, เนว มาตุสมฺพเนฺธน น ปิตุสมฺพเนฺธน สมฺพทฺธา, อยํ อญฺญาติกา นามฯ
Tatrāyaṃ vitthāranayo – pitā pitupitā tassa pitā tassāpi pitāti evaṃ yāva sattamā yugā, pitā pitumātā tassā pitā ca mātā ca bhātā ca bhaginī ca puttā ca dhītaro cāti evampi uddhañca adho ca yāva sattamā yugā, pitā pitubhātā pitubhaginī pituputtā pitudhītaro tesampi puttadhītuparamparāti evampi yāva sattamā yugā, mātā mātumātā tassā mātā tassāpi mātāti evampi yāva sattamā yugā, mātā mātupitā tassa mātā ca pitā ca bhātā ca bhaginī ca puttā ca dhītaro cāti, evampi uddhañca adho ca yāva sattamā yugā, mātā mātubhātā mātubhaginī mātuputtā mātudhītaro tesampi puttadhītuparamparāti evampi yāva sattamā yugā, neva mātusambandhena na pitusambandhena sambaddhā, ayaṃ aññātikā nāma.
อุภโต สเงฺฆติ ภิกฺขุนิสเงฺฆ ญตฺติจตุเตฺถน ภิกฺขุสเงฺฆ ญตฺติจตุเตฺถนาติ อฎฺฐวาจิกวินยกเมฺมน อุปสมฺปนฺนาฯ
Ubhato saṅgheti bhikkhunisaṅghe ñatticatutthena bhikkhusaṅghe ñatticatutthenāti aṭṭhavācikavinayakammena upasampannā.
สกิํ นิวตฺถมฺปิ สกิํ ปารุตมฺปีติ รชิตฺวา กปฺปํ กตฺวา เอกวารมฺปิ นิวตฺถํ วา ปารุตํ วาฯ อนฺตมโส ปริโภคสีเสน อํเส วา มตฺถเก วา กตฺวา มคฺคํ คโต โหติ, อุสฺสีสกํ วา กตฺวา นิปโนฺน โหติ, เอตมฺปิ ปุราณจีวรเมวฯ สเจ ปน ปจฺจตฺถรณสฺส เหฎฺฐา กตฺวา นิปชฺชติ, หเตฺถหิ วา อุกฺขิปิตฺวา อากาเส วิตานํ กตฺวา สีเสน อผุสโนฺต คจฺฉติ, อยํ ปริโภโค นาม น โหตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ
Sakiṃ nivatthampi sakiṃ pārutampīti rajitvā kappaṃ katvā ekavārampi nivatthaṃ vā pārutaṃ vā. Antamaso paribhogasīsena aṃse vā matthake vā katvā maggaṃ gato hoti, ussīsakaṃ vā katvā nipanno hoti, etampi purāṇacīvarameva. Sace pana paccattharaṇassa heṭṭhā katvā nipajjati, hatthehi vā ukkhipitvā ākāse vitānaṃ katvā sīsena aphusanto gacchati, ayaṃ paribhogo nāma na hotīti kurundiyaṃ vuttaṃ.
โธตํ นิสฺสคฺคิยนฺติ เอตฺถ เอวํ อาณตฺตา ภิกฺขุนี โธวนตฺถาย อุทฺธนํ สเชฺชติ, ทารูนิ สํหรติ, อคฺคิํ กโรติ, อุทกํ อาหรติ ยาว นํ โธวิตฺวา อุกฺขิปติ, ตาว ภิกฺขุนิยา ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฎํฯ โธวิตฺวา อุกฺขิตฺตมเตฺต นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ สเจ ทุโทฺธตนฺติ มญฺญมานา ปุน สิญฺจติ วา โธวติ วา ยาว นิฎฺฐานํ น คจฺฉติ ตาว ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ เอส นโย รชนาโกฎเนสุฯ รชนโทณิยญฺหิ รชนํ อากิริตฺวา ยาว สกิํ จีวรํ รชติ, ตโต ปุเพฺพ ยํกิญฺจิ รชนตฺถาย กโรติ, ปจฺฉา วา ปฎิรชติ, สพฺพตฺถ ปโยเค ปโยเค ภิกฺขุสฺส ทุกฺกฎํฯ เอวํ อาโกฎเนปิ ปโยโค เวทิตโพฺพฯ
Dhotaṃ nissaggiyanti ettha evaṃ āṇattā bhikkhunī dhovanatthāya uddhanaṃ sajjeti, dārūni saṃharati, aggiṃ karoti, udakaṃ āharati yāva naṃ dhovitvā ukkhipati, tāva bhikkhuniyā payoge payoge bhikkhussa dukkaṭaṃ. Dhovitvā ukkhittamatte nissaggiyaṃ hoti. Sace duddhotanti maññamānā puna siñcati vā dhovati vā yāva niṭṭhānaṃ na gacchati tāva payoge payoge dukkaṭaṃ. Esa nayo rajanākoṭanesu. Rajanadoṇiyañhi rajanaṃ ākiritvā yāva sakiṃ cīvaraṃ rajati, tato pubbe yaṃkiñci rajanatthāya karoti, pacchā vā paṭirajati, sabbattha payoge payoge bhikkhussa dukkaṭaṃ. Evaṃ ākoṭanepi payogo veditabbo.
๕๐๖. อญฺญาติกาย อญฺญาติกสญฺญี ปุราณจีวรํ โธวาเปตีติ โน เจปิ ‘‘อิมํ โธวา’’ติ วทติ, อถ โข โธวนตฺถาย กายวิการํ กตฺวา หเตฺถน วา หเตฺถ เทติ, ปาทมูเล วา ฐเปติ, อุปริ วา ขิปติ, สิกฺขมานาสามเณรีสามเณรอุปาสกติตฺถิยาทีนํ วา หเตฺถ เปเสติ, นทีติเตฺถ โธวนฺติยา อุปจาเร วา ขิปติ, อโนฺตทฺวาทสหเตฺถ โอกาเส ฐตฺวา, โธวาปิตํเยว โหติฯ สเจ ปน อุปจารํ มุญฺจิตฺวา โอรโต ฐเปติ สา เจ โธวิตฺวา อาเนติ, อนาปตฺติฯ สิกฺขมานาย วา สามเณริยา วา อุปาสิกาย วา หเตฺถ โธวนตฺถาย เทติ, สา เจ อุปสมฺปชฺชิตฺวา โธวติ, อาปตฺติเยวฯ อุปาสกสฺส หเตฺถ เทติ, โส เจ ลิเงฺค ปริวเตฺต ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา โธวติ , อาปตฺติเยวฯ สามเณรสฺส วา ภิกฺขุสฺส วา หเตฺถ ทิเนฺนปิ ลิงฺคปริวตฺตเน เอเสว นโยฯ
506.Aññātikāya aññātikasaññī purāṇacīvaraṃ dhovāpetīti no cepi ‘‘imaṃ dhovā’’ti vadati, atha kho dhovanatthāya kāyavikāraṃ katvā hatthena vā hatthe deti, pādamūle vā ṭhapeti, upari vā khipati, sikkhamānāsāmaṇerīsāmaṇeraupāsakatitthiyādīnaṃ vā hatthe peseti, nadītitthe dhovantiyā upacāre vā khipati, antodvādasahatthe okāse ṭhatvā, dhovāpitaṃyeva hoti. Sace pana upacāraṃ muñcitvā orato ṭhapeti sā ce dhovitvā āneti, anāpatti. Sikkhamānāya vā sāmaṇeriyā vā upāsikāya vā hatthe dhovanatthāya deti, sā ce upasampajjitvā dhovati, āpattiyeva. Upāsakassa hatthe deti, so ce liṅge parivatte bhikkhunīsu pabbajitvā upasampajjitvā dhovati , āpattiyeva. Sāmaṇerassa vā bhikkhussa vā hatthe dinnepi liṅgaparivattane eseva nayo.
โธวาเปติ รชาเปตีติอาทีสุ เอเกน วตฺถุนา นิสฺสคฺคิยํ, ทุติเยน ทุกฺกฎํฯ ตีณิปิ การาเปนฺตสฺส เอเกน นิสฺสคฺคิยํ, เสเสหิ เทฺว ทุกฺกฎานิฯ ยสฺมา ปเนตานิ โธวนาทีนิ ปฎิปาฎิยา วา อุปฺปฎิปาฎิยา วา กาเรนฺตสฺส โมโกฺข นตฺถิ, ตสฺมา เอตฺถ ตีณิ จตุกฺกานิ วุตฺตานิฯ สเจปิ หิ ‘‘อิมํ จีวรํ รชิตฺวา โธวิตฺวา อาเนหี’’ติ วุเตฺต สา ภิกฺขุนี ปฐมํ โธวิตฺวา ปจฺฉา รชติ, นิสฺสคฺคิเยน ทุกฺกฎเมวฯ เอวํ สเพฺพสุ วิปรีตวจเนสุ นโย เนตโพฺพฯ สเจ ปน ‘‘โธวิตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺตา โธวติ เจว รชติ จ, โธวาปนปจฺจยา เอว อาปตฺติ, รชเน อนาปตฺติฯ เอวํ สพฺพตฺถ วุตฺตาธิกกรเณ ‘‘อวุตฺตา โธวตี’’ติ อิมินา ลกฺขเณน อนาปตฺติ เวทิตพฺพาฯ ‘‘อิมสฺมิํ จีวเร ยํ กาตพฺพํ, สพฺพํ ตํ ตุยฺหํ ภาโร’’ติ วทโนฺต ปน เอกวาจาย สมฺพหุลา อาปตฺติโย อาปชฺชตีติฯ
Dhovāpeti rajāpetītiādīsu ekena vatthunā nissaggiyaṃ, dutiyena dukkaṭaṃ. Tīṇipi kārāpentassa ekena nissaggiyaṃ, sesehi dve dukkaṭāni. Yasmā panetāni dhovanādīni paṭipāṭiyā vā uppaṭipāṭiyā vā kārentassa mokkho natthi, tasmā ettha tīṇi catukkāni vuttāni. Sacepi hi ‘‘imaṃ cīvaraṃ rajitvā dhovitvā ānehī’’ti vutte sā bhikkhunī paṭhamaṃ dhovitvā pacchā rajati, nissaggiyena dukkaṭameva. Evaṃ sabbesu viparītavacanesu nayo netabbo. Sace pana ‘‘dhovitvā ānehī’’ti vuttā dhovati ceva rajati ca, dhovāpanapaccayā eva āpatti, rajane anāpatti. Evaṃ sabbattha vuttādhikakaraṇe ‘‘avuttā dhovatī’’ti iminā lakkhaṇena anāpatti veditabbā. ‘‘Imasmiṃ cīvare yaṃ kātabbaṃ, sabbaṃ taṃ tuyhaṃ bhāro’’ti vadanto pana ekavācāya sambahulā āpattiyo āpajjatīti.
อญฺญาติกาย เวมติโก อญฺญาติกาย ญาติกสญฺญีติ อิมานิปิ ปทานิ วุตฺตานํเยว ติณฺณํ จตุกฺกานํ วเสน วิตฺถารโต เวทิตพฺพานิฯ
Aññātikāya vematiko aññātikāya ñātikasaññīti imānipi padāni vuttānaṃyeva tiṇṇaṃ catukkānaṃ vasena vitthārato veditabbāni.
เอกโต อุปสมฺปนฺนายาติ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย โธวาเปนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนาย ปน ยถาวตฺถุกเมว, ภิกฺขูนํ สนฺติเก อุปสมฺปนฺนา นาม ปญฺจสตา สากิยานิโยฯ
Ekato upasampannāyāti bhikkhunīnaṃ santike upasampannāya dhovāpentassa dukkaṭaṃ. Bhikkhūnaṃ santike upasampannāya pana yathāvatthukameva, bhikkhūnaṃ santike upasampannā nāma pañcasatā sākiyāniyo.
๕๐๗. อวุตฺตา โธวตีติ อุเทฺทสาย วา โอวาทาย วา อาคตา กิลินฺนํ จีวรํ ทิสฺวา ฐปิตฎฺฐานโต คเหตฺวา วา ‘‘เทถ, อยฺย, โธวิสฺสามี’’ติ อาหราเปตฺวา วา โธวติ เจว รชติ จ อาโกเฎติ จ, อยํ อวุตฺตา โธวติ นามฯ ยาปิ ‘‘อิมํ จีวรํ โธวา’’ติ ทหรํ วา สามเณรํ วา อาณาเปนฺตสฺส ภิกฺขุโน สุตฺวา ‘‘อาหรถยฺย อหํ โธวิสฺสามี’’ติ โธวติ, ตาวกาลิกํ วา คเหตฺวา โธวิตฺวา รชิตฺวา เทติ, อยมฺปิ อวุตฺตา โธวติ นามฯ
507.Avuttā dhovatīti uddesāya vā ovādāya vā āgatā kilinnaṃ cīvaraṃ disvā ṭhapitaṭṭhānato gahetvā vā ‘‘detha, ayya, dhovissāmī’’ti āharāpetvā vā dhovati ceva rajati ca ākoṭeti ca, ayaṃ avuttā dhovati nāma. Yāpi ‘‘imaṃ cīvaraṃ dhovā’’ti daharaṃ vā sāmaṇeraṃ vā āṇāpentassa bhikkhuno sutvā ‘‘āharathayya ahaṃ dhovissāmī’’ti dhovati, tāvakālikaṃ vā gahetvā dhovitvā rajitvā deti, ayampi avuttā dhovati nāma.
อญฺญํ ปริกฺขารนฺติ อุปาหนตฺถวิกปตฺตตฺถวิกอํสพทฺธกกายพนฺธนมญฺจปีฐภิสิตฎฺฎิกาทิํ ยํกิญฺจิ โธวาเปติ, อนาปตฺติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Aññaṃ parikkhāranti upāhanatthavikapattatthavikaaṃsabaddhakakāyabandhanamañcapīṭhabhisitaṭṭikādiṃ yaṃkiñci dhovāpeti, anāpatti. Sesamettha uttānatthameva.
สมุฎฺฐานาทีสุ ปน อิทํ สิกฺขาปทํ ฉสมุฎฺฐานํ, กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Samuṭṭhānādīsu pana idaṃ sikkhāpadaṃ chasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Purāṇacīvarasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทํ • 4. Purāṇacīvarasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Purāṇacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Purāṇacīvarasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๔. ปุราณจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา • 4. Purāṇacīvarasikkhāpadavaṇṇanā