Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๒. ปุริมโกฎิปโญฺห
2. Purimakoṭipañho
๒. ราชา อาห ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘ปุริมา โกฎิ น ปญฺญายตี’ติ, ตสฺส โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส ปริตฺตํ 1 พีชํ ปถวิยํ นิกฺขิเปยฺย, ตโต องฺกุโร อุฎฺฐหิตฺวา อนุปุเพฺพน วุฑฺฒิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตฺวา ผลํ ทเทยฺยฯ ตโต พีชํ คเหตฺวา ปุน โรเปยฺย, ตโตปิ องฺกุโร อุฎฺฐหิตฺวา อนุปุเพฺพน วุฑฺฒิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตฺวา ผลํ ทเทยฺยฯ เอวเมติสฺสา สนฺตติยา อตฺถิ อโนฺต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อทฺธานสฺสาปิ ปุริมา โกฎิ น ปญฺญายตี’’ติฯ
2. Rājā āha ‘‘bhante nāgasena, yaṃ panetaṃ brūsi ‘purimā koṭi na paññāyatī’ti, tassa opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, puriso parittaṃ 2 bījaṃ pathaviyaṃ nikkhipeyya, tato aṅkuro uṭṭhahitvā anupubbena vuḍḍhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjitvā phalaṃ dadeyya. Tato bījaṃ gahetvā puna ropeyya, tatopi aṅkuro uṭṭhahitvā anupubbena vuḍḍhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjitvā phalaṃ dadeyya. Evametissā santatiyā atthi anto’’ti? ‘‘Natthi bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, addhānassāpi purimā koṭi na paññāyatī’’ti.
‘‘ภิโยฺย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, กุกฺกุฎิยา อณฺฑํ ภเวยฺย, อณฺฑโต กุกฺกุฎี กุกฺกุฎิยา อณฺฑนฺติฯ เอวเมติสฺสา สนฺตติยา อตฺถิ อโนฺต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อทฺธานสฺสาปิ ปุริมา โกฎิ น ปญฺญายตี’’ติฯ
‘‘Bhiyyo opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, kukkuṭiyā aṇḍaṃ bhaveyya, aṇḍato kukkuṭī kukkuṭiyā aṇḍanti. Evametissā santatiyā atthi anto’’ti? ‘‘Natthi bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, addhānassāpi purimā koṭi na paññāyatī’’ti.
‘‘ภิโยฺย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ เถโร ปถวิยา จกฺกํ ลิขิตฺวา มิลินฺทํ ราชานํ เอตทโวจ ‘‘อตฺถิ, มหาราช, อิมสฺส จกฺกสฺส อโนฺต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิมานิ จกฺกานิ วุตฺตานิ ภควตา ‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา กมฺมํ, กมฺมโต ปุน จกฺขุํ ชายตี’ติฯ เอวเมติสฺสา สนฺตติยา อตฺถิ อโนฺต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภเนฺต’’ติฯ
‘‘Bhiyyo opammaṃ karohī’’ti. Thero pathaviyā cakkaṃ likhitvā milindaṃ rājānaṃ etadavoca ‘‘atthi, mahārāja, imassa cakkassa anto’’ti? ‘‘Natthi bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, imāni cakkāni vuttāni bhagavatā ‘cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇaṃ, tiṇṇaṃ saṅgati phasso, phassapaccayā vedanā, vedanāpaccayā taṇhā, taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā kammaṃ, kammato puna cakkhuṃ jāyatī’ti. Evametissā santatiyā atthi anto’’ti? ‘‘Natthi bhante’’ti.
‘‘‘โสตญฺจ ปฎิจฺจ สเทฺท จ…เป.… มนญฺจ ปฎิจฺจ ธเมฺม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิญฺญาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา กมฺมํ, กมฺมโต ปุน มโน ชายตี’ติฯ เอวเมติสฺสา สนฺตติยา อตฺถิ อโนฺต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อทฺธานสฺสาปิ ปุริมา โกฎิ น ปญฺญายตี’’ติฯ
‘‘‘Sotañca paṭicca sadde ca…pe… manañca paṭicca dhamme ca uppajjati manoviññāṇaṃ, tiṇṇaṃ saṅgati phasso, phassapaccayā vedanā, vedanāpaccayā taṇhā, taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā kammaṃ, kammato puna mano jāyatī’ti. Evametissā santatiyā atthi anto’’ti? ‘‘Natthi bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, addhānassāpi purimā koṭi na paññāyatī’’ti.
‘‘กโลฺลสิ, ภเนฺต นาคเสนา’’ติฯ
‘‘Kallosi, bhante nāgasenā’’ti.
ปุริมโกฎิปโญฺห ทุติโยฯ
Purimakoṭipañho dutiyo.
Footnotes: