Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๒. ปุริสคติสุตฺตํ

    2. Purisagatisuttaṃ

    ๕๕. ‘‘สตฺต จ 1, ภิกฺขเว, ปุริสคติโย เทเสสฺสามิ อนุปาทา จ ปรินิพฺพานํ 2ฯ ตํ สุณาถ , สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สตฺต ปุริสคติโย?

    55. ‘‘Satta ca 3, bhikkhave, purisagatiyo desessāmi anupādā ca parinibbānaṃ 4. Taṃ suṇātha , sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘katamā ca, bhikkhave, satta purisagatiyo?

    ‘‘อิธ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฎิลภติฯ โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ ตญฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สเพฺพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส น สเพฺพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, น สเพฺพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, น สเพฺพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตเตฺต 5 อโยกปาเล หญฺญมาเน ปปฎิกา นิพฺพตฺติตฺวา นิพฺพาเยยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฎิลภติฯ โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ ตญฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สเพฺพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส น สเพฺพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, น สเพฺพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, น สเพฺพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติฯ

    ‘‘Idha , bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – ‘no cassa no ca me siyā, na bhavissati na me bhavissati, yadatthi yaṃ bhūtaṃ taṃ pajahāmī’ti upekkhaṃ paṭilabhati. So bhave na rajjati, sambhave na rajjati, atthuttari padaṃ santaṃ sammappaññāya passati. Tañca khvassa padaṃ na sabbena sabbaṃ sacchikataṃ hoti, tassa na sabbena sabbaṃ mānānusayo pahīno hoti, na sabbena sabbaṃ bhavarāgānusayo pahīno hoti, na sabbena sabbaṃ avijjānusayo pahīno hoti. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā antarāparinibbāyī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, divasaṃsantatte 6 ayokapāle haññamāne papaṭikā nibbattitvā nibbāyeyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – ‘no cassa no ca me siyā, na bhavissati na me bhavissati, yadatthi yaṃ bhūtaṃ taṃ pajahāmī’ti upekkhaṃ paṭilabhati. So bhave na rajjati, sambhave na rajjati, atthuttari padaṃ santaṃ sammappaññāya passati. Tañca khvassa padaṃ na sabbena sabbaṃ sacchikataṃ hoti, tassa na sabbena sabbaṃ mānānusayo pahīno hoti, na sabbena sabbaṃ bhavarāgānusayo pahīno hoti, na sabbena sabbaṃ avijjānusayo pahīno hoti. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā antarāparinibbāyī hoti.

    ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฎิลภติฯ โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ ตญฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สเพฺพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส น สเพฺพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, น สเพฺพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, น สเพฺพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตเตฺต อโยกปาเล หญฺญมาเน ปปฎิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา นิพฺพาเยยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติฯ

    ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – ‘no cassa no ca me siyā, na bhavissati na me bhavissati, yadatthi yaṃ bhūtaṃ taṃ pajahāmī’ti upekkhaṃ paṭilabhati. So bhave na rajjati, sambhave na rajjati, atthuttari padaṃ santaṃ sammappaññāya passati. Tañca khvassa padaṃ na sabbena sabbaṃ sacchikataṃ hoti, tassa na sabbena sabbaṃ mānānusayo pahīno hoti, na sabbena sabbaṃ bhavarāgānusayo pahīno hoti, na sabbena sabbaṃ avijjānusayo pahīno hoti. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā antarāparinibbāyī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, divasaṃsantatte ayokapāle haññamāne papaṭikā nibbattitvā uppatitvā nibbāyeyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā antarāparinibbāyī hoti.

    ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตเตฺต อโยกปาเล หญฺญมาเน ปปฎิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา อนุปหจฺจ ตลํ นิพฺพาเยยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อนฺตราปรินิพฺพายี โหติฯ

    ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā antarāparinibbāyī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, divasaṃsantatte ayokapāle haññamāne papaṭikā nibbattitvā uppatitvā anupahacca talaṃ nibbāyeyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā antarāparinibbāyī hoti.

    ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตเตฺต อโยกปาเล หญฺญมาเน ปปฎิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา อุปหจฺจ ตลํ นิพฺพาเยยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุปหจฺจปรินิพฺพายี โหติฯ

    ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā upahaccaparinibbāyī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, divasaṃsantatte ayokapāle haññamāne papaṭikā nibbattitvā uppatitvā upahacca talaṃ nibbāyeyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā upahaccaparinibbāyī hoti.

    ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตเตฺต อโยกปาเล หญฺญมาเน ปปฎิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา ปริเตฺต ติณปุเญฺช วา กฎฺฐปุเญฺช วา นิปเตยฺยฯ สา ตตฺถ อคฺคิมฺปิ ชเนยฺย, ธูมมฺปิ ชเนยฺย, อคฺคิมฺปิ ชเนตฺวา ธูมมฺปิ ชเนตฺวา ตเมว ปริตฺตํ ติณปุญฺชํ วา กฎฺฐปุญฺชํ วา ปริยาทิยิตฺวา อนาหารา นิพฺพาเยยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อสงฺขารปรินิพฺพายี โหติฯ

    ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā asaṅkhāraparinibbāyī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, divasaṃsantatte ayokapāle haññamāne papaṭikā nibbattitvā uppatitvā paritte tiṇapuñje vā kaṭṭhapuñje vā nipateyya. Sā tattha aggimpi janeyya, dhūmampi janeyya, aggimpi janetvā dhūmampi janetvā tameva parittaṃ tiṇapuñjaṃ vā kaṭṭhapuñjaṃ vā pariyādiyitvā anāhārā nibbāyeyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā asaṅkhāraparinibbāyī hoti.

    ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตเตฺต อโยกปาเล หญฺญมาเน ปปฎิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา วิปุเล ติณปุเญฺช วา กฎฺฐปุเญฺช วา นิปเตยฺยฯ สา ตตฺถ อคฺคิมฺปิ ชเนยฺย, ธูมมฺปิ ชเนยฺย, อคฺคิมฺปิ ชเนตฺวา ธูมมฺปิ ชเนตฺวา ตเมว วิปุลํ ติณปุญฺชํ วา กฎฺฐปุญฺชํ วา ปริยาทิยิตฺวา อนาหารา นิพฺพาเยยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา สสงฺขารปรินิพฺพายี โหติฯ

    ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sasaṅkhāraparinibbāyī hoti. Seyyathāpi, bhikkhave, divasaṃsantatte ayokapāle haññamāne papaṭikā nibbattitvā uppatitvā vipule tiṇapuñje vā kaṭṭhapuñje vā nipateyya. Sā tattha aggimpi janeyya, dhūmampi janeyya, aggimpi janetvā dhūmampi janetvā tameva vipulaṃ tiṇapuñjaṃ vā kaṭṭhapuñjaṃ vā pariyādiyitvā anāhārā nibbāyeyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sasaṅkhāraparinibbāyī hoti.

    ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฎิลภติฯ โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปญฺญาย ปสฺสติฯ ตญฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สเพฺพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส น สเพฺพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, น สเพฺพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, น สเพฺพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต โหติ อกนิฎฺฐคามีฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทิวสํสนฺตเตฺต อโยกปาเล หญฺญมาเน ปปฎิกา นิพฺพตฺติตฺวา อุปฺปติตฺวา มหเนฺต ติณปุเญฺช วา กฎฺฐปุเญฺช วา นิปเตยฺยฯ สา ตตฺถ อคฺคิมฺปิ ชเนยฺย, ธูมมฺปิ ชเนยฺย, อคฺคิมฺปิ ชเนตฺวา ธูมมฺปิ ชเนตฺวา ตเมว มหนฺตํ ติณปุญฺชํ วา กฎฺฐปุญฺชํ วา ปริยาทิยิตฺวา คจฺฉมฺปิ ทเหยฺย 7, ทายมฺปิ ทเหยฺย, คจฺฉมฺปิ ทหิตฺวา ทายมฺปิ ทหิตฺวา หริตนฺตํ วา ปถนฺตํ วา 8 เสลนฺตํ วา อุทกนฺตํ วา รมณียํ วา ภูมิภาคํ อาคมฺม อนาหารา นิพฺพาเยยฺยฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – โน จสฺส โน จ เม สิยา…เป.… โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา อุทฺธํโสโต โหติ อกนิฎฺฐคามีฯ อิมา โข, ภิกฺขเว, สตฺต ปุริสคติโยฯ

    ‘‘Idha pana, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – ‘no cassa no ca me siyā, na bhavissati na me bhavissati, yadatthi yaṃ bhūtaṃ taṃ pajahāmī’ti upekkhaṃ paṭilabhati. So bhave na rajjati, sambhave na rajjati, atthuttari padaṃ santaṃ sammapaññāya passati. Tañca khvassa padaṃ na sabbena sabbaṃ sacchikataṃ hoti, tassa na sabbena sabbaṃ mānānusayo pahīno hoti, na sabbena sabbaṃ bhavarāgānusayo pahīno hoti, na sabbena sabbaṃ avijjānusayo pahīno hoti. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā uddhaṃsoto hoti akaniṭṭhagāmī. Seyyathāpi, bhikkhave, divasaṃsantatte ayokapāle haññamāne papaṭikā nibbattitvā uppatitvā mahante tiṇapuñje vā kaṭṭhapuñje vā nipateyya. Sā tattha aggimpi janeyya, dhūmampi janeyya, aggimpi janetvā dhūmampi janetvā tameva mahantaṃ tiṇapuñjaṃ vā kaṭṭhapuñjaṃ vā pariyādiyitvā gacchampi daheyya 9, dāyampi daheyya, gacchampi dahitvā dāyampi dahitvā haritantaṃ vā pathantaṃ vā 10 selantaṃ vā udakantaṃ vā ramaṇīyaṃ vā bhūmibhāgaṃ āgamma anāhārā nibbāyeyya. Evamevaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – no cassa no ca me siyā…pe… so pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā uddhaṃsoto hoti akaniṭṭhagāmī. Imā kho, bhikkhave, satta purisagatiyo.

    ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, อนุปาทาปรินิพฺพานํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – ‘โน จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามี’ติ อุเปกฺขํ ปฎิลภติฯ โส ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชติ, อตฺถุตฺตริ ปทํ สนฺตํ สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ ตญฺจ ขฺวสฺส ปทํ สเพฺพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ โหติ, ตสฺส สเพฺพน สพฺพํ มานานุสโย ปหีโน โหติ, สเพฺพน สพฺพํ ภวราคานุสโย ปหีโน โหติ, สเพฺพน สพฺพํ อวิชฺชานุสโย ปหีโน โหติฯ โส อาสวานํ ขยา…เป.… สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อนุปาทาปรินิพฺพานํฯ อิมา โข, ภิกฺขเว, สตฺต ปุริสคติโย อนุปาทา จ ปรินิพฺพาน’’นฺติฯ ทุติยํฯ

    ‘‘Katamañca, bhikkhave, anupādāparinibbānaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – ‘no cassa no ca me siyā, na bhavissati na me bhavissati, yadatthi yaṃ bhūtaṃ taṃ pajahāmī’ti upekkhaṃ paṭilabhati. So bhave na rajjati, sambhave na rajjati, atthuttari padaṃ santaṃ sammappaññāya passati. Tañca khvassa padaṃ sabbena sabbaṃ sacchikataṃ hoti, tassa sabbena sabbaṃ mānānusayo pahīno hoti, sabbena sabbaṃ bhavarāgānusayo pahīno hoti, sabbena sabbaṃ avijjānusayo pahīno hoti. So āsavānaṃ khayā…pe… sacchikatvā upasampajja viharati. Idaṃ vuccati, bhikkhave, anupādāparinibbānaṃ. Imā kho, bhikkhave, satta purisagatiyo anupādā ca parinibbāna’’nti. Dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. สตฺต (สี.), สตฺต จ โข (ก.)
    2. ปรินิพฺพาณํ (สี.)
    3. satta (sī.), satta ca kho (ka.)
    4. parinibbāṇaṃ (sī.)
    5. ทิวสสนฺตเตฺต (สี. สฺยา.) ม. นิ. ๒.๑๕๔
    6. divasasantatte (sī. syā.) ma. ni. 2.154
    7. ฑเหยฺย (อญฺญตฺถ)
    8. ปนฺถนฺตํ วา (สี.) สฺยามโปตฺถเก อิทํ น ทิสฺสติ
    9. ḍaheyya (aññattha)
    10. panthantaṃ vā (sī.) syāmapotthake idaṃ na dissati



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. ปุริสคติสุตฺตวณฺณนา • 2. Purisagatisuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๒. อพฺยากตสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-2. Abyākatasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact