Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๘. ปุริสินฺทฺริยญาณสุตฺตํ
8. Purisindriyañāṇasuttaṃ
๖๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน ทณฺฑกปฺปกํ นาม โกสลานํ นิคโม ตทวสริฯ อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ เต จ ภิกฺขู ทณฺฑกปฺปกํ ปวิสิํสุ อาวสถํ ปริเยสิตุํฯ
62. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena daṇḍakappakaṃ nāma kosalānaṃ nigamo tadavasari. Atha kho bhagavā maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle paññatte āsane nisīdi. Te ca bhikkhū daṇḍakappakaṃ pavisiṃsu āvasathaṃ pariyesituṃ.
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เยน อจิรวตี นที เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ อจิรวติยา นทิยา คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฎฺฐาสิ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโนฯ อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ โข, อาวุโส อานนฺท, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นุ โข เทวทโตฺต ภควตา พฺยากโต – ‘อาปายิโก เทวทโตฺต เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉ’ติ 1, อุทาหุ เกนจิเทว ปริยาเยนา’ติ? ‘‘เอวํ โข ปเนตํ, อาวุโส, ภควตา พฺยากต’’นฺติฯ
Atha kho āyasmā ānando sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ yena aciravatī nadī tenupasaṅkami gattāni parisiñcituṃ. Aciravatiyā nadiyā gattāni parisiñcitvā paccuttaritvā ekacīvaro aṭṭhāsi gattāni pubbāpayamāno. Atha kho aññataro bhikkhu yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu kho, āvuso ānanda, sabbaṃ cetaso samannāharitvā nu kho devadatto bhagavatā byākato – ‘āpāyiko devadatto nerayiko kappaṭṭho atekiccho’ti 2, udāhu kenacideva pariyāyenā’ti? ‘‘Evaṃ kho panetaṃ, āvuso, bhagavatā byākata’’nti.
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภเนฺต, สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เยน อจิรวตี นที เตนุปสงฺกมิํ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ อจิรวติยา นทิยา คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฎฺฐาสิํ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโน ฯ อถ โข, ภเนฺต, อญฺญตโร ภิกฺขุ เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ เอตทโวจ – ‘กิํ นุ โข, อาวุโส, อานนฺท สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นุ โข เทวทโตฺต ภควตา พฺยากโต – อาปายิโก เทวทโตฺต เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉติ, อุทาหุ เกนจิเทว ปริยาเยนา’ติ? เอวํ วุเตฺต อหํ, ภเนฺต, ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจํ – ‘เอวํ โข ปเนตํ, อาวุโส, ภควตา พฺยากต’’’นฺติฯ
Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idhāhaṃ, bhante, sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ yena aciravatī nadī tenupasaṅkamiṃ gattāni parisiñcituṃ. Aciravatiyā nadiyā gattāni parisiñcitvā paccuttaritvā ekacīvaro aṭṭhāsiṃ gattāni pubbāpayamāno . Atha kho, bhante, aññataro bhikkhu yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ etadavoca – ‘kiṃ nu kho, āvuso, ānanda sabbaṃ cetaso samannāharitvā nu kho devadatto bhagavatā byākato – āpāyiko devadatto nerayiko kappaṭṭho atekicchoti, udāhu kenacideva pariyāyenā’ti? Evaṃ vutte ahaṃ, bhante, taṃ bhikkhuṃ etadavocaṃ – ‘evaṃ kho panetaṃ, āvuso, bhagavatā byākata’’’nti.
‘‘โส วา 3 โข, อานนฺท, ภิกฺขุ นโว ภวิสฺสติ อจิรปพฺพชิโต, เถโร วา ปน พาโล อพฺยโตฺตฯ กถญฺหิ นาม ยํ มยา เอกํเสน พฺยากตํ ตตฺถ เทฺวชฺฌํ อาปชฺชิสฺสติ! นาหํ, อานนฺท, อญฺญํ เอกปุคฺคลมฺปิ สมนุปสฺสามิ, โย เอวํ มยา สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา พฺยากโต, ยถยิทํ เทวทโตฺตฯ ยาวกีวญฺจาหํ, อานนฺท, เทวทตฺตสฺส วาลคฺคโกฎินิตฺตุทนมตฺตมฺปิ สุกฺกธมฺมํ อทฺทสํ; เนว ตาวาหํ เทวทตฺตํ พฺยากาสิํ – ‘อาปายิโก เทวทโตฺต เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉ’ติฯ ยโต จ โข อหํ, อานนฺท, เทวทตฺตสฺส วาลคฺคโกฎินิตฺตุทนมตฺตมฺปิ สุกฺกธมฺมํ น อทฺทสํ; อถาหํ เทวทตฺตํ พฺยากาสิํ – ‘อาปายิโก เทวทโตฺต เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉ’ติฯ
‘‘So vā 4 kho, ānanda, bhikkhu navo bhavissati acirapabbajito, thero vā pana bālo abyatto. Kathañhi nāma yaṃ mayā ekaṃsena byākataṃ tattha dvejjhaṃ āpajjissati! Nāhaṃ, ānanda, aññaṃ ekapuggalampi samanupassāmi, yo evaṃ mayā sabbaṃ cetaso samannāharitvā byākato, yathayidaṃ devadatto. Yāvakīvañcāhaṃ, ānanda, devadattassa vālaggakoṭinittudanamattampi sukkadhammaṃ addasaṃ; neva tāvāhaṃ devadattaṃ byākāsiṃ – ‘āpāyiko devadatto nerayiko kappaṭṭho atekiccho’ti. Yato ca kho ahaṃ, ānanda, devadattassa vālaggakoṭinittudanamattampi sukkadhammaṃ na addasaṃ; athāhaṃ devadattaṃ byākāsiṃ – ‘āpāyiko devadatto nerayiko kappaṭṭho atekiccho’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ, อานนฺท, คูถกูโป สาธิกโปริโส ปูโร คูถสฺส สมติตฺติโกฯ ตตฺร ปุริโส สสีสโก นิมุโคฺค อสฺสฯ ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปเชฺชยฺย อตฺถกาโม หิตกาโม โยคเกฺขมกาโม ตมฺหา คูถกูปา อุทฺธริตุกาโมฯ โส ตํ คูถกูปํ สมนฺตานุปริคจฺฉโนฺต เนว ปเสฺสยฺย ตสฺส ปุริสสฺส วาลคฺคโกฎินิตฺตุทนมตฺตมฺปิ คูเถน อมกฺขิตํ, ยตฺถ ตํ คเหตฺวา อุทฺธเรยฺยฯ เอวเมวํ โข อหํ, อานนฺท, ยโต เทวทตฺตสฺส วาลคฺคโกฎินิตฺตุทนมตฺตมฺปิ สุกฺกธมฺมํ น อทฺทสํ; อถาหํ เทวทตฺตํ พฺยากาสิํ – ‘อาปายิโก เทวทโตฺต เนรยิโก กปฺปโฎฺฐ อเตกิโจฺฉ’ติ ฯ สเจ ตุเมฺห, อานนฺท, สุเณยฺยาถ ตถาคตสฺส ปุริสินฺทฺริยญาณานิ วิภชิสฺสามี’’ติ 5?
‘‘Seyyathāpi, ānanda, gūthakūpo sādhikaporiso pūro gūthassa samatittiko. Tatra puriso sasīsako nimuggo assa. Tassa kocideva puriso uppajjeyya atthakāmo hitakāmo yogakkhemakāmo tamhā gūthakūpā uddharitukāmo. So taṃ gūthakūpaṃ samantānuparigacchanto neva passeyya tassa purisassa vālaggakoṭinittudanamattampi gūthena amakkhitaṃ, yattha taṃ gahetvā uddhareyya. Evamevaṃ kho ahaṃ, ānanda, yato devadattassa vālaggakoṭinittudanamattampi sukkadhammaṃ na addasaṃ; athāhaṃ devadattaṃ byākāsiṃ – ‘āpāyiko devadatto nerayiko kappaṭṭho atekiccho’ti . Sace tumhe, ānanda, suṇeyyātha tathāgatassa purisindriyañāṇāni vibhajissāmī’’ti 6?
‘‘เอตสฺส, ภควา, กาโล; เอตสฺส, สุคต, กาโล ยํ ภควา ปุริสินฺทฺริยญาณานิ วิภเชยฺยฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตนหานนฺท, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ ภควา เอตทโวจ –
‘‘Etassa, bhagavā, kālo; etassa, sugata, kālo yaṃ bhagavā purisindriyañāṇāni vibhajeyya. Bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tenahānanda, suṇāhi, sādhukaṃ manasi karohi; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paccassosi. Bhagavā etadavoca –
‘‘อิธาหํ, อานนฺท, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส กุสลา ธมฺมา อนฺตรหิตา, อกุสลา ธมฺมา สมฺมุขีภูตา ฯ อตฺถิ จ ขฺวสฺส กุสลมูลํ อสมุจฺฉินฺนํ, ตมฺหา ตสฺส กุสลา กุสลํ ปาตุภวิสฺสติฯ เอวมยํ ปุคฺคโล อายติํ อปริหานธโมฺม ภวิสฺสตี’ติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พีชานิ อขณฺฑานิ อปูตีนิ อวาตาตปหตานิ สารทานิ สุขสยิตานิ สุเขเตฺต สุปริกมฺมกตาย ภูมิยา นิกฺขิตฺตานิฯ ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, อิมานิ พีชานิ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอวเมวํ โข อหํ, อานนฺท, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส กุสลา ธมฺมา อนฺตรหิตา, อกุสลา ธมฺมา สมฺมุขีภูตาฯ อตฺถิ จ ขฺวสฺส กุสลมูลํ อสมุจฺฉินฺนํ, ตมฺหา ตสฺส กุสลา กุสลํ ปาตุภวิสฺสติฯ เอวมยํ ปุคฺคโล อายติํ อปริหานธโมฺม ภวิสฺสตี’ติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสปุคฺคโล เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสินฺทฺริยญาณํ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตํ โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส อายติํ ธมฺมสมุปฺปาโท เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ
‘‘Idhāhaṃ, ānanda, ekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa kusalā dhammā antarahitā, akusalā dhammā sammukhībhūtā . Atthi ca khvassa kusalamūlaṃ asamucchinnaṃ, tamhā tassa kusalā kusalaṃ pātubhavissati. Evamayaṃ puggalo āyatiṃ aparihānadhammo bhavissatī’ti. Seyyathāpi, ānanda, bījāni akhaṇḍāni apūtīni avātātapahatāni sāradāni sukhasayitāni sukhette suparikammakatāya bhūmiyā nikkhittāni. Jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, imāni bījāni vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissantī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Evamevaṃ kho ahaṃ, ānanda, idhekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa kusalā dhammā antarahitā, akusalā dhammā sammukhībhūtā. Atthi ca khvassa kusalamūlaṃ asamucchinnaṃ, tamhā tassa kusalā kusalaṃ pātubhavissati. Evamayaṃ puggalo āyatiṃ aparihānadhammo bhavissatī’ti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisapuggalo cetasā ceto paricca vidito hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisindriyañāṇaṃ cetasā ceto paricca viditaṃ hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa āyatiṃ dhammasamuppādo cetasā ceto paricca vidito hoti.
‘‘อิธ ปนาหํ, อานนฺท, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส อกุสลา ธมฺมา อนฺตรหิตา, กุสลา ธมฺมา สมฺมุขีภูตาฯ อตฺถิ จ ขฺวสฺส อกุสลมูลํ อสมุจฺฉินฺนํ, ตมฺหา ตสฺส อกุสลา อกุสลํ ปาตุภวิสฺสติฯ เอวมยํ ปุคฺคโล อายติํ ปริหานธโมฺม ภวิสฺสตี’ติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พีชานิ อขณฺฑานิ อปูตีนิ อวาตาตปหตานิ สารทานิ สุขสยิตานิ ปุถุสิลาย นิกฺขิตฺตานิฯ ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, นยิมานิ พีชานิ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอวเมวํ โข อหํ, อานนฺท, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส อกุสลา ธมฺมา อนฺตรหิตา, กุสลา ธมฺมา สมฺมุขีภูตาฯ อตฺถิ จ ขฺวสฺส อกุสลมูลํ อสมุจฺฉินฺนํ, ตมฺหา ตสฺส อกุสลา อกุสลํ ปาตุภวิสฺสติ ฯ เอวมยํ ปุคฺคโล อายติํ ปริหานธโมฺม ภวิสฺสตี’ติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสปุคฺคโล เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสินฺทฺริยญาณํ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตํ โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส อายติํ ธมฺมสมุปฺปาโท เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ
‘‘Idha panāhaṃ, ānanda, ekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa akusalā dhammā antarahitā, kusalā dhammā sammukhībhūtā. Atthi ca khvassa akusalamūlaṃ asamucchinnaṃ, tamhā tassa akusalā akusalaṃ pātubhavissati. Evamayaṃ puggalo āyatiṃ parihānadhammo bhavissatī’ti. Seyyathāpi, ānanda, bījāni akhaṇḍāni apūtīni avātātapahatāni sāradāni sukhasayitāni puthusilāya nikkhittāni. Jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, nayimāni bījāni vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissantī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Evamevaṃ kho ahaṃ, ānanda, idhekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa akusalā dhammā antarahitā, kusalā dhammā sammukhībhūtā. Atthi ca khvassa akusalamūlaṃ asamucchinnaṃ, tamhā tassa akusalā akusalaṃ pātubhavissati . Evamayaṃ puggalo āyatiṃ parihānadhammo bhavissatī’ti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisapuggalo cetasā ceto paricca vidito hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisindriyañāṇaṃ cetasā ceto paricca viditaṃ hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa āyatiṃ dhammasamuppādo cetasā ceto paricca vidito hoti.
‘‘อิธ ปนาหํ, อานนฺท, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘นตฺถิ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วาลคฺคโกฎินิตฺตุทนมโตฺตปิ สุโกฺก ธโมฺม, สมนฺนาคโตยํ ปุคฺคโล เอกนฺตกาฬเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสตี’ติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, พีชานิ ขณฺฑานิ ปูตีนิ วาตาตปหตานิ สุเขเตฺต สุปริกมฺมกตาย ภูมิยา นิกฺขิตฺตานิฯ ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, นยิมานิ พีชานิ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอวเมวํ โข อหํ, อานนฺท, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘นตฺถิ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วาลคฺคโกฎินิตฺตุทนมโตฺตปิ สุโกฺก ธโมฺม, สมนฺนาคโตยํ ปุคฺคโล เอกนฺตกาฬเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสตี’ติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสปุคฺคโล เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสินฺทฺริยญาณํ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตํ โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส อายติํ ธมฺมสมุปฺปาโท เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหตี’’ติฯ
‘‘Idha panāhaṃ, ānanda, ekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘natthi imassa puggalassa vālaggakoṭinittudanamattopi sukko dhammo, samannāgatoyaṃ puggalo ekantakāḷakehi akusalehi dhammehi, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjissatī’ti. Seyyathāpi, ānanda, bījāni khaṇḍāni pūtīni vātātapahatāni sukhette suparikammakatāya bhūmiyā nikkhittāni. Jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, nayimāni bījāni vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissantī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Evamevaṃ kho ahaṃ, ānanda, idhekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘natthi imassa puggalassa vālaggakoṭinittudanamattopi sukko dhammo, samannāgatoyaṃ puggalo ekantakāḷakehi akusalehi dhammehi, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjissatī’ti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisapuggalo cetasā ceto paricca vidito hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisindriyañāṇaṃ cetasā ceto paricca viditaṃ hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa āyatiṃ dhammasamuppādo cetasā ceto paricca vidito hotī’’ti.
เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สกฺกา นุ โข, ภเนฺต, อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อปเรปิ ตโย ปุคฺคลา สปฺปฎิภาคา ปญฺญาเปตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา, อานนฺทา’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘อิธาหํ, อานนฺท, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส กุสลา ธมฺมา อนฺตรหิตา, อกุสลา ธมฺมา สมฺมุขีภูตาฯ อตฺถิ จ ขฺวสฺส กุสลมูลํ อสมุจฺฉินฺนํ, ตมฺปิ สเพฺพน สพฺพํ สมุคฺฆาตํ คจฺฉติฯ เอวมยํ ปุคฺคโล อายติํ ปริหานธโมฺม ภวิสฺสตี’ติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, องฺคารานิ อาทิตฺตานิ สมฺปชฺชลิตานิ สโชติภูตานิ ปุถุสิลาย นิกฺขิตฺตานิฯ ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, นยิมานิ องฺคารานิ วุทฺธิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เสยฺยถาปิ วา ปน, อานนฺท, สายนฺหสมยํ 7 สูริเย โอคจฺฉเนฺต, ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, อาโลโก อนฺตรธายิสฺสติ อนฺธกาโร ปาตุภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เสยฺยถาปิ วา, ปนานนฺท, อภิโท อทฺธรตฺตํ ภตฺตกาลสมเย, ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, อาโลโก อนฺตรหิโต อนฺธกาโร ปาตุภูโต’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอวเมวํ โข อหํ, อานนฺท, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส กุสลา ธมฺมา อนฺตรหิตา, อกุสลา ธมฺมา สมฺมุขีภูตาฯ อตฺถิ จ ขฺวสฺส กุสลมูลํ อสมุจฺฉินฺนํ, ตมฺปิ สเพฺพน สพฺพํ สมุคฺฆาตํ คจฺฉติฯ เอวมยํ ปุคฺคโล อายติํ ปริหานธโมฺม ภวิสฺสตี’ติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสปุคฺคโล เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสินฺทฺริยญาณํ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตํ โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส อายติํ ธมฺมสมุปฺปาโท เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ
Evaṃ vutte āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sakkā nu kho, bhante, imesaṃ tiṇṇaṃ puggalānaṃ aparepi tayo puggalā sappaṭibhāgā paññāpetu’’nti? ‘‘Sakkā, ānandā’’ti bhagavā avoca – ‘‘idhāhaṃ, ānanda, ekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa kusalā dhammā antarahitā, akusalā dhammā sammukhībhūtā. Atthi ca khvassa kusalamūlaṃ asamucchinnaṃ, tampi sabbena sabbaṃ samugghātaṃ gacchati. Evamayaṃ puggalo āyatiṃ parihānadhammo bhavissatī’ti. Seyyathāpi, ānanda, aṅgārāni ādittāni sampajjalitāni sajotibhūtāni puthusilāya nikkhittāni. Jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, nayimāni aṅgārāni vuddhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissantī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Seyyathāpi vā pana, ānanda, sāyanhasamayaṃ 8 sūriye ogacchante, jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, āloko antaradhāyissati andhakāro pātubhavissatī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Seyyathāpi vā, panānanda, abhido addharattaṃ bhattakālasamaye, jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, āloko antarahito andhakāro pātubhūto’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Evamevaṃ kho ahaṃ, ānanda, idhekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa kusalā dhammā antarahitā, akusalā dhammā sammukhībhūtā. Atthi ca khvassa kusalamūlaṃ asamucchinnaṃ, tampi sabbena sabbaṃ samugghātaṃ gacchati. Evamayaṃ puggalo āyatiṃ parihānadhammo bhavissatī’ti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisapuggalo cetasā ceto paricca vidito hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisindriyañāṇaṃ cetasā ceto paricca viditaṃ hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa āyatiṃ dhammasamuppādo cetasā ceto paricca vidito hoti.
‘‘อิธ ปนาหํ, อานนฺท, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส อกุสลา ธมฺมา อนฺตรหิตา, กุสลา ธมฺมา สมฺมุขีภูตาฯ อตฺถิ จ ขฺวสฺส อกุสลมูลํ อสมุจฺฉินฺนํ, ตมฺปิ สเพฺพน สพฺพํ สมุคฺฆาตํ คจฺฉติฯ เอวมยํ ปุคฺคโล อายติํ อปริหานธโมฺม ภวิสฺสตี’ติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, องฺคารานิ อาทิตฺตานิ สมฺปชฺชลิตานิ สโชติภูตานิ สุเกฺข ติณปุเญฺช วา กฎฺฐปุเญฺช วา นิกฺขิตฺตานิฯ ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, อิมานิ องฺคารานิ วุฑฺฒิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เสยฺยถาปิ วา ปนานนฺท, รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ 9 สูริเย อุคฺคจฺฉเนฺต, ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, อนฺธกาโร อนฺตรธายิสฺสติ, อาโลโก ปาตุภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เสยฺยถาปิ วา ปนานนฺท, อภิโท มชฺฌนฺหิเก ภตฺตกาลสมเย, ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, อนฺธกาโร อนฺตรหิโต อาโลโก ปาตุภูโต’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอวเมวํ โข อหํ, อานนฺท, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส อกุสลา ธมฺมา อนฺตรหิตา, กุสลา ธมฺมา สมฺมุขีภูตาฯ อตฺถิ จ ขฺวสฺส อกุสลมูลํ อสมุจฺฉินฺนํ, ตมฺปิ สเพฺพน สพฺพํ สมุคฺฆาตํ คจฺฉติฯ เอวมยํ ปุคฺคโล อายติํ อปริหานธโมฺม ภวิสฺสตี’ติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสปุคฺคโล เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสินฺทฺริยญาณํ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตํ โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส อายติํ ธมฺมสมุปฺปาโท เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ
‘‘Idha panāhaṃ, ānanda, ekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa akusalā dhammā antarahitā, kusalā dhammā sammukhībhūtā. Atthi ca khvassa akusalamūlaṃ asamucchinnaṃ, tampi sabbena sabbaṃ samugghātaṃ gacchati. Evamayaṃ puggalo āyatiṃ aparihānadhammo bhavissatī’ti. Seyyathāpi, ānanda, aṅgārāni ādittāni sampajjalitāni sajotibhūtāni sukkhe tiṇapuñje vā kaṭṭhapuñje vā nikkhittāni. Jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, imāni aṅgārāni vuḍḍhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissantī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Seyyathāpi vā panānanda, rattiyā paccūsasamayaṃ 10 sūriye uggacchante, jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, andhakāro antaradhāyissati, āloko pātubhavissatī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Seyyathāpi vā panānanda, abhido majjhanhike bhattakālasamaye, jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, andhakāro antarahito āloko pātubhūto’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Evamevaṃ kho ahaṃ, ānanda, idhekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa akusalā dhammā antarahitā, kusalā dhammā sammukhībhūtā. Atthi ca khvassa akusalamūlaṃ asamucchinnaṃ, tampi sabbena sabbaṃ samugghātaṃ gacchati. Evamayaṃ puggalo āyatiṃ aparihānadhammo bhavissatī’ti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisapuggalo cetasā ceto paricca vidito hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisindriyañāṇaṃ cetasā ceto paricca viditaṃ hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa āyatiṃ dhammasamuppādo cetasā ceto paricca vidito hoti.
‘‘อิธ ปนาหํ, อานนฺท, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘นตฺถิ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วาลคฺคโกฎินิตฺตุทนมโตฺตปิ อกุสโล ธโมฺม, สมนฺนาคโตยํ ปุคฺคโล เอกนฺตสุเกฺกหิ อนวเชฺชหิ ธเมฺมหิ, ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติฯ เสยฺยถาปิ, อานนฺท, องฺคารานิ สีตานิ นิพฺพุตานิ สุเกฺข ติณปุเญฺช วา กฎฺฐปุเญฺช วา นิกฺขิตฺตานิฯ ชาเนยฺยาสิ ตฺวํ, อานนฺท, นยิมานิ องฺคารานิ วุฑฺฒิํ วิรูฬฺหิํ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘เอวเมวํ โข อหํ, อานนฺท, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘อิมสฺส โข ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานา กุสลาปิ ธมฺมา อกุสลาปิ ธมฺมา’ติฯ ตเมนํ อปเรน สมเยน เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ‘นตฺถิ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วาลคฺคโกฎินิตฺตุทนมโตฺตปิ อกุสโล ธโมฺม, สมนฺนาคโตยํ ปุคฺคโล เอกนฺตสุเกฺกหิ อนวเชฺชหิ ธเมฺมหิ, ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสปุคฺคโล เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปุริสินฺทฺริยญาณํ เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิตํ โหติฯ เอวมฺปิ โข, อานนฺท, ตถาคตสฺส อายติํ ธมฺมสมุปฺปาโท เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโต โหติฯ
‘‘Idha panāhaṃ, ānanda, ekaccaṃ puggalaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘natthi imassa puggalassa vālaggakoṭinittudanamattopi akusalo dhammo, samannāgatoyaṃ puggalo ekantasukkehi anavajjehi dhammehi, diṭṭheva dhamme parinibbāyissatī’ti. Seyyathāpi, ānanda, aṅgārāni sītāni nibbutāni sukkhe tiṇapuñje vā kaṭṭhapuñje vā nikkhittāni. Jāneyyāsi tvaṃ, ānanda, nayimāni aṅgārāni vuḍḍhiṃ virūḷhiṃ vepullaṃ āpajjissantī’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Evamevaṃ kho ahaṃ, ānanda, idhekaccaṃ puggalaṃ evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘imassa kho puggalassa vijjamānā kusalāpi dhammā akusalāpi dhammā’ti. Tamenaṃ aparena samayena evaṃ cetasā ceto paricca pajānāmi – ‘natthi imassa puggalassa vālaggakoṭinittudanamattopi akusalo dhammo, samannāgatoyaṃ puggalo ekantasukkehi anavajjehi dhammehi, diṭṭheva dhamme parinibbāyissatī’ti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisapuggalo cetasā ceto paricca vidito hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa purisindriyañāṇaṃ cetasā ceto paricca viditaṃ hoti. Evampi kho, ānanda, tathāgatassa āyatiṃ dhammasamuppādo cetasā ceto paricca vidito hoti.
‘‘ตตฺรานนฺท, เย เต ปุริมา ตโย ปุคฺคลา เตสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ เอโก อปริหานธโมฺม, เอโก ปริหานธโมฺม, เอโก อาปายิโก เนรยิโกฯ ตตฺรานนฺท, เยเม ปจฺฉิมา ตโย ปุคฺคลา อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ เอโก ปริหานธโมฺม, เอโก อปริหานธโมฺม, เอโก ปรินิพฺพานธโมฺม’’ติฯ อฎฺฐมํฯ
‘‘Tatrānanda, ye te purimā tayo puggalā tesaṃ tiṇṇaṃ puggalānaṃ eko aparihānadhammo, eko parihānadhammo, eko āpāyiko nerayiko. Tatrānanda, yeme pacchimā tayo puggalā imesaṃ tiṇṇaṃ puggalānaṃ eko parihānadhammo, eko aparihānadhammo, eko parinibbānadhammo’’ti. Aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ปุริสินฺทฺริยญาณสุตฺตวณฺณนา • 8. Purisindriyañāṇasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘. ปุริสินฺทฺริยญาณสุตฺตวณฺณนา • 8. Purisindriyañāṇasuttavaṇṇanā