Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๓. ปุตฺตมํสูปมสุตฺตวณฺณนา
3. Puttamaṃsūpamasuttavaṇṇanā
๖๓. วุตฺตนยเมวาติ เหฎฺฐา อาหารวคฺคสฺส ปฐมสุเตฺต วุตฺตนยเมวฯ ลาภสกฺกาเรนาติ ลาภสกฺการสงฺขาตาย อฎฺฐุปฺปตฺติยาติ เกจิฯ ลาภสกฺกาเร วา อฎฺฐุปฺปตฺติยาติ อปเรฯ โย หิ ลาภสกฺการนิมิตฺตํ ปจฺจเยสุ เคเธน ภิกฺขูนํ อปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ชาโต, ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา ภควา อิมํ เทสนํ นิกฺขิปิฯ ยมกมหาเมโฆติ เหฎฺฐา โอลมฺพนอุปริอุคฺคมนวเสน สตปฎลสหสฺสปฎโล ยุคฬมหาเมโฆฯ
63.Vuttanayamevāti heṭṭhā āhāravaggassa paṭhamasutte vuttanayameva. Lābhasakkārenāti lābhasakkārasaṅkhātāya aṭṭhuppattiyāti keci. Lābhasakkāre vā aṭṭhuppattiyāti apare. Yo hi lābhasakkāranimittaṃ paccayesu gedhena bhikkhūnaṃ apaccavekkhitaparibhogo jāto, taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā bhagavā imaṃ desanaṃ nikkhipi. Yamakamahāmeghoti heṭṭhā olambanaupariuggamanavasena satapaṭalasahassapaṭalo yugaḷamahāmegho.
ติฎฺฐนฺติ เจว ภควติ กตฺถจิ นิพทฺธวาสํ วสเนฺต, จาริกมฺปิ คจฺฉเนฺต อนุพนฺธนฺติ จฯ ภิกฺขูนมฺปิ เยภุเยฺยน กปฺปสตสหสฺสํ ตโต ภิโยฺยปิ ปูริตทานปารมิสญฺจยตฺตา ตทา มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสปี’’ติฯ สกฺกโตติ สกฺการปฺปโตฺตฯ ครุกโตติ ครุการปฺปโตฺตฯ มานิโตติ พหุมโต มนสา ปิยายิโต จฯ ปูชิโตติ มาลาทิปูชาย เจว จตุปจฺจยาภิปูชาย จ ปูชิโตฯ อปจิโตติ อปจายนปฺปโตฺตฯ ยสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย สกฺกตฺวา สุอภิสงฺขเต ปณีตปณีเต อุปเนนฺติ, โส สกฺกโตฯ ยสฺมิํ ครุภาวํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา เทนฺติ, โส ครุกโตฯ ยํ มนสา ปิยายนฺติ พหุมญฺญนฺติ, โส พหุมโตฯ ยสฺส สพฺพเมตํ ปูชาวเสน กโรนฺติ, โส ปูชิโตฯ ยสฺส อภิวาทนปจฺจุฎฺฐานญฺชลิกมฺมาทิวเสน ปรมนิปจฺจการํ กโรนฺติ, โส อปจิโตฯ ภควติ ภิกฺขุสเงฺฆ จ โลโก เอวํ ปฎิปโนฺนฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน…เป.… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๑๔; สํ. นิ. ๒.๗๐)ฯ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตนฺติ ลาภสฺส จ ยสสฺส จ อคฺคํ อุกฺกํสํ ปตฺตํฯ
Tiṭṭhanti ceva bhagavati katthaci nibaddhavāsaṃ vasante, cārikampi gacchante anubandhanti ca. Bhikkhūnampi yebhuyyena kappasatasahassaṃ tato bhiyyopi pūritadānapāramisañcayattā tadā mahālābhasakkāro uppajjatīti vuttaṃ ‘‘evaṃ bhikkhusaṅghassapī’’ti. Sakkatoti sakkārappatto. Garukatoti garukārappatto. Mānitoti bahumato manasā piyāyito ca. Pūjitoti mālādipūjāya ceva catupaccayābhipūjāya ca pūjito. Apacitoti apacāyanappatto. Yassa hi cattāro paccaye sakkatvā suabhisaṅkhate paṇītapaṇīte upanenti, so sakkato. Yasmiṃ garubhāvaṃ paccupaṭṭhapetvā denti, so garukato. Yaṃ manasā piyāyanti bahumaññanti, so bahumato. Yassa sabbametaṃ pūjāvasena karonti, so pūjito. Yassa abhivādanapaccuṭṭhānañjalikammādivasena paramanipaccakāraṃ karonti, so apacito. Bhagavati bhikkhusaṅghe ca loko evaṃ paṭipanno. Tena vuttaṃ ‘‘tena kho pana samayena…pe… parikkhārāna’’nti (udā. 14; saṃ. ni. 2.70). Lābhaggayasaggappattanti lābhassa ca yasassa ca aggaṃ ukkaṃsaṃ pattaṃ.
ปฐมาหารวณฺณนา
Paṭhamāhāravaṇṇanā
อสฺสาติ ภควโตฯ ธมฺมสภาวจินฺตาวเสน ปวตฺตํ สโหตฺตปฺปญาณํ ธมฺมสํเวโคฯ ธุวปฎิเสวนฎฺฐานเญฺหตํ สตฺตานํ, ยทิทํ อาหารปริโภโค, ตสฺมา น ตตฺถ อปจฺจเวกฺขณมเตฺตน ปาราชิกํ ปญฺญเปตุํ สกฺกาติ อธิปฺปาโยฯ อาหาราติ ‘‘ปจฺจยา’’ติอาทินา ปุเพฺพ อาหาเรสุ วุตฺตวิธิํ สนฺธาย อาห ‘‘อาหารา’’ติอาทิฯ อิทานิ ตตฺถ กตฺตพฺพํ อตฺถวณฺณนํ สนฺธาย ‘‘เหฎฺฐา วุตฺตตฺถเมวา’’ติ วุตฺตํฯ
Assāti bhagavato. Dhammasabhāvacintāvasena pavattaṃ sahottappañāṇaṃ dhammasaṃvego. Dhuvapaṭisevanaṭṭhānañhetaṃ sattānaṃ, yadidaṃ āhāraparibhogo, tasmā na tattha apaccavekkhaṇamattena pārājikaṃ paññapetuṃ sakkāti adhippāyo. Āhārāti ‘‘paccayā’’tiādinā pubbe āhāresu vuttavidhiṃ sandhāya āha ‘‘āhārā’’tiādi. Idāni tattha kattabbaṃ atthavaṇṇanaṃ sandhāya ‘‘heṭṭhā vuttatthamevā’’ti vuttaṃ.
อาทีนวนฺติ โทสํฯ ชายาติ ภริยาฯ ปตีติ ภตฺตาฯ อเปกฺขาสทฺทา เจเต ปิตาปุตฺตสทฺทา วิย, ปาฬิยํ ปน อา-การสฺส รสฺสตฺตํ สานุนาสิกญฺจ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ชายมฺปติกา’’ติฯ สมฺมา ผลํ วหตีติ สมฺพลํ, สุขาวหนฺติ อโตฺถฯ ตถา หิ ตํ ‘‘ปเถ หิตนฺติ ปาเถยฺย’’นฺติ วุจฺจติฯ มคฺคสฺส กนฺตารปริยาปนฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘กนฺตารภูตํ มคฺค’’นฺติฯ ทุลฺลภตาย ตํ อุทกํ ตตฺถ ตาเรตีติ กนฺตารํ, นิรุทกํ มหาวนํฯ รุฬฺหีวเสน อิตรมฺปิ มหาวนํ ตถา วุจฺจตีติ อาห ‘‘โจรกนฺตาร’’นฺติอาทิฯ ปรราชูนํ เวริอาทีนญฺจ วเสน สปฺปฎิภยมฺปิ อรญฺญํ เอเตฺถว สงฺคหํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘ปญฺจวิธ’’นฺติฯ
Ādīnavanti dosaṃ. Jāyāti bhariyā. Patīti bhattā. Apekkhāsaddā cete pitāputtasaddā viya, pāḷiyaṃ pana ā-kārassa rassattaṃ sānunāsikañca katvā vuttaṃ ‘‘jāyampatikā’’ti. Sammā phalaṃ vahatīti sambalaṃ, sukhāvahanti attho. Tathā hi taṃ ‘‘pathe hitanti pātheyya’’nti vuccati. Maggassa kantārapariyāpannattā vuttaṃ ‘‘kantārabhūtaṃ magga’’nti. Dullabhatāya taṃ udakaṃ tattha tāretīti kantāraṃ, nirudakaṃ mahāvanaṃ. Ruḷhīvasena itarampi mahāvanaṃ tathā vuccatīti āha ‘‘corakantāra’’ntiādi. Pararājūnaṃ veriādīnañca vasena sappaṭibhayampi araññaṃ ettheva saṅgahaṃ gacchatīti vuttaṃ ‘‘pañcavidha’’nti.
ฆนฆนฎฺฐานโตติ มํสสฺส พหลพหลํ ถูลถูลํ หุตฺวา ฐิตฎฺฐานโตฯ ‘‘ตาทิสญฺหิ มํสํ คเหตฺวา สุกฺขาปิตํ วลฺลูรํฯ สูเล อาวุนิตฺวา ปกฺกมํสํ สูลมํสํฯ วิรฬจฺฉายายํ นิสีทิํสุ คนฺตุํ อสมโตฺถ หุตฺวาฯ โควตกุกฺกุรวตเทวตายาจนาทีหีติ โควตกุกฺกุรวตาทิวตจรเณหิ เจว เทวตายาจนาทีหิ ปณิธิกเมฺมหิ จ มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภูตํฯ
Ghanaghanaṭṭhānatoti maṃsassa bahalabahalaṃ thūlathūlaṃ hutvā ṭhitaṭṭhānato. ‘‘Tādisañhi maṃsaṃ gahetvā sukkhāpitaṃ vallūraṃ. Sūle āvunitvā pakkamaṃsaṃ sūlamaṃsaṃ. Viraḷacchāyāyaṃ nisīdiṃsu gantuṃ asamattho hutvā. Govatakukkuravatadevatāyācanādīhīti govatakukkuravatādivatacaraṇehi ceva devatāyācanādīhi paṇidhikammehi ca mahantaṃ dukkhaṃ anubhūtaṃ.
ยสฺมา ปน สาสเน สมฺมาปฎิปชฺชนฺตสฺส ภิกฺขุโน อาหารปริโภคสฺส โอปมฺมภาเวน เตสํ ชายมฺปติกานํ ปุตฺตมํสปริโภโค อิธ ภควตา อานีโต, ตสฺมาสฺส นานากาเรหิ โอปมฺมตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘เตสํ โส ปุตฺตมํสาหาโร’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ สชาติมํสตายาติ สมานชาติกมํสภาเวน, มนุสฺสมํสภาเวนาติ อโตฺถฯ มสุสฺสมํสญฺหิ กุลปฺปสุตมนุสฺสานํ อมนุญฺญํ โหติ อปริจิตภาวโต คารยฺหภาวโต จ, ตโต เอว ญาติอาทิมํสตายาติอาทิ วุตฺตํฯ ตรุณมํสตายาติอาทิ ปน สภาวโต อนภิสงฺขารโต จ อมนุญฺญาติ กตฺวา วุตฺตํฯ อธูปิตตายาติ อธูปิตภาวโตฯ มชฺฌตฺตภาเวเยว ฐิตาฯ ตโต เอว นิจฺฉนฺทราคปริโภเค ฐิตาติ วุตฺตํ กนฺตารโต นิตฺถรณชฺฌาสยตายฯ อิทานิ เย จ เต อนปนีตาหาโร, น ยาวทตฺถปริโภโค วิคตมเจฺฉรมลตา สโมฺมหาภาโว อายติํ ตตฺถ ปตฺถนาภาโว สนฺนิธิการาภาโว อปริจฺจชนมทตฺถาภาโว อหีฬนา อวิวาทปริโภโค จาติ อุปมายํ ลพฺภมานา ปการวิเสสา, เต ตถา นีหริตฺวา อุปเมเยฺย โยเชตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘น อฎฺฐินฺหารุจมฺมนิสฺสิตฎฺฐานานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ การณนฺติ ตํ เตสํ ชายมฺปตีนํ ยาวเทว กนฺตารนิตฺถรณตฺถาย ปุตฺตมํสปริโภคสงฺขาตํ การณํฯ
Yasmā pana sāsane sammāpaṭipajjantassa bhikkhuno āhāraparibhogassa opammabhāvena tesaṃ jāyampatikānaṃ puttamaṃsaparibhogo idha bhagavatā ānīto, tasmāssa nānākārehi opammattaṃ vibhāvetuṃ ‘‘tesaṃ so puttamaṃsāhāro’’tiādi āraddhaṃ. Tattha sajātimaṃsatāyāti samānajātikamaṃsabhāvena, manussamaṃsabhāvenāti attho. Masussamaṃsañhi kulappasutamanussānaṃ amanuññaṃ hoti aparicitabhāvato gārayhabhāvato ca, tato eva ñātiādimaṃsatāyātiādi vuttaṃ. Taruṇamaṃsatāyātiādi pana sabhāvato anabhisaṅkhārato ca amanuññāti katvā vuttaṃ. Adhūpitatāyāti adhūpitabhāvato. Majjhattabhāveyeva ṭhitā. Tato eva nicchandarāgaparibhoge ṭhitāti vuttaṃ kantārato nittharaṇajjhāsayatāya. Idāni ye ca te anapanītāhāro, na yāvadatthaparibhogo vigatamaccheramalatā sammohābhāvo āyatiṃ tattha patthanābhāvo sannidhikārābhāvo apariccajanamadatthābhāvo ahīḷanā avivādaparibhogo cāti upamāyaṃ labbhamānā pakāravisesā, te tathā nīharitvā upameyye yojetvā dassetuṃ ‘‘naaṭṭhinhārucammanissitaṭṭhānānī’’tiādi vuttaṃ. Taṃ kāraṇanti taṃ tesaṃ jāyampatīnaṃ yāvadeva kantāranittharaṇatthāya puttamaṃsaparibhogasaṅkhātaṃ kāraṇaṃ.
นิสฺสนฺทปาฎิกุลฺยตํ ปจฺจเวกฺขโนฺตปิ กพฬีการาหารํ ปริวีมํสติฯ ยถา เต ชายมฺปติกาติอาทิปิ โอปมฺมสํสนฺทนํฯ ‘‘ปริภุญฺชิตโพฺพ อาหาโร’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ อปฎิกฺขิปิตฺวาติ อนปเนตฺวาฯ วฎฺฎเกน วิย กุกฺกุเฎน วิย จาติ วิสทิสูทาหรณํฯ โอธิํ อทเสฺสตฺวาติ มหนฺตคฺคหณวเสน โอธิํ อกตฺวาฯ สีเหน วิยาติ สทิสูทาหรณํฯ โส กิร สปทานเมว ขาทติฯ
Nissandapāṭikulyataṃ paccavekkhantopi kabaḷīkārāhāraṃ parivīmaṃsati. Yathā te jāyampatikātiādipi opammasaṃsandanaṃ. ‘‘Paribhuñjitabbo āhāro’’ti padaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Esa nayo ito paresupi. Apaṭikkhipitvāti anapanetvā. Vaṭṭakena viya kukkuṭena viya cāti visadisūdāharaṇaṃ. Odhiṃ adassetvāti mahantaggahaṇavasena odhiṃ akatvā. Sīhena viyāti sadisūdāharaṇaṃ. So kira sapadānameva khādati.
อคธิตอมุจฺฉิตาทิภาเวน ปริภุญฺชิตพฺพโต ‘‘อมจฺฉรายิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม อตฺถีติ ทิฎฺฐิ อตฺตูปลทฺธิ, ตํสหคเตน สโมฺมเหน อตฺตา อาหารํ ปริภุญฺชตีติฯ สติสมฺปชญฺญวเสนปีติ ‘‘อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตสติสมฺปชญฺญวเสนปิฯ
Agadhitaamucchitādibhāvena paribhuñjitabbato ‘‘amaccharāyitvā’’tiādi vuttaṃ. Abbhantare attā nāma atthīti diṭṭhi attūpaladdhi, taṃsahagatena sammohena attā āhāraṃ paribhuñjatīti. Satisampajaññavasenapīti ‘‘asite pīte khāyite sāyite sampajānakārī hotī’’ti ettha vuttasatisampajaññavasenapi.
‘‘อโห วต มยํ…เป.… ลเภยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ วา, ‘‘หิโยฺย วิย…เป.… น ลทฺธ’’นฺติ อนุโสจนํ วา อกตฺวาติ โยชนาฯ
‘‘Aho vata mayaṃ…pe… labheyya’’nti patthanaṃ vā, ‘‘hiyyo viya…pe… na laddha’’nti anusocanaṃ vā akatvāti yojanā.
‘‘สนฺนิธิํ น อกํสุ, ภูมิยํ วา นิขณิํสุ, อคฺคินา วา ฌาปยิํสู’’ติ น-การํ อาเนตฺวา โยชนาฯ เอวํ สพฺพตฺถฯ
‘‘Sannidhiṃ na akaṃsu, bhūmiyaṃ vā nikhaṇiṃsu, agginā vā jhāpayiṃsū’’ti na-kāraṃ ānetvā yojanā. Evaṃ sabbattha.
ปิณฺฑปาตํ วา อหีเฬเนฺตน ทายกํ วา อหีเฬเนฺตน ปริภุญฺชิตโพฺพติ โยชนาฯ ส ปตฺตปาณีติ โส ปตฺตหโตฺถฯ นาวชานิยาติ น อวชานิยาฯ อติมญฺญตีติ อติกฺกมิตฺวา มญฺญติ, อวชานาตีติ อโตฺถฯ
Piṇḍapātaṃ vā ahīḷentena dāyakaṃ vā ahīḷentena paribhuñjitabboti yojanā. Sa pattapāṇīti so pattahattho. Nāvajāniyāti na avajāniyā. Atimaññatīti atikkamitvā maññati, avajānātīti attho.
‘‘ตีหิ ปริญฺญาหิ ปริญฺญาเต’’ติ วตฺวา ตาหิ กพฬีการาหารสฺส ปริชานนวิธิํ ทเสฺสโนฺต ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สวตฺถุกวเสนาติ สสมฺภารวเสน, สภาวโต ปน รูปาหรณํ โอชมตฺตํ โหติฯ อิทญฺหิ กพฬีการาหารสฺส ลกฺขณํฯ กามํ รสารมฺมณํ ชิวฺหาปสาเท ปฎิหญฺญติ, เตน ปน อวินาภาวโต สมฺปตฺตวิสยคาหิตาย จ ชิวฺหาปสาทสฺส ‘‘โอชฎฺฐมกรูปํ กตฺถ ปฎิหญฺญตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสาติ ชิวฺหาปสาทสฺส ฯ อิเม ธมฺมาติ อิเม ยถาวุตฺตภูตุปาทายธมฺมาฯ ตนฺติ รูปขนฺธํฯ ปริคฺคณฺหโตติ ปริคฺคณฺหนฺตสฺสฯ อุปฺปนฺนา ผสฺสปญฺจมกา ธมฺมาติ สเพฺพปิ เย ยถานิทฺธาริตา, เตหิ สหปฺปวตฺตาว สเพฺพปิ อิเมฯ สรสลกฺขณโตติ อตฺตโน กิจฺจโต ลกฺขณโต จฯ เตสํ นามรูปภาเวน ววตฺถปิตานํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ ปจฺจโย วิญฺญาณํฯ ‘‘ตสฺส สงฺขารา เตสํ อวิชฺชา’’ติ เอวํ อุทฺธํ อาโรหนวเสน ปจฺจยํฯ อโธโอโรหนวเสน ปน สฬายตนาทิเก ปริเยสโนฺต อนุโลมปฎิโลมํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสติฯ สฬายตนาทโยปิ หิ รูปารูปธมฺมานํ ยถารหํ ปจฺจยภาเวน ววตฺถเปตพฺพาติฯ ยาถาวโต ทิฎฺฐตฺตาติ ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ภิโยฺย, อิทํ นามํ, เอตฺตกํ นามํ, น อิโต ภิโยฺย’’ติ จ ยถาภูตํ ทิฎฺฐตฺตาฯ อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขานุปสฺสนา, อนตฺตานุปสฺสนา, นิพฺพิทานุปสฺสนา, วิราคานุปสฺสนา, นิโรธานุปสฺสนา, ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติ อิมาสํ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสนฯ โสติ กพฬีการาหาโรฯ ติลกฺขณ…เป.… สงฺขาตายาติ อนิจฺจตาทีนํ ติณฺณํ ลกฺขณานํ ปฎิวิชฺฌนวเสน ลกฺขณวนฺตสมฺมสนวเสน จ ปวตฺตญาณสงฺขาตายฯ ปริญฺญาโต โหติ อนวเสสโต นามรูปสฺส ญาตตฺตา ตปฺปริยาปนฺนตฺตา จ อาหารสฺสฯ เตนาห ‘‘ตสฺมิํ เยวา’’ติอาทิฯ ฉนฺทราคาวกฑฺฒเนนาติ ฉนฺทราคสฺส ปชหเนนฯ
‘‘Tīhi pariññāhi pariññāte’’ti vatvā tāhi kabaḷīkārāhārassa parijānanavidhiṃ dassento ‘‘katha’’ntiādimāha. Tattha savatthukavasenāti sasambhāravasena, sabhāvato pana rūpāharaṇaṃ ojamattaṃ hoti. Idañhi kabaḷīkārāhārassa lakkhaṇaṃ. Kāmaṃ rasārammaṇaṃ jivhāpasāde paṭihaññati, tena pana avinābhāvato sampattavisayagāhitāya ca jivhāpasādassa ‘‘ojaṭṭhamakarūpaṃ kattha paṭihaññatī’’ti vuttaṃ. Tassāti jivhāpasādassa . Ime dhammāti ime yathāvuttabhūtupādāyadhammā. Tanti rūpakhandhaṃ. Pariggaṇhatoti pariggaṇhantassa. Uppannā phassapañcamakā dhammāti sabbepi ye yathāniddhāritā, tehi sahappavattāva sabbepi ime. Sarasalakkhaṇatoti attano kiccato lakkhaṇato ca. Tesaṃ nāmarūpabhāvena vavatthapitānaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ paccayo viññāṇaṃ. ‘‘Tassa saṅkhārā tesaṃ avijjā’’ti evaṃ uddhaṃ ārohanavasena paccayaṃ. Adhoorohanavasena pana saḷāyatanādike pariyesanto anulomapaṭilomaṃ paṭiccasamuppādaṃ passati. Saḷāyatanādayopi hi rūpārūpadhammānaṃ yathārahaṃ paccayabhāvena vavatthapetabbāti. Yāthāvato diṭṭhattāti ‘‘idaṃ rūpaṃ, ettakaṃ rūpaṃ, na ito bhiyyo, idaṃ nāmaṃ, ettakaṃ nāmaṃ, na ito bhiyyo’’ti ca yathābhūtaṃ diṭṭhattā. Aniccānupassanā, dukkhānupassanā, anattānupassanā, nibbidānupassanā, virāgānupassanā, nirodhānupassanā, paṭinissaggānupassanāti imāsaṃ sattannaṃ anupassanānaṃ vasena. Soti kabaḷīkārāhāro. Tilakkhaṇa…pe… saṅkhātāyāti aniccatādīnaṃ tiṇṇaṃ lakkhaṇānaṃ paṭivijjhanavasena lakkhaṇavantasammasanavasena ca pavattañāṇasaṅkhātāya. Pariññāto hoti anavasesato nāmarūpassa ñātattā tappariyāpannattā ca āhārassa. Tenāha ‘‘tasmiṃ yevā’’tiādi. Chandarāgāvakaḍḍhanenāti chandarāgassa pajahanena.
ปญฺจ กามคุณา การณภูตา เอตสฺส อตฺถีติ ปญฺจกามคุณิโกฯ เตนาห ‘‘ปญฺจกามคุณสมฺภโว’’ติฯ เอกิสฺสา ตณฺหาย ปริญฺญา เอกปริญฺญาฯ สพฺพสฺส ปญฺจกามคุณิกสฺส ราคสฺส ปริญฺญา, สพฺพปริญฺญาฯ ตทุภยสฺสปิ มูลภูตสฺส อาหารสฺส ปริญฺญา มูลปริญฺญาฯ อิทานิ อิมา ติโสฺสปิ ปริญฺญาโย วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘โย ภิกฺขู’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ชิวฺหาทฺวาเร เอกรสตณฺหํ ปริชานาตีติ ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ ‘‘โย ยเมตฺถ รโส, โส วตฺถุกามวเสน โอชฎฺฐมกรูปํ โหติ ชิวฺหายตนํ ปสาโทฯ โส กิํ นิสฺสิโต? จตุมหาภูตนิสฺสิโตฯ ตํสหชาโต วโณฺณ คโนฺธ รโส โอชา ชีวิตินฺทฺริยนฺติ อิเม ธมฺมา รูปกฺขโนฺธ นามฯ โย ตสฺมิํ รเส อสฺสาโท, อยํ รสตณฺหาฯ ตํสหคตา ผสฺสาทโย ธมฺมา จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา’’ติอาทิวเสนฯ สพฺพํ อฎฺฐกถายํ อาคตวเสน เวทิตพฺพํฯ เตนาห ‘‘เตน ปญฺจกามคุณิโก ราโค ปริญฺญาโตว โหตี’’ติฯ ตตฺถ เตนาติ โย ภิกฺขุ ชิวฺหาทฺวาเร รสตณฺหํ ปริชานาติ, เตนฯ กถํ ปน เอกสฺมิํ ทฺวาเร ตณฺหํ ปริชานโต ปญฺจสุ ทฺวาเรสุ ราโค ปริญฺญาโต โหตีติ อาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิฯ ตสฺสาเยวาติ ตณฺหาย เอว ตณฺหาสามญฺญโต เอกตฺตนยวเสน วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ปญฺจสุ ทฺวาเรสุฯ อุปฺปชฺชนโตติ รูปราคาทิภาเวน อุปฺปชฺชนโตฯ โลโภ เอว หิ ตณฺหายนเฎฺฐน ‘‘ตณฺหา’’ติปิ, รชฺชนเฎฺฐน ‘‘ราโค’’ติปิ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘สาเยว หี’’ติอาทิฯ อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘ยถา’’ติอาทินา อุปมาย สมฺปิเณฺฑติฯ ปญฺจมเคฺค หนโตติ ปญฺจสุ มเคฺคสุ สญฺจริตฺตํ กโรเนฺตน มคฺคคามิโน หนโนฺต ‘‘มเคฺค หนโต’’ติ วุโตฺตฯ
Pañca kāmaguṇā kāraṇabhūtā etassa atthīti pañcakāmaguṇiko. Tenāha ‘‘pañcakāmaguṇasambhavo’’ti. Ekissā taṇhāya pariññā ekapariññā. Sabbassa pañcakāmaguṇikassa rāgassa pariññā, sabbapariññā. Tadubhayassapi mūlabhūtassa āhārassa pariññā mūlapariññā. Idāni imā tissopi pariññāyo vibhāgena dassetuṃ ‘‘yo bhikkhū’’tiādi āraddhaṃ. Jivhādvāre ekarasataṇhaṃ parijānātīti jivhāya rasaṃ sāyitvā iti paṭisañcikkhati ‘‘yo yamettha raso, so vatthukāmavasena ojaṭṭhamakarūpaṃ hoti jivhāyatanaṃ pasādo. So kiṃ nissito? Catumahābhūtanissito. Taṃsahajāto vaṇṇo gandho raso ojā jīvitindriyanti ime dhammā rūpakkhandho nāma. Yo tasmiṃ rase assādo, ayaṃ rasataṇhā. Taṃsahagatā phassādayo dhammā cattāro arūpakkhandhā’’tiādivasena. Sabbaṃ aṭṭhakathāyaṃ āgatavasena veditabbaṃ. Tenāha ‘‘tena pañcakāmaguṇiko rāgo pariññātova hotī’’ti. Tattha tenāti yo bhikkhu jivhādvāre rasataṇhaṃ parijānāti, tena. Kathaṃ pana ekasmiṃ dvāre taṇhaṃ parijānato pañcasu dvāresu rāgo pariññāto hotīti āha ‘‘kasmā’’tiādi. Tassāyevāti taṇhāya eva taṇhāsāmaññato ekattanayavasena vuttaṃ. Tatthāti pañcasu dvāresu. Uppajjanatoti rūparāgādibhāvena uppajjanato. Lobho eva hi taṇhāyanaṭṭhena ‘‘taṇhā’’tipi, rajjanaṭṭhena ‘‘rāgo’’tipi vuccati. Tenāha ‘‘sāyeva hī’’tiādi. Idāni vuttamevatthaṃ ‘‘yathā’’tiādinā upamāya sampiṇḍeti. Pañcamagge hanatoti pañcasu maggesu sañcarittaṃ karontena maggagāmino hananto ‘‘magge hanato’’ti vutto.
สพฺยญฺชเน ปิณฺฑปาตสญฺญิเต ภตฺตสมูเห มนุเญฺญ รูเป รูปสทฺทาทโย ลพฺภนฺติ, ตตฺถ ปญฺจกามคุณราคสฺส สมฺภวํ ทเสฺสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ สติสมฺปชเญฺญน ปริคฺคเหตฺวาติ สพฺพภาคิเยน กมฺมฎฺฐานปริปาลเกน ปริคฺคเหตฺวาฯ นิจฺฉนฺทราคปริโภเคนาติ มคฺคาธิคมสิเทฺธน นิจฺฉนฺทราคปริโภเคน ปริภุเตฺตฯ โสติ กามคุณิโก ราโคฯ
Sabyañjane piṇḍapātasaññite bhattasamūhe manuññe rūpe rūpasaddādayo labbhanti, tattha pañcakāmaguṇarāgassa sambhavaṃ dassetuṃ ‘‘katha’’ntiādi vuttaṃ. Satisampajaññena pariggahetvāti sabbabhāgiyena kammaṭṭhānaparipālakena pariggahetvā. Nicchandarāgaparibhogenāti maggādhigamasiddhena nicchandarāgaparibhogena paribhutte. Soti kāmaguṇiko rāgo.
ตสฺมิํ สตีติ กพฬีการาหาเร สติฯ ตสฺสาติ ปญฺจกามคุณิกราคสฺสฯ อุปฺปตฺติโตติ อุปฺปชฺชนโตฯ น หิ อาหาราลาเภน ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรตสฺส กามปริโภคิจฺฉา สมฺภวติฯ อุปนิชฺฌานจิตฺตนฺติ ราควเสน อญฺญมญฺญํ โอโลกนจิตฺตํฯ
Tasmiṃ satīti kabaḷīkārāhāre sati. Tassāti pañcakāmaguṇikarāgassa. Uppattitoti uppajjanato. Na hi āhārālābhena jighacchādubbalyaparetassa kāmaparibhogicchā sambhavati. Upanijjhānacittanti rāgavasena aññamaññaṃ olokanacittaṃ.
นตฺถิ ตํ สํโยชนนฺติ ปญฺจวิธมฺปิ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘เตน ราเคน…เป.… นตฺถี’’ติฯ เตนาติ กามราเคนฯ เอตฺตเกนาติ ยถาวุตฺตาย เทสนายฯ กเถตุํ วฎฺฎตีติ อิมํ ปฐมาหารกถํ กเถเนฺตน ธมฺมกถิเกนฯ
Natthi taṃ saṃyojananti pañcavidhampi uddhambhāgiyasaṃyojanaṃ sandhāya vuttaṃ. Tenāha ‘‘tena rāgena…pe… natthī’’ti. Tenāti kāmarāgena. Ettakenāti yathāvuttāya desanāya. Kathetuṃ vaṭṭatīti imaṃ paṭhamāhārakathaṃ kathentena dhammakathikena.
ปฐมาหารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamāhāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ทุติยาหารวณฺณนา
Dutiyāhāravaṇṇanā
ทุติเยติ ทุติเย อาหาเรฯ อุทฺทาลิตจมฺมาติ อุปฺปาฎิตจมฺมา, สพฺพโส อปนีตจมฺมาติ อโตฺถฯ น สโกฺกติ ทุพฺพลภาวโต, ตถา หิ อิตฺถี ‘‘อพลา’’ติ วุจฺจติฯ สิลากุฎฺฎาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน อิฎฺฐกกุฎฺฎมตฺติกากุฎฺฎาทีนํ สงฺคโหฯ อุณฺณนาภีติ มกฺกฎกํฯ สรพูติ ฆรโคฬิกา ฯ อุจฺจาลิงฺคปาณกา นาม โลมสา ปาณกาฯ อากาสนิสฺสิตาติ อากาสจาริโนฯ ลุญฺจิตฺวาติ อุปฺปาเฎตฺวาฯ
Dutiyeti dutiye āhāre. Uddālitacammāti uppāṭitacammā, sabbaso apanītacammāti attho. Na sakkoti dubbalabhāvato, tathā hi itthī ‘‘abalā’’ti vuccati. Silākuṭṭādīnanti ādi-saddena iṭṭhakakuṭṭamattikākuṭṭādīnaṃ saṅgaho. Uṇṇanābhīti makkaṭakaṃ. Sarabūti gharagoḷikā . Uccāliṅgapāṇakā nāma lomasā pāṇakā. Ākāsanissitāti ākāsacārino. Luñcitvāti uppāṭetvā.
ติโสฺส ปริญฺญาติ เหฎฺฐา วุตฺตา ญาตปริญฺญาทโย ติโสฺส ปริญฺญาฯ ตมฺมูลกตฺตาติ ผสฺสมูลกตฺตาฯ เทสนา ยาว อรหตฺตา กถิตา สพฺพโส เวทนาสุ ปริญฺญาตาสุ กิเลสานํ เลสสฺสปิ อภาวโตฯ
Tisso pariññāti heṭṭhā vuttā ñātapariññādayo tisso pariññā. Tammūlakattāti phassamūlakattā. Desanā yāva arahattā kathitā sabbaso vedanāsu pariññātāsu kilesānaṃ lesassapi abhāvato.
ทุติยาหารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyāhāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ตติยาหารวณฺณนา
Tatiyāhāravaṇṇanā
องฺคารกาสุนฺติ องฺคารราสิํฯ ผุณนฺตีติ อตฺตโน อุปริ สยเมว อากิรนฺตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘นรา รุทนฺตา ปริทฑฺฒคตฺตา’’ติฯ นราติ ปุริสาติ อโตฺถ, น มนุสฺสาฯ ภยญฺหิ มํ วินฺทตีติ ภยสฺส วเสน กโรโนฺต ภยํ ลภติ นามฯ สนฺตรมาโนวาติ สุฎฺฐุ ตรมาโน เอว หุตฺวาฯ โปริสํ วุจฺจติ ปุริสปฺปมาณํ, ตสฺมา อติเรกโปริสา ปุริสปฺปมาณโต อธิกาฯ เตนาห ‘‘ปญฺจรตนปฺปมาณา’’ติฯ อสฺสาติ กาสุยาฯ ตทภาเวติ เตสํ ชาลาธูมานํ อภาเวฯ อารกาวสฺสาติ อารกา เอว อสฺสฯ
Aṅgārakāsunti aṅgārarāsiṃ. Phuṇantīti attano upari sayameva ākirantīti attho. Tenāha ‘‘narā rudantā paridaḍḍhagattā’’ti. Narāti purisāti attho, na manussā. Bhayañhi maṃ vindatīti bhayassa vasena karonto bhayaṃ labhati nāma. Santaramānovāti suṭṭhu taramāno eva hutvā. Porisaṃ vuccati purisappamāṇaṃ, tasmā atirekaporisā purisappamāṇato adhikā. Tenāha ‘‘pañcaratanappamāṇā’’ti. Assāti kāsuyā. Tadabhāveti tesaṃ jālādhūmānaṃ abhāve. Ārakāvassāti ārakā eva assa.
องฺคารกาสุ วิย เตภูมกวฎฺฎํ เอกาทสนฺนํ อคฺคีนํ วเสน มหาปริฬาหโตฯ ชิวิ…เป.… ปุถุชฺชโน เตหิ อคฺคีหิ ทหิตพฺพโตฯ เทฺว พล…เป.… กมฺมํ อนิจฺฉนฺตเสฺสว ตสฺส วฎฺฎทุเกฺข ปาตนโตฯ อายูหนูปกฑฺฒนานํ กาลเภโท น จิเนฺตตโพฺพ เอกนฺตภาวิโน ผลสฺส นิปฺผาทิตตฺตาติ อาห ‘‘กมฺมํ หี’’ติอาทิฯ
Aṅgārakāsu viya tebhūmakavaṭṭaṃ ekādasannaṃ aggīnaṃ vasena mahāpariḷāhato. Jivi…pe… puthujjano tehi aggīhi dahitabbato. Dve bala…pe… kammaṃ anicchantasseva tassa vaṭṭadukkhe pātanato. Āyūhanūpakaḍḍhanānaṃ kālabhedo na cintetabbo ekantabhāvino phalassa nipphāditattāti āha ‘‘kammaṃ hī’’tiādi.
ผเสฺส วุตฺตนเยเนวาติ ตตฺถ ‘‘ผโสฺส สงฺขารกฺขโนฺธ’’ติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘มโนสเญฺจตนา สงฺขารกฺขโนฺธ’’ติ วตฺตพฺพํฯ เสสํ วุตฺตนยเมวาติฯ ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ วจนโต มโนสเญฺจตนาย ตณฺหา มูลการณนฺติ อาห ‘‘ตณฺหามูลกตฺตา มโนสเญฺจตนายา’’ติฯ เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิฯ เกจิ ปน ยสฺมา มโนสเญฺจตนาย ผลภูตํ เวทนํ ปฎิจฺจ ตณฺหา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ
Phasse vuttanayenevāti tattha ‘‘phasso saṅkhārakkhandho’’ti vuttaṃ, idha ‘‘manosañcetanā saṅkhārakkhandho’’ti vattabbaṃ. Sesaṃ vuttanayamevāti. ‘‘Taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā bhavo’’ti vacanato manosañcetanāya taṇhā mūlakāraṇanti āha ‘‘taṇhāmūlakattā manosañcetanāyā’’ti. Tenāha ‘‘na hī’’tiādi. Keci pana yasmā manosañcetanāya phalabhūtaṃ vedanaṃ paṭicca taṇhā uppajjati, tasmā evaṃ vuttanti vadanti.
ตติยาหารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyāhāravaṇṇanā niṭṭhitā.
จตุตฺถาหารวณฺณนา
Catutthāhāravaṇṇanā
อนิฎฺฐปาปนวเสน ตํสมงฺคีปุคฺคลํ อาคจฺฉตีติ อาคุ, ปาปํ, ตํ จรติ สีเลนาติ อาคุจารีฯ เตนาห ‘‘ปาปจาริ’’นฺติฯ
Aniṭṭhapāpanavasena taṃsamaṅgīpuggalaṃ āgacchatīti āgu, pāpaṃ, taṃ carati sīlenāti āgucārī. Tenāha ‘‘pāpacāri’’nti.
ราชา วิย กมฺมํ ปรมิสฺสรภาวโตฯ อาคุจารี ปุริโส วิย…เป.… ปุถุชฺชโน ทุกฺขวตฺถุภาวโตฯ อาทินฺนปฺปหารวณานิ ตีณิ สตฺติสตานิ วิย ปุถุชฺชนสฺส อาตุรมานมหาทุกฺขปติฎฺฐํ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณํฯ เตนาห สตฺติ…เป.… ทุกฺขนฺติฯ
Rājā viya kammaṃ paramissarabhāvato. Āgucārī puriso viya…pe… puthujjano dukkhavatthubhāvato. Ādinnappahāravaṇāni tīṇi sattisatāni viya puthujjanassa āturamānamahādukkhapatiṭṭhaṃ paṭisandhiviññāṇaṃ. Tenāha satti…pe… dukkhanti.
ตมฺมูลกตฺตาติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาณมูลกตฺตา อิโต ปรํ ปวตฺตนามรูปสฺสฯ
Tammūlakattāti paṭisandhiviññāṇamūlakattā ito paraṃ pavattanāmarūpassa.
จตุตฺถาหารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Catutthāhāravaṇṇanā niṭṭhitā.
ปุตฺตมํสูปมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Puttamaṃsūpamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๓. ปุตฺตมํสูปมสุตฺตํ • 3. Puttamaṃsūpamasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๓. ปุตฺตมํสูปมสุตฺตวณฺณนา • 3. Puttamaṃsūpamasuttavaṇṇanā