Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā

    ๕. ปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

    5. Puttasuttavaṇṇanā

    ๗๔. ปญฺจเม ปุตฺตาติ อตฺรชา โอรสปุตฺตา, ทินฺนกาทโยปิ วาฯ สโนฺตติ ภวนฺตา สํวิชฺชมานา โลกสฺมินฺติ อิมสฺมิํ โลเก อุปลพฺภมานาฯ อตฺถิภาเวน สโนฺต, ปากฎภาเวน วิชฺชมานาฯ อติชาโตติ อตฺตโน คุเณหิ มาตาปิตโร อติกฺกมิตฺวา ชาโต, เตหิ อธิกคุโณติ อโตฺถฯ อนุชาโตติ คุเณหิ มาตาปิตูนํ อนุรูโป หุตฺวา ชาโต, เตหิ สมานคุโณติ อโตฺถฯ อวชาโตติ คุเณหิ มาตาปิตูนํ อธโม หุตฺวา ชาโต, เตหิ หีนคุโณติ อโตฺถฯ เยหิ ปน คุเณหิ ยุโตฺต มาตาปิตูนํ อธิโก สโม หีโนติ จ อธิเปฺปโต, เต วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ปุโตฺต อติชาโต โหตี’’ติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ปุตฺตสฺสา’’ติอาทินา นิเทฺทโส อารโทฺธฯ

    74. Pañcame puttāti atrajā orasaputtā, dinnakādayopi vā. Santoti bhavantā saṃvijjamānā lokasminti imasmiṃ loke upalabbhamānā. Atthibhāvena santo, pākaṭabhāvena vijjamānā. Atijātoti attano guṇehi mātāpitaro atikkamitvā jāto, tehi adhikaguṇoti attho. Anujātoti guṇehi mātāpitūnaṃ anurūpo hutvā jāto, tehi samānaguṇoti attho. Avajātoti guṇehi mātāpitūnaṃ adhamo hutvā jāto, tehi hīnaguṇoti attho. Yehi pana guṇehi yutto mātāpitūnaṃ adhiko samo hīnoti ca adhippeto, te vibhajitvā dassetuṃ ‘‘kathañca, bhikkhave, putto atijāto hotī’’ti kathetukamyatāya pucchaṃ katvā ‘‘idha, bhikkhave, puttassā’’tiādinā niddeso āraddho.

    ตตฺถ น พุทฺธํ สรณํ คตาติอาทีสุ พุโทฺธติ สพฺพธเมฺมสุ อปฺปฎิหตญาณนิมิตฺตานุตฺตรวิโมกฺขาธิคมปริภาวิตํ ขนฺธสนฺตานํ, สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐานํ วา สจฺจาภิสโมฺพธิํ อุปาทาย ปญฺญตฺติโก สตฺตาติสโย พุโทฺธฯ ยถาห –

    Tattha na buddhaṃ saraṇaṃ gatātiādīsu buddhoti sabbadhammesu appaṭihatañāṇanimittānuttaravimokkhādhigamaparibhāvitaṃ khandhasantānaṃ, sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānaṃ vā saccābhisambodhiṃ upādāya paññattiko sattātisayo buddho. Yathāha –

    ‘‘พุโทฺธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุเพฺพ อนนุสฺสุเตสุ ธเมฺมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพญฺญุตํ ปโตฺต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๙๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๖๑) –

    ‘‘Buddhoti yo so bhagavā sayambhū anācariyako pubbe ananussutesu dhammesu sāmaṃ saccāni abhisambujjhi, tattha ca sabbaññutaṃ patto, balesu ca vasībhāva’’nti (cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 97; paṭi. ma. 1.161) –

    อยํ ตาว อตฺถโต พุทฺธวิภาวนาฯ

    Ayaṃ tāva atthato buddhavibhāvanā.

    พฺยญฺชนโต ปน สวาสนาย กิเลสนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคเมน พุทฺธวา ปฎิพุทฺธวาติ พุโทฺธ, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาเวน พุทฺธวา วิพุทฺธวาติ พุโทฺธ, พุชฺฌิตาติ พุโทฺธ, โพเธตาติ พุโทฺธติ เอวมาทินา นเยน เวทิตโพฺพฯ ยถาห –

    Byañjanato pana savāsanāya kilesaniddāya accantavigamena buddhavā paṭibuddhavāti buddho, buddhiyā vā vikasitabhāvena buddhavā vibuddhavāti buddho, bujjhitāti buddho, bodhetāti buddhoti evamādinā nayena veditabbo. Yathāha –

    ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุโทฺธ, โพเธตา ปชายาติ พุโทฺธ, สพฺพญฺญุตาย พุโทฺธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุโทฺธ, อนญฺญเนยฺยตาย พุโทฺธ, วิสวิตาย พุโทฺธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุโทฺธ, นิรุปกฺกิเลสสงฺขาเตน พุโทฺธ, เอกนฺตวีตราโคติ พุโทฺธ, เอกนฺตวีตโทโสติ พุโทฺธ, เอกนฺตวีตโมโหติ พุโทฺธ, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ พุโทฺธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุโทฺธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธติ พุโทฺธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฎิลาภาติ พุโทฺธ, พุโทฺธติ เจตํ นามํ น มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามเจฺจหิ กตํ, น ญาติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, อถ โข วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส ปฎิลาภา สจฺฉิกา ปญฺญตฺติ, ยทิทํ พุโทฺธ’’ติ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิเทฺทส ๙๗; ปฎิ. ม. ๑.๑๖๒)ฯ

    ‘‘Bujjhitā saccānīti buddho, bodhetā pajāyāti buddho, sabbaññutāya buddho, sabbadassāvitāya buddho, anaññaneyyatāya buddho, visavitāya buddho, khīṇāsavasaṅkhātena buddho, nirupakkilesasaṅkhātena buddho, ekantavītarāgoti buddho, ekantavītadosoti buddho, ekantavītamohoti buddho, ekantanikkilesoti buddho, ekāyanamaggaṃ gatoti buddho, eko anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddhoti buddho, abuddhivihatattā buddhipaṭilābhāti buddho, buddhoti cetaṃ nāmaṃ na mātarā kataṃ, na pitarā kataṃ, na bhātarā kataṃ, na bhaginiyā kataṃ, na mittāmaccehi kataṃ, na ñātisālohitehi kataṃ, na samaṇabrāhmaṇehi kataṃ, na devatāhi kataṃ, atha kho vimokkhantikametaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ bodhiyā mūle saha sabbaññutaññāṇassa paṭilābhā sacchikā paññatti, yadidaṃ buddho’’ti (cūḷani. pārāyanatthutigāthāniddesa 97; paṭi. ma. 1.162).

    หิํสตีติ สรณํ, สพฺพํ อนตฺถํ อปายทุกฺขํ สพฺพํ สํสารทุกฺขํ หิํสติ วินาเสติ วิทฺธํเสตีติ อโตฺถฯ สรณํ คตาติ ‘‘พุโทฺธ ภควา อมฺหากํ สรณํ คติ ปรายณํ ปฎิสรณํ อฆสฺส หนฺตา หิตสฺส วิธาตา’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน พุทฺธํ ภควนฺตํ คจฺฉาม ภชาม เสวาม ปยิรุปาสามฯ เอวํ วา ชานาม พุชฺฌามาติ เอวํ คตา อุปคตา พุทฺธํ สรณํ คตาฯ ตปฺปฎิเกฺขเปน น พุทฺธํ สรณํ คตาฯ

    Hiṃsatīti saraṇaṃ, sabbaṃ anatthaṃ apāyadukkhaṃ sabbaṃ saṃsāradukkhaṃ hiṃsati vināseti viddhaṃsetīti attho. Saraṇaṃ gatāti ‘‘buddho bhagavā amhākaṃ saraṇaṃ gati parāyaṇaṃ paṭisaraṇaṃ aghassa hantā hitassa vidhātā’’ti iminā adhippāyena buddhaṃ bhagavantaṃ gacchāma bhajāma sevāma payirupāsāma. Evaṃ vā jānāma bujjhāmāti evaṃ gatā upagatā buddhaṃ saraṇaṃ gatā. Tappaṭikkhepena na buddhaṃ saraṇaṃ gatā.

    ธมฺมํ สรณํ คตาติ อธิคตมเคฺค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธโมฺมฯ โส อตฺถโต อริยมโคฺค เจว นิพฺพานญฺจฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Dhammaṃ saraṇaṃ gatāti adhigatamagge sacchikatanirodhe yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjamāne catūsu apāyesu apatamāne katvā dhāretīti dhammo. So atthato ariyamaggo ceva nibbānañca. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ วิตฺถาโร (อ. นิ. ๔.๓๔)ฯ

    ‘‘Yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā, ariyo aṭṭhaṅgiko maggo tesaṃ aggamakkhāyatī’’ti vitthāro (a. ni. 4.34).

    น เกวลญฺจ อริยมคฺคนิพฺพานานิ เอว, อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธิํ ปริยตฺติธโมฺม จฯ วุตฺตเญฺหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –

    Na kevalañca ariyamagganibbānāni eva, apica kho ariyaphalehi saddhiṃ pariyattidhammo ca. Vuttañhetaṃ chattamāṇavakavimāne –

    ‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ,

    ‘‘Rāgavirāgamanejamasokaṃ,

    ธมฺมมสงฺขตมปฺปฎิกูลํ;

    Dhammamasaṅkhatamappaṭikūlaṃ;

    มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ,

    Madhuramimaṃ paguṇaṃ suvibhattaṃ,

    ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติฯ (วิ. ว. ๘๘๗);

    Dhammamimaṃ saraṇatthamupehī’’ti. (vi. va. 887);

    ตตฺถ หิ ราควิราโคติ มโคฺค กถิโต, อเนชมโสกนฺติ ผลํ, ธมฺมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ, อปฺปฎิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฎกตฺตเยน วิภตฺตา สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตาฯ ตํ ธมฺมํ วุตฺตนเยน สรณนฺติ คตา ธมฺมํ สรณํ คตาฯ ตปฺปฎิเกฺขเปน น ธมฺมํ สรณํ คตาฯ

    Tattha hi rāgavirāgoti maggo kathito, anejamasokanti phalaṃ, dhammasaṅkhatanti nibbānaṃ, appaṭikūlaṃ madhuramimaṃ paguṇaṃ suvibhattanti piṭakattayena vibhattā sabbadhammakkhandhā kathitā. Taṃ dhammaṃ vuttanayena saraṇanti gatā dhammaṃ saraṇaṃ gatā. Tappaṭikkhepena na dhammaṃ saraṇaṃ gatā.

    ทิฎฺฐิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สโงฺฆฯ โส อตฺถโต อฎฺฐอริยปุคฺคลสมูโหฯ วุตฺตเญฺหตํ ตสฺมิํ เอว วิมาเน –

    Diṭṭhisīlasaṅghātena saṃhatoti saṅgho. So atthato aṭṭhaariyapuggalasamūho. Vuttañhetaṃ tasmiṃ eva vimāne –

    ‘‘ยตฺถ จ ทินฺน มหปฺผลมาหุ,

    ‘‘Yattha ca dinna mahapphalamāhu,

    จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;

    Catūsu sucīsu purisayugesu;

    อฎฺฐ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เต,

    Aṭṭha ca puggala dhammadasā te,

    สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติฯ (วิ. ว. ๘๘๘);

    Saṅghamimaṃ saraṇatthamupehī’’ti. (vi. va. 888);

    ตํ สงฺฆํ วุตฺตนเยน สรณนฺติ คตา สงฺฆํ สรณํ คตาฯ ตปฺปฎิเกฺขเปน น สงฺฆํ สรณํ คตาติฯ

    Taṃ saṅghaṃ vuttanayena saraṇanti gatā saṅghaṃ saraṇaṃ gatā. Tappaṭikkhepena na saṅghaṃ saraṇaṃ gatāti.

    เอตฺถ จ สรณคมนโกสลฺลตฺถํ สรณํ สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ สรณคมนปฺปเภโท, ผลํ, สํกิเลโส, เภโท, โวทานนฺติ อยํ วิธิ เวทิตโพฺพฯ

    Ettha ca saraṇagamanakosallatthaṃ saraṇaṃ saraṇagamanaṃ, yo ca saraṇaṃ gacchati saraṇagamanappabhedo, phalaṃ, saṃkileso, bhedo, vodānanti ayaṃ vidhi veditabbo.

    ตตฺถ ปทตฺถโต ตาว หิํสตีติ สรณํ, สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคติํ ปริกิเลสํ หนติ วินาเสตีติ อโตฺถ, รตนตฺตยเสฺสตํ อธิวจนํฯ อถ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา นิวตฺตเนน จ สตฺตานํ ภยํ หิํสตีติ พุโทฺธ สรณํ, ภวกนฺตารโต อุตฺตารเณน อสฺสาสทาเนน จ ธโมฺม, อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฎิลาภกรเณน สโงฺฆฯ ตสฺมา อิมินาปิ ปริยาเยน รตนตฺตยํ สรณํฯ ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวโตฺต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํฯ ตํสมงฺคิสโตฺต สรณํ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน ‘‘เอตานิ เม ตีณิ รตนานิ สรณํ, เอตานิ ปรายณ’’นฺติ เอวํ อุเปตีติ อโตฺถฯ เอวํ ตาว สรณํ สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉตีติ อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha padatthato tāva hiṃsatīti saraṇaṃ, saraṇagatānaṃ teneva saraṇagamanena bhayaṃ santāsaṃ dukkhaṃ duggatiṃ parikilesaṃ hanati vināsetīti attho, ratanattayassetaṃ adhivacanaṃ. Atha vā hite pavattanena ahitā nivattanena ca sattānaṃ bhayaṃ hiṃsatīti buddho saraṇaṃ, bhavakantārato uttāraṇena assāsadānena ca dhammo, appakānampi kārānaṃ vipulaphalapaṭilābhakaraṇena saṅgho. Tasmā imināpi pariyāyena ratanattayaṃ saraṇaṃ. Tappasādataggarutāhi vihatakileso tapparāyaṇatākārappavatto cittuppādo saraṇagamanaṃ. Taṃsamaṅgisatto saraṇaṃ gacchati, vuttappakārena cittuppādena ‘‘etāni me tīṇi ratanāni saraṇaṃ, etāni parāyaṇa’’nti evaṃ upetīti attho. Evaṃ tāva saraṇaṃ saraṇagamanaṃ, yo ca saraṇaṃ gacchatīti idaṃ tayaṃ veditabbaṃ.

    ปเภทโต ปน ทุวิธํ สรณคมนํ – โลกิยํ, โลกุตฺตรญฺจฯ ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฎฺฐสจฺจานํ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุเจฺฉเทน อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ, โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติฯ ตํ อตฺถโต พุทฺธาทีสุ วตฺถูสุ สทฺธาปฎิลาโภ , สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฎฺฐิ ทสสุ ปุญฺญกิริยวตฺถูสุ ทิฎฺฐิชุกมฺมนฺติ วุจฺจติฯ

    Pabhedato pana duvidhaṃ saraṇagamanaṃ – lokiyaṃ, lokuttarañca. Tattha lokuttaraṃ diṭṭhasaccānaṃ maggakkhaṇe saraṇagamanupakkilesasamucchedena ārammaṇato nibbānārammaṇaṃ hutvā kiccato sakalepi ratanattaye ijjhati, lokiyaṃ puthujjanānaṃ saraṇagamanupakkilesavikkhambhanena ārammaṇato buddhādiguṇārammaṇaṃ hutvā ijjhati. Taṃ atthato buddhādīsu vatthūsu saddhāpaṭilābho , saddhāmūlikā ca sammādiṭṭhi dasasu puññakiriyavatthūsu diṭṭhijukammanti vuccati.

    ตยิทํ จตุธา ปวตฺตติ – อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน, ตปฺปรายณตาย, สิสฺสภาวูปคมเนน, ปณิปาเตนาติฯ ตตฺถ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ นาม ‘‘อชฺช อาทิํ กตฺวา อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส นิยฺยาเตมิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีนํ อตฺตปริจฺจชนํฯ ตปฺปรายณํ นาม ‘‘อชฺช อาทิํ กตฺวา อหํ พุทฺธปรายโณ, ธมฺมปรายโณ, สงฺฆปรายโณ อิติ มํ ธาเรหี’’ติ เอวํ ตปฺปฎิสรณภาโว ตปฺปรายณตาฯ สิสฺสภาวูปคมนํ นาม ‘‘อชฺช อาทิํ กตฺวา อหํ พุทฺธสฺส อเนฺตวาสิโก, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อิติ มํ ธาเรตู’’ติ เอวํ สิสฺสภาวสฺส อุปคมนํฯ ปณิปาโต นาม ‘‘อชฺช อาทิํ กตฺวา อหํ อภิวาทนปจฺจุฎฺฐานอญฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ พุทฺธาทีนํ เอว ติณฺณํ วตฺถูนํ กโรมิ อิติ มํ ธาเรตู’’ติ เอวํ พุทฺธาทีสุ ปรมนิปจฺจกาโรฯ อิเมสญฺหิ จตุนฺนํ อาการานํ อญฺญตรํ กโรเนฺตน คหิตํ เอว โหติ สรณคมนํฯ

    Tayidaṃ catudhā pavattati – attasanniyyātanena, tapparāyaṇatāya, sissabhāvūpagamanena, paṇipātenāti. Tattha attasanniyyātanaṃ nāma ‘‘ajja ādiṃ katvā ahaṃ attānaṃ buddhassa niyyātemi, dhammassa, saṅghassā’’ti evaṃ buddhādīnaṃ attapariccajanaṃ. Tapparāyaṇaṃ nāma ‘‘ajja ādiṃ katvā ahaṃ buddhaparāyaṇo, dhammaparāyaṇo, saṅghaparāyaṇo iti maṃ dhārehī’’ti evaṃ tappaṭisaraṇabhāvo tapparāyaṇatā. Sissabhāvūpagamanaṃ nāma ‘‘ajja ādiṃ katvā ahaṃ buddhassa antevāsiko, dhammassa, saṅghassa iti maṃ dhāretū’’ti evaṃ sissabhāvassa upagamanaṃ. Paṇipāto nāma ‘‘ajja ādiṃ katvā ahaṃ abhivādanapaccuṭṭhānaañjalikammasāmīcikammaṃ buddhādīnaṃ eva tiṇṇaṃ vatthūnaṃ karomi iti maṃ dhāretū’’ti evaṃ buddhādīsu paramanipaccakāro. Imesañhi catunnaṃ ākārānaṃ aññataraṃ karontena gahitaṃ eva hoti saraṇagamanaṃ.

    อปิจ ‘‘ภควโต อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, ปริจฺจโตฺต เอว เม อตฺตา ชีวิตญฺจ, ชีวิตปริยนฺติกํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, พุโทฺธ เม สรณํ ตาณํ เลณ’’นฺติ เอวมฺปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ เวทิตพฺพํฯ ‘‘สตฺถารญฺจ วตาหํ ปเสฺสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปเสฺสยฺยํ; สุคตญฺจ วตาหํ ปเสฺสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปเสฺสยฺยํ; สมฺมาสมฺพุทฺธญฺจ วตาหํ ปเสฺสยฺยํ; ภควนฺตเมว ปเสฺสยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) เอวํ มหากสฺสปเตฺถรสฺส สรณคมนํ วิย สิสฺสภาวูปคมนํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Apica ‘‘bhagavato attānaṃ pariccajāmi, dhammassa, saṅghassa attānaṃ pariccajāmi, jīvitaṃ pariccajāmi, pariccatto eva me attā jīvitañca, jīvitapariyantikaṃ buddhaṃ saraṇaṃ gacchāmi, buddho me saraṇaṃ tāṇaṃ leṇa’’nti evampi attasanniyyātanaṃ veditabbaṃ. ‘‘Satthārañca vatāhaṃ passeyyaṃ, bhagavantameva passeyyaṃ; sugatañca vatāhaṃ passeyyaṃ, bhagavantameva passeyyaṃ; sammāsambuddhañca vatāhaṃ passeyyaṃ; bhagavantameva passeyya’’nti (saṃ. ni. 2.154) evaṃ mahākassapattherassa saraṇagamanaṃ viya sissabhāvūpagamanaṃ daṭṭhabbaṃ.

    ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;

    ‘‘So ahaṃ vicarissāmi, gāmā gāmaṃ purā puraṃ;

    นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔) –

    Namassamāno sambuddhaṃ, dhammassa ca sudhammata’’nti. (saṃ. ni. 1.246; su. ni. 194) –

    เอวํ อาฬวกาทีนํ สรณคมนํ วิย ตปฺปรายณตา เวทิตพฺพาฯ ‘‘อถ โข, พฺรหฺมายุ, พฺราหฺมโณ อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามญฺจ สาเวติ ‘พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๔) เอวํ ปณิปาโต ทฎฺฐโพฺพฯ

    Evaṃ āḷavakādīnaṃ saraṇagamanaṃ viya tapparāyaṇatā veditabbā. ‘‘Atha kho, brahmāyu, brāhmaṇo uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā bhagavato pādesu sirasā nipatitvā bhagavato pādāni mukhena ca paricumbati, pāṇīhi ca parisambāhati, nāmañca sāveti ‘brahmāyu ahaṃ, bho gotama, brāhmaṇo, brahmāyu ahaṃ, bho gotama, brāhmaṇo’’’ti (ma. ni. 2.394) evaṃ paṇipāto daṭṭhabbo.

    โส ปเนส ญาติภยาจริยทกฺขิเณยฺยวเสน จตุพฺพิโธ โหติฯ ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตน สรณคมนํ โหติ, น อิตเรหิฯ เสฎฺฐวเสเนว หิ สรณํ คยฺหติ, เสฎฺฐวเสน ภิชฺชติฯ ตสฺมา โย ‘‘อยเมว โลเก สพฺพสตฺตุตฺตโม อคฺคทกฺขิเณโยฺย’’ติ วนฺทติ, เตเนว สรณํ คหิตํ โหติ, น ญาติภยาจริยสญฺญาย วนฺทเนฺตนฯ เอวํ คหิตสรณสฺส อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา อญฺญติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตมฺปิ ‘‘ญาตโก เม อย’’นฺติ วนฺทโต สรณํ น ภิชฺชติ, ปเคว อปพฺพชิตํฯ ตถา ราชานํ ภเยน วนฺทโตฯ โส หิ รฎฺฐปูชิตตฺตา อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติฯ ตถา ยํกิญฺจิ สิปฺปํ สิกฺขาปกํ ติตฺถิยมฺปิ ‘‘อาจริโย เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ น ภิชฺชติฯ เอวํ สรณคมนสฺส ปเภโท เวทิตโพฺพฯ

    So panesa ñātibhayācariyadakkhiṇeyyavasena catubbidho hoti. Tattha dakkhiṇeyyapaṇipātena saraṇagamanaṃ hoti, na itarehi. Seṭṭhavaseneva hi saraṇaṃ gayhati, seṭṭhavasena bhijjati. Tasmā yo ‘‘ayameva loke sabbasattuttamo aggadakkhiṇeyyo’’ti vandati, teneva saraṇaṃ gahitaṃ hoti, na ñātibhayācariyasaññāya vandantena. Evaṃ gahitasaraṇassa upāsakassa vā upāsikāya vā aññatitthiyesu pabbajitampi ‘‘ñātako me aya’’nti vandato saraṇaṃ na bhijjati, pageva apabbajitaṃ. Tathā rājānaṃ bhayena vandato. So hi raṭṭhapūjitattā avandiyamāno anatthampi kareyyāti. Tathā yaṃkiñci sippaṃ sikkhāpakaṃ titthiyampi ‘‘ācariyo me aya’’nti vandatopi na bhijjati. Evaṃ saraṇagamanassa pabhedo veditabbo.

    เอตฺถ จ โลกุตฺตรสฺส สรณคมนสฺส จตฺตาริ สามญฺญผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Ettha ca lokuttarassa saraṇagamanassa cattāri sāmaññaphalāni vipākaphalaṃ, sabbadukkhakkhayo ānisaṃsaphalaṃ. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘โย จ พุทฺธญฺจ ธมฺมญฺจ, สงฺฆญฺจ สรณํ คโต;

    ‘‘Yo ca buddhañca dhammañca, saṅghañca saraṇaṃ gato;

    จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปญฺญาย ปสฺสติฯ

    Cattāri ariyasaccāni, sammappaññāya passati.

    ‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

    ‘‘Dukkhaṃ dukkhasamuppādaṃ, dukkhassa ca atikkamaṃ;

    อริยํ จฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํฯ

    Ariyaṃ caṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ, dukkhūpasamagāminaṃ.

    ‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;

    ‘‘Etaṃ kho saraṇaṃ khemaṃ, etaṃ saraṇamuttamaṃ;

    เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติฯ (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒);

    Etaṃ saraṇamāgamma, sabbadukkhā pamuccatī’’ti. (dha. pa. 190-192);

    อปิจ นิจฺจโต อนุปคมนาทีนิปิ เอตสฺส อานิสํสผลํ เวทิตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Apica niccato anupagamanādīnipi etassa ānisaṃsaphalaṃ veditabbaṃ. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘อฎฺฐานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล กญฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคเจฺฉยฺย, สุขโต อุปคเจฺฉยฺย, กญฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคเจฺฉยฺย, มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปิตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, อรหนฺตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ทุฎฺฐจิโตฺต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺฆํ ภิเนฺทยฺย, อญฺญํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๗-๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๗๖; วิภ. ๘๐๙)ฯ

    ‘‘Aṭṭhānametaṃ, bhikkhave, anavakāso, yaṃ diṭṭhisampanno puggalo kañci saṅkhāraṃ niccato upagaccheyya, sukhato upagaccheyya, kañci dhammaṃ attato upagaccheyya, mātaraṃ jīvitā voropeyya, pitaraṃ jīvitā voropeyya, arahantaṃ jīvitā voropeyya, duṭṭhacitto tathāgatassa lohitaṃ uppādeyya, saṅghaṃ bhindeyya, aññaṃ satthāraṃ uddiseyya netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti (ma. ni. 3.127-128; a. ni. 1.268-276; vibha. 809).

    โลกิยสฺส ปน สรณคมนสฺส ภวสมฺปทาปิ โภคสมฺปทาปิ ผลเมวฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Lokiyassa pana saraṇagamanassa bhavasampadāpi bhogasampadāpi phalameva. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,

    ‘‘Ye keci buddhaṃ saraṇaṃ gatāse,

    น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมิํ;

    Na te gamissanti apāyabhūmiṃ;

    ปหาย มานุสํ เทหํ,

    Pahāya mānusaṃ dehaṃ,

    เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๓๗);

    Devakāyaṃ paripūressantī’’ti. (saṃ. ni. 1.37);

    อปรมฺปิ วุตฺตํ –

    Aparampi vuttaṃ –

    ‘‘อถ โข สโกฺก เทวานมิโนฺท อสีติยา เทวตาสหเสฺสหิ สทฺธิํ เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ…เป.… เอกมนฺตํ ฐิตํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ – ‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธํ สรณคมนํ โหติฯ พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกเจฺจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ เต อเญฺญ เทเว ทสหิ ฐาเนหิ อธิคณฺหนฺติ – ทิเพฺพน อายุนา, ทิเพฺพน วเณฺณน, ทิเพฺพน สุเขน, ทิเพฺพน ยเสน, ทิเพฺพน อาธิปเตเยฺยน, ทิเพฺพหิ รูเปหิ, ทิเพฺพหิ สเทฺทหิ, ทิเพฺพหิ คเนฺธหิ, ทิเพฺพหิ รเสหิ, ทิเพฺพหิ โผฎฺฐเพฺพหิ…เป.… ธมฺมํ, สงฺฆํ…เป.… โผฎฺฐเพฺพหี’’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑)ฯ

    ‘‘Atha kho sakko devānamindo asītiyā devatāsahassehi saddhiṃ yenāyasmā mahāmoggallāno tenupasaṅkami…pe… ekamantaṃ ṭhitaṃ kho sakkaṃ devānamindaṃ āyasmā mahāmoggallāno etadavoca – ‘sādhu kho, devānaminda, buddhaṃ saraṇagamanaṃ hoti. Buddhaṃ saraṇagamanahetu kho, devānaminda, evamidhekacce sattā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjanti. Te aññe deve dasahi ṭhānehi adhigaṇhanti – dibbena āyunā, dibbena vaṇṇena, dibbena sukhena, dibbena yasena, dibbena ādhipateyyena, dibbehi rūpehi, dibbehi saddehi, dibbehi gandhehi, dibbehi rasehi, dibbehi phoṭṭhabbehi…pe… dhammaṃ, saṅghaṃ…pe… phoṭṭhabbehī’’’ti (saṃ. ni. 4.341).

    เวลามสุตฺตาทิวเสนปิ (อ. นิ. ๙.๒๐) สรณคมนสฺส ผลวิเสโส เวทิตโพฺพฯ เอวํ สรณคมนสฺส ผลํ เวทิตพฺพํฯ

    Velāmasuttādivasenapi (a. ni. 9.20) saraṇagamanassa phalaviseso veditabbo. Evaṃ saraṇagamanassa phalaṃ veditabbaṃ.

    โลกิยสรณคมนเญฺจตฺถ ตีสุ วตฺถูสุ อญฺญาณสํสยมิจฺฉาญาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ น มหาวิปฺผารํฯ โลกุตฺตรสฺส ปน สํกิเลโส นตฺถิฯ โลกิยสฺส จ สรณคมนสฺส ทุวิโธ เภโท – สาวโชฺช, อนวโชฺช จฯ ตตฺถ สาวโชฺช อญฺญสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ โหติ, โส อนิฎฺฐผโลฯ อนวโชฺช กาลกิริยาย, โส อวิปากตฺตา อผโลฯ โลกุตฺตรสฺส ปน เนวตฺถิ เภโทฯ ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อญฺญํ สตฺถารํ น อุทฺทิสตีติ เอวํ สรณคมนสฺส สํกิเลโส จ เภโท จ เวทิตโพฺพฯ

    Lokiyasaraṇagamanañcettha tīsu vatthūsu aññāṇasaṃsayamicchāñāṇādīhi saṃkilissati, na mahājutikaṃ hoti na mahāvipphāraṃ. Lokuttarassa pana saṃkileso natthi. Lokiyassa ca saraṇagamanassa duvidho bhedo – sāvajjo, anavajjo ca. Tattha sāvajjo aññasatthārādīsu attasanniyyātanādīhi hoti, so aniṭṭhaphalo. Anavajjo kālakiriyāya, so avipākattā aphalo. Lokuttarassa pana nevatthi bhedo. Bhavantarepi hi ariyasāvako aññaṃ satthāraṃ na uddisatīti evaṃ saraṇagamanassa saṃkileso ca bhedo ca veditabbo.

    โวทานมฺปิ จ โลกิยเสฺสว ยสฺส หิ สํกิเลโส, ตเสฺสว ตโต โวทาเนน ภวิตพฺพํฯ โลกุตฺตรํ ปน นิจฺจโวทานเมวาติฯ

    Vodānampi ca lokiyasseva yassa hi saṃkileso, tasseva tato vodānena bhavitabbaṃ. Lokuttaraṃ pana niccavodānamevāti.

    ปาณาติปาตาติ เอตฺถ ปาณสฺส สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อติปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อโตฺถฯ อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต, ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติฯ ปาโณติ เจตฺถ ขนฺธสนฺตาโน, โย สโตฺตติ โวหรียติ, ปรมตฺถโต รูปารูปชีวิตินฺทฺริยํฯ รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสตีติฯ ตสฺมิํ ปน ปาเณ ปาณสญฺญิโน ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโตฯ ยาย หิ เจตนาย ปวตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุกมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา ปุริมสทิสา น อุปฺปชฺชนฺติ, วิสทิสา เอว อุปฺปชฺชนฺติ, สา ตาทิสปฺปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา ปาณาติปาโตฯ ลทฺธูปกฺกมานิ หิ ภูตานิ ปุริมภูตานิ วิย น วิสทานีติ สมานชาติยานํ การณานิ น โหนฺตีติฯ ‘‘กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา’’ติ อิทํ มโนทฺวาเร ปวตฺตาย วธกเจตนาย ปาณาติปาตตาสมฺภวทสฺสนํฯ กุลุมฺพสุเตฺตปิ หิ ‘‘อิเธกโจฺจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโต วสิปฺปโตฺต อญฺญิสฺสา กุจฺฉิคตํ คพฺภํ ปาปเกน มนสา อนุเปกฺขิตา โหตี’’ติ วิชฺชามยิทฺธิ อธิเปฺปตาฯ สา จ วจีทฺวารํ มุญฺจิตฺวา น สกฺกา นิพฺพเตฺตตุนฺติ วจีทฺวารวเสเนว นิปฺปชฺชติฯ เย ปน ‘‘ภาวนามยิทฺธิ ตตฺถ อธิเปฺปตา’’ติ วทนฺติ, เตสํ วาโท กุสลตฺติกเวทนตฺติกวิตกฺกตฺติกภูมนฺตเรหิ วิรุชฺฌติฯ

    Pāṇātipātāti ettha pāṇassa saraseneva patanasabhāvassa antarā eva atipātanaṃ atipāto, saṇikaṃ patituṃ adatvā sīghaṃ pātananti attho. Atikkamma vā satthādīhi abhibhavitvā pātanaṃ atipāto, pāṇaghātoti vuttaṃ hoti. Pāṇoti cettha khandhasantāno, yo sattoti voharīyati, paramatthato rūpārūpajīvitindriyaṃ. Rūpajīvitindriye hi vikopite itarampi taṃsambandhatāya vinassatīti. Tasmiṃ pana pāṇe pāṇasaññino jīvitindriyupacchedakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā vadhakacetanā pāṇātipāto. Yāya hi cetanāya pavattamānassa jīvitindriyassa nissayabhūtesu upakkamakaraṇahetukamahābhūtapaccayā uppajjanakamahābhūtā purimasadisā na uppajjanti, visadisā eva uppajjanti, sā tādisappayogasamuṭṭhāpikā cetanā pāṇātipāto. Laddhūpakkamāni hi bhūtāni purimabhūtāni viya na visadānīti samānajātiyānaṃ kāraṇāni na hontīti. ‘‘Kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā’’ti idaṃ manodvāre pavattāya vadhakacetanāya pāṇātipātatāsambhavadassanaṃ. Kulumbasuttepi hi ‘‘idhekacco samaṇo vā brāhmaṇo vā iddhimā ceto vasippatto aññissā kucchigataṃ gabbhaṃ pāpakena manasā anupekkhitā hotī’’ti vijjāmayiddhi adhippetā. Sā ca vacīdvāraṃ muñcitvā na sakkā nibbattetunti vacīdvāravaseneva nippajjati. Ye pana ‘‘bhāvanāmayiddhi tattha adhippetā’’ti vadanti, tesaṃ vādo kusalattikavedanattikavitakkattikabhūmantarehi virujjhati.

    สฺวายํ ปาณาติปาโต คุณรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวโชฺช, มหาสรีเร มหาสาวโชฺชฯ กสฺมา? ปโยคมหนฺตตายฯ ปโยคสมเตฺตปิ วตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวโชฺช, คุณวเนฺตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวโชฺช, มหาคุเณ มหาสาวโชฺช ฯ สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานญฺจ มุทุตาย อปฺปสาวโชฺช, ติพฺพตาย มหาสาวโชฺชฯ

    Svāyaṃ pāṇātipāto guṇarahitesu tiracchānagatādīsu khuddake pāṇe appasāvajjo, mahāsarīre mahāsāvajjo. Kasmā? Payogamahantatāya. Payogasamattepi vatthumahantatādīhi mahāsāvajjo, guṇavantesu manussādīsu appaguṇe pāṇe appasāvajjo, mahāguṇe mahāsāvajjo . Sarīraguṇānaṃ pana samabhāve sati kilesānaṃ upakkamānañca mudutāya appasāvajjo, tibbatāya mahāsāvajjo.

    เอตฺถ จ ปโยควตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺชตา เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานาย เจตนาย พลวภาวโต เวทิตพฺพาฯ ยถาธิเปฺปตสฺส ปโยคสฺส สหสา นิปฺผาทนวเสน สกิจฺจสาธิกาย พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย จ สนฺนิฎฺฐาปกเจตนาย ปโยคสฺส มหนฺตภาโวฯ สติปิ กทาจิ ขุทฺทเก เจว มหเนฺต จ ปาเณ ปโยคสฺส สมภาเว มหนฺตํ หนนฺตสฺส เจตนา ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ วตฺถุมหนฺตตาปิ เจตนาย พลวภาวสฺส การณํฯ อิติ อุภยเมฺปตํ เจตนาพลวภาเวเนว มหาสาวชฺชตาย เหตุ โหติฯ ตถา หนฺตพฺพสฺส มหาคุณภาเว ตตฺถ ปวตฺตอุปการเจตนา วิย เขตฺตวิเสสนิปฺผตฺติยา อปการเจตนาปิ พลวตี ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ ตสฺส มหาสาวชฺชตา ทฎฺฐพฺพาฯ ตสฺมา ปโยควตฺถุอาทิปจฺจยานํ อมหเตฺตปิ คุณมหนฺตตาทิปจฺจเยหิ เจตนาย พลวภาววเสเนว มหาสาวชฺชตา เวทิตพฺพาฯ

    Ettha ca payogavatthumahantatādīhi mahāsāvajjatā tehi paccayehi uppajjamānāya cetanāya balavabhāvato veditabbā. Yathādhippetassa payogassa sahasā nipphādanavasena sakiccasādhikāya bahukkhattuṃ pavattajavanehi laddhāsevanāya ca sanniṭṭhāpakacetanāya payogassa mahantabhāvo. Satipi kadāci khuddake ceva mahante ca pāṇe payogassa samabhāve mahantaṃ hanantassa cetanā tibbatarā uppajjatīti vatthumahantatāpi cetanāya balavabhāvassa kāraṇaṃ. Iti ubhayampetaṃ cetanābalavabhāveneva mahāsāvajjatāya hetu hoti. Tathā hantabbassa mahāguṇabhāve tattha pavattaupakāracetanā viya khettavisesanipphattiyā apakāracetanāpi balavatī tibbatarā uppajjatīti tassa mahāsāvajjatā daṭṭhabbā. Tasmā payogavatthuādipaccayānaṃ amahattepi guṇamahantatādipaccayehi cetanāya balavabhāvavaseneva mahāsāvajjatā veditabbā.

    ตสฺส ปาโณ, ปาณสญฺญิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติ ปญฺจ สมฺภาราฯ ปญฺจสมฺภารยุโตฺต ปาณาติปาโตติ ปญฺจสมฺภาราวินิมุโตฺต ทฎฺฐโพฺพฯ เตสุ ปาณสญฺญิตาวธกจิตฺตานิ ปุพฺพภาคิยานิปิ โหนฺติ, อุปกฺกโม วธกเจตนาสมุฎฺฐาปิโตฯ ตสฺส ฉ ปโยคา – สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติฯ เตสุ สหเตฺถน นิพฺพโตฺต สาหตฺถิโกฯ ปเรสํ อาณาปนวเสน ปวโตฺต อาณตฺติโกฯ อุสุสตฺติอาทีนํ นิสฺสชฺชนวเสน ปวโตฺต นิสฺสคฺคิโยฯ โอปาตขณนาทิวเสน ปวโตฺต ถาวโรฯ อาถพฺพณิกาทีนํ วิย มนฺตปริชปฺปนปโยโค วิชฺชามโยฯ ทาฐาโกฎฺฎนาทีนํ วิย กมฺมวิปากชิทฺธิมโยฯ

    Tassa pāṇo, pāṇasaññitā, vadhakacittaṃ, upakkamo, tena maraṇanti pañca sambhārā. Pañcasambhārayutto pāṇātipātoti pañcasambhārāvinimutto daṭṭhabbo. Tesu pāṇasaññitāvadhakacittāni pubbabhāgiyānipi honti, upakkamo vadhakacetanāsamuṭṭhāpito. Tassa cha payogā – sāhatthiko, āṇattiko, nissaggiyo, thāvaro, vijjāmayo, iddhimayoti. Tesu sahatthena nibbatto sāhatthiko. Paresaṃ āṇāpanavasena pavatto āṇattiko. Ususattiādīnaṃ nissajjanavasena pavatto nissaggiyo. Opātakhaṇanādivasena pavatto thāvaro. Āthabbaṇikādīnaṃ viya mantaparijappanapayogo vijjāmayo. Dāṭhākoṭṭanādīnaṃ viya kammavipākajiddhimayo.

    เอตฺถาห – ขเณ ขเณ นิรุชฺฌนสภาเวสุ สงฺขาเรสุ, โก หนฺตา, โก วา หญฺญติ? ยทิ จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, โส อรูปิตาย น เฉทนเภทนาทิวเสน วิโกปนสมโตฺถ, นาปิ วิโกปนีโย, อถ รูปสนฺตาโน, โส อเจตนตาย กฎฺฐกลิงฺครูปโมติ น ตตฺถ เฉทนาทินา ปาณาติปาโต ลพฺภติ, ยถา มตสรีเรฯ ปโยโคปิ ปาณาติปาตสฺส ยถาวุโตฺต ปหรณปฺปหาราทิโก อตีเตสุ สงฺขาเรสุ ภเวยฺย อนาคเตสุ ปจฺจุปฺปเนฺนสุ วาฯ ตตฺถ น ตาว อตีเตสุ อนาคเตสุ จ สมฺภวติ เตสํ อวิชฺชมานสภาวตฺตา, ปจฺจุปฺปเนฺนสุ จ สงฺขารานํ ขณิกตฺตา สรเสเนว นิรุชฺฌนสภาวตาย วินาสาภิมุเขสุ นิปฺปโยชโน ปโยโค สิยา, วินาสสฺส จ การณรหิตตฺตา น ปหรณปฺปหาราทิปฺปโยคเหตุกํ มรณํ, นิรีหตฺตา จ สงฺขารานํ กสฺส โส ปโยโค, ขณิกภาเวน วธาธิปฺปายสมกาลเมว ภิชฺชนกสฺส ยาว กิริยาปริโยสานกาลมนวฎฺฐานโต กสฺส วา ปาณาติปาโต กมฺมพโนฺธติ?

    Etthāha – khaṇe khaṇe nirujjhanasabhāvesu saṅkhāresu, ko hantā, ko vā haññati? Yadi cittacetasikasantāno, so arūpitāya na chedanabhedanādivasena vikopanasamattho, nāpi vikopanīyo, atha rūpasantāno, so acetanatāya kaṭṭhakaliṅgarūpamoti na tattha chedanādinā pāṇātipāto labbhati, yathā matasarīre. Payogopi pāṇātipātassa yathāvutto paharaṇappahārādiko atītesu saṅkhāresu bhaveyya anāgatesu paccuppannesu vā. Tattha na tāva atītesu anāgatesu ca sambhavati tesaṃ avijjamānasabhāvattā, paccuppannesu ca saṅkhārānaṃ khaṇikattā saraseneva nirujjhanasabhāvatāya vināsābhimukhesu nippayojano payogo siyā, vināsassa ca kāraṇarahitattā na paharaṇappahārādippayogahetukaṃ maraṇaṃ, nirīhattā ca saṅkhārānaṃ kassa so payogo, khaṇikabhāvena vadhādhippāyasamakālameva bhijjanakassa yāva kiriyāpariyosānakālamanavaṭṭhānato kassa vā pāṇātipāto kammabandhoti?

    วุจฺจเต – ยถาวุตฺตวธกเจตนาสมงฺคี สงฺขารานํ ปุโญฺช สตฺตสงฺขาโต หนฺตาฯ เตน ปวตฺติตวธปฺปโยคนิมิตฺตํ อปคตุสฺมาวิญฺญาณชีวิตินฺทฺริโย มโตติ โวหารสฺส วตฺถุภูโต ยถาวุตฺตวธปฺปโยคากรเณ ปุเพฺพ วิย อุทฺธํ ปวตฺตนารโห รูปารูปธมฺมปุโญฺช หญฺญติ, จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน เอว วาฯ วธปฺปโยคาวิสยภาเวปิ ตสฺส ปญฺจโวการภเว รูปสนฺตานาธีนวุตฺติตาย ภูตรูเปสุ กตปฺปโยควเสน ชีวิตินฺทฺริยวิเจฺฉเทน โสปิ วิจฺฉิชฺชตีติ น ปาณาติปาตสฺส อสมฺภโว, นาปิ อเหตุโก, น จ ปโยโค นิปฺปโยชโนฯ ปจฺจุปฺปเนฺนสุ สงฺขาเรสุ กตปฺปโยควเสน ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชนารหสฺส สงฺขารกลาปสฺส ตถา อนุปฺปตฺติโต ขณิกานญฺจ สงฺขารานํ ขณิกมรณสฺส อิธ มรณภาเวน อนธิเปฺปตตฺตา สนฺตติมรณสฺส จ ยถาวุตฺตนเยน สเหตุกภาวโต น อเหตุกํ มรณํ, นิรีหเกสุปิ สงฺขาเรสุ ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชิตฺวา อตฺถิภาวมเตฺตเนว อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปผลุปฺปาทนนิยตานิ การณานิเยว กโรนฺตีติ วุจฺจติ, ยถา ปทีโป ปกาเสตีติ, ตเถว ฆาตกโวหาโรฯ น จ เกวลสฺส วธาธิปฺปายสหภุโน จิตฺตเจตสิกกลาปสฺส ปาณาติปาโต อิจฺฉิโต, สนฺตานวเสน วตฺตมานเสฺสว ปน อิจฺฉิโตติ อเตฺถว ปาณาติปาเตน กมฺมพโนฺธฯ สนฺตานวเสน วตฺตมานานญฺจ ปทีปาทีนํ อตฺถกิริยาสิทฺธิ ทิสฺสตีติฯ อยญฺจ วิจารณา อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วิภาเวตพฺพาฯ ตสฺมา ปาณาติปาตาฯ น ปฎิวิรตาติ อปฺปฎิวิรตา

    Vuccate – yathāvuttavadhakacetanāsamaṅgī saṅkhārānaṃ puñjo sattasaṅkhāto hantā. Tena pavattitavadhappayoganimittaṃ apagatusmāviññāṇajīvitindriyo matoti vohārassa vatthubhūto yathāvuttavadhappayogākaraṇe pubbe viya uddhaṃ pavattanāraho rūpārūpadhammapuñjo haññati, cittacetasikasantāno eva vā. Vadhappayogāvisayabhāvepi tassa pañcavokārabhave rūpasantānādhīnavuttitāya bhūtarūpesu katappayogavasena jīvitindriyavicchedena sopi vicchijjatīti na pāṇātipātassa asambhavo, nāpi ahetuko, na ca payogo nippayojano. Paccuppannesu saṅkhāresu katappayogavasena tadanantaraṃ uppajjanārahassa saṅkhārakalāpassa tathā anuppattito khaṇikānañca saṅkhārānaṃ khaṇikamaraṇassa idha maraṇabhāvena anadhippetattā santatimaraṇassa ca yathāvuttanayena sahetukabhāvato na ahetukaṃ maraṇaṃ, nirīhakesupi saṅkhāresu yathāpaccayaṃ uppajjitvā atthibhāvamatteneva attano attano anurūpaphaluppādananiyatāni kāraṇāniyeva karontīti vuccati, yathā padīpo pakāsetīti, tatheva ghātakavohāro. Na ca kevalassa vadhādhippāyasahabhuno cittacetasikakalāpassa pāṇātipāto icchito, santānavasena vattamānasseva pana icchitoti attheva pāṇātipātena kammabandho. Santānavasena vattamānānañca padīpādīnaṃ atthakiriyāsiddhi dissatīti. Ayañca vicāraṇā adinnādānādīsupi yathāsambhavaṃ vibhāvetabbā. Tasmā pāṇātipātā. Na paṭiviratāti appaṭiviratā.

    อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺส หรณํ เถยฺยํ โจริกาติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชโนฺต อทณฺฑารโห อนุปวโชฺช จ โหติฯ ตสฺมิํ ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสญฺญิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํฯ ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, ปณีเต มหาสาวชฺชํฯ กสฺมา? วตฺถุปณีตตายฯ ตถา ขุทฺทเก ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, มหเนฺต มหาสาวชฺชํฯ กสฺมา? วตฺถุมหนฺตตาย ปโยคมหนฺตตาย จฯ วตฺถุสมเตฺต ปน สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมิํ มหาสาวชฺชํ, ตํตํคุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมิํ อปฺปสาวชฺชํฯ วตฺถุคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ ปโยคสฺส จ มุทุภาเว อปฺปสาวชฺชํ, ติพฺพภาเว มหาสาวชฺชํฯ

    Adinnassa ādānaṃ adinnādānaṃ, parassa haraṇaṃ theyyaṃ corikāti vuttaṃ hoti. Tattha adinnanti parapariggahitaṃ, yattha paro yathākāmakāritaṃ āpajjanto adaṇḍāraho anupavajjo ca hoti. Tasmiṃ parapariggahite parapariggahitasaññino tadādāyakaupakkamasamuṭṭhāpikā theyyacetanā adinnādānaṃ. Taṃ hīne parasantake appasāvajjaṃ, paṇīte mahāsāvajjaṃ. Kasmā? Vatthupaṇītatāya. Tathā khuddake parasantake appasāvajjaṃ, mahante mahāsāvajjaṃ. Kasmā? Vatthumahantatāya payogamahantatāya ca. Vatthusamatte pana sati guṇādhikānaṃ santake vatthusmiṃ mahāsāvajjaṃ, taṃtaṃguṇādhikaṃ upādāya tato tato hīnaguṇassa santake vatthusmiṃ appasāvajjaṃ. Vatthuguṇānaṃ pana samabhāve sati kilesānaṃ payogassa ca mudubhāve appasāvajjaṃ, tibbabhāve mahāsāvajjaṃ.

    ตสฺส ปญฺจ สมฺภารา – ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน หรณนฺติฯ ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโยวฯ เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, ปฎิจฺฉนฺนาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตาฯ เอตฺถ จ มนฺตปริชปฺปเนน ปรสนฺตกหรณํ วิชฺชามโย ปโยโคฯ วินา มเนฺตน ตาทิเสน อิทฺธานุภาวสิเทฺธน กายวจีปโยเคน ปรสนฺตกสฺส อากฑฺฒนํ อิทฺธิมโย ปโยโคติ เวทิตโพฺพฯ

    Tassa pañca sambhārā – parapariggahitaṃ, parapariggahitasaññitā, theyyacittaṃ, upakkamo, tena haraṇanti. Cha payogā sāhatthikādayova. Te ca kho yathānurūpaṃ theyyāvahāro, pasayhāvahāro, parikappāvahāro, paṭicchannāvahāro, kusāvahāroti imesaṃ avahārānaṃ vasena pavattā. Ettha ca mantaparijappanena parasantakaharaṇaṃ vijjāmayo payogo. Vinā mantena tādisena iddhānubhāvasiddhena kāyavacīpayogena parasantakassa ākaḍḍhanaṃ iddhimayo payogoti veditabbo.

    กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุฯ มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโรฯ ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฎฺฐานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุ มิจฺฉาจาโรฯ ตตฺถ อคมนียฎฺฐานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตาทโย ทส, ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย, อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขสปริทณฺฑานํ, ทสนฺนญฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อญฺญปุริสาฯ สฺวายํ มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฎฺฐาเน อปฺปสาวโชฺช, สีลาทิคุณสมฺปเนฺน มหาสาวโชฺชฯ คุณรหิเตปิ จ อภิภวิตฺวา มิจฺฉา จรนฺตสฺส มหาสาวโชฺช, อุภินฺนํ สมานจฺฉนฺทตาย อปฺปสาวโชฺชฯ สมานจฺฉนฺทภาเวปิ กิเลสานํ อุปกฺกมานญฺจ มุทุตาย อปฺปสาวโชฺช, ติพฺพตาย มหาสาวโชฺชฯ ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อคมนียวตฺถุ, ตสฺมิํ เสวนจิตฺตํ, เสวนปโยโค, มเคฺคนมคฺคปฺปฎิปตฺติอธิวาสนนฺติฯ ตตฺถ อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส ตโย, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส ตโยติ อนวเสสคฺคหเณน จตฺตาโร ทฎฺฐพฺพา, อตฺถสิทฺธิ ปน ตีเหวฯ เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกวฯ

    Kāmesūti methunasamācāresu. Micchācāroti ekantanindito lāmakācāro. Lakkhaṇato pana asaddhammādhippāyena kāyadvārappavattā agamanīyaṭṭhānavītikkamacetanā kāmesu micchācāro. Tattha agamanīyaṭṭhānaṃ nāma purisānaṃ tāva māturakkhitādayo dasa, dhanakkītādayo dasāti vīsati itthiyo, itthīsu pana dvinnaṃ sārakkhasaparidaṇḍānaṃ, dasannañca dhanakkītādīnanti dvādasannaṃ itthīnaṃ aññapurisā. Svāyaṃ micchācāro sīlādiguṇarahite agamanīyaṭṭhāne appasāvajjo, sīlādiguṇasampanne mahāsāvajjo. Guṇarahitepi ca abhibhavitvā micchā carantassa mahāsāvajjo, ubhinnaṃ samānacchandatāya appasāvajjo. Samānacchandabhāvepi kilesānaṃ upakkamānañca mudutāya appasāvajjo, tibbatāya mahāsāvajjo. Tassa cattāro sambhārā – agamanīyavatthu, tasmiṃ sevanacittaṃ, sevanapayogo, maggenamaggappaṭipattiadhivāsananti. Tattha attano ruciyā pavattitassa tayo, balakkārena pavattitassa tayoti anavasesaggahaṇena cattāro daṭṭhabbā, atthasiddhi pana tīheva. Eko payogo sāhatthikova.

    มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภญฺชโก กายวจีปโยโค, วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโทฯ อปโร นโย มุสาติ อภูตํ วตฺถุ, วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิญฺญาปนํฯ ตสฺมา อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิญฺญาเปตุกามสฺส ตถาวิญฺญาปนปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา มุสาวาโท

    Musāti visaṃvādanapurekkhārassa atthabhañjako kāyavacīpayogo, visaṃvādanādhippāyena panassa paravisaṃvādakakāyavacīpayogasamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo. Aparo nayo musāti abhūtaṃ vatthu, vādoti tassa bhūtato tacchato viññāpanaṃ. Tasmā atathaṃ vatthuṃ tathato paraṃ viññāpetukāmassa tathāviññāpanapayogasamuṭṭhāpikā cetanā musāvādo.

    โส ยมตฺถํ ภญฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวโชฺช, มหนฺตตาย มหาสาวโชฺชฯ อปิจ คหฎฺฐานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติ อาทินยปฺปวโตฺต อปฺปสาวโชฺช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภญฺชนวเสน วุโตฺต มหาสาวโชฺชฯ ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปิํ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นที มเญฺญ สนฺทตี’’ติ ปูรณกถานเยน ปวโตฺต อปฺปสาวโชฺช, อทิฎฺฐํเยว ปน ‘‘ทิฎฺฐ’’นฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวโชฺชฯ ตถา ยสฺส อตฺถํ ภญฺชติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวโชฺช, มหาคุณตาย มหาสาวโชฺชฯ กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสน จ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา ลพฺภเตวฯ

    So yamatthaṃ bhañjati, tassa appatāya appasāvajjo, mahantatāya mahāsāvajjo. Apica gahaṭṭhānaṃ attano santakaṃ adātukāmatāya natthīti ādinayappavatto appasāvajjo, sakkhinā hutvā atthabhañjanavasena vutto mahāsāvajjo. Pabbajitānaṃ appakampi telaṃ vā sappiṃ vā labhitvā hasādhippāyena ‘‘ajja gāme telaṃ nadī maññe sandatī’’ti pūraṇakathānayena pavatto appasāvajjo, adiṭṭhaṃyeva pana ‘‘diṭṭha’’ntiādinā nayena vadantānaṃ mahāsāvajjo. Tathā yassa atthaṃ bhañjati, tassa appaguṇatāya appasāvajjo, mahāguṇatāya mahāsāvajjo. Kilesānaṃ mudutibbatāvasena ca appasāvajjamahāsāvajjatā labbhateva.

    ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตโชฺช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติฯ วิสํวาทนาธิปฺปาเยน หิ ปโยเค กเตปิ ปเรน ตสฺมิํ อเตฺถ อวิญฺญาเต วิสํวาทนสฺส อสิชฺฌนโต ปรสฺส ตทตฺถวิชานนมฺปิ เอโก สมฺภาโร เวทิตโพฺพฯ เกจิ ปน ‘‘อภูตวจนํ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ ตโย สมฺภารา’’ติ วทนฺติฯ สเจ ปน ปโร ทนฺธตาย วิจาเรตฺวา ตมตฺถํ ชานาติ, สนฺนิฎฺฐาปกเจตนาย ปวตฺตตฺตา กิริยาสมุฎฺฐาปกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติฯ

    Tassa cattāro sambhārā – atathaṃ vatthu, visaṃvādanacittaṃ, tajjo vāyāmo, parassa tadatthavijānananti. Visaṃvādanādhippāyena hi payoge katepi parena tasmiṃ atthe aviññāte visaṃvādanassa asijjhanato parassa tadatthavijānanampi eko sambhāro veditabbo. Keci pana ‘‘abhūtavacanaṃ, visaṃvādanacittaṃ, parassa tadatthavijānananti tayo sambhārā’’ti vadanti. Sace pana paro dandhatāya vicāretvā tamatthaṃ jānāti, sanniṭṭhāpakacetanāya pavattattā kiriyāsamuṭṭhāpakacetanākkhaṇeyeva musāvādakammunā bajjhati.

    สุราติ ปิฎฺฐสุรา, ปูวสุรา, โอทนสุรา, กิณฺณปกฺขิตฺตา, สมฺภารสํยุตฺตาติ ปญฺจ สุราฯ เมรยนฺติ ปุปฺผาสโว, ผลาสโว, มธฺวาสโว, คุฬาสโว สมฺภารสํยุโตฺตติ ปญฺจ อาสวาฯ ตทุภยมฺปิ มทนียเฎฺฐน มชฺชํฯ ยาย เจตนาย ตํ ปิวติ, สา ปมาทการณตฺตา ปมาทฎฺฐานํฯ ลกฺขณโต ปน ยถาวุตฺตสฺส สุราเมรยสงฺขาตสฺส มชฺชสฺส พีชโต ปฎฺฐาย มทวเสน กายทฺวารปฺปวตฺตา ปมาทเจตนา สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานํฯ ตสฺส มชฺชภาโว, ปาตุกมฺยตาจิตฺตํ, ตโชฺช วายาโม, อโชฺฌหรณนฺติ จตฺตาโร สมฺภาราฯ อกุสลจิเตฺตเนว จสฺส ปาตพฺพโต เอกเนฺตน สาวชฺชภาโว ฯ อริยสาวกานํ ปน วตฺถุํ อชานนฺตานมฺปิ มุขํ น ปวิสติ, ปเคว ชานนฺตานํฯ อฑฺฒปสตมตฺตสฺส ปานํ อปฺปสาวชฺชํ, อทฺธาฬฺหกมตฺตสฺส ปานํ ตโต มหนฺตํ มหาสาวชฺชํ, กายสญฺจาลนสมตฺถํ พหุํ ปิวิตฺวา คามฆาตกาทิกมฺมํ กโรนฺตสฺส มหาสาวชฺชเมวฯ ปาปกมฺมญฺหิ ปาณาติปาตํ ปตฺวา ขีณาสเว มหาสาวชฺชํ, อทินฺนาทานํ ปตฺวา ขีณาสวสฺส สนฺตเก มหาสาวชฺชํ, มิจฺฉาจารํ ปตฺวา ขีณาสวาย ภิกฺขุนิยา วีติกฺกเม, มุสาวาทํ ปตฺวา มุสาวาเทน สงฺฆเภเท, สุราปานํ ปตฺวา กายสญฺจาลนสมตฺถํ พหุํ ปิวิตฺวา คามฆาตกาทิกมฺมํ มหาสาวชฺชํฯ สเพฺพหิปิ เจเตหิ มุสาวาเทน สงฺฆเภโทว มหาสาวโชฺชฯ ตญฺหิ กตฺวา กปฺปํ นิรเย ปจฺจติฯ

    Surāti piṭṭhasurā, pūvasurā, odanasurā, kiṇṇapakkhittā, sambhārasaṃyuttāti pañca surā. Merayanti pupphāsavo, phalāsavo, madhvāsavo, guḷāsavo sambhārasaṃyuttoti pañca āsavā. Tadubhayampi madanīyaṭṭhena majjaṃ. Yāya cetanāya taṃ pivati, sā pamādakāraṇattā pamādaṭṭhānaṃ. Lakkhaṇato pana yathāvuttassa surāmerayasaṅkhātassa majjassa bījato paṭṭhāya madavasena kāyadvārappavattā pamādacetanā surāmerayamajjapamādaṭṭhānaṃ. Tassa majjabhāvo, pātukamyatācittaṃ, tajjo vāyāmo, ajjhoharaṇanti cattāro sambhārā. Akusalacitteneva cassa pātabbato ekantena sāvajjabhāvo . Ariyasāvakānaṃ pana vatthuṃ ajānantānampi mukhaṃ na pavisati, pageva jānantānaṃ. Aḍḍhapasatamattassa pānaṃ appasāvajjaṃ, addhāḷhakamattassa pānaṃ tato mahantaṃ mahāsāvajjaṃ, kāyasañcālanasamatthaṃ bahuṃ pivitvā gāmaghātakādikammaṃ karontassa mahāsāvajjameva. Pāpakammañhi pāṇātipātaṃ patvā khīṇāsave mahāsāvajjaṃ, adinnādānaṃ patvā khīṇāsavassa santake mahāsāvajjaṃ, micchācāraṃ patvā khīṇāsavāya bhikkhuniyā vītikkame, musāvādaṃ patvā musāvādena saṅghabhede, surāpānaṃ patvā kāyasañcālanasamatthaṃ bahuṃ pivitvā gāmaghātakādikammaṃ mahāsāvajjaṃ. Sabbehipi cetehi musāvādena saṅghabhedova mahāsāvajjo. Tañhi katvā kappaṃ niraye paccati.

    อิทานิ เอเตสุ สภาวโต, อารมฺมณโต, เวทนโต, มูลโต, กมฺมโต, ผลโตติ ฉหิ อากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ สภาวโต ปาณาติปาตาทโย สเพฺพปิ เจตนาสภาวาวฯ อารมฺมณโต ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ, อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วา, มิจฺฉาจาโร โผฎฺฐพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณ, สตฺตารมฺมโณติ เอเกฯ มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วา, สุราปานํ สงฺขารารมฺมณํฯ เวทนโต ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน, อทินฺนาทานํ ติเวทนํ, มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโน, ตถา สุราปานํฯ สนฺนิฎฺฐาปกจิเตฺตน ปน อุภยมฺปิ มชฺฌตฺตเวทนํ น โหติฯ มุสาวาโท ติเวทโนฯ มูลโต ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก, อทินฺนาทานํ มุสาวาโท จ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา, มิจฺฉาจาโร สุราปานญฺจ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลํฯ กมฺมโต มุสาวาโทเยเวตฺถ วจีกมฺมํ, เสสํ จตุพฺพิธมฺปิ กายกมฺมเมวฯ ผลโต สเพฺพปิ อปายูปปตฺติผลา เจว สุคติยมฺปิ อปฺปายุกตาทินานาวิธอนิฎฺฐผลา จาติ เอวเมตฺถ สภาวาทิโต วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ

    Idāni etesu sabhāvato, ārammaṇato, vedanato, mūlato, kammato, phalatoti chahi ākārehi vinicchayo veditabbo. Tattha sabhāvato pāṇātipātādayo sabbepi cetanāsabhāvāva. Ārammaṇato pāṇātipāto jīvitindriyārammaṇato saṅkhārārammaṇo, adinnādānaṃ sattārammaṇaṃ vā saṅkhārārammaṇaṃ vā, micchācāro phoṭṭhabbavasena saṅkhārārammaṇo, sattārammaṇoti eke. Musāvādo sattārammaṇo vā saṅkhārārammaṇo vā, surāpānaṃ saṅkhārārammaṇaṃ. Vedanato pāṇātipāto dukkhavedano, adinnādānaṃ tivedanaṃ, micchācāro sukhamajjhattavasena dvivedano, tathā surāpānaṃ. Sanniṭṭhāpakacittena pana ubhayampi majjhattavedanaṃ na hoti. Musāvādo tivedano. Mūlato pāṇātipāto dosamohavasena dvimūlako, adinnādānaṃ musāvādo ca dosamohavasena vā lobhamohavasena vā, micchācāro surāpānañca lobhamohavasena dvimūlaṃ. Kammato musāvādoyevettha vacīkammaṃ, sesaṃ catubbidhampi kāyakammameva. Phalato sabbepi apāyūpapattiphalā ceva sugatiyampi appāyukatādinānāvidhaaniṭṭhaphalā cāti evamettha sabhāvādito vinicchayo veditabbo.

    อปฺปฎิวิรตาติ สมาทานวิรติยา สมฺปตฺตวิรติยา จ อภาเวน น ปฎิวิรตาฯ ทุสฺสีลาติ ตโต เอว ปญฺจสีลมตฺตสฺสาปิ อภาเวน นิสฺสีลาฯ ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา, หีนาจาราฯ ปาณาติปาตา ปฎิวิรโตติ สิกฺขาปทสมาทาเนน ปาณาติปาตโต วิรโต, อารกา ฐิโตฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ

    Appaṭiviratāti samādānaviratiyā sampattaviratiyā ca abhāvena na paṭiviratā. Dussīlāti tato eva pañcasīlamattassāpi abhāvena nissīlā. Pāpadhammāti lāmakadhammā, hīnācārā. Pāṇātipātā paṭiviratoti sikkhāpadasamādānena pāṇātipātato virato, ārakā ṭhito. Esa nayo sesesupi.

    อิธาปิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีนํ สภาวโต อารมฺมณโต , เวทนโต, มูลโต, กมฺมโต, สมาทานโต, เภทโต, ผลโต จ วิญฺญาตโพฺพ วินิจฺฉโยฯ ตตฺถ สภาวโต ปญฺจปิ เจตนาโยปิ โหนฺติ วิรติโยปิ, วิรติวเสน ปน เทสนา อาคตาฯ ยา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส ‘‘ยา ตสฺมิํ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติฯ สา ปเภทโต ติวิธา – สมฺปตฺตวิรติ, สมาทานวิรติ, สมุเจฺฉทวิรตีติฯ ตตฺถ อสมาทินฺนสิกฺขาปทานํ อตฺตโน ชาติวยพาหุสจฺจาทีนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อยุตฺตเมตํ อมฺหากํ กาตุ’’นฺติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมฺปตฺตวิรติ นามฯ สมาทินฺนสิกฺขาปทานํ สิกฺขาปทสมาทาเน ตทุตฺตริ จ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมาทานวิรติ นามฯ อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา ปน วิรติ สมุเจฺฉทวิรติ นาม, ยสฺสา อุปฺปตฺติโต ปฎฺฐาย อริยปุคฺคลานํ ‘‘ปาณํ ฆาเตสฺสามา’’ติ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชติฯ ตาสุ สมาทานวิรติ อิธาธิเปฺปตาฯ

    Idhāpi pāṇātipātāveramaṇiādīnaṃ sabhāvato ārammaṇato , vedanato, mūlato, kammato, samādānato, bhedato, phalato ca viññātabbo vinicchayo. Tattha sabhāvato pañcapi cetanāyopi honti viratiyopi, virativasena pana desanā āgatā. Yā pāṇātipātā viramantassa ‘‘yā tasmiṃ samaye pāṇātipātā ārati viratī’’ti evaṃ vuttā kusalacittasampayuttā virati. Sā pabhedato tividhā – sampattavirati, samādānavirati, samucchedaviratīti. Tattha asamādinnasikkhāpadānaṃ attano jātivayabāhusaccādīni paccavekkhitvā ‘‘ayuttametaṃ amhākaṃ kātu’’nti sampattavatthuṃ avītikkamantānaṃ uppajjamānā virati sampattavirati nāma. Samādinnasikkhāpadānaṃ sikkhāpadasamādāne taduttari ca attano jīvitampi pariccajitvā vatthuṃ avītikkamantānaṃ uppajjamānā virati samādānavirati nāma. Ariyamaggasampayuttā pana virati samucchedavirati nāma, yassā uppattito paṭṭhāya ariyapuggalānaṃ ‘‘pāṇaṃ ghātessāmā’’ti cittampi na uppajjati. Tāsu samādānavirati idhādhippetā.

    อารมฺมณโต ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิฯ วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ วิรติ นาม โหติฯ ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมโคฺค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเยว เอเต กุสลธมฺมา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺติฯ เวทนโต สพฺพาปิ สุขเวทนาวฯ

    Ārammaṇato pāṇātipātādīnaṃ ārammaṇāneva etesaṃ ārammaṇāni. Vītikkamitabbatoyeva hi virati nāma hoti. Yathā pana nibbānārammaṇo ariyamaggo kilese pajahati, evaṃ jīvitindriyādiārammaṇāyeva ete kusaladhammā pāṇātipātādīni dussīlyāni pajahanti. Vedanato sabbāpi sukhavedanāva.

    มูลโต ญาณสมฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลา โหนฺติ, ญาณวิปฺปยุตฺตจิเตฺตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสวเสน ทฺวิมูลาฯ กมฺมโต มุสาวาทา เวรมณิ วจีกมฺมํ , เสสา กายกมฺมํฯ สมาทานโต อญฺญสฺส ครุฎฺฐานิยสฺส สนฺติเก ตํ อลภเนฺตน สยเมว วา ปญฺจ สีลานิ เอกชฺฌํ ปาฎิเยกฺกํ วา สมาทิยเนฺตน สมาทินฺนานิ โหนฺติฯ เภทโต คหฎฺฐานํ ยํ ยํ วีติกฺกนฺตํ, ตํ ตเทว ภิชฺชติ, อิตรํ น ภิชฺชติฯ กสฺมา? คหฎฺฐา หิ อนิพทฺธสีลา โหนฺติ, ยํ ยํ สโกฺกนฺติ, ตํ ตเทว รกฺขนฺติฯ ปพฺพชิตานํ ปน เอกสฺมิํ วีติกฺกเนฺต สพฺพานิ ภิชฺชนฺตีติฯ

    Mūlato ñāṇasampayuttacittena viramantassa alobhaadosaamohavasena timūlā honti, ñāṇavippayuttacittena viramantassa alobhaadosavasena dvimūlā. Kammato musāvādā veramaṇi vacīkammaṃ , sesā kāyakammaṃ. Samādānato aññassa garuṭṭhāniyassa santike taṃ alabhantena sayameva vā pañca sīlāni ekajjhaṃ pāṭiyekkaṃ vā samādiyantena samādinnāni honti. Bhedato gahaṭṭhānaṃ yaṃ yaṃ vītikkantaṃ, taṃ tadeva bhijjati, itaraṃ na bhijjati. Kasmā? Gahaṭṭhā hi anibaddhasīlā honti, yaṃ yaṃ sakkonti, taṃ tadeva rakkhanti. Pabbajitānaṃ pana ekasmiṃ vītikkante sabbāni bhijjantīti.

    ผลโตติ ปาณาติปาตา เวรมณิยา เจตฺถ องฺคปจฺจงฺคสมฺปนฺนตา, อาโรหปริณาหสมฺปตฺติ, ชวนสมฺปตฺติ, สุปฺปติฎฺฐิตปาทตา, จารุตา, มุทุตา, สุจิตา, สูรตา, มหพฺพลตา, วิสฺสฎฺฐวจนตา, สตฺตานํ ปิยมนาปตา, อภิชฺชปริสตา, อจฺฉมฺภิตา, ทุปฺปธํสิยตา, ปรูปกฺกเมน อมรณตา, มหาปริวารตา, สุวณฺณตา, สุสณฺฐานตา, อปฺปาพาธตา, อโสกตา, ปิยมนาเปหิ อวิปฺปโยโค, ทีฆายุกตาติ เอวมาทีนิ ผลานิฯ

    Phalatoti pāṇātipātā veramaṇiyā cettha aṅgapaccaṅgasampannatā, ārohapariṇāhasampatti, javanasampatti, suppatiṭṭhitapādatā, cārutā, mudutā, sucitā, sūratā, mahabbalatā, vissaṭṭhavacanatā, sattānaṃ piyamanāpatā, abhijjaparisatā, acchambhitā, duppadhaṃsiyatā, parūpakkamena amaraṇatā, mahāparivāratā, suvaṇṇatā, susaṇṭhānatā, appābādhatā, asokatā, piyamanāpehi avippayogo, dīghāyukatāti evamādīni phalāni.

    อทินฺนาทานา เวรมณิยา มหาธนธญฺญตา, อนนฺตโภคตา, ถิรโภคตา, อิจฺฉิตานํ โภคานํ ขิปฺปํ ปฎิลาโภ, ราชาทีหิ อสาธารณโภคตา, อุฬารโภคตา, ตตฺถ ตตฺถ เชฎฺฐกภาโว, นตฺถิภาวสฺส อชานนตา, สุขวิหาริตาติ เอวมาทีนิฯ

    Adinnādānā veramaṇiyā mahādhanadhaññatā, anantabhogatā, thirabhogatā, icchitānaṃ bhogānaṃ khippaṃ paṭilābho, rājādīhi asādhāraṇabhogatā, uḷārabhogatā, tattha tattha jeṭṭhakabhāvo, natthibhāvassa ajānanatā, sukhavihāritāti evamādīni.

    อพฺรหฺมจริยา เวรมณิยา วิคตปจฺจตฺถิกตา, สพฺพสตฺตานํ ปิยมนาปตา, อนฺนปานวตฺถจฺฉาทนาทีนํ ลาภิตา, สุขสุปนตา, สุขปฎิพุชฺฌนตา, อปายภยวิโมโกฺข, อิตฺถิภาวนปุํสกภาวานํ อภพฺพตา, อโกฺกธนตา, สจฺจการิตา, อมงฺกุตา, อาราธนสุขตา, ปริปุณฺณินฺทฺริยตา, ปริปุณฺณลกฺขณตา, นิราสงฺกตา, อโปฺปสฺสุกฺกตา, สุขวิหาริตา, อกุโตภยตา, ปิยวิปฺปโยคาภาโวติ เอวมาทีนิฯ ยสฺมา ปน มิจฺฉาจาราเวรมณิยา ผลานิปิ เอเตฺถว อโนฺตคธานิ, ตสฺมา (อพฺรหฺมจริยา เวรมณิยา)ฯ

    Abrahmacariyā veramaṇiyā vigatapaccatthikatā, sabbasattānaṃ piyamanāpatā, annapānavatthacchādanādīnaṃ lābhitā, sukhasupanatā, sukhapaṭibujjhanatā, apāyabhayavimokkho, itthibhāvanapuṃsakabhāvānaṃ abhabbatā, akkodhanatā, saccakāritā, amaṅkutā, ārādhanasukhatā, paripuṇṇindriyatā, paripuṇṇalakkhaṇatā, nirāsaṅkatā, appossukkatā, sukhavihāritā, akutobhayatā, piyavippayogābhāvoti evamādīni. Yasmā pana micchācārāveramaṇiyā phalānipi ettheva antogadhāni, tasmā (abrahmacariyā veramaṇiyā).

    มุสาวาทา เวรมณิยา วิปฺปสนฺนินฺทฺริยตา, วิสฺสฎฺฐมธุรภาณิตา, สมสิตสุทฺธทนฺตตา, นาติถูลตา, นาติกิสตา, นาติรสฺสตา, นาติทีฆตา, สุขสมฺผสฺสตา, อุปฺปลคนฺธมุขตา, สุสฺสูสกปริสตา, อาเทยฺยวจนตา, กมลทลสทิสมุทุโลหิตตนุชิวฺหตา, อลีนตา, อนุทฺธตตาติ เอวมาทีนิฯ

    Musāvādā veramaṇiyā vippasannindriyatā, vissaṭṭhamadhurabhāṇitā, samasitasuddhadantatā, nātithūlatā, nātikisatā, nātirassatā, nātidīghatā, sukhasamphassatā, uppalagandhamukhatā, sussūsakaparisatā, ādeyyavacanatā, kamaladalasadisamudulohitatanujivhatā, alīnatā, anuddhatatāti evamādīni.

    สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา เวรมณิยา อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อปฺปมาทตา, ญาณวนฺตตา, สทา อุปฎฺฐิตสฺสติตา, อุปฺปเนฺนสุ กิจฺจกรณีเยสุ ฐานุปฺปตฺติกปฎิภานวนฺตตา , อนลสตา, อชฬตา, อนุมฺมตฺตตา, อจฺฉมฺภิตา, อสารมฺภิตา, อนิสฺสุกิตา, อมจฺฉริตา, สจฺจวาทิตา, อปิสุณอผรุสอสมฺผปฺปลาปวาทิตา, กตญฺญุตา , กตเวทิตา, จาควนฺตตา, สีลวนฺตตา, อุชุกตา, อโกฺกธนตา, หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนตา , อุชุทิฎฺฐิตา, มหนฺตตา, ปณฺฑิตตา, อตฺถานตฺถกุสลตาติ เอวมาทีนิ ผลานิฯ เอวเมตฺถ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีนมฺปิ สภาวาทิโต วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ

    Surāmerayamajjapamādaṭṭhānā veramaṇiyā atītānāgatapaccuppannesu kiccakaraṇīyesu appamādatā, ñāṇavantatā, sadā upaṭṭhitassatitā, uppannesu kiccakaraṇīyesu ṭhānuppattikapaṭibhānavantatā , analasatā, ajaḷatā, anummattatā, acchambhitā, asārambhitā, anissukitā, amaccharitā, saccavāditā, apisuṇaapharusaasamphappalāpavāditā, kataññutā , kataveditā, cāgavantatā, sīlavantatā, ujukatā, akkodhanatā, hirottappasampannatā , ujudiṭṭhitā, mahantatā, paṇḍitatā, atthānatthakusalatāti evamādīni phalāni. Evamettha pāṇātipātāveramaṇiādīnampi sabhāvādito vinicchayo veditabbo.

    สีลวาติ ยถาวุตฺตปญฺจสีลวเสน สีลวาฯ กลฺยาณธโมฺมติ สุนฺทรธโมฺม, สรณคมนปริทีปิตาย ทิฎฺฐิสมฺปตฺติยา สมฺปนฺนปโญฺญติ อโตฺถฯ โย ปน ปุโตฺต มาตาปิตูสุ อสฺสเทฺธสุ ทุสฺสีเลสุ จ สยมฺปิ ตาทิโส, โสปิ อวชาโตเยวาติ เวทิตโพฺพฯ อสฺสทฺธิยาทโย หิ อิธ อวชาตภาวสฺส ลกฺขณํ วุตฺตา, เต จ ตสฺมิํ สํวิชฺชนฺติฯ มาตาปิตโร ปน อุปาทาย ปุตฺตสฺส อติชาตาทิภาโว วุจฺจตีติฯ

    Sīlavāti yathāvuttapañcasīlavasena sīlavā. Kalyāṇadhammoti sundaradhammo, saraṇagamanaparidīpitāya diṭṭhisampattiyā sampannapaññoti attho. Yo pana putto mātāpitūsu assaddhesu dussīlesu ca sayampi tādiso, sopi avajātoyevāti veditabbo. Assaddhiyādayo hi idha avajātabhāvassa lakkhaṇaṃ vuttā, te ca tasmiṃ saṃvijjanti. Mātāpitaro pana upādāya puttassa atijātādibhāvo vuccatīti.

    โย โหติ กุลคนฺธโนติ กุลเจฺฉทโก กุลวินาสโกฯ เฉทนโตฺถ หิ อิธ คนฺธสโทฺท, ‘‘อุปฺปลคนฺธปจฺจตฺถิกา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๕) วิยฯ เกจิ ปน ‘‘กุลธํสโน’’ติ ปฐนฺติ, โส เอวโตฺถฯ

    Yo hoti kulagandhanoti kulacchedako kulavināsako. Chedanattho hi idha gandhasaddo, ‘‘uppalagandhapaccatthikā’’tiādīsu (pārā. 65) viya. Keci pana ‘‘kuladhaṃsano’’ti paṭhanti, so evattho.

    เอเต โข ปุตฺตา โลกสฺมินฺติ เอเต อติชาตาทโย ตโย ปุตฺตา เอว อิมสฺมิํ สตฺตโลเก ปุตฺตา นาม, น อิโต วินิมุตฺตา อตฺถิฯ อิเมสุ ปน เย ภวนฺติ อุปาสกา เย สรณคมนสมฺปตฺติยา อุปาสกา ภวนฺติ กมฺมสฺสกตาญาเณน กมฺมสฺส โกวิทา, เต จ ปณฺฑิตา ปญฺญวโนฺต, ปญฺจสีลทสสีเลน สมฺปนฺนา ปริปุณฺณาฯ ยาจกานํ วจนํ ชานนฺติ, เตสํ มุขาการทสฺสเนเนว อธิปฺปายปูรณโตติ วทญฺญู, เตสํ วา ‘‘เทหี’’ติ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิเม ปุเพฺพ ทานํ อทตฺวา เอวํภูตา, มยา ปน เอวํ น ภวิตพฺพ’’นฺติ เตสํ ปริจฺจาเคน ตทตฺถํ ชานนฺตีติ วทญฺญู, ปณฺฑิตานํ วา กมฺมสฺสกตาทิทีปกํ วจนํ ชานนฺตีติ วทญฺญูฯ ‘‘ปทญฺญู’’ติ จ ปฐนฺติ, ปทานิยา ปริจฺจาคสีลาติ อโตฺถฯ ตโต เอว วิคตมเจฺฉรมลตฺตา วีตมจฺฉราฯ อพฺภฆนาติ อพฺภสงฺขาตา ฆนา, ฆนเมฆปฎลา วา มุโตฺต จโนฺทวิย, อุปาสกาทิปริสาสุ ขตฺติยาทิปริสาสุ จ วิโรจเร วิโรจนฺติ, โสภนฺตีติ อโตฺถฯ

    Ete kho puttā lokasminti ete atijātādayo tayo puttā eva imasmiṃ sattaloke puttā nāma, na ito vinimuttā atthi. Imesu pana ye bhavanti upāsakā ye saraṇagamanasampattiyā upāsakā bhavanti kammassakatāñāṇena kammassa kovidā, te ca paṇḍitā paññavanto, pañcasīladasasīlena sampannā paripuṇṇā. Yācakānaṃ vacanaṃ jānanti, tesaṃ mukhākāradassaneneva adhippāyapūraṇatoti vadaññū, tesaṃ vā ‘‘dehī’’ti vacanaṃ sutvā ‘‘ime pubbe dānaṃ adatvā evaṃbhūtā, mayā pana evaṃ na bhavitabba’’nti tesaṃ pariccāgena tadatthaṃ jānantīti vadaññū, paṇḍitānaṃ vā kammassakatādidīpakaṃ vacanaṃ jānantīti vadaññū. ‘‘Padaññū’’ti ca paṭhanti, padāniyā pariccāgasīlāti attho. Tato eva vigatamaccheramalattā vītamaccharā. Abbhaghanāti abbhasaṅkhātā ghanā, ghanameghapaṭalā vā mutto candoviya, upāsakādiparisāsu khattiyādiparisāsu ca virocare virocanti, sobhantīti attho.

    ปญฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๕. ปุตฺตสุตฺตํ • 5. Puttasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact