Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๙๘] ๘. ราธชาตกวณฺณนา
[198] 8. Rādhajātakavaṇṇanā
ปวาสา อาคโต ตาตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺฐิโต’’ติ ปุโฎฺฐ ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วตฺวา ‘‘กิํการณา’’ติ วุเตฺต ‘‘เอกํ อลงฺกตอิตฺถิํ ทิสฺวา กิเลสวเสนา’’ติ อาหฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘มาตุคาโม นาม ภิกฺขุ น สกฺกา รกฺขิตุํ, ปุเพฺพปิ โทวาริเก ฐเปตฺวา รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ น สกฺขิํสุ, กิํ เต อิตฺถิยา, ลทฺธาปิ สา รกฺขิตุํ น สกฺกา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Pavāsāāgato tātāti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ ukkaṇṭhitabhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira satthārā ‘‘saccaṃ kira, tvaṃ bhikkhu, ukkaṇṭhito’’ti puṭṭho ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vatvā ‘‘kiṃkāraṇā’’ti vutte ‘‘ekaṃ alaṅkataitthiṃ disvā kilesavasenā’’ti āha. Atha naṃ satthā ‘‘mātugāmo nāma bhikkhu na sakkā rakkhituṃ, pubbepi dovārike ṭhapetvā rakkhantāpi rakkhituṃ na sakkhiṃsu, kiṃ te itthiyā, laddhāpi sā rakkhituṃ na sakkā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สุวโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ‘‘ราโธ’’ติสฺส นามํ, กนิฎฺฐภาตา ปนสฺส โปฎฺฐปาโท นามฯ เต อุโภปิ ตรุณกาเลเยว เอโก ลุทฺทโก คเหตฺวา พาราณสิยํ อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส อทาสิ, พฺราหฺมโณ เต ปุตฺตฎฺฐาเน ฐเปตฺวา ปฎิชคฺคิฯ พฺราหฺมณสฺส ปน พฺราหฺมณี อรกฺขิตา ทุสฺสีลาฯ โส โวหารกรณตฺถาย คจฺฉโนฺต เต สุวโปตเก อามเนฺตตฺวา ‘‘ตาตา, อหํ โวหารกรณตฺถาย คจฺฉามิ, กาเล วา วิกาเล วา ตุมฺหากํ มาตุ กรณกมฺมํ โอโลเกยฺยาถ, อญฺญสฺส ปุริสสฺส คมนภาวํ วา อคมนภาวํ วา ชาเนยฺยาถา’’ติ พฺราหฺมณิํ สุวโปตกานํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา อคมาสิฯ สา ตสฺส นิกฺขนฺตกาลโต ปฎฺฐาย อนาจารํ จริ, รตฺติมฺปิ ทิวาปิ อาคจฺฉนฺตานญฺจ คจฺฉนฺตานญฺจ ปมาณํ นตฺถิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto suvayoniyaṃ nibbatti, ‘‘rādho’’tissa nāmaṃ, kaniṭṭhabhātā panassa poṭṭhapādo nāma. Te ubhopi taruṇakāleyeva eko luddako gahetvā bārāṇasiyaṃ aññatarassa brāhmaṇassa adāsi, brāhmaṇo te puttaṭṭhāne ṭhapetvā paṭijaggi. Brāhmaṇassa pana brāhmaṇī arakkhitā dussīlā. So vohārakaraṇatthāya gacchanto te suvapotake āmantetvā ‘‘tātā, ahaṃ vohārakaraṇatthāya gacchāmi, kāle vā vikāle vā tumhākaṃ mātu karaṇakammaṃ olokeyyātha, aññassa purisassa gamanabhāvaṃ vā agamanabhāvaṃ vā jāneyyāthā’’ti brāhmaṇiṃ suvapotakānaṃ paṭicchāpetvā agamāsi. Sā tassa nikkhantakālato paṭṭhāya anācāraṃ cari, rattimpi divāpi āgacchantānañca gacchantānañca pamāṇaṃ natthi.
ตํ ทิสฺวา โปฎฺฐปาโท ราธํ ปุจฺฉิ – ‘‘พฺราหฺมโณ อิมํ พฺราหฺมณิํ อมฺหากํ นิยฺยาเทตฺวา คโต, อยญฺจ ปาปกมฺมํ กโรติ, วทามิ น’’นฺติฯ ราโธ ‘‘มา วทาหี’’ติ อาหฯ โส ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อมฺม, กิํการณา ปาปกมฺมํ กโรสี’’ติ อาหฯ สา ตํ มาเรตุกามา หุตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ นาม มยฺหํ ปุโตฺต, อิโต ปฎฺฐาย น กริสฺสามิ, เอหิ, ตาต, ตาวา’’ติ ปิยายมานา วิย ปโกฺกสิตฺวา อาคตํ คเหตฺวา ‘‘ตฺวํ มํ โอวทสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสี’’ติ คีวํ ปริวเตฺตตฺวา มาเรตฺวา อุทฺธนนฺตเรสุ ปกฺขิปิฯ พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา วิสฺสมิตฺวา โพธิสตฺตํ ‘‘กิํ, ตาต ราธ, มาตา เต อนาจารํ กโรติ, น กโรตี’’ติ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Taṃ disvā poṭṭhapādo rādhaṃ pucchi – ‘‘brāhmaṇo imaṃ brāhmaṇiṃ amhākaṃ niyyādetvā gato, ayañca pāpakammaṃ karoti, vadāmi na’’nti. Rādho ‘‘mā vadāhī’’ti āha. So tassa vacanaṃ aggahetvā ‘‘amma, kiṃkāraṇā pāpakammaṃ karosī’’ti āha. Sā taṃ māretukāmā hutvā ‘‘tāta, tvaṃ nāma mayhaṃ putto, ito paṭṭhāya na karissāmi, ehi, tāta, tāvā’’ti piyāyamānā viya pakkositvā āgataṃ gahetvā ‘‘tvaṃ maṃ ovadasi, attano pamāṇaṃ na jānāsī’’ti gīvaṃ parivattetvā māretvā uddhanantaresu pakkhipi. Brāhmaṇo āgantvā vissamitvā bodhisattaṃ ‘‘kiṃ, tāta rādha, mātā te anācāraṃ karoti, na karotī’’ti pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๙๕.
95.
‘‘ปวาสา อาคโต ตาต, อิทานิ นจิราคโต;
‘‘Pavāsā āgato tāta, idāni nacirāgato;
กจฺจินฺนุ ตาต เต มาตา, น อญฺญมุปเสวตี’’ติฯ
Kaccinnu tāta te mātā, na aññamupasevatī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – อหํ, ตาต ราธ, ปวาสา อาคโต, โส จมฺหิ อิทาเนว อาคโต นจิราคโต, เตน ปวตฺติํ อชานโนฺต ตํ ปุจฺฉามิ – ‘‘กจฺจิ นุ เต, ตาต, มาตา อญฺญํ ปุริสํ น อุปเสวตี’’ติฯ
Tassattho – ahaṃ, tāta rādha, pavāsā āgato, so camhi idāneva āgato nacirāgato, tena pavattiṃ ajānanto taṃ pucchāmi – ‘‘kacci nu te, tāta, mātā aññaṃ purisaṃ na upasevatī’’ti.
ราโธ ‘‘ตาต, ปณฺฑิตา นาม ภูตํ วา อภูตํ วา อนิยฺยานิกํ นาม น กเถสุ’’นฺติ ญาเปโนฺต ทุติยํ คาถมาห –
Rādho ‘‘tāta, paṇḍitā nāma bhūtaṃ vā abhūtaṃ vā aniyyānikaṃ nāma na kathesu’’nti ñāpento dutiyaṃ gāthamāha –
๙๖.
96.
‘‘น โข ปเนตํ สุภณํ, คิรํ สจฺจุปสํหิตํ;
‘‘Na kho panetaṃ subhaṇaṃ, giraṃ saccupasaṃhitaṃ;
สเยถ โปฎฺฐปาโทว, มุมฺมุเร อุปกูถิโต’’ติฯ
Sayetha poṭṭhapādova, mummure upakūthito’’ti.
ตตฺถ คิรนฺติ วจนํฯ ตญฺหิ ยถา อิทานิ คิรา, เอวํ ตทา ‘‘คิร’’นฺติ วุจฺจติ, โส สุวโปตโก ลิงฺคํ อนาทิยิตฺวา เอวมาหฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ – ตาต, ปณฺฑิเตน นาม สจฺจุปสํหิตํ ยถาภูตํ อตฺถยุตฺตํ สภาววจนมฺปิ อนิยฺยานิกํ น สุภณํฯ อนิยฺยานิกญฺจ สจฺจํ ภณโนฺต สเยถ โปฎฺฐปาโทว, มุมฺมุเร อุปกูถิโต, ยถา โปฎฺฐปาโท กุกฺกุเฬ ฌาโม สยติ, เอวํ สเยยฺยาติฯ ‘‘อุปกูธิโต’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ
Tattha giranti vacanaṃ. Tañhi yathā idāni girā, evaṃ tadā ‘‘gira’’nti vuccati, so suvapotako liṅgaṃ anādiyitvā evamāha. Ayaṃ panettha attho – tāta, paṇḍitena nāma saccupasaṃhitaṃ yathābhūtaṃ atthayuttaṃ sabhāvavacanampi aniyyānikaṃ na subhaṇaṃ. Aniyyānikañca saccaṃ bhaṇanto sayetha poṭṭhapādova, mummure upakūthito, yathā poṭṭhapādo kukkuḷe jhāmo sayati, evaṃ sayeyyāti. ‘‘Upakūdhito’’tipi pāṭho, ayamevattho.
เอวํ โพธิสโตฺต พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มยาปิ อิมสฺมิํ ฐาเน วสิตุํ น สกฺกา’’ติ พฺราหฺมณํ อาปุจฺฉิตฺวา อรญฺญเมว ปาวิสิฯ
Evaṃ bodhisatto brāhmaṇassa dhammaṃ desetvā ‘‘mayāpi imasmiṃ ṭhāne vasituṃ na sakkā’’ti brāhmaṇaṃ āpucchitvā araññameva pāvisi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ ‘‘ตทา โปฎฺฐปาโท อานโนฺท อโหสิ, ราโธ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. ‘‘Tadā poṭṭhapādo ānando ahosi, rādho pana ahameva ahosi’’nti.
ราธชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Rādhajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๙๘. ราธชาตกํ • 198. Rādhajātakaṃ