Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา
Rāhulavatthukathāvaṇṇanā
๑๐๕. ราหุลวตฺถุมฺหิ ตเตฺถว วิหริํสูติ สเพฺพปิ เต อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฎฺฐาย อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ รโญฺญ ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส อนาโรเจตฺวาว ตตฺถ วิหริํสุฯ เอกทิวสํ ชาตํ กาฬุทายิํ นาม อมจฺจนฺติ อยํ กิร (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๒๕) ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพโตฺต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถสิฯ โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฎิสนฺธิคฺคหณทิวเส กปิลวตฺถุสฺมิํเยว อมจฺจเคเห ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ ชาตทิวเส โพธิสเตฺตน สทฺธิํเยว ชาโตติ ตํ ทิวสํเยว ทุกูลจุมฺพฎเก นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฎฺฐานตฺถาย นยิํสุฯ โพธิสเตฺตน หิ สทฺธิํ โพธิรุโกฺข ราหุลมาตา จตโสฺส นิธิกุมฺภิโย อาโรหนิยหตฺถี กณฺฑโก ฉโนฺน กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวเส ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํฯ อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาโตติ อุทายีเตฺวว นามํ อกํสุฯ โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายี นาม ชาโตฯ โส โพธิสเตฺตน สทฺธิํ กุมารกีฬํ กีฬโนฺต วุทฺธิํ อคมาสิฯ
105. Rāhulavatthumhi tattheva vihariṃsūti sabbepi te arahattaṃ pattakālato paṭṭhāya ariyā nāma majjhattāva hontīti rañño pahitasāsanaṃ dasabalassa anārocetvāva tattha vihariṃsu. Ekadivasaṃ jātaṃ kāḷudāyiṃ nāma amaccanti ayaṃ kira (a. ni. aṭṭha. 1.1.225) padumuttarabuddhakāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbatto satthu dhammadesanaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ kulappasādakānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā adhikārakammaṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthesi. So yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bodhisattassa mātukucchiyaṃ paṭisandhiggahaṇadivase kapilavatthusmiṃyeva amaccagehe paṭisandhiṃ gaṇhi. Jātadivase bodhisattena saddhiṃyeva jātoti taṃ divasaṃyeva dukūlacumbaṭake nipajjāpetvā bodhisattassa upaṭṭhānatthāya nayiṃsu. Bodhisattena hi saddhiṃ bodhirukkho rāhulamātā catasso nidhikumbhiyo ārohaniyahatthī kaṇḍako channo kāḷudāyīti ime satta ekadivase jātattā sahajātā nāma ahesuṃ. Athassa nāmaggahaṇadivase sakalanagarassa udaggacittadivase jātoti udāyītveva nāmaṃ akaṃsu. Thokaṃ kāḷadhātukattā pana kāḷudāyī nāma jāto. So bodhisattena saddhiṃ kumārakīḷaṃ kīḷanto vuddhiṃ agamāsi.
สฎฺฐิมตฺตาหิ คาถาหีติ –
Saṭṭhimattāhigāthāhīti –
‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทเนฺต;
‘‘Aṅgārino dāni dumā bhadante;
ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;
Phalesino chadanaṃ vippahāya;
เต อจฺจิมโนฺตว ปภาสยนฺติ;
Te accimantova pabhāsayanti;
สมโย มหาวีร ภาคีรสานํฯ (เถรคา. ๕๒๗)
Samayo mahāvīra bhāgīrasānaṃ. (theragā. 527)
‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;
‘‘Nātisītaṃ nātiuṇhaṃ, nātidubbhikkhachātakaṃ;
สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติฯ –
Saddalā haritā bhūmi, esa kālo mahāmunī’’ti. –
อาทิกาหิ สฎฺฐิมตฺตาหิ คาถาหิฯ ‘‘โปกฺขรวสฺสนฺติ โปกฺขรปตฺตวณฺณมุทก’’นฺติ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ โปกฺขรปตฺตปฺปมาณํ มเชฺฌ อุฎฺฐหิตฺวา อนุกฺกเมน สตปฎลํ สหสฺสปฎลํ หุตฺวา วสฺสนกวสฺสนฺติปิ วทนฺติฯ ตสฺมิํ กิร วสฺสเนฺต เตเมตุกามาว เตเมนฺติ, น อิตเรฯ เอโกปิ ราชา วา…เป.… คโต นตฺถีติ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปกฺกเนฺตสุ ญาตีสุ เอโกปิ ราชา วา ราชมหามโตฺต วา ‘‘เสฺว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมเนฺตตฺวา คโต นตฺถิฯ ปิตาปิสฺส สุโทฺธทนมหาราชา ‘‘มยฺหํ ปุโตฺต มม เคหํ อนาคนฺตฺวา กหํ คมิสฺสตี’’ติ อนิมเนฺตตฺวาว อคมาสิ, คนฺตฺวา ปน เคเห วีสติยา ภิกฺขุสหสฺสานํ ยาคุอาทีนิ ปฎิยาทาเปตฺวา อาสนานิ ปญฺญาเปสิฯ
Ādikāhi saṭṭhimattāhi gāthāhi. ‘‘Pokkharavassanti pokkharapattavaṇṇamudaka’’nti gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Pokkharapattappamāṇaṃ majjhe uṭṭhahitvā anukkamena satapaṭalaṃ sahassapaṭalaṃ hutvā vassanakavassantipi vadanti. Tasmiṃ kira vassante temetukāmāva tementi, na itare. Ekopi rājā vā…pe… gato natthīti dhammadesanaṃ sutvā pakkantesu ñātīsu ekopi rājā vā rājamahāmatto vā ‘‘sve amhākaṃ bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti nimantetvā gato natthi. Pitāpissa suddhodanamahārājā ‘‘mayhaṃ putto mama gehaṃ anāgantvā kahaṃ gamissatī’’ti animantetvāva agamāsi, gantvā pana gehe vīsatiyā bhikkhusahassānaṃ yāguādīni paṭiyādāpetvā āsanāni paññāpesi.
กุลนคเรติ ญาติกุลสฺส นคเรฯ อุณฺหีสโต ปฎฺฐายาติ สีสโต ปฎฺฐายฯ อุณฺหีสนฺติ หิ อุณฺหีสสทิสตฺตา ภควโต ปริปุณฺณนลาฎสฺส ปริปุณฺณสีสสฺส จ เอตํ อธิวจนํฯ ภควโต หิ ทกฺขิณกณฺณจูฬิกโต ปฎฺฐาย มํสปฎลํ อุฎฺฐหิตฺวา สกลนลาฎํ ฉาทยมานํ ปูรยมานํ คนฺตฺวา วามกณฺณจูฬิกาย ปติฎฺฐิตํ สณฺหตมตาย สุวณฺณวณฺณตาย ปภสฺสรตาย ปริปุณฺณตาย จ รโญฺญ พทฺธอุณฺหีสปโฎฺฎ วิย วิโรจติฯ ภควโต กิร อิมํ ลกฺขณํ ทิสฺวา ราชูนํ อุณฺหีสปฎฺฎํ อกํสุฯ อเญฺญ ปน ชนา อปริปุณฺณสีสา โหนฺติ, เกจิ กปฺปสีสา, เกจิ ผลสีสา, เกจิ อฎฺฐิสีสา, เกจิ ตุมฺพสีสา, เกจิ กุมฺภสีสา, เกจิ ปพฺภารสีสา, ภควโต ปน อารเคฺคน วเฎฺฎตฺวา ฐปิตํ วิย สุปริปุณฺณํ อุทกปุพฺพุฬสทิสมฺปิ โหติฯ เตเนว อุณฺหีสเวฐิตสีสสทิสตฺตา อุณฺหีสํ วิย สพฺพตฺถ ปริมณฺฑลสีสตฺตา จ อุณฺหีสสีโสติ ภควา วุจฺจติฯ
Kulanagareti ñātikulassa nagare. Uṇhīsato paṭṭhāyāti sīsato paṭṭhāya. Uṇhīsanti hi uṇhīsasadisattā bhagavato paripuṇṇanalāṭassa paripuṇṇasīsassa ca etaṃ adhivacanaṃ. Bhagavato hi dakkhiṇakaṇṇacūḷikato paṭṭhāya maṃsapaṭalaṃ uṭṭhahitvā sakalanalāṭaṃ chādayamānaṃ pūrayamānaṃ gantvā vāmakaṇṇacūḷikāya patiṭṭhitaṃ saṇhatamatāya suvaṇṇavaṇṇatāya pabhassaratāya paripuṇṇatāya ca rañño baddhauṇhīsapaṭṭo viya virocati. Bhagavato kira imaṃ lakkhaṇaṃ disvā rājūnaṃ uṇhīsapaṭṭaṃ akaṃsu. Aññe pana janā aparipuṇṇasīsā honti, keci kappasīsā, keci phalasīsā, keci aṭṭhisīsā, keci tumbasīsā, keci kumbhasīsā, keci pabbhārasīsā, bhagavato pana āraggena vaṭṭetvā ṭhapitaṃ viya suparipuṇṇaṃ udakapubbuḷasadisampi hoti. Teneva uṇhīsaveṭhitasīsasadisattā uṇhīsaṃ viya sabbattha parimaṇḍalasīsattā ca uṇhīsasīsoti bhagavā vuccati.
นรสีหคาถาหิ นาม อฎฺฐหิ คาถาหีติ –
Narasīhagāthāhināma aṭṭhahi gāthāhīti –
‘‘สินิทฺธนีลมุทุกุญฺจิตเกโส;
‘‘Siniddhanīlamudukuñcitakeso;
สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฎ;
Sūriyanimmalatalābhinalāṭo;
ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส;
Yuttatuṅgamudukāyatanāso;
รํสิชาลวิตโต นรสีโห’’ติฯ (ชา. อฎฺฐ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา; อป. อฎฺฐ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –
Raṃsijālavitato narasīho’’ti. (jā. aṭṭha. 1.santikenidānakathā; apa. aṭṭha. 1.santikenidānakathā) –
เอวมาทิกาหิ อฎฺฐหิ คาถาหิฯ คณฺฐิปเทสุ ปน –
Evamādikāhi aṭṭhahi gāthāhi. Gaṇṭhipadesu pana –
‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท;
‘‘Cakkavaraṅkitarattasupādo;
ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;
Lakkhaṇamaṇḍitaāyatapaṇhi;
จามรฉตฺตวิภูสิตปาโท;
Cāmarachattavibhūsitapādo;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ
Esa hi tuyha pitā narasīho.
‘‘สกฺยกุมารวโร สุขุมาโล;
‘‘Sakyakumāravaro sukhumālo;
ลกฺขณจิตฺติกปุณฺณสรีโร;
Lakkhaṇacittikapuṇṇasarīro;
โลกหิตาย คโต นรวีโร;
Lokahitāya gato naravīro;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ
Esa hi tuyha pitā narasīho.
‘‘ปุณฺณสสงฺกนิโภ มุขวโณฺณ;
‘‘Puṇṇasasaṅkanibho mukhavaṇṇo;
เทวนราน ปิโย นรนาโค;
Devanarāna piyo naranāgo;
มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี;
Mattagajindavilāsitagāmī;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ
Esa hi tuyha pitā narasīho.
‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลีโน;
‘‘Khattiyasambhavaaggakulīno;
เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;
Devamanussanamassitapādo;
สีลสมาธิปติฎฺฐิตจิโตฺต;
Sīlasamādhipatiṭṭhitacitto;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ
Esa hi tuyha pitā narasīho.
‘‘อายตยุตฺตสุสณฺฐิตนาโส;
‘‘Āyatayuttasusaṇṭhitanāso;
โคปขุโม อภินีลสุเนโตฺต;
Gopakhumo abhinīlasunetto;
อินฺทธนูอภินีลภมูโก;
Indadhanūabhinīlabhamūko;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ
Esa hi tuyha pitā narasīho.
‘‘วฎฺฎสุวฎฺฎสุสณฺฐิตคีโว ;
‘‘Vaṭṭasuvaṭṭasusaṇṭhitagīvo ;
สีหหนู มิคราชสรีโร;
Sīhahanū migarājasarīro;
กญฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวโณฺณ;
Kañcanasucchaviuttamavaṇṇo;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ
Esa hi tuyha pitā narasīho.
‘‘สินิทฺธสุคมฺภิรมญฺชุสโฆโส;
‘‘Siniddhasugambhiramañjusaghoso;
หิงฺคุลพนฺธุกรตฺตสุชิโวฺห;
Hiṅgulabandhukarattasujivho;
วีสติวีสติเสตสุทโนฺต;
Vīsativīsatisetasudanto;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ
Esa hi tuyha pitā narasīho.
‘‘อญฺชนวณฺณสุนีลสุเกโส ;
‘‘Añjanavaṇṇasunīlasukeso ;
กญฺจนปฎฺฎวิสุทฺธนลาโฎ;
Kañcanapaṭṭavisuddhanalāṭo;
โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุโณฺณ;
Osadhipaṇḍarasuddhasuuṇṇo;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ
Esa hi tuyha pitā narasīho.
‘‘คจฺฉตินิลปเถ วิย จโนฺท;
‘‘Gacchatinilapathe viya cando;
ตารคณาปริเวฐิตรูโป;
Tāragaṇāpariveṭhitarūpo;
สาวกมชฺฌคโต สมณิโนฺท;
Sāvakamajjhagato samaṇindo;
เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห’’ติฯ (ชา. อฎฺฐ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –
Esa hi tuyha pitā narasīho’’ti. (jā. aṭṭha. 1.santikenidānakathā) –
อิมา นว คาถาโยปิ เอตฺถ ทสฺสิตา, ตา ปน ‘‘อฎฺฐหิ คาถาหี’’ติ วจเนน น สเมนฺติฯ อุณฺหีสโต ปฎฺฐาย ยาว ปาทตลาติ วุตฺตานุกฺกโมปิ ตตฺถ น ทิสฺสติฯ ภิกฺขาย จรตีติ ภิกฺขาจาโรฯ
Imā nava gāthāyopi ettha dassitā, tā pana ‘‘aṭṭhahi gāthāhī’’ti vacanena na samenti. Uṇhīsato paṭṭhāya yāva pādatalāti vuttānukkamopi tattha na dissati. Bhikkhāya caratīti bhikkhācāro.
อุตฺติเฎฺฐติ อุตฺติฎฺฐิตฺวา ปเรสํ ฆรทฺวาเร ฐตฺวา คเหตพฺพปิเณฺฑฯ นปฺปมเชฺฌยฺยาติ ปิณฺฑจาริกวตฺตํ หาเปตฺวา ปณีตโภชนานิ ปริเยสโนฺต อุตฺติเฎฺฐ ปมชฺชติ นาม, สปทานํ ปิณฺฑาย จรโนฺต ปน นปฺปมชฺชติ นาม, เอวํ กโรโนฺต อุตฺติเฎฺฐ นปฺปมเชฺชยฺยฯ ธมฺมนฺติ อเนสนํ ปหาย สปทานํ จรโนฺต ตเมว ภิกฺขาจริยธมฺมํ สุจริตํ จเรฯ สุขํ เสตีติ เทสนามตฺตเมตํ, เอวํ ปเนตํ ภิกฺขาย จริยธมฺมํ จรโนฺต ธมฺมจารี อิธโลเก จ ปรโลเก จ จตูหิปิ อิริยาปเถหิ สุขํ วิหรตีติ อโตฺถฯ
Uttiṭṭheti uttiṭṭhitvā paresaṃ gharadvāre ṭhatvā gahetabbapiṇḍe. Nappamajjheyyāti piṇḍacārikavattaṃ hāpetvā paṇītabhojanāni pariyesanto uttiṭṭhe pamajjati nāma, sapadānaṃ piṇḍāya caranto pana nappamajjati nāma, evaṃ karonto uttiṭṭhe nappamajjeyya. Dhammanti anesanaṃ pahāya sapadānaṃ caranto tameva bhikkhācariyadhammaṃ sucaritaṃ care. Sukhaṃ setīti desanāmattametaṃ, evaṃ panetaṃ bhikkhāya cariyadhammaṃ caranto dhammacārī idhaloke ca paraloke ca catūhipi iriyāpathehi sukhaṃ viharatīti attho.
ทุติยคาถาย น นํ ทุจฺจริตนฺติ เวสิยาทิเภเท อโคจเร จรโนฺต นํ ภิกฺขาจริยธมฺมํ ทุจฺจริตํ จรติ นาม, เอวํ อจริตฺวา ตํ ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเรฯ เสสเมตฺถ วุตฺตตฺถเมวฯ อิมํ ปน ทุติยคาถํ ปิตุ นิเวสนํ คนฺตฺวา อภาสีติ เวทิตพฺพํฯ เตเนว เถรคาถาสํวณฺณนายํ (เถรคา. อฎฺฐ. ๑.๑๕๖ นนฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา) อาจริยธมฺมปาลเตฺถเรน วุตฺตํ ‘‘ทุติยทิวเส ปิณฺฑาย ปวิโฎฺฐ ‘อุตฺติเฎฺฐ นปฺปมเชฺชยฺยา’ติ คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘ธมฺมํ จเร สุจริต’นฺติ คาถาย มหาปชาปติํ โสตาปตฺติผเล ราชานญฺจ สกทาคามิผเล ปติฎฺฐาเปสี’’ติฯ ธมฺมปทฎฺฐกถายมฺปิ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.๑๒ นนฺทเตฺถรวตฺถุ) วุตฺตํ ‘‘ปุนทิวเส ปิณฺฑาย ปวิโฎฺฐ ‘อุตฺติเฎฺฐ นปฺปมเชฺชยฺยา’ติ คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘ธมฺมํ จเร’ติ คาถาย มหาปชาปติํ โสตาปตฺติผเล ราชานญฺจ สกทาคามิผเล ปติฎฺฐาเปสี’’ติฯ
Dutiyagāthāya na naṃ duccaritanti vesiyādibhede agocare caranto naṃ bhikkhācariyadhammaṃ duccaritaṃ carati nāma, evaṃ acaritvā taṃ dhammaṃ care sucaritaṃ, na naṃ duccaritaṃ care. Sesamettha vuttatthameva. Imaṃ pana dutiyagāthaṃ pitu nivesanaṃ gantvā abhāsīti veditabbaṃ. Teneva theragāthāsaṃvaṇṇanāyaṃ (theragā. aṭṭha. 1.156 nandattheragāthāvaṇṇanā) ācariyadhammapālattherena vuttaṃ ‘‘dutiyadivase piṇḍāya paviṭṭho ‘uttiṭṭhe nappamajjeyyā’ti gāthāya pitaraṃ sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā nivesanaṃ gantvā ‘dhammaṃ care sucarita’nti gāthāya mahāpajāpatiṃ sotāpattiphale rājānañca sakadāgāmiphale patiṭṭhāpesī’’ti. Dhammapadaṭṭhakathāyampi (dha. pa. aṭṭha. 1.12 nandattheravatthu) vuttaṃ ‘‘punadivase piṇḍāya paviṭṭho ‘uttiṭṭhe nappamajjeyyā’ti gāthāya pitaraṃ sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā ‘dhammaṃ care’ti gāthāya mahāpajāpatiṃ sotāpattiphale rājānañca sakadāgāmiphale patiṭṭhāpesī’’ti.
ธมฺมปาลชาตกํ สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฎฺฐาสีติ ปุเนกทิวสํ ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสิเนฺนน รญฺญา ‘‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ปุโตฺต เต กาลกโต’ติ อาหฯ อหํ ตสฺสา วจนํ อสทฺทหโนฺต ‘น มยฺหํ ปุโตฺต โพธิํ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ปฎิกฺขิปินฺติ วุเตฺต อิทานิ กถํ สทฺทหิสฺสถ, ปุเพฺพปิ อฎฺฐิกานิ ทเสฺสตฺวา ‘ปุโตฺต เต มโต’ติ วุเตฺต น สทฺทหิตฺถา’’ติ อิมิสฺสา อฎฺฐุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา อนาคามิผเล ปติฎฺฐหิฯ
Dhammapālajātakaṃ sutvā anāgāmiphale patiṭṭhāsīti punekadivasaṃ rājanivesane katapātarāso ekamantaṃ nisinnena raññā ‘‘bhante, tumhākaṃ dukkarakārikakāle ekā devatā maṃ upasaṅkamitvā ‘putto te kālakato’ti āha. Ahaṃ tassā vacanaṃ asaddahanto ‘na mayhaṃ putto bodhiṃ appatvā kālaṃ karotī’ti paṭikkhipinti vutte idāni kathaṃ saddahissatha, pubbepi aṭṭhikāni dassetvā ‘putto te mato’ti vutte na saddahitthā’’ti imissā aṭṭhuppattiyā mahādhammapālajātakaṃ kathesi. Taṃ sutvā rājā anāgāmiphale patiṭṭhahi.
เกสวิสฺสชฺชนนฺติ กุลมริยาทวเสน เกโสโรปนํฯ ปฎฺฎพโนฺธติ ยุวราชปฎฺฎพโนฺธฯ อภินวฆรปฺปเวสนมโห ฆรมงฺคลํ, วิวาหกรณมโห อาวาหมงฺคลํฯ ฉตฺตมงฺคลนฺติ ยุวราชฉตฺตมงฺคลํฯ ชนปทกลฺยาณีติ (อุทา. อฎฺฐ. ๒๒) ชนปทมฺหิ กลฺยาณี อุตฺตมา ฉสรีรโทสรหิตา ปญฺจกลฺยาณสมนฺนาคตาฯ สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬา นาโจฺจทาตาติ อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณํ, อปฺปตฺตา ทิพฺพํ วณฺณํ, ตสฺมา ฉสรีรโทสรหิตาฯ ฉวิกลฺยาณํ มํสกลฺยาณํ นหารุกลฺยาณํ อฎฺฐิกลฺยาณํ วยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปน ปญฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ปญฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา นามฯ ตสฺสา หิ อาคนฺตุโกภาสกิจฺจํ นตฺถิฯ อตฺตโน สรีโรภาเสเนว ทฺวาทสหตฺถฎฺฐาเน อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสามา วา โหติ สุวณฺณสามา วา, อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตาฯ จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา มุขปริโยสานญฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพลสทิสํ โหติ, อยมสฺสา มํสกลฺยาณตาฯ วีสติ ปน นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฎฺฐาเน ลาขารสปูริตานิ วิย มุตฺตฎฺฐาเน ขีรธาราสทิสานิ โหนฺติ, อยมสฺสา นหารุกลฺยาณตาฯ ทฺวตฺติํส ทนฺตา สุผุสิตา สุโธตวชิรปนฺติ วิย ขายนฺติ, อยมสฺสา อฎฺฐิกลฺยาณตาฯ วีสติวสฺสสติกาปิ สมานา โสฬสวสฺสุเทฺทสิกา วิย โหติ นิวลิปลิตา, อยมสฺสา วยกลฺยาณตาฯ อิติ อิเมหิ ปญฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ชนปทกลฺยาณีติ วุจฺจติฯ
Kesavissajjananti kulamariyādavasena kesoropanaṃ. Paṭṭabandhoti yuvarājapaṭṭabandho. Abhinavagharappavesanamaho gharamaṅgalaṃ, vivāhakaraṇamaho āvāhamaṅgalaṃ. Chattamaṅgalanti yuvarājachattamaṅgalaṃ. Janapadakalyāṇīti (udā. aṭṭha. 22) janapadamhi kalyāṇī uttamā chasarīradosarahitā pañcakalyāṇasamannāgatā. Sā hi yasmā nātidīghā nātirassā nātikisā nātithūlā nātikāḷā nāccodātāti atikkantā mānusaṃ vaṇṇaṃ, appattā dibbaṃ vaṇṇaṃ, tasmā chasarīradosarahitā. Chavikalyāṇaṃ maṃsakalyāṇaṃ nahārukalyāṇaṃ aṭṭhikalyāṇaṃ vayakalyāṇanti imehi pana pañcahi kalyāṇehi samannāgatattā pañcakalyāṇasamannāgatā nāma. Tassā hi āgantukobhāsakiccaṃ natthi. Attano sarīrobhāseneva dvādasahatthaṭṭhāne ālokaṃ karoti, piyaṅgusāmā vā hoti suvaṇṇasāmā vā, ayamassā chavikalyāṇatā. Cattāro panassā hatthapādā mukhapariyosānañca lākhārasaparikammakataṃ viya rattapavāḷarattakambalasadisaṃ hoti, ayamassā maṃsakalyāṇatā. Vīsati pana nakhapattāni maṃsato amuttaṭṭhāne lākhārasapūritāni viya muttaṭṭhāne khīradhārāsadisāni honti, ayamassā nahārukalyāṇatā. Dvattiṃsa dantā suphusitā sudhotavajirapanti viya khāyanti, ayamassā aṭṭhikalyāṇatā. Vīsativassasatikāpi samānā soḷasavassuddesikā viya hoti nivalipalitā, ayamassā vayakalyāṇatā. Iti imehi pañcahi kalyāṇehi samannāgatattā janapadakalyāṇīti vuccati.
ตุวฎนฺติ สีฆํฯ โสปิ ภควนฺตํ ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหมาโน วิหารํเยว อคมาสีติฯ โส กิร ตถาคเต คารเวน ‘‘ปตฺตํ โว ภเนฺต คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิฯ เอวํ ปน จิเนฺตสิ ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติฯ สตฺถา ตสฺมิมฺปิ ฐาเน น คณฺหิฯ อิตโร ‘‘โสปานปาทมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จิเนฺตสิฯ สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิฯ อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ จิเนฺตสิฯ สตฺถา ตตฺถาปิ น คณฺหิฯ กุมาโร นิวตฺติตุกาโม อรุจิยา คจฺฉโนฺต สตฺถุ คารเวน ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุมฺปิ อสโกฺกโนฺต ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จิเนฺตโนฺต คจฺฉติฯ ชนปทกลฺยาณิยา จ วุตฺตวจนํ ตสฺส หทเย ติริยํ ปติตฺวา วิย ฐิตํฯ นนฺทกุมารญฺหิ อภิเสกมงฺคลํ น ตถา ปีเฬสิ, ยถา ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนํ, เตนสฺส จิตฺตสนฺตาโป พลวา อโหสิฯ อถ นํ ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน นิวตฺติสฺสติ, อิมสฺมิํ ฐาเน นิวตฺติสฺสตี’’ติ จิเนฺตนฺตเมว สตฺถา วิหารํ เนตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติ อาหฯ โส พุทฺธคารเวน ‘‘น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อวตฺวา ‘‘อาม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาหฯ สตฺถา ‘‘เตน หิ นนฺทํ ปพฺพาเชถา’’ติ วตฺวา ปพฺพาเชสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อนิจฺฉมานํเยว ภควา ปพฺพาเชสี’’ติฯ ‘‘สตฺถา กปิลปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสี’’ติ ธมฺมปทฎฺฐกถายํ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.๑๒ นนฺทเตฺถรวตฺถุ) วุตฺตํ, องฺคุตฺตรนิกายฎฺฐกถายํ (อ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๓๐) ปน –
Tuvaṭanti sīghaṃ. Sopi bhagavantaṃ ‘‘pattaṃ gaṇhathā’’ti vattuṃ avisahamāno vihāraṃyeva agamāsīti. So kira tathāgate gāravena ‘‘pattaṃ vo bhante gaṇhathā’’ti vattuṃ nāsakkhi. Evaṃ pana cintesi ‘‘sopānasīse pattaṃ gaṇhissatī’’ti. Satthā tasmimpi ṭhāne na gaṇhi. Itaro ‘‘sopānapādamūle gaṇhissatī’’ti cintesi. Satthā tatthāpi na gaṇhi. Itaro ‘‘rājaṅgaṇe gaṇhissatī’’ti cintesi. Satthā tatthāpi na gaṇhi. Kumāro nivattitukāmo aruciyā gacchanto satthu gāravena ‘‘pattaṃ gaṇhathā’’ti vattumpi asakkonto ‘‘idha gaṇhissati, ettha gaṇhissatī’’ti cintento gacchati. Janapadakalyāṇiyā ca vuttavacanaṃ tassa hadaye tiriyaṃ patitvā viya ṭhitaṃ. Nandakumārañhi abhisekamaṅgalaṃ na tathā pīḷesi, yathā janapadakalyāṇiyā vuttavacanaṃ, tenassa cittasantāpo balavā ahosi. Atha naṃ ‘‘imasmiṃ ṭhāne nivattissati, imasmiṃ ṭhāne nivattissatī’’ti cintentameva satthā vihāraṃ netvā ‘‘pabbajissasi nandā’’ti āha. So buddhagāravena ‘‘na pabbajissāmī’’ti avatvā ‘‘āma pabbajissāmī’’ti āha. Satthā ‘‘tena hi nandaṃ pabbājethā’’ti vatvā pabbājesi. Tena vuttaṃ ‘‘anicchamānaṃyeva bhagavā pabbājesī’’ti. ‘‘Satthā kapilapuraṃ gantvā tatiyadivase nandaṃ pabbājesī’’ti dhammapadaṭṭhakathāyaṃ (dha. pa. aṭṭha. 1.12 nandattheravatthu) vuttaṃ, aṅguttaranikāyaṭṭhakathāyaṃ (a. ni. aṭṭha. 1.1.230) pana –
‘‘มหาสโตฺตปิ สพฺพญฺญุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก โลกานุคฺคหํ กโรโนฺต ราชคหโต กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ปฐมทสฺสเนเนว ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปสิ, ปุนทิวเส ปิตุ นิเวสนํ คนฺตฺวา ราหุลมาตาย โอวาทํ กตฺวา เสสชนสฺสปิ ธมฺมํ กเถสิ, ปุนทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนอาวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตุํ วิหาราภิมุโข ปายาสี’’ติ –
‘‘Mahāsattopi sabbaññutaṃ patvā pavattitavaradhammacakko lokānuggahaṃ karonto rājagahato kapilavatthuṃ gantvā paṭhamadassaneneva pitaraṃ sotāpattiphale patiṭṭhāpesi, punadivase pitu nivesanaṃ gantvā rāhulamātāya ovādaṃ katvā sesajanassapi dhammaṃ kathesi, punadivase nandakumārassa abhisekagehappavesanaāvāhamaṅgalesu vattamānesu tassa nivesanaṃ gantvā kumāraṃ pattaṃ gāhāpetvā pabbājetuṃ vihārābhimukho pāyāsī’’ti –
วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘ภควา กปิลปุรํ อาคนฺตฺวา ทุติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสี’’ติ วุตฺตํ, สพฺพเมฺปตํ อาจริเยน ตํตํภาณกานํ ตถา ตถา อนุสฺสววเสน ปริหริตฺวา อาคตภาวโต ตตฺถ ตตฺถ ตถา ตถา วุตฺตนฺติ นเตฺถตฺถ อาจริยวจเน ปุพฺพาปรวิโรโธฯ
Vuttaṃ, idha pana ‘‘bhagavā kapilapuraṃ āgantvā dutiyadivase nandaṃ pabbājesī’’ti vuttaṃ, sabbampetaṃ ācariyena taṃtaṃbhāṇakānaṃ tathā tathā anussavavasena pariharitvā āgatabhāvato tattha tattha tathā tathā vuttanti natthettha ācariyavacane pubbāparavirodho.
พฺรหฺมรูปวณฺณนฺติ พฺรหฺมรูปสมานรูปํฯ ตฺยสฺสาติ เต อสฺสฯ วฎฺฎานุคตนฺติ วฎฺฎปริยาปนฺนํฯ สวิฆาตนฺติ ทุกฺขสหิตตฺตา สวิฆาตํ, สทุกฺขนฺติ อโตฺถฯ สตฺตวิธํ อริยธนนฺติ –
Brahmarūpavaṇṇanti brahmarūpasamānarūpaṃ. Tyassāti te assa. Vaṭṭānugatanti vaṭṭapariyāpannaṃ. Savighātanti dukkhasahitattā savighātaṃ, sadukkhanti attho. Sattavidhaṃ ariyadhananti –
‘‘สทฺธาธนํ สีลธนํ, หิริโอตฺตปฺปิยํ ธนํ;
‘‘Saddhādhanaṃ sīladhanaṃ, hiriottappiyaṃ dhanaṃ;
สุตธนญฺจ จาโค จ, ปญฺญา เว สตฺตมํ ธน’’นฺติฯ (อ. นิ. ๗.๕-๖) –
Sutadhanañca cāgo ca, paññā ve sattamaṃ dhana’’nti. (a. ni. 7.5-6) –
เอวํ วุตฺตํ สตฺตวิธํ อริยธนํฯ อุญฺฉาจริยายาติ ภิกฺขาจริยายฯ ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชมาโน สกลสรีรํ โขเภตฺวา อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ ติฎฺฐตีติ อาห ‘‘ปุตฺตเปมํ ภเนฺต…เป.… อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ ติฎฺฐตี’’ติฯ ปุตฺตสิเนโห หิ พลวภาวโต สหชาตปีติเวคสฺส สวิปฺผารตาย ตํสมุฎฺฐานรูปธเมฺมหิ ผรณวเสน สกลสรีรํ อาโลเฬตฺวา อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ ติฎฺฐติฯ ยตฺร หิ นามาติ โย นามฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวฯ
Evaṃ vuttaṃ sattavidhaṃ ariyadhanaṃ. Uñchācariyāyāti bhikkhācariyāya. Puttasineho uppajjamāno sakalasarīraṃ khobhetvā aṭṭhimiñjaṃ āhacca tiṭṭhatīti āha ‘‘puttapemaṃ bhante…pe… aṭṭhimiñjaṃ āhacca tiṭṭhatī’’ti. Puttasineho hi balavabhāvato sahajātapītivegassa savipphāratāya taṃsamuṭṭhānarūpadhammehi pharaṇavasena sakalasarīraṃ āloḷetvā aṭṭhimiñjaṃ āhacca tiṭṭhati. Yatra hi nāmāti yo nāma. Sesamettha uttānameva.
ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rāhulavatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๔๑. ราหุลวตฺถุ • 41. Rāhulavatthu
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ราหุลวตฺถุกถา • Rāhulavatthukathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา • Rāhulavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา • Rāhulavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔๑. ราหุลวตฺถุกถา • 41. Rāhulavatthukathā