Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา

    Rāhulavatthukathāvaṇṇanā

    ๑๐๕. ‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทเนฺต’’ติอาทีหิ (เถรคา. ๕๒๗) สฎฺฐิมตฺตาหิฯ ทเสฺสหิ อิติ มํ อาณาเปสิฯ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาหริตโพฺพฯ โปกฺขรวสฺสนฺติ โปกฺขรปตฺตวณฺณํ อุทกํ, ตมฺหิ วสฺสเนฺต เตมิตุกามาว เตเมนฺติฯ อุณฺหีสโต ปฎฺฐายาติ มุทฺธโต ปฎฺฐายฯ

    105. ‘‘Aṅgārino dāni dumā bhadante’’tiādīhi (theragā. 527) saṭṭhimattāhi. Dassehi iti maṃ āṇāpesi. Ettha iti-saddo āharitabbo. Pokkharavassanti pokkharapattavaṇṇaṃ udakaṃ, tamhi vassante temitukāmāva tementi. Uṇhīsato paṭṭhāyāti muddhato paṭṭhāya.

    ‘‘สินิทฺธนีลมุทุกุญฺจิตเกโส ,

    ‘‘Siniddhanīlamudukuñcitakeso ,

    สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฎ;

    Sūriyanimmalatalābhinalāṭo;

    ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส,

    Yuttatuṅgamudukāyatanāso,

    รํสิชาลวิตโต นรสีโห’’ติฯ (อป. อฎฺฐ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา; ชา. อฎฺฐ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –

    Raṃsijālavitato narasīho’’ti. (apa. aṭṭha. 1.santikenidānakathā; jā. aṭṭha. 1.santikenidānakathā) –

    อาทิคาถาหิฯ อถ วา –

    Ādigāthāhi. Atha vā –

    ‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท,

    ‘‘Cakkavaraṅkitarattasupādo,

    ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;

    Lakkhaṇamaṇḍitaāyatapaṇhi;

    จามรฉตฺตวิภูสิตปาโท,

    Cāmarachattavibhūsitapādo,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ

    Esa hi tuyha pitā narasīho.

    ‘‘สกฺยกุมารวโร สุขุมาโล,

    ‘‘Sakyakumāravaro sukhumālo,

    ลกฺขณจิตฺติกปุณฺณสรีโร;

    Lakkhaṇacittikapuṇṇasarīro;

    โลกหิตาย คโต นรวีโร,

    Lokahitāya gato naravīro,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ

    Esa hi tuyha pitā narasīho.

    ‘‘ปุณฺณสสงฺกนิโภ มุขวโณฺณ,

    ‘‘Puṇṇasasaṅkanibho mukhavaṇṇo,

    เทวนราน ปิโย นรนาโค;

    Devanarāna piyo naranāgo;

    มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี,

    Mattagajindavilāsitagāmī,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ

    Esa hi tuyha pitā narasīho.

    ‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลีโน ,

    ‘‘Khattiyasambhavaaggakulīno ,

    เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;

    Devamanussanamassitapādo;

    สีลสมาธิปติฎฺฐิตจิโตฺต,

    Sīlasamādhipatiṭṭhitacitto,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ

    Esa hi tuyha pitā narasīho.

    ‘‘อายตยุตฺตสุสณฺฐิตนาโส,

    ‘‘Āyatayuttasusaṇṭhitanāso,

    โคปขุโม อภินีลสุเนโตฺต;

    Gopakhumo abhinīlasunetto;

    อินฺทธนู อภินีลภมูโก,

    Indadhanū abhinīlabhamūko,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ

    Esa hi tuyha pitā narasīho.

    ‘‘วฎฺฎสุวฎฺฎสุสณฺฐิตคีโว,

    ‘‘Vaṭṭasuvaṭṭasusaṇṭhitagīvo,

    สีหหนู มิคราชสรีโร;

    Sīhahanū migarājasarīro;

    กญฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวโณฺณ,

    Kañcanasucchaviuttamavaṇṇo,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ

    Esa hi tuyha pitā narasīho.

    ‘‘สุทฺธสุคมฺภีรมญฺชุสโฆโส,

    ‘‘Suddhasugambhīramañjusaghoso,

    หิงฺคุลพทฺธสุรตฺตสุชิโวฺห;

    Hiṅgulabaddhasurattasujivho;

    วีสติ วีสติ เสตสุทโนฺต,

    Vīsati vīsati setasudanto,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ

    Esa hi tuyha pitā narasīho.

    ‘‘อญฺชนวณฺณสุนีลสุเกโส,

    ‘‘Añjanavaṇṇasunīlasukeso,

    กญฺจนปฎฺฎวิสุทฺธนลาโฎ;

    Kañcanapaṭṭavisuddhanalāṭo;

    โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุโณฺณ,

    Osadhipaṇḍarasuddhasuuṇṇo,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโหฯ

    Esa hi tuyha pitā narasīho.

    ‘‘คจฺฉตินีลปเถ วิย จโนฺท,

    ‘‘Gacchatinīlapathe viya cando,

    ตารคณาปริเวฐิตรูโป;

    Tāragaṇāpariveṭhitarūpo;

    สาวกมชฺฌคโต สมณิโนฺท,

    Sāvakamajjhagato samaṇindo,

    เอส หิ ตุยฺห ปิตา นรสีโห’’ติฯ (ชา. อฎฺฐ. ๑.สนฺติเกนิทานกถา) –

    Esa hi tuyha pitā narasīho’’ti. (jā. aṭṭha. 1.santikenidānakathā) –

    อิมาหิฯ

    Imāhi.

    อุทฺทิเฎฺฐติ เอวํ จริตพฺพนฺติ อตฺตโน, ‘‘อุตฺติเฎฺฐ’’ติ ธมฺมปทปาโฐฯ ธมฺมนฺติ สปทานจาริกวตฺตํฯ อเนสนํ วเชฺชตฺวา สุจริตํ จเรฯ

    Uddiṭṭheti evaṃ caritabbanti attano, ‘‘uttiṭṭhe’’ti dhammapadapāṭho. Dhammanti sapadānacārikavattaṃ. Anesanaṃ vajjetvā sucaritaṃ care.

    เกสวิสฺสชฺชนนฺติ ปญฺจสิขาการํ วเชฺชตฺวา เอกสิขาการํฯ ปฎฺฎพโนฺธติ เอตฺถ ปโฎฺฎติ ตสฺมิํ กุเล อาจิโณฺณ อลงฺการวิเสโสฯ ฆรมงฺคลนฺติ ฆรมโหฯ ฉตฺตมงฺคลนฺติ ยุวราชฉตฺตปฎฺฎิฯ วฎฺฎานุคตนฺติ กิเลสวฎฺฎานุคตํฯ วิฆาตปจฺจยตฺตา สวิฆาตกํฯ เถโร ราธํ พฺราหฺมณํ ปุเพฺพ ปพฺพชิตฺวา กสฺมา อิทานิ ‘‘กถาหํ, ภเนฺต, ราหุลํ ปพฺพาเชมี’’ติ อาหาติ เจ? ตตฺถ อุปสมฺปทาปฎิเกฺขโป อธิเปฺปโต, ตสฺมา ‘‘ภควา อุปสมฺปทเมว ปฎิกฺขิปิ, อิทานิ อนาคเต สํสยาปนยนาธิปฺปาโย ภควา’’ติ ญตฺวา อาหฯ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปวเสน ‘‘อฎฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจา’’ติ วุตฺตํ กิรฯ พุทฺธานํ, จกฺกวตฺตีนญฺจ พฺยตฺตาทิวเสน นานตฺตํ เวทิตพฺพํ, อญฺญถา นนฺทาทโยปิ ปพฺพชิตฺวา พุทฺธา สิยุํ ‘‘สเจ ปพฺพชติ, พุโทฺธ โหตี’’ติ วจนโตฯ

    Kesavissajjananti pañcasikhākāraṃ vajjetvā ekasikhākāraṃ. Paṭṭabandhoti ettha paṭṭoti tasmiṃ kule āciṇṇo alaṅkāraviseso. Gharamaṅgalanti gharamaho. Chattamaṅgalanti yuvarājachattapaṭṭi. Vaṭṭānugatanti kilesavaṭṭānugataṃ. Vighātapaccayattā savighātakaṃ. Thero rādhaṃ brāhmaṇaṃ pubbe pabbajitvā kasmā idāni ‘‘kathāhaṃ, bhante, rāhulaṃ pabbājemī’’ti āhāti ce? Tattha upasampadāpaṭikkhepo adhippeto, tasmā ‘‘bhagavā upasampadameva paṭikkhipi, idāni anāgate saṃsayāpanayanādhippāyo bhagavā’’ti ñatvā āha. Cittasamuṭṭhānarūpavasena ‘‘aṭṭhimiñjaṃ āhaccā’’ti vuttaṃ kira. Buddhānaṃ, cakkavattīnañca byattādivasena nānattaṃ veditabbaṃ, aññathā nandādayopi pabbajitvā buddhā siyuṃ ‘‘sace pabbajati, buddho hotī’’ti vacanato.

    เปเสตฺวา ทเสฺสตุํ วฎฺฎติ, อาปุจฺฉิสฺสามาติ ปพฺพาเชตุํ วฎฺฎตีติ จ อิทํ ยสฺมา วิเทสปฺปโตฺต นาม โลกสเงฺกเตนาปิ มาตาปิตุวาสโต มุโตฺต เสริวิหารีติ วุจฺจติ, ตสฺมาสฺส เต อสนฺตปเกฺข ฐิตา วิย โหนฺตีติ กตฺวา ‘‘น ตสฺส ปพฺพชฺชาจริเย วา อปฺปสาทํ กโรนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ นฎฺฐเมวฯ ปพฺพชิตา สมคติกาติ โลกโวหาโรฯ เตเนว เจตฺถ ทุกฺขปฺปตฺตาทินา เทสนฺตรคมนญฺจ สมคติกํ กตํฯ วิเทสํ คนฺตฺวาติ เจตฺถ วิเทโส นาม มาตาปิตุวาสโต อโญฺญ เทโส, น อุปฺปตฺติเทสโตฯ พฺยญฺชนโตฺถ เอว เจ ปมาณํ, น ยุตฺติฯ มตมาตาปิติโกปิ น ปพฺพาเชตโพฺพติ อาปชฺชติ, ตสฺมา อนุปฺปตฺตพฺพฎฺฐาเน ฐิเตหิเยว มาตาปิตูหิ อนนุญฺญาโต ปุโตฺต น ปพฺพาเชตโพฺพติ เอวมิธาธิปฺปาโย เวทิตโพฺพ, อญฺญถา ปาฬิยา วิรุเชฺฌยฺย, อาปตฺติฎฺฐานสฺส จ สิถิลกรณํ อฎฺฐกถาย น ยุชฺชติฯ อิทํ ตาว เอวํ โหตุ, ‘‘วิหารํ วา ฌาเปมี’’ติอาทินโย กถํ น วิรุชฺฌตีติ เจ? อตฺตปรูปทฺทวปฺปสงฺคภเยน อวเสน ปพฺพชิตตฺตา, ปุตฺตรกฺขณตฺถํ ปพฺพชิตตฺตา จฯ เอวญฺหิ สติ สยเมว โส อตฺตนา ปพฺพชิโต โหติ, น เกนจิ อุปลาเปตฺวา ปพฺพชิโตฯ ‘‘ปุตฺตเปมํ วา ปุตฺตรเกฺข ปิโย โหตี’’ติ นิทานานุโลมโต น วิรุชฺฌติฯ

    Pesetvā dassetuṃ vaṭṭati, āpucchissāmāti pabbājetuṃ vaṭṭatīti ca idaṃ yasmā videsappatto nāma lokasaṅketenāpi mātāpituvāsato mutto serivihārīti vuccati, tasmāssa te asantapakkhe ṭhitā viya hontīti katvā ‘‘na tassa pabbajjācariye vā appasādaṃ karontī’’ti evaṃ vuttaṃ naṭṭhameva. Pabbajitā samagatikāti lokavohāro. Teneva cettha dukkhappattādinā desantaragamanañca samagatikaṃ kataṃ. Videsaṃ gantvāti cettha videso nāma mātāpituvāsato añño deso, na uppattidesato. Byañjanattho eva ce pamāṇaṃ, na yutti. Matamātāpitikopi na pabbājetabboti āpajjati, tasmā anuppattabbaṭṭhāne ṭhitehiyeva mātāpitūhi ananuññāto putto na pabbājetabboti evamidhādhippāyo veditabbo, aññathā pāḷiyā virujjheyya, āpattiṭṭhānassa ca sithilakaraṇaṃ aṭṭhakathāya na yujjati. Idaṃ tāva evaṃ hotu, ‘‘vihāraṃ vā jhāpemī’’tiādinayo kathaṃ na virujjhatīti ce? Attaparūpaddavappasaṅgabhayena avasena pabbajitattā, puttarakkhaṇatthaṃ pabbajitattā ca. Evañhi sati sayameva so attanā pabbajito hoti, na kenaci upalāpetvā pabbajito. ‘‘Puttapemaṃ vā puttarakkhe piyo hotī’’ti nidānānulomato na virujjhati.

    ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Rāhulavatthukathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๔๑. ราหุลวตฺถุ • 41. Rāhulavatthu

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ราหุลวตฺถุกถา • Rāhulavatthukathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา • Rāhulavatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ราหุลวตฺถุกถาวณฺณนา • Rāhulavatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๔๑. ราหุลวตฺถุกถา • 41. Rāhulavatthukathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact