Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๕. ปญฺจกนิปาโต

    5. Pañcakanipāto

    ๑. ราชทตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Rājadattattheragāthāvaṇṇanā

    ปญฺจกนิปาเต ภิกฺขุ สิวถิกํ คนฺตฺวาติอาทิกา อายสฺมโต ราชทตฺตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร, ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ปุญฺญํ อุปจินโนฺต, อิโต จตุทฺทเส กเปฺป พุทฺธสุเญฺญ โลเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต, เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน วนนฺตํ อุปคโต ตตฺถ อญฺญตรํ ปเจฺจกพุทฺธํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สุปริสุทฺธํ อมฺพาฎกผลํ อทาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติฯ ตสฺส มหาราชํ เวสฺสวณํ อาราเธตฺวา ปฎิลทฺธภาวโต มาตาปิตโร ราชทโตฺตติ นามํ อกํสุฯ โส วยปฺปโตฺต ปญฺจหิ สกฎสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย วาณิชฺชวเสน ราชคหํ อคมาสิฯ เตน จ สมเยน ราชคเห อญฺญตรา คณิกา อภิรูปา ทสฺสนียา ปรมโสภคฺคโยคโต ทิวเส ทิวเส สหสฺสํ ลภติฯ อถ โส สตฺถวาหปุโตฺต ทิวเส ทิวเส ตสฺสา คณิกาย สหสฺสํ ทตฺวา สํวาสํ กเปฺปโนฺต นจิรเสฺสว สพฺพํ ธนํ เขเปตฺวา ทุคฺคโต หุตฺวา ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อลภโนฺต อิโต จิโต จ ปริพฺภมโนฺต สํเวคปฺปโตฺต อโหสิฯ โส เอกทิวสํ อุปาสเกหิ สทฺธิํ เวฬุวนํ อคมาสิฯ

    Pañcakanipāte bhikkhu sivathikaṃ gantvātiādikā āyasmato rājadattattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro, tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ puññaṃ upacinanto, ito catuddase kappe buddhasuññe loke kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto, ekadivasaṃ kenacideva karaṇīyena vanantaṃ upagato tattha aññataraṃ paccekabuddhaṃ rukkhamūle nisinnaṃ disvā pasannamānaso suparisuddhaṃ ambāṭakaphalaṃ adāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ satthavāhakule nibbatti. Tassa mahārājaṃ vessavaṇaṃ ārādhetvā paṭiladdhabhāvato mātāpitaro rājadattoti nāmaṃ akaṃsu. So vayappatto pañcahi sakaṭasatehi bhaṇḍaṃ ādāya vāṇijjavasena rājagahaṃ agamāsi. Tena ca samayena rājagahe aññatarā gaṇikā abhirūpā dassanīyā paramasobhaggayogato divase divase sahassaṃ labhati. Atha so satthavāhaputto divase divase tassā gaṇikāya sahassaṃ datvā saṃvāsaṃ kappento nacirasseva sabbaṃ dhanaṃ khepetvā duggato hutvā ghāsacchādanamattampi alabhanto ito cito ca paribbhamanto saṃvegappatto ahosi. So ekadivasaṃ upāsakehi saddhiṃ veḷuvanaṃ agamāsi.

    เตน จ สมเยน สตฺถา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสโนฺต นิสิโนฺน โหติฯ โส ปริสปริยเนฺต นิสีทิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทิยิตฺวา สุสาเน วสติฯ ตทา อญฺญตโรปิ สตฺถวาหปุโตฺต สหสฺสํ ทตฺวา ตาย คณิกาย สห วสติฯ สา จ คณิกา ตสฺส หเตฺถ มหคฺฆรตนํ ทิสฺวา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา อเญฺญหิ ธุตฺตปุริเสหิ ตํ มาราเปตฺวา ตํ รตนํ คณฺหิฯ อถ ตสฺส สตฺถวาหปุตฺตสฺส มนุสฺสา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา โอจรกมนุเสฺส เปเสสุํฯ เต รตฺติยํ ตสฺสา คณิกาย ฆรํ ปวิสิตฺวา ฉวิอาทีนิ อนุปหเจฺจว ตํ มาเรตฺวา สิวถิกาย ฉเฑฺฑสุํฯ ราชทตฺตเตฺถโร อสุภนิมิตฺตํ คเหตุํ สุสาเน วิจรโนฺต ตสฺสา คณิกาย กเฬวรํ ปฎิกฺกุลโต มนสิ กาตุํ อุปคโต กติปยวาเร โยนิโส มนสิ กตฺวา อจิรมตภาวโต โสณสิงฺคาลาทีหิ อนุปหตฉวิตาย วิสภาควตฺถุตาย จ อโยนิโส มนสิกโรโนฺต, ตตฺถ กามราคํ อุปฺปาเทตฺวา สํวิคฺคตรมานโส อตฺตโน จิตฺตํ ปริภาสิตฺวา มุหุตฺตํ เอกมนฺตํ อปสกฺกิตฺวา อาทิโต อุปฎฺฐิตํ อสุภนิมิตฺตเมว คเหตฺวา โยนิโส มนสิกโรโนฺต ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ตาวเทว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๕๕-๕๙) –

    Tena ca samayena satthā mahatiyā parisāya parivuto dhammaṃ desento nisinno hoti. So parisapariyante nisīditvā satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā dhutaṅgāni samādiyitvā susāne vasati. Tadā aññataropi satthavāhaputto sahassaṃ datvā tāya gaṇikāya saha vasati. Sā ca gaṇikā tassa hatthe mahaggharatanaṃ disvā lobhaṃ uppādetvā aññehi dhuttapurisehi taṃ mārāpetvā taṃ ratanaṃ gaṇhi. Atha tassa satthavāhaputtassa manussā taṃ pavattiṃ sutvā ocarakamanusse pesesuṃ. Te rattiyaṃ tassā gaṇikāya gharaṃ pavisitvā chaviādīni anupahacceva taṃ māretvā sivathikāya chaḍḍesuṃ. Rājadattatthero asubhanimittaṃ gahetuṃ susāne vicaranto tassā gaṇikāya kaḷevaraṃ paṭikkulato manasi kātuṃ upagato katipayavāre yoniso manasi katvā aciramatabhāvato soṇasiṅgālādīhi anupahatachavitāya visabhāgavatthutāya ca ayoniso manasikaronto, tattha kāmarāgaṃ uppādetvā saṃviggataramānaso attano cittaṃ paribhāsitvā muhuttaṃ ekamantaṃ apasakkitvā ādito upaṭṭhitaṃ asubhanimittameva gahetvā yoniso manasikaronto jhānaṃ uppādetvā taṃ jhānaṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā tāvadeva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.44.55-59) –

    ‘‘วิปิเน พุทฺธํ ทิสฺวาน, สยมฺภุํ อปราชิตํ;

    ‘‘Vipine buddhaṃ disvāna, sayambhuṃ aparājitaṃ;

    อมฺพาฎกํ คเหตฺวาน, สยมฺภุสฺส อทาสหํฯ

    Ambāṭakaṃ gahetvāna, sayambhussa adāsahaṃ.

    ‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ผลมททิํ ตทา;

    ‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ phalamadadiṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, phaladānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā pītisomanassajāto –

    ๓๑๕.

    315.

    ‘‘ภิกฺขุ สิวถิกํ คนฺตฺวา, อทฺทส อิตฺถิมุชฺฌิตํ;

    ‘‘Bhikkhu sivathikaṃ gantvā, addasa itthimujjhitaṃ;

    อปวิทฺธํ สุสานสฺมิํ, ขชฺชนฺติํ กิมิหี ผุฎํฯ

    Apaviddhaṃ susānasmiṃ, khajjantiṃ kimihī phuṭaṃ.

    ๓๑๖.

    316.

    ‘‘ยญฺหิ เอเก ชิคุจฺฉนฺติ, มตํ ทิสฺวาน ปาปกํ;

    ‘‘Yañhi eke jigucchanti, mataṃ disvāna pāpakaṃ;

    กามราโค ปาตุรหุ, อโนฺธว สวตี อหุํฯ

    Kāmarāgo pāturahu, andhova savatī ahuṃ.

    ๓๑๗.

    317.

    ‘‘โอรํ โอทนปากมฺหา, ตมฺหา ฐานา อปกฺกมิํ;

    ‘‘Oraṃ odanapākamhā, tamhā ṭhānā apakkamiṃ;

    สติมา สมฺปชาโนหํ, เอกมนฺตํ อุปาวิสิํฯ

    Satimā sampajānohaṃ, ekamantaṃ upāvisiṃ.

    ๓๑๘.

    318.

    ‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

    ‘‘Tato me manasīkāro, yoniso udapajjatha;

    อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฎฺฐถฯ

    Ādīnavo pāturahu, nibbidā samatiṭṭhatha.

    ๓๑๙.

    319.

    ‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

    ‘‘Tato cittaṃ vimucci me, passa dhammasudhammataṃ;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ –

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. –

    อิมา ปญฺจ คาถา อภาสิฯ

    Imā pañca gāthā abhāsi.

    ตตฺถ ภิกฺขุ สิวถิกํ คนฺตฺวาติ สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต ภิกฺขุ, อสุภกมฺมฎฺฐานตฺถํ อามกสุสานํ อุปคนฺตฺวาฯ ‘‘ภิกฺขู’’ติ เจตํ อตฺตานํ สนฺธาย เถโร สยํ วทติฯ อิตฺถินฺติ ถียติ เอตฺถ สุกฺกโสณิตํ สตฺตสนฺตานภาเวน สํหญฺญตีติ ถี, มาตุคาโมฯ เอวญฺจ สภาวนิรุตฺติวเสน ‘‘อิตฺถี’’ติปิ วุจฺจติฯ วญฺฌาทีสุ ปน ตํสทิสตาย ตํสภาวานติวตฺตนโต จ ตโพฺพหาโรฯ ‘‘อิตฺถี’’ติ อิตฺถิกเฬวรํ วทติฯ อุชฺฌิตนฺติ ปริจฺจตฺตํ อุชฺฌนิยตฺตา เอว อปวิทฺธํ อนเปกฺขภาเวน ขิตฺตํฯ ขชฺชนฺติํ กิมิหี ผุฎนฺติ กิมีหิ ปูริตํ หุตฺวา ขชฺชมานํฯ

    Tattha bhikkhu sivathikaṃ gantvāti saṃsāre bhayassa ikkhanato bhikkhu, asubhakammaṭṭhānatthaṃ āmakasusānaṃ upagantvā. ‘‘Bhikkhū’’ti cetaṃ attānaṃ sandhāya thero sayaṃ vadati. Itthinti thīyati ettha sukkasoṇitaṃ sattasantānabhāvena saṃhaññatīti thī, mātugāmo. Evañca sabhāvaniruttivasena ‘‘itthī’’tipi vuccati. Vañjhādīsu pana taṃsadisatāya taṃsabhāvānativattanato ca tabbohāro. ‘‘Itthī’’ti itthikaḷevaraṃ vadati. Ujjhitanti pariccattaṃ ujjhaniyattā eva apaviddhaṃ anapekkhabhāvena khittaṃ. Khajjantiṃ kimihī phuṭanti kimīhi pūritaṃ hutvā khajjamānaṃ.

    ยญฺหิ เอเก ชิคุจฺฉนฺติ, มตํ ทิสฺวาน ปาปกนฺติ ยํ อปคตายุอุสฺมาวิญฺญาณตาย มตํ กเฬวรํ ปาปกํ นิหีนํ ลามกํ เอเก โจกฺขชาติกา ชิคุจฺฉนฺติ, โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉนฺติฯ กามราโค ปาตุรหูติ ตสฺมิํ กุณเป อโยนิโสมนสิการสฺส พลวตาย กามราโค มยฺหํ ปาตุรโหสิ อุปฺปชฺชิฯ อโนฺธว สวตี อหุนฺติ ตสฺมิํ กเฬวเร นวหิ ทฺวาเรหิ อสุจิํ สวติ สนฺทเนฺต อสุจิภาวสฺส อทสฺสเนน อโนฺธ วิย อโหสิํฯ เตนาห –

    Yañhi eke jigucchanti, mataṃ disvāna pāpakanti yaṃ apagatāyuusmāviññāṇatāya mataṃ kaḷevaraṃ pāpakaṃ nihīnaṃ lāmakaṃ eke cokkhajātikā jigucchanti, oloketumpi na icchanti. Kāmarāgo pāturahūti tasmiṃ kuṇape ayonisomanasikārassa balavatāya kāmarāgo mayhaṃ pāturahosi uppajji. Andhova savatī ahunti tasmiṃ kaḷevare navahi dvārehi asuciṃ savati sandante asucibhāvassa adassanena andho viya ahosiṃ. Tenāha –

    ‘‘รโตฺต อตฺถํ น ชานาติ, รโตฺต ธมฺมํ น ปสฺสติ;

    ‘‘Ratto atthaṃ na jānāti, ratto dhammaṃ na passati;

    อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ จฯ

    Andhatamaṃ tadā hoti, yaṃ rāgo sahate nara’’nti ca.

    ‘‘กามจฺฉโนฺท โข, พฺราหฺมณ, อนฺธกรโณ อจกฺขุกรโณ’’ติ จ อาทิฯ เกจิ ปเนตฺถ ตการาคมํ กตฺวา ‘‘กิเลสปริยุฎฺฐาเนน อวสวตฺติ กิเลสสฺส วา วสวตฺตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติฯ อปเร ‘‘อโนฺธว อสติ อหุ’’นฺติ ปาฬิํ วตฺวา ‘‘กามราเคน อโนฺธ เอว หุตฺวา สติรหิโต อโหสิ’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติฯ ตทุภยํ ปน ปาฬิยํ นตฺถิฯ

    ‘‘Kāmacchando kho, brāhmaṇa, andhakaraṇo acakkhukaraṇo’’ti ca ādi. Keci panettha takārāgamaṃ katvā ‘‘kilesapariyuṭṭhānena avasavatti kilesassa vā vasavattī’’ti atthaṃ vadanti. Apare ‘‘andhova asati ahu’’nti pāḷiṃ vatvā ‘‘kāmarāgena andho eva hutvā satirahito ahosi’’nti atthaṃ vadanti. Tadubhayaṃ pana pāḷiyaṃ natthi.

    โอรํ โอทนปากมฺหาติ โอทนปากโต โอรํ, ยาวตา กาเลน สุปริโธตตินฺตตณฺฑุลนาฬิยา โอทนํ ปจติ, ตโต โอรเมว กาลํ, ตโตปิ ลหุกาเลน ราคํ วิโนเทโนฺต, ตมฺหา ฐานา อปกฺกมิํ ยสฺมิํ ฐาเน ฐิตสฺส เม ราโค อุปฺปชฺชิ, ตมฺหา ฐานา อปกฺกมิํ อปสกฺกิํฯ อปกฺกโนฺตว สติมา สมฺปชาโนหํ สมณสญฺญํ อุปฎฺฐเปตฺวา สติปฎฺฐานมนสิการวเสน สติมา, สมฺมเทว ธมฺมสภาวชานเนน สมฺปชาโน จ หุตฺวา เอกมนฺตํ อุปาวิสิํ, ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิํฯ นิสินฺนสฺส จ ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถาติอาทิ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวาติฯ

    Oraṃ odanapākamhāti odanapākato oraṃ, yāvatā kālena suparidhotatintataṇḍulanāḷiyā odanaṃ pacati, tato orameva kālaṃ, tatopi lahukālena rāgaṃ vinodento, tamhā ṭhānā apakkamiṃ yasmiṃ ṭhāne ṭhitassa me rāgo uppajji, tamhā ṭhānā apakkamiṃ apasakkiṃ. Apakkantova satimā sampajānohaṃ samaṇasaññaṃ upaṭṭhapetvā satipaṭṭhānamanasikāravasena satimā, sammadeva dhammasabhāvajānanena sampajāno ca hutvā ekamantaṃ upāvisiṃ, pallaṅkaṃ ābhujitvā nisīdiṃ. Nisinnassa ca tato me manasīkāro, yoniso udapajjathātiādi sabbaṃ heṭṭhā vuttanayamevāti.

    ราชทตฺตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Rājadattattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. ราชทตฺตเตฺถรคาถา • 1. Rājadattattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact