Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi |
๒๐๕. ราชคหเสฎฺฐิวตฺถุ
205. Rājagahaseṭṭhivatthu
๓๓๒. เตน โข ปน สมเยน ราชคหกสฺส เสฎฺฐิสฺส สตฺตวสฺสิโก สีสาพาโธ โหติฯ พหู มหนฺตา มหนฺตา ทิสาปาโมกฺขา เวชฺชา อาคนฺตฺวา นาสกฺขิํสุ อโรคํ กาตุํฯ พหุํ หิรญฺญํ อาทาย อคมํสุฯ อปิ จ, เวเชฺชหิ ปจฺจกฺขาโต โหติฯ เอกเจฺจ เวชฺชา เอวมาหํสุ – ‘‘ปญฺจมํ ทิวสํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสตี’’ติฯ เอกเจฺจ เวชฺชา เอวมาหํสุ – ‘‘สตฺตมํ ทิวสํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสตี’’ติฯ อถ โข ราชคหกสฺส เนคมสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข เสฎฺฐิ คหปติ พหูปกาโร รโญฺญ เจว เนคมสฺส จฯ อปิ จ, เวเชฺชหิ ปจฺจกฺขาโตฯ เอกเจฺจ เวชฺชา เอวมาหํสุ – ‘ปญฺจมํ ทิวสํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสตี’ติฯ เอกเจฺจ เวชฺชา เอวมาหํสุ – ‘สตฺตมํ ทิวสํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสตี’ติฯ อยญฺจ รโญฺญ ชีวโก เวโชฺช ตรุโณ ภทฺรโกฯ ยํนูน มยํ ราชานํ ชีวกํ เวชฺชํ ยาเจยฺยาม เสฎฺฐิํ คหปติํ ติกิจฺฉิตุ’’นฺติฯ อถ โข ราชคหโก เนคโม เยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ มาคธํ เสนิยํ พิมฺพิสารํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, เทว, เสฎฺฐิ คหปติ พหูปกาโร เทวสฺส เจว เนคมสฺส จ; อปิ จ, เวเชฺชหิ ปจฺจกฺขาโตฯ เอกเจฺจ เวชฺชา เอวมาหํสุ – ปญฺจมํ ทิวสํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสตีติฯ เอกเจฺจ เวชฺชา เอวมาหํสุ – สตฺตมํ ทิวสํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสตีติฯ สาธุ เทโว ชีวกํ เวชฺชํ อาณาเปตุ เสฎฺฐิํ คหปติํ ติกิจฺฉิตุ’’นฺติ ฯ
332. Tena kho pana samayena rājagahakassa seṭṭhissa sattavassiko sīsābādho hoti. Bahū mahantā mahantā disāpāmokkhā vejjā āgantvā nāsakkhiṃsu arogaṃ kātuṃ. Bahuṃ hiraññaṃ ādāya agamaṃsu. Api ca, vejjehi paccakkhāto hoti. Ekacce vejjā evamāhaṃsu – ‘‘pañcamaṃ divasaṃ seṭṭhi gahapati kālaṃ karissatī’’ti. Ekacce vejjā evamāhaṃsu – ‘‘sattamaṃ divasaṃ seṭṭhi gahapati kālaṃ karissatī’’ti. Atha kho rājagahakassa negamassa etadahosi – ‘‘ayaṃ kho seṭṭhi gahapati bahūpakāro rañño ceva negamassa ca. Api ca, vejjehi paccakkhāto. Ekacce vejjā evamāhaṃsu – ‘pañcamaṃ divasaṃ seṭṭhi gahapati kālaṃ karissatī’ti. Ekacce vejjā evamāhaṃsu – ‘sattamaṃ divasaṃ seṭṭhi gahapati kālaṃ karissatī’ti. Ayañca rañño jīvako vejjo taruṇo bhadrako. Yaṃnūna mayaṃ rājānaṃ jīvakaṃ vejjaṃ yāceyyāma seṭṭhiṃ gahapatiṃ tikicchitu’’nti. Atha kho rājagahako negamo yena rājā māgadho seniyo bimbisāro tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ māgadhaṃ seniyaṃ bimbisāraṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ, deva, seṭṭhi gahapati bahūpakāro devassa ceva negamassa ca; api ca, vejjehi paccakkhāto. Ekacce vejjā evamāhaṃsu – pañcamaṃ divasaṃ seṭṭhi gahapati kālaṃ karissatīti. Ekacce vejjā evamāhaṃsu – sattamaṃ divasaṃ seṭṭhi gahapati kālaṃ karissatīti. Sādhu devo jīvakaṃ vejjaṃ āṇāpetu seṭṭhiṃ gahapatiṃ tikicchitu’’nti .
อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ชีวกํ โกมารภจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, ภเณ ชีวก, เสฎฺฐิํ คหปติํ ติกิจฺฉาหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข ชีวโก โกมารภโจฺจ รโญฺญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน เสฎฺฐิ คหปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เสฎฺฐิสฺส คหปติสฺส วิการํ สลฺลเกฺขตฺวา เสฎฺฐิํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ ตฺวํ, คหปติ, อโรโค ภเวยฺยาสิ 1 กิํ เม อสฺส เทยฺยธโมฺม’’ติ? ‘‘สพฺพํ สาปเตยฺยญฺจ เต, อาจริย, โหตุ, อหญฺจ เต ทาโส’’ติฯ ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปน ตฺวํ, คหปติ, เอเกน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘สโกฺกมหํ, อาจริย, เอเกน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติฯ ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปน ตฺวํ, คหปติ, ทุติเยน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘สโกฺกมหํ, อาจริย, ทุติเยน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติ ฯ ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปน ตฺวํ, คหปติ, อุตฺตาโน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘สโกฺกมหํ, อาจริย, อุตฺตาโน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติฯ
Atha kho rājā māgadho seniyo bimbisāro jīvakaṃ komārabhaccaṃ āṇāpesi – ‘‘gaccha, bhaṇe jīvaka, seṭṭhiṃ gahapatiṃ tikicchāhī’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho jīvako komārabhacco rañño māgadhassa seniyassa bimbisārassa paṭissutvā yena seṭṭhi gahapati tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā seṭṭhissa gahapatissa vikāraṃ sallakkhetvā seṭṭhiṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘sace tvaṃ, gahapati, arogo bhaveyyāsi 2 kiṃ me assa deyyadhammo’’ti? ‘‘Sabbaṃ sāpateyyañca te, ācariya, hotu, ahañca te dāso’’ti. ‘‘Sakkhissasi pana tvaṃ, gahapati, ekena passena sattamāse nipajjitu’’nti? ‘‘Sakkomahaṃ, ācariya, ekena passena sattamāse nipajjitu’’nti. ‘‘Sakkhissasi pana tvaṃ, gahapati, dutiyena passena sattamāse nipajjitu’’nti? ‘‘Sakkomahaṃ, ācariya, dutiyena passena sattamāse nipajjitu’’nti . ‘‘Sakkhissasi pana tvaṃ, gahapati, uttāno sattamāse nipajjitu’’nti? ‘‘Sakkomahaṃ, ācariya, uttāno sattamāse nipajjitu’’nti.
อถ โข ชีวโก โกมารภโจฺจ เสฎฺฐิํ คหปติํ มญฺจเก นิปาเตตฺวา 3 มญฺจเก 4 สมฺพนฺธิตฺวา สีสจฺฉวิํ อุปฺปาเฎตฺวา 5 สิพฺพินิํ วินาเมตฺวา เทฺว ปาณเก นีหริตฺวา มหาชนสฺส ทเสฺสสิ – ‘‘ปสฺสถเยฺย 6, อิเม เทฺว ปาณเก, เอกํ ขุทฺทกํ เอกํ มหลฺลกํฯ เย เต อาจริยา เอวมาหํสุ – ปญฺจมํ ทิวสํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสตีติ – เตหายํ มหลฺลโก ปาณโก ทิโฎฺฐฯ ปญฺจมํ ทิวสํ เสฎฺฐิสฺส คหปติสฺส มตฺถลุงฺคํ ปริยาทิยิสฺสติฯ มตฺถลุงฺคสฺส ปริยาทานา เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสติฯ สุทิโฎฺฐ เตหิ อาจริเยหิฯ เย เต อาจริยา เอวมาหํสุ – สตฺตมํ ทิวสํ เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสตีติ – เตหายํ ขุทฺทโก ปาณโก ทิโฎฺฐฯ สตฺตมํ ทิวสํ เสฎฺฐิสฺส คหปติสฺส มตฺถลุงฺคํ ปริยาทิยิสฺสติฯ มตฺถลุงฺคสฺส ปริยาทานา เสฎฺฐิ คหปติ กาลํ กริสฺสติฯ สุทิโฎฺฐ เตหิ อาจริเยหี’’ติฯ สิพฺพินิํ สมฺปฎิปาเฎตฺวา สีสจฺฉวิํ สิพฺพิตฺวา อาเลปํ อทาสิฯ อถ โข เสฎฺฐิ คหปติ สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ชีวกํ โกมารภจฺจํ เอตทโวจ – ‘‘นาหํ, อาจริย, สโกฺกมิ เอเกน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติฯ ‘‘นนุ เม ตฺวํ, คหปติ, ปฎิสฺสุณิ – สโกฺกมหํ, อาจริย, เอเกน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘สจฺจาหํ, อาจริย, ปฎิสฺสุณิํ, อปาหํ มริสฺสามิ, นาหํ สโกฺกมิ เอเกน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ ตฺวํ, คหปติ, ทุติเยน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชาหี’’ติฯ อถ โข เสฎฺฐิ คหปติ สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ชีวกํ โกมารภจฺจํ เอตทโวจ – ‘‘นาหํ, อาจริย, สโกฺกมิ ทุติเยน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติฯ ‘‘นนุ เม ตฺวํ, คหปติ, ปฎิสฺสุณิ – สโกฺกมหํ, อาจริย, ทุติเยน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘สจฺจาหํ, อาจริย, ปฎิสฺสุณิํ, อปาหํ มริสฺสามิ, นาหํ, อาจริย, สโกฺกมิ ทุติเยน ปเสฺสน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ ตฺวํ, คหปติ, อุตฺตาโน สตฺตมาเส นิปชฺชาหี’’ติฯ อถ โข เสฎฺฐิ คหปติ สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ชีวกํ โกมารภจฺจํ เอตทโวจ – ‘‘นาหํ, อาจริย, สโกฺกมิ อุตฺตาโน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติฯ ‘‘นนุ เม ตฺวํ, คหปติ, ปฎิสฺสุณิ – สโกฺกมหํ, อาจริย, อุตฺตาโน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติ? ‘‘สจฺจาหํ, อาจริย, ปฎิสฺสุณิํ, อปาหํ มริสฺสามิ, นาหํ สโกฺกมิ อุตฺตาโน สตฺตมาเส นิปชฺชิตุ’’นฺติฯ ‘‘อหํ เจ ตํ, คหปติ, น วเทยฺยํ, เอตฺตกมฺปิ ตฺวํ น นิปเชฺชยฺยาสิ, อปิ จ ปฎิกเจฺจว มยา ญาโต – ตีหิ สตฺตาเหหิ เสฎฺฐิ คหปติ อโรโค ภวิสฺสตีติฯ อุเฎฺฐหิ , คหปติ, อโรโคสิฯ ชานาสิ กิํ เม เทยฺยธโมฺม’’ติ? ‘‘สพฺพํ สาปเตยฺยญฺจ เต, อาจริย, โหตุ, อหญฺจ เต ทาโส’’ติฯ ‘‘อลํ, คหปติ, มา เม ตฺวํ สพฺพํ สาปเตยฺยํ อทาสิ, มา จ เม ทาโสฯ รโญฺญ สตสหสฺสํ เทหิ, มยฺหํ สตสหสฺส’’นฺติฯ อถ โข เสฎฺฐิ คหปติ อโรโค สมาโน รโญฺญ สตสหสฺสํ อทาสิ, ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส สตสหสฺสํฯ
Atha kho jīvako komārabhacco seṭṭhiṃ gahapatiṃ mañcake nipātetvā 7 mañcake 8 sambandhitvā sīsacchaviṃ uppāṭetvā 9 sibbiniṃ vināmetvā dve pāṇake nīharitvā mahājanassa dassesi – ‘‘passathayye 10, ime dve pāṇake, ekaṃ khuddakaṃ ekaṃ mahallakaṃ. Ye te ācariyā evamāhaṃsu – pañcamaṃ divasaṃ seṭṭhi gahapati kālaṃ karissatīti – tehāyaṃ mahallako pāṇako diṭṭho. Pañcamaṃ divasaṃ seṭṭhissa gahapatissa matthaluṅgaṃ pariyādiyissati. Matthaluṅgassa pariyādānā seṭṭhi gahapati kālaṃ karissati. Sudiṭṭho tehi ācariyehi. Ye te ācariyā evamāhaṃsu – sattamaṃ divasaṃ seṭṭhi gahapati kālaṃ karissatīti – tehāyaṃ khuddako pāṇako diṭṭho. Sattamaṃ divasaṃ seṭṭhissa gahapatissa matthaluṅgaṃ pariyādiyissati. Matthaluṅgassa pariyādānā seṭṭhi gahapati kālaṃ karissati. Sudiṭṭho tehi ācariyehī’’ti. Sibbiniṃ sampaṭipāṭetvā sīsacchaviṃ sibbitvā ālepaṃ adāsi. Atha kho seṭṭhi gahapati sattāhassa accayena jīvakaṃ komārabhaccaṃ etadavoca – ‘‘nāhaṃ, ācariya, sakkomi ekena passena sattamāse nipajjitu’’nti. ‘‘Nanu me tvaṃ, gahapati, paṭissuṇi – sakkomahaṃ, ācariya, ekena passena sattamāse nipajjitu’’nti? ‘‘Saccāhaṃ, ācariya, paṭissuṇiṃ, apāhaṃ marissāmi, nāhaṃ sakkomi ekena passena sattamāse nipajjitu’’nti. ‘‘Tena hi tvaṃ, gahapati, dutiyena passena sattamāse nipajjāhī’’ti. Atha kho seṭṭhi gahapati sattāhassa accayena jīvakaṃ komārabhaccaṃ etadavoca – ‘‘nāhaṃ, ācariya, sakkomi dutiyena passena sattamāse nipajjitu’’nti. ‘‘Nanu me tvaṃ, gahapati, paṭissuṇi – sakkomahaṃ, ācariya, dutiyena passena sattamāse nipajjitu’’nti? ‘‘Saccāhaṃ, ācariya, paṭissuṇiṃ, apāhaṃ marissāmi, nāhaṃ, ācariya, sakkomi dutiyena passena sattamāse nipajjitu’’nti. ‘‘Tena hi tvaṃ, gahapati, uttāno sattamāse nipajjāhī’’ti. Atha kho seṭṭhi gahapati sattāhassa accayena jīvakaṃ komārabhaccaṃ etadavoca – ‘‘nāhaṃ, ācariya, sakkomi uttāno sattamāse nipajjitu’’nti. ‘‘Nanu me tvaṃ, gahapati, paṭissuṇi – sakkomahaṃ, ācariya, uttāno sattamāse nipajjitu’’nti? ‘‘Saccāhaṃ, ācariya, paṭissuṇiṃ, apāhaṃ marissāmi, nāhaṃ sakkomi uttāno sattamāse nipajjitu’’nti. ‘‘Ahaṃ ce taṃ, gahapati, na vadeyyaṃ, ettakampi tvaṃ na nipajjeyyāsi, api ca paṭikacceva mayā ñāto – tīhi sattāhehi seṭṭhi gahapati arogo bhavissatīti. Uṭṭhehi , gahapati, arogosi. Jānāsi kiṃ me deyyadhammo’’ti? ‘‘Sabbaṃ sāpateyyañca te, ācariya, hotu, ahañca te dāso’’ti. ‘‘Alaṃ, gahapati, mā me tvaṃ sabbaṃ sāpateyyaṃ adāsi, mā ca me dāso. Rañño satasahassaṃ dehi, mayhaṃ satasahassa’’nti. Atha kho seṭṭhi gahapati arogo samāno rañño satasahassaṃ adāsi, jīvakassa komārabhaccassa satasahassaṃ.
ราชคหเสฎฺฐิวตฺถุ นิฎฺฐิตํฯ
Rājagahaseṭṭhivatthu niṭṭhitaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ราชคหเสฎฺฐิวตฺถุกถา • Rājagahaseṭṭhivatthukathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒๐๕. ราชคหเสฎฺฐิวตฺถุกถา • 205. Rājagahaseṭṭhivatthukathā