Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Rājasikkhāpadavaṇṇanā
ราชโต โภคฺคนฺติ ราชโต ลทฺธโภคฺคํฯ ราชโภโคฺคติ ราชามโตฺตฯ ราชโต โภโคติ รญฺญา ทินฺนํ อิสฺสริยํฯ อิมินาติอาทีติ ‘‘อิมินา จีวรเจตาปเนฺนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหี’’ติ อิทํฯ อาคมนสุทฺธินฺติ มูลสุทฺธิํฯ ยทิ หิ อิมินา กปฺปิยนีหาเรน อเปเสตฺวา ‘‘อิทํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหี’’ติ เปเสยฺย, โสปิ ทูโต ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘‘อิทํ โข, ภเนฺต, อายสฺมนฺตํ อุทฺทิสฺส จีวรเจตาปนฺนํ อาภตํ, ปฎิคฺคณฺหาตุ อายสฺมา จีวรเจตาปนฺน’’นฺติ (ปารา. ๕๓๘), ตทา ปฎิกฺขิปิตฺวาปิ กปฺปิยการกํ ปุเฎฺฐน ตํ นิทฺทิสิตุํ น วฎฺฎติฯ เตนาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิฯ อกปฺปิยวตฺถุํ อารพฺภาติ หิรญฺญาทิํ อารพฺภฯ อีทิเสน ทูตวจเนนาติ ‘‘ปฎิคฺคณฺหาตุ อายสฺมา จีวรเจตาปนฺน’’นฺติ เอวรูเปน ทูตวจเนนฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สมฺปฎิจฺฉิตุํ อกปฺปิยํ โหติ, ตสฺมาฯ สุวณฺณนฺติ ชาตรูปํฯ รชตนฺติ รูปิยํฯ กหาปเณนาติ สุวณฺณมโย วา รูปิยมโย วา ปากติโก วา กหาปโณฯ มาสโกติ โลหมาสโก วา โหตุ, ทารุมาสโก วา โหตุ, ชตุมาสโก วา โหตุ, โย โย ยตฺถ ยตฺถ ชนปเท ยทา ยทา โวหารํ คจฺฉติ, อนฺตมโส อฎฺฐิมโยปิ จมฺมมโยปิ รุกฺขผลพีชมโยปิ สมุฎฺฐาปิตรูโปปิ อสมุฎฺฐาปิตรูโปปิ สโพฺพ อิธ มาสโกติ เวทิตโพฺพฯ เอตฺถ จ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ รูปิยสิกฺขาปเท วกฺขามฯ
Rājatobhogganti rājato laddhabhoggaṃ. Rājabhoggoti rājāmatto. Rājato bhogoti raññā dinnaṃ issariyaṃ. Iminātiādīti ‘‘iminā cīvaracetāpannena cīvaraṃ cetāpetvā itthannāmaṃ bhikkhuṃ cīvarena acchādehī’’ti idaṃ. Āgamanasuddhinti mūlasuddhiṃ. Yadi hi iminā kappiyanīhārena apesetvā ‘‘idaṃ itthannāmassa bhikkhuno dehī’’ti peseyya, sopi dūto taṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadeyya ‘‘idaṃ kho, bhante, āyasmantaṃ uddissa cīvaracetāpannaṃ ābhataṃ, paṭiggaṇhātu āyasmā cīvaracetāpanna’’nti (pārā. 538), tadā paṭikkhipitvāpi kappiyakārakaṃ puṭṭhena taṃ niddisituṃ na vaṭṭati. Tenāha ‘‘sace hī’’tiādi. Akappiyavatthuṃ ārabbhāti hiraññādiṃ ārabbha. Īdisena dūtavacanenāti ‘‘paṭiggaṇhātu āyasmā cīvaracetāpanna’’nti evarūpena dūtavacanena. Tasmāti yasmā sampaṭicchituṃ akappiyaṃ hoti, tasmā. Suvaṇṇanti jātarūpaṃ. Rajatanti rūpiyaṃ. Kahāpaṇenāti suvaṇṇamayo vā rūpiyamayo vā pākatiko vā kahāpaṇo. Māsakoti lohamāsako vā hotu, dārumāsako vā hotu, jatumāsako vā hotu, yo yo yattha yattha janapade yadā yadā vohāraṃ gacchati, antamaso aṭṭhimayopi cammamayopi rukkhaphalabījamayopi samuṭṭhāpitarūpopi asamuṭṭhāpitarūpopi sabbo idha māsakoti veditabbo. Ettha ca yaṃ vattabbaṃ, taṃ rūpiyasikkhāpade vakkhāma.
มุตฺตาติ หตฺถิกุมฺภชาทิกา อฎฺฐวิธา มุตฺตาฯ ตถา หิ หตฺถิกุมฺภํ วราหทาฐํ, ภุชงฺคสีสํ, วลาหกํ, เวฬุ, มจฺฉสิโร, สโงฺข, สิปฺปีติ อฎฺฐ มุตฺตาโยนิโยฯ ตตฺถ ยา มจฺฉสงฺขสิปฺปิชาตา, สา สามุทฺทิกา, ภุชงฺคชาปิ กาจิ สามุทฺทิกา โหติฯ อิตรา อสามุทฺทิกาฯ ยสฺมา ปน พหุลํ สามุทฺทิกาว มุตฺตา โลเก ทิสฺสนฺติ, ตตฺถาปิ สิปฺปิชาว, อิตรา กทาจิฯ ตสฺมา สโมฺมหวิโนทนิยํ ‘‘มุตฺตาติ สามุทฺทิกมุตฺตา’’ติ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๗๒) วุตฺตํฯ มณีติ ฐเปตฺวา เวฬุริยาทิเก อนฺตมโส ชาติผลิกํ อุปาทาย สโพฺพปิ นีลปีตาทิวณฺณเภโท มณีติ เวทิตโพฺพ, ปจิตฺวา กโต ปน กาจมณิเยเวโก ปตฺตาทิภณฺฑมูลตฺถํ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ เวฬุริโย นาม วํสวณฺณมณิฯ สโงฺขติ ธมนสโงฺข โธตวิโทฺธ รตนมิโสฺส, ปานียสโงฺข ปน รตนามิสฺสกโต, โส จ อญฺชนาทิเภสชฺชตฺถาย, ภณฺฑมูลตฺถาย จ สมฺปฎิจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ สิลาติ โธตวิทฺธา รตนสํยุตฺตา มุคฺควณฺณา สิลาฯ รตเนน ปน อมิสฺสา สตฺถกนิสานาทิอตฺถาย ปฎิคฺคณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ เอตฺถ จ ‘‘รตนสํยุตฺตาติ สุวเณฺณน สทฺธิํ โยเชตฺวา ปจิตฺวา กตา’’ติ วทนฺติฯ ปวาฬนฺติ โธตมฺปิ อโธตมฺปิ สพฺพํ ปวาฬํฯ โลหิตโงฺกติ รตฺตมณิฯ มสารคลฺลนฺติ กพรมณิฯ ยํ ‘‘มรกต’’นฺติปิ วุจฺจติฯ
Muttāti hatthikumbhajādikā aṭṭhavidhā muttā. Tathā hi hatthikumbhaṃ varāhadāṭhaṃ, bhujaṅgasīsaṃ, valāhakaṃ, veḷu, macchasiro, saṅkho, sippīti aṭṭha muttāyoniyo. Tattha yā macchasaṅkhasippijātā, sā sāmuddikā, bhujaṅgajāpi kāci sāmuddikā hoti. Itarā asāmuddikā. Yasmā pana bahulaṃ sāmuddikāva muttā loke dissanti, tatthāpi sippijāva, itarā kadāci. Tasmā sammohavinodaniyaṃ ‘‘muttāti sāmuddikamuttā’’ti (vibha. aṭṭha. 172) vuttaṃ. Maṇīti ṭhapetvā veḷuriyādike antamaso jātiphalikaṃ upādāya sabbopi nīlapītādivaṇṇabhedo maṇīti veditabbo, pacitvā kato pana kācamaṇiyeveko pattādibhaṇḍamūlatthaṃ sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Veḷuriyo nāma vaṃsavaṇṇamaṇi. Saṅkhoti dhamanasaṅkho dhotaviddho ratanamisso, pānīyasaṅkho pana ratanāmissakato, so ca añjanādibhesajjatthāya, bhaṇḍamūlatthāya ca sampaṭicchituṃ vaṭṭati. Silāti dhotaviddhā ratanasaṃyuttā muggavaṇṇā silā. Ratanena pana amissā satthakanisānādiatthāya paṭiggaṇhituṃ vaṭṭati. Ettha ca ‘‘ratanasaṃyuttāti suvaṇṇena saddhiṃ yojetvā pacitvā katā’’ti vadanti. Pavāḷanti dhotampi adhotampi sabbaṃ pavāḷaṃ. Lohitaṅkoti rattamaṇi. Masāragallanti kabaramaṇi. Yaṃ ‘‘marakata’’ntipi vuccati.
สตฺต ธญฺญานีติ สานุโลมานิ สาลิอาทีนิ สตฺต ธญฺญานิฯ นีวาราทิอุปธญฺญสฺส ปน สาลิอาทิมูลธญฺญโนฺตคธตฺตา ‘‘สตฺต ธญฺญานี’’ติ วุตฺตํฯ ทาสิทาสเขตฺตวตฺถุปุปฺผารามผลารามาทโยติ เอตฺถ ทาสี นาม อโนฺตชาตธนกฺกีตกรมรานีตปฺปเภทาฯ ตถา ทาโสฯ เขตฺตํ นาม ยสฺมิํ ปุพฺพณฺณํ รุหติฯ วตฺถุ นาม ยสฺมิํ อปรณฺณํ รุหติฯ ยตฺถ วา อุภยมฺปิ รุหติ, ตํ เขตฺตํฯ ตทตฺถาย อกตภูมิภาโค วตฺถุฯ เขตฺตวตฺถุสีเสน เจตฺถ วาปิตฬากาทีนิปิ สงฺคหิตาเนวฯ วสฺสิกาทีนํ ปุปฺผนโก ปุปฺผาราโมฯ อมฺพผลาทีนํ ผลนโก ผลาราโมฯ น เกวลญฺจ อตฺตโนเยวตฺถาย สมฺปฎิจฺฉิตุํ น วฎฺฎติ, สเจปิ โกจิ ชาตรูปรชตํ อาเนตฺวา ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส ทมฺมิ, อารามํ วา กโรถ, เจติยํ วา โภชนสาลาทีนํ วา อญฺญตร’’นฺติ วทติ, อิทมฺปิ สมฺปฎิจฺฉิตุํ น วฎฺฎติฯ ‘‘ยสฺส กสฺสจิ หิ อญฺญสฺส อตฺถาย สมฺปฎิจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎํ โหตี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘เจติยสงฺฆคณปุคฺคลานํ วา อตฺถาย สมฺปฎิจฺฉิตุํ น วฎฺฎนฺตี’’ติฯ
Satta dhaññānīti sānulomāni sāliādīni satta dhaññāni. Nīvārādiupadhaññassa pana sāliādimūladhaññantogadhattā ‘‘satta dhaññānī’’ti vuttaṃ. Dāsidāsakhettavatthupupphārāmaphalārāmādayoti ettha dāsī nāma antojātadhanakkītakaramarānītappabhedā. Tathā dāso. Khettaṃ nāma yasmiṃ pubbaṇṇaṃ ruhati. Vatthu nāma yasmiṃ aparaṇṇaṃ ruhati. Yattha vā ubhayampi ruhati, taṃ khettaṃ. Tadatthāya akatabhūmibhāgo vatthu. Khettavatthusīsena cettha vāpitaḷākādīnipi saṅgahitāneva. Vassikādīnaṃ pupphanako pupphārāmo. Ambaphalādīnaṃ phalanako phalārāmo. Na kevalañca attanoyevatthāya sampaṭicchituṃ na vaṭṭati, sacepi koci jātarūparajataṃ ānetvā ‘‘idaṃ saṅghassa dammi, ārāmaṃ vā karotha, cetiyaṃ vā bhojanasālādīnaṃ vā aññatara’’nti vadati, idampi sampaṭicchituṃ na vaṭṭati. ‘‘Yassa kassaci hi aññassa atthāya sampaṭicchantassa dukkaṭaṃ hotī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.538-539) mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Tenāha ‘‘cetiyasaṅghagaṇapuggalānaṃ vā atthāya sampaṭicchituṃ na vaṭṭantī’’ti.
สเจ ปน สงฺฆํ วา คณํ วา ปุคฺคลํ วา อนามสิตฺวา ‘‘อิทํ หิรญฺญสุวณฺณํ เจติยสฺส เทม, วิหารสฺส เทม, นวกมฺมสฺส เทมา’’ติ วทนฺติ, ปฎิกฺขิปิตุํ น วฎฺฎติฯ ‘‘อิเม อิทํ ภณนฺตี’’ติ กปฺปิยการกานํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ ‘‘เจติยาทีนํ อตฺถาย ตุเมฺห คเหตฺวา ฐเปถา’’ติ วุเตฺต ปน ‘‘อมฺหากํ คเหตุํ น วฎฺฎตี’’ติ ปฎิกฺขิปิตพฺพํฯ
Sace pana saṅghaṃ vā gaṇaṃ vā puggalaṃ vā anāmasitvā ‘‘idaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ cetiyassa dema, vihārassa dema, navakammassa demā’’ti vadanti, paṭikkhipituṃ na vaṭṭati. ‘‘Ime idaṃ bhaṇantī’’ti kappiyakārakānaṃ ācikkhitabbaṃ. ‘‘Cetiyādīnaṃ atthāya tumhe gahetvā ṭhapethā’’ti vutte pana ‘‘amhākaṃ gahetuṃ na vaṭṭatī’’ti paṭikkhipitabbaṃ.
เวยฺยาวจฺจกโรติ กิจฺจกโรฯ อิธ ปน สโพฺพ กิจฺจกโรว ‘‘เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ อธิเปฺปโตติ อาห ‘‘กปฺปิยการโก’’ติฯ เอโส โขติ ‘‘อสุกวีถิยํ อสุกฆเร อสุกนาโม’’ติ ปรมฺมุขํ วทติฯ อิตรมฺปีติ ปรมฺมุขานิทฺทิฎฺฐมฺปิฯ ‘‘อโตฺถ เม, อาวุโส, จีวเรนา’’ติ เอตํ โจทนาลกฺขณนิทสฺสนนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ โจทนาลกฺขณนิทสฺสนนฺติ วาจาย โจทนาลกฺขณนิทสฺสนํฯ เตนาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิฯ อิทํ วา วจนํ วตฺตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ เอตสฺส วา อโตฺถ ยาย กายจิ ภาสาย วตฺตโพฺพติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘เทหิ เม จีวรํ, อาหร เม จีวรํ, ปริวเตฺตหิ เม จีวรํ, เจตาเปหิ เม จีวร’’นฺติ เอตานิ ปน วจนานิ เอเตสํ วา อโตฺถ ยาย กายจิ ภาสาย น วตฺตโพฺพฯ เตนาห ‘‘เทหิ เม’’ติอาทิฯ สาเธยฺยาติ นิปฺผาเทยฺยฯ อิเจฺจตํ กุสลนฺติ เอวํ ยาวตติยํ โจทเนน ตสฺส จีวรสฺส ยเทตํ อภินิปฺผาทนํ, เอตํ กุสลํ สาธุ สุฎฺฐูติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘เอตํ สุนฺทร’’นฺติฯ
Veyyāvaccakaroti kiccakaro. Idha pana sabbo kiccakarova ‘‘veyyāvaccakaro’’ti adhippetoti āha ‘‘kappiyakārako’’ti. Eso khoti ‘‘asukavīthiyaṃ asukaghare asukanāmo’’ti parammukhaṃ vadati. Itarampīti parammukhāniddiṭṭhampi. ‘‘Attho me, āvuso, cīvarenā’’ti etaṃ codanālakkhaṇanidassananti sambandho. Tattha codanālakkhaṇanidassananti vācāya codanālakkhaṇanidassanaṃ. Tenāha ‘‘sace hī’’tiādi. Idaṃ vā vacanaṃ vattabbanti sambandho. Etassa vā attho yāya kāyaci bhāsāya vattabboti sambandho. ‘‘Dehi me cīvaraṃ, āhara me cīvaraṃ, parivattehi me cīvaraṃ, cetāpehi me cīvara’’nti etāni pana vacanāni etesaṃ vā attho yāya kāyaci bhāsāya na vattabbo. Tenāha ‘‘dehi me’’tiādi. Sādheyyāti nipphādeyya. Iccetaṃ kusalanti evaṃ yāvatatiyaṃ codanena tassa cīvarassa yadetaṃ abhinipphādanaṃ, etaṃ kusalaṃ sādhu suṭṭhūti attho. Tenāha ‘‘etaṃ sundara’’nti.
ฉกฺขตฺตุํ ปรโม ปริเจฺฉโท อสฺสาติ ฉกฺขตฺตุปรมํฯ อิทญฺหิ ‘‘ฐาตพฺพ’’นฺติ อิมิสฺสา กิริยาย วิเสสนํ, ฉกฺขตฺตุปรมํ ฐานํ กาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ภาวนปุํสกวจนเมต’’นฺติ, เอตํ ภาเว ฐาตพฺพนฺติ วุตฺตธาตฺวตฺถมเตฺต สาเธตเพฺพ นปุํสกลิงฺควจนนฺติ อโตฺถฯ น นิสีทิตพฺพนฺติ ‘‘อิธ, ภเนฺต, นิสีทถา’’ติ วุเตฺตปิ น นิสีทิตพฺพํ ฯ น อามิสํ ปฎิคฺคเหตพฺพนฺติ ยาคุขชฺชกาทิเภทํ กิญฺจิ อามิสํ ‘‘คณฺหถ, ภเนฺต’’ติ ยาจิยมาเนนาปิ น คณฺหิตพฺพํฯ น ธโมฺม ภาสิตโพฺพติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) ‘‘มงฺคลํ วา อนุโมทนํ วา ภาสถา’’ติ ยาจิยมาเนนาปิ น กิญฺจิ ภาสิตพฺพํฯ ฐานํ ภญฺชตีติ ฐิติํ วินาเสติฯ ฐตฺวา จีวรํ คเหตุํ อาคเตน หิ ตํ อุทฺทิสฺส ตุณฺหีภูเตน ฐาตพฺพเมว, น นิสชฺชาทิกํ กาตพฺพํฯ อิมินา ปน ตํ กตนฺติ ฐานํ วินาสิตํ โหติฯ เตนาห ‘‘อาคตการณํ วินาเสตี’’ติฯ ‘‘อาคตการณํ นาม ฐานเมว, ตสฺมา ‘น กาตพฺพ’นฺติ วาริตสฺส กตตฺตา นิสชฺชาทีสุ กเตสุ ฉสุ ฐาเนสุ เอกํ ฐานํ ภญฺชตี’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๕๓๗-๕๓๙) อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูเตน อุทฺทิสฺส ฐาตพฺพํฯ ‘‘น อญฺญํ กิญฺจิ กาตพฺพ’’นฺติ หิ อิทํ ฐานลกฺขณํฯ เตเนวาห ‘‘อิท’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ อิทนฺติ ‘‘จตุกฺขตฺตุํ ปญฺจกฺขตฺตุํ, ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูเตน อุทฺทิสฺส ฐาตพฺพ’’นฺติ วจนํฯ เอตฺถ จ ‘‘นิสีทนาทิมฺหิ กเต ปุน จีวรํ คเหตุํ น ลภตี’’ติ เกจิฯ ‘‘เทฺว ฐานานิ ปริหายนฺตี’’ติ อเญฺญฯ ‘‘เอกํ ฐานํ ปริหายตี’’ติ อปเรฯ อุภยํ กโรตีติ โจเทติปิ ติฎฺฐติปิฯ
Chakkhattuṃ paramo paricchedo assāti chakkhattuparamaṃ. Idañhi ‘‘ṭhātabba’’nti imissā kiriyāya visesanaṃ, chakkhattuparamaṃ ṭhānaṃ kātabbanti attho. Tenāha ‘‘bhāvanapuṃsakavacanameta’’nti, etaṃ bhāve ṭhātabbanti vuttadhātvatthamatte sādhetabbe napuṃsakaliṅgavacananti attho. Na nisīditabbanti ‘‘idha, bhante, nisīdathā’’ti vuttepi na nisīditabbaṃ . Na āmisaṃ paṭiggahetabbanti yāgukhajjakādibhedaṃ kiñci āmisaṃ ‘‘gaṇhatha, bhante’’ti yāciyamānenāpi na gaṇhitabbaṃ. Na dhammo bhāsitabboti (pārā. aṭṭha. 2.538-539) ‘‘maṅgalaṃ vā anumodanaṃ vā bhāsathā’’ti yāciyamānenāpi na kiñci bhāsitabbaṃ. Ṭhānaṃ bhañjatīti ṭhitiṃ vināseti. Ṭhatvā cīvaraṃ gahetuṃ āgatena hi taṃ uddissa tuṇhībhūtena ṭhātabbameva, na nisajjādikaṃ kātabbaṃ. Iminā pana taṃ katanti ṭhānaṃ vināsitaṃ hoti. Tenāha ‘‘āgatakāraṇaṃ vināsetī’’ti. ‘‘Āgatakāraṇaṃ nāma ṭhānameva, tasmā ‘na kātabba’nti vāritassa katattā nisajjādīsu katesu chasu ṭhānesu ekaṃ ṭhānaṃ bhañjatī’’ti (sārattha. ṭī. 2.537-539) ayamettha adhippāyo. Chakkhattuparamaṃ tuṇhībhūtena uddissa ṭhātabbaṃ. ‘‘Na aññaṃ kiñci kātabba’’nti hi idaṃ ṭhānalakkhaṇaṃ. Tenevāha ‘‘ida’’ntiādi. Tattha idanti ‘‘catukkhattuṃ pañcakkhattuṃ, chakkhattuparamaṃ tuṇhībhūtena uddissa ṭhātabba’’nti vacanaṃ. Ettha ca ‘‘nisīdanādimhi kate puna cīvaraṃ gahetuṃ na labhatī’’ti keci. ‘‘Dve ṭhānāni parihāyantī’’ti aññe. ‘‘Ekaṃ ṭhānaṃ parihāyatī’’ti apare. Ubhayaṃ karotīti codetipi tiṭṭhatipi.
‘‘ตตฺร ตตฺร ฐาเน ติฎฺฐตี’’ติ อิทํ โจทกสฺส ฐิตฎฺฐิตฎฺฐานโต อปกฺกมฺม ตตฺร ตตฺร จีวรํ อุทฺทิสฺส ฐานํเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ โจทนาฎฺฐาเนสุฯ
‘‘Tatra tatra ṭhāne tiṭṭhatī’’ti idaṃ codakassa ṭhitaṭṭhitaṭṭhānato apakkamma tatra tatra cīvaraṃ uddissa ṭhānaṃyeva sandhāya vuttaṃ. Etthāti etesu dvīsu codanāṭṭhānesu.
กิํ ปน สพฺพกปฺปิยการเกสุ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๓๘-๕๓๙; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๖๕) เอวํ ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ? น ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ อยญฺหิ กปฺปิยการโก นาม สเงฺขปโต ทุวิโธ นิทฺทิโฎฺฐ จ อนิทฺทิโฎฺฐ จฯ ตตฺถ จ นิทฺทิโฎฺฐ ทุวิโธ ภิกฺขุนา นิทฺทิโฎฺฐ, ทูเตน นิทฺทิโฎฺฐติฯ อนิทฺทิโฎฺฐปิ ทุวิโธ มุขเววฎิกกปฺปิยการโก, ปรมฺมุขกปฺปิยการโกติฯ เตสุ ภิกฺขุนา นิทฺทิโฎฺฐ สมฺมุขาสมฺมุขวเสน จตุพฺพิโธ โหติ, ตถา ทูเตน นิทฺทิโฎฺฐปิฯ
Kiṃ pana sabbakappiyakārakesu (pārā. aṭṭha. 2.538-539; vi. saṅga. aṭṭha. 65) evaṃ paṭipajjitabbanti? Na paṭipajjitabbaṃ. Ayañhi kappiyakārako nāma saṅkhepato duvidho niddiṭṭho ca aniddiṭṭho ca. Tattha ca niddiṭṭho duvidho bhikkhunā niddiṭṭho, dūtena niddiṭṭhoti. Aniddiṭṭhopi duvidho mukhavevaṭikakappiyakārako, parammukhakappiyakārakoti. Tesu bhikkhunā niddiṭṭho sammukhāsammukhavasena catubbidho hoti, tathā dūtena niddiṭṭhopi.
กถํ? อิเธกโจฺจ ภิกฺขุสฺส จีวรตฺถาย ทูเตน อกปฺปิยวตฺถุํ ปหิณติ, ทูโต จ ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิทํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนาเมน ตุมฺหากํ จีวรตฺถาย ปหิตํ, คณฺหถ น’’นฺติ วทติฯ ภิกฺขุ ‘‘อิทํ น กปฺปตี’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ ทูโต ‘‘อตฺถิ ปน เต, ภเนฺต, เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ ปุจฺฉติ, ปุญฺญตฺถิเกหิ จ อุปาสเกหิ ‘‘ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจํ กโรถา’’ติ อาณตฺตา วา ภิกฺขูนํ วา สนฺทิฎฺฐา สมฺภตฺตา เกจิ เวยฺยาวจฺจกรา โหนฺติ, เตสํ อญฺญตโร ตสฺมิํ ขเณ ภิกฺขุสฺส สนฺติเก นิสิโนฺน โหติ, ภิกฺขุ ตํ นิทฺทิสติ ‘‘อยํ ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ ฯ ทูโต ตสฺส หเตฺถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ กิณิตฺวา เทหี’’ติ คจฺฉติ, อยํ ภิกฺขุนา สมฺมุขานิทฺทิโฎฺฐฯ
Kathaṃ? Idhekacco bhikkhussa cīvaratthāya dūtena akappiyavatthuṃ pahiṇati, dūto ca taṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā ‘‘idaṃ, bhante, itthannāmena tumhākaṃ cīvaratthāya pahitaṃ, gaṇhatha na’’nti vadati. Bhikkhu ‘‘idaṃ na kappatī’’ti paṭikkhipati. Dūto ‘‘atthi pana te, bhante, veyyāvaccakaro’’ti pucchati, puññatthikehi ca upāsakehi ‘‘bhikkhūnaṃ veyyāvaccaṃ karothā’’ti āṇattā vā bhikkhūnaṃ vā sandiṭṭhā sambhattā keci veyyāvaccakarā honti, tesaṃ aññataro tasmiṃ khaṇe bhikkhussa santike nisinno hoti, bhikkhu taṃ niddisati ‘‘ayaṃ bhikkhūnaṃ veyyāvaccakaro’’ti . Dūto tassa hatthe akappiyavatthuṃ datvā ‘‘therassa cīvaraṃ kiṇitvā dehī’’ti gacchati, ayaṃ bhikkhunā sammukhāniddiṭṭho.
โน เจ ภิกฺขุสฺส (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๓๗; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๖๕) สนฺติเก นิสิโนฺน โหติ, อปิจ โข ภิกฺขุ นิทฺทิสติ ‘‘อสุกสฺมิํ นาม คาเม อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติฯ โส คนฺตฺวา ตสฺส หเตฺถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ กิณิตฺวา ทเทยฺยาสี’’ติ อาคนฺตฺวา ภิกฺขุสฺส อาโรเจตฺวา คจฺฉติ, อยเมโก ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิโฎฺฐฯ
No ce bhikkhussa (pārā. aṭṭha. 2.537; vi. saṅga. aṭṭha. 65) santike nisinno hoti, apica kho bhikkhu niddisati ‘‘asukasmiṃ nāma gāme itthannāmo bhikkhūnaṃ veyyāvaccakaro’’ti. So gantvā tassa hatthe akappiyavatthuṃ datvā ‘‘therassa cīvaraṃ kiṇitvā dadeyyāsī’’ti āgantvā bhikkhussa ārocetvā gacchati, ayameko bhikkhunā asammukhāniddiṭṭho.
น เหว โข โส ทูโต อตฺตนา อาคนฺตฺวา อาโรเจติ, อปิจ โข อญฺญํ ปหิณติ ‘‘ทินฺนํ มยา, ภเนฺต, ตสฺส หเตฺถ จีวรเจตาปนฺนํ, จีวรํ คเณฺหยฺยาถา’’ติ, อยํ ทุติโย ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิโฎฺฐฯ
Na heva kho so dūto attanā āgantvā āroceti, apica kho aññaṃ pahiṇati ‘‘dinnaṃ mayā, bhante, tassa hatthe cīvaracetāpannaṃ, cīvaraṃ gaṇheyyāthā’’ti, ayaṃ dutiyo bhikkhunā asammukhāniddiṭṭho.
น เหว โข อญฺญํ ปหิณติ, อปิจ โข คจฺฉโนฺตว ภิกฺขุํ วทติ ‘‘อหํ ตสฺส หเตฺถ จีวรเจตาปนฺนํ ทสฺสามิ, ตุเมฺห จีวรํ คเณฺหยฺยาถา’’ติ, อยํ ตติโย ภิกฺขุนา อสมฺมุขานิทฺทิโฎฺฐติ เอวํ เอโก สมฺมุขานิทฺทิโฎฺฐ ตโย อสมฺมุขานิทฺทิฎฺฐาติ อิเม จตฺตาโร ภิกฺขุนา นิทฺทิฎฺฐเวยฺยาวจฺจกรา นามฯ เอเตสุ อิมสฺมิํ ราชสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ
Na heva kho aññaṃ pahiṇati, apica kho gacchantova bhikkhuṃ vadati ‘‘ahaṃ tassa hatthe cīvaracetāpannaṃ dassāmi, tumhe cīvaraṃ gaṇheyyāthā’’ti, ayaṃ tatiyo bhikkhunā asammukhāniddiṭṭhoti evaṃ eko sammukhāniddiṭṭho tayo asammukhāniddiṭṭhāti ime cattāro bhikkhunā niddiṭṭhaveyyāvaccakarā nāma. Etesu imasmiṃ rājasikkhāpade vuttanayeneva paṭipajjitabbaṃ.
อปโร ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว ทูเตน ปุจฺฉิโต นตฺถิตาย วา อวิจาเรตุกามตาย วา ‘‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’’ติ วทติ, ตสฺมิญฺจ ขเณ โกจิ มนุโสฺส อาคจฺฉติ, ทูโต ตสฺส หเตฺถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘อิมสฺส หตฺถโต จีวรํ คเณฺหยฺยาถา’’ติ วตฺวา คจฺฉติ, อยํ ทูเตน สมฺมุขานิทฺทิโฎฺฐฯ
Aparo bhikkhu purimanayeneva dūtena pucchito natthitāya vā avicāretukāmatāya vā ‘‘natthamhākaṃ kappiyakārako’’ti vadati, tasmiñca khaṇe koci manusso āgacchati, dūto tassa hatthe akappiyavatthuṃ datvā ‘‘imassa hatthato cīvaraṃ gaṇheyyāthā’’ti vatvā gacchati, ayaṃ dūtena sammukhāniddiṭṭho.
อปโร ทูโต คามํ ปวิสิตฺวา อตฺตนา อภิรุจิตสฺส กสฺสจิ หเตฺถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา วา อาโรเจติ, อญฺญํ วา ปหิณติ, ‘‘อหํ อสุกสฺส นาม หเตฺถ จีวรเจตาปนฺนํ ทสฺสามิ, ตุเมฺห จีวรํ คเณฺหยฺยาถา’’ติ วตฺวา วา คจฺฉติ, อยํ ตติโย ทูเตน อสมฺมุขานิทฺทิโฎฺฐติ เอวํ เอโก สมฺมุขานิทฺทิโฎฺฐ, ตโย อสมฺมุขานิทฺทิฎฺฐาติ อิเม จตฺตาโร ทูเตน นิทฺทิฎฺฐเวยฺยาวจฺจกรา นามฯ เอเตสุ เมณฺฑกสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ
Aparo dūto gāmaṃ pavisitvā attanā abhirucitassa kassaci hatthe akappiyavatthuṃ datvā purimanayeneva āgantvā vā āroceti, aññaṃ vā pahiṇati, ‘‘ahaṃ asukassa nāma hatthe cīvaracetāpannaṃ dassāmi, tumhe cīvaraṃ gaṇheyyāthā’’ti vatvā vā gacchati, ayaṃ tatiyo dūtena asammukhāniddiṭṭhoti evaṃ eko sammukhāniddiṭṭho, tayo asammukhāniddiṭṭhāti ime cattāro dūtena niddiṭṭhaveyyāvaccakarā nāma. Etesu meṇḍakasikkhāpade vuttanayeneva paṭipajjitabbaṃ.
วุตฺตเญฺหตํ –
Vuttañhetaṃ –
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา, เต กปฺปิยการกานํ หเตฺถ หิรญฺญํ อุปนิกฺขิปนฺติ ‘อิมินา อยฺยสฺส ยํ กปฺปิยํ, ตํ เทถา’ติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ตโต กปฺปิยํ, ตํ สาทิตุํ, น เตฺววาหํ, ภิกฺขเว, เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามี’’ติ (มหาว. ๒๙๙)ฯ
‘‘Santi, bhikkhave, manussā saddhā pasannā, te kappiyakārakānaṃ hatthe hiraññaṃ upanikkhipanti ‘iminā ayyassa yaṃ kappiyaṃ, taṃ dethā’ti. Anujānāmi, bhikkhave, yaṃ tato kappiyaṃ, taṃ sādituṃ, na tvevāhaṃ, bhikkhave, kenaci pariyāyena jātarūparajataṃ sāditabbaṃ pariyesitabbanti vadāmī’’ti (mahāva. 299).
เอตฺถ จ โจทนาย ปริมาณํ นตฺถิฯ มูลํ อสาทิยเนฺตน สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ โจทนาย วา ฐาเนน วา กปฺปิยภณฺฑํ สาทิตุํ วฎฺฎติฯ โน เจ เทติ, อญฺญํ กปฺปิยการกํ ฐเปตฺวาปิ อาหราเปตพฺพํฯ สเจ อิจฺฉติ, มูลสามิกานมฺปิ กเถตพฺพํฯ โน เจ อิจฺฉติ, น กเถตพฺพํฯ
Ettha ca codanāya parimāṇaṃ natthi. Mūlaṃ asādiyantena sahassakkhattumpi codanāya vā ṭhānena vā kappiyabhaṇḍaṃ sādituṃ vaṭṭati. No ce deti, aññaṃ kappiyakārakaṃ ṭhapetvāpi āharāpetabbaṃ. Sace icchati, mūlasāmikānampi kathetabbaṃ. No ce icchati, na kathetabbaṃ.
อปโร ภิกฺขุ ปุริมนเยเนว ทูเตน ปุจฺฉิโต ‘‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’’ติ วทติ, ตทโญฺญ สมีเป ฐิโต สุตฺวา ‘‘อาหร, โภ, อหํ อยฺยสฺส จีวรํ เจตาเปตฺวา ทสฺสามี’’ติ วทติฯ ทูโต ‘‘หนฺท, โภ, ทเทยฺยาสี’’ติ ตสฺส หเตฺถ ทตฺวา ภิกฺขุสฺส อนาโรเจตฺวาว คจฺฉติ, อยํ มุขเววฎิกกปฺปิยการโกฯ
Aparo bhikkhu purimanayeneva dūtena pucchito ‘‘natthamhākaṃ kappiyakārako’’ti vadati, tadañño samīpe ṭhito sutvā ‘‘āhara, bho, ahaṃ ayyassa cīvaraṃ cetāpetvā dassāmī’’ti vadati. Dūto ‘‘handa, bho, dadeyyāsī’’ti tassa hatthe datvā bhikkhussa anārocetvāva gacchati, ayaṃ mukhavevaṭikakappiyakārako.
อปโร (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๓๘-๕๓๙; วิ. สงฺค. อฎฺฐ. ๖๕) ภิกฺขุโน อุปฎฺฐากสฺส วา อญฺญสฺส วา หเตฺถ อกปฺปิยวตฺถุํ ทตฺวา ‘‘เถรสฺส จีวรํ ทเทยฺยาสี’’ติ เอโตฺตว ปกฺกมติ, อยํ ปรมฺมุขกปฺปิยการโกติ อิเม เทฺว อนิทฺทิฎฺฐกปฺปิยการกา นามฯ เอเตสุ อญฺญาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ
Aparo (pārā. aṭṭha. 2.538-539; vi. saṅga. aṭṭha. 65) bhikkhuno upaṭṭhākassa vā aññassa vā hatthe akappiyavatthuṃ datvā ‘‘therassa cīvaraṃ dadeyyāsī’’ti ettova pakkamati, ayaṃ parammukhakappiyakārakoti ime dve aniddiṭṭhakappiyakārakā nāma. Etesu aññātakaappavāritesu viya paṭipajjitabbaṃ.
สเจ สยเมว จีวรํ อาเนตฺวา เทนฺติ, คเหตพฺพํฯ โน เจ, น กิญฺจิ วตฺตพฺพาฯ เตนาห ‘‘สเจ’’ติอาทิฯ กปฺปิยการเกติ สมฺมุขาสมฺมุขวเสน จตฺตาโร กปฺปิยการเกติ อโตฺถฯ ‘‘ทายโก สยเมวา’’ติ อิมินา ภิกฺขุํ ปฎิกฺขิปติ, น ทูตํฯ ตสฺมา ทูเตน นิทฺทิโฎฺฐปิ ยถารุจิ โจเทตุํ วฎฺฎติฯ มุขํ วิวริตฺวา สยเมว กปฺปิยการกตฺตํ อุปคโตติ มุขเววฎิกกปฺปิยการโกฯ เอวนฺติ ‘‘เอโส โข’’ติอาทินา ยถาวุเตฺตน อากาเรนฯ ทสฺสิตา โหนฺติ สเงฺขปโตติ อธิปฺปาโยฯ
Sace sayameva cīvaraṃ ānetvā denti, gahetabbaṃ. No ce, na kiñci vattabbā. Tenāha ‘‘sace’’tiādi. Kappiyakāraketi sammukhāsammukhavasena cattāro kappiyakāraketi attho. ‘‘Dāyako sayamevā’’ti iminā bhikkhuṃ paṭikkhipati, na dūtaṃ. Tasmā dūtena niddiṭṭhopi yathāruci codetuṃ vaṭṭati. Mukhaṃ vivaritvā sayameva kappiyakārakattaṃ upagatoti mukhavevaṭikakappiyakārako. Evanti ‘‘eso kho’’tiādinā yathāvuttena ākārena. Dassitā honti saṅkhepatoti adhippāyo.
วุตฺตโจทนาฎฺฐานปริมาณโตติ วุตฺตโจทนาปริมาณโต จ วุตฺตฎฺฐานปริมาณโต จฯ สนฺติกนฺติ สมีปํฯ ตตฺถาติ เอตฺถ กถมยมโตฺถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘สมีปเตฺถ หิ อิทํ ภุมฺมวจน’’นฺติ ฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘คงฺคายํ โคยูถานิ จรนฺติ, กูเป คคฺคกูล’’นฺติอาทีสุ วิย ยสฺมา สมีปาธาเร อิทํ สตฺตมีวิภตฺติวจนํ, ตสฺมา อยมโตฺถ ลพฺภตีติฯ เอวํ อกโรโนฺตติ สามํ วา อคจฺฉโนฺต, ทูตํ วา อปาเหโนฺตฯ
Vuttacodanāṭṭhānaparimāṇatoti vuttacodanāparimāṇato ca vuttaṭṭhānaparimāṇato ca. Santikanti samīpaṃ. Tatthāti ettha kathamayamattho labbhatīti āha ‘‘samīpatthe hi idaṃ bhummavacana’’nti . Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘gaṅgāyaṃ goyūthāni caranti, kūpe gaggakūla’’ntiādīsu viya yasmā samīpādhāre idaṃ sattamīvibhattivacanaṃ, tasmā ayamattho labbhatīti. Evaṃ akarontoti sāmaṃ vā agacchanto, dūtaṃ vā apāhento.
อชฺชโณฺห, ภเนฺต, อาคเมหีติ, ภเนฺต, อชฺช เอกทิวสํ อมฺหากํ ติฎฺฐ, อธิวาเสหีติ อโตฺถฯ ติกปาจิตฺติยนฺติ อติเรเกสุ โจทนาฎฺฐาเนสุ อติเรกสญฺญิเวมติกอูนกสญฺญีนํ วเสน ตีณิ ปาจิตฺติยานิฯ ติกฺขตฺตุํ โจทนาย ฉกฺขตฺตุํ ฐาเนน, อูนกติกฺขตฺตุํ โจทนาย อูนกจฺฉกฺขตฺตุํ ฐาเนน ลเทฺธปิ อนาปตฺติฯ อปฺปิตตาติ ปติฎฺฐาปิตตา, ‘‘สญฺญโตฺต โส มยา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๓๘) กถิตตาติ วุตฺตํ โหติฯ
Ajjaṇho, bhante, āgamehīti, bhante, ajja ekadivasaṃ amhākaṃ tiṭṭha, adhivāsehīti attho. Tikapācittiyanti atirekesu codanāṭṭhānesu atirekasaññivematikaūnakasaññīnaṃ vasena tīṇi pācittiyāni. Tikkhattuṃ codanāya chakkhattuṃ ṭhānena, ūnakatikkhattuṃ codanāya ūnakacchakkhattuṃ ṭhānena laddhepi anāpatti. Appitatāti patiṭṭhāpitatā, ‘‘saññatto so mayā’’tiādinā (pārā. 538) kathitatāti vuttaṃ hoti.
ราชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rājasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
จีวรวโคฺค ปฐโมฯ
Cīvaravaggo paṭhamo.