Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Rājasikkhāpadavaṇṇanā
๕๓๗-๕๓๙. ราชสิกฺขาปเท ปน ‘‘อชฺชโณฺห’’ติ ปาเฐ ‘‘อชฺชุโณฺห’’ติปิ ปฐนฺติฯ โภโคติ ภุญฺชิตโพฺพฯ ยํ วุตฺตํ มาติกาฎฺฐกถายํ ‘‘อิมินา จีวรเจตาปเนฺนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหีติ อิทํ อาคมนสุทฺธิํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ สเจ หิ ‘อิทํ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน เทหี’ติ เปเสยฺย, อาคมนสฺส อสุทฺธตฺตา อกปฺปิยวตฺถุํ อารพฺภ ภิกฺขุนา กปฺปิยการโกปิ นิทฺทิสิตโพฺพ น ภเวยฺยา’’ติ, ตตฺถ อาคมนสฺส สุทฺธิยา วา อสุทฺธิยา วา วิเสสปฺปโยชนํ น ทิสฺสติฯ สติปิ หิ อาคมนสฺส อสุทฺธภาเว ทูโต อตฺตโน กุสลตาย กปฺปิยโวหาเรน วทติ, ‘‘กปฺปิยการโก น นิทฺทิสิตโพฺพ’’ติ อิทํ นตฺถิ, น จ ทูเตน กปฺปิยโวหารวเสน วุเตฺต ทายเกน อิทํ กถํ เปสิตนฺติ อีทิสี วิจารณา อุปลพฺภติ, อวิจาเรตฺวา จ ตํ น สกฺกา ชานิตุํ, ยทิ ปน อาคมนสฺส อสุทฺธตฺตา กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตโพฺพ น ภเวยฺย, จีวรานํ อตฺถาย ทูตสฺส หเตฺถ อกปฺปิยวตฺถุสฺมิํ เปสิเต สพฺพตฺถ ทายเกน กถํ เปสิตนฺติ ปุจฺฉิตฺวาว กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตโพฺพ ภเวยฺยฯ ตสฺมา อสติปิ อาคมนสุทฺธิยํ สเจ โส ทูโต อตฺตโน กุสลตาย กปฺปิยโวหารวเสน วทติ, ทูตเสฺสว วจนํ คเหตพฺพํฯ ยทิ หิ อาคมนสุทฺธิเยเวตฺถ ปมาณํ, มูลสามิเกน กปฺปิยโวหารวเสน เปสิตสฺส ทูตสฺส อกปฺปิยโวหารวเสน วทโตปิ กปฺปิยการโก นิทฺทิสิตโพฺพ ภเวยฺย, ตสฺมา สพฺพตฺถ ทูตวจนเมว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํฯ
537-539. Rājasikkhāpade pana ‘‘ajjaṇho’’ti pāṭhe ‘‘ajjuṇho’’tipi paṭhanti. Bhogoti bhuñjitabbo. Yaṃ vuttaṃ mātikāṭṭhakathāyaṃ ‘‘iminā cīvaracetāpannena cīvaraṃ cetāpetvā itthannāmaṃ bhikkhuṃ cīvarena acchādehīti idaṃ āgamanasuddhiṃ dassetuṃ vuttaṃ. Sace hi ‘idaṃ itthannāmassa bhikkhuno dehī’ti peseyya, āgamanassa asuddhattā akappiyavatthuṃ ārabbha bhikkhunā kappiyakārakopi niddisitabbo na bhaveyyā’’ti, tattha āgamanassa suddhiyā vā asuddhiyā vā visesappayojanaṃ na dissati. Satipi hi āgamanassa asuddhabhāve dūto attano kusalatāya kappiyavohārena vadati, ‘‘kappiyakārako na niddisitabbo’’ti idaṃ natthi, na ca dūtena kappiyavohāravasena vutte dāyakena idaṃ kathaṃ pesitanti īdisī vicāraṇā upalabbhati, avicāretvā ca taṃ na sakkā jānituṃ, yadi pana āgamanassa asuddhattā kappiyakārako niddisitabbo na bhaveyya, cīvarānaṃ atthāya dūtassa hatthe akappiyavatthusmiṃ pesite sabbattha dāyakena kathaṃ pesitanti pucchitvāva kappiyakārako niddisitabbo bhaveyya. Tasmā asatipi āgamanasuddhiyaṃ sace so dūto attano kusalatāya kappiyavohāravasena vadati, dūtasseva vacanaṃ gahetabbaṃ. Yadi hi āgamanasuddhiyevettha pamāṇaṃ, mūlasāmikena kappiyavohāravasena pesitassa dūtassa akappiyavohāravasena vadatopi kappiyakārako niddisitabbo bhaveyya, tasmā sabbattha dūtavacanameva pamāṇanti gahetabbaṃ.
อิมินา จีวรเจตาปเนฺนนาติอาทินา ปน อิมมตฺถํ ทเสฺสติ – กปฺปิย วเสน อาคตมฺปิ จีวรมูลํ อีทิเสน ทูตวจเนน อกปฺปิยํ โหติ, ตสฺมา ตํ ปฎิกฺขิปิตพฺพนฺติฯ เตเนวาห – ‘‘เตน ภิกฺขุนา โส ทูโต เอวมสฺส วจนีโย’’ติอาทิฯ สุวณฺณํ, รชตํ, กหาปโณ, มาสโกติ อิมานิ หิ จตฺตาริ นิสฺสคฺคิยวตฺถูนิ, มุตฺตา, มณิ, เวฬุริโย, สโงฺข, สิลา, ปวาฬํ, โลหิตโงฺก, มสารคลฺลํ, สตฺต ธญฺญานิ, ทาสิทาสํ, เขตฺตํ, วตฺถุ, ปุปฺผารามผลารามาทโยติ อิมานิ ทุกฺกฎวตฺถูนิ จ อตฺตโน วา เจติยสงฺฆคณปุคฺคลานํ วา อตฺถาย สมฺปฎิจฺฉิตุํ น วฎฺฎนฺติ, ตสฺมา ตํ สาทิตุํ น วฎฺฎตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘น โข มยํ, อาวุโส, จีวรเจตาปนฺนํ ปฎิคฺคณฺหามา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘จีวรญฺจ โข มยํ ปฎิคฺคณฺหามา’’ติ อิทํ ปน อตฺตานํ อุทฺทิสฺส อาภตตฺตา วตฺตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา วุตฺตํฯ ‘‘เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิสิตโพฺพ’’ติ อิทํ ‘‘อตฺถิ ปนายสฺมโต โกจิ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ กปฺปิยวจเนน วุตฺตตฺตา อนุญฺญาตํฯ สเจ ปน ทูโต ‘‘โก อิมํ คณฺหาตี’’ติ วา ‘‘กสฺส เทมี’’ติ วา วทติ, น นิทฺทิสิตโพฺพฯ ‘‘อารามิโก วา อุปาสโก วา’’ติ อิทํ สารุปฺปตาย วุตฺตํ, ฐเปตฺวา ปน ปญฺจ สหธมฺมิเก โย โกจิ กปฺปิยการโก วฎฺฎติฯ ‘‘เอโส โข, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติ อิทํ ภิกฺขุสฺส กปฺปิยวจนทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เอวเมว หิ วตฺตพฺพํ, ‘‘เอตสฺส เทหี’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํฯ โส วา เจตาเปสฺสติ วาติ เอตฺถ เอโก วา-สโทฺท ปทปูรโณ, ‘‘สญฺญโตฺต โส มยา’’ติอาทิ ปน ทูเตน เอวํ อาโรจิเตเยว ตํ โจเทตุํ วฎฺฎติ, เนวาสฺส หเตฺถ ทตฺวา คตมตฺตการเณนาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ
Iminā cīvaracetāpannenātiādinā pana imamatthaṃ dasseti – kappiya vasena āgatampi cīvaramūlaṃ īdisena dūtavacanena akappiyaṃ hoti, tasmā taṃ paṭikkhipitabbanti. Tenevāha – ‘‘tena bhikkhunā so dūto evamassa vacanīyo’’tiādi. Suvaṇṇaṃ, rajataṃ, kahāpaṇo, māsakoti imāni hi cattāri nissaggiyavatthūni, muttā, maṇi, veḷuriyo, saṅkho, silā, pavāḷaṃ, lohitaṅko, masāragallaṃ, satta dhaññāni, dāsidāsaṃ, khettaṃ, vatthu, pupphārāmaphalārāmādayoti imāni dukkaṭavatthūni ca attano vā cetiyasaṅghagaṇapuggalānaṃ vā atthāya sampaṭicchituṃ na vaṭṭanti, tasmā taṃ sādituṃ na vaṭṭatīti dassanatthaṃ ‘‘na kho mayaṃ, āvuso, cīvaracetāpannaṃ paṭiggaṇhāmā’’ti vuttaṃ, ‘‘cīvarañca kho mayaṃ paṭiggaṇhāmā’’ti idaṃ pana attānaṃ uddissa ābhatattā vattuṃ vaṭṭati, tasmā vuttaṃ. ‘‘Veyyāvaccakaro niddisitabbo’’ti idaṃ ‘‘atthi panāyasmato koci veyyāvaccakaro’’ti kappiyavacanena vuttattā anuññātaṃ. Sace pana dūto ‘‘ko imaṃ gaṇhātī’’ti vā ‘‘kassa demī’’ti vā vadati, na niddisitabbo. ‘‘Ārāmiko vā upāsako vā’’ti idaṃ sāruppatāya vuttaṃ, ṭhapetvā pana pañca sahadhammike yo koci kappiyakārako vaṭṭati. ‘‘Eso kho, āvuso, bhikkhūnaṃ veyyāvaccakaro’’ti idaṃ bhikkhussa kappiyavacanadassanatthaṃ vuttaṃ. Evameva hi vattabbaṃ, ‘‘etassa dehī’’tiādi na vattabbaṃ. So vā cetāpessati vāti ettha eko vā-saddo padapūraṇo, ‘‘saññatto so mayā’’tiādi pana dūtena evaṃ ārociteyeva taṃ codetuṃ vaṭṭati, nevāssa hatthe datvā gatamattakāraṇenāti dassanatthaṃ vuttaṃ.
เอตานิ หิ วจนานิ…เป.… น วตฺตโพฺพติ เอตฺถ ‘‘เอวํ วทโนฺต ปฎิกฺขิตฺตสฺส กตตฺตา วตฺตเภเท ทุกฺกฎํ อาปชฺชติ, โจทนา ปน โหติเยวา’’ติ มหาคณฺฐิปเท มชฺฌิมคณฺฐิปเท จ วุตฺตํฯ อุทฺทิฎฺฐโจทนาปริเจฺฉทํ ทเสฺสตฺวาติ ‘‘ทุติยมฺปิ วตฺตโพฺพ’’ติอาทินา ทเสฺสตฺวาฯ ปุจฺฉิยมาโนติ เอตฺถ ปุจฺฉิยมาเนนาติ อโตฺถ คเหตโพฺพติ อาห ‘‘กรณเตฺถ ปจฺจตฺตวจน’’นฺติฯ อาคตการณํ ภญฺชตีติ อาคตการณํ วินาเสติฯ
Etānihi vacanāni…pe… na vattabboti ettha ‘‘evaṃ vadanto paṭikkhittassa katattā vattabhede dukkaṭaṃ āpajjati, codanā pana hotiyevā’’ti mahāgaṇṭhipade majjhimagaṇṭhipade ca vuttaṃ. Uddiṭṭhacodanāparicchedaṃ dassetvāti ‘‘dutiyampi vattabbo’’tiādinā dassetvā. Pucchiyamānoti ettha pucchiyamānenāti attho gahetabboti āha ‘‘karaṇatthe paccattavacana’’nti. Āgatakāraṇaṃ bhañjatīti āgatakāraṇaṃ vināseti.
เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘อาคตการณํ นาม จีวรคฺคหณํ, ตํ ภญฺชตีติ วุตฺตตฺตา ปุน ตํ จีวรํ เยน เกนจิ อากาเรน คเหตุํ น วฎฺฎตี’’ติฯ เกจิ ปน ‘‘อาคตการณํ นาม กายวาจาหิ โจทนา, ตํ ภญฺชตีติ วุตฺตตฺตา ปุน ตํ เยน เกนจิ อากาเรน โจเทตุํ น ลภติฯ สเจ สยเมว เทติ, มูลสามิโก วา ทาเปติ, คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ อปเร ปน ‘‘อาคตการณํ นาม ฐานํ, ตํ ภญฺชตีติ วุตฺตตฺตา ยถา ‘อโตฺถ เม, อาวุโส, จีวเรนา’ติ เอกาย โจทนาย เทฺว ฐานานิ ภญฺชติ, เอวมิธาปิ สเจ อาสเน นิสีทติ, เอกาย นิสชฺชาย เทฺว ฐานานิ ภญฺชติฯ อามิสํ เจ ปฎิคฺคณฺหาติ, เอเกน ปฎิคฺคหเณน เทฺว ฐานานิ ภญฺชติฯ ธมฺมํ เจ ภาสติ, ธมฺมเทสนาสิกฺขาปเท วุตฺตปริเจฺฉทาย เอกาย วาจาย เทฺว ฐานานิ ภญฺชตี’’ติ วทนฺติฯ อิเมสํ ปน สเพฺพสมฺปิ วาทํ ‘‘อยุตฺต’’นฺติ ปฎิกฺขิปิตฺวา ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ อิทํ วุตฺตํ ‘‘อาคตการณํ นาม ฐานเมว, ตสฺมา ‘น กตฺตพฺพ’นฺติ วาริตสฺส กตตฺตา นิสชฺชาทีสุ กเตสุ ฉสุ ฐาเนสุ เอกํ ฐานํ ภญฺชตี’’ติฯ
Ettha keci vadanti ‘‘āgatakāraṇaṃ nāma cīvaraggahaṇaṃ, taṃ bhañjatīti vuttattā puna taṃ cīvaraṃ yena kenaci ākārena gahetuṃ na vaṭṭatī’’ti. Keci pana ‘‘āgatakāraṇaṃ nāma kāyavācāhi codanā, taṃ bhañjatīti vuttattā puna taṃ yena kenaci ākārena codetuṃ na labhati. Sace sayameva deti, mūlasāmiko vā dāpeti, gahetuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Apare pana ‘‘āgatakāraṇaṃ nāma ṭhānaṃ, taṃ bhañjatīti vuttattā yathā ‘attho me, āvuso, cīvarenā’ti ekāya codanāya dve ṭhānāni bhañjati, evamidhāpi sace āsane nisīdati, ekāya nisajjāya dve ṭhānāni bhañjati. Āmisaṃ ce paṭiggaṇhāti, ekena paṭiggahaṇena dve ṭhānāni bhañjati. Dhammaṃ ce bhāsati, dhammadesanāsikkhāpade vuttaparicchedāya ekāya vācāya dve ṭhānāni bhañjatī’’ti vadanti. Imesaṃ pana sabbesampi vādaṃ ‘‘ayutta’’nti paṭikkhipitvā tīsupi gaṇṭhipadesu idaṃ vuttaṃ ‘‘āgatakāraṇaṃ nāma ṭhānameva, tasmā ‘na kattabba’nti vāritassa katattā nisajjādīsu katesu chasu ṭhānesu ekaṃ ṭhānaṃ bhañjatī’’ti.
ตตฺร ตตฺร ฐาเน ติฎฺฐตีติ อิทํ โจทกสฺส ฐิตฎฺฐานโต อปกฺกมฺม ตตฺร ตตฺร อุทฺทิสฺส ฐานํเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ ‘‘สามํ วา คนฺตพฺพํ, ทูโต วา ปาเหตโพฺพ’’ติ อิทํ สภาวโต โจเทตุํ อนิจฺฉเนฺตนปิ กาตพฺพเมวาติ วทนฺติฯ มุขํ วิวริตฺวา สยเมว กปฺปิยการกตฺตํ อุปคโตติ มุขเววฎิกกปฺปิยการโกฯ อวิจาเรตุกามตายาติ อิมสฺมิํ ปเกฺข ‘‘นตฺถมฺหากํ กปฺปิยการโก’’ติ อิทํ ‘‘ตาทิสํ กโรโนฺต กปฺปิยการโก นตฺถี’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํฯ
Tatratatra ṭhāne tiṭṭhatīti idaṃ codakassa ṭhitaṭṭhānato apakkamma tatra tatra uddissa ṭhānaṃyeva sandhāya vuttaṃ. ‘‘Sāmaṃ vā gantabbaṃ, dūto vā pāhetabbo’’ti idaṃ sabhāvato codetuṃ anicchantenapi kātabbamevāti vadanti. Mukhaṃ vivaritvā sayameva kappiyakārakattaṃ upagatoti mukhavevaṭikakappiyakārako. Avicāretukāmatāyāti imasmiṃ pakkhe ‘‘natthamhākaṃ kappiyakārako’’ti idaṃ ‘‘tādisaṃ karonto kappiyakārako natthī’’ti iminā adhippāyena vuttaṃ.
‘‘เมณฺฑกสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ตํ เมณฺฑกสิกฺขาปทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘วุตฺตเญฺหต’’นฺติอาทิมาหฯ อิทเมว หิ ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, สทฺธา ปสนฺนา’’ติอาทิวจนํ เภสชฺชกฺขนฺธเก เมณฺฑกวตฺถุสฺมิํ (มหาว. ๒๙๙) วุตฺตตฺตา ‘‘เมณฺฑกสิกฺขาปท’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ หิ เมณฺฑเกน นาม เสฎฺฐินา –
‘‘Meṇḍakasikkhāpade vuttanayena paṭipajjitabba’’nti vatvā idāni taṃ meṇḍakasikkhāpadaṃ dassento ‘‘vuttañheta’’ntiādimāha. Idameva hi ‘‘santi, bhikkhave, saddhā pasannā’’tiādivacanaṃ bhesajjakkhandhake meṇḍakavatthusmiṃ (mahāva. 299) vuttattā ‘‘meṇḍakasikkhāpada’’nti vuttaṃ. Tattha hi meṇḍakena nāma seṭṭhinā –
‘‘สนฺติ , ภเนฺต, มคฺคา กนฺตารา อโปฺปทกา อปฺปภกฺขา, น สุกรา อปาเถเยฺยน คนฺตุํ, สาธุ, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาเถยฺยํ อนุชานาตู’’ติ –
‘‘Santi , bhante, maggā kantārā appodakā appabhakkhā, na sukarā apātheyyena gantuṃ, sādhu, bhante, bhagavā bhikkhūnaṃ pātheyyaṃ anujānātū’’ti –
ยาจิเตน ภควตา –
Yācitena bhagavatā –
‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาเถยฺยํ ปริเยสิตุํฯ ตณฺฑุโล ตณฺฑุลตฺถิเกน, มุโคฺค มุคฺคตฺถิเกน, มาโส มาสตฺถิเกน, โลณํ โลณตฺถิเกน, คุโฬ คุฬตฺถิเกน, เตลํ เตลตฺถิเกน, สปฺปิ สปฺปิตฺถิเกนา’’ติ –
‘‘Anujānāmi, bhikkhave, pātheyyaṃ pariyesituṃ. Taṇḍulo taṇḍulatthikena, muggo muggatthikena, māso māsatthikena, loṇaṃ loṇatthikena, guḷo guḷatthikena, telaṃ telatthikena, sappi sappitthikenā’’ti –
วตฺวา อิทํ วุตฺตํ –
Vatvā idaṃ vuttaṃ –
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา, เต กปฺปิยการกานํ หเตฺถ หิรญฺญํ อุปนิกฺขิปนฺติ ‘อิมินา อยฺยสฺส ยํ กปฺปิยํ, ตํ เทถา’ติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ตโต กปฺปิยํ, ตํ สาทิตุํ, น เตฺววาหํ ภิกฺขเว เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามี’’ติฯ
‘‘Santi, bhikkhave, manussā saddhā pasannā, te kappiyakārakānaṃ hatthe hiraññaṃ upanikkhipanti ‘iminā ayyassa yaṃ kappiyaṃ, taṃ dethā’ti. Anujānāmi, bhikkhave, yaṃ tato kappiyaṃ, taṃ sādituṃ, na tvevāhaṃ bhikkhave kenaci pariyāyena jātarūparajataṃ sāditabbaṃ pariyesitabbanti vadāmī’’ti.
หิรญฺญํ อุปนิกฺขิปนฺตีติ เอตฺถาปิ ภิกฺขุสฺส อาโรจนํ อตฺถิเยวาติ คเหตพฺพํฯ อญฺญถา อนิทฺทิฎฺฐกปฺปิยการกตฺตํ ภชตีติ น โจเทตโพฺพ สิยาฯ ยทิ มูลํ สนฺธาย โจเทติ, ตํ สาทิตเมว สิยาติ อาห ‘‘มูลํ อสาทิยเนฺตนา’’ติฯ
Hiraññaṃupanikkhipantīti etthāpi bhikkhussa ārocanaṃ atthiyevāti gahetabbaṃ. Aññathā aniddiṭṭhakappiyakārakattaṃ bhajatīti na codetabbo siyā. Yadi mūlaṃ sandhāya codeti, taṃ sāditameva siyāti āha ‘‘mūlaṃ asādiyantenā’’ti.
‘‘อญฺญาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ อิทํ อตฺตนา โจทนาฐานญฺจ น กาตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ อญฺญํ ปน กปฺปิยการกํ เปเสตฺวา โลกจาริตฺตวเสน อนุยุญฺชิตฺวาปิ กปฺปิยวตฺถุํ อาหราเปตุํ วฎฺฎติ อตฺตานํ อุทฺทิสฺส นิกฺขิตฺตสฺส อตฺตโน สนฺตกตฺตา’’ติ เกจิ วทนฺติ, ตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘อญฺญาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ สเจ สยเมว จีวรํ อาเนตฺวา เทนฺติ, คเหตพฺพํฯ โน เจ, กิญฺจิ น วตฺตพฺพา’’ติ ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตตฺตา น คเหตพฺพนฺติ อมฺหากํ ขนฺติฯ น หิ อญฺญาตกอปฺปวาริตํ สยํ อวิญฺญาเปตฺวา อเญฺญน วิญฺญาเปตุํ วฎฺฎติ, น จ ยตฺถ อญฺญํ เปเสตฺวา อาหราเปตุํ วฎฺฎติ, ตตฺถ สยํ คนฺตฺวา น อาหราเปตพฺพนฺติ สกฺกา วตฺถุํฯ ยทิ เจตฺถ อเญฺญน อาหราเปตุํ วฎฺฎติ, ‘‘อญฺญาตกอปฺปวาริเตสุ วิย ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติอาทิวจนเมว นิรตฺถกํ สิยาฯ ‘‘ทูเตนา’’ติ อิมสฺส พฺยภิจารํ ทเสฺสติ ‘‘สยํ อาหริตฺวาปี’’ติฯ ททเนฺตสูติ อิมินา สมฺพโนฺธ ฯ ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถายาติ อิมินา ปน ‘‘จีวรเจตาปนฺน’’นฺติ อิมสฺส พฺยภิจารํ ทเสฺสติฯ ‘‘เอเสว นโย’’ติ วุตฺตตฺตา ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย ทิเนฺนปิ ฐานโจทนาทิ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว กาตพฺพํฯ
‘‘Aññātakaappavāritesu viya paṭipajjitabbanti idaṃ attanā codanāṭhānañca na kātabbanti dassanatthaṃ vuttaṃ. Aññaṃ pana kappiyakārakaṃ pesetvā lokacārittavasena anuyuñjitvāpi kappiyavatthuṃ āharāpetuṃ vaṭṭati attānaṃ uddissa nikkhittassa attano santakattā’’ti keci vadanti, taṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘aññātakaappavāritesu viya paṭipajjitabbaṃ. Sace sayameva cīvaraṃ ānetvā denti, gahetabbaṃ. No ce, kiñci na vattabbā’’ti daḷhaṃ katvā vuttattā na gahetabbanti amhākaṃ khanti. Na hi aññātakaappavāritaṃ sayaṃ aviññāpetvā aññena viññāpetuṃ vaṭṭati, na ca yattha aññaṃ pesetvā āharāpetuṃ vaṭṭati, tattha sayaṃ gantvā na āharāpetabbanti sakkā vatthuṃ. Yadi cettha aññena āharāpetuṃ vaṭṭati, ‘‘aññātakaappavāritesu viya paṭipajjitabba’’ntiādivacanameva niratthakaṃ siyā. ‘‘Dūtenā’’ti imassa byabhicāraṃ dasseti ‘‘sayaṃ āharitvāpī’’ti. Dadantesūti iminā sambandho . Piṇḍapātādīnaṃ atthāyāti iminā pana ‘‘cīvaracetāpanna’’nti imassa byabhicāraṃ dasseti. ‘‘Eseva nayo’’ti vuttattā piṇḍapātādīnaṃ atthāya dinnepi ṭhānacodanādi sabbaṃ heṭṭhā vuttanayeneva kātabbaṃ.
ปฎิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺตีติ ปฎิคฺคหเณ ปาจิตฺติยํ, ปริโภเค ทุกฺกฎํฯ เสฺวว สาปตฺติโกติ ทุกฺกฎาปตฺติํ สนฺธาย วทติฯ อิทญฺจ อฎฺฐกถาปมาเณเนว คเหตพฺพํฯ ‘‘ปรสฺส นิโทฺทสภาวทสฺสนตฺถํ เสฺวว สาปตฺติโก สโทโสติ วุตฺตํ โหตี’’ติปิ วทนฺติฯ ‘‘โจเทตีติ วุตฺตตฺตา ปน อาปตฺติยา โจเทตีติ กตฺวา เสฺวว สาปตฺติโกติ อิทํ ทุกฺกฎํเยว สนฺธาย วตฺตุํ ยุตฺต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ ปฎิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺติเยวาติ ทุกฺกฎเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ ตฬากสฺสปิ เขตฺตสงฺคหิตตฺตา ตสฺส ปฎิคฺคหเณปิ อาปตฺติ วุตฺตาฯ จตฺตาโร ปจฺจเย สโงฺฆ ปริภุญฺชตูติ เทตีติ เอตฺถ ‘‘ภิกฺขุสโงฺฆ จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุญฺจตุ, ตฬากํ ทมฺมี’’ติ วา ‘‘จตุปจฺจยปริโภคตฺถํ ตฬากํ ทมฺมี’’ติ วา วทติ, วฎฺฎติเยวฯ ‘‘อิโต ตฬากโต อุปฺปเนฺน จตฺตาโร ปจฺจเย ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ
Paṭiggahaṇepi paribhogepi āpattīti paṭiggahaṇe pācittiyaṃ, paribhoge dukkaṭaṃ. Sveva sāpattikoti dukkaṭāpattiṃ sandhāya vadati. Idañca aṭṭhakathāpamāṇeneva gahetabbaṃ. ‘‘Parassa niddosabhāvadassanatthaṃ sveva sāpattiko sadosoti vuttaṃ hotī’’tipi vadanti. ‘‘Codetīti vuttattā pana āpattiyā codetīti katvā sveva sāpattikoti idaṃ dukkaṭaṃyeva sandhāya vattuṃ yutta’’nti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Paṭiggahaṇepi paribhogepi āpattiyevāti dukkaṭameva sandhāya vuttaṃ. Taḷākassapi khettasaṅgahitattā tassa paṭiggahaṇepi āpatti vuttā. Cattāro paccaye saṅgho paribhuñjatūti detīti ettha ‘‘bhikkhusaṅgho cattāro paccaye paribhuñcatu, taḷākaṃ dammī’’ti vā ‘‘catupaccayaparibhogatthaṃ taḷākaṃ dammī’’ti vā vadati, vaṭṭatiyeva. ‘‘Ito taḷākato uppanne cattāro paccaye dammī’’ti vutte pana vattabbameva natthi.
อมฺหากํ เอกํ กปฺปิยการกํ ฐเปถาติ วุเตฺตติ อิทํ อีทิสํเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ กปฺปิยกฺกเมน สมฺปฎิจฺฉิเตสุ เขตฺตตฬากาทีสุ ปน อวุเตฺตปิ กปฺปิยการกํ ฐเปตุํ ลพฺภติเยวฯ ยสฺมา ปรสนฺตกํ นาเสตุํ ภิกฺขูนํ น วฎฺฎติ, ตสฺมา ‘‘น สสฺสกาเล’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘ชนปทสฺส สามิโกติ อิมินาว โย ตํ ชนปทํ วิจาเรติ, เตนปิ อจฺฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ วฎฺฎติเยวา’’ติ วทนฺติฯ อุทกวาหกนฺติ อุทกมาติกํฯ กปฺปิยโวหาเรปีติ เอตฺถ ‘‘วิธานํ วกฺขามา’’ติ ปาฐเสโสฯ อุทกวเสนาติ อุทกปริโภคตฺถํฯ สุทฺธจิตฺตานนฺติ เกวลํ อุทกปริโภคตฺถเมวาติ อธิปฺปาโยฯ อลชฺชินา การาปิเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ลชฺชีภิกฺขุนา’’ติฯ ปกติภาโค นาม อิมสฺมิํ รเฎฺฐ จตุอมฺพณมตฺตํฯ อกฎฺฐปุพฺพํ นวสสฺสํ นามฯ อปริจฺฉินฺนภาเคติ ‘‘เอตฺตเก ภูมิภาเค เอตฺตโก ภาโค ทาตโพฺพ’’ติ เอวํ อปริจฺฉินฺนภาเคฯ
Amhākaṃ ekaṃ kappiyakārakaṃ ṭhapethāti vutteti idaṃ īdisaṃyeva sandhāya vuttaṃ. Kappiyakkamena sampaṭicchitesu khettataḷākādīsu pana avuttepi kappiyakārakaṃ ṭhapetuṃ labbhatiyeva. Yasmā parasantakaṃ nāsetuṃ bhikkhūnaṃ na vaṭṭati, tasmā ‘‘na sassakāle’’ti vuttaṃ. ‘‘Janapadassa sāmikoti imināva yo taṃ janapadaṃ vicāreti, tenapi acchinditvā dinnaṃ vaṭṭatiyevā’’ti vadanti. Udakavāhakanti udakamātikaṃ. Kappiyavohārepīti ettha ‘‘vidhānaṃ vakkhāmā’’ti pāṭhaseso. Udakavasenāti udakaparibhogatthaṃ. Suddhacittānanti kevalaṃ udakaparibhogatthamevāti adhippāyo. Alajjinā kārāpite vattabbameva natthīti āha ‘‘lajjībhikkhunā’’ti. Pakatibhāgo nāma imasmiṃ raṭṭhe catuambaṇamattaṃ. Akaṭṭhapubbaṃ navasassaṃ nāma. Aparicchinnabhāgeti ‘‘ettake bhūmibhāge ettako bhāgo dātabbo’’ti evaṃ aparicchinnabhāge.
รชฺชุยา วา ทเณฺฑน วาติ เอตฺถ ‘‘ปาเทหิปิ มินิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ ขเล วา ฐตฺวา รกฺขตีติ เอตฺถ ปน เถเนตฺวา คณฺหเนฺต ทิสฺวา ‘‘มา คณฺหถา’’ติ นิวาเรโนฺต รกฺขติ นามฯ สเจ ปน อวิจาเรตฺวา เกวลํ ตุณฺหีภูโตว รกฺขณตฺถาย โอโลเกโนฺต ติฎฺฐติ, วฎฺฎติฯ สเจปิ ตสฺมิํ ตุณฺหีภูเต โจริกาย หรนฺติ, ‘‘มยํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจสฺสามา’’ติ เอวํ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ นีหราเปติ ปฎิสาเมตีติ เอตฺถาปิ ‘‘สเจ ปริยาเยน วทติ, วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ อปุพฺพสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา อเญฺญสํ วฎฺฎตีติ อาห ‘‘ตเสฺสว ตํ อกปฺปิย’’นฺติฯ
Rajjuyā vā daṇḍena vāti ettha ‘‘pādehipi minituṃ na vaṭṭatī’’ti vadanti. Khale vā ṭhatvā rakkhatīti ettha pana thenetvā gaṇhante disvā ‘‘mā gaṇhathā’’ti nivārento rakkhati nāma. Sace pana avicāretvā kevalaṃ tuṇhībhūtova rakkhaṇatthāya olokento tiṭṭhati, vaṭṭati. Sacepi tasmiṃ tuṇhībhūte corikāya haranti, ‘‘mayaṃ bhikkhusaṅghassa ārocessāmā’’ti evaṃ vattuṃ vaṭṭatīti vadanti. Nīharāpeti paṭisāmetīti etthāpi ‘‘sace pariyāyena vadati, vaṭṭatī’’ti vadanti. Apubbassa anuppāditattā aññesaṃ vaṭṭatīti āha ‘‘tasseva taṃ akappiya’’nti.
นนุ จ ทุพฺพิจาริตมเตฺตน ตเสฺสว ตํ อกปฺปิยํ, น สเพฺพสํ รูปิยสํโวหาเร จตุตฺถปโตฺต วิยฯ วุตฺตญฺหิ ตตฺถ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๘๙) ‘‘โย ปน รูปิยํ อสมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘เถรสฺส ปตฺตํ กิณิตฺวา เทหี’ติ ปหิตกปฺปิยการเกน สทฺธิํ กมฺมารกุลํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ทิสฺวา ‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ เทหี’ติ กหาปเณ ทาเปตฺวา คหิโต, อยํ ปโตฺต เอตเสฺสว ภิกฺขุโน น วฎฺฎติ ทุพฺพิจาริตตฺตา, อเญฺญสํ ปน วฎฺฎติ มูลสฺส อสมฺปฎิจฺฉิตตฺตา’’ติฯ ตสฺมา ยํ เต อาหรนฺติ, สเพฺพสํ อกปฺปิยํฯ กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตาติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? เอตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘กหาปเณ สาทิยิตฺวา วิจาริตํ สนฺธาย เอวํ วุตฺต’’นฺติฯ สงฺฆิกตฺตา จ นิสฺสชฺชิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา สเพฺพสํ น กปฺปตีติ เตสํ อธิปฺปาโยฯ เกจิ ปน ‘‘อสาทิยิตฺวาปิ กหาปณานํ วิจาริตตฺตา รูปิยสํโวหาโร กโต โหติ, สงฺฆิกตฺตา จ นิสฺสชฺชิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา สเพฺพสํ น กปฺปตี’’ติ วทนฺติฯ คณฺฐิปเทสุ ปน ตีสุปิ อิทํ วุตฺตํ ‘‘จตุตฺถปโตฺต คิหิสนฺตกานํเยว กหาปณานํ วิจาริตตฺตา อเญฺญสํ กปฺปติ, อิธ ปน สงฺฆิกานํ วิจาริตตฺตา สเพฺพสํ น กปฺปตี’’ติฯ สเพฺพสมฺปิ วาโท เตน เตน ปริยาเยน ยุชฺชติเยวฯ
Nanu ca dubbicāritamattena tasseva taṃ akappiyaṃ, na sabbesaṃ rūpiyasaṃvohāre catutthapatto viya. Vuttañhi tattha (pārā. aṭṭha. 2.589) ‘‘yo pana rūpiyaṃ asampaṭicchitvā ‘therassa pattaṃ kiṇitvā dehī’ti pahitakappiyakārakena saddhiṃ kammārakulaṃ gantvā pattaṃ disvā ‘ime kahāpaṇe gahetvā imaṃ dehī’ti kahāpaṇe dāpetvā gahito, ayaṃ patto etasseva bhikkhuno na vaṭṭati dubbicāritattā, aññesaṃ pana vaṭṭati mūlassa asampaṭicchitattā’’ti. Tasmā yaṃ te āharanti, sabbesaṃ akappiyaṃ. Kasmā? Kahāpaṇānaṃ vicāritattāti idaṃ kasmā vuttanti? Ettha keci vadanti ‘‘kahāpaṇe sādiyitvā vicāritaṃ sandhāya evaṃ vutta’’nti. Saṅghikattā ca nissajjituṃ na sakkā, tasmā sabbesaṃ na kappatīti tesaṃ adhippāyo. Keci pana ‘‘asādiyitvāpi kahāpaṇānaṃ vicāritattā rūpiyasaṃvohāro kato hoti, saṅghikattā ca nissajjituṃ na sakkā, tasmā sabbesaṃ na kappatī’’ti vadanti. Gaṇṭhipadesu pana tīsupi idaṃ vuttaṃ ‘‘catutthapatto gihisantakānaṃyeva kahāpaṇānaṃ vicāritattā aññesaṃ kappati, idha pana saṅghikānaṃ vicāritattā sabbesaṃ na kappatī’’ti. Sabbesampi vādo tena tena pariyāyena yujjatiyeva.
จตุสาลทฺวาเรติ โภชนสาลํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ปริยาเยน กถิตตฺตาติ ‘‘คณฺหา’’ติ อวตฺวา ‘‘สีมา คตา’’ติ ปริยาเยน กถิตตฺตาฯ ปกติภูมิกรณตฺถํ ‘‘เหฎฺฐา คหิตํ ปํสุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ทาสํ ทมฺมีติ เอตฺถ ‘‘มนุสฺสํ ทมฺมีติ วุเตฺต วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ กุกฺกุฎสูกรา…เป.… วฎฺฎตีติ เอตฺถ กุกฺกุฎสูกเรสุ ทียมาเนสุ ‘‘อิเมหิ อมฺหากํ อโตฺถ นตฺถิ, สุขํ ชีวนฺตุ, อรเญฺญ วิสฺสเชฺชถา’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘เขตฺตวตฺถุปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต โหตี’’ติอาทิวจนโต (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) เขตฺตาทีนํ ปฎิคฺคหเณ อยํ สโพฺพ วินิจฺฉโย วุโตฺตฯ กปฺปิยการกสฺส ภิกฺขุนา นิทฺทิฎฺฐภาโว, ทูเตน อปฺปิตตา, ตตุตฺตริ วายาโม, เตน วายาเมน ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ
Catusāladvāreti bhojanasālaṃ sandhāya vuttaṃ. Pariyāyena kathitattāti ‘‘gaṇhā’’ti avatvā ‘‘sīmā gatā’’ti pariyāyena kathitattā. Pakatibhūmikaraṇatthaṃ ‘‘heṭṭhā gahitaṃ paṃsu’’ntiādi vuttaṃ. Dāsaṃ dammīti ettha ‘‘manussaṃ dammīti vutte vaṭṭatī’’ti vadanti. Kukkuṭasūkarā…pe… vaṭṭatīti ettha kukkuṭasūkaresu dīyamānesu ‘‘imehi amhākaṃ attho natthi, sukhaṃ jīvantu, araññe vissajjethā’’ti vattuṃ vaṭṭati. ‘‘Khettavatthupaṭiggahaṇā paṭivirato hotī’’tiādivacanato (dī. ni. 1.10, 194) khettādīnaṃ paṭiggahaṇe ayaṃ sabbo vinicchayo vutto. Kappiyakārakassa bhikkhunā niddiṭṭhabhāvo, dūtena appitatā, tatuttari vāyāmo, tena vāyāmena paṭilābhoti imānettha cattāri aṅgāni.
ราชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rājasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต จีวรวโคฺค ปฐโมฯ
Niṭṭhito cīvaravaggo paṭhamo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑๐. ราชสิกฺขาปทํ • 10. Rājasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Rājasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Rājasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑๐. ราชสิกฺขาปทวณฺณนา • 10. Rājasikkhāpadavaṇṇanā