Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๐. รชฺชสุตฺตํ
10. Rajjasuttaṃ
๑๕๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ หิมวนฺตปเทเส 1 อรญฺญกุฎิกายํฯ อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘สกฺกา นุ โข รชฺชํ กาเรตุํ อหนํ อฆาตยํ อชินํ อชาปยํ อโสจํ อโสจาปยํ ธเมฺมนา’’ติ?
156. Ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu viharati himavantapadese 2 araññakuṭikāyaṃ. Atha kho bhagavato rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘sakkā nu kho rajjaṃ kāretuṃ ahanaṃ aghātayaṃ ajinaṃ ajāpayaṃ asocaṃ asocāpayaṃ dhammenā’’ti?
อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กาเรตุ, ภเนฺต, ภควา รชฺชํ, กาเรตุ, สุคโต, รชฺชํ อหนํ อฆาตยํ อชินํ อชาปยํ อโสจํ อโสจาปยํ ธเมฺมนา’’ติฯ ‘‘กิํ ปน เม ตฺวํ, ปาปิม, ปสฺสสิ ยํ มํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ – ‘กาเรตุ, ภเนฺต, ภควา รชฺชํ, กาเรตุ สุคโต , รชฺชํ อหนํ อฆาตยํ อชินํ อชาปยํ อโสจํ อโสจาปยํ ธเมฺมนา’’’ติ? ‘‘ภควตา โข, ภเนฺต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฎฺฐิตา ปริจิตา สุสมารทฺธาฯ อากงฺขมาโน จ, ภเนฺต, ภควา หิมวนฺตํ ปพฺพตราชํ สุวณฺณํ เตฺวว อธิมุเจฺจยฺย สุวณฺณญฺจ ปนสฺสา’’ติ 3ฯ
Atha kho māro pāpimā bhagavato cetasā cetoparivitakkamaññāya yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kāretu, bhante, bhagavā rajjaṃ, kāretu, sugato, rajjaṃ ahanaṃ aghātayaṃ ajinaṃ ajāpayaṃ asocaṃ asocāpayaṃ dhammenā’’ti. ‘‘Kiṃ pana me tvaṃ, pāpima, passasi yaṃ maṃ tvaṃ evaṃ vadesi – ‘kāretu, bhante, bhagavā rajjaṃ, kāretu sugato , rajjaṃ ahanaṃ aghātayaṃ ajinaṃ ajāpayaṃ asocaṃ asocāpayaṃ dhammenā’’’ti? ‘‘Bhagavatā kho, bhante, cattāro iddhipādā bhāvitā bahulīkatā yānīkatā vatthukatā anuṭṭhitā paricitā susamāraddhā. Ākaṅkhamāno ca, bhante, bhagavā himavantaṃ pabbatarājaṃ suvaṇṇaṃ tveva adhimucceyya suvaṇṇañca panassā’’ti 4.
‘‘ปพฺพตสฺส สุวณฺณสฺส, ชาตรูปสฺส เกวโล;
‘‘Pabbatassa suvaṇṇassa, jātarūpassa kevalo;
ทฺวิตฺตาว นาลเมกสฺส, อิติ วิทฺวา สมญฺจเรฯ
Dvittāva nālamekassa, iti vidvā samañcare.
‘‘โย ทุกฺขมทฺทกฺขิ ยโตนิทานํ,
‘‘Yo dukkhamaddakkhi yatonidānaṃ,
กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺย;
Kāmesu so jantu kathaṃ nameyya;
อุปธิํ วิทิตฺวา สโงฺคติ โลเก,
Upadhiṃ viditvā saṅgoti loke,
ตเสฺสว ชนฺตุ วินยาย สิเกฺข’’ติฯ
Tasseva jantu vinayāya sikkhe’’ti.
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ ภควา, ชานาติ มํ สุคโต’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตเตฺถวนฺตรธายีติฯ
Atha kho māro pāpimā ‘‘jānāti maṃ bhagavā, jānāti maṃ sugato’’ti dukkhī dummano tatthevantaradhāyīti.
ทุติโย วโคฺคฯ
Dutiyo vaggo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ปตฺตํ อายตนํ ปิณฺฑํ, กสฺสกํ รเชฺชน เต ทสาติฯ
Pattaṃ āyatanaṃ piṇḍaṃ, kassakaṃ rajjena te dasāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. รชฺชสุตฺตวณฺณนา • 10. Rajjasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. รชฺชสุตฺตวณฺณนา • 10. Rajjasuttavaṇṇanā