Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๑๒. รชฺชุมาลาวิมานวณฺณนา

    12. Rajjumālāvimānavaṇṇanā

    อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนาติ รชฺชุมาลาวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเนฯ เตน สมเยน คยาคามเก อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ธีตา ตสฺมิํเยว คาเม เอกสฺส พฺราหฺมณกุมารสฺส ทินฺนา ปติกุลํ คตา, ตสฺมิํ เคเห อิสฺสริยํ วเตฺตนฺตี ติฎฺฐติฯ สา ตสฺมิํ เคเห ทาสิยา ธีตรํ ทิสฺวา น สหติฯ ทิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย โกเธน ตฎตฎายมานา อโกฺกสติ ปริภาสติ, ขฎกญฺจสฺสา เทติฯ ยทา ปน สา วยปฺปตฺติยา กิจฺจสมตฺถา ชาตา, ตทา นํ ชณฺณุกปฺปรมุฎฺฐีหิ ปหรเตว ยถา ตํ ปุริมชาตีสุ พทฺธาฆาตาฯ

    Abhikkantenavaṇṇenāti rajjumālāvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane. Tena samayena gayāgāmake aññatarassa brāhmaṇassa dhītā tasmiṃyeva gāme ekassa brāhmaṇakumārassa dinnā patikulaṃ gatā, tasmiṃ gehe issariyaṃ vattentī tiṭṭhati. Sā tasmiṃ gehe dāsiyā dhītaraṃ disvā na sahati. Diṭṭhakālato paṭṭhāya kodhena taṭataṭāyamānā akkosati paribhāsati, khaṭakañcassā deti. Yadā pana sā vayappattiyā kiccasamatthā jātā, tadā naṃ jaṇṇukapparamuṭṭhīhi paharateva yathā taṃ purimajātīsu baddhāghātā.

    สา กิร ทาสี กสฺสปทสพลสฺส กาเล ตสฺสา สามินี อโหสิ, อิตรา ทาสีฯ สา ตํ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ มุฎฺฐิอาทีหิ จ อภิณฺหํ อภิหนติฯ สา เตน นิพฺพินฺนา ยถาพลํ ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ‘‘อนาคเต อหํ สามินี หุตฺวา อิมิสฺสา อุปริ อิสฺสริยํ วเตฺตยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ฐเปสิฯ อถ สา ทาสี ตโต จุตา อปราปรํ สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท วุตฺตนเยน คยาคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปติกุลํ คตา, อิตราปิ ตสฺสา ทาสี อโหสิฯ เอวํ พทฺธาฆาตตาย สา ตํ วิเหเฐติฯ

    Sā kira dāsī kassapadasabalassa kāle tassā sāminī ahosi, itarā dāsī. Sā taṃ leḍḍudaṇḍādīhi muṭṭhiādīhi ca abhiṇhaṃ abhihanati. Sā tena nibbinnā yathābalaṃ dānādīni puññāni katvā ‘‘anāgate ahaṃ sāminī hutvā imissā upari issariyaṃ vatteyya’’nti patthanaṃ ṭhapesi. Atha sā dāsī tato cutā aparāparaṃ saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde vuttanayena gayāgāmake brāhmaṇakule nibbattitvā patikulaṃ gatā, itarāpi tassā dāsī ahosi. Evaṃ baddhāghātatāya sā taṃ viheṭheti.

    เอวํ วิเหเฐนฺตี อการเณเนว เกเสสุ คเหตฺวา หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ สุหตํ หนิฯ สา นฺหาปิตสาลํ คนฺตฺวา ขุรมุณฺฑํ กาเรตฺวา อคมาสิฯ สามินี ‘‘กิํ เช ทุฎฺฐทาสิ มุณฺฑนมเตฺตน ตว วิปฺปโมโกฺข’’ติ รชฺชุํ สีเส พนฺธิตฺวา ตตฺถ นํ คเหตฺวา โอณเมตฺวา ฆาเตติ, ตสฺสา ตญฺจ รชฺชุํ อปเนตุํ น เทติฯ ตโต ปฎฺฐาย ทาสิยา ‘‘รชฺชุมาลา’’ติ นามํ อโหสิฯ

    Evaṃ viheṭhentī akāraṇeneva kesesu gahetvā hatthehi ca pādehi ca suhataṃ hani. Sā nhāpitasālaṃ gantvā khuramuṇḍaṃ kāretvā agamāsi. Sāminī ‘‘kiṃ je duṭṭhadāsi muṇḍanamattena tava vippamokkho’’ti rajjuṃ sīse bandhitvā tattha naṃ gahetvā oṇametvā ghāteti, tassā tañca rajjuṃ apanetuṃ na deti. Tato paṭṭhāya dāsiyā ‘‘rajjumālā’’ti nāmaṃ ahosi.

    อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย โลกํ โวโลเกโนฺต รชฺชุมาลาย โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ, ตสฺสา จ พฺราหฺมณิยา สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฎฺฐานํ ทิสฺวา อรญฺญํ ปวิสิตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชโนฺตฯ รชฺชุมาลาปิ โข ทิวเส ทิวเส ตาย ตถา วิเหฐิยมานา ‘‘กิํ เม อิมินา ทุชฺชีวิเตนา’’ติ นิพฺพินฺนรูปา ชีวิเต มริตุกามา ฆฎํ คเหตฺวา อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี วิย เคหโต นิกฺขนฺตา อนุกฺกเมน วนํ ปวิสิตฺวา ภควโต นิสินฺนรุกฺขสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺส รุกฺขสฺส สาขาย รชฺชุํ พนฺธิตฺวา ปาสํ กตฺวา อุพฺพนฺธิตุกามา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตี อทฺทส ภควนฺตํ ตตฺถ นิสินฺนํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตํ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชนฺตํฯ ทิสฺวา พุทฺธคารเวน อากฑฺฒิยมานหทยา ‘‘กิํ นุ โข ภควา มาทิสานมฺปิ ธมฺมํ เทเสติ, ยมหํ สุตฺวา อิโต ทุชฺชีวิตโต มุเจฺจยฺย’’นฺติ จิเนฺตสิฯ

    Athekadivasaṃ satthā paccūsasamaye mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya lokaṃ volokento rajjumālāya sotāpattiphalūpanissayaṃ, tassā ca brāhmaṇiyā saraṇesu sīlesu ca patiṭṭhānaṃ disvā araññaṃ pavisitvā aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi chabbaṇṇā buddharasmiyo vissajjento. Rajjumālāpi kho divase divase tāya tathā viheṭhiyamānā ‘‘kiṃ me iminā dujjīvitenā’’ti nibbinnarūpā jīvite maritukāmā ghaṭaṃ gahetvā udakatitthaṃ gacchantī viya gehato nikkhantā anukkamena vanaṃ pavisitvā bhagavato nisinnarukkhassa avidūre aññatarassa rukkhassa sākhāya rajjuṃ bandhitvā pāsaṃ katvā ubbandhitukāmā ito cito ca olokentī addasa bhagavantaṃ tattha nisinnaṃ pāsādikaṃ pasādanīyaṃ uttamadamathasamathamanuppattaṃ chabbaṇṇabuddharasmiyo vissajjentaṃ. Disvā buddhagāravena ākaḍḍhiyamānahadayā ‘‘kiṃ nu kho bhagavā mādisānampi dhammaṃ deseti, yamahaṃ sutvā ito dujjīvitato mucceyya’’nti cintesi.

    อถ ภควา ตสฺสา จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา ‘‘รชฺชุมาเล’’ติ อาหฯ สา ตํ สุตฺวา อมเตน วิย อภิสิตฺตา ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฎฺฐา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ ตสฺสา ภควา อนุปุพฺพิกถานุปุพฺพกํ จตุสจฺจกถํ กเถสิ, สา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ สตฺถา ‘‘วฎฺฎติ เอตฺตโก รชฺชุมาลาย อนุคฺคโห, อิทาเนสา เกนจิ อปฺปธํสิยา ชาตา’’ติ อรญฺญโต นิกฺขมิตฺวา คามสฺส อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิฯ รชฺชุมาลาปิ อตฺตานํ วินิปาเตตุํ อภพฺพตาย ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺนตาย จ ‘‘พฺราหฺมณี มํ หนตุ วา วิเหเฐตุ วา ยํ วา ตํ วา กโรตู’’ติ ฆเฎน อุทกํ คเหตฺวา เคหํ อคมาสิฯ สามิโก เคหทฺวาเร ฐิโต ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ อชฺช อุทกติตฺถํ คตา จิรายิตฺวา อาคตา, มุขวโณฺณ จ เต อติวิย วิปฺปสโนฺน, ตฺวญฺจ อเญฺญน อากาเรน อุปฎฺฐาสิ, กิํ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ สา ตสฺส ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิฯ

    Atha bhagavā tassā cittācāraṃ oloketvā ‘‘rajjumāle’’ti āha. Sā taṃ sutvā amatena viya abhisittā pītiyā nirantaraṃ phuṭṭhā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Tassā bhagavā anupubbikathānupubbakaṃ catusaccakathaṃ kathesi, sā sotāpattiphale patiṭṭhahi. Satthā ‘‘vaṭṭati ettako rajjumālāya anuggaho, idānesā kenaci appadhaṃsiyā jātā’’ti araññato nikkhamitvā gāmassa avidūre aññatarasmiṃ rukkhamūle nisīdi. Rajjumālāpi attānaṃ vinipātetuṃ abhabbatāya khantimettānuddayasampannatāya ca ‘‘brāhmaṇī maṃ hanatu vā viheṭhetu vā yaṃ vā taṃ vā karotū’’ti ghaṭena udakaṃ gahetvā gehaṃ agamāsi. Sāmiko gehadvāre ṭhito taṃ disvā ‘‘tvaṃ ajja udakatitthaṃ gatā cirāyitvā āgatā, mukhavaṇṇo ca te ativiya vippasanno, tvañca aññena ākārena upaṭṭhāsi, kiṃ eta’’nti pucchi. Sā tassa taṃ pavattiṃ ācikkhi.

    พฺราหฺมโณ ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตุสฺสิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา รชฺชุมาลาย อุปริ ‘‘ตยา น กิญฺจิ กาตพฺพ’’นฺติ สุณิสาย วตฺวา ตุฎฺฐมานโส สีฆตรํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา สาทเรน กตปฎิสนฺถาโร สตฺถารํ นิมเนฺตตฺวา อตฺตโน เคหํ อาเนตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, สุณิสาปิสฺส อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ คยาคามวาสิโนปิ พฺราหฺมณคหปติกา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อเปฺปกเจฺจ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ สโมฺมทนียํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ

    Brāhmaṇo tassā vacanaṃ sutvā tussitvā gehaṃ gantvā rajjumālāya upari ‘‘tayā na kiñci kātabba’’nti suṇisāya vatvā tuṭṭhamānaso sīghataraṃ satthu santikaṃ gantvā vanditvā sādarena katapaṭisanthāro satthāraṃ nimantetvā attano gehaṃ ānetvā paṇītena khādanīyena bhojanīyena parivisitvā bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ upasaṅkamitvā ekamantaṃ nisīdi, suṇisāpissa upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Gayāgāmavāsinopi brāhmaṇagahapatikā taṃ pavattiṃ sutvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā appekacce abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce sammodanīyaṃ katvā ekamantaṃ nisīdiṃsu.

    สตฺถา รชฺชุมาลาย ตสฺสา จ พฺราหฺมณิยา ปุริมชาตีสุ กตกมฺมํ วิตฺถารโต กเถตฺวา สมฺปตฺตปริสาย อนุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ ฯ ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณี จ มหาชโน จ ตตฺถ สนฺนิปติโต สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐหิฯ สตฺถา อาสนา อุฎฺฐหิตฺวา สาวตฺถิเมว อคมาสิฯ พฺราหฺมโณ รชฺชุมาลํ ธีตุฎฺฐาเน ฐเปสิฯ ตสฺส สุณิสา รชฺชุมาลํ ปิยจกฺขูหิ โอโลเกนฺตี ยาวชีวํ มนาเปเนว สิเนเหน ปริหริฯ รชฺชุมาลา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสญฺจสฺสา ปริวาโร อโหสิฯ สา สฎฺฐิสกฎภารปฺปมาเณหิ ทิพฺพาภรเณหิ ปฎิมณฺฑิตตฺตภาวา อจฺฉราสหสฺสปริวุตฺตา นนฺทนวนาทีสุ มหติํ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวมานา ปมุทิตมนา วิจรติฯ อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ คโต ตํ มหเนฺตน ทิพฺพานุภาเวน มหติยา เทวิทฺธิยา วิโชฺชตมานํ ทิสฺวา ตาย กตกมฺมํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิฯ

    Satthā rajjumālāya tassā ca brāhmaṇiyā purimajātīsu katakammaṃ vitthārato kathetvā sampattaparisāya anurūpaṃ dhammaṃ desesi . Taṃ sutvā brāhmaṇī ca mahājano ca tattha sannipatito saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhahi. Satthā āsanā uṭṭhahitvā sāvatthimeva agamāsi. Brāhmaṇo rajjumālaṃ dhītuṭṭhāne ṭhapesi. Tassa suṇisā rajjumālaṃ piyacakkhūhi olokentī yāvajīvaṃ manāpeneva sinehena parihari. Rajjumālā aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsesu nibbatti, accharāsahassañcassā parivāro ahosi. Sā saṭṭhisakaṭabhārappamāṇehi dibbābharaṇehi paṭimaṇḍitattabhāvā accharāsahassaparivuttā nandanavanādīsu mahatiṃ dibbasampattiṃ anubhavamānā pamuditamanā vicarati. Athāyasmā mahāmoggallāno devacārikaṃ gato taṃ mahantena dibbānubhāvena mahatiyā deviddhiyā vijjotamānaṃ disvā tāya katakammaṃ imāhi gāthāhi pucchi.

    ๘๒๖.

    826.

    ‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, ยา ตฺวํ ติฎฺฐสิ เทวเต;

    ‘‘Abhikkantena vaṇṇena, yā tvaṃ tiṭṭhasi devate;

    หเตฺถ ปาเท จ วิคฺคยฺห, นจฺจสิ สุปฺปวาทิเตฯ

    Hatthe pāde ca viggayha, naccasi suppavādite.

    ๘๒๗.

    827.

    ‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมเงฺคหิ สพฺพโส;

    ‘‘Tassā te naccamānāya, aṅgamaṅgehi sabbaso;

    ทิพฺพา สทฺทา นิจฺฉรนฺติ, สวนียา มโนรมาฯ

    Dibbā saddā niccharanti, savanīyā manoramā.

    ๘๒๘.

    828.

    ‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมเงฺคหิ สพฺพโส;

    ‘‘Tassā te naccamānāya, aṅgamaṅgehi sabbaso;

    ทิพฺพา คนฺธา ปวายนฺติ, สุจิคนฺธา มโนรมาฯ

    Dibbā gandhā pavāyanti, sucigandhā manoramā.

    ๘๒๙.

    829.

    ‘‘วิวตฺตมานา กาเยน, ยา เวณีสุ ปิฬนฺธนา;

    ‘‘Vivattamānā kāyena, yā veṇīsu piḷandhanā;

    เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโส, ตูริเย ปญฺจงฺคิเก ยถาฯ

    Tesaṃ suyyati nigghoso, tūriye pañcaṅgike yathā.

    ๘๓๐.

    830.

    ‘‘วฎํสกา วาตธุตา, วาเตน สมฺปกมฺปิตา;

    ‘‘Vaṭaṃsakā vātadhutā, vātena sampakampitā;

    เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโส, ตูริเย ปญฺจงฺคิเก ยถาฯ

    Tesaṃ suyyati nigghoso, tūriye pañcaṅgike yathā.

    ๘๓๑.

    831.

    ‘‘ยาปิ เต สิรสฺมิํ มาลา, สุจิคนฺธา มโนรมา;

    ‘‘Yāpi te sirasmiṃ mālā, sucigandhā manoramā;

    วาติ คโนฺธ ทิสา สพฺพา, รุโกฺข มญฺชูสโก ยถาฯ

    Vāti gandho disā sabbā, rukkho mañjūsako yathā.

    ๘๓๒.

    832.

    ‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุสํ;

    ‘‘Ghāyase taṃ sucigandhaṃ, rūpaṃ passasi amānusaṃ;

    เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ

    Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti.

    ๘๒๖. ตตฺถ หเตฺถ ปาเท จ วิคฺคยฺหาติ หเตฺถ จ ปาเท จ วิวิเธหิ อากาเรหิ คเหตฺวา, ปุปฺผมุฎฺฐิปุปฺผญฺชลิอาทิเภทสฺส สาขาภินยสฺส ทสฺสนวเสน วิวิเธหิ อากาเรหิ หเตฺถ, จ, สมปาทาทีนมฺปิ ฐานวิเสสานํ ทสฺสนวเสน วิวิเธหิ อากาเรหิ ปาเท จ อุปาทิยิตฺวาติ อโตฺถฯ จ-สเทฺทน สาขาภินยํ สงฺคณฺหาติฯ นจฺจสีติ นฎสิฯ ยา ตฺวนฺติ ยา วุตฺตนยวเสน นจฺจํ กโรสีติ อโตฺถฯ สุปฺปวาทิเตติ สุนฺทเร ปวชฺชเน สติ ตว นจฺจสฺส อนุรูปวเสน วีณาวํสมุทิงฺคตาฬาทิเก วาทิยมาเน, ปญฺจงฺคิเก ตูริเย ปคฺคยฺหมาเนติ อโตฺถฯ เสสํ เหฎฺฐาวิมาเน วุตฺตนยเมวฯ

    826. Tattha hatthe pāde ca viggayhāti hatthe ca pāde ca vividhehi ākārehi gahetvā, pupphamuṭṭhipupphañjaliādibhedassa sākhābhinayassa dassanavasena vividhehi ākārehi hatthe, ca, samapādādīnampi ṭhānavisesānaṃ dassanavasena vividhehi ākārehi pāde ca upādiyitvāti attho. Ca-saddena sākhābhinayaṃ saṅgaṇhāti. Naccasīti naṭasi. Yā tvanti yā vuttanayavasena naccaṃ karosīti attho. Suppavāditeti sundare pavajjane sati tava naccassa anurūpavasena vīṇāvaṃsamudiṅgatāḷādike vādiyamāne, pañcaṅgike tūriye paggayhamāneti attho. Sesaṃ heṭṭhāvimāne vuttanayameva.

    เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา สา เทวตา อตฺตโน ปุริมชาติอาทิํ อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

    Evaṃ therena pucchitā sā devatā attano purimajātiādiṃ imāhi gāthāhi byākāsi –

    ๘๓๓.

    833.

    ‘‘ทาสี อหํ ปุเร อาสิํ, คยายํ พฺราหฺมณสฺสหํ;

    ‘‘Dāsī ahaṃ pure āsiṃ, gayāyaṃ brāhmaṇassahaṃ;

    อปฺปปุญฺญา อลกฺขิกา, รชฺชุมาลาติ มํ วิทุํฯ

    Appapuññā alakkhikā, rajjumālāti maṃ viduṃ.

    ๘๓๔.

    834.

    ‘‘อโกฺกสานํ วธานญฺจ, ตชฺชนาย จ อุคฺคตา;

    ‘‘Akkosānaṃ vadhānañca, tajjanāya ca uggatā;

    กุฎํ คเหตฺวา นิกฺขมฺม, อคญฺฉิํ อุทหาริยาฯ

    Kuṭaṃ gahetvā nikkhamma, agañchiṃ udahāriyā.

    ๘๓๕.

    835.

    ‘‘วิปเถ กุฎํ นิกฺขิปิตฺวา, วนสณฺฑํ อุปาคมิํ;

    ‘‘Vipathe kuṭaṃ nikkhipitvā, vanasaṇḍaṃ upāgamiṃ;

    ‘อิเธวาหํ มริสฺสามิ, โก อโตฺถ ชีวิเตน เม’ฯ

    ‘Idhevāhaṃ marissāmi, ko attho jīvitena me’.

    ๘๓๖.

    836.

    ‘‘ทฬฺหํ ปาสํ กริตฺวาน, อาสุมฺภิตฺวาน ปาทเป;

    ‘‘Daḷhaṃ pāsaṃ karitvāna, āsumbhitvāna pādape;

    ตโต ทิสา วิโลเกสิํ, ‘โก นุ โข วนมสฺสิโต’ฯ

    Tato disā vilokesiṃ, ‘ko nu kho vanamassito’.

    ๘๓๗.

    837.

    ‘‘ตตฺถทฺทสาสิํ สมฺพุทฺธํ, สพฺพโลกหิตํ มุนิํ;

    ‘‘Tatthaddasāsiṃ sambuddhaṃ, sabbalokahitaṃ muniṃ;

    นิสินฺนํ รุกฺขมูลสฺมิํ, ฌายนฺตํ อกุโตภยํฯ

    Nisinnaṃ rukkhamūlasmiṃ, jhāyantaṃ akutobhayaṃ.

    ๘๓๘.

    838.

    ‘‘ตสฺสา เม อหุ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโน;

    ‘‘Tassā me ahu saṃvego, abbhuto lomahaṃsano;

    ‘โก นุ โข วนมสฺสิโต, มนุโสฺส อุทาหุ เทวตา’ฯ

    ‘Ko nu kho vanamassito, manusso udāhu devatā’.

    ๘๓๙.

    839.

    ‘‘ปาสาทิกํ ปสาทนียํ, วนา นิพฺพนมาคตํ;

    ‘‘Pāsādikaṃ pasādanīyaṃ, vanā nibbanamāgataṃ;

    ทิสฺวา มโน เม ปสีทิ, นายํ ยาทิสกีทิโสฯ

    Disvā mano me pasīdi, nāyaṃ yādisakīdiso.

    ๘๔๐.

    840.

    ‘‘คุตฺตินฺทฺริโย ฌานรโต, อพหิคฺคตมานโส;

    ‘‘Guttindriyo jhānarato, abahiggatamānaso;

    หิโต สพฺพสฺส โลกสฺส, พุโทฺธ อยํ ภวิสฺสติฯ

    Hito sabbassa lokassa, buddho ayaṃ bhavissati.

    ๘๔๑.

    841.

    ‘‘ภยเภรโว ทุราสโท, สีโหว คุหมสฺสิโต;

    ‘‘Bhayabheravo durāsado, sīhova guhamassito;

    ทุลฺลภายํ ทสฺสนาย, ปุปฺผํ โอทุมฺพรํ ยถาฯ

    Dullabhāyaṃ dassanāya, pupphaṃ odumbaraṃ yathā.

    ๘๔๒.

    842.

    ‘‘โส มํ มุทูหิ วาจาหิ, อาลปิตฺวา ตถาคโต;

    ‘‘So maṃ mudūhi vācāhi, ālapitvā tathāgato;

    รชฺชุมาเลติ มํโวจ, สรณํ คจฺฉ ตถาคตํฯ

    Rajjumāleti maṃvoca, saraṇaṃ gaccha tathāgataṃ.

    ๘๔๓.

    843.

    ‘‘ตาหํ คิรํ สุณิตฺวาน, เนลํ อตฺถวติํ สุจิํ;

    ‘‘Tāhaṃ giraṃ suṇitvāna, nelaṃ atthavatiṃ suciṃ;

    สณฺหํ มุทุญฺจ วคฺคุญฺจ, สพฺพโสกาปนูทนํฯ

    Saṇhaṃ muduñca vagguñca, sabbasokāpanūdanaṃ.

    ๘๔๔.

    844.

    ‘‘กลฺลจิตฺตญฺจ มํ ญตฺวา, ปสนฺนํ สุทฺธมานสํ;

    ‘‘Kallacittañca maṃ ñatvā, pasannaṃ suddhamānasaṃ;

    หิโต สพฺพสฺส โลกสฺส, อนุสาสิ ตถาคโตฯ

    Hito sabbassa lokassa, anusāsi tathāgato.

    ๘๔๕.

    845.

    ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ มํโวจ, อยํ ทุกฺขสฺส สมฺภโว;

    ‘‘Idaṃ dukkhanti maṃvoca, ayaṃ dukkhassa sambhavo;

    ทุกฺขนิโรโธ มโคฺค จ, อญฺชโส อมโตคโธฯ

    Dukkhanirodho maggo ca, añjaso amatogadho.

    ๘๔๖.

    846.

    ‘‘อนุกมฺปกสฺส กุสลสฺส, โอวาทมฺหิ อหํ ฐิตา;

    ‘‘Anukampakassa kusalassa, ovādamhi ahaṃ ṭhitā;

    อชฺฌคา อมตํ สนฺติํ, นิพฺพานํ ปทมจฺจุตํฯ

    Ajjhagā amataṃ santiṃ, nibbānaṃ padamaccutaṃ.

    ๘๔๗.

    847.

    ‘‘สาหํ อวฎฺฐิตาเปมา, ทสฺสเน อวิกมฺปินี;

    ‘‘Sāhaṃ avaṭṭhitāpemā, dassane avikampinī;

    มูลชาตาย สทฺธาย, ธีตา พุทฺธสฺส โอรสาฯ

    Mūlajātāya saddhāya, dhītā buddhassa orasā.

    ๘๔๘.

    848.

    ‘‘สาหํ รมามิ กีฬามิ, โมทามิ อกุโตภยา;

    ‘‘Sāhaṃ ramāmi kīḷāmi, modāmi akutobhayā;

    ทิพฺพมาลํ ธารยามิ, ปิวามิ มธุมทฺทวํฯ

    Dibbamālaṃ dhārayāmi, pivāmi madhumaddavaṃ.

    ๘๔๙.

    849.

    ‘‘สฎฺฐิตูริยสหสฺสานิ, ปฎิโพธํ กโรนฺติ เม;

    ‘‘Saṭṭhitūriyasahassāni, paṭibodhaṃ karonti me;

    อาฬโมฺพ คคฺคโร ภีโม, สาธุวาที จ สํสโยฯ

    Āḷambo gaggaro bhīmo, sādhuvādī ca saṃsayo.

    ๘๕๐.

    850.

    ‘‘โปกฺขโร จ สุผโสฺส จ, วิณาโมกฺขา จ นาริโย;

    ‘‘Pokkharo ca suphasso ca, viṇāmokkhā ca nāriyo;

    นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, โสณทินฺนา สุจิมฺหิตาฯ

    Nandā ceva sunandā ca, soṇadinnā sucimhitā.

    ๘๕๑.

    851.

    ‘‘อลมฺพุสา มิสฺสเกสี จ, ปุณฺฑรีกาติทารุณี;

    ‘‘Alambusā missakesī ca, puṇḍarīkātidāruṇī;

    เอณีผสฺสา สุผสฺสา จ, สุภทฺทา มุทุวาทินีฯ

    Eṇīphassā suphassā ca, subhaddā muduvādinī.

    ๘๕๒.

    852.

    ‘‘เอตา จญฺญา จ เสยฺยาเส, อจฺฉรานํ ปโพธิกา;

    ‘‘Etā caññā ca seyyāse, accharānaṃ pabodhikā;

    ตา มํ กาเลนุปาคนฺตฺวา, อภิภาสนฺติ เทวตาฯ

    Tā maṃ kālenupāgantvā, abhibhāsanti devatā.

    ๘๕๓.

    853.

    ‘‘หนฺท นจฺจาม คายาม, หนฺท ตํ รมยามเส;

    ‘‘Handa naccāma gāyāma, handa taṃ ramayāmase;

    นยิทํ อกตปุญฺญานํ, กตปุญฺญานเมวิทํฯ

    Nayidaṃ akatapuññānaṃ, katapuññānamevidaṃ.

    ๘๕๔.

    854.

    ‘‘อโสกํ นนฺทนํ รมฺมํ, ติทสานํ มหาวนํ;

    ‘‘Asokaṃ nandanaṃ rammaṃ, tidasānaṃ mahāvanaṃ;

    สุขํ อกตปุญฺญานํ, อิธ นตฺถิ ปรตฺถ จฯ

    Sukhaṃ akatapuññānaṃ, idha natthi parattha ca.

    ๘๕๕.

    855.

    ‘‘สุขญฺจ กตปุญฺญานํ, อิธ เจว ปรตฺถ จ;

    ‘‘Sukhañca katapuññānaṃ, idha ceva parattha ca;

    เตสํ สหพฺยกามานํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุํ;

    Tesaṃ sahabyakāmānaṃ, kattabbaṃ kusalaṃ bahuṃ;

    กตปุญฺญา หิ โมทนฺติ, สเคฺค โภคสมงฺคิโนฯ

    Katapuññā hi modanti, sagge bhogasamaṅgino.

    ๘๕๖.

    856.

    ‘‘พหูนํ วต อตฺถาย, อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตา;

    ‘‘Bahūnaṃ vata atthāya, uppajjanti tathāgatā;

    ทกฺขิเณยฺยา มนุสฺสานํ, ปุญฺญเกฺขตฺตานมากรา;

    Dakkhiṇeyyā manussānaṃ, puññakkhettānamākarā;

    ยตฺถ การํ กริตฺวาน, สเคฺค โมทนฺติ ทายกา’’ติฯ

    Yattha kāraṃ karitvāna, sagge modanti dāyakā’’ti.

    ๘๓๓. ตตฺถ ทาสี อหํ ปุเร อาสินฺติ ปุเร ปุริมชาติยํ อหํ อโนฺตชาตา ทาสี อโหสิํฯ ตตฺถ กสฺสาติ อาห ‘‘คยายํ พฺราหฺมณสฺสห’’นฺติ, คยานามเก คาเม อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺสฯ นฺติ นิปาตมตฺตํฯ อปฺปปุญฺญาติ มนฺทภาคฺยา อปุญฺญาฯ อลกฺขิกาติ นิสฺสิริกา กาลกณฺณีฯ รชฺชุมาลาติ มํ วิทุนฺติ, เกเส คเหตฺวา อากฑฺฒนปริกฑฺฒนทุเกฺขน มุณฺฑเก กเต ปุนปิ ตทตฺถเมว สีเส ทฬฺหํ พนฺธิตฺวา ฐปิตรชฺชุกุณฺฑลกวเสน ‘‘รชฺชุมาลา’’ติ มํ มนุสฺสา ชานิํสุฯ

    833. Tattha dāsī ahaṃ pure āsinti pure purimajātiyaṃ ahaṃ antojātā dāsī ahosiṃ. Tattha kassāti āha ‘‘gayāyaṃ brāhmaṇassaha’’nti, gayānāmake gāme aññatarassa brāhmaṇassa. Hanti nipātamattaṃ. Appapuññāti mandabhāgyā apuññā. Alakkhikāti nissirikā kālakaṇṇī. Rajjumālāti maṃ vidunti, kese gahetvā ākaḍḍhanaparikaḍḍhanadukkhena muṇḍake kate punapi tadatthameva sīse daḷhaṃ bandhitvā ṭhapitarajjukuṇḍalakavasena ‘‘rajjumālā’’ti maṃ manussā jāniṃsu.

    ๘๓๔. วธานนฺติ ตาฬนานํฯ ตชฺชนายาติ ภยสํตชฺชเนนฯ อุคฺคตาติ อุคฺคตาย โทมนสฺสุปฺปตฺติยาฯ อุทหาริยาติ อุทกหาริกา, อุทกํ อาหรนฺตี วิย หุตฺวาติ อธิปฺปาโยฯ

    834.Vadhānanti tāḷanānaṃ. Tajjanāyāti bhayasaṃtajjanena. Uggatāti uggatāya domanassuppattiyā. Udahāriyāti udakahārikā, udakaṃ āharantī viya hutvāti adhippāyo.

    ๘๓๕. วิปเถติ อปเถ, มคฺคโต อปกฺกมิตฺวาติ อโตฺถฯ กฺวโตฺถติ โก อโตฺถฯ โสเยว วา ปาโฐฯ

    835.Vipatheti apathe, maggato apakkamitvāti attho. Kvatthoti ko attho. Soyeva vā pāṭho.

    ๘๓๖. ทฬฺหํ ปาสํ กริตฺวานาติ พนฺธนปาสํ ถิรํ อจฺฉิชฺชนกํ กตฺวาฯ อาสุมฺภิตฺวาน ปาทเปติ วิฎเป ลคฺคนวเสน ปาทเป รุเกฺข ขิปิตฺวาฯ ตโต ทิสา วิโลเกสิํ, โก นุ โข วนมสฺสิโตติ อิมํ วนํ ปวิสนวเสน อสฺสิโต นุ โข โกจิ อตฺถิ, ยโต เม มรณนฺตราโย สิยาติ อธิปฺปาโยฯ

    836.Daḷhaṃ pāsaṃ karitvānāti bandhanapāsaṃ thiraṃ acchijjanakaṃ katvā. Āsumbhitvāna pādapeti viṭape lagganavasena pādape rukkhe khipitvā. Tato disā vilokesiṃ, ko nu kho vanamassitoti imaṃ vanaṃ pavisanavasena assito nu kho koci atthi, yato me maraṇantarāyo siyāti adhippāyo.

    ๘๓๗. สมฺพุทฺธนฺติอาทิ ตทา ตสฺสา ตาทิเส นิจฺฉเย อสติปิ สภาววเสน วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – สยเมว สมฺมเทว จ สพฺพสฺสาปิ พุชฺฌิตพฺพสฺส พุทฺธตฺตา สมฺพุทฺธํ, มหากรุณาโยเคน หีนาทิเภทภินฺนสฺส สพฺพสฺสาปิ โลกสฺส เอกนฺตหิตตฺตา สพฺพโลกหิตํ, อุภยโลกํ มุนนโต มุนิํ, นิสชฺชาวเสน กิเลสาภิสงฺขาเรหิ ฐานา จาวนาภาเวน จ นิสินฺนํ, อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนฺตํ, โพธิมูเลเยว ภยเหตูนํ สมุจฺฉินฺนตฺตา กุโตจิปิ ภยาภาวโต อกุโตภยนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    837.Sambuddhantiādi tadā tassā tādise nicchaye asatipi sabhāvavasena vuttaṃ. Tassattho – sayameva sammadeva ca sabbassāpi bujjhitabbassa buddhattā sambuddhaṃ, mahākaruṇāyogena hīnādibhedabhinnassa sabbassāpi lokassa ekantahitattā sabbalokahitaṃ, ubhayalokaṃ munanato muniṃ, nisajjāvasena kilesābhisaṅkhārehi ṭhānā cāvanābhāvena ca nisinnaṃ, ārammaṇūpanijjhānena lakkhaṇūpanijjhānena ca jhāyantaṃ, bodhimūleyeva bhayahetūnaṃ samucchinnattā kutocipi bhayābhāvato akutobhayanti veditabbaṃ.

    ๘๓๘. สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปํ ญาณํ, โส ตสฺสา ภควโต ทสฺสเนน อุปฺปชฺชิฯ เตนาห ‘‘ตสฺสา เม อหุ สํเวโค’’ติฯ

    838.Saṃvego nāma sahottappaṃ ñāṇaṃ, so tassā bhagavato dassanena uppajji. Tenāha ‘‘tassā me ahu saṃvego’’ti.

    ๘๓๙. ปาสาทิกนฺติ ปสาทาวหํ, ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยญฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาลงฺกตาย สมนฺตปาสาทิกาย อตฺตโน สรีรโสภาสมฺปตฺติยา รูปกายทสฺสนพฺยาวฎสฺส ชนสฺส สาธุภาวโต ปสาทสํวฑฺฒนนฺติ อโตฺถฯ ปสาทนียนฺติ ทสพล-จตุเวสารชฺชฉอสาธารณญาณ-อฎฺฐารสาเวณิก-พุทฺธธมฺมปภุติอปริมาณคุณสมนฺนาคตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา สริกฺขกชนสฺส ปสีทิตพฺพยุตฺตํ, ปาสาทิกนฺติ อโตฺถฯ วนาติ กิเลสวนโต อปกฺกมิตฺวาฯ นิพฺพนมาคตนฺติ นิตฺตณฺหภาวํ นิพฺพานเมว อุปคตํ อธิคตํฯ ยาทิสกีทิโสติ โย วา โส วา, ปจุรชโนติ อโตฺถฯ

    839.Pāsādikanti pasādāvahaṃ, dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇaasītianubyañjanabyāmappabhāketumālālaṅkatāya samantapāsādikāya attano sarīrasobhāsampattiyā rūpakāyadassanabyāvaṭassa janassa sādhubhāvato pasādasaṃvaḍḍhananti attho. Pasādanīyanti dasabala-catuvesārajjachaasādhāraṇañāṇa-aṭṭhārasāveṇika-buddhadhammapabhutiaparimāṇaguṇasamannāgatāya dhammakāyasampattiyā sarikkhakajanassa pasīditabbayuttaṃ, pāsādikanti attho. Vanāti kilesavanato apakkamitvā. Nibbanamāgatanti nittaṇhabhāvaṃ nibbānameva upagataṃ adhigataṃ. Yādisakīdisoti yo vā so vā, pacurajanoti attho.

    ๘๔๐-๔๑. มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ อคฺคมคฺคโคปนาย โคปิตตฺตา คุตฺตินฺทฺริโยฯ อคฺคผลชฺฌานาภิรติยา ฌานรโตฯ ตโต เอว พหิภูเตหิ รูปาทิอารมฺมเณหิ อปกฺกมิตฺวา วิสยชฺฌเตฺต นิพฺพาเน จ โอคาฬฺหจิตฺตตาย อพหิคฺคตมานโสฯ มิจฺฉาคาหโมจนภเยน วิปลฺลาสวเนฺตหิ มิจฺฉาทิฎฺฐิเกหิ ภายิตพฺพโต เตสญฺจ ภยชนนโต ภยเภรโวฯ ปโยคาสยวิปเนฺนหิ อนุปคมนียโต จ เกนจิปิ อนาสาทนียโต จ ทุราสโทฯ ทุลฺลภายนฺติ ทุลฺลโภ อยํฯ ทสฺสนายาติ ทฎฺฐุมฺปิฯ ปุปฺผํ โอทุมฺพรํ ยถาติ ยถา นาม อุทุมฺพเร ภวํ ปุปฺผํ ทุลฺลภทสฺสนํ, กทาจิเทว ภเวยฺย, น วา ภเวยฺย, เอวํ อีทิสสฺส อุตฺตมปุคฺคลสฺสาติ อโตฺถฯ

    840-41. Manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ aggamaggagopanāya gopitattā guttindriyo. Aggaphalajjhānābhiratiyā jhānarato. Tato eva bahibhūtehi rūpādiārammaṇehi apakkamitvā visayajjhatte nibbāne ca ogāḷhacittatāya abahiggatamānaso. Micchāgāhamocanabhayena vipallāsavantehi micchādiṭṭhikehi bhāyitabbato tesañca bhayajananato bhayabheravo. Payogāsayavipannehi anupagamanīyato ca kenacipi anāsādanīyato ca durāsado. Dullabhāyanti dullabho ayaṃ. Dassanāyāti daṭṭhumpi. Pupphaṃ odumbaraṃ yathāti yathā nāma udumbare bhavaṃ pupphaṃ dullabhadassanaṃ, kadācideva bhaveyya, na vā bhaveyya, evaṃ īdisassa uttamapuggalassāti attho.

    ๘๔๒. โส ตถาคโต มุทูหิ วาจาหิ สณฺหาย วาจาย ‘‘รชฺชุมาเล’’ติ มํ อาลปิตฺวา อามเนฺตตฺวา สรณํ คจฺฉ ตถาคตนฺติ ‘‘ตถา อาคโต’’ติอาทินา ตถาคตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สรณํ คจฺฉาติ มํ อโวจ อภาสีติ โยชนาฯ

    842.Sotathāgato mudūhi vācāhi saṇhāya vācāya ‘‘rajjumāle’’timaṃ ālapitvā āmantetvā saraṇaṃ gaccha tathāgatanti ‘‘tathā āgato’’tiādinā tathāgataṃ sammāsambuddhaṃ saraṇaṃ gacchāti maṃ avoca abhāsīti yojanā.

    ๘๔๓-๔. ตาหนฺติ ตํ อหํฯ คิรนฺติ วาจํฯ เนลนฺติ นิโทฺทสํฯ อตฺถวตินฺติ อตฺถยุตฺตํ สาตฺถํ , เอกนฺตหิตํ วาฯ วจีโสเจยฺยตาย สุจิํฯ อกกฺขฬตาย สณฺหํฯ เวเนยฺยานํ มุทุภาวกรตฺตา มุทุฯ สวนียภาเวน วคฺคุํฯ สพฺพโสกาปนูทนนฺติ ญาติพฺยสนาทิวเสน อุปฺปชฺชนกสฺส สพฺพสฺสาปิ โสกสฺส วิโนทนํ คิรํ สุตฺวาน ปสนฺนจิตฺตา อโหสินฺติ สมฺพโนฺธฯ สพฺพเมตํ ทานกถํ อาทิํ กตฺวา อุสฺสกฺกิตฺวา เนกฺขเมฺม อานิสํสํ วิภาวนวเสน ปวตฺติตํ ภควโต อนุปุพฺพิกถํ สนฺธาย วทติฯ เตเนวาห ‘‘กลฺลจิตฺตญฺจ มํ ญตฺวา’’ติอาทิฯ

    843-4.Tāhanti taṃ ahaṃ. Giranti vācaṃ. Nelanti niddosaṃ. Atthavatinti atthayuttaṃ sātthaṃ , ekantahitaṃ vā. Vacīsoceyyatāya suciṃ. Akakkhaḷatāya saṇhaṃ. Veneyyānaṃ mudubhāvakarattā mudu. Savanīyabhāvena vagguṃ. Sabbasokāpanūdananti ñātibyasanādivasena uppajjanakassa sabbassāpi sokassa vinodanaṃ giraṃ sutvāna pasannacittā ahosinti sambandho. Sabbametaṃ dānakathaṃ ādiṃ katvā ussakkitvā nekkhamme ānisaṃsaṃ vibhāvanavasena pavattitaṃ bhagavato anupubbikathaṃ sandhāya vadati. Tenevāha ‘‘kallacittañca maṃ ñatvā’’tiādi.

    ตตฺถ กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ, เหฎฺฐา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺตํ, ภาวนากมฺมสฺส โยคฺคจิตฺตนฺติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘ปสนฺนํ สุทฺธมานส’’นฺติฯ ตตฺถ ‘‘ปสนฺน’’นฺติ อิมินา อสฺสทฺธิยาปคมมาห, ‘‘สุทฺธมานส’’นฺติ อิมินา กามจฺฉนฺทาทิอปคมเนน มุทุจิตฺตตํ อุทคฺคจิตฺตตญฺจ ทเสฺสติฯ อนุสาสีติ โอวทิ, สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย สห อุปาเยน ปวตฺตินิวตฺติโย อุปทิสีติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทิฯ อนุสาสิตาการทสฺสนเญฺหตํฯ

    Tattha kallacittanti kammaniyacittaṃ, heṭṭhā pavattitadesanāya assaddhiyādīnaṃ cittadosānaṃ vigatattā uparidesanāya bhājanabhāvūpagamanena kammakkhamacittaṃ, bhāvanākammassa yoggacittanti attho. Tenevāha ‘‘pasannaṃ suddhamānasa’’nti. Tattha ‘‘pasanna’’nti iminā assaddhiyāpagamamāha, ‘‘suddhamānasa’’nti iminā kāmacchandādiapagamanena muducittataṃ udaggacittatañca dasseti. Anusāsīti ovadi, sāmukkaṃsikāya dhammadesanāya saha upāyena pavattinivattiyo upadisīti attho. Tenevāha ‘‘idaṃ dukkha’’ntiādi. Anusāsitākāradassanañhetaṃ.

    ๘๔๕. ตตฺถ อิทํ ทุกฺขนฺติ มํโวจาติ อิทํ ตณฺหาวชฺชํ เตภูมกํ ธมฺมชาตํ พาธกสภาวตฺตา กุจฺฉิกํ หุตฺวา ตุจฺฉสภาวตฺตา ตถตฺตา จ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ มยฺหํ อภาสิฯ อยํ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ อยํ อามตณฺหาทิเภทา ตณฺหา ยถาวุตฺตสฺส ทุกฺขสฺส สมฺภโว ปภโว อุปฺปตฺติ เหตุ สมุทโย อริยสจฺจนฺติฯ ทุกฺขนิโรโธติ ทุกฺขสฺส สนฺติภาโว อสงฺขตธาตุ นิโรโธ อริยสจฺจนฺติฯ อนฺตทฺวยสฺส ปริวชฺชนโต อญฺชโส นิพฺพานคามินิปฎิปทาภาวโต อมโตคโธ มโคฺค อริยสจฺจนฺติ มํ อโวจาติ สมฺพโนฺธฯ

    845. Tattha idaṃ dukkhanti maṃvocāti idaṃ taṇhāvajjaṃ tebhūmakaṃ dhammajātaṃ bādhakasabhāvattā kucchikaṃ hutvā tucchasabhāvattā tathattā ca dukkhaṃ ariyasaccanti mayhaṃ abhāsi. Ayaṃ dukkhassa sambhavoti ayaṃ āmataṇhādibhedā taṇhā yathāvuttassa dukkhassa sambhavo pabhavo uppatti hetu samudayo ariyasaccanti. Dukkhanirodhoti dukkhassa santibhāvo asaṅkhatadhātu nirodho ariyasaccanti. Antadvayassa parivajjanato añjaso nibbānagāminipaṭipadābhāvato amatogadho maggo ariyasaccanti maṃ avocāti sambandho.

    ๘๔๖. กุสลสฺสาติ โอวาททาเน เวเนยฺยทมเน เฉกสฺส, อปฺปมาทปฎิปตฺติยา วา มตฺถกปฺปตฺติยา อนวชฺชสฺสฯ โอวาทมฺหิ อหํ ฐิตาติ ยถาวุเตฺต โอวาเท อนุสิฎฺฐิยํ สิกฺขาตฺตยปาริปูริยา สจฺจปฎิเวเธน อหํ ปติฎฺฐิตาฯ เตนาห ‘‘อชฺฌคา อมตํ สนฺติํ, นิพฺพานํ ปทมจฺจุต’’นฺติ, อิทํ โอวาเท ปติฎฺฐานสฺส การณวจนํฯ ยา นิจฺจตาย มรณาภาวโต อมตํ, สพฺพทุกฺขวูปสมตาย สนฺติํ, อธิคตานํ อจวนเหตุตาย อจฺจุตํ นิพฺพานํ ปทํ อชฺฌคา อธิคญฺฉิ, สา เอกํเสน สตฺถุ โอวาเท ปติฎฺฐิตา นามาติฯ

    846.Kusalassāti ovādadāne veneyyadamane chekassa, appamādapaṭipattiyā vā matthakappattiyā anavajjassa. Ovādamhi ahaṃ ṭhitāti yathāvutte ovāde anusiṭṭhiyaṃ sikkhāttayapāripūriyā saccapaṭivedhena ahaṃ patiṭṭhitā. Tenāha ‘‘ajjhagā amataṃ santiṃ, nibbānaṃ padamaccuta’’nti, idaṃ ovāde patiṭṭhānassa kāraṇavacanaṃ. Yā niccatāya maraṇābhāvato amataṃ, sabbadukkhavūpasamatāya santiṃ, adhigatānaṃ acavanahetutāya accutaṃ nibbānaṃ padaṃ ajjhagā adhigañchi, sā ekaṃsena satthu ovāde patiṭṭhitā nāmāti.

    ๘๔๗. อวฎฺฐิตาเปมาติ ทฬฺหภตฺตี รตนตฺตเย นิจฺจลปสาทสิเนหาฯ กสฺมา? ยสฺมา ทสฺสเน อวิกมฺปินี, ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’’ติ เอตสฺมิํ สมฺมาทสฺสเน อจลา เกนจิ อจาลนียาฯ เกน ปเนตํ อวิกมฺปนนฺติ อาห ‘‘มูลชาตาย สทฺธายา’’ติฯ อยํ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๗๔; สํ. นิ. ๕.๙๙๗; อ. นิ. ๙.๒๗) สมฺมาสมฺพุเทฺธ, ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺมา’ติอาทินา ตสฺส ธเมฺม, ‘‘สุปฺปฎิปโนฺน ภควโต สาวกสโงฺฆ’’ติอาทินา ตสฺส สเงฺฆ จ สจฺจาภิสมยสงฺขาเตน มูเลน ชาตมูลา สทฺธา, ตาย อหํ อวิกมฺปินีติ ทเสฺสติฯ ตโต เอว ธีตา พุทฺธสฺส โอรสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย โอรสปุตฺตีฯ

    847.Avaṭṭhitāpemāti daḷhabhattī ratanattaye niccalapasādasinehā. Kasmā? Yasmā dassane avikampinī, ‘‘sammāsambuddho bhagavā, svākkhāto dhammo, suppaṭipanno saṅgho’’ti etasmiṃ sammādassane acalā kenaci acālanīyā. Kena panetaṃ avikampananti āha ‘‘mūlajātāyasaddhāyā’’ti. Ayaṃ ‘‘itipi so bhagavā araha’’ntiādinā (ma. ni. 1.74; saṃ. ni. 5.997; a. ni. 9.27) sammāsambuddhe, ‘‘svākkhāto bhagavatā dhammā’tiādinā tassa dhamme, ‘‘suppaṭipanno bhagavato sāvakasaṅgho’’tiādinā tassa saṅghe ca saccābhisamayasaṅkhātena mūlena jātamūlā saddhā, tāya ahaṃ avikampinīti dasseti. Tato eva dhītā buddhassa orasāti sammāsambuddhassa ure vāyāmajanitābhijātitāya orasaputtī.

    ๘๔๘. สาหํ รมามีติ สา อหํ ตทา อริยาย ชาติยา อิทานิ เทวูปปตฺติยา อาคตา มคฺครติยา ผลรติยา จ รมามิ, กามคุณรติยา กีฬามิ, อุภเยนาปิ โมทามิฯ อตฺตานุวาทภยาทีนํ อปคตตฺตา อกุโตภยาฯ มธุมทฺทวนฺติ มธุสงฺขาตํ มทฺทวกรํ, นจฺจนคายนกาเลสุ สรีรสฺส สรสฺส จ มุทุภาวาวหํ คนฺธปานํ สนฺธาย วทติฯ‘‘มธุมาทว’’นฺติปิ ปฐนฺติ, อาทวํ ยาวทวํ ยาวเทว ทวตฺถํ มธุรํ ปิวามีติ อโตฺถฯ

    848.Sāhaṃ ramāmīti sā ahaṃ tadā ariyāya jātiyā idāni devūpapattiyā āgatā maggaratiyā phalaratiyā ca ramāmi, kāmaguṇaratiyā kīḷāmi, ubhayenāpi modāmi. Attānuvādabhayādīnaṃ apagatattā akutobhayā. Madhumaddavanti madhusaṅkhātaṃ maddavakaraṃ, naccanagāyanakālesu sarīrassa sarassa ca mudubhāvāvahaṃ gandhapānaṃ sandhāya vadati.‘‘Madhumādava’’ntipi paṭhanti, ādavaṃ yāvadavaṃ yāvadeva davatthaṃ madhuraṃ pivāmīti attho.

    ๘๔๙. ปุญฺญเกฺขตฺตานมากราติ สเทวกสฺส โลกสฺส ปุญฺญเกฺขตฺตภูตานํ อริยานํ มคฺคผลฎฺฐานํ อริยสงฺฆสฺส อากรา อุปฺปตฺติฎฺฐานํ ตถาคตาฯ ยถาติ ยสฺมิํ ปุญฺญเกฺขเตฺตฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    849.Puññakkhettānamākarāti sadevakassa lokassa puññakkhettabhūtānaṃ ariyānaṃ maggaphalaṭṭhānaṃ ariyasaṅghassa ākarā uppattiṭṭhānaṃ tathāgatā. Yathāti yasmiṃ puññakkhette. Sesaṃ vuttanayameva.

    อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อตฺตนา จ เทวตาย จ ปวตฺติตํ อิมํ กถาสลฺลาปํ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิฯ ภควา ตมตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Athāyasmā mahāmoggallāno attanā ca devatāya ca pavattitaṃ imaṃ kathāsallāpaṃ manussalokaṃ āgantvā bhagavato ārocesi. Bhagavā tamatthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā sampattaparisāya dhammaṃ desesi. Sā desanā mahājanassa sātthikā ahosīti.

    รชฺชุมาลาวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Rajjumālāvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย วิมานวตฺถุสฺมิํ

    Iti paramatthadīpaniyā khuddaka-aṭṭhakathāya vimānavatthusmiṃ

    ทฺวาทสวตฺถุปฎิมณฺฑิตสฺส จตุตฺถสฺส มญฺชิฎฺฐกวคฺคสฺส

    Dvādasavatthupaṭimaṇḍitassa catutthassa mañjiṭṭhakavaggassa

    อตฺถวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Atthavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิตา จ อิตฺถิวิมานวณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca itthivimānavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑๒. รชฺชุมาลาวิมานวตฺถุ • 12. Rajjumālāvimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact