Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    ชาตก-อฎฺฐกถา

    Jātaka-aṭṭhakathā

    (ทุติโย ภาโค)

    (Dutiyo bhāgo)

    ๒. ทุกนิปาโต

    2. Dukanipāto

    ๑. ทฬฺหวโคฺค

    1. Daḷhavaggo

    [๑๕๑] ๑. ราโชวาทชาตกวณฺณนา

    [151] 1. Rājovādajātakavaṇṇanā

    ทฬฺหํ ทฬฺหสฺส ขิปตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิฯ โส เตสกุณชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ เอกสฺมิํ ปน ทิวเส โกสลราชา เอกํ อคติคตํ ทุพฺพินิจฺฉยํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิตฺวา ภุตฺตปาตราโส อลฺลหโตฺถว อลงฺกตรถํ อภิรุยฺห สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ผุลฺลปทุมสสฺสิริเกสุ ปาเทสุ นิปติตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ นํ สตฺถา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, อชฺช เอกํ อคติคตํ ทุพฺพินิจฺฉยํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินโนฺต โอกาสํ อลภิตฺวา อิทานิ ตํ ตีเรตฺวา ภุญฺชิตฺวา อลฺลหโตฺถว ตุมฺหากํ อุปฎฺฐานํ อาคโตมฺหี’’ติฯ สตฺถา ‘‘มหาราช, ธเมฺมน สเมน อฑฺฑวินิจฺฉยํ นาม กุสลํ, สคฺคมโคฺค เอสฯ อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ยํ ตุเมฺห มาทิสสฺส สพฺพญฺญุพุทฺธสฺส สนฺติกา โอวาทํ ลภมานา ธเมฺมน สเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉิเนยฺยาถฯ เอตเทว อจฺฉริยํ, ยํ ปุเพฺพ ราชาโน อสพฺพญฺญูนมฺปิ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ธเมฺมน สเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินนฺตา จตฺตาริ อคติคมนานิ วเชฺชตฺวา ทส ราชธเมฺม อโกเปตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา สคฺคปุรํ ปูรยมานา อคมิํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Daḷhaṃdaḷhassa khipatīti idaṃ satthā jetavane viharanto rājovādaṃ ārabbha kathesi. So tesakuṇajātake (jā. 2.17.1 ādayo) āvi bhavissati. Ekasmiṃ pana divase kosalarājā ekaṃ agatigataṃ dubbinicchayaṃ aḍḍaṃ vinicchinitvā bhuttapātarāso allahatthova alaṅkatarathaṃ abhiruyha satthu santikaṃ gantvā phullapadumasassirikesu pādesu nipatitvā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Atha naṃ satthā etadavoca – ‘‘handa kuto nu tvaṃ, mahārāja, āgacchasi divā divassā’’ti. ‘‘Bhante, ajja ekaṃ agatigataṃ dubbinicchayaṃ aḍḍaṃ vinicchinanto okāsaṃ alabhitvā idāni taṃ tīretvā bhuñjitvā allahatthova tumhākaṃ upaṭṭhānaṃ āgatomhī’’ti. Satthā ‘‘mahārāja, dhammena samena aḍḍavinicchayaṃ nāma kusalaṃ, saggamaggo esa. Anacchariyaṃ kho panetaṃ, yaṃ tumhe mādisassa sabbaññubuddhassa santikā ovādaṃ labhamānā dhammena samena aḍḍaṃ vinicchineyyātha. Etadeva acchariyaṃ, yaṃ pubbe rājāno asabbaññūnampi paṇḍitānaṃ vacanaṃ sutvā dhammena samena aḍḍaṃ vinicchinantā cattāri agatigamanāni vajjetvā dasa rājadhamme akopetvā dhammena rajjaṃ kāretvā saggapuraṃ pūrayamānā agamiṃsū’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ลทฺธคพฺภปริหาโร โสตฺถินา มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมิฯ นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส ‘‘พฺรหฺมทตฺตกุมาโร’’เตฺวว นามํ อกํสุฯ โส อนุปุเพฺพน วยปฺปโตฺต โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ ปตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช ปติฎฺฐาย ธเมฺมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ, ฉนฺทาทิวเสน อคนฺตฺวา วินิจฺฉยํ อนุสาสิฯ ตสฺมิํ เอวํ ธเมฺมน รชฺชํ กาเรเนฺต อมจฺจาปิ ธเมฺมเนว โวหารํ วินิจฺฉินิํสุฯ โวหาเรสุ ธเมฺมน วินิจฺฉยมาเนสุ กูฎฑฺฑการกา นาม นาเหสุํ, เตสํ อภาวา อฑฺฑตฺถาย ราชงฺคเณ อุปรโว ปจฺฉิชฺชิฯ อมจฺจา ทิวสมฺปิ วินิจฺฉยฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา กญฺจิ วินิจฺฉยตฺถาย อาคจฺฉนฺตํ อทิสฺวา อุฎฺฐาย ปกฺกมนฺติ, วินิจฺฉยฎฺฐานํ ฉเฑฺฑตพฺพภาวํ ปาปุณิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā laddhagabbhaparihāro sotthinā mātukucchimhā nikkhami. Nāmaggahaṇadivase panassa ‘‘brahmadattakumāro’’tveva nāmaṃ akaṃsu. So anupubbena vayappatto soḷasavassakāle takkasilaṃ gantvā sabbasippesu nipphattiṃ patvā pitu accayena rajje patiṭṭhāya dhammena samena rajjaṃ kāresi, chandādivasena agantvā vinicchayaṃ anusāsi. Tasmiṃ evaṃ dhammena rajjaṃ kārente amaccāpi dhammeneva vohāraṃ vinicchiniṃsu. Vohāresu dhammena vinicchayamānesu kūṭaḍḍakārakā nāma nāhesuṃ, tesaṃ abhāvā aḍḍatthāya rājaṅgaṇe uparavo pacchijji. Amaccā divasampi vinicchayaṭṭhāne nisīditvā kañci vinicchayatthāya āgacchantaṃ adisvā uṭṭhāya pakkamanti, vinicchayaṭṭhānaṃ chaḍḍetabbabhāvaṃ pāpuṇi.

    โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘มยิ ธเมฺมน รชฺชํ กาเรเนฺต วินิจฺฉยฎฺฐานํ อาคจฺฉนฺตา นาม นตฺถิ, อุปรโว ปจฺฉิชฺชิ, วินิจฺฉยฎฺฐานํ ฉเฑฺฑตพฺพภาวํ ปตฺตํ, อิทานิ มยา อตฺตโน อคุณํ ปริเยสิตุํ วฎฺฎติ ‘อยํ นาม เม อคุโณ’ติ สุตฺวา ตํ ปหาย คุเณสุเยว วตฺติสฺสามี’’ติฯ ตโต ปฎฺฐาย ‘‘อตฺถิ นุ โข เม โกจิ อคุณวาที’’ติ ปริคฺคณฺหโนฺต อโนฺตวฬญฺชกานํ อนฺตเร กญฺจิ อคุณวาทิํ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘เอเต มยฺหํ ภเยนาปิ อคุณํ อวตฺวา คุณเมว วเทยฺยุ’’นฺติ พหิวฬญฺชนเก ปริคฺคณฺหโนฺต ตตฺถาปิ อทิสฺวา อโนฺตนคเร ปริคฺคณฺหิฯ พหินคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ จตุคามเก ปริคฺคณฺหิฯ ตตฺถาปิ กญฺจิ อคุณวาทิํ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘ชนปทํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อมเจฺจ รชฺชํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา รถํ อารุยฺห สารถิเมว คเหตฺวา อญฺญาตกเวเสน นครา นิกฺขมิตฺวา ชนปทํ ปริคฺคณฺหมาโน ยาว ปจฺจนฺตภูมิํ คนฺตฺวา กญฺจิ อคุณวาทิํ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ปจฺจนฺตสีมโต มหามเคฺคน นคราภิมุโขเยว นิวตฺติฯ

    Bodhisatto cintesi – ‘‘mayi dhammena rajjaṃ kārente vinicchayaṭṭhānaṃ āgacchantā nāma natthi, uparavo pacchijji, vinicchayaṭṭhānaṃ chaḍḍetabbabhāvaṃ pattaṃ, idāni mayā attano aguṇaṃ pariyesituṃ vaṭṭati ‘ayaṃ nāma me aguṇo’ti sutvā taṃ pahāya guṇesuyeva vattissāmī’’ti. Tato paṭṭhāya ‘‘atthi nu kho me koci aguṇavādī’’ti pariggaṇhanto antovaḷañjakānaṃ antare kañci aguṇavādiṃ adisvā attano guṇakathameva sutvā ‘‘ete mayhaṃ bhayenāpi aguṇaṃ avatvā guṇameva vadeyyu’’nti bahivaḷañjanake pariggaṇhanto tatthāpi adisvā antonagare pariggaṇhi. Bahinagare catūsu dvāresu catugāmake pariggaṇhi. Tatthāpi kañci aguṇavādiṃ adisvā attano guṇakathameva sutvā ‘‘janapadaṃ pariggaṇhissāmī’’ti amacce rajjaṃ paṭicchāpetvā rathaṃ āruyha sārathimeva gahetvā aññātakavesena nagarā nikkhamitvā janapadaṃ pariggaṇhamāno yāva paccantabhūmiṃ gantvā kañci aguṇavādiṃ adisvā attano guṇakathameva sutvā paccantasīmato mahāmaggena nagarābhimukhoyeva nivatti.

    ตสฺมิํ ปน กาเล พลฺลิโก นาม โกสลราชาปิ ธเมฺมน รชฺชํ กาเรโนฺต อคุณกถํ คเวสโนฺต หุตฺวา อโนฺตวฬญฺชกาทีสุ อคุณวาทิํ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ชนปทํ ปริคฺคณฺหโนฺต ตํ ปเทสํ อคมาสิฯ เต อุโภปิ เอกสฺมิํ นินฺนฎฺฐาเน สกฎมเคฺค อภิมุขา อเหสุํ, รถสฺส อุกฺกมนฎฺฐานํ นตฺถิฯ อถ พลฺลิกรโญฺญ สารถิ พาราณสิรโญฺญ สารถิํ ‘‘ตว รถํ อุกฺกมาเปหี’’ติ อาหฯ โสปิ ‘‘อโมฺภ สารถิ, ตว รถํ อุกฺกมาเปหิ, อิมสฺมิํ รเถ พาราณสิรชฺชสามิโก พฺรหฺมทตฺตมหาราชา นิสิโนฺน’’ติ อาหฯ อิตโรปิ นํ ‘‘อโมฺภ สารถิ, อิมสฺมิํ รเถ โกสลรชฺชสามิโก พลฺลิกมหาราชา นิสิโนฺน, ตว รถํ อุกฺกมาเปตฺวา อมฺหากํ รโญฺญ รถสฺส โอกาสํ เทหี’’ติ อาหฯ พาราณสิรโญฺญ สารถิ ‘‘อยมฺปิ กิร ราชาเยว, กิํ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ จิเนฺตโนฺต ‘‘อเตฺถโส อุปาโย’’ติ วยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทหรสฺส รถํ อุกฺกมาเปตฺวา มหลฺลกสฺส โอกาสํ ทาเปสฺสามี’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา ตํ สารถิํ โกสลรโญฺญ วยํ ปุจฺฉิตฺวา ปริคฺคณฺหโนฺต อุภินฺนมฺปิ สมานวยภาวํ ญตฺวา รชฺชปริมาณํ พลํ ธนํ ยสํ ชาติํ โคตฺตํ กุลปเทสนฺติ สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุโภปิ ติโยชนสติกสฺส รชฺชสฺส สามิโน สมานพลธนยสชาติโคตฺตกุลปเทสา’’ติ ญตฺวา ‘‘สีลวนฺตสฺส โอกาสํ ทสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘โภ สารถิ, ตุมฺหากํ รโญฺญ สีลาจาโร กีทิโส’’ติ ปุจฺฉิฯ โส ‘‘อยญฺจ อยญฺจ อมฺหากํ รโญฺญ สีลาจาโร’’ติ อตฺตโน รโญฺญ อคุณเมว คุณโต ปกาเสโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Tasmiṃ pana kāle balliko nāma kosalarājāpi dhammena rajjaṃ kārento aguṇakathaṃ gavesanto hutvā antovaḷañjakādīsu aguṇavādiṃ adisvā attano guṇakathameva sutvā janapadaṃ pariggaṇhanto taṃ padesaṃ agamāsi. Te ubhopi ekasmiṃ ninnaṭṭhāne sakaṭamagge abhimukhā ahesuṃ, rathassa ukkamanaṭṭhānaṃ natthi. Atha ballikarañño sārathi bārāṇasirañño sārathiṃ ‘‘tava rathaṃ ukkamāpehī’’ti āha. Sopi ‘‘ambho sārathi, tava rathaṃ ukkamāpehi, imasmiṃ rathe bārāṇasirajjasāmiko brahmadattamahārājā nisinno’’ti āha. Itaropi naṃ ‘‘ambho sārathi, imasmiṃ rathe kosalarajjasāmiko ballikamahārājā nisinno, tava rathaṃ ukkamāpetvā amhākaṃ rañño rathassa okāsaṃ dehī’’ti āha. Bārāṇasirañño sārathi ‘‘ayampi kira rājāyeva, kiṃ nu kho kātabba’’nti cintento ‘‘attheso upāyo’’ti vayaṃ pucchitvā ‘‘daharassa rathaṃ ukkamāpetvā mahallakassa okāsaṃ dāpessāmī’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā taṃ sārathiṃ kosalarañño vayaṃ pucchitvā pariggaṇhanto ubhinnampi samānavayabhāvaṃ ñatvā rajjaparimāṇaṃ balaṃ dhanaṃ yasaṃ jātiṃ gottaṃ kulapadesanti sabbaṃ pucchitvā ‘‘ubhopi tiyojanasatikassa rajjassa sāmino samānabaladhanayasajātigottakulapadesā’’ti ñatvā ‘‘sīlavantassa okāsaṃ dassāmī’’ti cintetvā ‘‘bho sārathi, tumhākaṃ rañño sīlācāro kīdiso’’ti pucchi. So ‘‘ayañca ayañca amhākaṃ rañño sīlācāro’’ti attano rañño aguṇameva guṇato pakāsento paṭhamaṃ gāthamāha –

    .

    1.

    ‘‘ทฬฺหํ ทฬฺหสฺส ขิปติ, พลฺลิโก มุทุนา มุทุํ;

    ‘‘Daḷhaṃ daḷhassa khipati, balliko mudunā muduṃ;

    สาธุมฺปิ สาธุนา เชติ, อสาธุมฺปิ อสาธุนา;

    Sādhumpi sādhunā jeti, asādhumpi asādhunā;

    เอตาทิโส อยํ ราชา, มคฺคา อุยฺยาหิ สารถี’’ติฯ

    Etādiso ayaṃ rājā, maggā uyyāhi sārathī’’ti.

    ตตฺถ ทฬฺหํ ทฬฺหสฺส ขิปตีติ โย ทโฬฺห โหติ พลวทเฬฺหน ปหาเรน วา วจเนน วา ชินิตโพฺพ, ตสฺส ทฬฺหเมว ปหารํ วา วจนํ วา ขิปติฯ เอวํ ทโฬฺหว หุตฺวา ตํ ชินาตีติ ทเสฺสติฯ พลฺลิโกติ ตสฺส รโญฺญ นามํฯ มุทุนา มุทุนฺติ มุทุปุคฺคลํ สยมฺปิ มุทุ หุตฺวา มุทุนาว อุปาเยน ชินาติฯ สาธุมฺปิ สาธุนา เชตีติ เย สาธู สปฺปุริสา, เต สยมฺปิ สาธุ หุตฺวา สาธุนาว อุปาเยน ชินาติฯ อสาธุมฺปิ อสาธุนาติ เย ปน อสาธู, เต สยมฺปิ อสาธุ หุตฺวา อสาธุนาว อุปาเยน ชินาตีติ ทเสฺสติฯ เอตาทิโส อยํ ราชาติ อยํ อมฺหากํ โกสลราชา สีลาจาเรน เอวรูโปฯ มคฺคา อุยฺยาหิ สารถีติ อตฺตโน รถํ มคฺคา อุกฺกมาเปตฺวา อุยฺยาหิ, อุปฺปเถน ยาหิ, อมฺหากํ รโญฺญ มคฺคํ เทหีติ วทติฯ

    Tattha daḷhaṃ daḷhassa khipatīti yo daḷho hoti balavadaḷhena pahārena vā vacanena vā jinitabbo, tassa daḷhameva pahāraṃ vā vacanaṃ vā khipati. Evaṃ daḷhova hutvā taṃ jinātīti dasseti. Ballikoti tassa rañño nāmaṃ. Mudunā mudunti mudupuggalaṃ sayampi mudu hutvā mudunāva upāyena jināti. Sādhumpi sādhunā jetīti ye sādhū sappurisā, te sayampi sādhu hutvā sādhunāva upāyena jināti. Asādhumpi asādhunāti ye pana asādhū, te sayampi asādhu hutvā asādhunāva upāyena jinātīti dasseti. Etādiso ayaṃ rājāti ayaṃ amhākaṃ kosalarājā sīlācārena evarūpo. Maggā uyyāhi sārathīti attano rathaṃ maggā ukkamāpetvā uyyāhi, uppathena yāhi, amhākaṃ rañño maggaṃ dehīti vadati.

    อถ นํ พาราณสิรโญฺญ สารถิ ‘‘อโมฺภ, กิํ ปน ตยา อตฺตโน รโญฺญ คุณกถา กถิตา’’ติ วตฺวา ‘‘อามา’’ติ วุเตฺต ‘‘ยทิ ปน เอเต คุณาติ วทสิ, อคุณา ปน กีทิสี’’ติ วตฺวา ‘‘เอเต ตาว อคุณา โหนฺตุ, ตุมฺหากํ ปน รโญฺญ กีทิโส คุโณ’’ติ วุเตฺต ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ ทุติยํ คาถมาห –

    Atha naṃ bārāṇasirañño sārathi ‘‘ambho, kiṃ pana tayā attano rañño guṇakathā kathitā’’ti vatvā ‘‘āmā’’ti vutte ‘‘yadi pana ete guṇāti vadasi, aguṇā pana kīdisī’’ti vatvā ‘‘ete tāva aguṇā hontu, tumhākaṃ pana rañño kīdiso guṇo’’ti vutte ‘‘tena hi suṇāhī’’ti dutiyaṃ gāthamāha –

    .

    2.

    ‘‘อโกฺกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;

    ‘‘Akkodhena jine kodhaṃ, asādhuṃ sādhunā jine;

    ชิเน กทริยํ ทาเนน, สเจฺจนาลิกวาทินํ;

    Jine kadariyaṃ dānena, saccenālikavādinaṃ;

    เอตาทิโส อยํ ราชา, มคฺคา อุยฺยาหิ สารถี’’ติฯ

    Etādiso ayaṃ rājā, maggā uyyāhi sārathī’’ti.

    ตตฺถ เอตาทิโสติ เอเตหิ ‘‘อโกฺกเธน ชิเน โกธ’’นฺติอาทิวเสน วุเตฺตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโตฯ อยญฺหิ กุทฺธํ ปุคฺคลํ สยํ อโกฺกโธ หุตฺวา อโกฺกเธน ชินาติ, อสาธุํ ปน สยํ สาธุ หุตฺวา สาธุนาว อุปาเยน ชินาติ, กทริยํ ถทฺธมจฺฉริํ สยํ ทายโก หุตฺวา ทาเนน ชินาติฯ สเจฺจนาลิกวาทินนฺติ มุสาวาทิํ สยํ สจฺจวาที หุตฺวา สเจฺจน ชินาติฯ มคฺคา อุยฺยาหิ สารถีติ, สมฺม สารถิ, มคฺคโต อปคจฺฉฯ เอวํวิธสีลาจารคุณยุตฺตสฺส อมฺหากํ รโญฺญ มคฺคํ เทหิ, อมฺหากํ ราชา มคฺคสฺส อนุจฺฉวิโกติฯ

    Tattha etādisoti etehi ‘‘akkodhena jine kodha’’ntiādivasena vuttehi guṇehi samannāgato. Ayañhi kuddhaṃ puggalaṃ sayaṃ akkodho hutvā akkodhena jināti, asādhuṃ pana sayaṃ sādhu hutvā sādhunāva upāyena jināti, kadariyaṃ thaddhamacchariṃ sayaṃ dāyako hutvā dānena jināti. Saccenālikavādinanti musāvādiṃ sayaṃ saccavādī hutvā saccena jināti. Maggā uyyāhi sārathīti, samma sārathi, maggato apagaccha. Evaṃvidhasīlācāraguṇayuttassa amhākaṃ rañño maggaṃ dehi, amhākaṃ rājā maggassa anucchavikoti.

    เอวํ วุเตฺต พลฺลิกราชา จ สารถิ จ อุโภปิ รถา โอตริตฺวา อเสฺส โมเจตฺวา รถํ อปเนตฺวา พาราณสิรโญฺญ มคฺคํ อทํสุฯ พาราณสิราชา พลฺลิกรโญฺญ ‘‘รญฺญา นาม อิทญฺจิทญฺจ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ โอวาทํ ทตฺวา พาราณสิํ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิฯ พลฺลิกราชาปิ ตสฺส โอวาทํ คเหตฺวา ชนปทํ ปริคฺคเหตฺวา อตฺตโน อคุณวาทิํ อทิสฺวาว สกนครํ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรเมว ปูเรสิฯ

    Evaṃ vutte ballikarājā ca sārathi ca ubhopi rathā otaritvā asse mocetvā rathaṃ apanetvā bārāṇasirañño maggaṃ adaṃsu. Bārāṇasirājā ballikarañño ‘‘raññā nāma idañcidañca kātuṃ vaṭṭatī’’ti ovādaṃ datvā bārāṇasiṃ gantvā dānādīni puññāni katvā jīvitapariyosāne saggapuraṃ pūresi. Ballikarājāpi tassa ovādaṃ gahetvā janapadaṃ pariggahetvā attano aguṇavādiṃ adisvāva sakanagaraṃ gantvā dānādīni puññāni katvā jīvitapariyosāne saggapurameva pūresi.

    สตฺถา โกสลราชสฺส โอวาทตฺถาย อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พลฺลิกรโญฺญ สารถิ โมคฺคลฺลาโน อโหสิ, พลฺลิกราชา อานโนฺท, พาราณสิรโญฺญ สารถิ สาริปุโตฺต, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā kosalarājassa ovādatthāya imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā ballikarañño sārathi moggallāno ahosi, ballikarājā ānando, bārāṇasirañño sārathi sāriputto, bārāṇasirājā pana ahameva ahosi’’nti.

    ราโชวาทชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ

    Rājovādajātakavaṇṇanā paṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๕๑. ราโชวาทชาตกํ • 151. Rājovādajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact