Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๓๔] ๔. ราโชวาทชาตกวณฺณนา

    [334] 4. Rājovādajātakavaṇṇanā

    ควํ เจ ตรมานานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เตสกุณชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ อิธ ปน สตฺถา ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโนปิ ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา ธเมฺมน สเมน รชฺชํ กาเรนฺตา สคฺคปุรํ ปูรยมานา คมิํสู’’ติ วตฺวา รญฺญา ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Gavaṃce taramānānanti idaṃ satthā jetavane viharanto rājovādaṃ ārabbha kathesi. Vatthu tesakuṇajātake (jā. 2.17.1 ādayo) āvi bhavissati. Idha pana satthā ‘‘mahārāja, porāṇakarājānopi paṇḍitānaṃ kathaṃ sutvā dhammena samena rajjaṃ kārentā saggapuraṃ pūrayamānā gamiṃsū’’ti vatvā raññā yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต สิกฺขิตสพฺพสิโปฺป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา รมณีเย หิมวนฺตปเทเส วนมูลผลาหาโร วิหาสิฯ อถ ราชา อคุณปริเยสโก หุตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เม โกจิ อคุณํ กเถโนฺต’’ติ ปริเยสโนฺต อโนฺตชเน จ พหิชเน จ อโนฺตนคเร จ พหินคเร จ กญฺจิ อตฺตโน อวณฺณวาทิํ อทิสฺวา ‘‘ชนปเท นุ โข กถ’’นฺติ อญฺญาตกเวเสน ชนปทํ จริฯ ตตฺราปิ อวณฺณวาทิํ อปสฺสโนฺต อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘หิมวนฺตปเทเส นุ โข กถ’’นฺติ อรญฺญํ ปวิสิตฺวา วิจรโนฺต โพธิสตฺตสฺส อสฺสมํ ปตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา กตปฎิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสีทิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto sikkhitasabbasippo isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā ramaṇīye himavantapadese vanamūlaphalāhāro vihāsi. Atha rājā aguṇapariyesako hutvā ‘‘atthi nu kho me koci aguṇaṃ kathento’’ti pariyesanto antojane ca bahijane ca antonagare ca bahinagare ca kañci attano avaṇṇavādiṃ adisvā ‘‘janapade nu kho katha’’nti aññātakavesena janapadaṃ cari. Tatrāpi avaṇṇavādiṃ apassanto attano guṇakathameva sutvā ‘‘himavantapadese nu kho katha’’nti araññaṃ pavisitvā vicaranto bodhisattassa assamaṃ patvā taṃ abhivādetvā katapaṭisanthāro ekamantaṃ nisīdi.

    ตทา โพธิสโตฺต อรญฺญโต ปริปกฺกานิ นิโคฺรธผลานิ อาหริตฺวา ปริภุญฺชิ, ตานิ โหนฺติ มธุรานิ โอชวนฺตานิ สกฺขรจุณฺณสมรสานิฯ โส ราชานมฺปิ อามเนฺตตฺวา ‘‘อิมํ มหาปุญฺญ, นิโคฺรธปกฺกผลํ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวา’’ติ อาหฯ ราชา ตถา กตฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘กิํ นุ โข, ภเนฺต, อิมํ นิโคฺรธปกฺกํ อติ วิย มธุร’’นฺติ? ‘‘มหาปุญฺญ, นูน ราชา ธเมฺมน สเมน รชฺชํ กาเรติ, เตเนตํ มธุรนฺติฯ รโญฺญ อธมฺมิกกาเล อมธุรํ นุ โข, ภเนฺต, โหตี’’ติฯ ‘‘อาม, มหาปุญฺญ, ราชูสุ อธมฺมิเกสุ เตลมธุผาณิตาทีนิปิ วนมูลผลานิปิ อมธุรานิ โหนฺติ นิโรชานิ, น เกวลํ เอตานิ, สกลมฺปิ รฎฺฐํ นิโรชํ กสฎํ โหติฯ เตสุ ปน ธมฺมิเกสุ สพฺพานิ ตานิ มธุรานิ โหนฺติ โอชวนฺตานิ, สกลมฺปิ รฎฺฐํ โอชวนฺตเมว โหตี’’ติฯ ราชา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, ภเนฺต’’ติ อตฺตโน ราชภาวํ อชานาเปตฺวาว โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา พาราณสิํ คนฺตฺวา ‘‘ตาปสสฺส วจนํ วีมํสิสฺสามี’’ติ อธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา ‘‘อิทานิ ชานิสฺสามี’’ติ กิญฺจิ กาลํ วีตินาเมตฺวา ปุน ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ

    Tadā bodhisatto araññato paripakkāni nigrodhaphalāni āharitvā paribhuñji, tāni honti madhurāni ojavantāni sakkharacuṇṇasamarasāni. So rājānampi āmantetvā ‘‘imaṃ mahāpuñña, nigrodhapakkaphalaṃ khāditvā pānīyaṃ pivā’’ti āha. Rājā tathā katvā bodhisattaṃ pucchi ‘‘kiṃ nu kho, bhante, imaṃ nigrodhapakkaṃ ati viya madhura’’nti? ‘‘Mahāpuñña, nūna rājā dhammena samena rajjaṃ kāreti, tenetaṃ madhuranti. Rañño adhammikakāle amadhuraṃ nu kho, bhante, hotī’’ti. ‘‘Āma, mahāpuñña, rājūsu adhammikesu telamadhuphāṇitādīnipi vanamūlaphalānipi amadhurāni honti nirojāni, na kevalaṃ etāni, sakalampi raṭṭhaṃ nirojaṃ kasaṭaṃ hoti. Tesu pana dhammikesu sabbāni tāni madhurāni honti ojavantāni, sakalampi raṭṭhaṃ ojavantameva hotī’’ti. Rājā ‘‘evaṃ bhavissati, bhante’’ti attano rājabhāvaṃ ajānāpetvāva bodhisattaṃ vanditvā bārāṇasiṃ gantvā ‘‘tāpasassa vacanaṃ vīmaṃsissāmī’’ti adhammena rajjaṃ kāretvā ‘‘idāni jānissāmī’’ti kiñci kālaṃ vītināmetvā puna tattha gantvā taṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi.

    โพธิสโตฺตปิสฺส ตเถว วตฺวา นิโคฺรธปกฺกํ อทาสิ, ตํ ตสฺส ติตฺตกรสํ อโหสิฯ ราชา ‘‘อมธุรํ นิรส’’นฺติ สห เขเฬน ฉเฑฺฑตฺวา ‘‘ติตฺตกํ, ภเนฺต’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘มหาปุญฺญ, นูน ราชา อธมฺมิโก ภวิสฺสติฯ ราชูนญฺหิ อธมฺมิกกาเล อรเญฺญ ผลาผลํ อาทิํ กตฺวา สพฺพํ อมธุรํ นิโรชํ ชาต’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

    Bodhisattopissa tatheva vatvā nigrodhapakkaṃ adāsi, taṃ tassa tittakarasaṃ ahosi. Rājā ‘‘amadhuraṃ nirasa’’nti saha kheḷena chaḍḍetvā ‘‘tittakaṃ, bhante’’ti āha. Bodhisatto ‘‘mahāpuñña, nūna rājā adhammiko bhavissati. Rājūnañhi adhammikakāle araññe phalāphalaṃ ādiṃ katvā sabbaṃ amadhuraṃ nirojaṃ jāta’’nti vatvā imā gāthā abhāsi –

    ๑๓๓.

    133.

    ‘‘คเว เจ ตรมานานํ, ชิมฺหํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

    ‘‘Gave ce taramānānaṃ, jimhaṃ gacchati puṅgavo;

    สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺติ, เนเตฺต ชิมฺหํ คเต สติฯ

    Sabbā tā jimhaṃ gacchanti, nette jimhaṃ gate sati.

    ๑๓๔.

    134.

    ‘‘เอวเมว มนุเสฺสสุ, โย โหติ เสฎฺฐสมฺมโต;

    ‘‘Evameva manussesu, yo hoti seṭṭhasammato;

    โส เจ อธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

    So ce adhammaṃ carati, pageva itarā pajā;

    สพฺพํ รฎฺฐํ ทุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ อธมฺมิโกฯ

    Sabbaṃ raṭṭhaṃ dukhaṃ seti, rājā ce hoti adhammiko.

    ๑๓๕.

    135.

    ‘‘ควํ เจ ตรมานานํ, อุชุํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

    ‘‘Gavaṃ ce taramānānaṃ, ujuṃ gacchati puṅgavo;

    สพฺพา คาวี อุชุํ ยนฺติ, เนเตฺต อุชุํ คเต สติฯ

    Sabbā gāvī ujuṃ yanti, nette ujuṃ gate sati.

    ๑๓๖.

    136.

    ‘‘เอวเมว มนุเสฺสสุ, โย โหติ เสฎฺฐสมฺมโต;

    ‘‘Evameva manussesu, yo hoti seṭṭhasammato;

    โส สเจ ธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

    So sace dhammaṃ carati, pageva itarā pajā;

    สพฺพํ รฎฺฐํ สุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก’’ติฯ

    Sabbaṃ raṭṭhaṃ sukhaṃ seti, rājā ce hoti dhammiko’’ti.

    ตตฺถ ควนฺติ คุนฺนํฯ ตรมานานนฺติ นทิํ โอตรนฺตานํฯ ชิมฺหนฺติ กุฎิลํ วงฺกํฯ เนเตฺตติ นายเก คเหตฺวา คจฺฉเนฺต ควเชฎฺฐเก อุสเภ ปุงฺคเวฯ ปเคว อิตรา ปชาติ อิตเร สตฺตา ปุเรตรเมว อธมฺมํ จรนฺตีติ อโตฺถฯ ทุขํ เสตีติ น เกวลํ เสติ, จตูสุปิ อิริยาปเถสุ ทุกฺขเมว วินฺทติฯ อธมฺมิโกติ ยทิ ราชา ฉนฺทาทิอคติคมนวเสน อธมฺมิโก โหติฯ สุขํ เสตีติ สเจ ราชา อคติคมนํ ปหาย ธมฺมิโก โหติ, สพฺพํ รฎฺฐํ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขปฺปตฺตเมว โหตีติฯ

    Tattha gavanti gunnaṃ. Taramānānanti nadiṃ otarantānaṃ. Jimhanti kuṭilaṃ vaṅkaṃ. Netteti nāyake gahetvā gacchante gavajeṭṭhake usabhe puṅgave. Pageva itarā pajāti itare sattā puretarameva adhammaṃ carantīti attho. Dukhaṃ setīti na kevalaṃ seti, catūsupi iriyāpathesu dukkhameva vindati. Adhammikoti yadi rājā chandādiagatigamanavasena adhammiko hoti. Sukhaṃ setīti sace rājā agatigamanaṃ pahāya dhammiko hoti, sabbaṃ raṭṭhaṃ catūsu iriyāpathesu sukhappattameva hotīti.

    ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา อตฺตโน ราชภาวํ ชานาเปตฺวา ‘‘ภเนฺต, ปุเพฺพ นิโคฺรธปกฺกํ อหเมว มธุรํ กตฺวา ติตฺตกํ อกาสิํ, อิทานิ ปุน มธุรํ กริสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา นครํ คนฺตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรโนฺต สพฺพํ ปฎิปากติกํ อกาสิฯ

    Rājā bodhisattassa dhammaṃ sutvā attano rājabhāvaṃ jānāpetvā ‘‘bhante, pubbe nigrodhapakkaṃ ahameva madhuraṃ katvā tittakaṃ akāsiṃ, idāni puna madhuraṃ karissāmī’’ti bodhisattaṃ vanditvā nagaraṃ gantvā dhammena rajjaṃ kārento sabbaṃ paṭipākatikaṃ akāsi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.

    ราโชวาทชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ

    Rājovādajātakavaṇṇanā catutthā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๓๔. ราโชวาทชาตกํ • 334. Rājovādajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact