Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๘. รมณียกุฎิกเตฺถรคาถาวณฺณนา

    8. Ramaṇīyakuṭikattheragāthāvaṇṇanā

    รมณียา เม กุฎิกาติ อายสฺมโต รมณียกุฎิกเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โสปิ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุสลพีชโรปนํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิโต อฎฺฐารสกปฺปสตมตฺถเก อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต พุทฺธารหํ อาสนํ ภควโต อทาสิฯ ปุเปฺผหิ จ ภควนฺตํ ปูเชตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ เสสํ อญฺชนวนิยเตฺถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตสทิสเมวฯ อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิโจฺจ วชฺชิรเฎฺฐ อญฺญตรสฺมิํ คามกาวาเส กุฎิกายํ วิหรติ, สา โหติ กุฎิกา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา สุปริกมฺมกตภิตฺติภูมิกา อารามโปกฺขรณิรามเณยฺยาทิสมฺปนฺนา มุตฺตาชาลสทิสวาลิกากิณฺณภูมิภาคา เถรสฺส จ วตฺตสมฺปนฺนตาย สุสมฺมฎฺฐงฺคณตาทินา ภิโยฺยโสมตฺตาย รมณียตรา หุตฺวา ติฎฺฐติฯ โส ตตฺถ วิหรโนฺต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๔๗-๕๒) –

    Ramaṇīyāme kuṭikāti āyasmato ramaṇīyakuṭikattherassa gāthā. Kā uppatti? Sopi kira padumuttarassa bhagavato kāle kusalabījaropanaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto ito aṭṭhārasakappasatamatthake atthadassissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto buddhārahaṃ āsanaṃ bhagavato adāsi. Pupphehi ca bhagavantaṃ pūjetvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Sesaṃ añjanavaniyattherassa vatthumhi vuttasadisameva. Ayaṃ pana viseso – ayaṃ kira vuttanayena pabbajitvā katapubbakicco vajjiraṭṭhe aññatarasmiṃ gāmakāvāse kuṭikāyaṃ viharati, sā hoti kuṭikā abhirūpā dassanīyā pāsādikā suparikammakatabhittibhūmikā ārāmapokkharaṇirāmaṇeyyādisampannā muttājālasadisavālikākiṇṇabhūmibhāgā therassa ca vattasampannatāya susammaṭṭhaṅgaṇatādinā bhiyyosomattāya ramaṇīyatarā hutvā tiṭṭhati. So tattha viharanto vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahatte patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.11.47-52) –

    ‘‘กานนํ วนโมคฺคยฺห, อปฺปสทฺทํ นิรากุลํ;

    ‘‘Kānanaṃ vanamoggayha, appasaddaṃ nirākulaṃ;

    สีหาสนํ มยา ทินฺนํ, อตฺถทสฺสิสฺส ตาทิโนฯ

    Sīhāsanaṃ mayā dinnaṃ, atthadassissa tādino.

    ‘‘มาลาหตฺถํ คเหตฺวาน, กตฺวา จ นํ ปทกฺขิณํ;

    ‘‘Mālāhatthaṃ gahetvāna, katvā ca naṃ padakkhiṇaṃ;

    สตฺถารํ ปยิรุปาสิตฺวา, ปกฺกามิํ อุตฺตรามุโขฯ

    Satthāraṃ payirupāsitvā, pakkāmiṃ uttarāmukho.

    ‘‘เตน กเมฺมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฎฺฐ นราสภ;

    ‘‘Tena kammena dvipadinda, lokajeṭṭha narāsabha;

    สนฺนิพฺพาเปมิ อตฺตานํ, ภวา สเพฺพ สมูหตาฯ

    Sannibbāpemi attānaṃ, bhavā sabbe samūhatā.

    ‘‘อฎฺฐารสกปฺปสเต, ยํ ทานมททิํ ตทา;

    ‘‘Aṭṭhārasakappasate, yaṃ dānamadadiṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, สีหาสนสฺสิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, sīhāsanassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘อิโต สตฺตกปฺปสเต, สนฺนิพฺพาปกขตฺติโย;

    ‘‘Ito sattakappasate, sannibbāpakakhattiyo;

    สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ

    Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ตตฺถ วิหรเนฺต กุฎิกาย รมณียภาวโต วิหารเปกฺขกา มนุสฺสา ตโต ตโต อาคนฺตฺวา กุฎิํ ปสฺสนฺติ ฯ อเถกทิวสํ กติปยา ธุตฺตชาติกา อิตฺถิโย ตตฺถ คตา กุฎิกาย รมณียภาวํ ทิสฺวา, ‘‘เอตฺถ วสโนฺต อยํ สมโณ สิยา อเมฺหหิ อากฑฺฒนียหทโย’’ติ อธิปฺปาเยน – ‘‘รมณียํ โว, ภเนฺต, วสนฎฺฐานํฯ มยมฺปิ รมณียรูปา ปฐมโยพฺพเน ฐิตา’’ติ วตฺวา อิตฺถิกุตฺตาทีนิ ทเสฺสตุํ อารภิํสุฯ เถโร อตฺตโน วีตราคภาวํ ปกาเสโนฺต ‘‘รมณียา เม กุฎิกา, สทฺธาเทยฺยา มโนรมา’’ติ คาถํ อภาสิฯ

    Arahattaṃ pana patvā there tattha viharante kuṭikāya ramaṇīyabhāvato vihārapekkhakā manussā tato tato āgantvā kuṭiṃ passanti . Athekadivasaṃ katipayā dhuttajātikā itthiyo tattha gatā kuṭikāya ramaṇīyabhāvaṃ disvā, ‘‘ettha vasanto ayaṃ samaṇo siyā amhehi ākaḍḍhanīyahadayo’’ti adhippāyena – ‘‘ramaṇīyaṃ vo, bhante, vasanaṭṭhānaṃ. Mayampi ramaṇīyarūpā paṭhamayobbane ṭhitā’’ti vatvā itthikuttādīni dassetuṃ ārabhiṃsu. Thero attano vītarāgabhāvaṃ pakāsento ‘‘ramaṇīyā me kuṭikā, saddhādeyyā manoramā’’ti gāthaṃ abhāsi.

    ๕๘. ตตฺถ รมณียา เม กุฎิกาติ ‘‘รมณียา เต, ภเนฺต, กุฎิกา’’ติ ยํ ตุเมฺหหิ วุตฺตํ, ตํ สจฺจํฯ อยํ มม วสนกุฎิกา รมณียา มนุญฺญรูปา, สา จ โข สทฺธาเทยฺยา, ‘‘เอวรูปาย มนาปํ กตฺวา ปพฺพชิตานํ ทินฺนาย อิทํ นาม ผลํ โหตี’’ติ กมฺมผลานิ สทฺทหิตฺวา สทฺธาย ธมฺมจฺฉเนฺทน ทาตพฺพตฺตา สทฺธาเทยฺยา, น ธเนน นิพฺพตฺติตาฯ สยญฺจ ตถาทินฺนานิ สทฺธาเทยฺยานิ ปสฺสนฺตานํ ปริภุญฺชนฺตานญฺจ มโน รเมตีติ มโนรมาฯ สทฺธาเทยฺยตฺตา เอว หิ มโนรมา, สทฺธาทีหิ เทยฺยธมฺมํ สกฺกจฺจํ อภิสงฺขริตฺวา เทนฺติ, สทฺธาเทยฺยญฺจ ปริภุญฺชนฺตา สปฺปุริสา ทายกสฺส อวิสํวาทนตฺถมฺปิ ปโยคาสยสมฺปนฺนา โหนฺติ, น ตุเมฺหหิ จินฺติตากาเรน ปโยคาสยวิปนฺนาติ อธิปฺปาโยฯ น เม อโตฺถ กุมารีหีติ ยสฺมา สพฺพโส กาเมหิ วินิวตฺติตมานโส อหํ, ตสฺมา น เม อโตฺถ กุมารีหิฯ กปฺปิยการกกมฺมวเสนปิ หิ มาทิสานํ อิตฺถีหิ ปโยชนํ นาม นตฺถิ, ปเคว ราควเสน, ตสฺมา น เม อโตฺถ กุมารีหีติฯ กุมาริคฺคหณเญฺจตฺถ อุปลกฺขณํ ทฎฺฐพฺพํฯ มาทิสสฺส นาม สนฺติเก เอวํ ปฎิปชฺชาหีติ อยุตฺตการินีหิ ยาว อปรทฺธญฺจ ตุเมฺหหิ สมานชฺฌาสยานํ ปุรโต อยํ กิริยา โสเภยฺยาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เยสํ อโตฺถ ตหิํ คจฺฉถ นาริโย’’ติฯ ตตฺถ เยสนฺติ กาเมสุ อวีตราคานํฯ อโตฺถติ ปโยชนํฯ ตหินฺติ ตตฺถ เตสํ สนฺติกํฯ นาริโยติ อาลปนํฯ ตํ สุตฺวา อิตฺถิโย มงฺกุภูตา ปตฺตกฺขนฺธา อาคตมเคฺคเนว คตาฯ เอตฺถ จ ‘‘น เม อโตฺถ กุมารีหี’’ติ กาเมหิ อนตฺถิกภาววจเนเนว เถเรน อรหตฺตํ พฺยากตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    58. Tattha ramaṇīyā me kuṭikāti ‘‘ramaṇīyā te, bhante, kuṭikā’’ti yaṃ tumhehi vuttaṃ, taṃ saccaṃ. Ayaṃ mama vasanakuṭikā ramaṇīyā manuññarūpā, sā ca kho saddhādeyyā, ‘‘evarūpāya manāpaṃ katvā pabbajitānaṃ dinnāya idaṃ nāma phalaṃ hotī’’ti kammaphalāni saddahitvā saddhāya dhammacchandena dātabbattā saddhādeyyā, na dhanena nibbattitā. Sayañca tathādinnāni saddhādeyyāni passantānaṃ paribhuñjantānañca mano rametīti manoramā. Saddhādeyyattā eva hi manoramā, saddhādīhi deyyadhammaṃ sakkaccaṃ abhisaṅkharitvā denti, saddhādeyyañca paribhuñjantā sappurisā dāyakassa avisaṃvādanatthampi payogāsayasampannā honti, na tumhehi cintitākārena payogāsayavipannāti adhippāyo. Na me attho kumārīhīti yasmā sabbaso kāmehi vinivattitamānaso ahaṃ, tasmā na me attho kumārīhi. Kappiyakārakakammavasenapi hi mādisānaṃ itthīhi payojanaṃ nāma natthi, pageva rāgavasena, tasmā na me attho kumārīhīti. Kumāriggahaṇañcettha upalakkhaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Mādisassa nāma santike evaṃ paṭipajjāhīti ayuttakārinīhi yāva aparaddhañca tumhehi samānajjhāsayānaṃ purato ayaṃ kiriyā sobheyyāti dassento āha ‘‘yesaṃ attho tahiṃ gacchatha nāriyo’’ti. Tattha yesanti kāmesu avītarāgānaṃ. Atthoti payojanaṃ. Tahinti tattha tesaṃ santikaṃ. Nāriyoti ālapanaṃ. Taṃ sutvā itthiyo maṅkubhūtā pattakkhandhā āgatamaggeneva gatā. Ettha ca ‘‘na me attho kumārīhī’’ti kāmehi anatthikabhāvavacaneneva therena arahattaṃ byākatanti daṭṭhabbaṃ.

    รมณียกุฎิกเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ramaṇīyakuṭikattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๘. รมณียกุฎิกเตฺถรคาถา • 8. Ramaṇīyakuṭikattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact