Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) |
๑๒. ราสิยสุตฺตวณฺณนา
12. Rāsiyasuttavaṇṇanā
๓๖๔. ราสิํ กตฺวา มารปาสวเสน, ตตฺราปิ อนฺตรเภเทน วิภชิตฺวา ปุจฺฉิตพฺพปเญฺห เอกโต ราสิํ กตฺวาฯ ตปนํ อตฺตปริตาปนํ ตโป, โส เอตสฺส อตฺถีติ ตปสฺสี, ตํ ตปสฺสิํฯ โส ปน ตํ ตปํ นิสฺสาย ฐิโต นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ตปนิสฺสิตก’’นฺติฯ โส ปน อเนกาการเภเทน ลูขํ ผรุสํ ชีวนสีลตฺตา ลูขชีวี นามฯ เตนาห ‘‘ลูขชีวิก’’นฺติฯ มชฺฌิมาย ปฎิปตฺติยา อุปฺปถภาเวน อวนิยา คนฺธพฺพาติ อนฺตา, ตโต เอว ลามกตฺตา อนฺตาฯ ลามกมฺปิ ‘‘อโนฺต’’ติ วุจฺจติ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐), เอโก อโนฺต’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐)ฯ อฎฺฐกถายํ ปน อญฺญมญฺญอาธารภาวํ อุรีกตฺวา ‘‘โกฎฺฐาสา’’ติ วุตฺตํฯ หีโน คาโมติ ปาฬิฯ คาม-สโทฺท หีนปริยาโยติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘คาโมฺม’’ติฯ คาเม ภโวติ คาโมฺมฯ คาม-สโทฺท เจตฺถ คามวาสิวิสโย ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิยฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘คามวาสีนํ ธโมฺม’’ติ วุตฺตํ, เตสํ จาริตฺตนฺติ อโตฺถฯ อตฺต-สโทฺท อิธ สรีรปริยาโย ‘‘อตฺตนฺตโป’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘สรีรทุกฺขกรณนฺติ อโตฺถ’’ติฯ
364.Rāsiṃ katvā mārapāsavasena, tatrāpi antarabhedena vibhajitvā pucchitabbapañhe ekato rāsiṃ katvā. Tapanaṃ attaparitāpanaṃ tapo, so etassa atthīti tapassī, taṃ tapassiṃ. So pana taṃ tapaṃ nissāya ṭhito nāma hotīti vuttaṃ ‘‘tapanissitaka’’nti. So pana anekākārabhedena lūkhaṃ pharusaṃ jīvanasīlattā lūkhajīvī nāma. Tenāha ‘‘lūkhajīvika’’nti. Majjhimāya paṭipattiyā uppathabhāvena avaniyā gandhabbāti antā, tato eva lāmakattā antā. Lāmakampi ‘‘anto’’ti vuccati ‘‘antamidaṃ, bhikkhave, jīvikānaṃ (itivu. 91; saṃ. ni. 3.80), eko anto’’ti evamādīsu (saṃ. ni. 2.15; 3.90). Aṭṭhakathāyaṃ pana aññamaññaādhārabhāvaṃ urīkatvā ‘‘koṭṭhāsā’’ti vuttaṃ. Hīno gāmoti pāḷi. Gāma-saddo hīnapariyāyoti adhippāyenāha ‘‘gāmmo’’ti. Gāme bhavoti gāmmo. Gāma-saddo cettha gāmavāsivisayo ‘‘gāmo āgato’’tiādīsu viya. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘gāmavāsīnaṃ dhammo’’ti vuttaṃ, tesaṃ cārittanti attho. Atta-saddo idha sarīrapariyāyo ‘‘attantapo’’tiādīsu viyāti āha ‘‘sarīradukkhakaraṇanti attho’’ti.
เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ตปนิสฺสิตครหิตพฺพปเท กสฺมา อนฺตทฺวยมชฺฌิมปฎิปทาคหณํ? อตฺตกิลมถานุโยโค ตาว คยฺหตุ อิทมตฺถิตายาติ อธิปฺปาโยฯ กามโภคีตปนิสฺสิตกนิชฺชรวตฺถูนํ ทสฺสเน ยถาธิเปฺปตสฺส อตฺถสฺส วิภชิตฺวา กถนํ สมฺภวตีติ เต ทเสฺสตฺวา อธิเปฺปตโตฺถ กถิโตฯ
Etthāti etasmiṃ tapanissitagarahitabbapade kasmā antadvayamajjhimapaṭipadāgahaṇaṃ? Attakilamathānuyogo tāva gayhatu idamatthitāyāti adhippāyo. Kāmabhogītapanissitakanijjaravatthūnaṃ dassane yathādhippetassa atthassa vibhajitvā kathanaṃ sambhavatīti te dassetvā adhippetattho kathito.
ตมตฺถนฺติ โย ‘‘กามโภคีตปนิสฺสิตเกสุ ครหิตเพฺพเยว ครหติ, ปสํสิตเพฺพเยว จ ปสํสตี’’ติ วุโตฺต อโตฺถ, ตมตฺถํ ปกาเสโนฺตฯ สาหสิกกเมฺมนาติ อยุเตฺตน กเมฺมนฯ ธเมฺมน จ อธเมฺมน จาติ ธมฺมิเกน อธมฺมิเกน จฯ อโยนิโส ปวตฺตํ พาหิรกํ สนฺธาย โจทโก ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาหฯ อิตโร นยิทํ ตาทิสํ อตฺตปริตาปนํ อธิเปฺปตํ, อถ โข โยนิโส ปวตฺตํ สาสนิกเมวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตุรงฺควีริยวเสน จา’’ติ อาหฯ ตตฺถ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฎฺฐิ จ อวสิสฺสตู’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒.๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕) นเยน วุตฺตา สรีเรนิรเปกฺขวิปสฺสนาย อุสฺสุกฺกาปนวเสน ปวตฺตา วีริยภาวนา ‘‘จตุรงฺควีริยวเสนา’’ติ วุตฺตาฯ ตถา อโพฺภกาสิกเนสชฺชิกตปาทินิสฺสิตาว กิเลสนิมฺมถนโยคฺยา วีริยภาวนา ‘‘ธุตงฺควเสน จา’’ติ วุตฺตาติฯ อริยมเคฺคน นิเสฺสสกิเลสานํ ปชหนา นิชฺชราฯ สา จ อตฺตปจฺจกฺขตาย สนฺทิฎฺฐิกา ติณฺณํ มูลกิเลสานํ ปชหเนน ‘‘ติโสฺส’’ติ จ วุตฺตาฯ เตนาห ‘‘เอโกปี’’ติอาทิฯ
Tamatthanti yo ‘‘kāmabhogītapanissitakesu garahitabbeyeva garahati, pasaṃsitabbeyeva ca pasaṃsatī’’ti vutto attho, tamatthaṃ pakāsento. Sāhasikakammenāti ayuttena kammena. Dhammena ca adhammena cāti dhammikena adhammikena ca. Ayoniso pavattaṃ bāhirakaṃ sandhāya codako ‘‘katha’’ntiādimāha. Itaro nayidaṃ tādisaṃ attaparitāpanaṃ adhippetaṃ, atha kho yoniso pavattaṃ sāsanikamevāti dassento ‘‘caturaṅgavīriyavasena cā’’ti āha. Tattha ‘‘kāmaṃ taco ca nhāru ca aṭṭhi ca avasissatū’’tiādinā (ma. ni. 2.184; saṃ. ni. 2.22.237; a. ni. 2.5) nayena vuttā sarīrenirapekkhavipassanāya ussukkāpanavasena pavattā vīriyabhāvanā ‘‘caturaṅgavīriyavasenā’’ti vuttā. Tathā abbhokāsikanesajjikatapādinissitāva kilesanimmathanayogyā vīriyabhāvanā ‘‘dhutaṅgavasena cā’’ti vuttāti. Ariyamaggena nissesakilesānaṃ pajahanā nijjarā. Sā ca attapaccakkhatāya sandiṭṭhikā tiṇṇaṃ mūlakilesānaṃ pajahanena ‘‘tisso’’ti ca vuttā. Tenāha ‘‘ekopī’’tiādi.
ราสิยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rāsiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๒. ราสิยสุตฺตํ • 12. Rāsiyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๒. ราสิยสุตฺตวณฺณนา • 12. Rāsiyasuttavaṇṇanā