Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๒. รตนสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Ratanasikkhāpadavaṇṇanā
มุตฺตาทิทสวิธนฺติ ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตโงฺก มสารคลฺล’’นฺติ (ปาจิ. ๕๐๖) ทสวิธํ รตนํฯ อชฺฌาวสเถติ เคเหฯ เตนาห ‘‘ปริกฺขิตฺตสฺสา’’ติอาทิ, ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺสาติ อโตฺถฯ อาวสโถติ เจตฺถ อโนฺตคาเม นิวิฎฺฐเคหํ อธิเปฺปตํฯ อาราเม นิวิฎฺฐเคหํ ปน อชฺฌารามคฺคหเณเนว คหิตํฯ ‘‘อาวสโถติ เจตฺถ อโนฺตอาราเม วา โหตุ, อญฺญตฺถ วา, อตฺตโน วสนฎฺฐานํ วุจฺจตี’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ปาจิตฺติย ๓.๕๐๖) เกจิฯ สเพฺพสมฺปิ อตฺถาย ทุกฺกฎเมวาติ อตฺตโน วา เตสํ สงฺฆาทีนํ วา อตฺถาย อุคฺคณฺหนฺตสฺส วา อุคฺคณฺหาเปนฺตสฺส วา ทุกฺกฎเมวฯ สเจ ปน มาตาปิตูนํ สนฺตกํ อวสฺสํ ปฎิสาเมตพฺพํ กปฺปิยภณฺฑํ โหติ, อตฺตโน อตฺถาย คเหตฺวา ปฎิสาเมตพฺพนฺติ อาห ‘‘ตาทิสํ ปนา’’ติอาทิฯ ตาทิสนฺติ ยํ มาตาปิตูนํ สนฺตกํ อวสฺสํ ปฎิสาเมตพฺพํ กปฺปิยภณฺฑํ, ตาทิสํฯ ฉเนฺทนปิ ภเยนปีติ วฑฺฒกิอาทีสุ ฉเนฺทนปิ, ราชวลฺลเภสุ ภเยนปิฯ
Muttādidasavidhanti ‘‘muttā maṇi veḷuriyo saṅkho silā pavāḷaṃ rajataṃ jātarūpaṃ lohitaṅko masāragalla’’nti (pāci. 506) dasavidhaṃ ratanaṃ. Ajjhāvasatheti gehe. Tenāha ‘‘parikkhittassā’’tiādi, parikkhittassa āvasathassāti attho. Āvasathoti cettha antogāme niviṭṭhagehaṃ adhippetaṃ. Ārāme niviṭṭhagehaṃ pana ajjhārāmaggahaṇeneva gahitaṃ. ‘‘Āvasathoti cettha antoārāme vā hotu, aññattha vā, attano vasanaṭṭhānaṃ vuccatī’’ti (sārattha. ṭī. pācittiya 3.506) keci. Sabbesampi atthāya dukkaṭamevāti attano vā tesaṃ saṅghādīnaṃ vā atthāya uggaṇhantassa vā uggaṇhāpentassa vā dukkaṭameva. Sace pana mātāpitūnaṃ santakaṃ avassaṃ paṭisāmetabbaṃ kappiyabhaṇḍaṃ hoti, attano atthāya gahetvā paṭisāmetabbanti āha ‘‘tādisaṃ panā’’tiādi. Tādisanti yaṃ mātāpitūnaṃ santakaṃ avassaṃ paṭisāmetabbaṃ kappiyabhaṇḍaṃ, tādisaṃ. Chandenapi bhayenapīti vaḍḍhakiādīsu chandenapi, rājavallabhesu bhayenapi.
ตาทิเส ฐาเนติ มหาวิหารสทิสสฺส มหารามสฺส ปาการปริกฺขิเตฺต ปริเวเณฯ สญฺญาณํ กตฺวาติ ‘‘เอตฺตกา กหาปณา’’ติอาทินา รูเปน วา ลญฺฉนาทินิมิเตฺตน วา สญฺญาณํ กตฺวา, สลฺลเกฺขตฺวาติ อโตฺถฯ ปติรูปานํ ภิกฺขูนํ หเตฺถติ ลชฺชีนํ กุกฺกุจฺจกานํ ภิกฺขูนํ หเตฺถฯ โลลชาติกานญฺหิ หเตฺถ ฐเปตุํ น ลพฺภติฯ เนว ปกฺกมตีติ เนว ตมฺหา อาวาสา ปกฺกมติฯ ‘‘ถาวรํ เสนาสนํ วา’’ติอาทินา อตฺตโน จีวราทิมูลํ น กาตพฺพนฺติ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๐๖) ทเสฺสติฯ ตํ ทเสฺสตฺวาติ ยํ ถาวรเสนาสนาทิ กตํ, ตํ อุปาสก ตว สนฺตเกน อิทํ นาม กตนฺติ เอวํ ทเสฺสตฺวาฯ สมาทเปตฺวาติ อญฺญํ สมาทเปตฺวา, ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฎฺฐนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ วุตฺตนเยน ยาจิตฺวาติ อโตฺถฯ
Tādise ṭhāneti mahāvihārasadisassa mahārāmassa pākāraparikkhitte pariveṇe. Saññāṇaṃ katvāti ‘‘ettakā kahāpaṇā’’tiādinā rūpena vā lañchanādinimittena vā saññāṇaṃ katvā, sallakkhetvāti attho. Patirūpānaṃ bhikkhūnaṃ hattheti lajjīnaṃ kukkuccakānaṃ bhikkhūnaṃ hatthe. Lolajātikānañhi hatthe ṭhapetuṃ na labbhati. Neva pakkamatīti neva tamhā āvāsā pakkamati. ‘‘Thāvaraṃ senāsanaṃ vā’’tiādinā attano cīvarādimūlaṃ na kātabbanti (pāci. aṭṭha. 506) dasseti. Taṃ dassetvāti yaṃ thāvarasenāsanādi kataṃ, taṃ upāsaka tava santakena idaṃ nāma katanti evaṃ dassetvā. Samādapetvāti aññaṃ samādapetvā, ‘‘uddissa ariyā tiṭṭhanti, esā ariyāna yācanā’’ti vuttanayena yācitvāti attho.
อนุญฺญาตฎฺฐาเนติ อชฺฌารามอชฺฌาวสเถฯ อามาสนฺติ อามสิตพฺพเญฺจว ปฎิสาเมตพฺพญฺจ วตฺถาทิฯ
Anuññātaṭṭhāneti ajjhārāmaajjhāvasathe. Āmāsanti āmasitabbañceva paṭisāmetabbañca vatthādi.
รตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ratanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.