Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga

    ๙. รตนวโคฺค

    9. Ratanavaggo

    ๑. อเนฺตปุรสิกฺขาปทํ

    1. Antepurasikkhāpadaṃ

    ๔๙๔. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล อุยฺยานปาลํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, ภเณ, อุยฺยานํ โสเธหิฯ อุยฺยานํ คมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส อุยฺยานปาโล รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อุยฺยานํ โสเธโนฺต อทฺทส ภควนฺตํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํฯ ทิสฺวาน เยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘สุทฺธํ, เทว, อุยฺยานํฯ อปิจ, ภควา ตตฺถ นิสิโนฺน’’ติฯ ‘‘โหตุ, ภเณ! มยํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสิสฺสามา’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุยฺยานํ คนฺตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร อุปาสโก ภควนฺตํ ปยิรุปาสโนฺต นิสิโนฺน โหติฯ อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ตํ อุปาสกํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสนฺตํ นิสินฺนํฯ ทิสฺวาน ภีโต อฎฺฐาสิฯ อถ โข รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘นารหตายํ ปุริโส ปาโป โหตุํ , ยถา ภควนฺตํ ปยิรุปาสตี’’ติฯ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อถ โข โส อุปาสโก ภควโต คารเวน ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เนว อภิวาเทสิ น ปจฺจุฎฺฐาสิฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อนตฺตมโน อโหสิ – ‘‘กถญฺหิ นามายํ ปุริโส มยิ อาคเต เนว อภิวาเทสฺสติ น ปจฺจุเฎฺฐสฺสตี’’ติ! อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ อนตฺตมนํ วิทิตฺวา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส โข, มหาราช, อุปาสโก พหุสฺสุโต อาคตาคโม กาเมสุ วีตราโค’’ติฯ อถ โข รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘นารหตายํ อุปาสโก โอรโก โหตุํ, ภควาปิ อิมสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติฯ ตํ อุปาสกํ เอตทโวจ – ‘‘วเทยฺยาสิ, อุปาสก, เยน อโตฺถ’’ติฯ ‘‘สุฎฺฐุ, เทวา’’ติฯ อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุเตฺตชิโต สมฺปหํสิโต อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ

    494. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena rājā pasenadi kosalo uyyānapālaṃ āṇāpesi – ‘‘gaccha, bhaṇe, uyyānaṃ sodhehi. Uyyānaṃ gamissāmā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho so uyyānapālo rañño pasenadissa kosalassa paṭissutvā uyyānaṃ sodhento addasa bhagavantaṃ aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinnaṃ. Disvāna yena rājā pasenadi kosalo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavoca – ‘‘suddhaṃ, deva, uyyānaṃ. Apica, bhagavā tattha nisinno’’ti. ‘‘Hotu, bhaṇe! Mayaṃ bhagavantaṃ payirupāsissāmā’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo uyyānaṃ gantvā yena bhagavā tenupasaṅkami. Tena kho pana samayena aññataro upāsako bhagavantaṃ payirupāsanto nisinno hoti. Addasā kho rājā pasenadi kosalo taṃ upāsakaṃ bhagavantaṃ payirupāsantaṃ nisinnaṃ. Disvāna bhīto aṭṭhāsi. Atha kho rañño pasenadissa kosalassa etadahosi – ‘‘nārahatāyaṃ puriso pāpo hotuṃ , yathā bhagavantaṃ payirupāsatī’’ti. Yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Atha kho so upāsako bhagavato gāravena rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ neva abhivādesi na paccuṭṭhāsi. Atha kho rājā pasenadi kosalo anattamano ahosi – ‘‘kathañhi nāmāyaṃ puriso mayi āgate neva abhivādessati na paccuṭṭhessatī’’ti! Atha kho bhagavā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ anattamanaṃ viditvā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavoca – ‘‘eso kho, mahārāja, upāsako bahussuto āgatāgamo kāmesu vītarāgo’’ti. Atha kho rañño pasenadissa kosalassa etadahosi – ‘‘nārahatāyaṃ upāsako orako hotuṃ, bhagavāpi imassa vaṇṇaṃ bhāsatī’’ti. Taṃ upāsakaṃ etadavoca – ‘‘vadeyyāsi, upāsaka, yena attho’’ti. ‘‘Suṭṭhu, devā’’ti. Atha kho bhagavā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho rājā pasenadi kosalo bhagavatā dhammiyā kathāya sandassito samādapito samuttejito sampahaṃsito uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.

    ๔๙๕. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล อุปริปาสาทวรคโต โหติฯ อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ตํ อุปาสกํ รถิกาย 1 ฉตฺตปาณิํ คจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ปโกฺกสาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘ตฺวํ กิร, อุปาสก, พหุสฺสุโต อาคตาคโมฯ สาธุ, อุปาสก, อมฺหากํ อิตฺถาคารํ ธมฺมํ วาเจหี’’ติฯ ‘‘ยมหํ 2, เทว, ชานามิ อยฺยานํ วาหสา, อยฺยาว เทวสฺส อิตฺถาคารํ ธมฺมํ วาเจสฺสนฺตี’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล – ‘‘สจฺจํ โข อุปาสโก อาหา’’ติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต, ภควา เอกํ ภิกฺขุํ อาณาเปตุ โย อมฺหากํ อิตฺถาคารํ ธมฺมํ วาเจสฺสตี’’ติฯ อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ…เป.… ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘เตนหานนฺท, รโญฺญ อิตฺถาคารํ ธมฺมํ วาเจหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา กาเลน กาลํ ปวิสิตฺวา รโญฺญ อิตฺถาคารํ ธมฺมํ วาเจติฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิฯ

    495. Tena kho pana samayena rājā pasenadi kosalo uparipāsādavaragato hoti. Addasā kho rājā pasenadi kosalo taṃ upāsakaṃ rathikāya 3 chattapāṇiṃ gacchantaṃ. Disvāna pakkosāpetvā etadavoca – ‘‘tvaṃ kira, upāsaka, bahussuto āgatāgamo. Sādhu, upāsaka, amhākaṃ itthāgāraṃ dhammaṃ vācehī’’ti. ‘‘Yamahaṃ 4, deva, jānāmi ayyānaṃ vāhasā, ayyāva devassa itthāgāraṃ dhammaṃ vācessantī’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo – ‘‘saccaṃ kho upāsako āhā’’ti yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu, bhante, bhagavā ekaṃ bhikkhuṃ āṇāpetu yo amhākaṃ itthāgāraṃ dhammaṃ vācessatī’’ti. Atha kho bhagavā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ dhammiyā kathāya sandassesi…pe… padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘tenahānanda, rañño itthāgāraṃ dhammaṃ vācehī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā ānando bhagavato paṭissutvā kālena kālaṃ pavisitvā rañño itthāgāraṃ dhammaṃ vāceti. Atha kho āyasmā ānando pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena rañño pasenadissa kosalassa nivesanaṃ tenupasaṅkami.

    ๔๙๖. เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธิํ สยนคโต โหติฯ อทฺทสา โข มลฺลิกา เทวี อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน สหสา วุฎฺฐาสิ; ปีตกมฎฺฐํ ทุสฺสํ ปภสฺสิตฺถฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ตโตว ปฎินิวตฺติตฺวา อารามํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา อานโนฺท ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิโต รโญฺญ อเนฺตปุรํ ปวิสิสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, อานนฺท, ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิโต รโญฺญ อเนฺตปุรํ ปวิสสีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, อานนฺท, ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิโต รโญฺญ อเนฺตปุรํ ปวิสิสฺสสิ! เนตํ, อานนฺท, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ –

    496. Tena kho pana samayena rājā pasenadi kosalo mallikāya deviyā saddhiṃ sayanagato hoti. Addasā kho mallikā devī āyasmantaṃ ānandaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna sahasā vuṭṭhāsi; pītakamaṭṭhaṃ dussaṃ pabhassittha. Atha kho āyasmā ānando tatova paṭinivattitvā ārāmaṃ gantvā bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā ānando pubbe appaṭisaṃvidito rañño antepuraṃ pavisissatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, ānanda, pubbe appaṭisaṃvidito rañño antepuraṃ pavisasīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, ānanda, pubbe appaṭisaṃvidito rañño antepuraṃ pavisissasi! Netaṃ, ānanda, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi –

    ๔๙๗. 5 ‘‘ทสยิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ กตเม ทส? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา มเหสิยา สทฺธิํ นิสิโนฺน โหติ, ตตฺถ ภิกฺขุ ปวิสติฯ มเหสี วา ภิกฺขุํ ทิสฺวา สิตํ ปาตุกโรติฯ ภิกฺขุ วา มเหสิํ ทิสฺวา สิตํ ปาตุกโรติฯ ตตฺถ รโญฺญ เอวํ โหติ – ‘‘อทฺธา อิเมสํ กตํ วา กริสฺสนฺติ วา’’ติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปฐโม อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    497.6 ‘‘Dasayime, bhikkhave, ādīnavā rājantepurappavesane. Katame dasa? Idha, bhikkhave, rājā mahesiyā saddhiṃ nisinno hoti, tattha bhikkhu pavisati. Mahesī vā bhikkhuṃ disvā sitaṃ pātukaroti. Bhikkhu vā mahesiṃ disvā sitaṃ pātukaroti. Tattha rañño evaṃ hoti – ‘‘addhā imesaṃ kataṃ vā karissanti vā’’ti. Ayaṃ, bhikkhave, paṭhamo ādīnavo rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา พหุกิโจฺจ พหุกรณีโยฯ อญฺญตรํ อิตฺถิํ คนฺตฺวา นสฺสรติฯ สา เตน คพฺภํ คณฺหิฯ ตตฺถ รโญฺญ เอวํ โหติ – ‘‘น โข อิธ อโญฺญ โกจิ ปวิสติ อญฺญตฺร ปพฺพชิเตนฯ สิยา นุ โข ปพฺพชิตสฺส กมฺม’’นฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rājā bahukicco bahukaraṇīyo. Aññataraṃ itthiṃ gantvā nassarati. Sā tena gabbhaṃ gaṇhi. Tattha rañño evaṃ hoti – ‘‘na kho idha añño koci pavisati aññatra pabbajitena. Siyā nu kho pabbajitassa kamma’’nti. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyo ādīnavo rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ อเนฺตปุเร อญฺญตรํ รตนํ นสฺสติฯ ตตฺถ รโญฺญ เอวํ โหติ – ‘‘น โข อิธ อโญฺญ โกจิ ปวิสติ อญฺญตฺร ปพฺพชิเตนฯ สิยา นุ โข ปพฺพชิตสฺส กมฺม’’นฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño antepure aññataraṃ ratanaṃ nassati. Tattha rañño evaṃ hoti – ‘‘na kho idha añño koci pavisati aññatra pabbajitena. Siyā nu kho pabbajitassa kamma’’nti. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyo ādīnavo rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ อเนฺตปุเร อพฺภนฺตรา คุยฺหมนฺตา พหิทฺธา สเมฺภทํ คจฺฉนฺติฯ ตตฺถ รโญฺญ เอวํ โหติ – ‘‘น โข อิธ อโญฺญ โกจิ ปวิสติ อญฺญตฺร ปพฺพชิเตนฯ สิยา นุ โข ปพฺพชิตสฺส กมฺม’’นฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, จตุโตฺถ อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño antepure abbhantarā guyhamantā bahiddhā sambhedaṃ gacchanti. Tattha rañño evaṃ hoti – ‘‘na kho idha añño koci pavisati aññatra pabbajitena. Siyā nu kho pabbajitassa kamma’’nti. Ayaṃ, bhikkhave, catuttho ādīnavo rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ อเนฺตปุเร ปุโตฺต วา ปิตรํ ปเตฺถติ ปิตา วา ปุตฺตํ ปเตฺถติฯ เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘น โข อิธ อโญฺญ โกจิ ปวิสติ อญฺญตฺร ปพฺพชิเตนฯ สิยา นุ โข ปพฺพชิตสฺส กมฺม’’นฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปญฺจโม อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño antepure putto vā pitaraṃ pattheti pitā vā puttaṃ pattheti. Tesaṃ evaṃ hoti – ‘‘na kho idha añño koci pavisati aññatra pabbajitena. Siyā nu kho pabbajitassa kamma’’nti. Ayaṃ, bhikkhave, pañcamo ādīnavo rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา นีจฎฺฐานิยํ อุเจฺจ ฐาเน ฐเปติฯ เยสํ ตํ อมนาปํ เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘ราชา โข ปพฺพชิเตน สํสโฎฺฐฯ สิยา นุ โข ปพฺพชิตสฺส กมฺม’’นฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, ฉโฎฺฐ อาทีนโว, ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rājā nīcaṭṭhāniyaṃ ucce ṭhāne ṭhapeti. Yesaṃ taṃ amanāpaṃ tesaṃ evaṃ hoti – ‘‘rājā kho pabbajitena saṃsaṭṭho. Siyā nu kho pabbajitassa kamma’’nti. Ayaṃ, bhikkhave, chaṭṭho ādīnavo, rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา อุจฺจฎฺฐานิยํ นีเจ ฐาเน ฐเปติฯ เยสํ ตํ อมนาปํ เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘ราชา โข ปพฺพชิเตน สํสโฎฺฐฯ สิยา นุ โข ปพฺพชิตสฺส กมฺม’’นฺติฯ อยํ , ภิกฺขเว, สตฺตโม อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rājā uccaṭṭhāniyaṃ nīce ṭhāne ṭhapeti. Yesaṃ taṃ amanāpaṃ tesaṃ evaṃ hoti – ‘‘rājā kho pabbajitena saṃsaṭṭho. Siyā nu kho pabbajitassa kamma’’nti. Ayaṃ , bhikkhave, sattamo ādīnavo rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา อกาเล เสนํ อุโยฺยเชติฯ เยสํ ตํ อมนาปํ เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘ราชา โข ปพฺพชิเตน สํสโฎฺฐฯ สิยา นุ โข ปพฺพชิตสฺส กมฺม’’นฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, อฎฺฐโม อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rājā akāle senaṃ uyyojeti. Yesaṃ taṃ amanāpaṃ tesaṃ evaṃ hoti – ‘‘rājā kho pabbajitena saṃsaṭṭho. Siyā nu kho pabbajitassa kamma’’nti. Ayaṃ, bhikkhave, aṭṭhamo ādīnavo rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา กาเล เสนํ อุโยฺยเชตฺวา อนฺตรามคฺคโต นิวตฺตาเปติฯ เยสํ ตํ อมนาปํ เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘‘ราชา โข ปพฺพชิเตน สํสโฎฺฐฯ สิยา นุ โข ปพฺพชิตสฺส กมฺม’’นฺติฯ อยํ, ภิกฺขเว, นวโม อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rājā kāle senaṃ uyyojetvā antarāmaggato nivattāpeti. Yesaṃ taṃ amanāpaṃ tesaṃ evaṃ hoti – ‘‘‘rājā kho pabbajitena saṃsaṭṭho. Siyā nu kho pabbajitassa kamma’’nti. Ayaṃ, bhikkhave, navamo ādīnavo rājantepurappavesane.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ ราชเนฺตปุรํ หตฺถิสมฺมทฺทํ อสฺสสมฺมทฺทํ รถสมฺมทฺทํ รชฺชนียานิ 7 รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพานิ, ยานิ น ปพฺพชิตสฺส สารุปฺปานิฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทสโม อาทีนโว ราชเนฺตปุรปฺปเวสเนฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, ทส อาทีนวา ราชเนฺตปุรปฺปเวสเน’’ติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ทุพฺภรตาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño rājantepuraṃ hatthisammaddaṃ assasammaddaṃ rathasammaddaṃ rajjanīyāni 8 rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbāni, yāni na pabbajitassa sāruppāni. Ayaṃ, bhikkhave, dasamo ādīnavo rājantepurappavesane. Ime kho, bhikkhave, dasa ādīnavā rājantepurappavesane’’ti. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ anekapariyāyena vigarahitvā dubbharatāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๔๙๘. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส 9 อนิกฺขนฺตราชเก อนิคฺคตรตนเก ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิโต อินฺทขีลํ อติกฺกาเมยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    498.‘‘Yo pana bhikkhu rañño khattiyassa muddhāvasittassa 10 anikkhantarājake aniggataratanake pubbe appaṭisaṃvidito indakhīlaṃ atikkāmeyya, pācittiya’’nti.

    ๔๙๙. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    499.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    ขตฺติโย นาม อุภโต สุชาโต โหติ, มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา อกฺขิโตฺต อนุปกุโฎฺฐ ชาติวาเทนฯ

    Khattiyo nāma ubhato sujāto hoti, mātito ca pitito ca saṃsuddhagahaṇiko, yāva sattamā pitāmahayugā akkhitto anupakuṭṭho jātivādena.

    มุทฺธาวสิโตฺต นาม ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิโตฺต โหติฯ

    Muddhāvasitto nāma khattiyābhisekena abhisitto hoti.

    อนิกฺขนฺตราชเกติ ราชา สยนิฆรา อนิกฺขโนฺต โหติฯ

    Anikkhantarājaketi rājā sayanigharā anikkhanto hoti.

    อนิคฺคตรตนเกติ มเหสี สยนิฆรา อนิกฺขนฺตา โหติ, อุโภ วา อนิกฺขนฺตา โหนฺติฯ

    Aniggataratanaketi mahesī sayanigharā anikkhantā hoti, ubho vā anikkhantā honti.

    ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิโตติ ปุเพฺพ อนามเนฺตตฺวาฯ

    Pubbe appaṭisaṃviditoti pubbe anāmantetvā.

    อินฺทขีโล นาม สยนิฆรสฺส อุมฺมาโร วุจฺจติฯ

    Indakhīlo nāma sayanigharassa ummāro vuccati.

    สยนิฆรํ นาม ยตฺถ กตฺถจิ รโญฺญ สยนํ ปญฺญตฺตํ โหติ, อนฺตมโส สาณิปาการปริกฺขิตฺตมฺปิฯ

    Sayanigharaṃ nāma yattha katthaci rañño sayanaṃ paññattaṃ hoti, antamaso sāṇipākāraparikkhittampi.

    อินฺทขีลํ อติกฺกาเมยฺยาติ ปฐมํ ปาทํ อุมฺมารํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ทุติยํ ปาทํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Indakhīlaṃ atikkāmeyyāti paṭhamaṃ pādaṃ ummāraṃ atikkāmeti, āpatti dukkaṭassa. Dutiyaṃ pādaṃ atikkāmeti, āpatti pācittiyassa.

    ๕๐๐. อปฺปฎิสํวิทิเต อปฺปฎิสํวิทิตสญฺญี อินฺทขีลํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อปฺปฎิสํวิทิเต เวมติโก อินฺทขีลํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อปฺปฎิสํวิทิเต ปฎิสํวิทิตสญฺญี อินฺทขีลํ อติกฺกาเมติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    500. Appaṭisaṃvidite appaṭisaṃviditasaññī indakhīlaṃ atikkāmeti, āpatti pācittiyassa. Appaṭisaṃvidite vematiko indakhīlaṃ atikkāmeti, āpatti pācittiyassa. Appaṭisaṃvidite paṭisaṃviditasaññī indakhīlaṃ atikkāmeti, āpatti pācittiyassa.

    ปฎิสํวิทิเต อปฺปฎิสํวิทิตสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปฎิสํวิทิเต เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปฎิสํวิทิเต ปฎิสํวิทิตสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    Paṭisaṃvidite appaṭisaṃviditasaññī, āpatti dukkaṭassa. Paṭisaṃvidite vematiko, āpatti dukkaṭassa. Paṭisaṃvidite paṭisaṃviditasaññī, anāpatti.

    ๕๐๑. อนาปตฺติ ปฎิสํวิทิเต, น ขตฺติโย โหติ, น ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิโตฺต โหติ, ราชา สยนิฆรา นิกฺขโนฺต โหติ, มเหสี สยนิฆรา นิกฺขนฺตา โหติ, อุโภ วา นิกฺขนฺตา โหนฺติ, น สยนิฆเร, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    501. Anāpatti paṭisaṃvidite, na khattiyo hoti, na khattiyābhisekena abhisitto hoti, rājā sayanigharā nikkhanto hoti, mahesī sayanigharā nikkhantā hoti, ubho vā nikkhantā honti, na sayanighare, ummattakassa, ādikammikassāti.

    อเนฺตปุรสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปฐมํฯ

    Antepurasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ paṭhamaṃ.

    ๒. รตนสิกฺขาปทํ

    2. Ratanasikkhāpadaṃ

    ๕๐๒. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อจิรวติยา นทิยา นหายติฯ อญฺญตโรปิ พฺราหฺมโณ ปญฺจสตานํ ถวิกํ ถเล นิกฺขิปิตฺวา อจิรวติยา นทิยา นหายโนฺต วิสฺสริตฺวา อคมาสิฯ อถ โข โส ภิกฺขุ – ‘‘ตสฺสายํ พฺราหฺมณสฺส ถวิกา, มา อิธ นสฺสี’’ติ อคฺคเหสิฯ อถ โข โส พฺราหฺมโณ สริตฺวา ตุริโต อาธาวิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อปิ เม, โภ, ถวิกํ ปเสฺสยฺยาสี’’ติ? ‘‘หนฺท, พฺราหฺมณา’’ติ อทาสิฯ อถ โข ตสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ – ‘‘เกน นุ โข อหํ อุปาเยน อิมสฺส ภิกฺขุโน ปุณฺณปตฺตํ น ทเทยฺย’’นฺติ! ‘‘น เม, โภ, ปญฺจสตานิ, สหสฺสํ เม’’ติ ปลิพุเนฺธตฺวา มุญฺจิฯ อถ โข โส ภิกฺขุ อารามํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขุ รตนํ อุคฺคเหสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, รตนํ อุคฺคเหสีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, รตนํ อุคฺคเหสฺสสิ! เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    502. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu aciravatiyā nadiyā nahāyati. Aññataropi brāhmaṇo pañcasatānaṃ thavikaṃ thale nikkhipitvā aciravatiyā nadiyā nahāyanto vissaritvā agamāsi. Atha kho so bhikkhu – ‘‘tassāyaṃ brāhmaṇassa thavikā, mā idha nassī’’ti aggahesi. Atha kho so brāhmaṇo saritvā turito ādhāvitvā taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘api me, bho, thavikaṃ passeyyāsī’’ti? ‘‘Handa, brāhmaṇā’’ti adāsi. Atha kho tassa brāhmaṇassa etadahosi – ‘‘kena nu kho ahaṃ upāyena imassa bhikkhuno puṇṇapattaṃ na dadeyya’’nti! ‘‘Na me, bho, pañcasatāni, sahassaṃ me’’ti palibundhetvā muñci. Atha kho so bhikkhu ārāmaṃ gantvā bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhu ratanaṃ uggahessatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, bhikkhu, ratanaṃ uggahesīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, ratanaṃ uggahessasi! Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ‘‘โย ปน ภิกฺขุ รตนํ วา รตนสมฺมตํ วา อุคฺคเณฺหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    ‘‘Yo pana bhikkhu ratanaṃ vā ratanasammataṃ vā uggaṇheyya vā uggaṇhāpeyya vā, pācittiya’’nti.

    เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ

    Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.

    ๕๐๓. เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิยา อุสฺสโว โหติฯ มนุสฺสา อลงฺกตปฺปฎิยตฺตา อุยฺยานํ คจฺฉนฺติฯ วิสาขาปิ มิคารมาตา อลงฺกตปฺปฎิยตฺตา ‘‘อุยฺยานํ คมิสฺสามี’’ติ คามโต นิกฺขมิตฺวา – ‘‘กฺยาหํ กริสฺสามิ อุยฺยานํ คนฺตฺวา, ยํนูนาหํ ภควนฺตํ ปยิรุปาเสยฺย’’นฺติ อาภรณํ โอมุญฺจิตฺวา อุตฺตราสเงฺคน ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ทาสิยา อทาสิ – ‘‘หนฺท, เช, อิมํ ภณฺฑิกํ คณฺหาหี’’ติฯ อถ โข วิสาขา มิคารมาตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข วิสาขํ มิคารมาตรํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข วิสาขา มิคารมาตา ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุเตฺตชิตา สมฺปหํสิตา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข สา ทาสี ตํ ภณฺฑิกํ วิสฺสริตฺวา อคมาสิฯ ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, อุคฺคเหตฺวา นิกฺขิปถา’’ติฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รตนํ วา รตนสมฺมตํ วา อชฺฌาราเม อุคฺคเหตฺวา วา อุคฺคหาเปตฺวา วา นิกฺขิปิตุํ – ‘‘ยสฺส ภวิสฺสติ โส หริสฺสตี’’ติฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    503. Tena kho pana samayena sāvatthiyā ussavo hoti. Manussā alaṅkatappaṭiyattā uyyānaṃ gacchanti. Visākhāpi migāramātā alaṅkatappaṭiyattā ‘‘uyyānaṃ gamissāmī’’ti gāmato nikkhamitvā – ‘‘kyāhaṃ karissāmi uyyānaṃ gantvā, yaṃnūnāhaṃ bhagavantaṃ payirupāseyya’’nti ābharaṇaṃ omuñcitvā uttarāsaṅgena bhaṇḍikaṃ bandhitvā dāsiyā adāsi – ‘‘handa, je, imaṃ bhaṇḍikaṃ gaṇhāhī’’ti. Atha kho visākhā migāramātā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho visākhaṃ migāramātaraṃ bhagavā dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho visākhā migāramātā bhagavatā dhammiyā kathāya sandassitā samādapitā samuttejitā sampahaṃsitā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho sā dāsī taṃ bhaṇḍikaṃ vissaritvā agamāsi. Bhikkhū passitvā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Tena hi, bhikkhave, uggahetvā nikkhipathā’’ti. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, ratanaṃ vā ratanasammataṃ vā ajjhārāme uggahetvā vā uggahāpetvā vā nikkhipituṃ – ‘‘yassa bhavissati so harissatī’’ti. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ‘‘โย ปน ภิกฺขุ รตนํ วา รตนสมฺมตํ วา, อญฺญตฺร อชฺฌารามา, อุคฺคเณฺหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    ‘‘Yo pana bhikkhu ratanaṃ vā ratanasammataṃ vā, aññatra ajjhārāmā, uggaṇheyya vā uggaṇhāpeyya vā, pācittiya’’nti.

    เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ

    Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.

    ๕๐๔. เตน โข ปน สมเยน กาสีสุ ชนปเท อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส กมฺมนฺตคาโม โหติฯ เตน จ คหปตินา อเนฺตวาสี อาณโตฺต โหติ – ‘‘สเจ ภทนฺตา อาคจฺฉนฺติ ภตฺตํ กเรยฺยาสี’’ติฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู กาสีสุ ชนปเท จาริกํ จรมานา เยน อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติสฺส กมฺมนฺตคาโม เตนุปสงฺกมิํสุฯ อทฺทสา โข โส ปุริโส เต ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉเนฺตฯ ทิสฺวาน เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู อภิวาเทตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสนฺตุ, ภเนฺต, อยฺยา สฺวาตนาย คหปติโน ภตฺต’’นฺติฯ อธิวาเสสุํ โข เต ภิกฺขู ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข โส ปุริโส ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา กาลํ อาโรจาเปตฺวา องฺคุลิมุทฺทิกํ โอมุญฺจิตฺวา เต ภิกฺขู ภเตฺตน ปริวิสิตฺวา – ‘‘อยฺยา ภุญฺชิตฺวา คจฺฉนฺตุ, อหมฺปิ กมฺมนฺตํ คมิสฺสามี’’ติ องฺคุลิมุทฺทิกํ วิสฺสริตฺวา อคมาสิฯ ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา – ‘‘สเจ มยํ คมิสฺสาม นสฺสิสฺสตายํ องฺคุลิมุทฺทิกา’’ติ ตเตฺถว อจฺฉิํสุฯ อถ โข โส ปุริโส กมฺมนฺตา อาคจฺฉโนฺต เต ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส, ภเนฺต, อยฺยา อิเธว อจฺฉนฺตี’’ติ? อถ โข เต ภิกฺขู ตสฺส ปุริสสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, รตนํ วา รตนสมฺมตํ วา อชฺฌาราเม วา อชฺฌาวสเถ วา อุคฺคเหตฺวา วา อุคฺคหาเปตฺวา วา นิกฺขิปิตุํ – ยสฺส ภวิสฺสติ โส หริสฺสตี’’ติฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    504. Tena kho pana samayena kāsīsu janapade anāthapiṇḍikassa gahapatissa kammantagāmo hoti. Tena ca gahapatinā antevāsī āṇatto hoti – ‘‘sace bhadantā āgacchanti bhattaṃ kareyyāsī’’ti. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū kāsīsu janapade cārikaṃ caramānā yena anāthapiṇḍikassa gahapatissa kammantagāmo tenupasaṅkamiṃsu. Addasā kho so puriso te bhikkhū dūratova āgacchante. Disvāna yena te bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te bhikkhū abhivādetvā etadavoca – ‘‘adhivāsentu, bhante, ayyā svātanāya gahapatino bhatta’’nti. Adhivāsesuṃ kho te bhikkhū tuṇhībhāvena. Atha kho so puriso tassā rattiyā accayena paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā kālaṃ ārocāpetvā aṅgulimuddikaṃ omuñcitvā te bhikkhū bhattena parivisitvā – ‘‘ayyā bhuñjitvā gacchantu, ahampi kammantaṃ gamissāmī’’ti aṅgulimuddikaṃ vissaritvā agamāsi. Bhikkhū passitvā – ‘‘sace mayaṃ gamissāma nassissatāyaṃ aṅgulimuddikā’’ti tattheva acchiṃsu. Atha kho so puriso kammantā āgacchanto te bhikkhū passitvā etadavoca – ‘‘kissa, bhante, ayyā idheva acchantī’’ti? Atha kho te bhikkhū tassa purisassa etamatthaṃ ārocetvā sāvatthiṃ gantvā bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesuṃ. Bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, ratanaṃ vā ratanasammataṃ vā ajjhārāme vā ajjhāvasathe vā uggahetvā vā uggahāpetvā vā nikkhipituṃ – yassa bhavissati so harissatī’’ti. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๐๕. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ รตนํ วา รตนสมฺมตํ วา, อญฺญตฺร อชฺฌารามา วา อชฺฌาวสถา วา, อุคฺคเณฺหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ รตนํ วา ปน ภิกฺขุนา รตนสมฺมตํ วา อชฺฌาราเม วา อชฺฌาวสเถ วา อุคฺคเหตฺวา วา อุคฺคหาเปตฺวา วา นิกฺขิปิตพฺพํ – ‘ยสฺส ภวิสฺสติ โส หริสฺสตี’ติฯ อยํ ตตฺถ สามีจี’’ติฯ

    505.‘‘Yo pana bhikkhu ratanaṃ vā ratanasammataṃ vā, aññatra ajjhārāmā vā ajjhāvasathā vā, uggaṇheyya vā uggaṇhāpeyya vā, pācittiyaṃ. Ratanaṃ vā pana bhikkhunā ratanasammataṃ vā ajjhārāme vā ajjhāvasathe vā uggahetvā vā uggahāpetvā vā nikkhipitabbaṃ – ‘yassa bhavissati so harissatī’ti. Ayaṃ tattha sāmīcī’’ti.

    ๕๐๖. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    506.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    รตนํ นาม มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข สิลา ปวาลํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตโงฺก 11 มสารคลฺลํฯ

    Ratanaṃ nāma muttā maṇi veḷuriyo saṅkho silā pavālaṃ rajataṃ jātarūpaṃ lohitaṅko 12 masāragallaṃ.

    รตนสมฺมตํ นาม ยํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ, เอตํ รตนสมฺมตํ นามฯ

    Ratanasammataṃ nāma yaṃ manussānaṃ upabhogaparibhogaṃ, etaṃ ratanasammataṃ nāma.

    อญฺญตฺร อชฺฌารามา วา อชฺฌาวสถา วาติ ฐเปตฺวา อชฺฌารามํ อชฺฌาวสถํฯ

    Aññatra ajjhārāmā vā ajjhāvasathā vāti ṭhapetvā ajjhārāmaṃ ajjhāvasathaṃ.

    อชฺฌาราโม นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส อโนฺต อาราโม, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโรฯ

    Ajjhārāmo nāma parikkhittassa ārāmassa anto ārāmo, aparikkhittassa upacāro.

    อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวสถสฺส อโนฺต อาวสโถ, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจาโรฯ

    Ajjhāvasatho nāma parikkhittassa āvasathassa anto āvasatho, aparikkhittassa upacāro.

    อุคฺคเณฺหยฺยาติ สยํ คณฺหาติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Uggaṇheyyāti sayaṃ gaṇhāti, āpatti pācittiyassa.

    อุคฺคณฺหาเปยฺยาติ อญฺญํ คาหาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Uggaṇhāpeyyāti aññaṃ gāhāpeti, āpatti pācittiyassa.

    รตนํ วา ปน ภิกฺขุนา รตนสมฺมตํ วา อชฺฌาราเม วา อชฺฌาวสเถ วา อุคฺคเหตฺวา วา อุคฺคหาเปตฺวา วา นิกฺขิปิตพฺพนฺติ รูเปน วา นิมิเตฺตน วา สญฺญาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตฺวา อาจิกฺขิตพฺพํ – ‘‘ยสฺส ภณฺฑํ นฎฺฐํ โส อาคจฺฉตู’’ติฯ สเจ ตตฺถ อาคจฺฉติ โส วตฺตโพฺพ – ‘‘อาวุโส, กีทิสํ เต ภณฺฑ’’นฺติ? สเจ รูเปน วา นิมิเตฺตน วา สมฺปาเทติ ทาตพฺพํ, โน เจ สมฺปาเทติ ‘‘วิจินาหิ อาวุโส’’ติ วตฺตโพฺพฯ ตมฺหา อาวาสา ปกฺกมเนฺตน เย ตตฺถ โหนฺติ ภิกฺขู ปติรูปา, เตสํ หเตฺถ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ โน เจ โหนฺติ ภิกฺขู ปติรูปา, เย ตตฺถ โหนฺติ คหปติกา ปติรูปา, เตสํ หเตฺถ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ

    Ratanaṃ vā pana bhikkhunā ratanasammataṃ vā ajjhārāme vā ajjhāvasathe vā uggahetvā vā uggahāpetvā vā nikkhipitabbanti rūpena vā nimittena vā saññāṇaṃ katvā nikkhipitvā ācikkhitabbaṃ – ‘‘yassa bhaṇḍaṃ naṭṭhaṃ so āgacchatū’’ti. Sace tattha āgacchati so vattabbo – ‘‘āvuso, kīdisaṃ te bhaṇḍa’’nti? Sace rūpena vā nimittena vā sampādeti dātabbaṃ, no ce sampādeti ‘‘vicināhi āvuso’’ti vattabbo. Tamhā āvāsā pakkamantena ye tattha honti bhikkhū patirūpā, tesaṃ hatthe nikkhipitvā pakkamitabbaṃ. No ce honti bhikkhū patirūpā, ye tattha honti gahapatikā patirūpā, tesaṃ hatthe nikkhipitvā pakkamitabbaṃ.

    อยํ ตตฺถ สามีจีติ อยํ ตตฺถ อนุธมฺมตาฯ

    Ayaṃ tattha sāmīcīti ayaṃ tattha anudhammatā.

    ๕๐๗. อนาปตฺติ รตนํ วา รตนสมฺมตํ วา อชฺฌาราเม วา อชฺฌาวสเถ วา อุคฺคเหตฺวา วา อุคฺคหาเปตฺวา วา นิกฺขิปติ – ‘‘ยสฺส ภวิสฺสติ โส หริสฺสตี’’ติ, รตนสมฺมตํ วิสฺสาสํ คณฺหาติ, ตาวกาลิกํ คณฺหาติ, ปํสุกูลสญฺญิสฺส, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    507. Anāpatti ratanaṃ vā ratanasammataṃ vā ajjhārāme vā ajjhāvasathe vā uggahetvā vā uggahāpetvā vā nikkhipati – ‘‘yassa bhavissati so harissatī’’ti, ratanasammataṃ vissāsaṃ gaṇhāti, tāvakālikaṃ gaṇhāti, paṃsukūlasaññissa, ummattakassa, ādikammikassāti.

    รตนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ

    Ratanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.

    ๓. วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปทํ

    3. Vikālagāmappavisanasikkhāpadaṃ

    ๕๐๘. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู วิกาเล คามํ ปวิสิตฺวา สภายํ นิสีทิตฺวา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติ, เสยฺยถิทํ – 13 ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ยุทฺธกถํ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ ญาติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ 14 สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฎฺฐานกถํ ปุพฺพเปตกถํ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ อิติภวาภวกถํ อิติ วาฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา วิกาเล คามํ ปวิสิตฺวา สภายํ นิสีทิตฺวา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถสฺสนฺติ, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ…เป.… อิติภวาภวกถํ อิติ วา, เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’’ติ!

    508. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū vikāle gāmaṃ pavisitvā sabhāyaṃ nisīditvā anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ kathenti, seyyathidaṃ – 15 rājakathaṃ corakathaṃ mahāmattakathaṃ senākathaṃ bhayakathaṃ yuddhakathaṃ annakathaṃ pānakathaṃ vatthakathaṃ sayanakathaṃ mālākathaṃ gandhakathaṃ ñātikathaṃ yānakathaṃ gāmakathaṃ nigamakathaṃ nagarakathaṃ janapadakathaṃ itthikathaṃ 16 sūrakathaṃ visikhākathaṃ kumbhaṭṭhānakathaṃ pubbapetakathaṃ nānattakathaṃ lokakkhāyikaṃ samuddakkhāyikaṃ itibhavābhavakathaṃ iti vā. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma samaṇā sakyaputtiyā vikāle gāmaṃ pavisitvā sabhāyaṃ nisīditvā anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ kathessanti, seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ…pe… itibhavābhavakathaṃ iti vā, seyyathāpi gihī kāmabhogino’’ti!

    อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู วิกาเล คามํ ปวิสิตฺวา สภายํ นิสีทิตฺวา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถสฺสนฺติ, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ…เป.… อิติภวาภวกถํ อิติ วา’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, วิกาเล คามํ ปวิสิตฺวา สภายํ นิสีทิตฺวา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถถ, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ…เป.… อิติภวาภวกถํ อิติ วาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, วิกาเล คามํ ปวิสิตฺวา สภายํ นิสีทิตฺวา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถสฺสถ, เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ…เป.… อิติภวาภวกถํ อิติ วา! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    Assosuṃ kho bhikkhū tesaṃ manussānaṃ ujjhāyantānaṃ khiyyantānaṃ vipācentānaṃ. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū vikāle gāmaṃ pavisitvā sabhāyaṃ nisīditvā anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ kathessanti, seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ…pe… itibhavābhavakathaṃ iti vā’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, vikāle gāmaṃ pavisitvā sabhāyaṃ nisīditvā anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ kathetha, seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ…pe… itibhavābhavakathaṃ iti vāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, vikāle gāmaṃ pavisitvā sabhāyaṃ nisīditvā anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ kathessatha, seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ…pe… itibhavābhavakathaṃ iti vā! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ‘‘โย ปน ภิกฺขุ วิกาเล คามํ ปวิเสยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    ‘‘Yopana bhikkhu vikāle gāmaṃ paviseyya, pācittiya’’nti.

    เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ

    Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.

    ๕๐๙. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเท สาวตฺถิํ คจฺฉนฺตา สายํ อญฺญตรํ คามํ อุปคจฺฉิํสุฯ มนุสฺสา เต ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘ปวิสถ, ภเนฺต’’ติ ฯ อถ โข เต ภิกฺขู – ‘‘ภควตา ปฎิกฺขิตฺตํ วิกาเล คามํ ปวิสิตุ’’นฺติ กุกฺกุจฺจายนฺตา น ปวิสิํสุฯ โจรา เต ภิกฺขู อจฺฉินฺทิํสุฯ อถ โข เต ภิกฺขู สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาปุจฺฉา วิกาเล คามํ ปวิสิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    509. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū kosalesu janapade sāvatthiṃ gacchantā sāyaṃ aññataraṃ gāmaṃ upagacchiṃsu. Manussā te bhikkhū passitvā etadavocuṃ – ‘‘pavisatha, bhante’’ti . Atha kho te bhikkhū – ‘‘bhagavatā paṭikkhittaṃ vikāle gāmaṃ pavisitu’’nti kukkuccāyantā na pavisiṃsu. Corā te bhikkhū acchindiṃsu. Atha kho te bhikkhū sāvatthiṃ gantvā bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesuṃ. Bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, āpucchā vikāle gāmaṃ pavisituṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนาปุจฺฉา วิกาเล คามํ ปวิเสยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    ‘‘Yopana bhikkhu anāpucchā vikāle gāmaṃ paviseyya, pācittiya’’nti.

    เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ

    Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.

    ๕๑๐. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ โกสเลสุ ชนปเท สาวตฺถิํ คจฺฉโนฺต สายํ อญฺญตรํ คามํ อุปคจฺฉิฯ มนุสฺสา ตํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘ปวิสถ, ภเนฺต’’ติฯ อถ โข โส ภิกฺขุ – ‘‘ภควตา ปฎิกฺขิตฺตํ อนาปุจฺฉา วิกาเล คามํ ปวิสิตุ’’นฺติ กุกฺกุจฺจายโนฺต น ปาวิสิฯ โจรา ตํ ภิกฺขุํ อจฺฉินฺทิํสุฯ อถ โข โส ภิกฺขุ สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สนฺตํ ภิกฺขุํ อาปุจฺฉา วิกาเล คามํ ปวิสิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    510. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu kosalesu janapade sāvatthiṃ gacchanto sāyaṃ aññataraṃ gāmaṃ upagacchi. Manussā taṃ bhikkhuṃ passitvā etadavocuṃ – ‘‘pavisatha, bhante’’ti. Atha kho so bhikkhu – ‘‘bhagavatā paṭikkhittaṃ anāpucchā vikāle gāmaṃ pavisitu’’nti kukkuccāyanto na pāvisi. Corā taṃ bhikkhuṃ acchindiṃsu. Atha kho so bhikkhu sāvatthiṃ gantvā bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, santaṃ bhikkhuṃ āpucchā vikāle gāmaṃ pavisituṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา วิกาเล คามํ ปวิเสยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    ‘‘Yo pana bhikkhu santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā vikāle gāmaṃ paviseyya, pācittiya’’nti.

    เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ

    Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.

    ๕๑๑. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อหินา ทโฎฺฐ โหติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ ‘‘อคฺคิํ อาหริสฺสามี’’ติ คามํ คจฺฉติฯ อถ โข โส ภิกฺขุ – ‘‘ภควตา ปฎิกฺขิตฺตํ สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา วิกาเล คามํ ปวิสิตุ’’นฺติ กุกฺกุจฺจายโนฺต น ปาวิสิ…เป.… ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ ฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตถารูเป อจฺจายิเก กรณีเย สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา วิกาเล คามํ ปวิสิตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    511. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu ahinā daṭṭho hoti. Aññataro bhikkhu ‘‘aggiṃ āharissāmī’’ti gāmaṃ gacchati. Atha kho so bhikkhu – ‘‘bhagavatā paṭikkhittaṃ santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā vikāle gāmaṃ pavisitu’’nti kukkuccāyanto na pāvisi…pe… bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ . Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, tathārūpe accāyike karaṇīye santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā vikāle gāmaṃ pavisituṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๑๒. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา วิกาเล คามํ ปวิเสยฺย, อญฺญตฺร ตถารูปา อจฺจายิกา กรณียา, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    512.‘‘Yo pana bhikkhu santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā vikāle gāmaṃ paviseyya, aññatra tathārūpā accāyikā karaṇīyā, pācittiya’’nti.

    ๕๑๓. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    513.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    สโนฺต นาม ภิกฺขุ สกฺกา โหติ อาปุจฺฉา ปวิสิตุํฯ

    Santo nāma bhikkhu sakkā hoti āpucchā pavisituṃ.

    อสโนฺต นาม ภิกฺขุ น สกฺกา โหติ อาปุจฺฉา ปวิสิตุํฯ

    Asanto nāma bhikkhu na sakkā hoti āpucchā pavisituṃ.

    วิกาโล นาม มชฺฌนฺหิเก วีติวเตฺต ยาว อรุณุคฺคมนาฯ

    Vikālo nāma majjhanhike vītivatte yāva aruṇuggamanā.

    คามํ ปวิเสยฺยาติ ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Gāmaṃ paviseyyāti parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ atikkamantassa āpatti pācittiyassa. Aparikkhittassa gāmassa upacāraṃ okkamantassa āpatti pācittiyassa.

    อญฺญตฺร ตถารูปา อจฺจายิกา กรณียาติ ฐเปตฺวา ตถารูปํ อจฺจายิกํ กรณียํฯ

    Aññatra tathārūpā accāyikā karaṇīyāti ṭhapetvā tathārūpaṃ accāyikaṃ karaṇīyaṃ.

    ๕๑๔. วิกาเล วิกาลสญฺญี สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา คามํ ปวิสติ, อญฺญตฺร ตถารูปา อจฺจายิกา กรณียา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ วิกาเล เวมติโก สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา คามํ ปวิสติ, อญฺญตฺร ตถารูปา อจฺจายิกา กรณียา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ วิกาเล กาลสญฺญี สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา คามํ ปวิสติ, อญฺญตฺร ตถารูปา อจฺจายิกา กรณียา, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    514. Vikāle vikālasaññī santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā gāmaṃ pavisati, aññatra tathārūpā accāyikā karaṇīyā, āpatti pācittiyassa. Vikāle vematiko santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā gāmaṃ pavisati, aññatra tathārūpā accāyikā karaṇīyā, āpatti pācittiyassa. Vikāle kālasaññī santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā gāmaṃ pavisati, aññatra tathārūpā accāyikā karaṇīyā, āpatti pācittiyassa.

    กาเล วิกาลสญฺญี , อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กาเล เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กาเล กาลสญฺญี, อนาปตฺติฯ

    Kāle vikālasaññī , āpatti dukkaṭassa. Kāle vematiko, āpatti dukkaṭassa. Kāle kālasaññī, anāpatti.

    ๕๑๕. อนาปตฺติ ตถารูเป อจฺจายิเก กรณีเย, สนฺตํ ภิกฺขุํ อาปุจฺฉา ปวิสติ, อสนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา ปวิสติ, อนฺตรารามํ คจฺฉติ, ภิกฺขุนุปสฺสยํ คจฺฉติ, ติตฺถิยเสยฺยํ คจฺฉติ, ปฎิกฺกมนํ คจฺฉติ, คาเมน มโคฺค โหติ, อาปทาสุ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    515. Anāpatti tathārūpe accāyike karaṇīye, santaṃ bhikkhuṃ āpucchā pavisati, asantaṃ bhikkhuṃ anāpucchā pavisati, antarārāmaṃ gacchati, bhikkhunupassayaṃ gacchati, titthiyaseyyaṃ gacchati, paṭikkamanaṃ gacchati, gāmena maggo hoti, āpadāsu, ummattakassa, ādikammikassāti.

    วิกาลคามปฺปวิสนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ตติยํฯ

    Vikālagāmappavisanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ tatiyaṃ.

    ๔. สูจิฆรสิกฺขาปทํ

    4. Sūcigharasikkhāpadaṃ

    ๕๑๖. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สเกฺกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตเรน ทนฺตกาเรน ภิกฺขู ปวาริตา โหนฺติ – ‘‘เยสํ อยฺยานํ สูจิฆเรน อโตฺถ อหํ สูจิฆเรนา’’ติฯ เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู พหู สูจิฆเร วิญฺญาเปนฺติฯ เยสํ ขุทฺทกา สูจิฆรา เต มหเนฺต สูจิฆเร วิญฺญาเปนฺติฯ เยสํ มหนฺตา สูจิฆรา เต ขุทฺทเก สูจิฆเร วิญฺญาเปนฺติฯ อถ โข โส ทนฺตกาโร ภิกฺขูนํ พหู สูจิฆเร กโรโนฺต น สโกฺกติ อญฺญํ วิกฺกายิกํ ภณฺฑํ กาตุํ, อตฺตนาปิ น ยาเปติ, ปุตฺตทาโรปิสฺส กิลมติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา น มตฺตํ ชานิตฺวา พหู สูจิฆเร วิญฺญาเปสฺสนฺติ! อยํ อิเมสํ พหู สูจิฆเร กโรโนฺต น สโกฺกติ อญฺญํ วิกฺกายิกํ ภณฺฑํ กาตุํ, อตฺตนาปิ น ยาเปติ, ปุตฺตทาโรปิสฺส กิลมตี’’ติฯ อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ภิกฺขู น มตฺตํ ชานิตฺวา พหู สูจิฆเร วิญฺญาเปสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ภิกฺขู น มตฺตํ ชานิตฺวา พหู สูจิฆเร วิญฺญาเปนฺตีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม เต, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา น มตฺตํ ชานิตฺวา พหู สูจิฆเร วิญฺญาเปสฺสนฺติ! เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    516. Tena samayena buddho bhagavā sakkesu viharati kapilavatthusmiṃ nigrodhārāme. Tena kho pana samayena aññatarena dantakārena bhikkhū pavāritā honti – ‘‘yesaṃ ayyānaṃ sūcigharena attho ahaṃ sūcigharenā’’ti. Tena kho pana samayena bhikkhū bahū sūcighare viññāpenti. Yesaṃ khuddakā sūcigharā te mahante sūcighare viññāpenti. Yesaṃ mahantā sūcigharā te khuddake sūcighare viññāpenti. Atha kho so dantakāro bhikkhūnaṃ bahū sūcighare karonto na sakkoti aññaṃ vikkāyikaṃ bhaṇḍaṃ kātuṃ, attanāpi na yāpeti, puttadāropissa kilamati. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma samaṇā sakyaputtiyā na mattaṃ jānitvā bahū sūcighare viññāpessanti! Ayaṃ imesaṃ bahū sūcighare karonto na sakkoti aññaṃ vikkāyikaṃ bhaṇḍaṃ kātuṃ, attanāpi na yāpeti, puttadāropissa kilamatī’’ti. Assosuṃ kho bhikkhū tesaṃ manussānaṃ ujjhāyantānaṃ khiyyantānaṃ vipācentānaṃ. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma bhikkhū na mattaṃ jānitvā bahū sūcighare viññāpessantī’’ti…pe… saccaṃ kira, bhikkhave, bhikkhū na mattaṃ jānitvā bahū sūcighare viññāpentīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma te, bhikkhave, moghapurisā na mattaṃ jānitvā bahū sūcighare viññāpessanti! Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๑๗. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อฎฺฐิมยํ วา ทนฺตมยํ วา วิสาณมยํ วา สูจิฆรํ การาเปยฺย เภทนกํ, ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    517.‘‘Yo pana bhikkhu aṭṭhimayaṃ vā dantamayaṃ vā visāṇamayaṃ vā sūcigharaṃ kārāpeyya bhedanakaṃ, pācittiya’’nti.

    ๕๑๘. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    518.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    อฎฺฐิ นาม ยํ กิญฺจิ อฎฺฐิฯ

    Aṭṭhi nāma yaṃ kiñci aṭṭhi.

    ทโนฺต นาม หตฺถิทโนฺต วุจฺจติฯ

    Danto nāma hatthidanto vuccati.

    วิสาณํ นาม ยํ กิญฺจิ วิสาณํฯ

    Visāṇaṃ nāma yaṃ kiñci visāṇaṃ.

    การาเปยฺยาติ กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ปฎิลาเภน ภินฺทิตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพํฯ

    Kārāpeyyāti karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ. Paṭilābhena bhinditvā pācittiyaṃ desetabbaṃ.

    ๕๑๙. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ 17, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส ฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ 18, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    519. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti 19, āpatti pācittiyassa . Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti 20, āpatti pācittiyassa.

    อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ วา การาเปติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Aññassatthāya karoti vā kārāpeti vā, āpatti dukkaṭassa. Aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, āpatti dukkaṭassa.

    ๕๒๐. อนาปตฺติ คณฺฐิกาย 21, อรณิเก, วิเธ 22, อญฺชนิยา, อญฺชนิสลากาย, วาสิชเฎ, อุทกปุญฺฉนิยา, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    520. Anāpatti gaṇṭhikāya 23, araṇike, vidhe 24, añjaniyā, añjanisalākāya, vāsijaṭe, udakapuñchaniyā, ummattakassa, ādikammikassāti.

    สูจิฆรสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ

    Sūcigharasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.

    ๕. มญฺจปีฐสิกฺขาปทํ

    5. Mañcapīṭhasikkhāpadaṃ

    ๕๒๑. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต อุเจฺจ มเญฺจ สยติฯ อถ โข ภควา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑโนฺต เยนายสฺมโต อุปนนฺทสฺส สกฺยปุตฺตสฺส วิหาโร เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคจฺฉตุ เม, ภเนฺต, ภควา สยนํ ปสฺสตู’’ติฯ อถ โข ภควา ตโตว ปฎินิวตฺติตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาสยโต, ภิกฺขเว, โมฆปุริโส เวทิตโพฺพ’’ติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ทุพฺภรตาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    521. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā upanando sakyaputto ucce mañce sayati. Atha kho bhagavā sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ senāsanacārikaṃ āhiṇḍanto yenāyasmato upanandassa sakyaputtassa vihāro tenupasaṅkami. Addasā kho āyasmā upanando sakyaputto bhagavantaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āgacchatu me, bhante, bhagavā sayanaṃ passatū’’ti. Atha kho bhagavā tatova paṭinivattitvā bhikkhū āmantesi – ‘‘āsayato, bhikkhave, moghapuriso veditabbo’’ti. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ upanandaṃ sakyaputtaṃ anekapariyāyena vigarahitvā dubbharatāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๒๒. ‘‘นวํ ปน ภิกฺขุนา มญฺจํ วา ปีฐํ วา การยมาเนน อฎฺฐงฺคุลปาทกํ กาเรตพฺพํ สุคตงฺคุเลน, อญฺญตฺร เหฎฺฐิมาย อฎนิยา; ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    522.‘‘Navaṃ pana bhikkhunā mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā kārayamānena aṭṭhaṅgulapādakaṃ kāretabbaṃ sugataṅgulena, aññatra heṭṭhimāya aṭaniyā; taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiya’’nti.

    ๕๒๓. นวํ นาม กรณํ อุปาทาย วุจฺจติฯ

    523.Navaṃ nāma karaṇaṃ upādāya vuccati.

    มโญฺจ นาม จตฺตาโร มญฺจา – มสารโก, พุนฺทิกาพโทฺธ, กุฬีรปาทโก, อาหจฺจปาทโกฯ

    Mañco nāma cattāro mañcā – masārako, bundikābaddho, kuḷīrapādako, āhaccapādako.

    ปีฐํ นาม จตฺตาริ ปีฐานิ – มสารกํ, พุนฺทิกาพทฺธํ, กุฬีรปาทกํ, อาหจฺจปาทกํฯ

    Pīṭhaṃ nāma cattāri pīṭhāni – masārakaṃ, bundikābaddhaṃ, kuḷīrapādakaṃ, āhaccapādakaṃ.

    การยมาเนนาติ กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วาฯ

    Kārayamānenāti karonto vā kārāpento vā.

    อฎฺฐงฺคุลปาทกํ กาเรตพฺพํ สุคตงฺคุเลน, อญฺญตฺร เหฎฺฐิมาย อฎนิยาติ ฐเปตฺวา เหฎฺฐิมํ อฎนิํ; ตํ อติกฺกาเมตฺวา กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน ฉินฺทิตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพํฯ

    Aṭṭhaṅgulapādakaṃkāretabbaṃ sugataṅgulena, aññatra heṭṭhimāyaaṭaniyāti ṭhapetvā heṭṭhimaṃ aṭaniṃ; taṃ atikkāmetvā karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ, paṭilābhena chinditvā pācittiyaṃ desetabbaṃ.

    ๕๒๔. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    524. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa.

    อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ วา การาเปติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Aññassatthāya karoti vā kārāpeti vā, āpatti dukkaṭassa. Aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, āpatti dukkaṭassa.

    ๕๒๕. อนาปตฺติ ปมาณิกํ กโรติ, อูนกํ กโรติ, อเญฺญน กตํ ปมาณาติกฺกนฺตํ ปฎิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    525. Anāpatti pamāṇikaṃ karoti, ūnakaṃ karoti, aññena kataṃ pamāṇātikkantaṃ paṭilabhitvā chinditvā paribhuñjati, ummattakassa, ādikammikassāti.

    มญฺจปีฐสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ

    Mañcapīṭhasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.

    ๖. ตูโลนทฺธสิกฺขาปทํ

    6. Tūlonaddhasikkhāpadaṃ

    ๕๒๖. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู มญฺจมฺปิ ปีฐมฺปิ ตูโลนทฺธํ การาเปนฺติฯ มนุสฺสา วิหารจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ปสฺสิตฺวา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา มญฺจมฺปิ ปีฐมฺปิ ตูโลนทฺธํ การาเปสฺสนฺติ, เสยฺยถาปิ คิหี กามโภคิโน’’ติ ! อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู มญฺจมฺปิ ปีฐมฺปิ ตูโลนทฺธํ การาเปสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, มญฺจมฺปิ ปีฐมฺปิ ตูโลนทฺธํ การาเปถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, มญฺจมฺปิ ปีฐมฺปิ ตูโลนทฺธํ การาเปสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    526. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū mañcampi pīṭhampi tūlonaddhaṃ kārāpenti. Manussā vihāracārikaṃ āhiṇḍantā passitvā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma samaṇā sakyaputtiyā mañcampi pīṭhampi tūlonaddhaṃ kārāpessanti, seyyathāpi gihī kāmabhogino’’ti ! Assosuṃ kho bhikkhū tesaṃ manussānaṃ ujjhāyantānaṃ khiyyantānaṃ vipācentānaṃ. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū mañcampi pīṭhampi tūlonaddhaṃ kārāpessantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, mañcampi pīṭhampi tūlonaddhaṃ kārāpethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, mañcampi pīṭhampi tūlonaddhaṃ kārāpessatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๒๗. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ มญฺจํ วา ปีฐํ วา ตูโลนทฺธํ การาเปยฺย, อุทฺทาลนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    527.‘‘Yo pana bhikkhu mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā tūlonaddhaṃ kārāpeyya, uddālanakaṃ pācittiya’’nti.

    ๕๒๘. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    528.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    มโญฺจ นาม จตฺตาโร มญฺจา – มสารโก, พุนฺทิกาพโทฺธ, กุฬีรปาทโก, อาหจฺจปาทโกฯ

    Mañco nāma cattāro mañcā – masārako, bundikābaddho, kuḷīrapādako, āhaccapādako.

    ปีฐํ นาม จตฺตาริ ปีฐานิ – มสารกํ, พุนฺทิกาพทฺธํ, กุฬีรปาทกํ, อาหจฺจปาทกํฯ

    Pīṭhaṃ nāma cattāri pīṭhāni – masārakaṃ, bundikābaddhaṃ, kuḷīrapādakaṃ, āhaccapādakaṃ.

    ตูลํ นาม ตีณิ ตูลานิ – รุกฺขตูลํ, ลตาตูลํ, โปฎกิตูลํฯ

    Tūlaṃ nāma tīṇi tūlāni – rukkhatūlaṃ, latātūlaṃ, poṭakitūlaṃ.

    การาเปยฺยาติ กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ปฎิลาเภน อุทฺทาเลตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพํฯ

    Kārāpeyyāti karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ. Paṭilābhena uddāletvā pācittiyaṃ desetabbaṃ.

    ๕๒๙. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    529. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa.

    อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ วา การาเปติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Aññassatthāya karoti vā kārāpeti vā, āpatti dukkaṭassa. Aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, āpatti dukkaṭassa.

    ๕๓๐. อนาปตฺติ อาโยเค, กายพนฺธเน, อํสพทฺธเก, ปตฺตถวิกาย, ปริสฺสาวเน, พิโพฺพหนํ กโรติ, อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา อุทฺทาเลตฺวา ปริภุญฺชติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    530. Anāpatti āyoge, kāyabandhane, aṃsabaddhake, pattathavikāya, parissāvane, bibbohanaṃ karoti, aññena kataṃ paṭilabhitvā uddāletvā paribhuñjati, ummattakassa, ādikammikassāti.

    ตูโลนทฺธสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ

    Tūlonaddhasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.

    ๗. นิสีทนสิกฺขาปทํ

    7. Nisīdanasikkhāpadaṃ

    ๕๓๑. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ภควตา ภิกฺขูนํ นิสีทนํ อนุญฺญาตํ โหติฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู – ‘‘ภควตา นิสีทนํ อนุญฺญาต’’นฺติ อปฺปมาณิกานิ นิสีทนานิ ธาเรนฺติฯ มญฺจสฺสปิ ปีฐสฺสปิ ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ โอลเมฺพนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อปฺปมาณิกานิ นิสีทนานิ ธาเรสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อปฺปมาณิกานิ นิสีทนานิ ธาเรถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, อปฺปมาณิกานิ นิสีทนานิ ธาเรสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    531. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena bhagavatā bhikkhūnaṃ nisīdanaṃ anuññātaṃ hoti. Chabbaggiyā bhikkhū – ‘‘bhagavatā nisīdanaṃ anuññāta’’nti appamāṇikāni nisīdanāni dhārenti. Mañcassapi pīṭhassapi puratopi pacchatopi olambenti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū appamāṇikāni nisīdanāni dhāressantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, appamāṇikāni nisīdanāni dhārethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, appamāṇikāni nisīdanāni dhāressatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ‘‘นิสีทนํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปมาณิกํ กาเรตพฺพํฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – ทีฆโส เทฺว วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ ทิยฑฺฒํฯ ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    ‘‘Nisīdanaṃ pana bhikkhunā kārayamānena pamāṇikaṃ kāretabbaṃ. Tatridaṃ pamāṇaṃ – dīghaso dve vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ diyaḍḍhaṃ. Taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiya’’nti.

    เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ

    Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.

    ๕๓๒. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุทายี มหากาโย โหติฯ โส ภควโต ปุรโต นิสีทนํ ปญฺญเปตฺวา สมนฺตโต สมญฺฉมาโน นิสีทติฯ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุทายิํ เอตทโวจ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ, อุทายิ, นิสีทนํ สมนฺตโต สมญฺฉสิ; เสยฺยถาปิ ปุราณาสิโกโฎฺฐ’’ติ? ‘‘ตถา หิ ปน, ภเนฺต, ภควตา ภิกฺขูนํ อติขุทฺทกํ นิสีทนํ อนุญฺญาต’’นฺติฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นิสีทนสฺส ทสํ วิทตฺถิํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    532. Tena kho pana samayena āyasmā udāyī mahākāyo hoti. So bhagavato purato nisīdanaṃ paññapetvā samantato samañchamāno nisīdati. Atha kho bhagavā āyasmantaṃ udāyiṃ etadavoca – ‘‘kissa tvaṃ, udāyi, nisīdanaṃ samantato samañchasi; seyyathāpi purāṇāsikoṭṭho’’ti? ‘‘Tathā hi pana, bhante, bhagavatā bhikkhūnaṃ atikhuddakaṃ nisīdanaṃ anuññāta’’nti. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, nisīdanassa dasaṃ vidatthiṃ. Evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๓๓. ‘‘นิสีทนํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปมาณิกํ กาเรตพฺพํฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – ทีฆโส เทฺว วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ ทิยฑฺฒํฯ ทสา วิทตฺถิฯ ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    533.‘‘Nisīdanaṃ pana bhikkhunā kārayamānena pamāṇikaṃ kāretabbaṃ. Tatridaṃ pamāṇaṃ – dīghaso dve vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ diyaḍḍhaṃ. Dasā vidatthi. Taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiya’’nti.

    ๕๓๔. นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจติฯ

    534.Nisīdanaṃ nāma sadasaṃ vuccati.

    การยมาเนนาติ กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วา ปมาณิกํ กาเรตพฺพํฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – ทีฆโส เทฺว วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ ทิยฑฺฒํฯ ทสา วิทตฺถิฯ ตํ อติกฺกาเมตฺวา กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ปฎิลาเภน ฉินฺทิตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพํฯ

    Kārayamānenāti karonto vā kārāpento vā pamāṇikaṃ kāretabbaṃ. Tatridaṃ pamāṇaṃ – dīghaso dve vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ diyaḍḍhaṃ. Dasā vidatthi. Taṃ atikkāmetvā karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ. Paṭilābhena chinditvā pācittiyaṃ desetabbaṃ.

    ๕๓๕. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    535. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa.

    อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ วา การาเปติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Aññassatthāya karoti vā kārāpeti vā, āpatti dukkaṭassa. Aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, āpatti dukkaṭassa.

    ๕๓๖. อนาปตฺติ ปมาณิกํ กโรติ, อูนกํ กโรติ, อเญฺญน กตํ ปมาณาติกฺกนฺตํ ปฎิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชติ, วิตานํ วา ภูมตฺถรณํ วา สาณิปาการํ วา ภิสิํ วา พิโพฺพหนํ วา กโรติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    536. Anāpatti pamāṇikaṃ karoti, ūnakaṃ karoti, aññena kataṃ pamāṇātikkantaṃ paṭilabhitvā chinditvā paribhuñjati, vitānaṃ vā bhūmattharaṇaṃ vā sāṇipākāraṃ vā bhisiṃ vā bibbohanaṃ vā karoti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    นิสีทนสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ

    Nisīdanasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.

    ๘. กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิสิกฺขาปทํ

    8. Kaṇḍuppaṭicchādisikkhāpadaṃ

    ๕๓๗. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ภควตา ภิกฺขูนํ กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ อนุญฺญาตา โหติ ฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู – ‘‘ภควตา กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ อนุญฺญาตา’’ติ อปฺปมาณิกาโย กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิโย ธาเรนฺติ; ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ อากฑฺฒนฺตา อาหิณฺฑนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อปฺปมาณิกาโย กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิโย ธาเรสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อปฺปมาณิกาโย กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิโย ธาเรถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, อปฺปมาณิกาโย กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิโย ธาเรสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    537. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena bhagavatā bhikkhūnaṃ kaṇḍuppaṭicchādi anuññātā hoti . Chabbaggiyā bhikkhū – ‘‘bhagavatā kaṇḍuppaṭicchādi anuññātā’’ti appamāṇikāyo kaṇḍuppaṭicchādiyo dhārenti; puratopi pacchatopi ākaḍḍhantā āhiṇḍanti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū appamāṇikāyo kaṇḍuppaṭicchādiyo dhāressantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, appamāṇikāyo kaṇḍuppaṭicchādiyo dhārethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, appamāṇikāyo kaṇḍuppaṭicchādiyo dhāressatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๓๘. ‘‘กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปมาณิกา กาเรตพฺพาฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – ทีฆโส จตโสฺส วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ เทฺว วิทตฺถิโยฯ ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    538.‘‘Kaṇḍuppaṭicchādiṃ pana bhikkhunā kārayamānena pamāṇikā kāretabbā. Tatridaṃ pamāṇaṃ – dīghaso catasso vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ dve vidatthiyo. Taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiya’’nti.

    ๕๓๙. กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิ นาม ยสฺส อโธนาภิ อุพฺภชาณุมณฺฑลํ กณฺฑุ วา ปีฬกา วา อสฺสาโว วา ถุลฺลกจฺฉุ วา อาพาโธ, ตสฺส ปฎิจฺฉาทนตฺถายฯ

    539.Kaṇḍuppaṭicchādi nāma yassa adhonābhi ubbhajāṇumaṇḍalaṃ kaṇḍu vā pīḷakā vā assāvo vā thullakacchu vā ābādho, tassa paṭicchādanatthāya.

    การยมาเนนาติ กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วา ฯ ปมาณิกา กาเรตพฺพาฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – ทีฆโส จตโสฺส วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ เทฺว วิทตฺถิโยฯ ตํ อติกฺกาเมตฺวา กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ปฎิลาเภน ฉินฺทิตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพํฯ

    Kārayamānenāti karonto vā kārāpento vā . Pamāṇikā kāretabbā. Tatridaṃ pamāṇaṃ – dīghaso catasso vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ dve vidatthiyo. Taṃ atikkāmetvā karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ. Paṭilābhena chinditvā pācittiyaṃ desetabbaṃ.

    ๕๔๐. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    540. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa.

    อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ วา การาเปติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Aññassatthāya karoti vā kārāpeti vā, āpatti dukkaṭassa. Aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, āpatti dukkaṭassa.

    ๕๔๑. อนาปตฺติ ปมาณิกํ กโรติ, อูนกํ กโรติ, อเญฺญน กตํ ปมาณาติกฺกนฺตํ ปฎิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชติ, วิตานํ วา ภูมตฺถรณํ วา สาณิปาการํ วา ภิสิํ วา พิโพฺพหนํ วา กโรติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    541. Anāpatti pamāṇikaṃ karoti, ūnakaṃ karoti, aññena kataṃ pamāṇātikkantaṃ paṭilabhitvā chinditvā paribhuñjati, vitānaṃ vā bhūmattharaṇaṃ vā sāṇipākāraṃ vā bhisiṃ vā bibbohanaṃ vā karoti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ

    Kaṇḍuppaṭicchādisikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.

    ๙. วสฺสิกสาฎิกาสิกฺขาปทํ

    9. Vassikasāṭikāsikkhāpadaṃ

    ๕๔๒. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน ภควตา ภิกฺขูนํ วสฺสิกสาฎิกา อนุญฺญาตา โหติฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู – ‘‘ภควตา วสฺสิกสาฎิกา อนุญฺญาตา’’ติ อปฺปมาณิกาโย วสฺสิกสาฎิกาโย ธาเรนฺติฯ ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ อากฑฺฒนฺตา อาหิณฺฑนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อปฺปมาณิกาโย วสฺสิกสาฎิกาโย ธาเรสฺสนฺตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อปฺปมาณิกาโย วสฺสิกสาฎิกาโย ธาเรถาติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, อปฺปมาณิกาโย วสฺสิกสาฎิกาโย ธาเรสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    542. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena bhagavatā bhikkhūnaṃ vassikasāṭikā anuññātā hoti. Chabbaggiyā bhikkhū – ‘‘bhagavatā vassikasāṭikā anuññātā’’ti appamāṇikāyo vassikasāṭikāyo dhārenti. Puratopi pacchatopi ākaḍḍhantā āhiṇḍanti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū appamāṇikāyo vassikasāṭikāyo dhāressantī’’ti…pe… saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, appamāṇikāyo vassikasāṭikāyo dhārethāti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, appamāṇikāyo vassikasāṭikāyo dhāressatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๔๓. ‘‘วสฺสิกสาฎิกํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปมาณิกา กาเรตพฺพาฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – ทีฆโส ฉ วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ อฑฺฒเตยฺยาฯ ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติย’’นฺติฯ

    543.‘‘Vassikasāṭikaṃ pana bhikkhunā kārayamānena pamāṇikā kāretabbā. Tatridaṃ pamāṇaṃ – dīghaso cha vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ aḍḍhateyyā. Taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiya’’nti.

    ๕๔๔. วสฺสิกสาฎิกา นาม วสฺสานสฺส จตุมาสตฺถายฯ

    544.Vassikasāṭikā nāma vassānassa catumāsatthāya.

    การยมาเนนาติ กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วาฯ ปมาณิกา กาเรตพฺพา ฯ ตตฺริทํ ปมาณํ – ทีฆโส ฉ วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ อฑฺฒเตยฺยาฯ ตํ อติกฺกาเมตฺวา กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ปฎิลาเภน ฉินฺทิตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพํฯ

    Kārayamānenāti karonto vā kārāpento vā. Pamāṇikā kāretabbā . Tatridaṃ pamāṇaṃ – dīghaso cha vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ aḍḍhateyyā. Taṃ atikkāmetvā karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ. Paṭilābhena chinditvā pācittiyaṃ desetabbaṃ.

    ๕๔๕. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    545. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa.

    อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ วา การาเปติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Aññassatthāya karoti vā kārāpeti vā, āpatti dukkaṭassa. Aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, āpatti dukkaṭassa.

    ๕๔๖. อนาปตฺติ ปมาณิกํ กโรติ, อูนกํ กโรติ, อเญฺญน กตํ ปมาณาติกฺกนฺตํ ปฎิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชติ, วิตานํ วา ภูมตฺถรณํ วา สาณิปาการํ วา ภิสิํ วา พิโพฺพหนํ วา กโรติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    546. Anāpatti pamāṇikaṃ karoti, ūnakaṃ karoti, aññena kataṃ pamāṇātikkantaṃ paṭilabhitvā chinditvā paribhuñjati, vitānaṃ vā bhūmattharaṇaṃ vā sāṇipākāraṃ vā bhisiṃ vā bibbohanaṃ vā karoti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    วสฺสิกสาฎิกาสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ

    Vassikasāṭikāsikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.

    ๑๐. นนฺทสิกฺขาปทํ

    10. Nandasikkhāpadaṃ

    ๕๔๗. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นโนฺท ภควโต มาตุจฺฉาปุโตฺต อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก จตุรงฺคุโลมโก ภควตา 25ฯ โส สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ ธาเรติฯ อทฺทสํสุ โข เถรา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน – ‘‘ภควา อาคจฺฉตี’’ติ อาสนา วุฎฺฐหนฺติฯ เต อุปคเต ชานิตฺวา 26 อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา นโนฺท สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ ธาเรสฺสตี’’ติ…เป.… สจฺจํ กิร ตฺวํ, นนฺท, สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ ธาเรสีติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… กถญฺหิ นาม ตฺวํ, นนฺท, สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ ธาเรสฺสสิ! เนตํ, นนฺท, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    547. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena āyasmā nando bhagavato mātucchāputto abhirūpo hoti dassanīyo pāsādiko caturaṅgulomako bhagavatā 27. So sugatacīvarappamāṇaṃ cīvaraṃ dhāreti. Addasaṃsu kho therā bhikkhū āyasmantaṃ nandaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna – ‘‘bhagavā āgacchatī’’ti āsanā vuṭṭhahanti. Te upagate jānitvā 28 ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā nando sugatacīvarappamāṇaṃ cīvaraṃ dhāressatī’’ti…pe… saccaṃ kira tvaṃ, nanda, sugatacīvarappamāṇaṃ cīvaraṃ dhāresīti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… kathañhi nāma tvaṃ, nanda, sugatacīvarappamāṇaṃ cīvaraṃ dhāressasi! Netaṃ, nanda, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๕๔๘. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ การาเปยฺย อติเรกํ วา, เฉทนกํ ปาจิตฺติยํ ฯ ตตฺริทํ สุคตสฺส สุคตจีวรปฺปมาณํ – ทีฆโส นว วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ ฉ วิทตฺถิโยฯ อิทํ สุคตสฺส สุคตจีวรปฺปมาณ’’นฺติฯ

    548.‘‘Yo pana bhikkhu sugatacīvarappamāṇaṃ cīvaraṃ kārāpeyya atirekaṃ vā, chedanakaṃ pācittiyaṃ . Tatridaṃ sugatassa sugatacīvarappamāṇaṃ – dīghaso nava vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ cha vidatthiyo. Idaṃ sugatassa sugatacīvarappamāṇa’’nti.

    ๕๔๙. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    549.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    สุคตจีวรปฺปมาณํ 29 นาม ทีฆโส นว วิทตฺถิโย, สุคตวิทตฺถิยา; ติริยํ ฉ วิทตฺถิโยฯ

    Sugatacīvarappamāṇaṃ30 nāma dīghaso nava vidatthiyo, sugatavidatthiyā; tiriyaṃ cha vidatthiyo.

    การาเปยฺยาติ กโรติ วา การาเปติ วา, ปโยเค ทุกฺกฎํฯ ปฎิลาเภน ฉินฺทิตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพํฯ

    Kārāpeyyāti karoti vā kārāpeti vā, payoge dukkaṭaṃ. Paṭilābhena chinditvā pācittiyaṃ desetabbaṃ.

    ๕๕๐. อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ ปเรหิ วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    550. Attanā vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa. Parehi vippakataṃ parehi pariyosāpeti, āpatti pācittiyassa.

    อญฺญสฺสตฺถาย กโรติ วา การาเปติ วา, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Aññassatthāya karoti vā kārāpeti vā, āpatti dukkaṭassa. Aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjati, āpatti dukkaṭassa.

    ๕๕๑. อนาปตฺติ อูนกํ กโรติ, อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชติ, วิตานํ วา ภูมตฺถรณํ วา สาณิปาการํ วา ภิสิํ วา พิโพฺพหนํ วา กโรติ, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    551. Anāpatti ūnakaṃ karoti, aññena kataṃ paṭilabhitvā chinditvā paribhuñjati, vitānaṃ vā bhūmattharaṇaṃ vā sāṇipākāraṃ vā bhisiṃ vā bibbohanaṃ vā karoti, ummattakassa, ādikammikassāti.

    นนฺทสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ ทสมํฯ

    Nandasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ dasamaṃ.

    รตนวโคฺค 31 นวโมฯ

    Ratanavaggo 32 navamo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    รโญฺญ จ รตนํ สนฺตํ, สูจิ มญฺจญฺจ ตูลิกํ;

    Rañño ca ratanaṃ santaṃ, sūci mañcañca tūlikaṃ;

    นิสีทนญฺจ กณฺฑุญฺจ, วสฺสิกา สุคเตน จาติฯ

    Nisīdanañca kaṇḍuñca, vassikā sugatena cāti.

    อุทฺทิฎฺฐา โข, อายสฺมโนฺต, เทฺวนวุติ ปาจิตฺติยา ธมฺมาฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ – ‘‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา’’? ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ – ‘‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา’’? ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ – ‘‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา’’? ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho, āyasmanto, dvenavuti pācittiyā dhammā. Tatthāyasmante pucchāmi – ‘‘kaccittha parisuddhā’’? Dutiyampi pucchāmi – ‘‘kaccittha parisuddhā’’? Tatiyampi pucchāmi – ‘‘kaccittha parisuddhā’’? Parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    ขุทฺทกํ สมตฺตํฯ

    Khuddakaṃ samattaṃ.

    ปาจิตฺติยกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ

    Pācittiyakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.







    Footnotes:
    1. รถิยาย (อิติปิ)
    2. ยมฺปาหํ (สี.)
    3. rathiyāya (itipi)
    4. yampāhaṃ (sī.)
    5. อ. นิ. ๑๐.๔๕
    6. a. ni. 10.45
    7. รชฺชนียานิ (ก.)
    8. rajjanīyāni (ka.)
    9. มุทฺธาภิสิตฺตสฺส (สฺยา.)
    10. muddhābhisittassa (syā.)
    11. โลหิตโก (?)
    12. lohitako (?)
    13. อิมา ติรจฺฉานกถาโย ที. ๑.๑๗; ม. นิ. ๒.๒๒๓; สํ. นิ. ; อ. นิ. ๑๐.๖๙
    14. อิตฺถิกถํ ปุริสกถํ (ก.) มชฺฌิมปณฺณาสฎฺฐกถา ๑๕๖ ปิเฎฺฐ โอโลเกตพฺพา
    15. imā tiracchānakathāyo dī. 1.17; ma. ni. 2.223; saṃ. ni. ; a. ni. 10.69
    16. itthikathaṃ purisakathaṃ (ka.) majjhimapaṇṇāsaṭṭhakathā 156 piṭṭhe oloketabbā
    17. ปริโยสาวาเปติ (ก.)
    18. ปริโยสาวาเปติ (ก.)
    19. pariyosāvāpeti (ka.)
    20. pariyosāvāpeti (ka.)
    21. คณฺฑิกาย (สฺยา.)
    22. วีเฐ (สี.), วีเถ (สฺยา.)
    23. gaṇḍikāya (syā.)
    24. vīṭhe (sī.), vīthe (syā.)
    25. ภควโต (ก.)
    26. อุปคตํ สญฺชานิตฺวา (สฺยา.), อุปคเต สญฺชานิตฺวา (สี.)
    27. bhagavato (ka.)
    28. upagataṃ sañjānitvā (syā.), upagate sañjānitvā (sī.)
    29. สุคตจีวรํ (ก.)
    30. sugatacīvaraṃ (ka.)
    31. ราชวโคฺค (สี.)
    32. rājavaggo (sī.)



    Related texts:




    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact