Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi

    ๙. รตนวโคฺค

    9. Ratanavaggo

    ๑. อเนฺตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา

    1. Antepurasikkhāpadavaṇṇanā

    รตนวคฺคสฺส ปฐเม ขตฺติยสฺสาติ ขตฺติยชาติกสฺส, มุทฺธาภิสิตฺตสฺสาติ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อภิสิตฺตสฺสฯ อนิกฺขโนฺต ราชา อิโตติ อนิกฺขนฺตราชกํ, ตสฺมิํ อนิกฺขนฺตราชเก, สยนิฆเรติ อโตฺถฯ รตนํ วุจฺจติ มเหสี, นิคฺคตนฺติ นิกฺขนฺตํ, อนิคฺคตํ รตนํ อิโตติ อนิคฺคตรตนกํ, ตสฺมิํ อนิคฺคตรตนเก, สยนิฆเรติ อโตฺถฯ อินฺทขีลํ อติกฺกเมยฺยาติ เอตฺถ อตฺตโน อาคตภาวํ อชานาเปตฺวา สยนิฆรสฺส อุมฺมารํ ปฐมํ ปาทํ อติกฺกาเมนฺตสฺส ทุกฺกฎํ, ทุติยํ ปาจิตฺติยํฯ

    Ratanavaggassa paṭhame khattiyassāti khattiyajātikassa, muddhābhisittassāti khattiyābhisekena muddhani abhisittassa. Anikkhanto rājā itoti anikkhantarājakaṃ, tasmiṃ anikkhantarājake, sayanighareti attho. Ratanaṃ vuccati mahesī, niggatanti nikkhantaṃ, aniggataṃ ratanaṃ itoti aniggataratanakaṃ, tasmiṃ aniggataratanake, sayanighareti attho. Indakhīlaṃatikkameyyāti ettha attano āgatabhāvaṃ ajānāpetvā sayanigharassa ummāraṃ paṭhamaṃ pādaṃ atikkāmentassa dukkaṭaṃ, dutiyaṃ pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อารพฺภ รโญฺญ อเนฺตปุรปฺปวิสนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปฎิสํวิทิเต อปฺปฎิสํวิทิตสญฺญิโน, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํฯ ปฎิสํวิทิตสญฺญิสฺส, น ขตฺติยสฺส วา, น ขตฺติยาภิเสเกน อภิสิตฺตสฺส วา, อุโภสุ วา, อุภินฺนํ วา อญฺญตรสฺมิํ นิกฺขเนฺต สยนิฆรํ ปวิสนฺตสฺส, อสยนิฆเร, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ขตฺติยตา, อภิสิตฺตตา, อุภินฺนมฺปิ สยนิฆรโต อนิกฺขนฺตตา, อปฺปฎิสํวิทิตตา, อินฺทขีลาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมกถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ āyasmantaṃ ānandaṃ ārabbha rañño antepurappavisanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, paṭisaṃvidite appaṭisaṃviditasaññino, vematikassa ca dukkaṭaṃ. Paṭisaṃviditasaññissa, na khattiyassa vā, na khattiyābhisekena abhisittassa vā, ubhosu vā, ubhinnaṃ vā aññatarasmiṃ nikkhante sayanigharaṃ pavisantassa, asayanighare, ummattakādīnañca anāpatti. Khattiyatā, abhisittatā, ubhinnampi sayanigharato anikkhantatā, appaṭisaṃviditatā, indakhīlātikkamoti imānettha pañca aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamakathinasadisāni, idaṃ pana kiriyākiriyanti.

    อเนฺตปุรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Antepurasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. รตนสิกฺขาปทวณฺณนา

    2. Ratanasikkhāpadavaṇṇanā

    ทุติเย รตนนฺติ มุตฺตาทิทสวิธํฯ รตนสมฺมตนฺติ ยํกิญฺจิ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํฯ อชฺฌาราเม วาติ ปริกฺขิตฺตสฺส อโนฺตปฎิเกฺขเป อปริกฺขิตฺตสฺส ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อโนฺตฯ อชฺฌาวสเถติ ปริกฺขิตฺตสฺส อโนฺตปฎิเกฺขเป, อปริกฺขิตฺตสฺส มุสลปาตพฺภนฺตเรฯ อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย – ชาตรูปรชตํ อตฺตโน อตฺถาย อุคฺคณฺหนฺตสฺส วา อุคฺคณฺหาเปนฺตสฺส วา นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ ฯ สงฺฆคณปุคฺคลเจติยนวกมฺมานํ อตฺถาย ทุกฺกฎํ, อวเสเส มุตฺตาทิรตเน สเพฺพสมฺปิ อตฺถาย ทุกฺกฎเมวฯ กปฺปิยวตฺถุํ วา อกปฺปิยวตฺถุํ วา อนฺตมโส มาตุสนฺตกมฺปิ ภณฺฑาคาริกสีเสน ปฎิสาเมนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, ตาทิสํ ปน อตฺตโน สนฺตกํ กตฺวา ปฎิสาเมตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘อิทํ ปฎิสาเมถา’’ติ วุเตฺต ปน ‘‘น วฎฺฎตี’’ติ ปฎิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ กุปิตา ปาเตตฺวา คจฺฉนฺติ, ปลิโพโธ นาม โหติ, ปฎิสาเมตพฺพํฯ วิหาเร กมฺมํ กโรนฺตา วฑฺฒกีอาทโย วา ราชวลฺลภา วา ‘‘ยํกิญฺจิ อุปกรณํ วา สยนภณฺฑํ วา ปฎิสาเมตฺวา เทถา’’ติ วทนฺติ, ฉเนฺทนปิ ภเยนปิ น กาตพฺพเมว, คุตฺตฎฺฐานํ ปน ทเสฺสตุํ วฎฺฎติฯ

    Dutiye ratananti muttādidasavidhaṃ. Ratanasammatanti yaṃkiñci manussānaṃ upabhogaparibhogaṃ. Ajjhārāme vāti parikkhittassa antopaṭikkhepe aparikkhittassa dvinnaṃ leḍḍupātānaṃ anto. Ajjhāvasatheti parikkhittassa antopaṭikkhepe, aparikkhittassa musalapātabbhantare. Ayaṃ panettha vinicchayo – jātarūparajataṃ attano atthāya uggaṇhantassa vā uggaṇhāpentassa vā nissaggiyaṃ pācittiyaṃ . Saṅghagaṇapuggalacetiyanavakammānaṃ atthāya dukkaṭaṃ, avasese muttādiratane sabbesampi atthāya dukkaṭameva. Kappiyavatthuṃ vā akappiyavatthuṃ vā antamaso mātusantakampi bhaṇḍāgārikasīsena paṭisāmentassa pācittiyaṃ, tādisaṃ pana attano santakaṃ katvā paṭisāmetuṃ vaṭṭati. ‘‘Idaṃ paṭisāmethā’’ti vutte pana ‘‘na vaṭṭatī’’ti paṭikkhipitabbaṃ. Sace kupitā pātetvā gacchanti, palibodho nāma hoti, paṭisāmetabbaṃ. Vihāre kammaṃ karontā vaḍḍhakīādayo vā rājavallabhā vā ‘‘yaṃkiñci upakaraṇaṃ vā sayanabhaṇḍaṃ vā paṭisāmetvā dethā’’ti vadanti, chandenapi bhayenapi na kātabbameva, guttaṭṭhānaṃ pana dassetuṃ vaṭṭati.

    อชฺฌารามอชฺฌาวสเถสุปิ ยาทิเส ฐาเน ‘‘ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ อาสงฺกา อุปฺปชฺชติ, ตาทิเสเยว ฐาเน อุคฺคเหตฺวา วา อุคฺคหาเปตฺวา วา สญฺญาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ, ‘‘ยสฺส ภณฺฑํ นฎฺฐํ, โส อาคจฺฉตู’’ติ จ อาจิกฺขิตพฺพํฯ อถ โย อาคจฺฉติ, โส ‘‘กีทิสํ เต ภณฺฑํ นฎฺฐ’’นฺติ ปุจฺฉิตโพฺพ, สเจ สญฺญาเณน สมฺปาเทติ, ทาตพฺพํฯ โน เจ, ‘วิจินาหี’ติ วตฺตโพฺพฯ ตมฺหา อาวาสา ปกฺกมเนฺตน ปติรูปานํ ภิกฺขูนํ หเตฺถ, เตสุ อสติ ปติรูปานํ คหปติกานํ หเตฺถ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ โย ปน เนว ปกฺกมติ, น สามิกํ ปสฺสติ, เตน ถาวรํ เสนาสนํ วา เจติยํ วา โปกฺขรณิํ วา กาเรตโพฺพฯ สเจ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน สามิโก อาคจฺฉติ, ตํ ทเสฺสตฺวา ‘อนุโมทาหี’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ นานุโมทติ, ‘‘เทหิ เม ธน’’นฺติ โจเทติ, สมาทเปตฺวา ทาตพฺพํฯ

    Ajjhārāmaajjhāvasathesupi yādise ṭhāne ‘‘bhikkhūhi vā sāmaṇerehi vā gahitaṃ bhavissatī’’ti āsaṅkā uppajjati, tādiseyeva ṭhāne uggahetvā vā uggahāpetvā vā saññāṇaṃ katvā nikkhipitabbaṃ, ‘‘yassa bhaṇḍaṃ naṭṭhaṃ, so āgacchatū’’ti ca ācikkhitabbaṃ. Atha yo āgacchati, so ‘‘kīdisaṃ te bhaṇḍaṃ naṭṭha’’nti pucchitabbo, sace saññāṇena sampādeti, dātabbaṃ. No ce, ‘vicināhī’ti vattabbo. Tamhā āvāsā pakkamantena patirūpānaṃ bhikkhūnaṃ hatthe, tesu asati patirūpānaṃ gahapatikānaṃ hatthe nikkhipitvā pakkamitabbaṃ. Yo pana neva pakkamati, na sāmikaṃ passati, tena thāvaraṃ senāsanaṃ vā cetiyaṃ vā pokkharaṇiṃ vā kāretabbo. Sace dīghassa addhuno accayena sāmiko āgacchati, taṃ dassetvā ‘anumodāhī’ti vattabbo. Sace nānumodati, ‘‘dehi me dhana’’nti codeti, samādapetvā dātabbaṃ.

    สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ รตนอุคฺคณฺหนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘อญฺญตฺร อชฺฌารามา วา, อชฺฌาวสถา วา’’ติ อยเมตฺถ ทุวิธา อนุปญฺญตฺติ, สาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ, อนุญฺญาตฎฺฐาเน อนาทริเยน อุคฺคเหตฺวา อนิกฺขิปนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ อนุญฺญาตฎฺฐาเน คเหตฺวา นิกฺขิปนฺตสฺส, ยํ โหติ อามาสํ รตนสมฺมตํ, ตํ วิสฺสาสํ วา ตาวกาลิกํ วา อุคฺคณฺหนฺตสฺส, ปํสุกูลสญฺญาย คณฺหโต, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อนนุญฺญาตกรณํ, ปรสนฺตกตา, วิสฺสาสคฺคาหปํสุกูลสญฺญานํ อภาโว, อุคฺคหณํ วา อุคฺคหาปนํ วาติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สญฺจริตฺตสทิสานีติฯ

    Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha ratanauggaṇhanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘aññatra ajjhārāmā vā, ajjhāvasathā vā’’ti ayamettha duvidhā anupaññatti, sādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ, anuññātaṭṭhāne anādariyena uggahetvā anikkhipantassa dukkaṭaṃ. Anuññātaṭṭhāne gahetvā nikkhipantassa, yaṃ hoti āmāsaṃ ratanasammataṃ, taṃ vissāsaṃ vā tāvakālikaṃ vā uggaṇhantassa, paṃsukūlasaññāya gaṇhato, ummattakādīnañca anāpatti. Ananuññātakaraṇaṃ, parasantakatā, vissāsaggāhapaṃsukūlasaññānaṃ abhāvo, uggahaṇaṃ vā uggahāpanaṃ vāti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni sañcarittasadisānīti.

    รตนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ratanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา

    3. Vikālagāmappavesanasikkhāpadavaṇṇanā

    ตติเย สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉาติ อิทํ จาริเตฺต วุตฺตนยเมวฯ วิกาเลติ มชฺฌนฺหิกาติกฺกมโต ปฎฺฐาย อโนฺตอรุเณ, เอตสฺมิํ อนฺตเร ‘‘วิกาเล คามปฺปเวสนํ อาปุจฺฉามี’’ติ วา, ‘‘คามํ ปวิสิสฺสามี’’ติ วา อนาปุจฺฉิตฺวา อสติ ตถารูเป อจฺจายิเก กรณีเย ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺตสฺส, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺตสฺส ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติยปาเท ปาจิตฺติยํฯ สเจปิ สมฺพหุลา เกนจิ กเมฺมน คามํ ปวิสนฺติ, สเพฺพหิ อญฺญมญฺญํ อาปุจฺฉิตพฺพํฯ ‘‘ตสฺมิํ คาเม ตํ กมฺมํ น สมฺปชฺชตี’’ติ อญฺญํ คามํ คจฺฉนฺตานํ ปุน อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิฯ สเจ ปน อุสฺสาหํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภตฺวา วิหารํ คจฺฉนฺตา อนฺตรา อญฺญํ คามํ ปวิสิตุกามา โหนฺติ, อาปุจฺฉิตพฺพเมวฯ กุลฆเร วา อาสนสาลายํ วา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา เตลภิกฺขาย วา สปฺปิภิกฺขาย วา จริตุกาเมน สเจ ปเสฺส ภิกฺขุ อตฺถิ, อาปุจฺฉิตโพฺพ, อสเนฺต ‘นตฺถี’ติ คนฺตพฺพํฯ วีถิํ โอตริตฺวา ปน ภิกฺขุํ ทิสฺวาปิ อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิฯ โย ปน คามมเชฺฌน มโคฺค โหติ, สเจ เตน คจฺฉนฺตสฺส ‘‘เตลาทีนํ อตฺถาย จริสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ปเสฺส ภิกฺขุํ ทิสฺวา อาปุจฺฉิตพฺพํฯ มคฺคา อโนกฺกมฺม จรนฺตสฺส ปน อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิ, โอกฺกมนฺตสฺส วุตฺตนเยเนว ปาจิตฺติยํฯ

    Tatiye santaṃ bhikkhuṃ anāpucchāti idaṃ cāritte vuttanayameva. Vikāleti majjhanhikātikkamato paṭṭhāya antoaruṇe, etasmiṃ antare ‘‘vikāle gāmappavesanaṃ āpucchāmī’’ti vā, ‘‘gāmaṃ pavisissāmī’’ti vā anāpucchitvā asati tathārūpe accāyike karaṇīye parikkhittassa gāmassa parikkhepaṃ atikkamantassa, aparikkhittassa upacāraṃ okkamantassa paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiyapāde pācittiyaṃ. Sacepi sambahulā kenaci kammena gāmaṃ pavisanti, sabbehi aññamaññaṃ āpucchitabbaṃ. ‘‘Tasmiṃ gāme taṃ kammaṃ na sampajjatī’’ti aññaṃ gāmaṃ gacchantānaṃ puna āpucchanakiccaṃ natthi. Sace pana ussāhaṃ paṭippassambhetvā vihāraṃ gacchantā antarā aññaṃ gāmaṃ pavisitukāmā honti, āpucchitabbameva. Kulaghare vā āsanasālāyaṃ vā bhattakiccaṃ katvā telabhikkhāya vā sappibhikkhāya vā caritukāmena sace passe bhikkhu atthi, āpucchitabbo, asante ‘natthī’ti gantabbaṃ. Vīthiṃ otaritvā pana bhikkhuṃ disvāpi āpucchanakiccaṃ natthi. Yo pana gāmamajjhena maggo hoti, sace tena gacchantassa ‘‘telādīnaṃ atthāya carissāmī’’ti cittaṃ uppajjati, passe bhikkhuṃ disvā āpucchitabbaṃ. Maggā anokkamma carantassa pana āpucchanakiccaṃ natthi, okkamantassa vuttanayeneva pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ วิกาเล คามปฺปเวสนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘สนฺตํ ภิกฺขุ’’นฺติ จ ‘‘อนาปุจฺฉา’’ติ จ ‘‘อญฺญตฺร ตถารูปา อจฺจายิกา กรณียา’’ติ จ อิมา ปเนตฺถ ติโสฺส อนุปญฺญตฺติโย, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, ติกปาจิตฺติยํ, กาเล วิกาลสญฺญิโน, เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํฯ กาลสญฺญิโน ปน, โย จ อจฺจายิเก วา กรณีเย, สนฺตํ วา อาปุจฺฉิตฺวา, อสนฺตํ วา อนาปุจฺฉิตฺวา ปวิสติ, อนฺตรารามภิกฺขุนุปสฺสยติตฺถิยเสยฺยปฎิกฺกมเนสุ วา อญฺญตรํ คจฺฉติ, ตสฺส, คาเมน มโคฺค โหติ, เตน คจฺฉโต, อาปทาสุ, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉตา, อนุญฺญาตการณาภาโว, วิกาเล คามปฺปวิสนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ กถินสทิสาเนว, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha vikāle gāmappavesanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘santaṃ bhikkhu’’nti ca ‘‘anāpucchā’’ti ca ‘‘aññatra tathārūpā accāyikā karaṇīyā’’ti ca imā panettha tisso anupaññattiyo, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, tikapācittiyaṃ, kāle vikālasaññino, vematikassa ca dukkaṭaṃ. Kālasaññino pana, yo ca accāyike vā karaṇīye, santaṃ vā āpucchitvā, asantaṃ vā anāpucchitvā pavisati, antarārāmabhikkhunupassayatitthiyaseyyapaṭikkamanesu vā aññataraṃ gacchati, tassa, gāmena maggo hoti, tena gacchato, āpadāsu, ummattakādīnañca anāpatti. Santaṃ bhikkhuṃ anāpucchatā, anuññātakāraṇābhāvo, vikāle gāmappavisananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni kathinasadisāneva, idaṃ pana kiriyākiriyanti.

    วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vikālagāmappavesanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๔. สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา

    4. Sūcigharasikkhāpadavaṇṇanā

    จตุเตฺถ เภทนเมว เภทนกํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ เภทนกํฯ ตสฺมา เอวรูเป สูจิฆเร กรณการาปเนสุ ทุกฺกฎํ, ปฎิลาเภน ปน ตํ ภินฺทิตฺวา ปาจิตฺติยํ เทเสตพฺพํฯ

    Catutthe bhedanameva bhedanakaṃ, taṃ assa atthīti bhedanakaṃ. Tasmā evarūpe sūcighare karaṇakārāpanesu dukkaṭaṃ, paṭilābhena pana taṃ bhinditvā pācittiyaṃ desetabbaṃ.

    สเกฺกสุ สมฺพหุเล ภิกฺขู อารพฺภ พหุสูจิฆรวิญฺญาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, สาณตฺติกํ, อตฺตนา วิปฺปกตํ อตฺตนา วา, ปเรหิ วา, ปเรหิ วิปฺปกตมฺปิ อตฺตนา วา, ปเรหิ วา ปริโยสาเปตฺวา ลภนฺตสฺส จตุกฺกปาจิตฺติยํฯ อญฺญสฺสตฺถาย กรณการาปเนสุ, อเญฺญน กตํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชเน ทุกฺกฎํฯ คณฺฐิเก อรณิเก วิเธ อญฺชนิยา อญฺชนิสลากาย วาสิชเฎ อุทกปุญฺฉนิยาติ เอเตสุ ยํกิญฺจิ อฎฺฐิอาทีหิ กโรนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ สูจิฆรตา, อฎฺฐิมยาทิตา, อตฺตโน อตฺถาย กรณํ วา การาเปตฺวา วา ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สญฺจริตฺตสทิสานีติฯ

    Sakkesu sambahule bhikkhū ārabbha bahusūcigharaviññāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, sāṇattikaṃ, attanā vippakataṃ attanā vā, parehi vā, parehi vippakatampi attanā vā, parehi vā pariyosāpetvā labhantassa catukkapācittiyaṃ. Aññassatthāya karaṇakārāpanesu, aññena kataṃ paṭilabhitvā paribhuñjane dukkaṭaṃ. Gaṇṭhike araṇike vidhe añjaniyā añjanisalākāya vāsijaṭe udakapuñchaniyāti etesu yaṃkiñci aṭṭhiādīhi karontassa, ummattakādīnañca anāpatti. Sūcigharatā, aṭṭhimayāditā, attano atthāya karaṇaṃ vā kārāpetvā vā paṭilābhoti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni sañcarittasadisānīti.

    สูจิฆรสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sūcigharasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕. มญฺจปีฐสิกฺขาปทวณฺณนา

    5. Mañcapīṭhasikkhāpadavaṇṇanā

    ปญฺจเม มญฺจนฺติ มสารกาทีสุ อญฺญตรํฯ ปีฐมฺปิ ตาทิสเมว, ตํ ปน มโญฺจ วิย อติทีฆํ, อาสนฺทิโก วิย จ สมํ จตุรสฺสํ น โหติฯ เฉทนกํ เภทนกสทิสเมวฯ

    Pañcame mañcanti masārakādīsu aññataraṃ. Pīṭhampi tādisameva, taṃ pana mañco viya atidīghaṃ, āsandiko viya ca samaṃ caturassaṃ na hoti. Chedanakaṃ bhedanakasadisameva.

    สาวตฺถิยํ อุปนนฺทํ อารพฺภ อุเจฺจ มเญฺจ สยนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ปมาณิกํ กโรนฺตสฺส, ปมาณาติกฺกนฺตํ ลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ยถา ปมาณเมว อุปริ ทิสฺสติ, เอวํ นิขณิตฺวา วา, อุตฺตานํ วา กตฺวา, อฎฺฎกํ วา พนฺธิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปมาณาติกฺกนฺตมญฺจปีฐตา, อตฺตโน อตฺถาย กรณํ วา การาเปตฺวา วา ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ เสสํ สพฺพํ สูจิฆรสิกฺขาปทสทิสเมวาติฯ

    Sāvatthiyaṃ upanandaṃ ārabbha ucce mañce sayanavatthusmiṃ paññattaṃ, pamāṇikaṃ karontassa, pamāṇātikkantaṃ labhitvā chinditvā yathā pamāṇameva upari dissati, evaṃ nikhaṇitvā vā, uttānaṃ vā katvā, aṭṭakaṃ vā bandhitvā paribhuñjantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Pamāṇātikkantamañcapīṭhatā, attano atthāya karaṇaṃ vā kārāpetvā vā paṭilābhoti imānettha dve aṅgāni. Sesaṃ sabbaṃ sūcigharasikkhāpadasadisamevāti.

    มญฺจปีฐสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Mañcapīṭhasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๖. ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา

    6. Tūlonaddhasikkhāpadavaṇṇanā

    ฉเฎฺฐ ตูลํ โอนทฺธเมตฺถาติ ตูโลนทฺธํ, จิมิลิกํ ปตฺถริตฺวา ตูลํ ปกฺขิปิตฺวา อุปริ จิมิลิกาย โอนทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อุทฺทาลนกํ เภทนกสทิสเมวฯ

    Chaṭṭhe tūlaṃ onaddhametthāti tūlonaddhaṃ, cimilikaṃ pattharitvā tūlaṃ pakkhipitvā upari cimilikāya onaddhanti vuttaṃ hoti. Uddālanakaṃ bhedanakasadisameva.

    สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ ตูโลนทฺธการาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อาโยเค กายพนฺธเน อํสพทฺธเก ปตฺตตฺถวิกาย ปริสฺสาวเน พิโมฺพหเน, อเญฺญน กตํ ตูโลนทฺธํ ปฎิลภิตฺวา อุทฺทาเลตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ พิโมฺพหนเญฺจตฺถ สีสปฺปมาณเมว วฎฺฎติ, สีสปฺปมาณํ นาม ยสฺส วิตฺถารโต ตีสุ โกเณสุ ทฺวินฺนํ อนฺตรํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ โหติ, มเชฺฌ มุฎฺฐิรตนํ, ทีฆโต ทิยฑฺฒรตนํ วา ทฺวิรตนํ วาฯ ตูโลนทฺธมญฺจปีฐตา, อตฺตโน อตฺถาย กรณํ วา การาเปตฺวา วา ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha tūlonaddhakārāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, āyoge kāyabandhane aṃsabaddhake pattatthavikāya parissāvane bimbohane, aññena kataṃ tūlonaddhaṃ paṭilabhitvā uddāletvā paribhuñjantassa, ummattakādīnañca anāpatti. Bimbohanañcettha sīsappamāṇameva vaṭṭati, sīsappamāṇaṃ nāma yassa vitthārato tīsu koṇesu dvinnaṃ antaraṃ vidatthicaturaṅgulaṃ hoti, majjhe muṭṭhiratanaṃ, dīghato diyaḍḍharatanaṃ vā dviratanaṃ vā. Tūlonaddhamañcapīṭhatā, attano atthāya karaṇaṃ vā kārāpetvā vā paṭilābhoti imānettha dve aṅgāni. Sesaṃ vuttanayeneva veditabbanti.

    ตูโลนทฺธสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tūlonaddhasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๗. นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา

    7. Nisīdanasikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตเม นิสีทนนฺติ สนฺถตสทิสํ สนฺถริตฺวา เอกสฺมิํ อเนฺต สุคตวิทตฺถิปฺปมาณํ ทฺวีสุ ฐาเนสุ ผาเลตฺวา กตาหิ ตีหิ ทสาหิ ยุตฺตสฺส ปริกฺขารเสฺสตํ นามํฯ

    Sattame nisīdananti santhatasadisaṃ santharitvā ekasmiṃ ante sugatavidatthippamāṇaṃ dvīsu ṭhānesu phāletvā katāhi tīhi dasāhi yuttassa parikkhārassetaṃ nāmaṃ.

    สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ อปฺปมาณิกานิ นิสีทนานิ ธารณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘ทสา วิทตฺถี’’ติ อยเมตฺถ อนุปญฺญตฺติ, อสาธารณปญฺญตฺติ, ปมาณิกํ วา อูนกํ วา กโรนฺตสฺส, อเญฺญน กตํ ปมาณาติกฺกนฺตํ ปฎิลภิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส, วิตานาทีสุ ยํกิญฺจิ กโรนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ นิสีทนสฺส ปมาณาติกฺกนฺตตา, อตฺตโน อตฺถาย กรณํ วา การาเปตฺวา วา ปฎิลาโภติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha appamāṇikāni nisīdanāni dhāraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘dasā vidatthī’’ti ayamettha anupaññatti, asādhāraṇapaññatti, pamāṇikaṃ vā ūnakaṃ vā karontassa, aññena kataṃ pamāṇātikkantaṃ paṭilabhitvā chinditvā paribhuñjantassa, vitānādīsu yaṃkiñci karontassa, ummattakādīnañca anāpatti. Nisīdanassa pamāṇātikkantatā, attano atthāya karaṇaṃ vā kārāpetvā vā paṭilābhoti imānettha dve aṅgāni. Sesaṃ vuttanayeneva veditabbanti.

    นิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nisīdanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๘. กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิสิกฺขาปทวณฺณนา

    8. Kaṇḍuppaṭicchādisikkhāpadavaṇṇanā

    อฎฺฐเม กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทินฺติ อโธนาภิอุพฺภชาณุมณฺฑลํ กณฺฑุปีฬกอสฺสาวถุลฺลกจฺฉาพาธานํ ปฎิจฺฉาทนตฺถํ อนุญฺญาตํ จีวรํฯ

    Aṭṭhame kaṇḍuppaṭicchādinti adhonābhiubbhajāṇumaṇḍalaṃ kaṇḍupīḷakaassāvathullakacchābādhānaṃ paṭicchādanatthaṃ anuññātaṃ cīvaraṃ.

    สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ อปฺปมาณิกาโย กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิกาโย ธารณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, เสสํ นิสีทเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha appamāṇikāyo kaṇḍuppaṭicchādikāyo dhāraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, sesaṃ nisīdane vuttanayeneva veditabbanti.

    กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kaṇḍuppaṭicchādisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๙. วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    9. Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā

    นวเม สาวตฺถิยํ ฉพฺพคฺคิเย อารพฺภ อปฺปมาณิกาโย วสฺสิกสาฎิกาโย ธารณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ นิสีทเน วุตฺตนยเมวาติฯ

    Navame sāvatthiyaṃ chabbaggiye ārabbha appamāṇikāyo vassikasāṭikāyo dhāraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, sesamettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ nisīdane vuttanayamevāti.

    วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Vassikasāṭikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๐. นนฺทสิกฺขาปทวณฺณนา

    10. Nandasikkhāpadavaṇṇanā

    ทสเม สาวตฺถิยํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ อารพฺภ สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ ธารณวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สาธารณปญฺญตฺติ, เสสํ นิสีทเน วุตฺตนยเมวาติฯ

    Dasame sāvatthiyaṃ āyasmantaṃ nandaṃ ārabbha sugatacīvarappamāṇaṃ cīvaraṃ dhāraṇavatthusmiṃ paññattaṃ, sādhāraṇapaññatti, sesaṃ nisīdane vuttanayamevāti.

    นนฺทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Nandasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    รตนวโคฺค นวโมฯ

    Ratanavaggo navamo.

    กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย

    Kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya

    สุทฺธปาจิตฺติยวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Suddhapācittiyavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact