Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๓๒] ๒. รถลฎฺฐิชาตกวณฺณนา
[332] 2. Rathalaṭṭhijātakavaṇṇanā
อปิ หนฺตฺวา หโต พฺรูตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกสลรโญฺญ ปุโรหิตํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร รเถน อตฺตโน โภคคามํ คจฺฉโนฺต สมฺพาเธ มเคฺค รถํ ปาเชโนฺต เอกํ สกฎสตฺถํ ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สกฎํ อปเนถา’’ติ คจฺฉโนฺต สกเฎ อนปนียมาเน กุชฺฌิตฺวา ปโตทลฎฺฐิยา ปุริมสกเฎ สากฎิกสฺส รถธุเร ปหริฯ สา รถธุเร ปฎิหตา นิวตฺติตฺวา ตเสฺสว นลาฎํ ปหริฯ ตาวเทวสฺส นลาเฎ คโณฺฑ อุฎฺฐหิฯ โส นิวตฺติตฺวา ‘‘สากฎิเกหิ ปหโฎมฺหี’’ติ รโญฺญ อาโรเจสิฯ สากฎิเก ปโกฺกสาเปตฺวา วินิจฺฉินนฺตา ตเสฺสว โทสํ อทฺทสํสุฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, รโญฺญ กิร ปุโรหิโต ‘สากฎิเกหิ ปหโฎมฺหี’ติ อฑฺฑํ กโรโนฺต สยเมว ปรชฺชี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส เอวรูปํ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Apihantvā hato brūtīti idaṃ satthā jetavane viharanto kosalarañño purohitaṃ ārabbha kathesi. So kira rathena attano bhogagāmaṃ gacchanto sambādhe magge rathaṃ pājento ekaṃ sakaṭasatthaṃ disvā ‘‘tumhākaṃ sakaṭaṃ apanethā’’ti gacchanto sakaṭe anapanīyamāne kujjhitvā patodalaṭṭhiyā purimasakaṭe sākaṭikassa rathadhure pahari. Sā rathadhure paṭihatā nivattitvā tasseva nalāṭaṃ pahari. Tāvadevassa nalāṭe gaṇḍo uṭṭhahi. So nivattitvā ‘‘sākaṭikehi pahaṭomhī’’ti rañño ārocesi. Sākaṭike pakkosāpetvā vinicchinantā tasseva dosaṃ addasaṃsu. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, rañño kira purohito ‘sākaṭikehi pahaṭomhī’ti aḍḍaṃ karonto sayameva parajjī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa evarūpaṃ akāsiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตเสฺสว วินิจฺฉยามโจฺจ อโหสิฯ อถ รโญฺญ ปุโรหิโต รเถน อตฺตโน โภคคามํ คจฺฉโนฺตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมวฯ อิธ ปน เตน รโญฺญ อาโรจิเต ราชา สยํ วินิจฺฉเย นิสีทิตฺวา สากฎิเก ปโกฺกสาเปตฺวา กมฺมํ อโสเธตฺวาว ‘‘ตุเมฺหหิ มม ปุโรหิตํ โกเฎฺฎตฺวา นลาเฎ คโณฺฑ อุฎฺฐาปิโต’’ติ วตฺวา ‘‘สพฺพสฺสหรณํ เตสํ กโรถา’’ติ อาหฯ อถ นํ โพธิสโตฺต ‘‘ตุเมฺห, มหาราช, กมฺมํ อโสเธตฺวาว เอเตสํ สพฺพสฺสํ หราเปถ, เอกเจฺจ ปน อตฺตนาว อตฺตานํ ปหริตฺวาปิ ‘ปเรน ปหฎมฺหา’ติ วทนฺติ, ตสฺมา อวิจินิตฺวา กาตุํ น ยุตฺตํ, รชฺชํ กาเรเนฺตน นาม นิสาเมตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tasseva vinicchayāmacco ahosi. Atha rañño purohito rathena attano bhogagāmaṃ gacchantoti sabbaṃ purimasadisameva. Idha pana tena rañño ārocite rājā sayaṃ vinicchaye nisīditvā sākaṭike pakkosāpetvā kammaṃ asodhetvāva ‘‘tumhehi mama purohitaṃ koṭṭetvā nalāṭe gaṇḍo uṭṭhāpito’’ti vatvā ‘‘sabbassaharaṇaṃ tesaṃ karothā’’ti āha. Atha naṃ bodhisatto ‘‘tumhe, mahārāja, kammaṃ asodhetvāva etesaṃ sabbassaṃ harāpetha, ekacce pana attanāva attānaṃ paharitvāpi ‘parena pahaṭamhā’ti vadanti, tasmā avicinitvā kātuṃ na yuttaṃ, rajjaṃ kārentena nāma nisāmetvā kammaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti vatvā imā gāthā abhāsi.
๑๒๕.
125.
‘‘อปิ หนฺตฺวา หโต พฺรูติ, เชตฺวา ชิโตติ ภาสติ;
‘‘Api hantvā hato brūti, jetvā jitoti bhāsati;
ปุพฺพมกฺขายิโน ราช, อญฺญทตฺถุ น สทฺทเหฯ
Pubbamakkhāyino rāja, aññadatthu na saddahe.
๑๒๖.
126.
‘‘ตสฺมา ปณฺฑิตชาติโย, สุเณยฺย อิตรสฺสปิ;
‘‘Tasmā paṇḍitajātiyo, suṇeyya itarassapi;
อุภินฺนํ วจนํ สุตฺวา, ยถา ธโมฺม ตถา กเรฯ
Ubhinnaṃ vacanaṃ sutvā, yathā dhammo tathā kare.
๑๒๗.
127.
‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสญฺญโต ปพฺพชิโต น สาธุ;
‘‘Alaso gihī kāmabhogī na sādhu, asaññato pabbajito na sādhu;
ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุฯ
Rājā na sādhu anisammakārī, yo paṇḍito kodhano taṃ na sādhu.
๑๒๘.
128.
‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;
‘‘Nisamma khattiyo kayirā, nānisamma disampati;
นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒตี’’ติฯ
Nisammakārino rāja, yaso kitti ca vaḍḍhatī’’ti.
ตตฺถ อปิ หนฺตฺวาติ อปิ เอโก อตฺตนาว อตฺตานํ หนฺตฺวา ‘‘ปเรน ปหโฎมฺหี’’ติ พฺรูติ กเถติฯ เชตฺวา ชิโตติ สยํ วา ปน ปรํ ชิตฺวา ‘‘อหํ ชิโตมฺหี’’ติ ภาสติฯ อญฺญทตฺถูติ มหาราช, ปุพฺพเมว ราชกุลํ คนฺตฺวา อกฺขายนฺตสฺส ปุพฺพมกฺขายิโน อญฺญทตฺถุ น สทฺทเห, เอกํเสน วจนํ น สทฺทเหยฺยฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา กเถนฺตสฺส เอกํเสน วจนํ น สทฺทหาตพฺพํ, ตสฺมาฯ ยถา ธโมฺมติ ยถา วินิจฺฉยสภาโว ฐิโต, ตถา กเรยฺยฯ
Tattha api hantvāti api eko attanāva attānaṃ hantvā ‘‘parena pahaṭomhī’’ti brūti katheti. Jetvā jitoti sayaṃ vā pana paraṃ jitvā ‘‘ahaṃ jitomhī’’ti bhāsati. Aññadatthūti mahārāja, pubbameva rājakulaṃ gantvā akkhāyantassa pubbamakkhāyino aññadatthu na saddahe, ekaṃsena vacanaṃ na saddaheyya. Tasmāti yasmā paṭhamataraṃ āgantvā kathentassa ekaṃsena vacanaṃ na saddahātabbaṃ, tasmā. Yathā dhammoti yathā vinicchayasabhāvo ṭhito, tathā kareyya.
อสญฺญโตติ กายาทีหิ อสญฺญโต ทุสฺสีโลฯ ตํ น สาธูติ ยํ ตสฺส ปณฺฑิตสฺส ญาณวโต ปุคฺคลสฺส อาธานคฺคาหิวเสน ทฬฺหโกปสงฺขาตํ โกธนํ, ตํ น สาธุฯ นานิสมฺมาติ น อนิสาเมตฺวาฯ ทิสมฺปตีติ ทิสานํ ปติ, มหาราชฯ ยโส กิตฺติ จาติ อิสฺสริยปริวาโร เจว กิตฺติสโทฺท จ วฑฺฒตีติฯ
Asaññatoti kāyādīhi asaññato dussīlo. Taṃ na sādhūti yaṃ tassa paṇḍitassa ñāṇavato puggalassa ādhānaggāhivasena daḷhakopasaṅkhātaṃ kodhanaṃ, taṃ na sādhu. Nānisammāti na anisāmetvā. Disampatīti disānaṃ pati, mahārāja. Yaso kitti cāti issariyaparivāro ceva kittisaddo ca vaḍḍhatīti.
ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ธเมฺมน วินิจฺฉินิ, ธเมฺมน วินิจฺฉิยมาเน พฺราหฺมณเสฺสว โทโส ชาโตติฯ
Rājā bodhisattassa vacanaṃ sutvā dhammena vinicchini, dhammena vinicchiyamāne brāhmaṇasseva doso jātoti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ เอตรหิ พฺราหฺมโณว อโหสิ, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā brāhmaṇo etarahi brāhmaṇova ahosi, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosi’’nti.
รถลฎฺฐิชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Rathalaṭṭhijātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๓๒. รถลฎฺฐิชาตกํ • 332. Rathalaṭṭhijātakaṃ