Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๔. รถวินีตสุตฺตวณฺณนา

    4. Rathavinītasuttavaṇṇanā

    ๒๕๒. มหาโควิเนฺทน ปริคฺคหิตตากิตฺตนํ ตทา มคธราเชน ปริคฺคหิตูปลกฺขณํฯ ตสฺส หิ โส ปุโรหิโตฯ มหาโควิโนฺทติ ปุราตโน เอโก มคธราชาติ เกจิฯ คยฺหตีติ คโห, ราชูนํ คโห ราชคหํฯ นคร-สทฺทาเปกฺขาย นปุํสกนิเทฺทโสฯ อเญฺญเปตฺถ ปกาเรติ ราชูหิ ทิสฺวา สมฺมา ปติฎฺฐาปิตตฺตา เตสํ คหํ เคหภูตนฺติปิ ราชคหํฯ อารกฺขสมฺปตฺติอาทินา อนตฺถุปฺปตฺติเหตุตาย อุปคตานํ ปฎิราชูนํ คหํ คหภูตนฺติปิ ราชคหํ, อารามรามณียกาทีหิ ราชเต, นิวาสสุขตาทินา สเตฺตหิ มมตฺตวเสน คยฺหติ, ปริคฺคยฺหตีติ วา ราชคหนฺติ เอวมาทิเก ปกาเรฯ พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จาติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํฯ เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ, น ปน เกวลํ กฎฺฐกปวนเมวฯ รโญฺญ อุยฺยานกาเล ปติฎฺฐาปิตอฎฺฎาลกวเสน อฎฺฎาลกยุตฺตํ

    252. Mahāgovindena pariggahitatākittanaṃ tadā magadharājena pariggahitūpalakkhaṇaṃ. Tassa hi so purohito. Mahāgovindoti purātano eko magadharājāti keci. Gayhatīti gaho, rājūnaṃ gaho rājagahaṃ. Nagara-saddāpekkhāya napuṃsakaniddeso. Aññepettha pakāreti rājūhi disvā sammā patiṭṭhāpitattā tesaṃ gahaṃ gehabhūtantipi rājagahaṃ. Ārakkhasampattiādinā anatthuppattihetutāya upagatānaṃ paṭirājūnaṃ gahaṃ gahabhūtantipi rājagahaṃ, ārāmarāmaṇīyakādīhi rājate, nivāsasukhatādinā sattehi mamattavasena gayhati, pariggayhatīti vā rājagahanti evamādike pakāre. Buddhakāle ca cakkavattikāle cāti idaṃ yebhuyyavasena vuttaṃ. Veḷūhi parikkhittaṃ ahosi, na pana kevalaṃ kaṭṭhakapavanameva. Rañño uyyānakāle patiṭṭhāpitaaṭṭālakavasena aṭṭālakayuttaṃ.

    ชนนํ ชาติ, ชาติยา ภูมิ ชาติภูมํ, ชายิ วา มหาโพธิสโตฺต เอตฺถาภิ ชาติ, สา เอว ภูมีติ ชาติภูมํ, สา อิเมสํ นิวาโสติ ชาติภูมกาติ อาห ‘‘ชาติภูมกาติ ชาติภูมิวาสิโน’’ติฯ กสฺส ปนายํ ชาติภูมีติ อาห ‘‘ตํ โข ปนา’’ติอาทิฯ เตน อนญฺญสาธารณาย ชาติยา อธิเปฺปตตฺตา สเทวเก โลเก สุปากฎภาวโต วิเสสเนน วินาปิ วิสิฎฺฐวิสโยว อิธ ชาติ-สโทฺท วิญฺญายตีติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘สพฺพญฺญุโพธิสตฺตสฺส ชาตฎฺฐานสากิยชนปโท’’ติฯ ตตฺถปิ กปิลวตฺถุสนฺนิสฺสโย ปเทโสติ อาห ‘‘กปิลวตฺถาหาโร’’ติฯ

    Jananaṃ jāti, jātiyā bhūmi jātibhūmaṃ, jāyi vā mahābodhisatto etthābhi jāti, sā eva bhūmīti jātibhūmaṃ, sā imesaṃ nivāsoti jātibhūmakāti āha ‘‘jātibhūmakāti jātibhūmivāsino’’ti. Kassa panāyaṃ jātibhūmīti āha ‘‘taṃ kho panā’’tiādi. Tena anaññasādhāraṇāya jātiyā adhippetattā sadevake loke supākaṭabhāvato visesanena vināpi visiṭṭhavisayova idha jāti-saddo viññāyatīti dasseti. Tenāha ‘‘sabbaññubodhisattassa jātaṭṭhānasākiyajanapado’’ti. Tatthapi kapilavatthusannissayo padesoti āha ‘‘kapilavatthāhāro’’ti.

    ครุธมฺมภาววณฺณนา

    Garudhammabhāvavaṇṇanā

    สากิยมณฺฑลสฺสาติ สากิยราชสมูหสฺสฯ ทสนฺนํ อปฺปิจฺฉกถาทีนํ วตฺถุ ทสกถาวตฺถุ, อปฺปิจฺฉตาทิฯ ตตฺถ สุปฺปติฎฺฐิตตาย ตสฺส ลาภี ทสกถาวตฺถุลาภีฯ ตตฺถาติ ทสกถาวตฺถุสฺมิํฯ

    Sākiyamaṇḍalassāti sākiyarājasamūhassa. Dasannaṃ appicchakathādīnaṃ vatthu dasakathāvatthu, appicchatādi. Tattha suppatiṭṭhitatāya tassa lābhī dasakathāvatthulābhī. Tatthāti dasakathāvatthusmiṃ.

    ครุกรณียตาย ธโมฺม ครุ เอตสฺสาติ ธมฺมครุ, ตสฺส ภาโว ธมฺมครุตา, ตายฯ ‘‘อชฺฌาสเยน เวทิตโพฺพ’’ติ วตฺวา น เกวลํ อชฺฌาสเยเนว, อถ โข กายวจีปโยเคหิปิ เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ธมฺมครุตาเยว หี’’ติอาทิมาหฯ ติยามรตฺติํ ธมฺมกถํ กตฺวาติ เอตฺถ ‘‘กุมฺภการสฺส นิเวสเน ติยามรตฺติํ วสโนฺต ธมฺมกถํ กตฺวา’’ติ เอวํ วจนเสสวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อญฺญถา ยถาลาภวเสน อเตฺถ คยฺหมาเน ติยามรตฺติํ ธมฺมกถา กตาติ อาปชฺชติ, น จ ตํ อตฺถิฯ วกฺขติ หิ ‘‘พหุเทว รตฺตินฺติ ทิยฑฺฒยามมตฺต’’นฺติฯ ทสพลาทิคุณวิเสสา วิย ธมฺมคารวเหตุกา ปรหิตปฎิปตฺติปิ สพฺพพุทฺธานํ มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย สทิสา เอวาติ อิมสฺส ภควโต ธมฺมคารวกิตฺตเน ‘‘กสฺสโปปิ ภควา’’ติอาทินา กสฺสปภควโต ธมฺมคารวํ ทเสฺสติฯ

    Garukaraṇīyatāya dhammo garu etassāti dhammagaru, tassa bhāvo dhammagarutā, tāya. ‘‘Ajjhāsayena veditabbo’’ti vatvā na kevalaṃ ajjhāsayeneva, atha kho kāyavacīpayogehipi veditabboti dassento ‘‘dhammagarutāyeva hī’’tiādimāha. Tiyāmarattiṃ dhammakathaṃ katvāti ettha ‘‘kumbhakārassa nivesane tiyāmarattiṃ vasanto dhammakathaṃ katvā’’ti evaṃ vacanasesavasena attho veditabbo. Aññathā yathālābhavasena atthe gayhamāne tiyāmarattiṃ dhammakathā katāti āpajjati, na ca taṃ atthi. Vakkhati hi ‘‘bahudeva rattinti diyaḍḍhayāmamatta’’nti. Dasabalādiguṇavisesā viya dhammagāravahetukā parahitapaṭipattipi sabbabuddhānaṃ majjhe bhinnasuvaṇṇaṃ viya sadisā evāti imassa bhagavato dhammagāravakittane ‘‘kassapopi bhagavā’’tiādinā kassapabhagavato dhammagāravaṃ dasseti.

    จาริกํ นิกฺขมีติ ชนปทจาริกํ จริตุํ นิกฺขมิฯ ชนปทจาริกาย อกาเล นิกฺขนฺตตฺตา โกสลราชาทโย วาเรตุํ อารภิํสุฯ ปวาเรตฺวา หิ จรณํ พุทฺธาจิณฺณํฯ ปุณฺณาย สมฺมาปฎิปตฺติํ ปจฺจาสีสโนฺต ภควา ‘‘กิํ เม กริสฺสสี’’ติ อาหฯ

    Cārikaṃ nikkhamīti janapadacārikaṃ carituṃ nikkhami. Janapadacārikāya akāle nikkhantattā kosalarājādayo vāretuṃ ārabhiṃsu. Pavāretvā hi caraṇaṃ buddhāciṇṇaṃ. Puṇṇāya sammāpaṭipattiṃ paccāsīsanto bhagavā ‘‘kiṃ me karissasī’’ti āha.

    อนหาโตวาติ ธมฺมสวนุสฺสุเกฺกน สายเนฺห พุทฺธาจิณฺณํ นฺหานํ อกตฺวาวฯ อตฺตหิตปรหิตปฎิปตฺตีสุ เอกิสฺสา ทฺวินฺนญฺจ อตฺถิตาสิทฺธา จตุพฺพิธตา ปฎิปตฺติกตา เอว นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฎิปนฺนโก จ นาม…เป.… จตุพฺพิโธ โหตี’’ติฯ ปฎิเกฺขปปุพฺพโกปิ หิ ปฎิปโนฺน อตฺถโต ปฎิปนฺนโตฺถ เอวาติฯ กามํ อตฺตหิตาย ปฎิปโนฺน ตาย สมฺมาปฎิปตฺติยา สาสนํ โสภติ, น ปน สาสนํ วเฑฺฒติ อโปฺปสฺสุกฺกภาวโต, น จ การุณิกสฺส ภควโต สพฺพถา มโนรถํ ปูเรติฯ ตถา หิ ภควา ปฐมโพธิยํ เอกสฎฺฐิยา จ อรหเนฺตสุ ชาเตสุ – ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, พหุชนหิตายา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๘๖-๘๘; มหาว. ๓๒) ภิกฺขู ปรหิตปฎิปตฺติยํ นิโยเชสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เอวรูปํ ภิกฺขุํ ภควา น ปุจฺฉติ, กสฺมา? น มยฺหํ สาสนสฺส วุฑฺฒิปเกฺข ฐิโต’’ติฯ

    Anahātovāti dhammasavanussukkena sāyanhe buddhāciṇṇaṃ nhānaṃ akatvāva. Attahitaparahitapaṭipattīsu ekissā dvinnañca atthitāsiddhā catubbidhatā paṭipattikatā eva nāma hotīti vuttaṃ ‘‘paṭipannako ca nāma…pe… catubbidho hotī’’ti. Paṭikkhepapubbakopi hi paṭipanno atthato paṭipannattho evāti. Kāmaṃ attahitāya paṭipanno tāya sammāpaṭipattiyā sāsanaṃ sobhati, na pana sāsanaṃ vaḍḍheti appossukkabhāvato, na ca kāruṇikassa bhagavato sabbathā manorathaṃ pūreti. Tathā hi bhagavā paṭhamabodhiyaṃ ekasaṭṭhiyā ca arahantesu jātesu – ‘‘caratha, bhikkhave, bahujanahitāyā’’tiādinā (dī. ni. 2.86-88; mahāva. 32) bhikkhū parahitapaṭipattiyaṃ niyojesi. Tena vuttaṃ ‘‘evarūpaṃ bhikkhuṃ bhagavā na pucchati, kasmā? Na mayhaṃ sāsanassa vuḍḍhipakkhe ṭhito’’ti.

    สมุทาโย อปฺปเกน อูโนปิ อนูโน วิย โหตีติ พากุลเตฺถรํ จตุตฺถราสิโต พหิ กตฺวาปิ ‘‘อสีติมหาเถรา วิยา’’ติ วุตฺตํฯ อสีติมหาเถรสมญฺญา วา อวยเวปิ อฎฺฐสมาปตฺติสามญฺญา วิย ทฎฺฐพฺพาฯ อีทิเส ฐาเน พหูนํ เอกโต กถนํ มหตา กเณฺฐน จ กถนํ สตฺถุ จิตฺตาราธนเมวาติ เตหิ ภิกฺขูหิ ตถา ปฎิปนฺนนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เต ภิกฺขู เมฆสทฺทํ สุตฺวา’’ติอาทิมาหฯ คุณสมฺภาวนายาติ วกฺขมานคุณเหตุกาย สมฺภาวนาย สมฺภาวิโต, น เยน เกนจิ กิจฺจสมตฺถตาทินาฯ

    Samudāyo appakena ūnopi anūno viya hotīti bākulattheraṃ catuttharāsito bahi katvāpi ‘‘asītimahātherā viyā’’ti vuttaṃ. Asītimahātherasamaññā vā avayavepi aṭṭhasamāpattisāmaññā viya daṭṭhabbā. Īdise ṭhāne bahūnaṃ ekato kathanaṃ mahatā kaṇṭhena ca kathanaṃ satthu cittārādhanamevāti tehi bhikkhūhi tathā paṭipannanti dassento ‘‘te bhikkhū meghasaddaṃ sutvā’’tiādimāha. Guṇasambhāvanāyāti vakkhamānaguṇahetukāya sambhāvanāya sambhāvito, na yena kenaci kiccasamatthatādinā.

    ครุธมฺมภาววณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Garudhammabhāvavaṇṇanā niṭṭhitā.

    อปฺปิจฺฉตาทิวณฺณนา

    Appicchatādivaṇṇanā

    อปฺป-สทฺทสฺส ปริตฺตปริยายตํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘พฺยญฺชนํ สาวเสสํ วิยา’’ติฯ เตนาห ‘‘น หิ ตสฺสา’’ติอาทิฯ อปฺป-สโทฺท ปเนตฺถ อภาวโตฺถติ สกฺกา วิญฺญาตุํ ‘‘อปฺปาพาธตญฺจ สญฺชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๕; ๒.๑๓๔) วิยฯ

    Appa-saddassa parittapariyāyataṃ manasi katvā āha ‘‘byañjanaṃ sāvasesaṃ viyā’’ti. Tenāha ‘‘na hi tassā’’tiādi. Appa-saddo panettha abhāvatthoti sakkā viññātuṃ ‘‘appābādhatañca sañjānāmī’’tiādīsu (ma. ni. 1.225; 2.134) viya.

    อตฺริจฺฉตา นาม (อ. นิ. ฎี. ๑.๑.๖๓) อตฺร อตฺร อิจฺฉาติ กตฺวาฯ อสนฺตคุณสมฺภาวนตาติ อตฺตนิ อวิชฺชมานํ คุณานํ วิชฺชมานานํ วิย ปเรสํ ปกาสนาฯ สโทฺธติ มํ ชโน ชานาตูติ วตฺตปฎิปตฺติการกวิเสสลาภีติ ชานาตุ ‘‘วตฺตปฎิปตฺติอาปาถกชฺฌายิตา’’ติ เอวมาทินาฯ สนฺตคุณสมฺภาวนาติ อิจฺฉาจาเร ฐตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานสีลธุตธมฺมาทิคุณวิภาวนาฯ ตาทิสสฺส หิ ปฎิคฺคหเณ อมตฺตญฺญุตาปิ โหติฯ

    Atricchatā nāma (a. ni. ṭī. 1.1.63) atra atra icchāti katvā. Asantaguṇasambhāvanatāti attani avijjamānaṃ guṇānaṃ vijjamānānaṃ viya paresaṃ pakāsanā. Saddhoti maṃ jano jānātūti vattapaṭipattikārakavisesalābhīti jānātu ‘‘vattapaṭipattiāpāthakajjhāyitā’’ti evamādinā. Santaguṇasambhāvanāti icchācāre ṭhatvā attani vijjamānasīladhutadhammādiguṇavibhāvanā. Tādisassa hi paṭiggahaṇe amattaññutāpi hoti.

    คณฺหโนฺตเยว อุมฺมุชฺชิ อเญฺญสํ อชานนฺตานํเยวาติ อธิปฺปาโยฯ

    Gaṇhantoyeva ummujji aññesaṃ ajānantānaṃyevāti adhippāyo.

    อปฺปิจฺฉตาปธานํ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน จตุพฺพิธํ อิจฺฉาปเภทํ ทเสฺสตฺวา ปุนปิ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนน จตุพฺพิธํ อิจฺฉาปเภทํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปโรปิ จตุพฺพิโธ อปฺปิโจฺฉ’’ติอาทิมาหฯ ทายกสฺส วสนฺติ ทายกสฺส จิตฺตวสํฯ เทยฺยธมฺมสฺส วสนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส อปฺปพหุภาวํฯ อตฺตโน ถามนฺติ อตฺตโน ยาปนมตฺตกถามํฯ

    Appicchatāpadhānaṃ puggalādhiṭṭhānena catubbidhaṃ icchāpabhedaṃ dassetvā punapi puggalādhiṭṭhānena catubbidhaṃ icchāpabhedaṃ dassento ‘‘aparopi catubbidhoappiccho’’tiādimāha. Dāyakassa vasanti dāyakassa cittavasaṃ. Deyyadhammassa vasanti deyyadhammassa appabahubhāvaṃ. Attano thāmanti attano yāpanamattakathāmaṃ.

    เอกภิกฺขุปิ น อญฺญาสิ โสสานิกวเตฺต สมฺมเทว วุตฺติตฺตาฯ อโพฺพกิณฺณนฺติ อวิเจฺฉทํฯ ทุติโย มํ น ชาเนยฺยาติ ทุติโย สหายภูโตปิ ยถา มํ ชานิตุํ น สกฺกุเณยฺย, ตถา สฎฺฐิ วสฺสานิ นิรนฺตรํ สุสาเน วสามิ, ตสฺมา อหํ อโห โสสานิกุตฺตโม

    Ekabhikkhupi na aññāsi sosānikavatte sammadeva vuttittā. Abbokiṇṇanti avicchedaṃ. Dutiyo maṃ na jāneyyāti dutiyo sahāyabhūtopi yathā maṃ jānituṃ na sakkuṇeyya, tathā saṭṭhi vassāni nirantaraṃ susāne vasāmi, tasmā ahaṃ aho sosānikuttamo.

    ธมฺมกถาย ชนตํ โขเภตฺวาติ โลมหํสนสาธุการทานเจลุเกฺขปาทิวเสน สนฺนิปติตํ อิตรญฺจ ‘‘กถํ นุ โข อยฺยสฺส สนฺติเกว ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ โกลาหลวเสน มหาชนํ โขเภตฺวาฯ คโตติ ‘‘อยํ โส, เตน รตฺติยํ ธมฺมกถา กตา’’ติ ชานนภเยน ปริยตฺติอปฺปิจฺฉตาย ปริเวณํ คโตฯ

    Dhammakathāya janataṃ khobhetvāti lomahaṃsanasādhukāradānacelukkhepādivasena sannipatitaṃ itarañca ‘‘kathaṃ nu kho ayyassa santikeva dhammaṃ sossāmā’’ti kolāhalavasena mahājanaṃ khobhetvā. Gatoti ‘‘ayaṃ so, tena rattiyaṃ dhammakathā katā’’ti jānanabhayena pariyattiappicchatāya pariveṇaṃ gato.

    ตโย กุลปุตฺตา วิยาติ ปาจีนวํสทาเย สมคฺควาสํ วุตฺถา ตโย กุลปุตฺตา วิยฯ ปหายาติ ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน ปจฺฉา อคฺคมเคฺคเนว ปชหิตฺวาฯ

    Tayokulaputtā viyāti pācīnavaṃsadāye samaggavāsaṃ vutthā tayo kulaputtā viya. Pahāyāti pubbabhāge tadaṅgādivasena pacchā aggamaggeneva pajahitvā.

    อปฺปิจฺฉตาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Appicchatādivaṇṇanā niṭṭhitā.

    ทฺวาทสวิธสโนฺตสวณฺณนา

    Dvādasavidhasantosavaṇṇanā

    ปกติทุพฺพลาทีนํ ครุจีวราทีนิ นผาสุภาวาวหานิ สรีรเขทาวหานิ จ โหนฺตีติ ปโยชนวเสน นอตฺริจฺฉตาทิวเสน ตานิ ปริวเตฺตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโค น สโนฺตสวิโรธีติ อาห ‘‘ลหุเกน ยาเปโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหตี’’ติฯ มหคฺฆจีวรํ, พหูนิ วา จีวรานิ ลภิตฺวาปิ ตานิ วิสฺสเชฺชตฺวา ตทญฺญสฺส คหณํ ยถาสารุปฺปนเย ฐิตตฺตา น สโนฺตสวิโรธีติ อาห ‘‘เตสํ…เป.… ธาเรโนฺตปิ สนฺตุโฎฺฐว โหตี’’ติฯ เอวํ เสสปจฺจเยสุปิ ยถาพลยถาสารุปฺปสโนฺตสนิเทฺทเสสุ อปิสทฺทคฺคหเณ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพฯ ยถาสารุปฺปสโนฺตโสเยว อโคฺค อโลภชฺฌาสยสฺส อุกฺกํสนโตฯ

    Pakatidubbalādīnaṃ garucīvarādīni naphāsubhāvāvahāni sarīrakhedāvahāni ca hontīti payojanavasena naatricchatādivasena tāni parivattetvā lahukacīvaraparibhogo na santosavirodhīti āha ‘‘lahukena yāpentopi santuṭṭhova hotī’’ti. Mahagghacīvaraṃ, bahūni vā cīvarāni labhitvāpi tāni vissajjetvā tadaññassa gahaṇaṃ yathāsāruppanaye ṭhitattā na santosavirodhīti āha ‘‘tesaṃ…pe… dhārentopi santuṭṭhova hotī’’ti. Evaṃ sesapaccayesupi yathābalayathāsāruppasantosaniddesesu apisaddaggahaṇe adhippāyo veditabbo. Yathāsāruppasantosoyeva aggo alobhajjhāsayassa ukkaṃsanato.

    ทฺวาทสวิธสโนฺตสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dvādasavidhasantosavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ติวิธปวิเวกวณฺณนา

    Tividhapavivekavaṇṇanā

    เอโกติ เอกากีฯ คจฺฉตีติ จุณฺณิกอิริยาปถวเสน วุตฺตํฯ จรตีติ วิหารโต พหิ สญฺจารวเสน, วิหรตีติ ทิวาวิหาราทิวเสนฯ กายวิเวโกติ จ เนกฺขมฺมาธิมุตฺตสฺส ภาวนานุโยควเสน วิเวกฎฺฐกายตา, น ฌานวิเวกมตฺตํฯ เตนาห ‘‘เนกฺขมฺมาภิรตาน’’นฺติฯ ปริสุทฺธจิตฺตานนฺติ นีวรณาทิสํกิเลสโต วิสุทฺธจิตฺตานํฯ ปรมโวทานปฺปตฺตานนฺติ วิตกฺกาทิตํตํฌานปฎิปกฺขวิคเมน ปรมํ อุตฺตมํ โวทานํ ปตฺตานํฯ นิรุปธีนนฺติ กิเลสุปธิอาทีนํ วิคเมน นิรุปธีนํฯ

    Ekoti ekākī. Gacchatīti cuṇṇikairiyāpathavasena vuttaṃ. Caratīti vihārato bahi sañcāravasena, viharatīti divāvihārādivasena. Kāyavivekoti ca nekkhammādhimuttassa bhāvanānuyogavasena vivekaṭṭhakāyatā, na jhānavivekamattaṃ. Tenāha ‘‘nekkhammābhiratāna’’nti. Parisuddhacittānanti nīvaraṇādisaṃkilesato visuddhacittānaṃ. Paramavodānappattānanti vitakkāditaṃtaṃjhānapaṭipakkhavigamena paramaṃ uttamaṃ vodānaṃ pattānaṃ. Nirupadhīnanti kilesupadhiādīnaṃ vigamena nirupadhīnaṃ.

    ติวิธปวิเวกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tividhapavivekavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปญฺจวิธสํสคฺควณฺณนา

    Pañcavidhasaṃsaggavaṇṇanā

    สํสีทติ เอเตนาติ สํสโคฺค, ราโคฯ สวนเหตุโก, สวนวเสน วา ปวโตฺต สํสโคฺค สวนสํสโคฺคฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ กายสํสโคฺค ปน กายปรามาโสฯ อิตฺถี วาติ วธู, ยุวตี วาฯ สนฺธาเนตุนฺติ ปุเพฺพนาปรํ ฆเฎตุํฯ โสตวิญฺญาณวีถิวเสนาติ อิทํ มูลภูตํ สวนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺส ปิฎฺฐิวตฺตกมโนทฺวาริกชวนวีถีสุ อุปฺปโนฺนปิ ราโค สวนสํสโคฺคเยวฯ ทสฺสนสํสเคฺคปิ เอเสว นโยฯ อนิตฺถิคนฺธโพธิสโตฺต ปเรหิ กถิยมานวเสน ปวตฺตสวนสํสคฺคสฺส นิทสฺสนํฯ ติสฺสทหโร อตฺตนา สุยฺยมานวเสนฯ ตตฺถ ปฐมํ ชาตเก เวทิตพฺพนฺติ อิตรํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทหโร กิรา’’ติอาทิมาหฯ กามราเคน วิโทฺธติ ราคสเลฺลน หทเย อปฺปิโต อโนฺต อนุวิโทฺธฯ

    Saṃsīdati etenāti saṃsaggo, rāgo. Savanahetuko, savanavasena vā pavatto saṃsaggo savanasaṃsaggo. Esa nayo sesesupi. Kāyasaṃsaggo pana kāyaparāmāso. Itthī vāti vadhū, yuvatī vā. Sandhānetunti pubbenāparaṃ ghaṭetuṃ. Sotaviññāṇavīthivasenāti idaṃ mūlabhūtaṃ savanaṃ sandhāya vuttaṃ, tassa piṭṭhivattakamanodvārikajavanavīthīsu uppannopi rāgo savanasaṃsaggoyeva. Dassanasaṃsaggepi eseva nayo. Anitthigandhabodhisatto parehi kathiyamānavasena pavattasavanasaṃsaggassa nidassanaṃ. Tissadaharo attanā suyyamānavasena. Tattha paṭhamaṃ jātake veditabbanti itaraṃ dassento ‘‘daharo kirā’’tiādimāha. Kāmarāgena viddhoti rāgasallena hadaye appito anto anuviddho.

    โสติ ทสฺสนสํสโคฺคฯ เอวํ เวทิตโพฺพติ วตฺถุวเสน ปากฎํ กโรติฯ ตสฺมิํ กิร คาเม เยภุเยฺยน อิตฺถิโย อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา, ตสฺมา เถโร ‘‘สเจ อโนฺตคาเม น จริสฺสสี’’ติ อาหฯ กาลเสฺสว ปวิฎฺฐตฺตา ยาคุํ อทาสิ, ตสฺมา ยาคุเมว คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ ‘‘นิวตฺตถ, ภเนฺต, ภิกฺขํ คณฺหาหี’’ติ อาหํสุฯ ยาจิตฺวาติ ‘‘น มยํ, ภเนฺต, ภิกฺขํ ทาตุกามา นิวเตฺตม, อปิจ อิทํ ภเนฺต การณ’’นฺติ ยาจิตฺวาฯ

    Soti dassanasaṃsaggo. Evaṃ veditabboti vatthuvasena pākaṭaṃ karoti. Tasmiṃ kira gāme yebhuyyena itthiyo abhirūpā dassanīyā pāsādikā, tasmā thero ‘‘sace antogāme na carissasī’’ti āha. Kālasseva paviṭṭhattā yāguṃ adāsi, tasmā yāgumeva gahetvā gacchantaṃ ‘‘nivattatha, bhante, bhikkhaṃ gaṇhāhī’’ti āhaṃsu. Yācitvāti ‘‘na mayaṃ, bhante, bhikkhaṃ dātukāmā nivattema, apica idaṃ bhante kāraṇa’’nti yācitvā.

    อาทิโต ลปนํ อาลาโป, วจนปฎิวจนวเสน ปวโตฺต ลาโป สลฺลาโปฯ ภิกฺขุนิยาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํฯ ยาย กายจิปิ อิตฺถิยา สนฺตกปริโภควเสน อุปฺปนฺนราโคปิ สโมฺภคสํสโคฺคว

    Ādito lapanaṃ ālāpo, vacanapaṭivacanavasena pavatto lāpo sallāpo. Bhikkhuniyāti idaṃ nidassanamattaṃ. Yāya kāyacipi itthiyā santakaparibhogavasena uppannarāgopi sambhogasaṃsaggova.

    ปญฺจวิธสํสคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcavidhasaṃsaggavaṇṇanā niṭṭhitā.

    คาหคาหกาทิวณฺณนา

    Gāhagāhakādivaṇṇanā

    ภิกฺขุโน ภิกฺขูหิ กายปรามาโส กายสมฺพาหนาทิวเสนฯ กายสํสคฺคนฺติ กายปรามาสสํสคฺคํฯ คาหคาหโกติ คณฺหนกานํ คณฺหนโกติ อโตฺถฯ คาหมุตฺตโกติ อโยนิโส อามิเสหิ สงฺคณฺหนเกหิ สยํ มุจฺจนโกฯ มุตฺตคาหโกติ ยถาวุตฺตสงฺคหโต มุตฺตานํ สงฺคณฺหนโกฯ มุตฺตมุตฺตโกติ มุจฺจนเกหิ สยมฺปิ มุจฺจนโกฯ คหณวเสน สงฺคณฺหนวเสนฯ อุปสงฺกมนฺติ ตโต กิญฺจิ โลกามิสํ ปจฺจาสีสนฺตา, น ทกฺขิเณยฺยวเสนฯ ภิกฺขุปเกฺข คหณวเสนาติ ปจฺจยลาภาย สงฺคณฺหนวเสนาติ โยเชตพฺพํฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘อามิเสนา’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ

    Bhikkhuno bhikkhūhi kāyaparāmāso kāyasambāhanādivasena. Kāyasaṃsagganti kāyaparāmāsasaṃsaggaṃ. Gāhagāhakoti gaṇhanakānaṃ gaṇhanakoti attho. Gāhamuttakoti ayoniso āmisehi saṅgaṇhanakehi sayaṃ muccanako. Muttagāhakoti yathāvuttasaṅgahato muttānaṃ saṅgaṇhanako. Muttamuttakoti muccanakehi sayampi muccanako. Gahaṇavasena saṅgaṇhanavasena. Upasaṅkamanti tato kiñci lokāmisaṃ paccāsīsantā, na dakkhiṇeyyavasena. Bhikkhupakkhe gahaṇavasenāti paccayalābhāya saṅgaṇhanavasenāti yojetabbaṃ. Vuttanayenāti ‘‘āmisenā’’tiādinā vuttanayena.

    ฐานนฺติ อตฺตโน ฐานาวตฺถํฯ ปาปุณิตุํ น เทติ อุปฺปนฺนเมว ตํ ปฎิสงฺขานพเลน นีหรโนฺต วิกฺขเมฺภติฯ เตนาห ‘‘มเนฺตนา’’ติอาทิฯ ยถา ชีวิตุกาโม ปุริโส กณฺหสเปฺปน, อมิเตฺตน วา สห น สํวสติ, เอวํ ขณมตฺตมฺปิ กิเลเสหิ สห น สํวสตีติ อโตฺถฯ

    Ṭhānanti attano ṭhānāvatthaṃ. Pāpuṇituṃ na deti uppannameva taṃ paṭisaṅkhānabalena nīharanto vikkhambheti. Tenāha ‘‘mantenā’’tiādi. Yathā jīvitukāmo puriso kaṇhasappena, amittena vā saha na saṃvasati, evaṃ khaṇamattampi kilesehi saha na saṃvasatīti attho.

    จตุปาริสุทฺธิสีลํ โลกิยํ โลกุตฺตรญฺจฯ ตถา สมาธิปิฯ วิปสฺสนาย ปาทกา วิปสฺสนาปาทกาติ อฎฺฐสมาปตฺติคฺคหเณน ยถา โลกิยสมาธิ คหิโต, เอวํ วิปสฺสนาปาทกา เอเตสนฺติ วิปสฺสนาปาทกาติ อฎฺฐสมาปตฺติคฺคหเณเนว โลกุตฺตโร สมาธิ คหิโตฯ ยถา หิ จตฺตาริ รูปชฺฌานานิ อธิฎฺฐานํ กตฺวา ปวโตฺต มคฺคสมาธิ วิปสฺสนาปาทโก, เอวํ จตฺตาริ อรูปชฺฌานานิ อธิฎฺฐานํ กตฺวา ปวโตฺตปิฯ สมาปตฺติปริยาโย ปน ปุพฺพโวหาเรน เวทิตโพฺพฯ ปฎิปกฺขสมุเจฺฉทเนน สมฺมา อาปชฺชนโต วา ยถา ‘‘โสตาปตฺติมโคฺค’’ติฯ เอวเมตฺถ สีลสมาธีนมฺปิ มิสฺสกภาโว เวทิตโพฺพ, น ปญฺญาย เอวฯ วิมุตฺตีติ อริยผลนฺติ วุตฺตํ ‘‘วิมุตฺติสมฺปโนฺน’’ติ วุตฺตตฺตาฯ ตญฺหิ นิปฺผาทนเฎฺฐน สมฺปาเทตพฺพํ, น นิพฺพานนฺติฯ

    Catupārisuddhisīlaṃ lokiyaṃ lokuttarañca. Tathā samādhipi. Vipassanāya pādakā vipassanāpādakāti aṭṭhasamāpattiggahaṇena yathā lokiyasamādhi gahito, evaṃ vipassanāpādakā etesanti vipassanāpādakāti aṭṭhasamāpattiggahaṇeneva lokuttaro samādhi gahito. Yathā hi cattāri rūpajjhānāni adhiṭṭhānaṃ katvā pavatto maggasamādhi vipassanāpādako, evaṃ cattāri arūpajjhānāni adhiṭṭhānaṃ katvā pavattopi. Samāpattipariyāyo pana pubbavohārena veditabbo. Paṭipakkhasamucchedanena sammā āpajjanato vā yathā ‘‘sotāpattimaggo’’ti. Evamettha sīlasamādhīnampi missakabhāvo veditabbo, na paññāya eva. Vimuttīti ariyaphalanti vuttaṃ ‘‘vimuttisampanno’’ti vuttattā. Tañhi nipphādanaṭṭhena sampādetabbaṃ, na nibbānanti.

    เอตฺถ จ อปฺปิจฺฉตาย ลทฺธปจฺจเยน ปริตุสฺสติ, สนฺตุฎฺฐตาย ลทฺธา เต อคธิโต อมุจฺฉิโตอาทีนวทสฺสี นิสฺสรณปโญฺญ ปริภุญฺชติ, เอวํภูโต จ กตฺถจิ อลคฺคมานสตาย ปวิเวกํ ปริพฺรูเหโนฺต เกนจิ อสํสโฎฺฐ วิหรติ คหเฎฺฐน วา ปพฺพชิเตน วาฯ โส เอวํ อชฺฌาสยสมฺปโนฺน วีริยํ อารภติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา, อนธิคมสฺส อธิคมายฯ อารภโนฺต จ ยถาสมาทินฺนํ อตฺตโน สีลํ ปจฺจเวกฺขติ, ตสฺส สีลสฺส สุปริสุทฺธตํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ อวิปฺปฎิสาโร, อยมสฺส สีลสมฺปทาฯ ตสฺส อวิปฺปฎิสารมูลเกหิ ปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิสุเขหิ สมฺมา พฺรูหิตํ จิตฺตํ สมฺมเทว สมาธิยติ, อยมสฺส สมาธิสมฺปทาฯ ตโต ยถาภูตํ ชานํ ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติ, อยมสฺส ปญฺญาสมฺปทาฯ วิมุตฺตจิตฺตตา ปนสฺส วิมุตฺติสมฺปทา, ตโต วิมุตฺติโต ญาณทสฺสนนฺติ เอเตสํ ทสนฺนํ กถาวตฺถูนํ อนุปุพฺพี เวทิตพฺพาฯ ตสฺส โย ทสหิ กถาวตฺถูหิ สมนฺนาคโม, อยํ อตฺตหิตาย ปฎิปตฺติฯ ยา เนสํ ปเรสํ สํกิตฺตนํ, อยํ ปรหิตาย ปฎิปตฺติฯ ตาสุ ปุริมา ญาณปุพฺพงฺคมา ญาณสมฺปยุตฺตา จ, อิตรา กรุณาปุพฺพงฺคมา กรุณาสมฺปยุตฺตา จาติ สพฺพํ ญาณกรุณากณฺฑํ วตฺตพฺพํฯ

    Ettha ca appicchatāya laddhapaccayena paritussati, santuṭṭhatāya laddhā te agadhito amucchitoādīnavadassī nissaraṇapañño paribhuñjati, evaṃbhūto ca katthaci alaggamānasatāya pavivekaṃ paribrūhento kenaci asaṃsaṭṭho viharati gahaṭṭhena vā pabbajitena vā. So evaṃ ajjhāsayasampanno vīriyaṃ ārabhati appattassa pattiyā, anadhigamassa adhigamāya. Ārabhanto ca yathāsamādinnaṃ attano sīlaṃ paccavekkhati, tassa sīlassa suparisuddhataṃ nissāya uppajjati avippaṭisāro, ayamassa sīlasampadā. Tassa avippaṭisāramūlakehi pāmojjapītipassaddhisukhehi sammā brūhitaṃ cittaṃ sammadeva samādhiyati, ayamassa samādhisampadā. Tato yathābhūtaṃ jānaṃ passaṃ nibbindati, nibbindaṃ virajjati, virāgā vimuccati, ayamassa paññāsampadā. Vimuttacittatā panassa vimuttisampadā, tato vimuttito ñāṇadassananti etesaṃ dasannaṃ kathāvatthūnaṃ anupubbī veditabbā. Tassa yo dasahi kathāvatthūhi samannāgamo, ayaṃ attahitāya paṭipatti. Yā nesaṃ paresaṃ saṃkittanaṃ, ayaṃ parahitāya paṭipatti. Tāsu purimā ñāṇapubbaṅgamā ñāṇasampayuttā ca, itarā karuṇāpubbaṅgamā karuṇāsampayuttā cāti sabbaṃ ñāṇakaruṇākaṇḍaṃ vattabbaṃ.

    ทสหิ กถาวตฺถูหิ กรณภูเตหิ ภิกฺขูนํ โอวาทํ เทติ, ‘‘ภิกฺขุนา นาม อตฺริจฺฉตาทิเก ทูรโต วเชฺชตฺวา สมฺมเทว อปฺปิเจฺฉน ภวิตพฺพ’’นฺติอาทินา ตํ ตํ กถาวตฺถุํ ภิกฺขูนํ อุปทิสตีติ อโตฺถฯ อุปทิสโนฺต หิ ตานิ ‘‘เตหิ ภิกฺขู โอวทตี’’ติ วุโตฺตฯ โอวทติเยว สรูปทสฺสนมเตฺตนฯ สุขุมํ อตฺถํ ปริวเตฺตตฺวาติ เอวมฺปิ อปฺปิจฺฉตา โหติ เอวมฺปีติ อปฺปิจฺฉตาทิวเสน อปราปรํ อปฺปิจฺฉตาวุตฺติํ ทเสฺสตฺวา ตตฺถ สุขุมนิปุณํ อปฺปิจฺฉตาสงฺขาตํ อตฺถํ ชานาเปตุํ น สโกฺกติฯ วิญฺญาเปตีติ ยถาวุเตฺตหิ วิเสเสหิ วิญฺญาเปติฯ การณนฺติ เยน การเณน อปฺปิจฺฉตา อิชฺฌติ, ตํ ปน ‘‘มหิจฺฉตาทีสุ เอเต โทสา, อปฺปิจฺฉตาย อยมานิสํโส’’ติอาทีนวานิสํสทสฺสนํ ทฎฺฐพฺพํฯ สมฺมา เหตุนา อปฺปิจฺฉตํ ทเสฺสตีติ สนฺทสฺสโกฯ คาเหตุนฺติ ยถา คณฺหติ, ตถา กาตุํ, ตตฺถ ปฎฺฐเปตุนฺติ อโตฺถฯ อุสฺสาหชนนวเสนาติ ยถา ตํ สมาทานํ นิจฺจลํ โหติ, เอวํ อุโสฺสฬฺหิยา อุปฺปาทนวเสน สมฺมเทว อุเตฺตเชตีติ สมุเตฺตชโกฯ อุสฺสาหชาเตติ อปฺปิจฺฉตาย ชาตุสฺสาเหฯ วณฺณํ วตฺวา ตตฺถ สมฺปตฺติํ อายติญฺจ ลพฺภมานคุณํ กิเตฺตตฺวา สมฺปหํเสติ สมฺมเทว ปกาเรหิ โตเสตีติ สมฺปหํสโกฯ เอวํ สนฺตุฎฺฐิอาทีสุ ยถารหํ โยชนา กาตพฺพาฯ

    Dasahikathāvatthūhi karaṇabhūtehi bhikkhūnaṃ ovādaṃ deti, ‘‘bhikkhunā nāma atricchatādike dūrato vajjetvā sammadeva appicchena bhavitabba’’ntiādinā taṃ taṃ kathāvatthuṃ bhikkhūnaṃ upadisatīti attho. Upadisanto hi tāni ‘‘tehi bhikkhū ovadatī’’ti vutto. Ovadatiyeva sarūpadassanamattena. Sukhumaṃ atthaṃ parivattetvāti evampi appicchatā hoti evampīti appicchatādivasena aparāparaṃ appicchatāvuttiṃ dassetvā tattha sukhumanipuṇaṃ appicchatāsaṅkhātaṃ atthaṃ jānāpetuṃ na sakkoti. Viññāpetīti yathāvuttehi visesehi viññāpeti. Kāraṇanti yena kāraṇena appicchatā ijjhati, taṃ pana ‘‘mahicchatādīsu ete dosā, appicchatāya ayamānisaṃso’’tiādīnavānisaṃsadassanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sammā hetunā appicchataṃ dassetīti sandassako. Gāhetunti yathā gaṇhati, tathā kātuṃ, tattha paṭṭhapetunti attho. Ussāhajananavasenāti yathā taṃ samādānaṃ niccalaṃ hoti, evaṃ ussoḷhiyā uppādanavasena sammadeva uttejetīti samuttejako. Ussāhajāteti appicchatāya jātussāhe. Vaṇṇaṃ vatvā tattha sampattiṃ āyatiñca labbhamānaguṇaṃ kittetvā sampahaṃseti sammadeva pakārehi tosetīti sampahaṃsako. Evaṃ santuṭṭhiādīsu yathārahaṃ yojanā kātabbā.

    คาหคาหกาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Gāhagāhakādivaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปญฺจลาภวณฺณนา

    Pañcalābhavaṇṇanā

    ๒๕๓. สตฺถุ สมฺมุขา เอวํ วโณฺณ อพฺภุคฺคโตติฯ อิมินา ตสฺส วณฺณสฺส ยถาภูตคุณสมุฎฺฐิตตํ ทเสฺสติฯ มนฺทมโนฺท วิยาติ อติ วิย อเฉโก วิยฯ อพลพโล วิยาติ อติ วิย อพโล วิยฯ ภากุฎิกภากุฎิโก วิยาติ อติ วิย ทุมฺมุโข วิยฯ อนุมสฺสาติ อนุมสิตฺวา, ทส กถาวตฺถูนิ สรูปโต วิเสสโต จ อนุปริคฺคเหตฺวาติ อโตฺถฯ ปริคฺคณฺหนํ ปน เนสํ อนุปวิสนํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อนุปวิสิตฺวา’’ติฯ สพฺรหฺมจารีหิ วณฺณภาสนํ เอโก ลาโภติ โยชนาฯ เอวํ เสเสสุปิฯ ปตฺถยมาโน เอวมาห ธมฺมครุตายาติ อธิปฺปาโยฯ

    253.Satthu sammukhā evaṃ vaṇṇo abbhuggatoti. Iminā tassa vaṇṇassa yathābhūtaguṇasamuṭṭhitataṃ dasseti. Mandamando viyāti ati viya acheko viya. Abalabalo viyāti ati viya abalo viya. Bhākuṭikabhākuṭiko viyāti ati viya dummukho viya. Anumassāti anumasitvā, dasa kathāvatthūni sarūpato visesato ca anupariggahetvāti attho. Pariggaṇhanaṃ pana nesaṃ anupavisanaṃ viya hotīti vuttaṃ ‘‘anupavisitvā’’ti. Sabrahmacārīhi vaṇṇabhāsanaṃ eko lābhoti yojanā. Evaṃ sesesupi. Patthayamāno evamāha dhammagarutāyāti adhippāyo.

    ปญฺจลาภวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pañcalābhavaṇṇanā niṭṭhitā.

    จาริกาทิวณฺณนา

    Cārikādivaṇṇanā

    ๒๕๔. อภิรมนํ อภิรตํ, ตเทว อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา วุตฺตํ ‘‘อภิรนฺต’’นฺติฯ ภาวนปุํสกเญฺจตํฯ อนภิรติ นาม นตฺถิ, อภิรมิตฺวา จิรวิหาโรปิ นตฺถิ สมฺมเทว ปริญฺญาตวตฺถุกตฺตาฯ สพฺพสหา หิ พุทฺธา ภควโนฺต อสยฺหลาภิโนฯ

    254. Abhiramanaṃ abhirataṃ, tadeva anunāsikalopaṃ akatvā vuttaṃ ‘‘abhiranta’’nti. Bhāvanapuṃsakañcetaṃ. Anabhirati nāma natthi, abhiramitvā ciravihāropi natthi sammadeva pariññātavatthukattā. Sabbasahā hi buddhā bhagavanto asayhalābhino.

    ปุเพฺพ ธมฺมครุตากิตฺตนปสเงฺคน คหิตํ อคฺคหิตญฺจ มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทิํ เอกเทเสน ทเสฺสตฺวา วนวาสิติสฺสสามเณรสฺส วตฺถุํ วิตฺถาเรตฺวา ชนปทจาริกํ กเถตุํ ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ อากาสคามีหิ สทฺธิํ คนฺตุกาโม ‘‘ฉฬภิญฺญานํ อาโรเจหี’’ติ อาหฯ สงฺฆกเมฺมน สิชฺฌมานาปิ อุปสมฺปทา สตฺถุ อาณาวเสเนว สิชฺฌนโต ‘‘พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติฯ อปเร ‘‘อปริปุณฺณวีสติวสฺสเสฺสว ตสฺส อุปสมฺปทํ อนุชานโนฺต สตฺถา ‘พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’ติ อโวจา’’ติ วทนฺติฯ อุปสมฺปาเทตฺวาติ ธมฺมเสนาปตินา อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตฺวาฯ

    Pubbe dhammagarutākittanapasaṅgena gahitaṃ aggahitañca mahākassapapaccuggamanādiṃ ekadesena dassetvā vanavāsitissasāmaṇerassa vatthuṃ vitthāretvā janapadacārikaṃ kathetuṃ ‘‘bhagavā hī’’tiādi āraddhaṃ. Ākāsagāmīhi saddhiṃ gantukāmo ‘‘chaḷabhiññānaṃ ārocehī’’ti āha. Saṅghakammena sijjhamānāpi upasampadā satthu āṇāvaseneva sijjhanato ‘‘buddhadāyajjaṃ te dassāmī’’ti vuttanti vadanti. Apare ‘‘aparipuṇṇavīsativassasseva tassa upasampadaṃ anujānanto satthā ‘buddhadāyajjaṃ tedassāmī’ti avocā’’ti vadanti. Upasampādetvāti dhammasenāpatinā upajjhāyena upasampādetvā.

    นวโยชนสติกํ มชฺฌิมเทสปริยาปนฺนเมว, ตโต ปรํ นาธิเปฺปตํ ทนฺธตาวเสน คมนโตฯ สมนฺตาติ คตคตฎฺฐานสฺส จตูสุ ปเสฺสสุฯ อเญฺญนปิ การเณนาติ ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนาตรุณภาวโต อเญฺญนปิ มชฺฌิมมณฺฑเล เวเนยฺยานํ ญาณปริปากาทิการเณน นิกฺขมติ, อโนฺตมณฺฑลํ โอตรติฯ สตฺตหิ วาติอาทิ ‘‘เอกํ มาสํ วา’’ติอาทินา วุตฺตานุกฺกเมน โยเชตพฺพํฯ

    Navayojanasatikaṃ majjhimadesapariyāpannameva, tato paraṃ nādhippetaṃ dandhatāvasena gamanato. Samantāti gatagataṭṭhānassa catūsu passesu. Aññenapi kāraṇenāti bhikkhūnaṃ samathavipassanātaruṇabhāvato aññenapi majjhimamaṇḍale veneyyānaṃ ñāṇaparipākādikāraṇena nikkhamati, antomaṇḍalaṃ otarati. Sattahi vātiādi ‘‘ekaṃ māsaṃ vā’’tiādinā vuttānukkamena yojetabbaṃ.

    สรีรผาสุกตฺถายาติ เอกสฺมิํเยว ฐาเน นิพทฺธวาเสน อุสฺสนฺนธาตุกสฺส สรีรสฺส วิเรจเนน ผาสุภาวตฺถายฯ อฎฺฐุปฺปตฺติกาลาภิกงฺขนตฺถายาติ อคฺคิกฺขนฺธูปมสุตฺต (อ. นิ. ๗.๗๒) มฆเทวชาตกาทิเทสนานํ (ชา. ๑.๑.๙) วิย ธมฺมเทสนาย อฎฺฐุปฺปตฺติกาลสฺส อากงฺขเนนฯ สุราปานสิกฺขาปทปญฺญาปเน (ปาจิ. ๓๒๖) วิย สิกฺขาปทปญฺญาปนตฺถายฯ โพธเนยฺยสเตฺต องฺคุลิมาลาทิเก โพธนตฺถายฯ นิพทฺธวาสญฺจ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส จาริกา นิพทฺธจาริกา

    Sarīraphāsukatthāyāti ekasmiṃyeva ṭhāne nibaddhavāsena ussannadhātukassa sarīrassa virecanena phāsubhāvatthāya. Aṭṭhuppattikālābhikaṅkhanatthāyāti aggikkhandhūpamasutta (a. ni. 7.72) maghadevajātakādidesanānaṃ (jā. 1.1.9) viya dhammadesanāya aṭṭhuppattikālassa ākaṅkhanena. Surāpānasikkhāpadapaññāpane (pāci. 326) viya sikkhāpadapaññāpanatthāya. Bodhaneyyasatte aṅgulimālādike bodhanatthāya. Nibaddhavāsañca puggalaṃ uddissa cārikā nibaddhacārikā.

    ๒๕๕. อปริคฺคหภาวํ กตฺถจิ อลคฺคภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยูถํ ปหาย…เป.… มตฺตหตฺถี วิยา’’ติ วุตฺตํฯ อสหายกิโจฺจติ สหายกิจฺจรหิโต สีโห วิยฯ เตนสฺส เอกวิหาริตํ เตชวนฺตตญฺจ ทเสฺสติฯ ตทา ปน กายวิเวโก น สกฺกา ลทฺธุนฺติ อิทเมตฺถ การณํ ทฎฺฐพฺพํฯ พหูหีติอาทิ ปน สภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํฯ เถรสฺส ปริสา สุวินีตา จิณฺณครุวาสา ครุโน อิจฺฉานุรูปเมว วตฺตติฯ

    255. Apariggahabhāvaṃ katthaci alaggabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘yūthaṃ pahāya…pe… mattahatthī viyā’’ti vuttaṃ. Asahāyakiccoti sahāyakiccarahito sīho viya. Tenassa ekavihāritaṃ tejavantatañca dasseti. Tadā pana kāyaviveko na sakkā laddhunti idamettha kāraṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Bahūhītiādi pana sabhāvadassanavasena vuttaṃ. Therassa parisā suvinītā ciṇṇagaruvāsā garuno icchānurūpameva vattati.

    วุตฺตการณยุเตฺต อทฺธานคมเน จาริกานํ โวหาโร สาสเน นิรุโฬฺหติ อาห ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ เกนจิเทว นิมิเตฺตน กิสฺมิญฺจิ อเตฺถ ปวตฺตาย สญฺญาย ตนฺนิมิตฺตรหิเตปิ อญฺญสฺมิํ ปวตฺติ รุฬฺหี นามฯ วิชิตมารตฺตา สงฺคามวิชยมหาโยโธ วิยฯ อญฺญํ เสวิตฺวาติ ‘‘มม อาคตภาวํ สตฺถุ อาโรเจหี’’ติ อาโรจนตฺถํ อญฺญํ ภิกฺขุํ เสวิตฺวาฯ

    Vuttakāraṇayutte addhānagamane cārikānaṃ vohāro sāsane niruḷhoti āha ‘‘kiñcāpī’’tiādi. Kenacideva nimittena kismiñci atthe pavattāya saññāya tannimittarahitepi aññasmiṃ pavatti ruḷhī nāma. Vijitamārattā saṅgāmavijayamahāyodho viya. Aññaṃ sevitvāti ‘‘mama āgatabhāvaṃ satthu ārocehī’’ti ārocanatthaṃ aññaṃ bhikkhuṃ sevitvā.

    ภควา ธมฺมํ เทเสโนฺต ตํตํปุคฺคลชฺฌาสยานุรูปํ ตทนุจฺฉวิกเมว ธมฺมิํ กถํ กโรตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘จูฬโคสิงฺคสุเตฺต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สามคฺคิรสานิสํสนฺติ ‘‘กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สโมฺมทมานา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๒๖) สามคฺคิรสานิสํสํ กเถสิฯ อาวสถานิสํสนฺติ ‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฎิหนตี’’ติอาทินา (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) อาวสถปฎิสํยุตฺตํ อานิสํสํฯ สติปฎิลาภิกนฺติ โชติปาลเตฺถเร ลามกํ ฐานํ โอติณฺณมเตฺต มหาโพธิปลฺลเงฺก ปน สพฺพญฺญุตํ ปฎิวิชฺฌิตุํ ปตฺถนํ กตฺวา ปารมิโย ปูเรโนฺต อาคโตฯ ตาทิสสฺส นาม ปมาทวิหาโร น ยุโตฺตติ ยถา กสฺสโป ภควา โพธิสตฺตสฺส สติํ ปฎิลภิตุํ ธมฺมิํ กถํ กเถสิ, ตถา อยํ ภควา ตเมว ปุเพฺพนิวาสปฎิสํยุตฺตกถํ ภิกฺขูนํ ฆฎิการสุตฺตํ (ม. นิ. ๒.๒๘๒) กเถสิฯ จตฺตาโร ธมฺมุเทฺทเสติ – ‘‘อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร, อสฺสโก โลโก สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโส จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) อิเม จตฺตาโร ธมฺมุเทฺทเส กเถสิฯ กามเญฺจเต ธมฺมุเทฺทสา รฎฺฐปาลสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๓๐๔) อายสฺมตา รฎฺฐปาลเตฺถเรน รโญฺญ โกรพฺยสฺส กถิตา, เต ปน ภควโต เอว อาหริตฺวา เถเรน ตตฺถ กถิตาติ วุตฺตํ ‘‘รฎฺฐปาลสุเตฺต’’ติอาทิฯ ตถา หิ วุตฺตํ สุเตฺต – ‘‘อตฺถิ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน จตฺตาโร ธมฺมุเทฺทสา อุทฺทิฎฺฐา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) ปานกานิสํสกถนฺติ ‘‘อคฺคิหุตฺตํ มุขํ ยญฺญา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๔๐๐; สุ. นิ. ๕๗๓) อนุโมทนํ วตฺวา ปุน ปกิณฺณกกถาวเสน ปานกปฎิสํยุตฺตํ อานิสํสกถํ กเถสิฯ เอกีภาเว อานิสํสํ กเถสิ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ภคุํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๓๘)ฯ อนนฺตนยนฺติ อปริมาณเทสนานยํ อปฺปิจฺฉตาทิปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมิํ กถํฯ เตนาห ‘‘ปุณฺณ, อยมฺปิ อปฺปิจฺฉกถาเยวา’’ติอาทิ พหูหิ ปริยาเยหิ นานานยํ เทเสติฯ กถํ ตถา เทสิตํ เถโร อญฺญาสีติ อาห ‘‘ปฎิสมฺภิทาปตฺตสฺส…เป.… อโหสี’’ติฯ

    Bhagavā dhammaṃ desento taṃtaṃpuggalajjhāsayānurūpaṃ tadanucchavikameva dhammiṃ kathaṃ karotīti dassento ‘‘cūḷagosiṅgasutte’’tiādimāha. Tattha sāmaggirasānisaṃsanti ‘‘kacci pana vo, anuruddhā, samaggā sammodamānā’’tiādinā (ma. ni. 1.326) sāmaggirasānisaṃsaṃ kathesi. Āvasathānisaṃsanti ‘‘sītaṃ uṇhaṃ paṭihanatī’’tiādinā (cūḷava. 295, 315) āvasathapaṭisaṃyuttaṃ ānisaṃsaṃ. Satipaṭilābhikanti jotipālatthere lāmakaṃ ṭhānaṃ otiṇṇamatte mahābodhipallaṅke pana sabbaññutaṃ paṭivijjhituṃ patthanaṃ katvā pāramiyo pūrento āgato. Tādisassa nāma pamādavihāro na yuttoti yathā kassapo bhagavā bodhisattassa satiṃ paṭilabhituṃ dhammiṃ kathaṃ kathesi, tathā ayaṃ bhagavā tameva pubbenivāsapaṭisaṃyuttakathaṃ bhikkhūnaṃ ghaṭikārasuttaṃ (ma. ni. 2.282) kathesi. Cattāro dhammuddeseti – ‘‘upanīyati loko addhuvo, atāṇo loko anabhissaro, assako loko sabbaṃ pahāya gamanīyaṃ, ūno loko atitto taṇhādāso cā’’ti (ma. ni. 2.305) ime cattāro dhammuddese kathesi. Kāmañcete dhammuddesā raṭṭhapālasutte (ma. ni. 2.304) āyasmatā raṭṭhapālattherena rañño korabyassa kathitā, te pana bhagavato eva āharitvā therena tattha kathitāti vuttaṃ ‘‘raṭṭhapālasutte’’tiādi. Tathā hi vuttaṃ sutte – ‘‘atthi kho, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena cattāro dhammuddesā uddiṭṭhā’’tiādi (ma. ni. 2.305) pānakānisaṃsakathanti ‘‘aggihuttaṃ mukhaṃ yaññā’’tiādinā (ma. ni. 2.400; su. ni. 573) anumodanaṃ vatvā puna pakiṇṇakakathāvasena pānakapaṭisaṃyuttaṃ ānisaṃsakathaṃ kathesi. Ekībhāve ānisaṃsaṃ kathesi, yaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘atha kho bhagavā āyasmantaṃ bhaguṃ dhammiyā kathāya sandassesī’’tiādi (ma. ni. 3.238). Anantanayanti aparimāṇadesanānayaṃ appicchatādipaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ. Tenāha ‘‘puṇṇa, ayampi appicchakathāyevā’’tiādi bahūhi pariyāyehi nānānayaṃ deseti. Kathaṃ tathā desitaṃ thero aññāsīti āha ‘‘paṭisambhidāpattassa…pe… ahosī’’ti.

    จาริกาทิวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cārikādivaṇṇanā niṭṭhitā.

    สตฺตวิสุทฺธิปญฺหวณฺณนา

    Sattavisuddhipañhavaṇṇanā

    ๒๕๖. ตโต ปฎฺฐายาติฯ ยทา ชาติภูมกา ภิกฺขู สตฺถุ สมฺมุขา เถรสฺส วณฺณํ ภาสิํสุ, ตโต ปฎฺฐายฯ สีสานุโลกี หุตฺวา ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธนํ เถเรน สมาคเม อาทรวเสน กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ตถา หิ วุตฺตํ ปาเฐ ‘‘อเปฺปว นามา’’ติอาทิ, ‘‘ตรมานรูโป’’ติ จฯ ยํ ปน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘เอกสฺมิํ ฐาเน นิลีน’’นฺติอาทิ, ตํ อการณํฯ น หิ ธมฺมเสนาปติ ตสฺส เถรสฺส นิสินฺนฎฺฐานํ อภิญฺญาญาเณน ชานิตุํ น สโกฺกติฯ ‘‘กจฺจิ นุ โข มํ อทิสฺวาว คมิสฺสตี’’ติ อยมฺปิ จินฺตา อาทรวเสเนวาติ ยุตฺตํฯ น หิ สตฺถารํ ทฎฺฐุํ อาคโต สาวโก อปิ อายสฺมา อญฺญาตโกณฺฑโญฺญ สตฺถุกปฺปํ ธมฺมเสนาปติํ ตตฺถ วสนฺตํ อทิสฺวาว คจฺฉนโก นาม อตฺถิฯ ทิวาวิหารนฺติ สมฺปทาเน อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ทิวาวิหารตฺถายา’’ติฯ

    256.Tatopaṭṭhāyāti. Yadā jātibhūmakā bhikkhū satthu sammukhā therassa vaṇṇaṃ bhāsiṃsu, tato paṭṭhāya. Sīsānulokī hutvā piṭṭhito piṭṭhito anubandhanaṃ therena samāgame ādaravasena katanti daṭṭhabbaṃ. Tathā hi vuttaṃ pāṭhe ‘‘appeva nāmā’’tiādi, ‘‘taramānarūpo’’ti ca. Yaṃ pana vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘ekasmiṃ ṭhāne nilīna’’ntiādi, taṃ akāraṇaṃ. Na hi dhammasenāpati tassa therassa nisinnaṭṭhānaṃ abhiññāñāṇena jānituṃ na sakkoti. ‘‘Kacci nu kho maṃ adisvāva gamissatī’’ti ayampi cintā ādaravasenevāti yuttaṃ. Na hi satthāraṃ daṭṭhuṃ āgato sāvako api āyasmā aññātakoṇḍañño satthukappaṃ dhammasenāpatiṃ tattha vasantaṃ adisvāva gacchanako nāma atthi. Divāvihāranti sampadāne upayogavacananti āha ‘‘divāvihāratthāyā’’ti.

    ๒๕๗. ปุริมกถายาติ ปฐมาลาเปฯ อปฺปติฎฺฐิตายาติ นปฺปวตฺติตายฯ ปจฺฉิมกถา น ชายตีติ ปจฺฉา วตฺตพฺพกถาย อวสโร น โหติฯ สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉิ ทิฎฺฐสํสนฺทนวเสนฯ ญาณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม อริยมโคฺคฯ ยสฺมา ตโต อุตฺตริมฺปิ ปตฺตพฺพํ อเตฺถว, ตสฺมา ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลาทีสุ ฐิตสฺสปิ พฺรหฺมจริยวาโส มตฺถกํ น ปาปุณาตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมาติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส มตฺถกํ อปฺปตฺตตฺตาฯ สพฺพํ ปฎิกฺขิปีติ สตฺตมมฺปิ ปญฺหํ ปฎิกฺขิปิ, อิตเรสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ

    257.Purimakathāyāti paṭhamālāpe. Appatiṭṭhitāyāti nappavattitāya. Pacchimakathā na jāyatīti pacchā vattabbakathāya avasaro na hoti. Satta visuddhiyo pucchi diṭṭhasaṃsandanavasena. Ñāṇadassanavisuddhi nāma ariyamaggo. Yasmā tato uttarimpi pattabbaṃ attheva, tasmā ‘‘catupārisuddhisīlādīsu ṭhitassapi brahmacariyavāso matthakaṃ na pāpuṇātī’’ti vuttaṃ. Tasmāti brahmacariyavāsassa matthakaṃ appattattā. Sabbaṃ paṭikkhipīti sattamampi pañhaṃ paṭikkhipi, itaresu vattabbameva natthi.

    อปฺปจฺจยปรินิพฺพานนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานมาหฯ อิทานิ ปการนฺตเรนปิ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ทเสฺสตุํ ‘‘เทฺวธา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ คหณูปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณภูตํ อุปาทานํ ฯ เตนาห ‘‘กามุปาทานาทิก’’นฺติฯ ปจฺจยูปาทานนฺติ ยํ กิญฺจิ ปจฺจยมาหฯ โส หิ อตฺตโน ผลํ อุปาทิยติ อุปาทานวเสน คณฺหตีติ อุปาทานนฺติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘ปจฺจยูปาทานํ นาม…เป.… ปจฺจยา’’ติฯ ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ วจนโต (มหาว. ๒๘, ๓๐) อรหตฺตผลํ อนุปาทาปรินิพฺพานนฺติ กเถนฺติฯ น จ อุปาทานสมฺปยุตฺตนฺติ อุปาทาเนหิ เอตํ น สหิตํ นาปิ อุปาทาเนหิ สห ปวตฺติ หุตฺวาฯ น จ กญฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยตีติ กสฺสจิ ธมฺมสฺส อารมฺมณกรณวเสน น อุปาทิยติ ฯ ปรินิพฺพุตเนฺตติ อคฺคมเคฺคน กาตพฺพกิเลสปรินิพฺพานปริโยสานเนฺต ชาตตฺตาฯ อมตธาตุเมว อนุปาทาปรินิพฺพานํ กเถนฺติ, กเถนฺตานญฺจ ยถา ตสฺส โกจิ ปจฺจโย นาม นตฺถิ, เอวํ อธิคโตปิ ยถา โกจิ ปจฺจโย นาม น โหติ, ตถา ปรินิพฺพานํ อปจฺจยปรินิพฺพานนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อยํ อโนฺต’’ติอาทิมาหฯ ปุน ปุจฺฉํ อารภิ อนุปาทาปรินิพฺพานํ สรูปโต ปติฎฺฐาเปตุกาโมฯ

    Appaccayaparinibbānanti anupādisesanibbānamāha. Idāni pakārantarenapi anupādāparinibbānaṃ dassetuṃ ‘‘dvedhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha gahaṇūpādānanti daḷhaggahaṇabhūtaṃ upādānaṃ . Tenāha ‘‘kāmupādānādika’’nti. Paccayūpādānanti yaṃ kiñci paccayamāha. So hi attano phalaṃ upādiyati upādānavasena gaṇhatīti upādānanti vuccati. Tenāha ‘‘paccayūpādānaṃ nāma…pe… paccayā’’ti. ‘‘Anupādāya āsavehi cittaṃ vimuccatī’’ti vacanato (mahāva. 28, 30) arahattaphalaṃ anupādāparinibbānanti kathenti. Na ca upādānasampayuttanti upādānehi etaṃ na sahitaṃ nāpi upādānehi saha pavatti hutvā. Na ca kañci dhammaṃ upādiyatīti kassaci dhammassa ārammaṇakaraṇavasena na upādiyati . Parinibbutanteti aggamaggena kātabbakilesaparinibbānapariyosānante jātattā. Amatadhātumeva anupādāparinibbānaṃ kathenti, kathentānañca yathā tassa koci paccayo nāma natthi, evaṃ adhigatopi yathā koci paccayo nāma na hoti, tathā parinibbānaṃ apaccayaparinibbānanti dassento ‘‘ayaṃ anto’’tiādimāha. Puna pucchaṃ ārabhi anupādāparinibbānaṃ sarūpato patiṭṭhāpetukāmo.

    ๒๕๘. สพฺพปริวเตฺตสูติ สเพฺพสุ ปญฺหปริวตฺตเนสุ, ปญฺหวาเรสูติ อโตฺถฯ สคหณธมฺมเมวาติ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา คณฺหตีติ คหณํ, สห คหเณนาติ สคหณํ, อุปาทานิยนฺติ อโตฺถฯ วิวฎฺฎสนฺนิสฺสิตสฺส อภาวโต วฎฺฎเมว อนุคโตติ วฎฺฎานุคโตฯ เตนาห ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺตสฺสปิ อภาวโต’’ติฯ โย ปน จตุพฺพิเธ วิวฎฺฎูปนิสฺสเย สีเล ฐิโต, โสปิ ‘‘อญฺญตฺร อิเมหิ ธเมฺมหี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ

    258.Sabbaparivattesūti sabbesu pañhaparivattanesu, pañhavāresūti attho. Sagahaṇadhammamevāti ‘‘etaṃ mamā’’tiādinā gaṇhatīti gahaṇaṃ, saha gahaṇenāti sagahaṇaṃ, upādāniyanti attho. Vivaṭṭasannissitassa abhāvato vaṭṭameva anugatoti vaṭṭānugato. Tenāha ‘‘catupārisuddhisīlamattassapi abhāvato’’ti. Yo pana catubbidhe vivaṭṭūpanissaye sīle ṭhito, sopi ‘‘aññatra imehi dhammehī’’ti vattabbataṃ arahati.

    สตฺตวิสุทฺธิปญฺหวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sattavisuddhipañhavaṇṇanā niṭṭhitā.

    สตฺตรถวินีตวณฺณนา

    Sattarathavinītavaṇṇanā

    ๒๕๙. นิสฺสกฺกวจนเมตํ ‘‘ยาว เหฎฺฐิมโสปานกเฬวรา’’ติอาทีสุ วิยฯ อโตฺถติ ปโยชนํฯ จิตฺตวิสุทฺธิ เหตฺถ สีลวิสุทฺธิํ ปโยเชติ ตสฺส ตทตฺถตฺตาฯ สีลวิสุทฺธิกิจฺจํ กตํ นาม โหติ สมาธิสํวตฺตนโตฯ สมาธิสํวตฺตนิกา หิ สีลวิสุทฺธิ นามฯ สพฺพปเทสูติ ‘‘จิตฺตวิสุทฺธิ ยาวเทว ทิฎฺฐิวิสุทฺธตฺถา’’ติอาทีสุ สพฺพปเทสุ, ทิฎฺฐิวิสุทฺธิยํ ฐิตสฺส จิตฺตวิสุทฺธกิจฺจํ กตํ นาม โหตีติอาทินา โยเชตพฺพํฯ

    259.Nissakkavacanametaṃ ‘‘yāva heṭṭhimasopānakaḷevarā’’tiādīsu viya. Atthoti payojanaṃ. Cittavisuddhi hettha sīlavisuddhiṃ payojeti tassa tadatthattā. Sīlavisuddhikiccaṃ kataṃ nāma hoti samādhisaṃvattanato. Samādhisaṃvattanikā hi sīlavisuddhi nāma. Sabbapadesūti ‘‘cittavisuddhi yāvadeva diṭṭhivisuddhatthā’’tiādīsu sabbapadesu, diṭṭhivisuddhiyaṃ ṭhitassa cittavisuddhakiccaṃ kataṃ nāma hotītiādinā yojetabbaṃ.

    สาวตฺถินครํ วิย สกฺกายนครํ อติกฺกมิตพฺพตฺตาฯ สาเกตนครํ วิย นิพฺพานนครํ ปาปุณิตพฺพตฺตา ฯ อจฺจายิกสฺส กิจฺจสฺส อุปฺปาทกาโล วิย นวเมเนว ขเณน ปตฺตพฺพสฺส อภิสมยกิจฺจสฺส อุปาทกาโลฯ ยถา รโญฺญ สตฺตเมน รถวินีเตน สาเกเต อเนฺตปุรทฺวาเร โอรุฬฺหสฺส น ตาว กิจฺจํ นิฎฺฐิตํ นาม โหติ, สํวิธาตพฺพสํวิธานํ ญาติมิตฺตคณปริวุตสฺส สุรสโภชนปริโภเค นิฎฺฐิตํ นาม สิยา, เอวเมตํ ญาณทสฺสนวิสุทฺธิยา กิเลเส เขเปตฺวา เตสํเยว ปฎิปฺปสฺสทฺธิปหานสาธกอริยผลสมงฺคิกาเล อภิสมยกิจฺจํ นิฎฺฐิตํ นาม โหติฯ เตนาห ‘‘โยคิโน…เป.… กาโล ทฎฺฐโพฺพ’’ติฯ ตตฺถ ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา นาม จิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนา ผสฺสาทโย ปโรปณฺณาส อนวชฺชธมฺมาฯ นิโรธสยเนติ นิพฺพานสยเนฯ

    Sāvatthinagaraṃ viya sakkāyanagaraṃ atikkamitabbattā. Sāketanagaraṃ viya nibbānanagaraṃ pāpuṇitabbattā . Accāyikassa kiccassa uppādakālo viya navameneva khaṇena pattabbassa abhisamayakiccassa upādakālo. Yathā rañño sattamena rathavinītena sākete antepuradvāre oruḷhassa na tāva kiccaṃ niṭṭhitaṃ nāma hoti, saṃvidhātabbasaṃvidhānaṃ ñātimittagaṇaparivutassa surasabhojanaparibhoge niṭṭhitaṃ nāma siyā, evametaṃ ñāṇadassanavisuddhiyā kilese khepetvā tesaṃyeva paṭippassaddhipahānasādhakaariyaphalasamaṅgikāle abhisamayakiccaṃ niṭṭhitaṃ nāma hoti. Tenāha ‘‘yogino…pe… kālo daṭṭhabbo’’ti. Tattha paropaṇṇāsa kusaladhammā nāma cittuppādapariyāpannā phassādayo paropaṇṇāsa anavajjadhammā. Nirodhasayaneti nibbānasayane.

    ‘‘วิสุทฺธิโย’’ติ วา ‘‘กถาวตฺถูนี’’ติ วา อตฺถโต เอกํ, พฺยญฺชนเมว นานนฺติ เตสํ อตฺถโต อนญฺญภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อิตี’’ติ อารทฺธํฯ อายสฺมา ปุโณฺณ ทส กถาวตฺถูนิ วิสฺสเชฺชสีติ สตฺต วิสุทฺธิโย นาม วิสฺสชฺชโนฺตปิ ทส กถาวตฺถูนิ วิสฺสเชฺชสิ เตสํ อตฺถโต อนญฺญตฺตาฯ เอเตเนว ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตเตฺถโร สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉโนฺต ทส กถาวตฺถูนิ ปุจฺฉีติ อยมฺปิ อโตฺถ วุโตฺตวาติ เวทิตโพฺพฯ นฺติ ปญฺหํฯ กิํ ชานิตฺวา ปุจฺฉีติ วิสุทฺธิปริยาเยน กถาวตฺถูนิ ปุจฺฉามีติ กิํ ชานิตฺวา ปุจฺฉิฯ ทสกถาวตฺถุลาภินํ เถรํ วิสุทฺธิโย ปุจฺฉโนฺต ปุจฺฉิตฎฺฐาเนเยว ปุจฺฉเนน กิํ ติตฺถกุสโล วา ปน หุตฺวา วิสยสฺมิํ ปุจฺฉิ, อุทาหุ ปานียตฺถิกมติเตฺถหิ ฉินฺนตเฎหิ ปาเตโนฺต วิย อติตฺถกุสโล หุตฺวา อปุจฺฉิตพฺพฎฺฐาเน อวิสยสฺมิํ ปุจฺฉีติ โยชนาฯ อิมินา นเยน วิสฺสชฺชนปเกฺขปิ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพาฯ ยทตฺถมสฺส วิจารณา อารทฺธา, ตํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘ติตฺถกุสโล หุตฺวา’’ติอาทิํ วตฺวา วิสุทฺธิกถาวตฺถูนํ อตฺถโต อนญฺญเตฺตปิ อยํ วิเสโส เวทิตโพฺพติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตทมินาติ ยํ ‘‘สํขิตฺตํ, วิตฺถิณฺณ’’นฺติ จ วุตฺตํ, ตํ อิมินา อิทานิ วุจฺจมาเนน นเยน วิธินา เวทิตพฺพํฯ

    ‘‘Visuddhiyo’’ti vā ‘‘kathāvatthūnī’’ti vā atthato ekaṃ, byañjanameva nānanti tesaṃ atthato anaññabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘itī’’ti āraddhaṃ. Āyasmā puṇṇo dasa kathāvatthūni vissajjesīti satta visuddhiyo nāma vissajjantopi dasa kathāvatthūni vissajjesi tesaṃ atthato anaññattā. Eteneva dhammasenāpati sāriputtatthero satta visuddhiyo pucchanto dasa kathāvatthūni pucchīti ayampi attho vuttovāti veditabbo. Nti pañhaṃ. Kiṃ jānitvā pucchīti visuddhipariyāyena kathāvatthūni pucchāmīti kiṃ jānitvā pucchi. Dasakathāvatthulābhinaṃ theraṃ visuddhiyo pucchanto pucchitaṭṭhāneyeva pucchanena kiṃ titthakusalo vā pana hutvā visayasmiṃ pucchi, udāhu pānīyatthikamatitthehi chinnataṭehi pātento viya atitthakusalo hutvā apucchitabbaṭṭhāne avisayasmiṃ pucchīti yojanā. Iminā nayena vissajjanapakkhepi atthayojanā veditabbā. Yadatthamassa vicāraṇā āraddhā, taṃ dassentena ‘‘titthakusalo hutvā’’tiādiṃ vatvā visuddhikathāvatthūnaṃ atthato anaññattepi ayaṃ viseso veditabboti dassetuṃ ‘‘yaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Tadamināti yaṃ ‘‘saṃkhittaṃ, vitthiṇṇa’’nti ca vuttaṃ, taṃ iminā idāni vuccamānena nayena vidhinā veditabbaṃ.

    เอกา สีลวิสุทฺธีติ วิสุทฺธีสุ วิสุํ เอกา สีลวิสุทฺธิฯ ทสสุ กถาวตฺถูสุ จตฺตาริ กถาวตฺถูนิ หุตฺวา อาคตา อปฺปิจฺฉตาทีหิ วินา สีลวิสุทฺธิยา อสมฺภวโตฯ อปฺปิจฺฉกถาติอาทีสุ กถาสีเสน ทสกถาวตฺถุ คหิตํฯ กเถตพฺพตฺตา วา วตฺถุ กถาวตฺถูติ วุตฺตํฯ เอวญฺจ อุปการโต, สภาวโต วา จตุนฺนํ กถาวตฺถูนํ สีลวิสุทฺธิสงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ติณฺณํ กถาวตฺถูนํ จิตฺตวิสุทฺธิสงฺคเหปิ เอเสว นโยฯ ปญฺจ วิสุทฺธิโยติ นามรูปปริเจฺฉโท ทิฎฺฐิวิสุทฺธิ, สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ, วิปสฺสนุปกฺกิเลเส ปหาย อุปฺปนฺนํ วิปสฺสนาญาณํ มคฺคามคฺคญาณทสฺสนวิสุทฺธิ, อุทยพฺพยญาณาทิ นววิธญาณํ ปฎิปทาญาณทสฺสนวิสุทฺธิ, อริยมคฺคญาณํ ญาณทสฺสนวิสุทฺธีติ อิมา ปญฺจ วิสุทฺธิโยฯ

    Ekā sīlavisuddhīti visuddhīsu visuṃ ekā sīlavisuddhi. Dasasu kathāvatthūsu cattāri kathāvatthūni hutvā āgatā appicchatādīhi vinā sīlavisuddhiyā asambhavato. Appicchakathātiādīsu kathāsīsena dasakathāvatthu gahitaṃ. Kathetabbattā vā vatthu kathāvatthūti vuttaṃ. Evañca upakārato, sabhāvato vā catunnaṃ kathāvatthūnaṃ sīlavisuddhisaṅgaho daṭṭhabbo. Tiṇṇaṃ kathāvatthūnaṃ cittavisuddhisaṅgahepi eseva nayo. Pañca visuddhiyoti nāmarūpaparicchedo diṭṭhivisuddhi, sappaccayanāmarūpadassanaṃ kaṅkhāvitaraṇavisuddhi, vipassanupakkilese pahāya uppannaṃ vipassanāñāṇaṃ maggāmaggañāṇadassanavisuddhi, udayabbayañāṇādi navavidhañāṇaṃ paṭipadāñāṇadassanavisuddhi, ariyamaggañāṇaṃ ñāṇadassanavisuddhīti imā pañca visuddhiyo.

    สตฺตรถวินีตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sattarathavinītavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒๖๐. สโมฺมทิตุนฺติ อนนฺตรํ วุจฺจมาเนน สโมฺมทิตุํฯ อฎฺฐานปริกเปฺปนาติ อการณสฺส วตฺถุโน ปริกปฺปเนน ตทา อสมฺภวนฺตํ อตฺถํ ปริกเปฺปตฺวา วจเนนฯ อภิณฺหทสฺสนสฺสาติ นิจฺจทสฺสนสฺส, นิยตทสฺสนสฺสาติ อโตฺถฯ

    260.Sammoditunti anantaraṃ vuccamānena sammodituṃ. Aṭṭhānaparikappenāti akāraṇassa vatthuno parikappanena tadā asambhavantaṃ atthaṃ parikappetvā vacanena. Abhiṇhadassanassāti niccadassanassa, niyatadassanassāti attho.

    อุกฺขิปีติ คุณโต กถิตภาเวน อุกฺกํเสติฯ เถรสฺสาติ อายสฺมโต ปุณฺณเตฺถรสฺสฯ อิมสฺมิํ ฐาเน อิมสฺมิํ การเณ เอกปเทเนว สาวกวิสเย อนญฺญสาธารณคุณาวิกรณนิมิตฺตํฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ ‘‘อมจฺจญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อปจายมาโนติ ปูชยโนฺตฯ

    Ukkhipīti guṇato kathitabhāvena ukkaṃseti. Therassāti āyasmato puṇṇattherassa. Imasmiṃ ṭhāne imasmiṃ kāraṇe ekapadeneva sāvakavisaye anaññasādhāraṇaguṇāvikaraṇanimittaṃ. Idāni tamevatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ ‘‘amaccañhī’’tiādi vuttaṃ. Apacāyamānoti pūjayanto.

    ‘‘อนุมสฺส อนุมสฺส ปุจฺฉิตา’’ติ วุตฺตตฺตา วิจารณวเสนาห ‘‘กิํ ปน ปญฺหสฺส ปุจฺฉนํ ภาริยํ อุทาหุ วิสฺสชฺชน’’นฺติฯ สเหตุกํ กตฺวาติ ยุตฺตายุตฺตํ กตฺวาฯ สการณนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปุจฺฉนมฺปีติ เอวํ สหธเมฺมน ปุจฺฉิตพฺพมตฺถํ สยํ สมฺปาเทตฺวา ปุจฺฉนมฺปิ ภาริยํ ทุกฺกรํฯ วิสฺสชฺชนมฺปีติ สหธเมฺมน วิสฺสชฺชนมฺปิ ทุกฺกรํฯ เอวญฺหิ วิสฺสเชฺชโนฺต วิญฺญูนํ จิตฺตํ อาราเธตีติฯ ยถานุสนฺธินาว เทสนา นิฎฺฐิตาอาทิโต สปริกฺขารํ สีลํ, มเชฺฌ สมาธิํ, อเนฺต วสีภาวปฺปตฺตํ ปญฺญํ ทเสฺสตฺวา เทสนาย นิฎฺฐาปิตตฺตาติฯ

    ‘‘Anumassa anumassa pucchitā’’ti vuttattā vicāraṇavasenāha ‘‘kiṃ pana pañhassa pucchanaṃ bhāriyaṃ udāhu vissajjana’’nti. Sahetukaṃ katvāti yuttāyuttaṃ katvā. Sakāraṇanti tasseva vevacanaṃ. Pucchanampīti evaṃ sahadhammena pucchitabbamatthaṃ sayaṃ sampādetvā pucchanampi bhāriyaṃ dukkaraṃ. Vissajjanampīti sahadhammena vissajjanampi dukkaraṃ. Evañhi vissajjento viññūnaṃ cittaṃ ārādhetīti. Yathānusandhināva desanā niṭṭhitāādito saparikkhāraṃ sīlaṃ, majjhe samādhiṃ, ante vasībhāvappattaṃ paññaṃ dassetvā desanāya niṭṭhāpitattāti.

    รถวินีตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Rathavinītasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๔. รถวินีตสุตฺตํ • 4. Rathavinītasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. รถวินีตสุตฺตวณฺณนา • 4. Rathavinītasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact