Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
๒. รตฺตนฺธการวโคฺค
2. Rattandhakāravaggo
๑. รตฺตนฺธการสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Rattandhakārasikkhāpadavaṇṇanā
อนฺธการวคฺคสฺส ปฐเม รตฺตนฺธกาเรติ รตฺติอนฺธกาเรฯ อปฺปทีเปติ ปโชฺชตจนฺทสูริยอคฺคีสุ เอเกเกนาปิ อโนภาสิเตฯ ปุริเสนาติ สนฺติฎฺฐิตุํ สลฺลปิตุญฺจ วิญฺญุนา มนุสฺสปุริเสน สทฺธิํฯ สนฺติเฎฺฐยฺย วาติ หตฺถปาเส ฐิตมตฺตาย ปาจิตฺติยํฯ สลฺลเปยฺยาติ ตตฺถ ฐตฺวา เคหสิตกถํ กเถนฺติยาปิ ปาจิตฺติยเมวฯ
Andhakāravaggassa paṭhame rattandhakāreti rattiandhakāre. Appadīpeti pajjotacandasūriyaaggīsu ekekenāpi anobhāsite. Purisenāti santiṭṭhituṃ sallapituñca viññunā manussapurisena saddhiṃ. Santiṭṭheyya vāti hatthapāse ṭhitamattāya pācittiyaṃ. Sallapeyyāti tattha ṭhatvā gehasitakathaṃ kathentiyāpi pācittiyameva.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุนิํ อารพฺภ เอวํ สนฺติฎฺฐนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ปุริสสฺส หตฺถปาสํ วิชหิตฺวา, ยกฺขาทีนํ หตฺถปาสํ อวิชหิตฺวาปิ สนฺติฎฺฐนฺติยา, สลฺลเปนฺติยา วา ทุกฺกฎํ, ยํกิญฺจิ วิญฺญุํ ทุติยํ คเหตฺวา เอวํ กโรนฺติยา, อรโหเปกฺขาย, อญฺญวิหิตาย, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ รตฺตนฺธการตา, ปุริสสฺส หตฺถปาเส ฐานํ วา สลฺลปนํ วา, สหายาภาโว, รโหเปกฺขตาติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ เถยฺยสตฺถสมุฎฺฐานํ, กิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, โลกวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, อกุสลจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuniṃ ārabbha evaṃ santiṭṭhanavatthusmiṃ paññattaṃ, purisassa hatthapāsaṃ vijahitvā, yakkhādīnaṃ hatthapāsaṃ avijahitvāpi santiṭṭhantiyā, sallapentiyā vā dukkaṭaṃ, yaṃkiñci viññuṃ dutiyaṃ gahetvā evaṃ karontiyā, arahopekkhāya, aññavihitāya, ummattikādīnañca anāpatti. Rattandhakāratā, purisassa hatthapāse ṭhānaṃ vā sallapanaṃ vā, sahāyābhāvo, rahopekkhatāti imānettha cattāri aṅgāni. Theyyasatthasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, lokavajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, akusalacittaṃ, tivedananti.
รตฺตนฺธการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rattandhakārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. ปฎิจฺฉโนฺนกาสสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Paṭicchannokāsasikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย ปฎิจฺฉเนฺน โอกาเสติ กุฎฺฎาทีสุ เยน เกนจิ ปฎิจฺฉเนฺน, อิทเมเวตฺถ นานตฺตํฯ
Dutiye paṭicchanne okāseti kuṭṭādīsu yena kenaci paṭicchanne, idamevettha nānattaṃ.
ปฎิจฺฉโนฺนกาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭicchannokāsasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. อโชฺฌกาสสลฺลปนสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Ajjhokāsasallapanasikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย อโชฺฌกาเสติ นานํ, เสสํ อุภยตฺถาปิ ปฐมสทิสเมวาติฯ
Tatiye ajjhokāseti nānaṃ, sesaṃ ubhayatthāpi paṭhamasadisamevāti.
อโชฺฌกาสสลฺลปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ajjhokāsasallapanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. ทุติยิกอุโยฺยชนสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Dutiyikauyyojanasikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ รถิกายาติ รจฺฉายํฯ พฺยูเหติ อนิวิทฺธรจฺฉายํ ฯ สิงฺฆาฎเกติ จจฺจเรฯ นิกณฺณิกํ วา ชเปฺปยฺยาติ กณฺณมูเล กิญฺจิ ชเปฺปยฺยฯ อุโยฺยเชยฺยาติ อนาจารํ จริตุกามตาย ‘‘คจฺฉ ตฺว’’นฺติ ทุติยิกํ อุโยฺยเชยฺยฯ ปาจิตฺติยนฺติ ปุริมนเยเนว ตาว สนฺติฎฺฐนาทีสุ ตีณิ ปาจิตฺติยานิ, อุโยฺยเชนฺติยา ปน อุโยฺยชเน จ หตฺถปาสวิชหเน จ ทุกฺกฎํ, วิชหิเต ปาจิตฺติยํฯ
Catutthe rathikāyāti racchāyaṃ. Byūheti anividdharacchāyaṃ . Siṅghāṭaketi caccare. Nikaṇṇikaṃ vā jappeyyāti kaṇṇamūle kiñci jappeyya. Uyyojeyyāti anācāraṃ caritukāmatāya ‘‘gaccha tva’’nti dutiyikaṃ uyyojeyya. Pācittiyanti purimanayeneva tāva santiṭṭhanādīsu tīṇi pācittiyāni, uyyojentiyā pana uyyojane ca hatthapāsavijahane ca dukkaṭaṃ, vijahite pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ เอวํ สนฺติฎฺฐนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เสสํ ปุริมตฺตยสทิสเมวฯ อนาปตฺติยํ ปน ‘‘น อนาจารํ อาจริตุกามา, สติ กรณีเย ทุติยิกํ ภิกฺขุนิํ อุโยฺยเชตี’’ติ (ปาจิ. ๘๕๒) เอตฺตกํ อธิกนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha evaṃ santiṭṭhanavatthusmiṃ paññattaṃ, sesaṃ purimattayasadisameva. Anāpattiyaṃ pana ‘‘na anācāraṃ ācaritukāmā, sati karaṇīye dutiyikaṃ bhikkhuniṃ uyyojetī’’ti (pāci. 852) ettakaṃ adhikanti.
ทุติยิกอุโยฺยชนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyikauyyojanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. อนาปุจฺฉาปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Anāpucchāpakkamanasikkhāpadavaṇṇanā
ปญฺจเม ปุเรภตฺตนฺติ อรุณุคฺคมนํ อุปาทาย ยาว มชฺฌนฺหิกํฯ อาสเนติ ปลฺลงฺกโสฺสกาสภูเตฯ สามิเก อนาปุจฺฉาติ ตสฺมิํ กุเล ยํกิญฺจิ วิญฺญุํ มนุสฺสํ อนาปุจฺฉาฯ ปกฺกเมยฺยาติ เอตฺถ ฉนฺนสฺส อโนฺต นิสีทิตฺวา อโนวสฺสกํ อโชฺฌกาเส อุปจารํ อติกฺกาเมนฺติยา ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติเย ปาจิตฺติยํฯ
Pañcame purebhattanti aruṇuggamanaṃ upādāya yāva majjhanhikaṃ. Āsaneti pallaṅkassokāsabhūte. Sāmike anāpucchāti tasmiṃ kule yaṃkiñci viññuṃ manussaṃ anāpucchā. Pakkameyyāti ettha channassa anto nisīditvā anovassakaṃ ajjhokāse upacāraṃ atikkāmentiyā paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiye pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุนิํ อารพฺภ อนาปุจฺฉา ปกฺกมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ติกปาจิตฺติยํ, ปลฺลงฺกสฺส อโนกาเส ทุกฺกฎํ, ตถา อาปุจฺฉิเต อนาปุจฺฉิตสญฺญาย เจว เวมติกาย จฯ อาปุจฺฉิตสญฺญาย ปน, อสํหาริเม, คิลานาย, อาปทาสุ, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปุเรภตฺตตา, อนฺตรฆเร นิสชฺชา, อาสนสฺส ปลฺลโงฺกกาสตา, อญฺญตฺร อนุญฺญาตการณา อนาปุจฺฉนํ, วุตฺตปริเจฺฉทาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ปญฺจ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuniṃ ārabbha anāpucchā pakkamanavatthusmiṃ paññattaṃ, tikapācittiyaṃ, pallaṅkassa anokāse dukkaṭaṃ, tathā āpucchite anāpucchitasaññāya ceva vematikāya ca. Āpucchitasaññāya pana, asaṃhārime, gilānāya, āpadāsu, ummattikādīnañca anāpatti. Purebhattatā, antaraghare nisajjā, āsanassa pallaṅkokāsatā, aññatra anuññātakāraṇā anāpucchanaṃ, vuttaparicchedātikkamoti imānettha pañca aṅgāni. Samuṭṭhānādīni kathinasadisāni, idaṃ pana kiriyākiriyanti.
อนาปุจฺฉาปกฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Anāpucchāpakkamanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. อนาปุจฺฉาอภินิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Anāpucchāabhinisīdanasikkhāpadavaṇṇanā
ฉเฎฺฐ ปจฺฉาภตฺตนฺติ มชฺฌนฺหิเก วีติวเตฺต ยาว สูริยสฺส อตฺถงฺคมาฯ อภินิสีเทยฺย วาติ อาทิมฺหิ นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺติยา เอกา อาปตฺติ, อนิสีทิตฺวา นิปชฺชิตฺวาว คจฺฉนฺติยาปิ เอกา, นิสีทิตฺวา นิปชฺชนฺติยา เทฺวฯ
Chaṭṭhe pacchābhattanti majjhanhike vītivatte yāva sūriyassa atthaṅgamā. Abhinisīdeyya vāti ādimhi nisīditvā gacchantiyā ekā āpatti, anisīditvā nipajjitvāva gacchantiyāpi ekā, nisīditvā nipajjantiyā dve.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ อาสเน อภินิสีทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ , เสสํ ปญฺจมสทิสเมวฯ ยถา ปน ตตฺถ อสํหาริเม, เอวมิธ ธุวปญฺญเตฺต อนาปตฺตีติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha āsane abhinisīdanavatthusmiṃ paññattaṃ , sesaṃ pañcamasadisameva. Yathā pana tattha asaṃhārime, evamidha dhuvapaññatte anāpattīti.
อนาปุจฺฉาอภินิสีทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Anāpucchāabhinisīdanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. อนาปุจฺฉาสนฺถรณสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Anāpucchāsantharaṇasikkhāpadavaṇṇanā
สตฺตเม วิกาเลติ อตฺถงฺคเต สูริเยฯ เสยฺยนฺติ อนฺตมโส ปณฺณสนฺถารมฺปิ, เสสํ ฉฎฺฐสทิสเมวฯ
Sattame vikāleti atthaṅgate sūriye. Seyyanti antamaso paṇṇasanthārampi, sesaṃ chaṭṭhasadisameva.
อิทํ ปน สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ วิกาเล กุลานิ อุปสงฺกมิตฺวา สามิเก อนาปุจฺฉิตฺวา เสยฺยํ สนฺถริตฺวา อภินิสีทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อนาปตฺติยเญฺจตฺถ ธุวปญฺญตฺตํ นาม นตฺถีติฯ
Idaṃ pana sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha vikāle kulāni upasaṅkamitvā sāmike anāpucchitvā seyyaṃ santharitvā abhinisīdanavatthusmiṃ paññattaṃ, anāpattiyañcettha dhuvapaññattaṃ nāma natthīti.
อนาปุจฺฉาสนฺถรณสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Anāpucchāsantharaṇasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘. ปรอุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Paraujjhāpanakasikkhāpadavaṇṇanā
อฎฺฐเม ทุคฺคหิเตน ทูปธาริเตนาติ ยํ วุตฺตํ, ตโต อญฺญถา คหิเตน จ อุปธาริเตน จฯ ปรนฺติ ‘‘อหํ กิรเยฺย อยฺยํ น สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหามี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๘๖๙) นเยน อุปสมฺปนฺนํ อุชฺฌาเปนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ
Aṭṭhame duggahitena dūpadhāritenāti yaṃ vuttaṃ, tato aññathā gahitena ca upadhāritena ca. Paranti ‘‘ahaṃ kirayye ayyaṃ na sakkaccaṃ upaṭṭhahāmī’’tiādinā (pāci. 869) nayena upasampannaṃ ujjhāpentiyā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุนิํ อารพฺภ เอวํ ปรํ อุชฺฌาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ติกปาจิตฺติยํ, อนุปสมฺปนฺนาย ติกทุกฺกฎํ, อุมฺมตฺติกาทีนํเยว อนาปตฺติฯ ทุคฺคหิตตา, อุชฺฌาปนํ, ยํ อุชฺฌาเปติ, ตสฺสา อุปสมฺปนฺนตาติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuniṃ ārabbha evaṃ paraṃ ujjhāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, tikapācittiyaṃ, anupasampannāya tikadukkaṭaṃ, ummattikādīnaṃyeva anāpatti. Duggahitatā, ujjhāpanaṃ, yaṃ ujjhāpeti, tassā upasampannatāti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedananti.
ปรอุชฺฌาปนกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paraujjhāpanakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๙. ปรอภิสปนสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Paraabhisapanasikkhāpadavaṇṇanā
นวเม อภิสเปยฺยาติ สปถํ กเรยฺยฯ ตตฺถ ‘‘นิรเย อุปปชฺชามิ, นิรเย อุปปชฺชตู’’ติเอวมาทีนิ วทมานา นิรเยน อภิสปติ นาม, อโกฺกสตีติ อโตฺถฯ ‘‘คิหินี โหมิ, คิหินี โหตู’’ติเอวมาทีนิ วทมานา พฺรหฺมจริเยนฯ ตสฺสา วาจาย วาจาย ปาจิตฺติยํฯ
Navame abhisapeyyāti sapathaṃ kareyya. Tattha ‘‘niraye upapajjāmi, niraye upapajjatū’’tievamādīni vadamānā nirayena abhisapati nāma, akkosatīti attho. ‘‘Gihinī homi, gihinī hotū’’tievamādīni vadamānā brahmacariyena. Tassā vācāya vācāya pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ จณฺฑกาฬิํ อารพฺภ เอวํ อภิสปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ติกปาจิตฺติยํ, อนุปสมฺปนฺนาย ติกทุกฺกฎํ, ติรจฺฉานโยนิยา วา เปตฺติวิสเยน วา มนุสฺสโทภเคฺคน วา อภิสปเน ทุกฺกฎํฯ อตฺถธมฺมานุสาสนิปุเรกฺขารานํ อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ นิรเยน วา พฺรหฺมจริเยน วา อภิสปนํ , อุปสมฺปนฺนตา, อตฺถธมฺมปุเรกฺขาราทีนํ อภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อฎฺฐมสทิสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ caṇḍakāḷiṃ ārabbha evaṃ abhisapanavatthusmiṃ paññattaṃ, tikapācittiyaṃ, anupasampannāya tikadukkaṭaṃ, tiracchānayoniyā vā pettivisayena vā manussadobhaggena vā abhisapane dukkaṭaṃ. Atthadhammānusāsanipurekkhārānaṃ ummattikādīnañca anāpatti. Nirayena vā brahmacariyena vā abhisapanaṃ , upasampannatā, atthadhammapurekkhārādīnaṃ abhāvoti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni aṭṭhamasadisānevāti.
ปรอภิสปนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paraabhisapanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. โรทนสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Rodanasikkhāpadavaṇṇanā
ทสเม วธิตฺวาติ หตฺถาทีหิ ปหริตฺวา, อุภยํ กโรนฺติยาว ปาจิตฺติยํฯ
Dasame vadhitvāti hatthādīhi paharitvā, ubhayaṃ karontiyāva pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ จณฺฑกาฬิํ อารพฺภ อตฺตานํ วธิตฺวา โรทนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, เกวลํ วธนฺติยา วา โรทนฺติยา วา ทุกฺกฎเมวฯ ญาติโรคโภคพฺยสเนหิ ผุฎฺฐาย เกวลํ โรทนฺติยา เอว น วธนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อตฺตานํ วธนเญฺจว, โรทนญฺจาติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สมนุภาสนสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ caṇḍakāḷiṃ ārabbha attānaṃ vadhitvā rodanavatthusmiṃ paññattaṃ, kevalaṃ vadhantiyā vā rodantiyā vā dukkaṭameva. Ñātirogabhogabyasanehi phuṭṭhāya kevalaṃ rodantiyā eva na vadhantiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Attānaṃ vadhanañceva, rodanañcāti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni samanubhāsanasadisāni, idaṃ pana kiriyamevāti.
โรทนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rodanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
รตฺตนฺธการวโคฺค ทุติโยฯ
Rattandhakāravaggo dutiyo.