Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๘๒
The Middle-Length Suttas Collection 82
รฏฺฐปาลสุตฺต
With Raṭṭhapāla
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน ถุลฺลโกฏฺฐิกํ นาม กุรูนํ นิคโม ตทวสริฯ
So I have heard. At one time the Buddha was wandering in the land of the Kurus together with a large Saṅgha of bhikkhus when he arrived at a town of the Kurus named Thullakoṭṭhita.
อโสฺสสุํ โข ถุลฺลโกฏฺฐิกา พฺราหฺมณคหปติกา:
The brahmins and householders of Thullakoṭṭhita heard:
“สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต กุรูสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ถุลฺลโกฏฺฐิกํ อนุปฺปตฺโตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ติฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี”ติฯ
“It seems the ascetic Gotama—a Sakyan, gone forth from a Sakyan family—has arrived at Thullakoṭṭhita, together with a large Saṅgha of bhikkhus. He has this good reputation: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ He has realized with his own insight this world—with its gods, Māras and Brahmās, this population with its ascetics and brahmins, gods and humans—and he makes it known to others. He teaches Dhamma that’s good in the beginning, good in the middle, and good in the end, meaningful and well-phrased. And he reveals a spiritual practice that’s entirely full and pure. It’s good to see such perfected ones.”
อถ โข ถุลฺลโกฏฺฐิกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนญฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ; อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข ถุลฺลโกฏฺฐิเก พฺราหฺมณคหปติเก ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ
Then the brahmins and householders of Thullakoṭṭhita went up to the Buddha. Before sitting down to one side, some bowed, some exchanged greetings and polite conversation, some held up their joined palms toward the Buddha, some announced their name and clan, while some kept silent. When they were seated, the Buddha educated, encouraged, fired up, and inspired them with a Dhamma talk.
เตน โข ปน สมเยน รฏฺฐปาโล นาม กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺฐิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโต ติสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติฯ อถ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส เอตทโหสิ: “ยถา ยถา ขฺวาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺ”ติฯ
Now at that time a gentleman named Raṭṭhapāla, the son of the leading clan in Thullakoṭṭhita, was sitting in the assembly. He thought, “As I understand the Buddha’s teachings, it’s not easy for someone living at home to lead the spiritual life utterly full and pure, like a polished shell. Why don’t I shave off my hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from lay life to homelessness?”
อถ โข ถุลฺลโกฏฺฐิกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุตฺเตชิตา สมฺปหํสิตา ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุฯ
Then, having approved and agreed with what the Buddha said, the brahmins and householders of Thullakoṭṭhita got up from their seat, bowed, and respectfully circled the Buddha, keeping him on their right, before leaving.
อถ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต อจิรปกฺกนฺเตสุ ถุลฺลโกฏฺฐิเกสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ยถา ยถาหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปทํฯ ปพฺพาเชตุ มํ ภควา”ติฯ
Soon after they left, Raṭṭhapāla went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him, “Sir, as I understand the Buddha’s teachings, it’s not easy for someone living at home to lead the spiritual life utterly full and pure, like a polished shell. I wish to shave off my hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness. Sir, may I receive the going forth, the ordination in the Buddha’s presence? May the Buddha please give me the going forth!”
“อนุญฺญาโตสิ ปน ตฺวํ, รฏฺฐปาล, มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติ?
“But, Raṭṭhapāla, do you have your parents’ permission?”
“น โขหํ, ภนฺเต, อนุญฺญาโต มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติฯ
“No, sir.”
“น โข, รฏฺฐปาล, ตถาคตา อนนุญฺญาตํ มาตาปิตูหิ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี”ติฯ
“Raṭṭhapāla, Buddhas don’t give the going forth to the child of parents who haven’t given their permission.”
“สฺวาหํ, ภนฺเต, ตถา กริสฺสามิ ยถา มํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติฯ
“I’ll make sure, sir, to get my parents’ permission.”
อถ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ: “อมฺมตาตา, ยถา ยถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ อิจฺฉามหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติฯ
Then Raṭṭhapāla got up from his seat, bowed, and respectfully circled the Buddha. Then he went to his parents and said, “Mum and dad, as I understand the Buddha’s teachings, it’s not easy for someone living at home to lead the spiritual life utterly full and pure, like a polished shell. I wish to shave off my hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness. Please give me permission to go forth.”
เอวํ วุตฺเต, รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ: “ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺฐปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, ตาต รฏฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ (…) มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติ?
When he said this, Raṭṭhapāla’s parents said to him, “But, dear Raṭṭhapāla, you’re our only child. You’re dear to us and we love you. You’re dainty and raised in comfort. You know nothing of suffering. When you die we will lose you against our wishes. So how can we allow you to go forth while you’re still alive?”
ทุติยมฺปิ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต …เป… ตติยมฺปิ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต มาตาปิตโร เอตทโวจ: “อมฺมตาตา, ยถา ยถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ อิจฺฉามหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติฯ ตติยมฺปิ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ: “ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺฐปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, ตาต รฏฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติ?
For a second time, and a third time, Raṭṭhapāla asked his parents for permission, but got the same reply.
อถ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต: “น มํ มาตาปิตโร อนุชานนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติ ตตฺเถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปชฺชิ: “อิเธว เม มรณํ ภวิสฺสติ ปพฺพชฺชา วา”ติฯ อถ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต เอกมฺปิ ภตฺตํ น ภุญฺชิ, เทฺวปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, ตีณิปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, จตฺตาริปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, ปญฺจปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, ฉปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, สตฺตปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิฯ
Then Raṭṭhapāla thought, “My parents don’t allow me to go forth.” He laid down there on the bare ground, saying, “I’ll either die right here or go forth.” And he refused to eat, up to the seventh meal.
อถ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ: “ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺฐปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, ตาต รฏฺฐปาล, กสฺสจิ, ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ อุฏฺเฐหิ, ตาต รฏฺฐปาล, ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภุญฺชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต ปุญฺญานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุฯ น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติ?
Then Raṭṭhapāla’s parents said to him, “Dear Raṭṭhapāla, you’re our only child. You’re dear to us and we love you. You’re dainty and raised in comfort. You know nothing of suffering. When you die we will lose you against our wishes. So how can we allow you to go forth from lay life to homelessness while you’re still living? Get up, Raṭṭhapāla! Eat, drink, and amuse yourself. While enjoying sensual pleasures, delight in making merit. We don’t allow you to go forth. When you die we will lose you against our wishes. So how can we allow you to go forth while you’re still alive?”
เอวํ วุตฺเต, รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิฯ
When they said this, Raṭṭhapāla kept silent.
ทุติยมฺปิ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ …เป… ทุติยมฺปิ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิฯ ตติยมฺปิ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ: “ตฺวํ โขสิ, ตาต รฏฺฐปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, ตาต รฏฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม, กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ อุฏฺเฐหิ, ตาต รฏฺฐปาล, ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภุญฺชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต ปุญฺญานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุฯ น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กึ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติ?
For a second time, and a third time, Raṭṭhapāla’s parents made the same request.
ตติยมฺปิ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิฯ
And for a third time, Raṭṭhapāla kept silent. Raṭṭhapāla’s parents then went to see his friends. They told them of the situation and asked for their help.
อถ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ: “ตฺวํ โขสิ, สมฺม รฏฺฐปาล, มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, สมฺม รฏฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติฯ กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ อุฏฺเฐหิ, สมฺม รฏฺฐปาล, ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภุญฺชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต ปุญฺญานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุฯ น ตํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติฯ กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติ?
Then Raṭṭhapāla’s friends went to him and said, “Our friend Raṭṭhapāla, you are your parents’ only child. You’re dear to them and they love you. You’re dainty and raised in comfort. You know nothing of suffering. When you die your parents will lose you against their wishes. So how can they allow you to go forth while you’re still alive? Get up, Raṭṭhapāla! Eat, drink, and amuse yourself. While enjoying sensual pleasures, delight in making merit. Your parents will not allow you to go forth. When you die your parents will lose you against their wishes. So how can they allow you to go forth while you’re still alive?”
เอวํ วุตฺเต, รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิฯ
When they said this, Raṭṭhapāla kept silent.
ทุติยมฺปิ โข … ตติยมฺปิ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ: “ตฺวํ โขสิ, สมฺม รฏฺฐปาล, มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต, น ตฺวํ, สมฺม รฏฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ, มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติฯ กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย? อุฏฺเฐหิ, สมฺม รฏฺฐปาล, ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ, ภุญฺชนฺโต ปิวนฺโต ปริจาเรนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต ปุญฺญานิ กโรนฺโต อภิรมสฺสุฯ น ตํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติฯ กึ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติ? ตติยมฺปิ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ตุณฺหี อโหสิฯ
For a second time, and a third time, Raṭṭhapāla’s friends made the same request. And for a third time, Raṭṭhapāla kept silent.
อถ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร เอตทโวจุํ: “อมฺมตาตา, เอโส รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ตตฺเถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปนฺโน: ‘อิเธว เม มรณํ ภวิสฺสติ ปพฺพชฺชา วา'ติฯ สเจ ตุเมฺห รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ นานุชานิสฺสถ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, ตตฺเถว มรณํ อาคมิสฺสติฯ สเจ ปน ตุเมฺห รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ อนุชานิสฺสถ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, ปพฺพชิตมฺปิ นํ ทกฺขิสฺสถฯ สเจ รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต นาภิรมิสฺสติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, กา ตสฺส อญฺญา คติ ภวิสฺสติ? อิเธว ปจฺจาคมิสฺสติฯ อนุชานาถ รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา”ติฯ
Then Raṭṭhapāla’s friends went to his parents and said, “Mum and dad, Raṭṭhapāla is lying there on the bare ground saying: ‘I’ll either die right here or go forth.’ If you don’t allow him to go forth, he’ll die there. But if you do allow him to go forth, you’ll see him again afterwards. And if he doesn’t enjoy the renunciate life, where else will he have to go? He’ll come right back here. Please give Raṭṭhapāla permission to go forth.”
“อนุชานาม, ตาตา, รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ ปพฺพชิเตน จ ปน มาตาปิตโร อุทฺทเสฺสตพฺพา”ติฯ
“Then, dears, we give Raṭṭhapāla permission to go forth. But once gone forth he must visit his parents.”
อถ โข รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฏฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ: “อุฏฺเฐหิ, สมฺม รฏฺฐปาล, อนุญฺญาโตสิ มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ ปพฺพชิเตน จ ปน เต มาตาปิตโร อุทฺทเสฺสตพฺพา”ติฯ
Then Raṭṭhapāla’s friends went to him and said, “Get up, Raṭṭhapāla! Your parents have given you permission to go forth from lay life to homelessness. But once gone forth you must visit your parents.”
อถ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต อุฏฺฐหิตฺวา พลํ คาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อนุญฺญาโต อหํ, ภนฺเต, มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ ปพฺพาเชตุ มํ ภควา”ติฯ
Raṭṭhapāla got up and regained his strength. He went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him, “Sir, I have my parents’ permission to go forth from the lay life to homelessness. May the Buddha please give me the going forth.”
อลตฺถ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อถ โข ภควา อจิรูปสมฺปนฺเน อายสฺมนฺเต รฏฺฐปาเล อฑฺฒมาสุปสมฺปนฺเน ถุลฺลโกฏฺฐิเก ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ
And Raṭṭhapāla received the going forth, the ordination in the Buddha’s presence. Not long after Venerable Raṭṭhapāla’s ordination, a fortnight later, the Buddha—having stayed in Thullakoṭṭhita as long as he pleased—set out for Sāvatthī. Traveling stage by stage, he arrived at Sāvatthī, where he stayed in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery.
อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล เอโก วูปกฏฺโฐ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรเสฺสว—ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ—พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ
Then Venerable Raṭṭhapāla, living alone, withdrawn, diligent, keen, and resolute, soon realized the supreme end of the spiritual path in this very life. He lived having achieved with his own insight the goal for which gentlemen rightly go forth from the lay life to homelessness.
“ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา รฏฺฐปาโล อรหตํ อโหสิฯ
He understood: “Rebirth is ended; the spiritual journey has been completed; what had to be done has been done; there is no return to any state of existence.” And Venerable Raṭṭhapāla became one of the perfected.
อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, มาตาปิตโร อุทฺทเสฺสตุํ, สเจ มํ ภควา อนุชานาตี”ติฯ
Then he went up to the Buddha, bowed, sat down to one side, and said to him, “Sir, I’d like to visit my parents, if the Buddha allows it.”
อถ โข ภควา อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ มนสากาสิฯ ยถา ภควา อญฺญาสิ: “อภพฺโพ โข รฏฺฐปาโล กุลปุตฺโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติตุนฺ”ติ, อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ เอตทโวจ: “ยสฺสทานิ ตฺวํ, รฏฺฐปาล, กาลํ มญฺญสี”ติฯ
Then the Buddha focused on comprehending Raṭṭhapāla’s mind. When he knew that it was impossible for Raṭṭhapāla to resign the training and return to a lesser life, he said, “Please, Raṭṭhapāla, go at your convenience.”
อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ถุลฺลโกฏฺฐิกํ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ถุลฺลโกฏฺฐิโก ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ อายสฺมา รฏฺฐปาโล ถุลฺลโกฏฺฐิเก วิหรติ รญฺโญ โกรพฺยสฺส มิคจีเรฯ อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ถุลฺลโกฏฺฐิกํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ ถุลฺลโกฏฺฐิเก สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน สกปิตุ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิฯ
And then Raṭṭhapāla got up from his seat, bowed, and respectfully circled the Buddha, keeping him on his right. Then he set his lodgings in order and, taking his bowl and robe, set out for Thullakoṭṭhita. Traveling stage by stage, he arrived at Thullakoṭṭhika, where he stayed in King Koravya’s deer range. Then Raṭṭhapāla robed up in the morning and, taking his bowl and robe, entered Thullakoṭṭhita for alms. Wandering indiscriminately for almsfood, he approached his own father’s house.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตา มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อุลฺลิขาเปติฯ อทฺทสา โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตา อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน เอตทโวจ:
Now at that time Raṭṭhapāla’s father was having his hair dressed in the hall of the middle gate. He saw Raṭṭhapāla coming off in the distance and said,
“อิเมหิ มุณฺฑเกหิ สมณเกหิ อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป ปพฺพาชิโต”ติฯ อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล สกปิตุ นิเวสเน เนว ทานํ อลตฺถ น ปจฺจกฺขานํ; อญฺญทตฺถุ อกฺโกสเมว อลตฺถฯ
“Our dear and beloved only son was made to go forth by these shavelings, these fake ascetics!” And at his own father’s home Raṭṭhapāla received neither alms nor a polite refusal, but only abuse.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ญาติทาสี อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ฉฑฺเฑตุกามา โหติฯ อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล ตํ ญาติทาสึ เอตทโวจ: “สเจตํ, ภคินิ, ฉฑฺฑนียธมฺมํ, อิธ เม ปตฺเต อากิรา”ติฯ อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ญาติทาสี ตํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปตฺเต อากิรนฺตี หตฺถานญฺจ ปาทานญฺจ สรสฺส จ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิฯ
Now at that time a family bondservant wanted to throw away the previous night’s porridge. So Raṭṭhapāla said to her, “If that’s to be thrown away, sister, pour it here in my bowl.” As she was pouring the porridge into his bowl, she recognized the features of his hands, feet, and voice.
อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ญาติทาสี เยนายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส มาตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส มาตรํ เอตทโวจ: “ยคฺเฆเยฺย, ชาเนยฺยาสิ: ‘อยฺยปุตฺโต รฏฺฐปาโล อนุปฺปตฺโต'”ติฯ
She then went to his mother and said, “Please, madam, you should know this. Master Raṭṭhapāla has arrived.”
“สเจ, เช, สจฺจํ ภณสิ, อทาสึ ตํ กโรมี”ติฯ
“Wow! If you speak the truth, I’ll make you a free woman!”
อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส มาตา เยนายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตรํ เอตทโวจ: “ยคฺเฆ, คหปติ, ชาเนยฺยาสิ: ‘รฏฺฐปาโล กิร กุลปุตฺโต อนุปฺปตฺโต'”ติ?
Then Raṭṭhapāla’s mother went to his father and said, “Please householder, you should know this. It seems our son Raṭṭhapāla has arrived.”
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา รฏฺฐปาโล ตํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อญฺญตรํ กุฏฺฏมูลํ นิสฺสาย ปริภุญฺชติฯ อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตา เยนายสฺมา รฏฺฐปาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ เอตทโวจ: “อตฺถิ นาม, ตาต รฏฺฐปาล, อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภุญฺชิสฺสสิ? นนุ, ตาต รฏฺฐปาล, สกํ เคหํ คนฺตพฺพนฺ”ติ?
Now at that time Raṭṭhapāla was eating last night’s porridge by a wall. Then Raṭṭhapāla’s father went up to him and said, “Dear Raṭṭhapāla! There’s … and you’ll be eating last night’s porridge! Why not go to your own home?”
“กุโต โน, คหปติ, อมฺหากํ เคหํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ? อนคารา มยํ, คหปติฯ อคมมฺห โข เต, คหปติ, เคหํ, ตตฺถ เนว ทานํ อลตฺถมฺห น ปจฺจกฺขานํ; อญฺญทตฺถุ อกฺโกสเมว อลตฺถมฺหา”ติฯ
“Householder, how could those of us who have gone forth from the lay life to homelessness have a house? We’re homeless, householder. I came to your house, but there I received neither alms nor a polite refusal, but only abuse.”
“เอหิ, ตาต รฏฺฐปาล, ฆรํ คมิสฺสามา”ติฯ
“Come, dear Raṭṭhapāla, let’s go to the house.”
“อลํ, คหปติ, กตํ เม อชฺช ภตฺตกิจฺจํ”ฯ
“Enough, householder. My meal is finished for today.”
“เตน หิ, ตาต รฏฺฐปาล, อธิวาเสหิ สฺวาตนาย ภตฺตนฺ”ติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล ตุณฺหีภาเวนฯ
“Well then, dear Raṭṭhapāla, please accept tomorrow’s meal from me.” Raṭṭhapāla consented with silence.
อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตา อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา เยน สกํ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มหนฺตํ หิรญฺญสุวณฺณสฺส ปุญฺชํ การาเปตฺวา กิลญฺเชหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปุราณทุติยิกา อามนฺเตสิ: “เอถ ตุเมฺห, วธุโย, เยน อลงฺกาเรน อลงฺกตา ปุพฺเพ รฏฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส ปิยา โหถ มนาปา เตน อลงฺกาเรน อลงฺกโรถา”ติฯ
Then, knowing that Raṭṭhapāla had consented, his father went back to his own house. He made a heap of gold coins and bullion and hid it under mats. Then he addressed Raṭṭhapāla’s former wives, “Please, daughters-in-law, adorn yourselves in the way that our son Raṭṭhapāla found you most adorable.”
อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส กาลํ อาโรเจสิ: “กาโล, ตาต รฏฺฐปาล, นิฏฺฐิตํ ภตฺตนฺ”ติฯ
And when the night had passed Raṭṭhapāla’s father had delicious fresh and cooked foods prepared in his own home, and announced the time to the Venerable Raṭṭhapāla, saying, “Sir, it’s time. The meal is ready.”
อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สกปิตุ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตา ตํ หิรญฺญสุวณฺณสฺส ปุญฺชํ วิวราเปตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ เอตทโวจ: “อิทํ เต, ตาต รฏฺฐปาล, มาตุ มตฺติกํ ธนํ, อญฺญํ เปตฺติกํ, อญฺญํ ปิตามหํฯ สกฺกา, ตาต รฏฺฐปาล, โภเค จ ภุญฺชิตุํ ปุญฺญานิ จ กาตุํฯ เอหิ ตฺวํ, ตาต รฏฺฐปาล, หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภุญฺชสฺสุ ปุญฺญานิ จ กโรหี”ติฯ
Then Raṭṭhapāla robed up in the morning and, taking his bowl and robe, went to his father’s home, and sat down on the seat spread out. Raṭṭhapāla’s father, revealing the heap of gold coins and bullion, said to him, “Dear Raṭṭhapāla, this is your maternal fortune. There’s another paternal fortune, and an ancestral one. You can both enjoy your wealth and make merit. Come, return to a lesser life, enjoy wealth, and make merit!”
“สเจ เม ตฺวํ, คหปติ, วจนํ กเรยฺยาสิ, อิมํ หิรญฺญสุวณฺณสฺส ปุญฺชํ สกเฏ อาโรเปตฺวา นิพฺพาหาเปตฺวา มชฺเฌคงฺคาย นทิยา โสเต โอปิลาเปยฺยาสิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เย อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ หิ เต, คหปติ, ตโตนิทานํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา”ติฯ
“If you’d follow my advice, householder, you’d have this heap of gold loaded on a cart and carried away to be dumped in the middle of the Ganges river. Why is that? Because this will bring you nothing but sorrow, lamentation, pain, sadness, and distress.”
อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปุราณทุติยิกา ปจฺเจกํ ปาเทสุ คเหตฺวา อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ เอตทโวจุํ: “กีทิสา นาม ตา, อยฺยปุตฺต, อจฺฉราโย ยาสํ ตฺวํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรสี”ติ?
Then Raṭṭhapāla’s former wives each clasped his feet and said, “What are they like, master, the nymphs for whom you lead the spiritual life?”
“น โข มยํ, ภคินี, อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรามา”ติฯ
“Sisters, I don’t lead the spiritual life for the sake of nymphs.”
“ภคินิวาเทน โน อยฺยปุตฺโต รฏฺฐปาโล สมุทาจรตี”ติ ตา ตตฺเถว มุจฺฉิตา ปปตึสุฯ
Saying, “Our master Raṭṭhapāla addresses us as sisters!” they fainted right away.
อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล ปิตรํ เอตทโวจ: “สเจ, คหปติ, โภชนํ ทาตพฺพํ, เทถ; มา โน วิเหเฐถา”ติฯ
Then Raṭṭhapāla said to his father, “If there is food to be given, householder, please give it. But don’t harass me.”
“ภุญฺช, ตาต รฏฺฐปาล, นิฏฺฐิตํ ภตฺตนฺ”ติฯ อถ โข อายสฺมโต รฏฺฐปาลสฺส ปิตา อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิฯ
“Eat, dear Raṭṭhapāla. The meal is ready.” Then Raṭṭhapāla’s father served and satisfied Venerable Raṭṭhapāla with his own hands with delicious fresh and cooked foods.
อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล ภุตฺตาวี โอนีตปตฺตปาณี ฐิตโกว อิมา คาถา อภาสิ:
When he had eaten and washed his hand and bowl, he recited this verse while standing right there:
“ปสฺส จิตฺตีกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ; อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิติฯ
“See this fancy puppet, a body built of sores, diseased, obsessed over, in which nothing lasts at all.
ปสฺส จิตฺตีกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ; อฏฺฐิ ตเจน โอนทฺธํ, สห วตฺเถภิ โสภติฯ
See this fancy figure, with its gems and earrings; it is bones encased in skin, made pretty by its clothes.
อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ; อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
Rouged feet and powdered face may be enough to beguile a fool, but not a seeker of the far shore.
อฏฺฐาปทกตา เกสา, เนตฺตา อญฺชนมกฺขิตา; อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
Hair in eight braids and eyeshadow may be enough to beguile a fool, but not a seeker of the far shore.
อญฺชนีว นวา จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต; อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
A rotting body all adorned like a freshly painted makeup box may be enough to beguile a fool, but not a seeker of the far shore.
โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วากรํ มิโค; ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม, กนฺทนฺเต มิคพนฺธเก”ติฯ
The hunter laid his snare, but the deer didn’t spring the trap. I’ve eaten the bait and now I go, leaving the trapper to lament.”
อถ โข อายสฺมา รฏฺฐปาโล ฐิตโกว อิมา คาถา ภาสิตฺวา เยน รญฺโญ โกรพฺยสฺส มิคจีรํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อญฺญตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ
Then Raṭṭhapāla, having recited this verse while standing, went to King Koravya’s deer range and sat at the root of a tree for the day’s meditation.
อถ โข ราชา โกรโพฺย มิควํ อามนฺเตสิ: “โสเธหิ, สมฺม มิคว, มิคจีรํ อุยฺยานภูมึ; คจฺฉาม สุภูมึ ทสฺสนายา”ติฯ
Then King Koravya addressed his gamekeeper, “My good gamekeeper, tidy up the park of the deer range. We will go to see the scenery.”
“เอวํ, เทวา”ติ โข มิคโว รญฺโญ โกรพฺยสฺส ปฏิสฺสุตฺวา มิคจีรํ โสเธนฺโต อทฺทส อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ อญฺญตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺนํฯ ทิสฺวาน เยน ราชา โกรโพฺย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ โกรพฺยํ เอตทโวจ: “สุทฺธํ โข เต, เทว, มิคจีรํฯ อตฺถิ เจตฺถ รฏฺฐปาโล นาม กุลปุตฺโต อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺฐิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโต ยสฺส ตฺวํ อภิณฺหํ กิตฺตยมาโน อโหสิ, โส อญฺญตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺโน”ติฯ
“Yes, Your Majesty,” replied the gamekeeper. While tidying the deer range he saw Raṭṭhapāla sitting in meditation. Seeing this, he went to the king, and said, “The deer range is tidy, sire. And the gentleman named Raṭṭhapāla, the son of the leading clan in Thullakoṭṭhita, of whom you have often spoken highly, is meditating there at the root of a tree.”
“เตน หิ, สมฺม มิคว, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยาฯ ตเมว ทานิ มยํ ภวนฺตํ รฏฺฐปาลํ ปยิรุปาสิสฺสามา”ติฯ
“Well then, my good gamekeeper, that’s enough of the park for today. Now I shall pay homage to the Master Raṭṭhapāla.”
อถ โข ราชา โกรโพฺย “ยํ ตตฺถ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยตฺตํ ตํ สพฺพํ วิสฺสชฺเชถา”ติ วตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺรหิ ภเทฺรหิ ยาเนหิ ถุลฺลโกฏฺฐิกมฺหา นิยฺยาสิ มหจฺจราชานุภาเวน อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ ทสฺสนายฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปจฺโจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อุสฺสฏาย อุสฺสฏาย ปริสาย เยนายสฺมา รฏฺฐปาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา รฏฺฐปาเลน สทฺธึ สมฺโมทิฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ราชา โกรโพฺย อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ เอตทโวจ:
And then King Koravya said, “Give away the fresh and cooked foods that have been prepared there.” He had the finest carriages harnessed. Then he mounted a fine carriage and, along with other fine carriages, set out in full royal pomp from Thullakoṭṭhita to see Raṭṭhapāla. He went by carriage as far as the terrain allowed, then descended and approached Raṭṭhapāla on foot, together with a group of eminent officials. They exchanged greetings, and, when the greetings and polite conversation were over, he stood to one side, and said to Raṭṭhapāla:
“อิธ ภวํ รฏฺฐปาโล หตฺถตฺถเร นิสีทตู”ติฯ
“Here, Master Raṭṭhapāla, sit on this elephant rug.”
“อลํ, มหาราช, นิสีท ตฺวํ; นิสินฺโน อหํ สเก อาสเน”ติฯ
“Enough, great king, you sit on it. I’m sitting on my own seat.”
นิสีทิ ราชา โกรโพฺย ปญฺญตฺเต อาสเนฯ นิสชฺช โข ราชา โกรโพฺย อายสฺมนฺตํ รฏฺฐปาลํ เอตทโวจ:
So the king sat down on the seat spread out, and said:
“จตฺตาริมานิ, โภ รฏฺฐปาล, ปาริชุญฺญานิ เยหิ ปาริชุญฺเญหิ สมนฺนาคตา อิเธกจฺเจ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติฯ กตมานิ จตฺตาริ? ชราปาริชุญฺญํ, พฺยาธิปาริชุญฺญํ, โภคปาริชุญฺญํ, ญาติปาริชุญฺญํฯ
“Master Raṭṭhapāla, there are these four kinds of decay. Because of these, some people shave off their hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness. What four? Decay due to old age, decay due to sickness, decay of wealth, and decay of relatives.
กตมญฺจ, โภ รฏฺฐปาล, ชราปาริชุญฺญํ? อิธ, โภ รฏฺฐปาล, เอกจฺโจ ชิณฺโณ โหติ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโตฯ โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘อหํ โขมฺหิ เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโตฯ น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํฯ ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺ'ติฯ โส เตน ชราปาริชุญฺเญน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺฐปาล, ชราปาริชุญฺญํฯ ภวํ โข ปน รฏฺฐปาโล เอตรหิ ทหโร ยุวา สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสาฯ ตํ โภโต รฏฺฐปาลสฺส ชราปาริชุญฺญํ นตฺถิฯ กึ ภวํ รฏฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
And what is decay due to old age? It’s when someone is old, elderly, and senior, advanced in years, and has reached the final stage of life. They reflect: ‘I’m now old, elderly, and senior. I’m advanced in years and have reached the final stage of life. It’s not easy for me to acquire more wealth or to increase the wealth I’ve already acquired. Why don’t I shave off my hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness?’ So because of that decay due to old age they go forth. This is called decay due to old age. But Master Raṭṭhapāla is now a youth, young, black-haired, blessed with youth, in the prime of life. You have no decay due to old age. So what did you know or see or hear that made you go forth?
กตมญฺจ, โภ รฏฺฐปาล, พฺยาธิปาริชุญฺญํ? อิธ, โภ รฏฺฐปาล, เอกจฺโจ อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘อหํ โขมฺหิ เอตรหิ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํฯ ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺ'ติฯ โส เตน พฺยาธิปาริชุญฺเญน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺฐปาล, พฺยาธิปาริชุญฺญํฯ ภวํ โข ปน รฏฺฐปาโล เอตรหิ อปฺปาพาโธ อปฺปาตงฺโก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหายฯ ตํ โภโต รฏฺฐปาลสฺส พฺยาธิปาริชุญฺญํ นตฺถิฯ กึ ภวํ รฏฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
And what is decay due to sickness? It’s when someone is sick, suffering, gravely ill. They reflect: ‘I’m now sick, suffering, gravely ill. It’s not easy for me to acquire more wealth or to increase the wealth I’ve already acquired. Why don’t I go forth from the lay life to homelessness?’ So because of that decay due to sickness they go forth. This is called decay due to sickness. But Master Raṭṭhapāla is now rarely ill or unwell. Your stomach digests well, being neither too hot nor too cold. You have no decay due to sickness. So what did you know or see or hear that made you go forth?
กตมญฺจ, โภ รฏฺฐปาล, โภคปาริชุญฺญํ? อิธ, โภ รฏฺฐปาล, เอกจฺโจ อฑฺโฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโคฯ ตสฺส เต โภคา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘อหํ โข ปุพฺเพ อฑฺโฒ อโหสึ มหทฺธโน มหาโภโคฯ ตสฺส เม เต โภคา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คตาฯ น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํฯ ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺ'ติฯ โส เตน โภคปาริชุญฺเญน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺฐปาล, โภคปาริชุญฺญํฯ ภวํ โข ปน รฏฺฐปาโล อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺฐิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโตฯ ตํ โภโต รฏฺฐปาลสฺส โภคปาริชุญฺญํ นตฺถิฯ กึ ภวํ รฏฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
And what is decay of wealth? It’s when someone is rich, affluent, and wealthy. But gradually their wealth dwindles away. They reflect: ‘I used to be rich, affluent, and wealthy. But gradually my wealth has dwindled away. It’s not easy for me to acquire more wealth or to increase the wealth I’ve already acquired. Why don’t I go forth from the lay life to homelessness?’ So because of that decay of wealth they go forth. This is called decay of wealth. But Master Raṭṭhapāla is the son of the leading clan here in Thullakoṭṭhita. You have no decay of wealth. So what did you know or see or hear that made you go forth?
กตมญฺจ, โภ รฏฺฐปาล, ญาติปาริชุญฺญํ? อิธ, โภ รฏฺฐปาล, เอกจฺจสฺส พหู โหนฺติ มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตาฯ ตสฺส เต ญาตกา อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โส อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ: ‘มมํ โข ปุพฺเพ พหู อเหสุํ มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตาฯ ตสฺส เม เต อนุปุพฺเพน ปริกฺขยํ คตาฯ น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาตึ กาตุํฯ ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺ'ติฯ โส เตน ญาติปาริชุญฺเญน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อิทํ วุจฺจติ, โภ รฏฺฐปาล, ญาติปาริชุญฺญํฯ โภโต โข ปน รฏฺฐปาลสฺส อิมสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺฐิเก พหู มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตาฯ ตํ โภโต รฏฺฐปาลสฺส ญาติปาริชุญฺญํ นตฺถิฯ กึ ภวํ รฏฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?
And what is decay of relatives? It’s when someone has many friends and colleagues, relatives and kin. But gradually their relatives dwindle away. They reflect: ‘I used to have many friends and colleagues, relatives and kin. But gradually they’ve dwindled away. It’s not easy for me to acquire more wealth or to increase the wealth I’ve already acquired. Why don’t I shave off my hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness?’ So because of that decay of relatives they go forth. This is called decay of relatives. But Master Raṭṭhapāla has many friends and colleagues, relatives and kin right here in Thullakoṭṭhita. You have no decay of relatives. So what did you know or see or hear that made you go forth?
อิมานิ โข, โภ รฏฺฐปาล, จตฺตาริ ปาริชุญฺญานิ, เยหิ ปาริชุญฺเญหิ สมนฺนาคตา อิเธกจฺเจ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติฯ ตานิ โภโต รฏฺฐปาลสฺส นตฺถิฯ กึ ภวํ รฏฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต”ติ?
There are these four kinds of decay. Because of these, some people shave off their hair and beard, dress in ocher robes, and go forth from the lay life to homelessness. Master Raṭṭhapāla has none of these. So what did you know or see or hear that made you go forth?”
“อตฺถิ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทสา อุทฺทิฏฺฐา, เย อหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ
“Great king, the Blessed One who knows and sees, the perfected one, the fully awakened Buddha has taught these four summaries of the teaching for recitation. It was after knowing and seeing and hearing these that I went forth from the lay life to homelessness.
กตเม จตฺตาโร?
What four?
‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว'ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปฐโม ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโฐ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ
‘The world is unstable and swept away.’ This is the first summary.
‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร'ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ทุติโย ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโฐ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ
‘The world has no shelter and no savior.’ This is the second summary.
‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียนฺ'ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ตติโย ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโฐ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ
‘The world has no owner—you must leave it all behind and pass on.’ This is the third summary.
‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส'ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตุตฺโถ ธมฺมุทฺเทโส อุทฺทิฏฺโฐ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ
‘The world is wanting, insatiable, the slave of craving.’ This is the fourth summary.
อิเม โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมุทฺเทสา อุทฺทิฏฺฐา, เย อหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต”ติฯ
The Blessed One who knows and sees, the perfected one, the fully awakened Buddha taught these four summaries of the teaching. It was after knowing and seeing and hearing these that I went forth from the lay life to homelessness.”
“‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว'ติ—ภวํ รฏฺฐปาโล อาหฯ อิมสฺส, โภ รฏฺฐปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺฐพฺโพ”ติ?
“‘The world is unstable and swept away.’ So Master Raṭṭhapāla said. How should I see the meaning of this statement?”
“ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, ตฺวํ วีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ ปณฺณวีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ หตฺถิสฺมิมฺปิ กตาวี อสฺสสฺมิมฺปิ กตาวี รถสฺมิมฺปิ กตาวี ธนุสฺมิมฺปิ กตาวี ถรุสฺมิมฺปิ กตาวี อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโร”ติ?
“What do you think, great king? When you were twenty or twenty-five years of age, were you proficient at riding elephants, horses, and chariots, and at archery and swordsmanship? Were you strong in thigh and arm, capable, and battle-hardened?”
“อโหสึ อหํ, โภ รฏฺฐปาล, วีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ ปณฺณวีสติวสฺสุทฺเทสิโกปิ หตฺถิสฺมิมฺปิ กตาวี อสฺสสฺมิมฺปิ กตาวี รถสฺมิมฺปิ กตาวี ธนุสฺมิมฺปิ กตาวี ถรุสฺมิมฺปิ กตาวี อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโรฯ อปฺเปกทาหํ, โภ รฏฺฐปาล, อิทฺธิมาว มญฺเญ น อตฺตโน พเลน สมสมํ สมนุปสฺสามี”ติฯ
“I was, Master Raṭṭhapāla. Sometimes it seems as if I had superpowers then. I don’t see anyone who could have equalled me in strength.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, เอวเมว ตฺวํ เอตรหิ อูรุพลี พาหุพลี อลมตฺโต สงฺคามาวจโร”ติ?
“What do you think, great king? These days are you just as strong in thigh and arm, capable, and battle-hardened?”
“โน หิทํ, โภ รฏฺฐปาลฯ เอตรหิ ชิณฺโณ วุฑฺโฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต อาสีติโก เม วโย วตฺตติฯ อปฺเปกทาหํ, โภ รฏฺฐปาล, ‘อิธ ปาทํ กริสฺสามี'ติ อญฺเญเนว ปาทํ กโรมี”ติฯ
“No, Master Raṭṭhapāla. For now I am old, elderly, and senior, I’m advanced in years and have reached the final stage of life. I am eighty years old. Sometimes I intend to step in one place, but my foot goes somewhere else.”
“อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ: ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว'ติ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต”ติฯ
“This is what the Buddha was referring to when he said: ‘The world is unstable and swept away.’”
“อจฺฉริยํ, โภ รฏฺฐปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺฐปาลฯ ยาว สุภาสิตญฺจิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน: ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว'ติฯ อุปนิยฺยติ หิ, โภ รฏฺฐปาล, โลโก อทฺธุโวฯ
“It’s incredible, Master Raṭṭhapāla, it’s amazing, how well said this was by the Buddha. For the world is indeed unstable and swept away.
สํวิชฺชนฺเต โข, โภ รฏฺฐปาล, อิมสฺมึ ราชกุเล หตฺถิกายาปิ อสฺสกายาปิ รถกายาปิ ปตฺติกายาปิ, อมฺหากํ อาปทาสุ ปริโยธาย วตฺติสฺสนฺติฯ ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร'ติ—ภวํ รฏฺฐปาโล อาหฯ อิมสฺส ปน, โภ รฏฺฐปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺฐพฺโพ”ติ?
In this royal court you can find divisions of elephants, cavalry, chariots, and infantry. They will serve to defend us from any threats. Yet you said: ‘The world has no shelter and no savior.’ How should I see the meaning of this statement?”
“ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, อตฺถิ เต โกจิ อนุสายิโก อาพาโธ”ติ?
“What do you think, great king? Do you have any chronic ailments?”
“อตฺถิ เม, โภ รฏฺฐปาล, อนุสายิโก อาพาโธฯ อปฺเปกทา มํ, โภ รฏฺฐปาล, มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ปริวาเรตฺวา ฐิตา โหนฺติ: ‘อิทานิ ราชา โกรโพฺย กาลํ กริสฺสติ, อิทานิ ราชา โกรโพฺย กาลํ กริสฺสตี'”ติฯ
“Yes, I do. Sometimes my friends and colleagues, relatives and family members surround me, thinking: ‘Now the king will die! Now the king will die!’”
“ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, ลภสิ ตฺวํ เต มิตฺตามจฺเจ ญาติสาโลหิเต: ‘อายนฺตุ เม โภนฺโต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, สพฺเพว สนฺตา อิมํ เวทนํ สํวิภชถ, ยถาหํ ลหุกตริกํ เวทนํ เวทิเยยฺยนฺ'ติ—อุทาหุ ตฺวํเยว ตํ เวทนํ เวทิยสี”ติ?
“What do you think, great king? Can you get your friends and colleagues, relatives and family members to help: ‘Please, my dear friends and colleagues, relatives and family members, all of you here share my pain so that I may feel less pain.’ Or must you alone feel that pain?”
“นาหํ, โภ รฏฺฐปาล, ลภามิ เต มิตฺตามจฺเจ ญาติสาโลหิเต: ‘อายนฺตุ เม โภนฺโต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, สพฺเพว สนฺตา อิมํ เวทนํ สํวิภชถ, ยถาหํ ลหุกตริกํ เวทนํ เวทิเยยฺยนฺ'ติฯ อถ โข อหเมว ตํ เวทนํ เวทิยามี”ติฯ
“I can’t get my friends to share my pain. Rather, I alone must feel it.”
“อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ: ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร'ติ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต”ติฯ
“This is what the Buddha was referring to when he said: ‘The world has no shelter and no savior.’”
“อจฺฉริยํ, โภ รฏฺฐปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺฐปาลฯ ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน: ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร'ติฯ อตาโณ หิ, โภ รฏฺฐปาล, โลโก อนภิสฺสโรฯ
“It’s incredible, Master Raṭṭhapāla, it’s amazing, how well said this was by the Buddha. For the world indeed has no shelter and no savior.
สํวิชฺชติ โข, โภ รฏฺฐปาล, อิมสฺมึ ราชกุเล ปหูตํ หิรญฺญสุวณฺณํ ภูมิคตญฺจ เวหาสคตญฺจฯ ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียนฺ'ติ—ภวํ รฏฺฐปาโล อาหฯ อิมสฺส ปน, โภ รฏฺฐปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺฐพฺโพ”ติ?
In this royal court you can find abundant gold coin and bullion stored in dungeons and towers. Yet you said: ‘The world has no owner—you must leave it all behind and pass on.’ How should I see the meaning of this statement?”
“ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, ยถา ตฺวํ เอตรหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสิ, ลจฺฉสิ ตฺวํ ปรตฺถาปิ: ‘เอวเมวาหํ อิเมเหว ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมี'ติ, อุทาหุ อญฺเญ อิมํ โภคํ ปฏิปชฺชิสฺสนฺติ, ตฺวํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสสี”ติ?
“What do you think, great king? These days you amuse yourself, supplied and provided with the five kinds of sensual stimulation. But is there any way to ensure that in the next life you will continue to amuse yourself in the same way, supplied and provided with the same five kinds of sensual stimulation? Or will others make use of this property, while you pass on according to your deeds?”
“ยถาหํ, โภ รฏฺฐปาล, เอตรหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมิ, นาหํ ลจฺฉามิ ปรตฺถาปิ: ‘เอวเมว อิเมเหว ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมี'ติฯ อถ โข อญฺเญ อิมํ โภคํ ปฏิปชฺชิสฺสนฺติ; อหํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสามี”ติฯ
“There’s no way to ensure that I will continue to amuse myself in the same way. Rather, others will take over this property, while I pass on according to my deeds.”
“อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ: ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียนฺ'ติ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต”ติฯ
“This is what the Buddha was referring to when he said: ‘The world has no owner—you must leave it all behind and pass on.’”
“อจฺฉริยํ, โภ รฏฺฐปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺฐปาลฯ ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน: ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียนฺ'ติฯ อสฺสโก หิ, โภ รฏฺฐปาล, โลโก สพฺพํ ปหาย คมนียํฯ
“It’s incredible, Master Raṭṭhapāla, it’s amazing, how well said this was by the Buddha. For the world indeed has no owner—you must leave it all behind and pass on.
‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส'ติ—ภวํ รฏฺฐปาโล อาหฯ อิมสฺส, โภ รฏฺฐปาล, ภาสิตสฺส กถํ อตฺโถ ทฏฺฐพฺโพ”ติ?
You also said this: ‘The world is wanting, insatiable, the slave of craving.’ How should I see the meaning of this statement?”
“ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, ผีตํ กุรุํ อชฺฌาวสสี”ติ?
“What do you think, great king? Do you dwell in the prosperous land of Kuru?”
“เอวํ, โภ รฏฺฐปาล, ผีตํ กุรุํ อชฺฌาวสามี”ติฯ
“Indeed I do.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปุรตฺถิมาย ทิสาย สทฺธายิโก ปจฺจยิโกฯ โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย: ‘ยคฺเฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปุรตฺถิมาย ทิสาย? ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ชนปทํ อิทฺธญฺเจว ผีตญฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํฯ พหู ตตฺถ หตฺถิกายา อสฺสกายา รถกายา ปตฺติกายา; พหุ ตตฺถ ธนธญฺญํ; พหุ ตตฺถ หิรญฺญสุวณฺณํ อกตญฺเจว กตญฺจ; พหุ ตตฺถ อิตฺถิปริคฺคโหฯ สกฺกา จ ตาวตเกเนว พลมตฺเตน อภิวิชินิตุํฯ อภิวิชิน, มหาราชา'ติ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี”ติ?
“What do you think, great king? Suppose a trustworthy and reliable man were to come from the east. He’d approach you and say: ‘Please sir, you should know this. I come from the east. There I saw a large country that is successful and prosperous, populous, full of people. They have many divisions of elephants, cavalry, chariots, and infantry. And there’s plenty of money and grain, plenty of gold coins and bullion, both worked and unworked, and plenty of women for the taking. With your current forces you can conquer it. Conquer it, great king!’ What would you do?”
“ตมฺปิ มยํ, โภ รฏฺฐปาล, อภิวิชิย อชฺฌาวเสยฺยามา”ติฯ
“I would conquer it and dwell there.”
“ตํ กึ มญฺญสิ, มหาราช, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปจฺฉิมาย ทิสาย … อุตฺตราย ทิสาย … ทกฺขิณาย ทิสาย … ปรสมุทฺทโต สทฺธายิโก ปจฺจยิโกฯ โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย: ‘ยคฺเฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปรสมุทฺทโต? ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ชนปทํ อิทฺธญฺเจว ผีตญฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํฯ พหู ตตฺถ หตฺถิกายา อสฺสกายา รถกายา ปตฺติกายา; พหุ ตตฺถ ธนธญฺญํ; พหุ ตตฺถ หิรญฺญสุวณฺณํ อกตญฺเจว กตญฺจ; พหุ ตตฺถ อิตฺถิปริคฺคโหฯ สกฺกา จ ตาวตเกเนว พลมตฺเตน อภิวิชินิตุํฯ อภิวิชิน, มหาราชา'ติ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี”ติ?
“What do you think, great king? Suppose a trustworthy and reliable man were to come from the west, north, south, or from over the ocean. He’d approach you and say the same thing. What would you do?”
“ตมฺปิ มยํ, โภ รฏฺฐปาล, อภิวิชิย อชฺฌาวเสยฺยามา”ติฯ
“I would conquer it and dwell there.”
“อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สนฺธาย ภาสิตํ: ‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส'ติ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต”ติฯ
“This is what the Buddha was referring to when he said: ‘The world is wanting, insatiable, the slave of craving.’ And it was after knowing and seeing and hearing this that I went forth from the lay life to homelessness.”
“อจฺฉริยํ, โภ รฏฺฐปาล, อพฺภุตํ, โภ รฏฺฐปาลฯ ยาว สุภาสิตญฺจิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน: ‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส'ติฯ อูโน หิ, โภ รฏฺฐปาล, โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส”ติฯ
“It’s incredible, Master Raṭṭhapāla, it’s amazing, how well said this was by the Buddha. For the world is indeed wanting, insatiable, the slave of craving.”
อิทมโวจ อายสฺมา รฏฺฐปาโลฯ อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ:
This is what Venerable Raṭṭhapāla said. Then he went on to say:
“ปสฺสามิ โลเก สธเน มนุเสฺส, ลทฺธาน วิตฺตํ น ททนฺติ โมหา; ลุทฺธา ธนํ สนฺนิจยํ กโรนฺติ, ภิโยฺยว กาเม อภิปตฺถยนฺติฯ
“I see rich people in the world who, because of delusion, give not
the wealth they’ve earned. Greedily, they hoard their riches, yearning for ever more sensual pleasures.
ราชา ปสยฺหา ปถวึ วิชิตฺวา, สสาครนฺตํ มหิมาวสนฺโต; โอรํ สมุทฺทสฺส อติตฺตรูโป, ปารํ สมุทฺทสฺสปิ ปตฺถเยถฯ
A king who conquered the earth by force, ruling the land from sea to sea, unsatisfied with the near shore of the ocean, would still yearn for the further shore.
ราชา จ อญฺเญ จ พหู มนุสฺสา, อวีตตณฺหา มรณํ อุเปนฺติ; อูนาว หุตฺวาน ชหนฺติ เทหํ, กาเมหิ โลกมฺหิ น หตฺถิ ติตฺติฯ
Not just the king, but others too, reach death not rid of craving. They leave the body still wanting, for in this world sensual pleasures never satisfy.
กนฺทนฺติ นํ ญาตี ปกิริย เกเส, อโหวตา โน อมราติ จาหุ; วตฺเถน นํ ปารุตํ นีหริตฺวา, จิตํ สมาทาย ตโตฑหนฺติฯ
Relatives lament, their hair disheveled, saying ‘Ah! Alas! They’re not immortal!’ They take out the body wrapped in a shroud, heap up a pyre, and burn it there.
โส ฑยฺหติ สูเลหิ ตุชฺชมาโน, เอเกน วตฺเถน ปหาย โภเค; น มียมานสฺส ภวนฺติ ตาณา, ญาตีธ มิตฺตา อถ วา สหายาฯ
It’s poked with stakes while being burnt, in just a single cloth, all wealth gone. Relatives, friends, and companions can’t help you when you’re dying.
ทายาทกา ตสฺส ธนํ หรนฺติ, สตฺโต ปน คจฺฉติ เยน กมฺมํ; น มียมานํ ธนมเนฺวติ กิญฺจิ, ปุตฺตา จ ทารา จ ธนญฺจ รฏฺฐํฯ
Heirs take your riches, while beings fare on according to their deeds. Riches don’t follow you when you die; nor do children, wife, wealth, nor kingdom.
น ทีฆมายุํ ลภเต ธเนน, น จาปิ วิตฺเตน ชรํ วิหนฺติ; อปฺปํ หิทํ ชีวิตมาหุ ธีรา, อสสฺสตํ วิปฺปริณามธมฺมํฯ
Longevity isn’t gained by riches, nor does wealth banish old age; for the wise say this life is short, it’s perishable and not eternal.
อฑฺฒา ทลิทฺทา จ ผุสนฺติ ผสฺสํ, พาโล จ ธีโร จ ตเถว ผุฏฺโฐ; พาโล จ พาลฺยา วธิโตว เสติ, ธีโร จ น เวธติ ผสฺสผุฏฺโฐฯ
The rich and the poor feel its touch; the fool and the wise feel it too. But the fool lies stricken by their own folly, while the wise don’t tremble at the touch.
ตสฺมา หิ ปญฺญาว ธเนน เสโยฺย, ยาย โวสานมิธาธิคจฺฉติ; อโพฺยสิตตฺตา หิ ภวาภเวสุ, ปาปานิ กมฺมานิ กโรนฺติ โมหาฯ
Therefore wisdom’s much better than wealth, since by wisdom
อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํ, สํสารมาปชฺช ปรมฺปราย; ตสฺสปฺปปญฺโญ อภิสทฺทหนฺโต, อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํฯ
One who enters a womb and the world beyond, will transmigrate from one life to the next. While someone of little wisdom,
โจโร ยถา สนฺธิมุเข คหิโต, สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธมฺโม; เอวํ ปชา เปจฺจ ปรมฺหิ โลเก, สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธมฺโมฯ
As a bandit caught in the door is punished for his own bad deeds; so after departing, in the world beyond, people are punished for their own bad deeds.
กามาหิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ; อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา, ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชฯ
Sensual pleasures are diverse, sweet, delightful; appearing in disguise they disturb the mind. Seeing danger in sensual stimulations, I went forth, O King.
ทุมปฺผลาเนว ปตนฺติ มาณวา, ทหรา จ วุฑฺฒา จ สรีรเภทา; เอตมฺปิ ทิสฺวา ปพฺพชิโตมฺหิ ราช, อปณฺณกํ สามญฺญเมว เสโยฺย”ติฯ
As fruit falls from a tree, so people fall, young and old, when the body breaks up. Seeing this, too, I went forth, O King; the ascetic life is guaranteed to be better.”
รฏฺฐปาลสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ทุติยํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]