Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๒. รฎฺฐปาลสุตฺตํ

    2. Raṭṭhapālasuttaṃ

    ๒๙๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน ถุลฺลโกฎฺฐิกํ 1 นาม กุรูนํ นิคโม ตทวสริฯ อโสฺสสุํ โข ถุลฺลโกฎฺฐิกา 2 พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต กุรูสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ถุลฺลโกฎฺฐิกํ อนุปฺปโตฺตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ อถ โข ถุลฺลโกฎฺฐิกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อเปฺปกเจฺจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ; อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข ถุลฺลโกฎฺฐิเก พฺราหฺมณคหปติเก ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ

    293. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kurūsu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena thullakoṭṭhikaṃ 3 nāma kurūnaṃ nigamo tadavasari. Assosuṃ kho thullakoṭṭhikā 4 brāhmaṇagahapatikā – ‘‘samaṇo khalu, bho, gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito kurūsu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ thullakoṭṭhikaṃ anuppatto. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti. Atha kho thullakoṭṭhikā brāhmaṇagahapatikā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā appekacce bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce bhagavato santike nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu; appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho thullakoṭṭhike brāhmaṇagahapatike bhagavā dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi.

    ๒๙๔. เตน โข ปน สมเยน รฎฺฐปาโล นาม กุลปุโตฺต ตสฺมิํเยว ถุลฺลโกฎฺฐิเก อคฺคกุลสฺส 5 ปุโตฺต ติสฺสํ ปริสายํ นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยถา ยถา ขฺวาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ 6, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติฯ อถ โข ถุลฺลโกฎฺฐิกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุเตฺตชิตา สมฺปหํสิตา ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ อถ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต อจิรปกฺกเนฺตสุ ถุลฺลโกฎฺฐิเกสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยถา ยถาหํ, ภเนฺต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ อิจฺฉามหํ, ภเนฺต, เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปทํฯ ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ 7ฯ ‘‘อนุญฺญาโตสิ ปน ตฺวํ, รฎฺฐปาล, มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ‘‘น โขหํ, ภเนฺต, อนุญฺญาโต มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติฯ ‘‘น โข, รฎฺฐปาล, ตถาคตา อนนุญฺญาตํ มาตาปิตูหิ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติฯ ‘‘สฺวาหํ, ภเนฺต, ตถา กริสฺสามิ ยถา มํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติฯ

    294. Tena kho pana samayena raṭṭhapālo nāma kulaputto tasmiṃyeva thullakoṭṭhike aggakulassa 8 putto tissaṃ parisāyaṃ nisinno hoti. Atha kho raṭṭhapālassa kulaputtassa etadahosi – ‘‘yathā yathā khvāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi 9, nayidaṃ sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā ekantaparipuṇṇaṃ ekantaparisuddhaṃ saṅkhalikhitaṃ brahmacariyaṃ carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya’’nti. Atha kho thullakoṭṭhikā brāhmaṇagahapatikā bhagavatā dhammiyā kathāya sandassitā samādapitā samuttejitā sampahaṃsitā bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkamiṃsu. Atha kho raṭṭhapālo kulaputto acirapakkantesu thullakoṭṭhikesu brāhmaṇagahapatikesu yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho raṭṭhapālo kulaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yathā yathāhaṃ, bhante, bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, nayidaṃ sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā ekantaparipuṇṇaṃ ekantaparisuddhaṃ saṅkhalikhitaṃ brahmacariyaṃ carituṃ. Icchāmahaṃ, bhante, kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajituṃ. Labheyyāhaṃ, bhante, bhagavato santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampadaṃ. Pabbājetu maṃ bhagavā’’ti 10. ‘‘Anuññātosi pana tvaṃ, raṭṭhapāla, mātāpitūhi agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti? ‘‘Na khohaṃ, bhante, anuññāto mātāpitūhi agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti. ‘‘Na kho, raṭṭhapāla, tathāgatā ananuññātaṃ mātāpitūhi puttaṃ pabbājentī’’ti. ‘‘Svāhaṃ, bhante, tathā karissāmi yathā maṃ mātāpitaro anujānissanti agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti.

    ๒๙๕. อถ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘อมฺมตาตา, ยถา ยถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ อิจฺฉามหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฎฺฐปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต 11ฯ น ตฺวํ, ตาต รฎฺฐปาล , กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กิํ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ทุติยมฺปิ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต…เป.… ตติยมฺปิ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต มาตาปิตโร เอตทโวจ – ‘‘อมฺมตาตา, ยถา ยถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํฯ อิจฺฉามหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตุํฯ อนุชานาถ มํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติฯ ตติยมฺปิ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฎฺฐปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, ตาต รฎฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กิํ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ?

    295. Atha kho raṭṭhapālo kulaputto uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena mātāpitaro tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā mātāpitaro etadavoca – ‘‘ammatātā, yathā yathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, nayidaṃ sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā ekantaparipuṇṇaṃ ekantaparisuddhaṃ saṅkhalikhitaṃ brahmacariyaṃ carituṃ. Icchāmahaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajituṃ. Anujānātha maṃ agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti. Evaṃ vutte, raṭṭhapālassa kulaputtassa mātāpitaro raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘tvaṃ khosi, tāta raṭṭhapāla, amhākaṃ ekaputtako piyo manāpo sukhedhito sukhaparibhato 12. Na tvaṃ, tāta raṭṭhapāla , kassaci dukkhassa jānāsi. Maraṇenapi te mayaṃ akāmakā vinā bhavissāma. Kiṃ pana mayaṃ taṃ jīvantaṃ anujānissāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti? Dutiyampi kho raṭṭhapālo kulaputto…pe… tatiyampi kho raṭṭhapālo kulaputto mātāpitaro etadavoca – ‘‘ammatātā, yathā yathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, nayidaṃ sukaraṃ agāraṃ ajjhāvasatā ekantaparipuṇṇaṃ ekantaparisuddhaṃ saṅkhalikhitaṃ brahmacariyaṃ carituṃ. Icchāmahaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajituṃ. Anujānātha maṃ agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti. Tatiyampi kho raṭṭhapālassa kulaputtassa mātāpitaro raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘tvaṃ khosi, tāta raṭṭhapāla, amhākaṃ ekaputtako piyo manāpo sukhedhito sukhaparibhato. Na tvaṃ, tāta raṭṭhapāla, kassaci dukkhassa jānāsi. Maraṇenapi te mayaṃ akāmakā vinā bhavissāma. Kiṃ pana mayaṃ taṃ jīvantaṃ anujānissāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti?

    ๒๙๖. อถ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต – ‘‘น มํ มาตาปิตโร อนุชานนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ ตเตฺถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปชฺชิ – ‘‘อิเธว เม มรณํ ภวิสฺสติ ปพฺพชฺชา วา’’ติฯ อถ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต เอกมฺปิ ภตฺตํ น ภุญฺชิ, เทฺวปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, ตีณิปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, จตฺตาริปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, ปญฺจปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, ฉปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิ, สตฺตปิ ภตฺตานิ น ภุญฺชิฯ อถ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฎฺฐปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, ตาต รฎฺฐปาล, กสฺสจิ, ทุกฺขสฺส ชานาสิ 13ฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กิํ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ อุเฎฺฐหิ, ตาต รฎฺฐปาล, ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภุญฺชโนฺต ปิวโนฺต ปริจาเรโนฺต กาเม ปริภุญฺชโนฺต ปุญฺญานิ กโรโนฺต อภิรมสฺสุฯ น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย 14ฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสามฯ กิํ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? เอวํ วุเตฺต, รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ…เป.… ทุติยมฺปิ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ตุณฺหี อโหสิฯ ตติยมฺปิ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ตาต รฎฺฐปาล, อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, ตาต รฎฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม, กิํ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ อุเฎฺฐหิ, ตาต รฎฺฐปาล, ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภุญฺชโนฺต ปิวโนฺต ปริจาเรโนฺต กาเม ปริภุญฺชโนฺต ปุญฺญานิ กโรโนฺต อภิรมสฺสุฯ น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ มรเณนปิ เต มยํ อกามกา วินา ภวิสฺสาม ฯ กิํ ปน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ตติยมฺปิ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ตุณฺหี อโหสิฯ

    296. Atha kho raṭṭhapālo kulaputto – ‘‘na maṃ mātāpitaro anujānanti agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti tattheva anantarahitāya bhūmiyā nipajji – ‘‘idheva me maraṇaṃ bhavissati pabbajjā vā’’ti. Atha kho raṭṭhapālo kulaputto ekampi bhattaṃ na bhuñji, dvepi bhattāni na bhuñji, tīṇipi bhattāni na bhuñji, cattāripi bhattāni na bhuñji, pañcapi bhattāni na bhuñji, chapi bhattāni na bhuñji, sattapi bhattāni na bhuñji. Atha kho raṭṭhapālassa kulaputtassa mātāpitaro raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘tvaṃ khosi, tāta raṭṭhapāla, amhākaṃ ekaputtako piyo manāpo sukhedhito sukhaparibhato. Na tvaṃ, tāta raṭṭhapāla, kassaci, dukkhassa jānāsi 15. Maraṇenapi te mayaṃ akāmakā vinā bhavissāma. Kiṃ pana mayaṃ taṃ jīvantaṃ anujānissāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya. Uṭṭhehi, tāta raṭṭhapāla, bhuñja ca piva ca paricārehi ca; bhuñjanto pivanto paricārento kāme paribhuñjanto puññāni karonto abhiramassu. Na taṃ mayaṃ anujānāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya 16. Maraṇenapi te mayaṃ akāmakā vinā bhavissāma. Kiṃ pana mayaṃ taṃ jīvantaṃ anujānissāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti? Evaṃ vutte, raṭṭhapālo kulaputto tuṇhī ahosi. Dutiyampi kho raṭṭhapālassa kulaputtassa mātāpitaro raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ etadavocuṃ…pe… dutiyampi kho raṭṭhapālo kulaputto tuṇhī ahosi. Tatiyampi kho raṭṭhapālassa kulaputtassa mātāpitaro raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘tvaṃ khosi, tāta raṭṭhapāla, amhākaṃ ekaputtako piyo manāpo sukhedhito sukhaparibhato. Na tvaṃ, tāta raṭṭhapāla, kassaci dukkhassa jānāsi. Maraṇenapi te mayaṃ akāmakā vinā bhavissāma, kiṃ pana mayaṃ taṃ jīvantaṃ anujānissāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya. Uṭṭhehi, tāta raṭṭhapāla, bhuñja ca piva ca paricārehi ca; bhuñjanto pivanto paricārento kāme paribhuñjanto puññāni karonto abhiramassu. Na taṃ mayaṃ anujānāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya. Maraṇenapi te mayaṃ akāmakā vinā bhavissāma . Kiṃ pana mayaṃ taṃ jīvantaṃ anujānissāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti? Tatiyampi kho raṭṭhapālo kulaputto tuṇhī ahosi.

    ๒๙๗. อถ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ 17, สมฺม รฎฺฐปาล, มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโตฯ น ตฺวํ, สมฺม รฎฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิฯ มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติฯ กิํ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ อุเฎฺฐหิ, สมฺม รฎฺฐปาล, ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ; ภุญฺชโนฺต ปิวโนฺต ปริจาเรโนฺต กาเม ปริภุญฺชโนฺต ปุญฺญานิ กโรโนฺต อภิรมสฺสุฯ น ตํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ 18 อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติฯ กิํ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? เอวํ วุเตฺต, รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ตุณฺหี อโหสิฯ ทุติยมฺปิ โข… ตติยมฺปิ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, สมฺม รฎฺฐปาล, มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริภโต, น ตฺวํ, สมฺม รฎฺฐปาล, กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ, มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติฯ กิํ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย? อุเฎฺฐหิ, สมฺม รฎฺฐปาล, ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ, ภุญฺชโนฺต ปิวโนฺต ปริจาเรโนฺต กาเม ปริภุญฺชโนฺต ปุญฺญานิ กโรโนฺต อภิรมสฺสุฯ น ตํ มาตาปิตโร อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, มรเณนปิ เต มาตาปิตโร อกามกา วินา ภวิสฺสนฺติฯ กิํ ปน เต ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสนฺติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ตติยมฺปิ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ตุณฺหี อโหสิฯ

    297. Atha kho raṭṭhapālassa kulaputtassa sahāyakā yena raṭṭhapālo kulaputto tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘tvaṃ khosi 19, samma raṭṭhapāla, mātāpitūnaṃ ekaputtako piyo manāpo sukhedhito sukhaparibhato. Na tvaṃ, samma raṭṭhapāla, kassaci dukkhassa jānāsi. Maraṇenapi te mātāpitaro akāmakā vinā bhavissanti. Kiṃ pana te taṃ jīvantaṃ anujānissanti agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya. Uṭṭhehi, samma raṭṭhapāla, bhuñja ca piva ca paricārehi ca; bhuñjanto pivanto paricārento kāme paribhuñjanto puññāni karonto abhiramassu. Na taṃ mātāpitaro anujānissanti 20 agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya. Maraṇenapi te mātāpitaro akāmakā vinā bhavissanti. Kiṃ pana te taṃ jīvantaṃ anujānissanti agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti? Evaṃ vutte, raṭṭhapālo kulaputto tuṇhī ahosi. Dutiyampi kho… tatiyampi kho raṭṭhapālassa kulaputtassa sahāyakā raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘tvaṃ khosi, samma raṭṭhapāla, mātāpitūnaṃ ekaputtako piyo manāpo sukhedhito sukhaparibhato, na tvaṃ, samma raṭṭhapāla, kassaci dukkhassa jānāsi, maraṇenapi te mātāpitaro akāmakā vinā bhavissanti. Kiṃ pana te taṃ jīvantaṃ anujānissanti agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya? Uṭṭhehi, samma raṭṭhapāla, bhuñja ca piva ca paricārehi ca, bhuñjanto pivanto paricārento kāme paribhuñjanto puññāni karonto abhiramassu. Na taṃ mātāpitaro anujānissanti agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya, maraṇenapi te mātāpitaro akāmakā vinā bhavissanti. Kiṃ pana te taṃ jīvantaṃ anujānissanti agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti? Tatiyampi kho raṭṭhapālo kulaputto tuṇhī ahosi.

    ๒๙๘. อถ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส มาตาปิตโร เอตทโวจุํ – ‘‘อมฺมตาตา, เอโส รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ตเตฺถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปโนฺน – ‘อิเธว เม มรณํ ภวิสฺสติ ปพฺพชฺชา วา’ติฯ สเจ ตุเมฺห รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ นานุชานิสฺสถ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, ตเตฺถว 21 มรณํ อาคมิสฺสติฯ สเจ ปน ตุเมฺห รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ อนุชานิสฺสถ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, ปพฺพชิตมฺปิ นํ ทกฺขิสฺสถฯ สเจ รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต นาภิรมิสฺสติ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย, กา ตสฺส 22 อญฺญา คติ ภวิสฺสติ? อิเธว ปจฺจาคมิสฺสติฯ อนุชานาถ รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติฯ ‘‘อนุชานาม, ตาตา, รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ ปพฺพชิเตน จ ปน 23 มาตาปิตโร อุทฺทเสฺสตพฺพา’’ติฯ อถ โข รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส สหายกา เยน รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา รฎฺฐปาลํ กุลปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อุเฎฺฐหิ, สมฺม รฎฺฐปาล 24, อนุญฺญาโตสิ มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ ปพฺพชิเตน จ ปน เต มาตาปิตโร อุทฺทเสฺสตพฺพา’’ติฯ

    298. Atha kho raṭṭhapālassa kulaputtassa sahāyakā yena raṭṭhapālassa kulaputtassa mātāpitaro tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā raṭṭhapālassa kulaputtassa mātāpitaro etadavocuṃ – ‘‘ammatātā, eso raṭṭhapālo kulaputto tattheva anantarahitāya bhūmiyā nipanno – ‘idheva me maraṇaṃ bhavissati pabbajjā vā’ti. Sace tumhe raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ nānujānissatha agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya, tattheva 25 maraṇaṃ āgamissati. Sace pana tumhe raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ anujānissatha agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya, pabbajitampi naṃ dakkhissatha. Sace raṭṭhapālo kulaputto nābhiramissati agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya, kā tassa 26 aññā gati bhavissati? Idheva paccāgamissati. Anujānātha raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāyā’’ti. ‘‘Anujānāma, tātā, raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya. Pabbajitena ca pana 27 mātāpitaro uddassetabbā’’ti. Atha kho raṭṭhapālassa kulaputtassa sahāyakā yena raṭṭhapālo kulaputto tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā raṭṭhapālaṃ kulaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘uṭṭhehi, samma raṭṭhapāla 28, anuññātosi mātāpitūhi agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya. Pabbajitena ca pana te mātāpitaro uddassetabbā’’ti.

    ๒๙๙. อถ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต อุฎฺฐหิตฺวา พลํ คาเหตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อนุญฺญาโต อหํ, ภเนฺต, มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายฯ ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติฯ อลตฺถ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อถ โข ภควา อจิรูปสมฺปเนฺน อายสฺมเนฺต รฎฺฐปาเล อฑฺฒมาสูปสมฺปเนฺน ถุลฺลโกฎฺฐิเก ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา รฎฺฐปาโล อรหตํ อโหสิฯ

    299. Atha kho raṭṭhapālo kulaputto uṭṭhahitvā balaṃ gāhetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho raṭṭhapālo kulaputto bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘anuññāto ahaṃ, bhante, mātāpitūhi agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya. Pabbājetu maṃ bhagavā’’ti. Alattha kho raṭṭhapālo kulaputto bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Atha kho bhagavā acirūpasampanne āyasmante raṭṭhapāle aḍḍhamāsūpasampanne thullakoṭṭhike yathābhirantaṃ viharitvā yena sāvatthi tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena sāvatthi tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho āyasmā raṭṭhapālo eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā raṭṭhapālo arahataṃ ahosi.

    อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภเนฺต, มาตาปิตโร อุทฺทเสฺสตุํ, สเจ มํ ภควา อนุชานาตี’’ติฯ อถ โข ภควา อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส เจตสา เจโต ปริจฺจ 29 มนสากาสิฯ ยถา 30 ภควา อญฺญาสิ – ‘‘อภโพฺพ โข รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติตุ’’นฺติ, อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ เอตทโวจ – ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, รฎฺฐปาล, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ถุลฺลโกฎฺฐิกํ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน ถุลฺลโกฎฺฐิโก ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ อายสฺมา รฎฺฐปาโล ถุลฺลโกฎฺฐิเก วิหรติ รโญฺญ โกรพฺยสฺส มิคจีเรฯ อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ถุลฺลโกฎฺฐิกํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ ถุลฺลโกฎฺฐิเก สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน เยน สกปิตุ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตา มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อุลฺลิขาเปติฯ อทฺทสา โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตา อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน เอตทโวจ – ‘‘อิเมหิ มุณฺฑเกหิ สมณเกหิ อมฺหากํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป ปพฺพาชิโต’’ติ ฯ อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล สกปิตุ นิเวสเน เนว ทานํ อลตฺถ น ปจฺจกฺขานํ; อญฺญทตฺถุ อโกฺกสเมว อลตฺถฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ญาติทาสี อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ฉเฑฺฑตุกามา โหติฯ อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ตํ ญาติทาสิํ เอตทโวจ – ‘‘สเจตํ, ภคินิ, ฉฑฺฑนียธมฺมํ, อิธ เม ปเตฺต อากิรา’’ติฯ อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ญาติทาสี ตํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปเตฺต อากิรนฺตี หตฺถานญฺจ ปาทานญฺจ สรสฺส จ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิฯ

    Atha kho āyasmā raṭṭhapālo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā raṭṭhapālo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘icchāmahaṃ, bhante, mātāpitaro uddassetuṃ, sace maṃ bhagavā anujānātī’’ti. Atha kho bhagavā āyasmato raṭṭhapālassa cetasā ceto paricca 31 manasākāsi. Yathā 32 bhagavā aññāsi – ‘‘abhabbo kho raṭṭhapālo kulaputto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattitu’’nti, atha kho bhagavā āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ etadavoca – ‘‘yassadāni tvaṃ, raṭṭhapāla, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho āyasmā raṭṭhapālo uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya yena thullakoṭṭhikaṃ tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena thullakoṭṭhiko tadavasari. Tatra sudaṃ āyasmā raṭṭhapālo thullakoṭṭhike viharati rañño korabyassa migacīre. Atha kho āyasmā raṭṭhapālo pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya thullakoṭṭhikaṃ piṇḍāya pāvisi. Thullakoṭṭhike sapadānaṃ piṇḍāya caramāno yena sakapitu nivesanaṃ tenupasaṅkami. Tena kho pana samayena āyasmato raṭṭhapālassa pitā majjhimāya dvārasālāya ullikhāpeti. Addasā kho āyasmato raṭṭhapālassa pitā āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna etadavoca – ‘‘imehi muṇḍakehi samaṇakehi amhākaṃ ekaputtako piyo manāpo pabbājito’’ti . Atha kho āyasmā raṭṭhapālo sakapitu nivesane neva dānaṃ alattha na paccakkhānaṃ; aññadatthu akkosameva alattha. Tena kho pana samayena āyasmato raṭṭhapālassa ñātidāsī ābhidosikaṃ kummāsaṃ chaḍḍetukāmā hoti. Atha kho āyasmā raṭṭhapālo taṃ ñātidāsiṃ etadavoca – ‘‘sacetaṃ, bhagini, chaḍḍanīyadhammaṃ, idha me patte ākirā’’ti. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa ñātidāsī taṃ ābhidosikaṃ kummāsaṃ āyasmato raṭṭhapālassa patte ākirantī hatthānañca pādānañca sarassa ca nimittaṃ aggahesi.

    ๓๐๐. อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ญาติทาสี เยนายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส มาตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส มาตรํ เอตทโวจ – ‘‘ยเคฺฆเยฺย, ชาเนยฺยาสิ – ‘อยฺยปุโตฺต รฎฺฐปาโล อนุปฺปโตฺต’’’ติฯ ‘‘สเจ, เช, สจฺจํ ภณสิ, อทาสิํ ตํ กโรมี’’ติ 33ฯ อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส มาตา เยนายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘ยเคฺฆ, คหปติ, ชาเนยฺยาสิ – ‘รฎฺฐปาโล กิร กุลปุโตฺต อนุปฺปโตฺต’’’ติ? เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา รฎฺฐปาโล ตํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อญฺญตรํ กุฎฺฎมูลํ 34 นิสฺสาย ปริภุญฺชติฯ อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตา เยนายสฺมา รฎฺฐปาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อตฺถิ นาม, ตาต รฎฺฐปาล, อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภุญฺชิสฺสสิ? นนุ, ตาต รฎฺฐปาล, สกํ เคหํ คนฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘กุโต โน, คหปติ, อมฺหากํ เคหํ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตานํ? อนคารา มยํ, คหปติฯ อคมมฺห โข เต, คหปติ, เคหํ, ตตฺถ เนว ทานํ อลตฺถมฺห น ปจฺจกฺขานํ; อญฺญทตฺถุ อโกฺกสเมว อลตฺถมฺหา’’ติฯ ‘‘เอหิ, ตาต รฎฺฐปาล, ฆรํ คมิสฺสามา’’ติฯ ‘‘อลํ, คหปติ, กตํ เม อชฺช ภตฺตกิจฺจํ’’ฯ ‘‘เตน หิ, ตาต รฎฺฐปาล, อธิวาเสหิ สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตา อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา เยน สกํ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มหนฺตํ หิรญฺญสุวณฺณสฺส ปุญฺชํ การาเปตฺวา กิลเญฺชหิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปุราณทุติยิกา อามเนฺตสิ – ‘‘เอถ ตุเมฺห, วธุโย, เยน อลงฺกาเรน อลงฺกตา ปุเพฺพ รฎฺฐปาลสฺส กุลปุตฺตสฺส ปิยา โหถ มนาปา เตน อลงฺกาเรน อลงฺกโรถา’’ติฯ

    300. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa ñātidāsī yenāyasmato raṭṭhapālassa mātā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmato raṭṭhapālassa mātaraṃ etadavoca – ‘‘yaggheyye, jāneyyāsi – ‘ayyaputto raṭṭhapālo anuppatto’’’ti. ‘‘Sace, je, saccaṃ bhaṇasi, adāsiṃ taṃ karomī’’ti 35. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa mātā yenāyasmato raṭṭhapālassa pitā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmato raṭṭhapālassa pitaraṃ etadavoca – ‘‘yagghe, gahapati, jāneyyāsi – ‘raṭṭhapālo kira kulaputto anuppatto’’’ti? Tena kho pana samayena āyasmā raṭṭhapālo taṃ ābhidosikaṃ kummāsaṃ aññataraṃ kuṭṭamūlaṃ 36 nissāya paribhuñjati. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa pitā yenāyasmā raṭṭhapālo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ etadavoca – ‘‘atthi nāma, tāta raṭṭhapāla, ābhidosikaṃ kummāsaṃ paribhuñjissasi? Nanu, tāta raṭṭhapāla, sakaṃ gehaṃ gantabba’’nti? ‘‘Kuto no, gahapati, amhākaṃ gehaṃ agārasmā anagāriyaṃ pabbajitānaṃ? Anagārā mayaṃ, gahapati. Agamamha kho te, gahapati, gehaṃ, tattha neva dānaṃ alatthamha na paccakkhānaṃ; aññadatthu akkosameva alatthamhā’’ti. ‘‘Ehi, tāta raṭṭhapāla, gharaṃ gamissāmā’’ti. ‘‘Alaṃ, gahapati, kataṃ me ajja bhattakiccaṃ’’. ‘‘Tena hi, tāta raṭṭhapāla, adhivāsehi svātanāya bhatta’’nti. Adhivāsesi kho āyasmā raṭṭhapālo tuṇhībhāvena. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa pitā āyasmato raṭṭhapālassa adhivāsanaṃ viditvā yena sakaṃ nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā mahantaṃ hiraññasuvaṇṇassa puñjaṃ kārāpetvā kilañjehi paṭicchādetvā āyasmato raṭṭhapālassa purāṇadutiyikā āmantesi – ‘‘etha tumhe, vadhuyo, yena alaṅkārena alaṅkatā pubbe raṭṭhapālassa kulaputtassa piyā hotha manāpā tena alaṅkārena alaṅkarothā’’ti.

    ๓๐๑. อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยาทาเปตฺวา อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส กาลํ อาโรเจสิ – ‘‘กาโล, ตาต รฎฺฐปาล, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สกปิตุ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตา ตํ หิรญฺญสุวณฺณสฺส ปุญฺชํ วิวราเปตฺวา อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อิทํ เต, ตาต รฎฺฐปาล, มาตุ มตฺติกํ ธนํ, อญฺญํ เปตฺติกํ, อญฺญํ ปิตามหํฯ สกฺกา, ตาต รฎฺฐปาล, โภเค จ ภุญฺชิตุํ ปุญฺญานิ จ กาตุํฯ เอหิ ตฺวํ, ตาต รฎฺฐปาล 37 , หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภุญฺชสฺสุ ปุญฺญานิ จ กโรหี’’ติฯ ‘‘สเจ เม ตฺวํ, คหปติ, วจนํ กเรยฺยาสิ, อิมํ หิรญฺญสุวณฺณสฺส ปุญฺชํ สกเฎ อาโรเปตฺวา นิพฺพาหาเปตฺวา มเชฺฌคงฺคาย นทิยา โสเต โอปิลาเปยฺยาสิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? เย อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ หิ เต, คหปติ, ตโตนิทานํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติฯ อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปุราณทุติยิกา ปเจฺจกํ ปาเทสุ คเหตฺวา อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ เอตทโวจุํ – ‘‘กีทิสา นาม ตา, อยฺยปุตฺต, อจฺฉราโย ยาสํ ตฺวํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรสี’’ติ? ‘‘น โข มยํ, ภคินี, อจฺฉรานํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรามา’’ติฯ ‘‘ภคินิวาเทน โน อยฺยปุโตฺต รฎฺฐปาโล สมุทาจรตี’’ติ ตา ตเตฺถว มุจฺฉิตา ปปติํสุฯ อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ, คหปติ, โภชนํ ทาตพฺพํ, เทถ; มา โน วิเหเฐถา’’ติฯ ‘‘ภุญฺช, ตาต รฎฺฐปาล, นิฎฺฐิตํ ภตฺต’’นฺติฯ อถ โข อายสฺมโต รฎฺฐปาลสฺส ปิตา อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ

    301. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa pitā tassā rattiyā accayena sake nivesane paṇītaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyādāpetvā āyasmato raṭṭhapālassa kālaṃ ārocesi – ‘‘kālo, tāta raṭṭhapāla, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho āyasmā raṭṭhapālo pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena sakapitu nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa pitā taṃ hiraññasuvaṇṇassa puñjaṃ vivarāpetvā āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ etadavoca – ‘‘idaṃ te, tāta raṭṭhapāla, mātu mattikaṃ dhanaṃ, aññaṃ pettikaṃ, aññaṃ pitāmahaṃ. Sakkā, tāta raṭṭhapāla, bhoge ca bhuñjituṃ puññāni ca kātuṃ. Ehi tvaṃ, tāta raṭṭhapāla 38, hīnāyāvattitvā bhoge ca bhuñjassu puññāni ca karohī’’ti. ‘‘Sace me tvaṃ, gahapati, vacanaṃ kareyyāsi, imaṃ hiraññasuvaṇṇassa puñjaṃ sakaṭe āropetvā nibbāhāpetvā majjhegaṅgāya nadiyā sote opilāpeyyāsi. Taṃ kissa hetu? Ye uppajjissanti hi te, gahapati, tatonidānaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā’’ti. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa purāṇadutiyikā paccekaṃ pādesu gahetvā āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ etadavocuṃ – ‘‘kīdisā nāma tā, ayyaputta, accharāyo yāsaṃ tvaṃ hetu brahmacariyaṃ carasī’’ti? ‘‘Na kho mayaṃ, bhaginī, accharānaṃ hetu brahmacariyaṃ carāmā’’ti. ‘‘Bhaginivādena no ayyaputto raṭṭhapālo samudācaratī’’ti tā tattheva mucchitā papatiṃsu. Atha kho āyasmā raṭṭhapālo pitaraṃ etadavoca – ‘‘sace, gahapati, bhojanaṃ dātabbaṃ, detha; mā no viheṭhethā’’ti. ‘‘Bhuñja, tāta raṭṭhapāla, niṭṭhitaṃ bhatta’’nti. Atha kho āyasmato raṭṭhapālassa pitā āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi.

    ๓๐๒. อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ภุตฺตาวี โอนีตปตฺตปาณี ฐิตโกว อิมา คาถา อภาสิ –

    302. Atha kho āyasmā raṭṭhapālo bhuttāvī onītapattapāṇī ṭhitakova imā gāthā abhāsi –

    ‘‘ปสฺส จิตฺตีกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;

    ‘‘Passa cittīkataṃ bimbaṃ, arukāyaṃ samussitaṃ;

    อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิติฯ

    Āturaṃ bahusaṅkappaṃ, yassa natthi dhuvaṃ ṭhiti.

    ‘‘ปสฺส จิตฺตีกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ;

    ‘‘Passa cittīkataṃ rūpaṃ, maṇinā kuṇḍalena ca;

    อฎฺฐิ ตเจน โอนทฺธํ, สห วเตฺถภิ โสภติฯ

    Aṭṭhi tacena onaddhaṃ, saha vatthebhi sobhati.

    ‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ;

    ‘‘Alattakakatā pādā, mukhaṃ cuṇṇakamakkhitaṃ;

    อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ

    Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.

    ‘‘อฎฺฐาปทกตา เกสา, เนตฺตา อญฺชนมกฺขิตา;

    ‘‘Aṭṭhāpadakatā kesā, nettā añjanamakkhitā;

    อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ

    Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.

    ‘‘อญฺชนีว นวา 39 จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต;

    ‘‘Añjanīva navā 40 cittā, pūtikāyo alaṅkato;

    อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ

    Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.

    ‘‘โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วากรํ มิโค;

    ‘‘Odahi migavo pāsaṃ, nāsadā vākaraṃ migo;

    ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม 41, กนฺทเนฺต มิคพนฺธเก’’ติฯ

    Bhutvā nivāpaṃ gacchāma 42, kandante migabandhake’’ti.

    อถ โข อายสฺมา รฎฺฐปาโล ฐิตโกว อิมา คาถา ภาสิตฺวา เยน รโญฺญ โกรพฺยสฺส มิคจีรํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิฯ

    Atha kho āyasmā raṭṭhapālo ṭhitakova imā gāthā bhāsitvā yena rañño korabyassa migacīraṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisīdi.

    ๓๐๓. อถ โข ราชา โกรโพฺย มิควํ อามเนฺตสิ – ‘‘โสเธหิ, สมฺม มิคว, มิคจีรํ อุยฺยานภูมิํ; คจฺฉาม สุภูมิํ ทสฺสนายา’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข มิคโว รโญฺญ โกรพฺยสฺส ปฎิสฺสุตฺวา มิคจีรํ โสเธโนฺต อทฺทส อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺนํฯ ทิสฺวาน เยน ราชา โกรโพฺย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ โกรพฺยํ เอตทโวจ – ‘‘สุทฺธํ โข เต, เทว, มิคจีรํฯ อตฺถิ เจตฺถ รฎฺฐปาโล นาม กุลปุโตฺต อิมสฺมิํเยว ถุลฺลโกฎฺฐิเก อคฺคกุลสฺส ปุโตฺต ยสฺส ตฺวํ อภิณฺหํ กิตฺตยมาโน อโหสิ, โส อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสิโนฺน’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมฺม มิคว, อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยาฯ ตเมว ทานิ มยํ ภวนฺตํ รฎฺฐปาลํ ปยิรุปาสิสฺสามา’’ติฯ อถ โข ราชา โกรโพฺย ‘‘ยํ ตตฺถ ขาทนียํ โภชนียํ ปฎิยตฺตํ ตํ สพฺพํ วิสฺสเชฺชถา’’ติ วตฺวา ภทฺรานิ ภทฺรานิ ยานานิ โยชาเปตฺวา ภทฺรํ ยานํ อภิรุหิตฺวา ภเทฺรหิ ภเทฺรหิ ยาเนหิ ถุลฺลโกฎฺฐิกมฺหา นิยฺยาสิ มหจฺจราชานุภาเวน 43 อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ ทสฺสนายฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว อุสฺสฎาย อุสฺสฎาย ปริสาย เยนายสฺมา รฎฺฐปาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา รฎฺฐปาเลน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ราชา โกรโพฺย อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ ภวํ รฎฺฐปาล หตฺถตฺถเร 44 นิสีทตู’’ติฯ ‘‘อลํ, มหาราช, นิสีท ตฺวํ; นิสิโนฺน อหํ สเก อาสเน’’ติฯ นิสีทิ ราชา โกรโพฺย ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช โข ราชา โกรโพฺย อายสฺมนฺตํ รฎฺฐปาลํ เอตทโวจ –

    303. Atha kho rājā korabyo migavaṃ āmantesi – ‘‘sodhehi, samma migava, migacīraṃ uyyānabhūmiṃ; gacchāma subhūmiṃ dassanāyā’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho migavo rañño korabyassa paṭissutvā migacīraṃ sodhento addasa āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisinnaṃ. Disvāna yena rājā korabyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rājānaṃ korabyaṃ etadavoca – ‘‘suddhaṃ kho te, deva, migacīraṃ. Atthi cettha raṭṭhapālo nāma kulaputto imasmiṃyeva thullakoṭṭhike aggakulassa putto yassa tvaṃ abhiṇhaṃ kittayamāno ahosi, so aññatarasmiṃ rukkhamūle divāvihāraṃ nisinno’’ti. ‘‘Tena hi, samma migava, alaṃ dānajja uyyānabhūmiyā. Tameva dāni mayaṃ bhavantaṃ raṭṭhapālaṃ payirupāsissāmā’’ti. Atha kho rājā korabyo ‘‘yaṃ tattha khādanīyaṃ bhojanīyaṃ paṭiyattaṃ taṃ sabbaṃ vissajjethā’’ti vatvā bhadrāni bhadrāni yānāni yojāpetvā bhadraṃ yānaṃ abhiruhitvā bhadrehi bhadrehi yānehi thullakoṭṭhikamhā niyyāsi mahaccarājānubhāvena 45 āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ dassanāya. Yāvatikā yānassa bhūmi yānena gantvā yānā paccorohitvā pattikova ussaṭāya ussaṭāya parisāya yenāyasmā raṭṭhapālo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā raṭṭhapālena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho rājā korabyo āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ etadavoca – ‘‘idha bhavaṃ raṭṭhapāla hatthatthare 46 nisīdatū’’ti. ‘‘Alaṃ, mahārāja, nisīda tvaṃ; nisinno ahaṃ sake āsane’’ti. Nisīdi rājā korabyo paññatte āsane. Nisajja kho rājā korabyo āyasmantaṃ raṭṭhapālaṃ etadavoca –

    ๓๐๔. ‘‘จตฺตาริมานิ, โภ รฎฺฐปาล, ปาริชุญฺญานิ เยหิ ปาริชุเญฺญหิ สมนฺนาคตา อิเธกเจฺจ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติฯ กตมานิ จตฺตาริ? ชราปาริชุญฺญํ, พฺยาธิปาริชุญฺญํ, โภคปาริชุญฺญํ, ญาติปาริชุญฺญํฯ กตมญฺจ, โภ รฎฺฐปาล, ชราปาริชุญฺญํ? อิธ, โภ รฎฺฐปาล , เอกโจฺจ ชิโณฺณ โหติ วุโฑฺฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ เอตรหิ ชิโณฺณ วุโฑฺฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺตฯ น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาติํ กาตุํ 47ฯ ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติฯ โส เตน ชราปาริชุเญฺญน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อิทํ วุจฺจติ, โภ รฎฺฐปาล, ชราปาริชุญฺญํฯ ภวํ โข ปน รฎฺฐปาโล เอตรหิ ทหโร ยุวา สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสาฯ ตํ โภโต รฎฺฐปาลสฺส ชราปาริชุญฺญํ นตฺถิฯ กิํ ภวํ รฎฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?

    304. ‘‘Cattārimāni, bho raṭṭhapāla, pārijuññāni yehi pārijuññehi samannāgatā idhekacce kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti. Katamāni cattāri? Jarāpārijuññaṃ, byādhipārijuññaṃ, bhogapārijuññaṃ, ñātipārijuññaṃ. Katamañca, bho raṭṭhapāla, jarāpārijuññaṃ? Idha, bho raṭṭhapāla , ekacco jiṇṇo hoti vuḍḍho mahallako addhagato vayoanuppatto. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi etarahi jiṇṇo vuḍḍho mahallako addhagato vayoanuppatto. Na kho pana mayā sukaraṃ anadhigataṃ vā bhogaṃ adhigantuṃ adhigataṃ vā bhogaṃ phātiṃ kātuṃ 48. Yaṃnūnāhaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya’nti. So tena jarāpārijuññena samannāgato kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Idaṃ vuccati, bho raṭṭhapāla, jarāpārijuññaṃ. Bhavaṃ kho pana raṭṭhapālo etarahi daharo yuvā susukāḷakeso bhadrena yobbanena samannāgato paṭhamena vayasā. Taṃ bhoto raṭṭhapālassa jarāpārijuññaṃ natthi. Kiṃ bhavaṃ raṭṭhapālo ñatvā vā disvā vā sutvā vā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito?

    ‘‘กตมญฺจ, โภ รฎฺฐปาล, พฺยาธิปาริชุญฺญํ? อิธ, โภ รฎฺฐปาล, เอกโจฺจ อาพาธิโก โหติ ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โขมฺหิ เอตรหิ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโนฯ น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาติํ กาตุํ ฯ ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติฯ โส เตน พฺยาธิปาริชุเญฺญน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อิทํ วุจฺจติ, โภ รฎฺฐปาล, พฺยาธิปาริชุญฺญํฯ ภวํ โข ปน รฎฺฐปาโล เอตรหิ อปฺปาพาโธ อปฺปาตโงฺก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหายฯ ตํ โภโต รฎฺฐปาลสฺส พฺยาธิปาริชุญฺญํ นตฺถิฯ กิํ ภวํ รฎฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?

    ‘‘Katamañca, bho raṭṭhapāla, byādhipārijuññaṃ? Idha, bho raṭṭhapāla, ekacco ābādhiko hoti dukkhito bāḷhagilāno. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ khomhi etarahi ābādhiko dukkhito bāḷhagilāno. Na kho pana mayā sukaraṃ anadhigataṃ vā bhogaṃ adhigantuṃ adhigataṃ vā bhogaṃ phātiṃ kātuṃ . Yaṃnūnāhaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya’nti. So tena byādhipārijuññena samannāgato kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Idaṃ vuccati, bho raṭṭhapāla, byādhipārijuññaṃ. Bhavaṃ kho pana raṭṭhapālo etarahi appābādho appātaṅko samavepākiniyā gahaṇiyā samannāgato nātisītāya nāccuṇhāya. Taṃ bhoto raṭṭhapālassa byādhipārijuññaṃ natthi. Kiṃ bhavaṃ raṭṭhapālo ñatvā vā disvā vā sutvā vā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito?

    ‘‘กตมญฺจ , โภ รฎฺฐปาล, โภคปาริชุญฺญํ? อิธ, โภ รฎฺฐปาล, เอกโจฺจ อโฑฺฒ โหติ มหทฺธโน มหาโภโคฯ ตสฺส เต โภคา อนุปุเพฺพน ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อหํ โข ปุเพฺพ อโฑฺฒ อโหสิํ มหทฺธโน มหาโภโคฯ ตสฺส เม เต โภคา อนุปุเพฺพน ปริกฺขยํ คตาฯ น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาติํ กาตุํฯ ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติฯ โส เตน โภคปาริชุเญฺญน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อิทํ วุจฺจติ, โภ รฎฺฐปาล, โภคปาริชุญฺญํฯ ภวํ โข ปน รฎฺฐปาโล อิมสฺมิํเยว ถุลฺลโกฎฺฐิเก อคฺคกุลสฺส ปุโตฺตฯ ตํ โภโต รฎฺฐปาลสฺส โภคปาริชุญฺญํ นตฺถิฯ กิํ ภวํ รฎฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?

    ‘‘Katamañca , bho raṭṭhapāla, bhogapārijuññaṃ? Idha, bho raṭṭhapāla, ekacco aḍḍho hoti mahaddhano mahābhogo. Tassa te bhogā anupubbena parikkhayaṃ gacchanti. So iti paṭisañcikkhati – ‘ahaṃ kho pubbe aḍḍho ahosiṃ mahaddhano mahābhogo. Tassa me te bhogā anupubbena parikkhayaṃ gatā. Na kho pana mayā sukaraṃ anadhigataṃ vā bhogaṃ adhigantuṃ adhigataṃ vā bhogaṃ phātiṃ kātuṃ. Yaṃnūnāhaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya’nti. So tena bhogapārijuññena samannāgato kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Idaṃ vuccati, bho raṭṭhapāla, bhogapārijuññaṃ. Bhavaṃ kho pana raṭṭhapālo imasmiṃyeva thullakoṭṭhike aggakulassa putto. Taṃ bhoto raṭṭhapālassa bhogapārijuññaṃ natthi. Kiṃ bhavaṃ raṭṭhapālo ñatvā vā disvā vā sutvā vā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito?

    ‘‘กตมญฺจ , โภ รฎฺฐปาล, ญาติปาริชุญฺญํ? อิธ, โภ รฎฺฐปาล, เอกจฺจสฺส พหู โหนฺติ มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตาฯ ตสฺส เต ญาตกา อนุปุเพฺพน ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติฯ โส อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘มมํ โข ปุเพฺพ พหู อเหสุํ มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตาฯ ตสฺส เม เต อนุปุเพฺพน ปริกฺขยํ คตาฯ น โข ปน มยา สุกรํ อนธิคตํ วา โภคํ อธิคนฺตุํ อธิคตํ วา โภคํ ผาติํ กาตุํฯ ยํนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺย’นฺติฯ โส เตน ญาติปาริชุเญฺญน สมนฺนาคโต เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติฯ อิทํ วุจฺจติ, โภ รฎฺฐปาล, ญาติปาริชุญฺญํฯ โภโต โข ปน รฎฺฐปาลสฺส อิมสฺมิํเยว ถุลฺลโกฎฺฐิเก พหู มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตาฯ ตํ โภโต รฎฺฐปาลสฺส ญาติปาริชุญฺญํ นตฺถิฯ กิํ ภวํ รฎฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต?

    ‘‘Katamañca , bho raṭṭhapāla, ñātipārijuññaṃ? Idha, bho raṭṭhapāla, ekaccassa bahū honti mittāmaccā ñātisālohitā. Tassa te ñātakā anupubbena parikkhayaṃ gacchanti. So iti paṭisañcikkhati – ‘mamaṃ kho pubbe bahū ahesuṃ mittāmaccā ñātisālohitā. Tassa me te anupubbena parikkhayaṃ gatā. Na kho pana mayā sukaraṃ anadhigataṃ vā bhogaṃ adhigantuṃ adhigataṃ vā bhogaṃ phātiṃ kātuṃ. Yaṃnūnāhaṃ kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajeyya’nti. So tena ñātipārijuññena samannāgato kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajati. Idaṃ vuccati, bho raṭṭhapāla, ñātipārijuññaṃ. Bhoto kho pana raṭṭhapālassa imasmiṃyeva thullakoṭṭhike bahū mittāmaccā ñātisālohitā. Taṃ bhoto raṭṭhapālassa ñātipārijuññaṃ natthi. Kiṃ bhavaṃ raṭṭhapālo ñatvā vā disvā vā sutvā vā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito?

    ‘‘อิมานิ โข, โภ รฎฺฐปาล, จตฺตาริ ปาริชุญฺญานิ, เยหิ ปาริชุเญฺญหิ สมนฺนาคตา อิเธกเจฺจ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติฯ ตานิ โภโต รฎฺฐปาลสฺส นตฺถิฯ กิํ ภวํ รฎฺฐปาโล ญตฺวา วา ทิสฺวา วา สุตฺวา วา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ?

    ‘‘Imāni kho, bho raṭṭhapāla, cattāri pārijuññāni, yehi pārijuññehi samannāgatā idhekacce kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti. Tāni bhoto raṭṭhapālassa natthi. Kiṃ bhavaṃ raṭṭhapālo ñatvā vā disvā vā sutvā vā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’’ti?

    ๓๐๕. ‘‘อตฺถิ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน จตฺตาโร ธมฺมุเทฺทสา อุทฺทิฎฺฐา, เย อหํ 49 ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ กตเม จตฺตาโร? ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปฐโม ธมฺมุเทฺทโส อุทฺทิโฎฺฐ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ทุติโย ธมฺมุเทฺทโส อุทฺทิโฎฺฐ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ตติโย ธมฺมุเทฺทโส อุทฺทิโฎฺฐ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ ‘อูโน โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโส’ติ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน จตุโตฺถ ธมฺมุเทฺทโส อุทฺทิโฎฺฐ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโตฯ อิเม โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน จตฺตาโร ธมฺมุเทฺทสา อุทฺทิฎฺฐา, เย อหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติฯ

    305. ‘‘Atthi kho, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena cattāro dhammuddesā uddiṭṭhā, ye ahaṃ 50 ñatvā ca disvā ca sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. Katame cattāro? ‘Upaniyyati loko addhuvo’ti kho, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena paṭhamo dhammuddeso uddiṭṭho, yamahaṃ ñatvā ca disvā sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. ‘Atāṇo loko anabhissaro’ti kho, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena dutiyo dhammuddeso uddiṭṭho, yamahaṃ ñatvā ca disvā sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. ‘Assako loko, sabbaṃ pahāya gamanīya’nti kho, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena tatiyo dhammuddeso uddiṭṭho, yamahaṃ ñatvā ca disvā sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. ‘Ūno loko atitto taṇhādāso’ti kho, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena catuttho dhammuddeso uddiṭṭho, yamahaṃ ñatvā ca disvā sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito. Ime kho, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena cattāro dhammuddesā uddiṭṭhā, ye ahaṃ ñatvā ca disvā sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’’ti.

    ๓๐๖. ‘‘‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ – ภวํ รฎฺฐปาโล อาหฯ อิมสฺส , โภ รฎฺฐปาล, ภาสิตสฺส กถํ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติ? ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ตฺวํ วีสติวสฺสุเทฺทสิโกปิ ปณฺณวีสติวสฺสุเทฺทสิโกปิ หตฺถิสฺมิมฺปิ กตาวี อสฺสสฺมิมฺปิ กตาวี รถสฺมิมฺปิ กตาวี ธนุสฺมิมฺปิ กตาวี ถรุสฺมิมฺปิ กตาวี อูรุพลี พาหุพลี อลมโตฺต สงฺคามาวจโร’’ติ? ‘‘อโหสิํ อหํ, โภ รฎฺฐปาล, วีสติวสฺสุเทฺทสิโกปิ ปณฺณวีสติวสฺสุเทฺทสิโกปิ หตฺถิสฺมิมฺปิ กตาวี อสฺสสฺมิมฺปิ กตาวี รถสฺมิมฺปิ กตาวี ธนุสฺมิมฺปิ กตาวี ถรุสฺมิมฺปิ กตาวี อูรุพลี พาหุพลี อลมโตฺต สงฺคามาวจโรฯ อเปฺปกทาหํ, โภ รฎฺฐปาล, อิทฺธิมาว มเญฺญ น 51 อตฺตโน พเลน สมสมํ สมนุปสฺสามี’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, เอวเมว ตฺวํ เอตรหิ อูรุพลี พาหุพลี อลมโตฺต สงฺคามาวจโร’’ติ? ‘‘โน หิทํ, โภ รฎฺฐปาลฯ เอตรหิ ชิโณฺณ วุโฑฺฒ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปโตฺต อาสีติโก เม วโย วตฺตติฯ อเปฺปกทาหํ, โภ รฎฺฐปาล, ‘อิธ ปาทํ กริสฺสามี’ติ อเญฺญเนว ปาทํ กโรมี’’ติฯ ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติฯ ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฎฺฐปาล, อพฺภุตํ, โภ รฎฺฐปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน – ‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว’ติฯ อุปนิยฺยติ หิ , โภ รฎฺฐปาล, โลโก อทฺธุโวฯ

    306. ‘‘‘Upaniyyati loko addhuvo’ti – bhavaṃ raṭṭhapālo āha. Imassa , bho raṭṭhapāla, bhāsitassa kathaṃ attho daṭṭhabbo’’ti? ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, tvaṃ vīsativassuddesikopi paṇṇavīsativassuddesikopi hatthismimpi katāvī assasmimpi katāvī rathasmimpi katāvī dhanusmimpi katāvī tharusmimpi katāvī ūrubalī bāhubalī alamatto saṅgāmāvacaro’’ti? ‘‘Ahosiṃ ahaṃ, bho raṭṭhapāla, vīsativassuddesikopi paṇṇavīsativassuddesikopi hatthismimpi katāvī assasmimpi katāvī rathasmimpi katāvī dhanusmimpi katāvī tharusmimpi katāvī ūrubalī bāhubalī alamatto saṅgāmāvacaro. Appekadāhaṃ, bho raṭṭhapāla, iddhimāva maññe na 52 attano balena samasamaṃ samanupassāmī’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, evameva tvaṃ etarahi ūrubalī bāhubalī alamatto saṅgāmāvacaro’’ti? ‘‘No hidaṃ, bho raṭṭhapāla. Etarahi jiṇṇo vuḍḍho mahallako addhagato vayoanuppatto āsītiko me vayo vattati. Appekadāhaṃ, bho raṭṭhapāla, ‘idha pādaṃ karissāmī’ti aññeneva pādaṃ karomī’’ti. ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘upaniyyati loko addhuvo’ti, yamahaṃ ñatvā ca disvā sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’’ti. ‘‘Acchariyaṃ, bho raṭṭhapāla, abbhutaṃ, bho raṭṭhapāla! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena – ‘upaniyyati loko addhuvo’ti. Upaniyyati hi , bho raṭṭhapāla, loko addhuvo.

    ‘‘สํวิชฺชเนฺต โข, โภ รฎฺฐปาล, อิมสฺมิํ ราชกุเล หตฺถิกายาปิ อสฺสกายาปิ รถกายาปิ ปตฺติกายาปิ, อมฺหากํ อาปทาสุ ปริโยธาย วตฺติสฺสนฺติฯ ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ – ภวํ รฎฺฐปาโล อาหฯ อิมสฺส ปน, โภ รฎฺฐปาล, ภาสิตสฺส กถํ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติ? ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, อตฺถิ เต โกจิ อนุสายิโก อาพาโธ’’ติ? ‘‘อตฺถิ เม, โภ รฎฺฐปาล, อนุสายิโก อาพาโธฯ อเปฺปกทา มํ, โภ รฎฺฐปาล, มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา ปริวาเรตฺวา ฐิตา โหนฺติ – ‘อิทานิ ราชา โกรโพฺย กาลํ กริสฺสติ, อิทานิ ราชา โกรโพฺย กาลํ กริสฺสตี’’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ลภสิ ตฺวํ เต มิตฺตามเจฺจ ญาติสาโลหิเต – ‘อายนฺตุ เม โภโนฺต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, สเพฺพว สนฺตา อิมํ เวทนํ สํวิภชถ, ยถาหํ ลหุกตริกํ เวทนํ เวทิเยยฺย’นฺติ – อุทาหุ ตฺวํเยว ตํ เวทนํ เวทิยสี’’ติ? ‘‘นาหํ, โภ รฎฺฐปาล, ลภามิ เต มิตฺตามเจฺจ ญาติสาโลหิเต – ‘อายนฺตุ เม โภโนฺต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, สเพฺพว สนฺตา อิมํ เวทนํ สํวิภชถ, ยถาหํ ลหุกตริกํ เวทนํ เวทิเยยฺย’นฺติฯ อถ โข อหเมว ตํ เวทนํ เวทิยามี’’ติฯ ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติฯ ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฎฺฐปาล, อพฺภุตํ, โภ รฎฺฐปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน – ‘อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร’ติฯ อตาโณ หิ, โภ รฎฺฐปาล, โลโก อนภิสฺสโรฯ

    ‘‘Saṃvijjante kho, bho raṭṭhapāla, imasmiṃ rājakule hatthikāyāpi assakāyāpi rathakāyāpi pattikāyāpi, amhākaṃ āpadāsu pariyodhāya vattissanti. ‘Atāṇo loko anabhissaro’ti – bhavaṃ raṭṭhapālo āha. Imassa pana, bho raṭṭhapāla, bhāsitassa kathaṃ attho daṭṭhabbo’’ti? ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, atthi te koci anusāyiko ābādho’’ti? ‘‘Atthi me, bho raṭṭhapāla, anusāyiko ābādho. Appekadā maṃ, bho raṭṭhapāla, mittāmaccā ñātisālohitā parivāretvā ṭhitā honti – ‘idāni rājā korabyo kālaṃ karissati, idāni rājā korabyo kālaṃ karissatī’’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, labhasi tvaṃ te mittāmacce ñātisālohite – ‘āyantu me bhonto mittāmaccā ñātisālohitā, sabbeva santā imaṃ vedanaṃ saṃvibhajatha, yathāhaṃ lahukatarikaṃ vedanaṃ vediyeyya’nti – udāhu tvaṃyeva taṃ vedanaṃ vediyasī’’ti? ‘‘Nāhaṃ, bho raṭṭhapāla, labhāmi te mittāmacce ñātisālohite – ‘āyantu me bhonto mittāmaccā ñātisālohitā, sabbeva santā imaṃ vedanaṃ saṃvibhajatha, yathāhaṃ lahukatarikaṃ vedanaṃ vediyeyya’nti. Atha kho ahameva taṃ vedanaṃ vediyāmī’’ti. ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘atāṇo loko anabhissaro’ti, yamahaṃ ñatvā ca disvā sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’’ti. ‘‘Acchariyaṃ, bho raṭṭhapāla, abbhutaṃ, bho raṭṭhapāla! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena – ‘atāṇo loko anabhissaro’ti. Atāṇo hi, bho raṭṭhapāla, loko anabhissaro.

    ‘‘สํวิชฺชติ โข, โภ รฎฺฐปาล, อิมสฺมิํ ราชกุเล ปหูตํ หิรญฺญสุวณฺณํ ภูมิคตญฺจ เวหาสคตญฺจฯ ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ – ภวํ รฎฺฐปาโล อาหฯ อิมสฺส ปน, โภ รฎฺฐปาล, ภาสิตสฺส กถํ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติ? ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ยถา ตฺวํ เอตรหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสิ, ลจฺฉสิ ตฺวํ ปรตฺถาปิ – ‘เอวเมวาหํ อิเมเหว ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมี’ติ, อุทาหุ อเญฺญ อิมํ โภคํ ปฎิปชฺชิสฺสนฺติ, ตฺวํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘ยถาหํ, โภ รฎฺฐปาล, เอตรหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมิ, นาหํ ลจฺฉามิ ปรตฺถาปิ – ‘เอวเมว อิเมเหว ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรมี’ติฯ อถ โข อเญฺญ อิมํ โภคํ ปฎิปชฺชิสฺสนฺติ; อหํ ปน ยถากมฺมํ คมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา จ สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติฯ ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฎฺฐปาล, อพฺภุตํ, โภ รฎฺฐปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน – ‘อสฺสโก โลโก , สพฺพํ ปหาย คมนีย’นฺติ ฯ อสฺสโก หิ, โภ รฎฺฐปาล, โลโก สพฺพํ ปหาย คมนียํฯ

    ‘‘Saṃvijjati kho, bho raṭṭhapāla, imasmiṃ rājakule pahūtaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ bhūmigatañca vehāsagatañca. ‘Assako loko, sabbaṃ pahāya gamanīya’nti – bhavaṃ raṭṭhapālo āha. Imassa pana, bho raṭṭhapāla, bhāsitassa kathaṃ attho daṭṭhabbo’’ti? ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, yathā tvaṃ etarahi pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāresi, lacchasi tvaṃ paratthāpi – ‘evamevāhaṃ imeheva pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāremī’ti, udāhu aññe imaṃ bhogaṃ paṭipajjissanti, tvaṃ pana yathākammaṃ gamissasī’’ti? ‘‘Yathāhaṃ, bho raṭṭhapāla, etarahi pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāremi, nāhaṃ lacchāmi paratthāpi – ‘evameva imeheva pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāremī’ti. Atha kho aññe imaṃ bhogaṃ paṭipajjissanti; ahaṃ pana yathākammaṃ gamissāmī’’ti. ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘assako loko, sabbaṃ pahāya gamanīya’nti, yamahaṃ ñatvā ca disvā ca sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’’ti. ‘‘Acchariyaṃ, bho raṭṭhapāla, abbhutaṃ, bho raṭṭhapāla! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena – ‘assako loko , sabbaṃ pahāya gamanīya’nti . Assako hi, bho raṭṭhapāla, loko sabbaṃ pahāya gamanīyaṃ.

    ‘‘‘อูโน โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโส’ติ – ภวํ รฎฺฐปาโล อาหฯ อิมสฺส, โภ รฎฺฐปาล, ภาสิตสฺส กถํ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติ? ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, ผีตํ กุรุํ อชฺฌาวสสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ รฎฺฐปาล, ผีตํ กุรุํ อชฺฌาวสามี’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, อิธ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ปุรตฺถิมาย ทิสาย สทฺธายิโก ปจฺจยิโกฯ โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยเคฺฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปุรตฺถิมาย ทิสาย? ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ชนปทํ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํฯ พหู ตตฺถ หตฺถิกายา อสฺสกายา รถกายา ปตฺติกายา; พหุ ตตฺถ ธนธญฺญํ 53; พหุ ตตฺถ หิรญฺญสุวณฺณํ อกตเญฺจว กตญฺจ; พหุ ตตฺถ อิตฺถิปริคฺคโหฯ สกฺกา จ ตาวตเกเนว พลมเตฺตน 54 อภิวิชินิตุํฯ อภิวิชิน, มหาราชา’ติ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ตมฺปิ มยํ, โภ รฎฺฐปาล, อภิวิชิย อชฺฌาวเสยฺยามา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, อิธ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย ปจฺฉิมาย ทิสาย… อุตฺตราย ทิสาย… ทกฺขิณาย ทิสาย… ปรสมุทฺทโต สทฺธายิโก ปจฺจยิโกฯ โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ยเคฺฆ, มหาราช, ชาเนยฺยาสิ, อหํ อาคจฺฉามิ ปรสมุทฺทโต? ตตฺถทฺทสํ มหนฺตํ ชนปทํ อิทฺธเญฺจว ผีตญฺจ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํฯ พหู ตตฺถ หตฺถิกายา อสฺสกายา รถกายา ปตฺติกายา; พหุ ตตฺถ ธนธญฺญํ; พหุ ตตฺถ หิรญฺญสุวณฺณํ อกตเญฺจว กตญฺจ; พหุ ตตฺถ อิตฺถิปริคฺคโหฯ สกฺกา จ ตาวตเกเนว พลมเตฺตน อภิวิชินิตุํฯ อภิวิชิน, มหาราชา’ติ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ตมฺปิ มยํ, โภ รฎฺฐปาล, อภิวิชิย อชฺฌาวเสยฺยามา’’ติฯ ‘‘อิทํ โข ตํ, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน สนฺธาย ภาสิตํ – ‘อูโน โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโส’ติ, ยมหํ ญตฺวา จ ทิสฺวา สุตฺวา จ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติฯ ‘‘อจฺฉริยํ, โภ รฎฺฐปาล, อพฺภุตํ, โภ รฎฺฐปาล! ยาว สุภาสิตํ จิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน – ‘อูโน โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโส’ติฯ อูโน หิ, โภ รฎฺฐปาล, โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโส’’ติฯ

    ‘‘‘Ūno loko atitto taṇhādāso’ti – bhavaṃ raṭṭhapālo āha. Imassa, bho raṭṭhapāla, bhāsitassa kathaṃ attho daṭṭhabbo’’ti? ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, phītaṃ kuruṃ ajjhāvasasī’’ti? ‘‘Evaṃ, bho raṭṭhapāla, phītaṃ kuruṃ ajjhāvasāmī’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, idha puriso āgaccheyya puratthimāya disāya saddhāyiko paccayiko. So taṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadeyya – ‘yagghe, mahārāja, jāneyyāsi, ahaṃ āgacchāmi puratthimāya disāya? Tatthaddasaṃ mahantaṃ janapadaṃ iddhañceva phītañca bahujanaṃ ākiṇṇamanussaṃ. Bahū tattha hatthikāyā assakāyā rathakāyā pattikāyā; bahu tattha dhanadhaññaṃ 55; bahu tattha hiraññasuvaṇṇaṃ akatañceva katañca; bahu tattha itthipariggaho. Sakkā ca tāvatakeneva balamattena 56 abhivijinituṃ. Abhivijina, mahārājā’ti, kinti naṃ kareyyāsī’’ti? ‘‘Tampi mayaṃ, bho raṭṭhapāla, abhivijiya ajjhāvaseyyāmā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, mahārāja, idha puriso āgaccheyya pacchimāya disāya… uttarāya disāya… dakkhiṇāya disāya… parasamuddato saddhāyiko paccayiko. So taṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadeyya – ‘yagghe, mahārāja, jāneyyāsi, ahaṃ āgacchāmi parasamuddato? Tatthaddasaṃ mahantaṃ janapadaṃ iddhañceva phītañca bahujanaṃ ākiṇṇamanussaṃ. Bahū tattha hatthikāyā assakāyā rathakāyā pattikāyā; bahu tattha dhanadhaññaṃ; bahu tattha hiraññasuvaṇṇaṃ akatañceva katañca; bahu tattha itthipariggaho. Sakkā ca tāvatakeneva balamattena abhivijinituṃ. Abhivijina, mahārājā’ti, kinti naṃ kareyyāsī’’ti? ‘‘Tampi mayaṃ, bho raṭṭhapāla, abhivijiya ajjhāvaseyyāmā’’ti. ‘‘Idaṃ kho taṃ, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena sandhāya bhāsitaṃ – ‘ūno loko atitto taṇhādāso’ti, yamahaṃ ñatvā ca disvā sutvā ca agārasmā anagāriyaṃ pabbajito’’ti. ‘‘Acchariyaṃ, bho raṭṭhapāla, abbhutaṃ, bho raṭṭhapāla! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena – ‘ūno loko atitto taṇhādāso’ti. Ūno hi, bho raṭṭhapāla, loko atitto taṇhādāso’’ti.

    อิทมโวจ อายสฺมา รฎฺฐปาโลฯ อิทํ วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –

    Idamavoca āyasmā raṭṭhapālo. Idaṃ vatvā athāparaṃ etadavoca –

    ๓๐๗. ‘‘ปสฺสามิ โลเก สธเน มนุเสฺส,

    307. ‘‘Passāmi loke sadhane manusse,

    ลทฺธาน วิตฺตํ น ททนฺติ โมหา;

    Laddhāna vittaṃ na dadanti mohā;

    ลุทฺธา ธนํ 57 สนฺนิจยํ กโรนฺติ,

    Luddhā dhanaṃ 58 sannicayaṃ karonti,

    ภิโยฺยว กาเม อภิปตฺถยนฺติฯ

    Bhiyyova kāme abhipatthayanti.

    ‘‘ราชา ปสยฺหา ปถวิํ วิชิตฺวา,

    ‘‘Rājā pasayhā pathaviṃ vijitvā,

    สสาครนฺตํ มหิมาวสโนฺต 59;

    Sasāgarantaṃ mahimāvasanto 60;

    โอรํ สมุทฺทสฺส อติตฺตรูโป,

    Oraṃ samuddassa atittarūpo,

    ปารํ สมุทฺทสฺสปิ ปตฺถเยถฯ

    Pāraṃ samuddassapi patthayetha.

    ‘‘ราชา จ อเญฺญ จ พหู มนุสฺสา,

    ‘‘Rājā ca aññe ca bahū manussā,

    อวีตตณฺหา 61 มรณํ อุเปนฺติ;

    Avītataṇhā 62 maraṇaṃ upenti;

    อูนาว หุตฺวาน ชหนฺติ เทหํ,

    Ūnāva hutvāna jahanti dehaṃ,

    กาเมหิ โลกมฺหิ น หตฺถิ ติตฺติฯ

    Kāmehi lokamhi na hatthi titti.

    ‘‘กนฺทนฺติ นํ ญาตี ปกิริย เกเส,

    ‘‘Kandanti naṃ ñātī pakiriya kese,

    อโหวตา โน อมราติ จาหุ;

    Ahovatā no amarāti cāhu;

    วเตฺถน นํ ปารุตํ นีหริตฺวา,

    Vatthena naṃ pārutaṃ nīharitvā,

    จิตํ สมาทาย 63 ตโตฑหนฺติฯ

    Citaṃ samādāya 64 tatoḍahanti.

    ‘‘โส ฑยฺหติ สูเลหิ ตุชฺชมาโน,

    ‘‘So ḍayhati sūlehi tujjamāno,

    เอเกน วเตฺถน ปหาย โภเค;

    Ekena vatthena pahāya bhoge;

    น มียมานสฺส ภวนฺติ ตาณา,

    Na mīyamānassa bhavanti tāṇā,

    ญาตีธ มิตฺตา อถ วา สหายาฯ

    Ñātīdha mittā atha vā sahāyā.

    ‘‘ทายาทกา ตสฺส ธนํ หรนฺติ,

    ‘‘Dāyādakā tassa dhanaṃ haranti,

    สโตฺต ปน คจฺฉติ เยน กมฺมํ;

    Satto pana gacchati yena kammaṃ;

    น มียมานํ ธนมเนฺวติ กิญฺจิ,

    Na mīyamānaṃ dhanamanveti kiñci,

    ปุตฺตา จ ทารา จ ธนญฺจ รฎฺฐํฯ

    Puttā ca dārā ca dhanañca raṭṭhaṃ.

    ‘‘น ทีฆมายุํ ลภเต ธเนน, น จาปิ วิเตฺตน ชรํ วิหนฺติ;

    ‘‘Na dīghamāyuṃ labhate dhanena, na cāpi vittena jaraṃ vihanti;

    อปฺปํ หิทํ ชีวิตมาหุ ธีรา, อสสฺสตํ วิปฺปริณามธมฺมํฯ

    Appaṃ hidaṃ jīvitamāhu dhīrā, asassataṃ vippariṇāmadhammaṃ.

    ‘‘อฑฺฒา ทลิทฺทา จ ผุสนฺติ ผสฺสํ,

    ‘‘Aḍḍhā daliddā ca phusanti phassaṃ,

    พาโล จ ธีโร จ ตเถว ผุโฎฺฐ;

    Bālo ca dhīro ca tatheva phuṭṭho;

    พาโล จ พาลฺยา วธิโตว เสติ,

    Bālo ca bālyā vadhitova seti,

    ธีโร จ 65 น เวธติ ผสฺสผุโฎฺฐฯ

    Dhīro ca 66 na vedhati phassaphuṭṭho.

    ‘‘ตสฺมา หิ ปญฺญาว ธเนน เสโยฺย,

    ‘‘Tasmā hi paññāva dhanena seyyo,

    ยาย โวสานมิธาธิคจฺฉติ;

    Yāya vosānamidhādhigacchati;

    อโพฺยสิตตฺตา 67 หิ ภวาภเวสุ,

    Abyositattā 68 hi bhavābhavesu,

    ปาปานิ กมฺมานิ กโรนฺติ โมหาฯ

    Pāpāni kammāni karonti mohā.

    ‘‘อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํ,

    ‘‘Upeti gabbhañca parañca lokaṃ,

    สํสารมาปชฺช ปรมฺปราย;

    Saṃsāramāpajja paramparāya;

    ตสฺสปฺปปโญฺญ อภิสทฺทหโนฺต,

    Tassappapañño abhisaddahanto,

    อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํฯ

    Upeti gabbhañca parañca lokaṃ.

    ‘‘โจโร ยถา สนฺธิมุเข คหิโต,

    ‘‘Coro yathā sandhimukhe gahito,

    สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธโมฺม;

    Sakammunā haññati pāpadhammo;

    เอวํ ปชา เปจฺจ ปรมฺหิ โลเก,

    Evaṃ pajā pecca paramhi loke,

    สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธโมฺมฯ

    Sakammunā haññati pāpadhammo.

    ‘‘กามาหิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา,

    ‘‘Kāmāhi citrā madhurā manoramā,

    วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ;

    Virūparūpena mathenti cittaṃ;

    อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา,

    Ādīnavaṃ kāmaguṇesu disvā,

    ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชฯ

    Tasmā ahaṃ pabbajitomhi rāja.

    ‘‘ทุมปฺผลาเนว ปตนฺติ มาณวา,

    ‘‘Dumapphalāneva patanti māṇavā,

    ทหรา จ วุฑฺฒา จ สรีรเภทา;

    Daharā ca vuḍḍhā ca sarīrabhedā;

    เอตมฺปิ ทิสฺวา 69 ปพฺพชิโตมฺหิ ราช,

    Etampi disvā 70 pabbajitomhi rāja,

    อปณฺณกํ สามญฺญเมว เสโยฺย’’ติฯ

    Apaṇṇakaṃ sāmaññameva seyyo’’ti.

    รฎฺฐปาลสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ

    Raṭṭhapālasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. ถูลโกฎฺฐิกํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. ถูลโกฎฺฐิตกา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    3. thūlakoṭṭhikaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    4. thūlakoṭṭhitakā (sī. syā. kaṃ. pī.)
    5. อคฺคกุลิกสฺส (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    6. ยถา ยถา โข ภควา ธมฺมํ เทเสติ (สี.)
    7. เอตฺถ ‘‘ลเภยฺยาหํ…เป.… อุปสมฺปทํ’’ติ วากฺยทฺวยํ สเพฺพสุปิ มูลโปตฺถเกสุ ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน สุทินฺนภาณวาเร เอตํ นตฺถิฯ ‘‘ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ อิทํ ปน วากฺยํ มรมฺมโปตฺถเก เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยญฺจ ตเทว อตฺถิ
    8. aggakulikassa (sī. syā. kaṃ. pī.)
    9. yathā yathā kho bhagavā dhammaṃ deseti (sī.)
    10. ettha ‘‘labheyyāhaṃ…pe… upasampadaṃ’’ti vākyadvayaṃ sabbesupi mūlapotthakesu dissati, pārājikapāḷiyaṃ pana sudinnabhāṇavāre etaṃ natthi. ‘‘pabbājetu maṃ bhagavā’’ti idaṃ pana vākyaṃ marammapotthake yeva dissati, pārājikapāḷiyañca tadeva atthi
    11. สุขปริหโต (สฺยา. กํ. ก.) (เอหิ ตฺวํ ตาต รฎฺฐปาล ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเร หิ จ, ภุญฺชโนฺต ปิวโนฺต ปริจาเรโนฺต กาเม ปริภุญฺชโนฺต ปุญฺญานิ กโรโนฺต อภิรมสฺสุ, น ตํ มยํ อนุชานาม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย,) สพฺพตฺถ ทิสฺสติ, สุทินฺนกเณฺฑ ปน นตฺถิ, อฎฺฐกถาสุปิ น ทสฺสิตํ
    12. sukhaparihato (syā. kaṃ. ka.) (ehi tvaṃ tāta raṭṭhapāla bhuñja ca piva ca paricāre hi ca, bhuñjanto pivanto paricārento kāme paribhuñjanto puññāni karonto abhiramassu, na taṃ mayaṃ anujānāma agārasmā anagāriyaṃ pabbajjāya,) sabbattha dissati, sudinnakaṇḍe pana natthi, aṭṭhakathāsupi na dassitaṃ
    13. ‘‘มรเณนปิ เต…เป.… ปพฺพชฺชายา’’ติ วากฺยทฺวยํ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ ทุติยฎฺฐาเน เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน ปฐมฎฺฐาเน เยว ทิสฺสติฯ ตสฺมา อิธ ทุติยฎฺฐาเน ปุนาคตํ อธิกํ วิย ทิสฺสติ
    14. ‘‘มรเณนปิ เต…เป.… ปพฺพชายา’’ติ วากฺยทฺวยํ สี. สฺยา. กํ. ปี. โปตฺถเกสุ ทุติยฎฺฐาเน เยว ทิสฺสติ, ปาราชิกปาฬิยํ ปน ปฐมฎฺฐาเน เยว ทิสฺสติฯ ตสฺมา อิธ ทุติยฎฺฐาเน ปุนาคตํ อธิกํ วิย ทิสฺสติ
    15. ‘‘maraṇenapi te…pe… pabbajjāyā’’ti vākyadvayaṃ sī. syā. kaṃ. pī. potthakesu dutiyaṭṭhāne yeva dissati, pārājikapāḷiyaṃ pana paṭhamaṭṭhāne yeva dissati. tasmā idha dutiyaṭṭhāne punāgataṃ adhikaṃ viya dissati
    16. ‘‘maraṇenapi te…pe… pabbajāyā’’ti vākyadvayaṃ sī. syā. kaṃ. pī. potthakesu dutiyaṭṭhāne yeva dissati, pārājikapāḷiyaṃ pana paṭhamaṭṭhāne yeva dissati. tasmā idha dutiyaṭṭhāne punāgataṃ adhikaṃ viya dissati
    17. ตฺวํ โข (สี. ปี.)
    18. อนุชานนฺติ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    19. tvaṃ kho (sī. pī.)
    20. anujānanti (sī. syā. kaṃ. pī.)
    21. ตเตฺถวสฺส (สี.)
    22. กา จสฺส (สี.)
    23. ปน เต (สฺยา. กํ. ก.)
    24. ‘‘ตฺวํ โขสิ สมฺม รฎฺฐปาล มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก ปิโย มนาโป สุเขธิโต สุขปริหโต, น ตฺวํ สมฺม รฎฺฐปาล กสฺสจิ ทุกฺขสฺส ชานาสิ, อุเฎฺฐหิ สมฺม รฎฺฐปาล ภุญฺช จ ปิว จ ปริจาเรหิ จ, ภุญฺชโนฺต ปิวโนฺต ปริจาเรโนฺต กาเม ปริภุญฺชโนฺต ปุญฺญานิ กโรโนฺต อภิรมสฺสุ, (สี. ปี. ก.)
    25. tatthevassa (sī.)
    26. kā cassa (sī.)
    27. pana te (syā. kaṃ. ka.)
    28. ‘‘tvaṃ khosi samma raṭṭhapāla mātāpitūnaṃ ekaputtako piyo manāpo sukhedhito sukhaparihato, na tvaṃ samma raṭṭhapāla kassaci dukkhassa jānāsi, uṭṭhehi samma raṭṭhapāla bhuñja ca piva ca paricārehi ca, bhuñjanto pivanto paricārento kāme paribhuñjanto puññāni karonto abhiramassu, (sī. pī. ka.)
    29. เจโตปริวิตกฺกํ (สี. ปี.)
    30. ยทา (สี. ปี.)
    31. cetoparivitakkaṃ (sī. pī.)
    32. yadā (sī. pī.)
    33. สจฺจํ วทสิ, อทาสี ภวสีติ (สี. ปี.), สจฺจํ วทสิ, อทาสี ภวิสฺสสิ (ก.)
    34. กุฑฺฑํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    35. saccaṃ vadasi, adāsī bhavasīti (sī. pī.), saccaṃ vadasi, adāsī bhavissasi (ka.)
    36. kuḍḍaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    37. รฎฺฐปาล สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย (สพฺพตฺถ)
    38. raṭṭhapāla sikkhaṃ paccakkhāya (sabbattha)
    39. อญฺชนีวณฺณวา (ก.)
    40. añjanīvaṇṇavā (ka.)
    41. คจฺฉามิ (สฺยา. ก.)
    42. gacchāmi (syā. ka.)
    43. มหจฺจา ราชานุภาเวน (สี.)
    44. กฎฺฐตฺถเร (สฺยา. กํ.)
    45. mahaccā rājānubhāvena (sī.)
    46. kaṭṭhatthare (syā. kaṃ.)
    47. ผาติกตฺตุํ (สี.)
    48. phātikattuṃ (sī.)
    49. ยมหํ (สฺยา. กํ. ก.)
    50. yamahaṃ (syā. kaṃ. ka.)
    51. อิทฺธิมา มเญฺญ น (สฺยา. กํ.), อิทฺธิมา จ มเญฺญ (สี.), น วิย มเญฺญ (ก.)
    52. iddhimā maññe na (syā. kaṃ.), iddhimā ca maññe (sī.), na viya maññe (ka.)
    53. ทนฺตาชินํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    54. พลเตฺถน (สี. สฺยา. กํ. ปี.), พหลเตฺถน (ก.)
    55. dantājinaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    56. balatthena (sī. syā. kaṃ. pī.), bahalatthena (ka.)
    57. ลทฺธา ธนํ (ก.)
    58. laddhā dhanaṃ (ka.)
    59. มหิยา วสโนฺต (สี. ก.)
    60. mahiyā vasanto (sī. ka.)
    61. อติตฺตตณฺหา (ก.)
    62. atittataṇhā (ka.)
    63. สมาธาย (สี.)
    64. samādhāya (sī.)
    65. ธีโรว (ก.)
    66. dhīrova (ka.)
    67. อโสสิตตฺตา (สี. ปี.)
    68. asositattā (sī. pī.)
    69. เอวมฺปิ ทิสฺวา (สี.), เอตํ วิทิตฺวา (สฺยา. กํ.)
    70. evampi disvā (sī.), etaṃ viditvā (syā. kaṃ.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๒. รฎฺฐปาลสุตฺตวณฺณนา • 2. Raṭṭhapālasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๒. รฎฺฐปาลสุตฺตวณฺณนา • 2. Raṭṭhapālasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact