Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๑๑. รฎฺฐปาลเตฺถรอปทานวณฺณนา
11. Raṭṭhapālattheraapadānavaṇṇanā
เอกาทสมาปทาเน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตติอาทิกํ อายสฺมโต รฎฺฐปาลเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ตสฺส อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ปิตุ อจฺจเยน ฆราวาเส ปติฎฺฐิโต รตนโกฎฺฐาคารกมฺมิเกน ทสฺสิตํ อปริมาณํ กุลวํสานุคตํ ธนํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ เอตฺตกํ ธนราสิํ มยฺหํ อยฺยกปยฺยกาทโย อตฺตนา สทฺธิํ คเหตฺวา คนฺตุํ นาสกฺขิํสุ, มยา ปน คเหตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ เทติฯ โส อภิญฺญาลาภิํ เอกํ ตาปสํ อุปฎฺฐหโนฺต เตน เทวโลกาธิปเจฺจ อุโยฺยชิโต ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จุโต เทโว หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โส ตตฺถ เทวโลเก เทวรชฺชํ กโรโนฺต ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จุโต มนุสฺสโลเก ภินฺนํ รฎฺฐํ สนฺธาเรตุํ สมตฺถสฺส กุลสฺส เอกปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ เตน จ สมเยน ปทุมุตฺตโร นาม ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก เวเนยฺยสตฺตํ นิพฺพานมหานครสงฺขาตเขมนฺตภูมิํ สมฺปาเปสิฯ อถ โส กุลปุโตฺต อนุกฺกเมน วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ อุปาสเกหิ สทฺธิํ วิหารํ คโต สตฺถารํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต ปริสปริยเนฺต นิสีทิฯ
Ekādasamāpadāne padumuttarassa bhagavatotiādikaṃ āyasmato raṭṭhapālattherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle tassa uppattito puretarameva haṃsavatīnagare gahapatimahāsālakule nibbattitvā vayappatto pitu accayena gharāvāse patiṭṭhito ratanakoṭṭhāgārakammikena dassitaṃ aparimāṇaṃ kulavaṃsānugataṃ dhanaṃ disvā ‘‘imaṃ ettakaṃ dhanarāsiṃ mayhaṃ ayyakapayyakādayo attanā saddhiṃ gahetvā gantuṃ nāsakkhiṃsu, mayā pana gahetvā gantuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā kapaṇaddhikādīnaṃ mahādānaṃ deti. So abhiññālābhiṃ ekaṃ tāpasaṃ upaṭṭhahanto tena devalokādhipacce uyyojito yāvajīvaṃ puññāni katvā tato cuto devo hutvā nibbatti. So tattha devaloke devarajjaṃ karonto yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato cuto manussaloke bhinnaṃ raṭṭhaṃ sandhāretuṃ samatthassa kulassa ekaputto hutvā nibbatti. Tena ca samayena padumuttaro nāma bhagavā loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakko veneyyasattaṃ nibbānamahānagarasaṅkhātakhemantabhūmiṃ sampāpesi. Atha so kulaputto anukkamena viññutaṃ patto ekadivasaṃ upāsakehi saddhiṃ vihāraṃ gato satthāraṃ dhammaṃ desentaṃ disvā pasannacitto parisapariyante nisīdi.
เตน จ สมเยน สตฺถา เอกํ ภิกฺขุํ สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิ, ตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตทตฺถาย จิตฺตํ ฐเปตฺวา สตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ภควโต มหตา สกฺกาเรน สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถา ตสฺส อนนฺตราเยน อิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน สทฺธาปพฺพชิตานํ อโคฺค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ โส สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ วนฺทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิโต ทฺวานวุติกเปฺป ผุสฺสสฺส ภควโต กาเล สตฺถุ เวมาติกภาติเกสุ ตีสุ ราชปุเตฺตสุ สตฺถารํ อุปฎฺฐหเนฺตสุ เตสํ ปุญฺญกิริยาย สหายกิจฺจํ อกาสิฯ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ภเว ตํ ตํ พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กุรุรเฎฺฐ ถุลฺลโกฎฺฐิกนิคเม รฎฺฐปาลเสฎฺฐิเคเห นิพฺพตฺติ, ตสฺส ภินฺนํ รฎฺฐํ สนฺธาเรตุํ สมเตฺถ กุเล นิพฺพตฺตตฺตา รฎฺฐปาโลติ วํสานุคตเมว นามํ อโหสิฯ โส มหตา ปริวาเรน วฑฺฒโนฺต อนุกฺกเมน โยพฺพนํ ปโตฺต มาตาปิตูหิ ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชตฺวา มหเนฺต จ ยเส ปติฎฺฐาปิโต ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสํ สมฺปตฺติํ ปจฺจนุโภติฯ อถ ภควา กุรุรเฎฺฐ ชนปทจาริกํ จรโนฺต ถุลฺลโกฎฺฐิกํ อนุปาปุณิฯ ตํ สุตฺวา รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ สตฺตวาเร ภตฺตเจฺฉเท กตฺวา กิเจฺฉน กสิเรน มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สตฺถุ อาณตฺติยา อญฺญตรสฺส เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมํ กโรโนฺต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ
Tena ca samayena satthā ekaṃ bhikkhuṃ saddhāpabbajitānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi, taṃ disvā pasannamānaso tadatthāya cittaṃ ṭhapetvā satasahassabhikkhuparivārassa bhagavato mahatā sakkārena sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā paṇidhānaṃ akāsi. Satthā tassa anantarāyena ijjhanabhāvaṃ disvā ‘‘anāgate gotamassa nāma sammāsambuddhassa sāsane saddhāpabbajitānaṃ aggo bhavissatī’’ti byākāsi. So satthāraṃ bhikkhusaṅghañca vanditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. So tattha yāvatāyukaṃ puññāni katvā tato cavitvā devamanussesu saṃsaranto ito dvānavutikappe phussassa bhagavato kāle satthu vemātikabhātikesu tīsu rājaputtesu satthāraṃ upaṭṭhahantesu tesaṃ puññakiriyāya sahāyakiccaṃ akāsi. Evaṃ tattha tattha bhave taṃ taṃ bahuṃ kusalaṃ upacinitvā sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kururaṭṭhe thullakoṭṭhikanigame raṭṭhapālaseṭṭhigehe nibbatti, tassa bhinnaṃ raṭṭhaṃ sandhāretuṃ samatthe kule nibbattattā raṭṭhapāloti vaṃsānugatameva nāmaṃ ahosi. So mahatā parivārena vaḍḍhanto anukkamena yobbanaṃ patto mātāpitūhi patirūpena dārena saṃyojetvā mahante ca yase patiṭṭhāpito dibbasampattisadisaṃ sampattiṃ paccanubhoti. Atha bhagavā kururaṭṭhe janapadacārikaṃ caranto thullakoṭṭhikaṃ anupāpuṇi. Taṃ sutvā raṭṭhapālo kulaputto satthāraṃ upasaṅkamitvā satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho sattavāre bhattacchede katvā kicchena kasirena mātāpitaro anujānāpetvā satthāraṃ upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yācitvā satthu āṇattiyā aññatarassa therassa santike pabbajitvā yonisomanasikārena kammaṃ karonto vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi.
๑๗๙-๑๘๐. อถายสฺมา อปรภาเค อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตติอาทิมาหฯ สุนาโค โส มยา ทิโนฺนติ ตทา มหาธนเสฎฺฐิ หุตฺวา สพฺพํ สาปเตยฺยํ ทานมุเข วิสฺสชฺชนสมเย สตฺตปฺปติโฎฺฐ สุนฺทโร นาโค หตฺถิราชา มยา ทิโนฺน อโหสิฯ ตํ ทเสฺสโนฺต อีสาทโนฺตติอาทิมาหฯ อีสาทโนฺต รถอีสปฺปมาณทโนฺต, โส มยา ทิโนฺน หตฺถินาโคฯ อุรูฬฺหวาติ ราชาวหนโยคฺคสมโตฺถ, ราชารโห วาฯ เสตจฺฉโตฺตติ อลงฺการตฺถาย อุปฎฺฐหนเสตจฺฉตฺตสหิโตติ อโตฺถฯ ปโสภิโตติ อาโรหปริณาหวา รูปโสภาหิ สมฺปโนฺนติ อโตฺถฯ สกปฺปโน สหตฺถิโปติ หตฺถิอลงฺการสหิโต หตฺถิโคปกสหิโตติ อโตฺถฯ อิตฺถมฺภูโต หตฺถินาโค ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต มยา ทิโนฺนติ อโตฺถฯ
179-180. Athāyasmā aparabhāge attano pubbakammaṃ saritvā somanassajāto pubbacaritāpadānaṃ pakāsento padumuttarassa bhagavatotiādimāha. Sunāgo so mayā dinnoti tadā mahādhanaseṭṭhi hutvā sabbaṃ sāpateyyaṃ dānamukhe vissajjanasamaye sattappatiṭṭho sundaro nāgo hatthirājā mayā dinno ahosi. Taṃ dassento īsādantotiādimāha. Īsādanto rathaīsappamāṇadanto, so mayā dinno hatthināgo. Urūḷhavāti rājāvahanayoggasamattho, rājāraho vā. Setacchattoti alaṅkāratthāya upaṭṭhahanasetacchattasahitoti attho. Pasobhitoti ārohapariṇāhavā rūpasobhāhi sampannoti attho. Sakappano sahatthipoti hatthialaṅkārasahito hatthigopakasahitoti attho. Itthambhūto hatthināgo padumuttarassa bhagavato mayā dinnoti attho.
๑๘๑. มยา ภตฺตํ กาเรตฺวานาติ มยา การาปิตวิหาเร วสนฺตานํ โกฎิสงฺขานํ ภิกฺขูนํ นิจฺจภตฺตํ ปฎฺฐเปตฺวา มเหสิโน นิยฺยาเทสินฺติ สมฺพโนฺธฯ
181.Mayā bhattaṃ kāretvānāti mayā kārāpitavihāre vasantānaṃ koṭisaṅkhānaṃ bhikkhūnaṃ niccabhattaṃ paṭṭhapetvā mahesino niyyādesinti sambandho.
๑๘๓. ชลชุตฺตมนามโกติ ชลโต ชาโต ชลโช, กิํ ตํ? ปทุมํ, ปทุเมน สมานนามตฺตา อุตฺตมตฺตา จ ปทุมุตฺตโร นาม ภควาติ อโตฺถฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
183.Jalajuttamanāmakoti jalato jāto jalajo, kiṃ taṃ? Padumaṃ, padumena samānanāmattā uttamattā ca padumuttaro nāma bhagavāti attho. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.
รฎฺฐปาลเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Raṭṭhapālattheraapadānavaṇṇanā samattā.
ฉปฺปญฺญาสมมหาวคฺควณฺณนา สมตฺตาฯ
Chappaññāsamamahāvaggavaṇṇanā samattā.
อิติ วิสุทฺธชนวิลาสินิยา อปทาน-อฎฺฐกถาย
Iti visuddhajanavilāsiniyā apadāna-aṭṭhakathāya
เอตฺตาวตา พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกเตฺถราปทาน-อฎฺฐกถา สมตฺตาฯ
Ettāvatā buddhapaccekabuddhasāvakattherāpadāna-aṭṭhakathā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๑๑. รฎฺฐปาลเตฺถรอปทานํ • 11. Raṭṭhapālattheraapadānaṃ