Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๔. รฎฺฐปาลเตฺถรคาถาวณฺณนา
4. Raṭṭhapālattheragāthāvaṇṇanā
ปสฺส จิตฺตกตนฺติอาทิกา อายสฺมโต รฎฺฐปาลเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ปิตุ อจฺจเยน ฆราวาเส ปติฎฺฐิโต รตนโกฎฺฐาคารกมฺมิเกน ทสฺสิตํ อปริมาณํ กุลวํสานุคตํ ธนํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ เอตฺตกํ ธนราสิํ มยฺหํ ปิตุอยฺยกปยฺยกาทโย อตฺตนา สทฺธิํ คเหตฺวา คนฺตุํ นาสกฺขิํสุ, มยา ปน คเหตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ อทาสิฯ โส อภิญฺญาลาภิํ เอกํ ตาปสํ อุปฎฺฐหโนฺต เตน เทวโลกาธิปเจฺจ นิโยชิโต ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จุโต มนุสฺสโลเก ภินฺนํ รฎฺฐํ สนฺธาเรตุํ สมตฺถสฺส กุลสฺส เอกปุตฺตโก หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ
Passacittakatantiādikā āyasmato raṭṭhapālattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato uppattito puretarameva haṃsavatīnagare gahapatimahāsālakule nibbattitvā vayappatto pitu accayena gharāvāse patiṭṭhito ratanakoṭṭhāgārakammikena dassitaṃ aparimāṇaṃ kulavaṃsānugataṃ dhanaṃ disvā ‘‘imaṃ ettakaṃ dhanarāsiṃ mayhaṃ pituayyakapayyakādayo attanā saddhiṃ gahetvā gantuṃ nāsakkhiṃsu, mayā pana gahetvā gantuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā kapaṇaddhikādīnaṃ mahādānaṃ adāsi. So abhiññālābhiṃ ekaṃ tāpasaṃ upaṭṭhahanto tena devalokādhipacce niyojito yāvajīvaṃ puññāni katvā tato cuto devaloke nibbattitvā dibbasampattiṃ anubhavanto tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato cuto manussaloke bhinnaṃ raṭṭhaṃ sandhāretuṃ samatthassa kulassa ekaputtako hutvā nibbatti.
เตน จ สมเยน ปทุมุตฺตโร ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก เวเนยฺยสเตฺต นิพฺพานมหานครสงฺขาตํ เขมนฺตภูมิํ สมฺปาเปสิฯ อถ โส กุลปุโตฺต อนุกฺกเมน วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ อุปาสเกหิ สทฺธิํ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต ปริสปริยเนฺต นิสีทิฯ เตน โข ปน สมเยน สตฺถา เอกํ ภิกฺขุํ สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ ตํ ทิสฺวา โส ปสนฺนมานโส ตทตฺถาย จิตฺตํ ฐเปตฺวา สตสหสฺสภิกฺขุปริวุตสฺส ภควโต มหตา สกฺกาเรน สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถา ตสฺส อนนฺตราเยน อิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน สทฺธาปพฺพชิตานํ อโคฺค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ โส สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ วนฺทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิโต เทฺวนวุเต กเปฺป ผุสฺสสฺส ภควโต กาเล สตฺถุ เวมาติกภาติเกสุ ตีสุ ราชปุเตฺตสุ สตฺถารํ อุปฎฺฐหเนฺตสุ เตสํ ปุญฺญกิริยาย กิจฺจํ อกาสิฯ
Tena ca samayena padumuttaro bhagavā loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakko veneyyasatte nibbānamahānagarasaṅkhātaṃ khemantabhūmiṃ sampāpesi. Atha so kulaputto anukkamena viññutaṃ patto ekadivasaṃ upāsakehi saddhiṃ vihāraṃ gantvā satthāraṃ dhammaṃ desentaṃ disvā pasannacitto parisapariyante nisīdi. Tena kho pana samayena satthā ekaṃ bhikkhuṃ saddhāpabbajitānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Taṃ disvā so pasannamānaso tadatthāya cittaṃ ṭhapetvā satasahassabhikkhuparivutassa bhagavato mahatā sakkārena sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā paṇidhānaṃ akāsi. Satthā tassa anantarāyena ijjhanabhāvaṃ disvā ‘‘anāgate gotamassa nāma sammāsambuddhassa sāsane saddhāpabbajitānaṃ aggo bhavissatī’’ti byākāsi. So satthāraṃ bhikkhusaṅghañca vanditvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi. So tattha yāvatāyukaṃ puññāni katvā tato cavitvā devamanussesu saṃsaranto ito dvenavute kappe phussassa bhagavato kāle satthu vemātikabhātikesu tīsu rājaputtesu satthāraṃ upaṭṭhahantesu tesaṃ puññakiriyāya kiccaṃ akāsi.
เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ภเว ตํ ตํ พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กุรุรเฎฺฐ ถุลฺลโกฎฺฐิกนิคเม รฎฺฐปาลเสฎฺฐิโน เคเห นิพฺพตฺติ, ตสฺส ภินฺนํ รฎฺฐํ สนฺธาเรตุํ สมเตฺถ กุเล นิพฺพตฺตตฺตา รฎฺฐปาโลติ วํสานุคตเมว นามํ อโหสิฯ โส มหตา ปริวาเรน วฑฺฒโนฺต อนุกฺกเมน โยพฺพนปโตฺต มาตาปิตูหิ ปติรูเปน ทาเรน สํโยชิโต มหเนฺต จ ยเส ปติฎฺฐาปิโต ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสํ สมฺปตฺติํ ปจฺจนุโภติฯ อถ ภควา กุรุรเฎฺฐ ชนปทจาริกํ จรโนฺต ถุลฺลโกฎฺฐิกํ อนุปาปุณิฯ ตํ สุตฺวา รฎฺฐปาโล กุลปุโตฺต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตุกาโม สตฺตาหํ ภตฺตเจฺฉทํ กตฺวา กิเจฺฉน กสิเรน มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา สตฺถุ อาณตฺติยา อญฺญตรสฺส เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมํ กโรโนฺต วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๙๗-๑๑๑) –
Evaṃ tattha tattha bhave taṃ taṃ bahuṃ kusalaṃ upacinitvā sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kururaṭṭhe thullakoṭṭhikanigame raṭṭhapālaseṭṭhino gehe nibbatti, tassa bhinnaṃ raṭṭhaṃ sandhāretuṃ samatthe kule nibbattattā raṭṭhapāloti vaṃsānugatameva nāmaṃ ahosi. So mahatā parivārena vaḍḍhanto anukkamena yobbanapatto mātāpitūhi patirūpena dārena saṃyojito mahante ca yase patiṭṭhāpito dibbasampattisadisaṃ sampattiṃ paccanubhoti. Atha bhagavā kururaṭṭhe janapadacārikaṃ caranto thullakoṭṭhikaṃ anupāpuṇi. Taṃ sutvā raṭṭhapālo kulaputto satthāraṃ upasaṅkamitvā satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitukāmo sattāhaṃ bhattacchedaṃ katvā kicchena kasirena mātāpitaro anujānāpetvā satthāraṃ upasaṅkamitvā pabbajjaṃ yācitvā satthu āṇattiyā aññatarassa therassa santike pabbajitvā yonisomanasikārena kammaṃ karonto vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.2.97-111) –
‘‘ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต, โลกเชฎฺฐสฺส ตาทิโน;
‘‘Padumuttarassa bhagavato, lokajeṭṭhassa tādino;
วรนาโค มยา ทิโนฺน, อีสาทโนฺต อุรูฬฺหวาฯ
Varanāgo mayā dinno, īsādanto urūḷhavā.
‘‘เสตจฺฉโตฺต ปโสภิโต, สกปฺปโน สหตฺถิโป;
‘‘Setacchatto pasobhito, sakappano sahatthipo;
อคฺฆาเปตฺวาน ตํ สพฺพํ, สงฺฆารามํ อการยิํฯ
Agghāpetvāna taṃ sabbaṃ, saṅghārāmaṃ akārayiṃ.
‘‘จตุปญฺญาสสหสฺสานิ, ปาสาเท การยิํ อหํ;
‘‘Catupaññāsasahassāni, pāsāde kārayiṃ ahaṃ;
มโหฆทานํ กริตฺวาน, นิยฺยาเทสิํ มเหสิโนฯ
Mahoghadānaṃ karitvāna, niyyādesiṃ mahesino.
‘‘อนุโมทิ มหาวีโร, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;
‘‘Anumodi mahāvīro, sayambhū aggapuggalo;
สเพฺพ ชเน หาสยโนฺต, เทเสสิ อมตํ ปทํฯ
Sabbe jane hāsayanto, desesi amataṃ padaṃ.
‘‘ตํ เม พุโทฺธ วิยากาสิ, ชลชุตฺตรนามโก;
‘‘Taṃ me buddho viyākāsi, jalajuttaranāmako;
ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ
Bhikkhusaṅghe nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.
‘‘จตุปญฺญาสสหสฺสานิ, ปาสาเท การยี อยํ;
‘‘Catupaññāsasahassāni, pāsāde kārayī ayaṃ;
กถยิสฺสามิ วิปากํ, สุโณถ มม ภาสโตฯ
Kathayissāmi vipākaṃ, suṇotha mama bhāsato.
‘‘อฎฺฐารสสหสฺสานิ, กูฎาคารา ภวิสฺสเร;
‘‘Aṭṭhārasasahassāni, kūṭāgārā bhavissare;
พฺยมฺหุตฺตมมฺหิ นิพฺพตฺตา, สพฺพโสณฺณมยา จ เตฯ
Byamhuttamamhi nibbattā, sabbasoṇṇamayā ca te.
‘‘ปญฺญาสกฺขตฺตุํ เทวิโนฺท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;
‘‘Paññāsakkhattuṃ devindo, devarajjaṃ karissati;
อฎฺฐปญฺญาสกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ
Aṭṭhapaññāsakkhattuñca, cakkavattī bhavissati.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Kappasatasahassamhi, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
‘‘Devalokā cavitvāna, sukkamūlena codito;
อเฑฺฒ กุเล มหาโภเค, นิพฺพตฺติสฺสติ ตาวเทฯ
Aḍḍhe kule mahābhoge, nibbattissati tāvade.
‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
‘‘So pacchā pabbajitvāna, sukkamūlena codito;
รฎฺฐปาโลติ นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ
Raṭṭhapāloti nāmena, hessati satthu sāvako.
‘‘ปธานปหิตโตฺต โส, อุปสโนฺต นิรูปธิ;
‘‘Padhānapahitatto so, upasanto nirūpadhi;
สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ
Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.
‘‘อุฎฺฐาย อภินิกฺขมฺม, ชหิตา โภคสมฺปทา;
‘‘Uṭṭhāya abhinikkhamma, jahitā bhogasampadā;
เขฬปิเณฺฑว โภคมฺหิ, เปมํ มยฺหํ น วิชฺชติฯ
Kheḷapiṇḍeva bhogamhi, pemaṃ mayhaṃ na vijjati.
‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคเกฺขมาธิวาหนํ;
‘‘Vīriyaṃ me dhuradhorayhaṃ, yogakkhemādhivāhanaṃ;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเนฯ
Dhāremi antimaṃ dehaṃ, sammāsambuddhasāsane.
‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส, วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเม;
‘‘Paṭisambhidā catasso, vimokkhāpi ca aṭṭhime;
ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
Chaḷabhiññā sacchikatā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารํ อนุชานาเปตฺวา มาตาปิตโร ปสฺสิตุํ ถุลฺลโกฎฺฐิกํ คนฺตฺวา, ตตฺถ สปทานํ ปิณฺฑาย จรโนฺต ปิตุ นิเวสเน อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ลภิตฺวา ตํ อมตํ วิย ปริภุญฺชโนฺต, ปิตรา นิมนฺติโต สฺวาตนาย อธิวาเสตฺวา, ทุติยทิวเส ปิตุ นิเวสเน ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา อลงฺกตปฎิยเตฺต อิตฺถาคารชเน อุปคนฺตฺวา ‘‘กีทิสา นาม ตา, อยฺยปุตฺต, อจฺฉราโย, ยาสํ ตฺวํ เหตุ พฺรหฺมจริยํ จรสี’’ติอาทีนิ (ม. นิ. ๒.๓๐๑) วตฺวา, ปโลภนกมฺมํ กาตุํ อารเทฺธ ตสฺส อธิปฺปายํ ปริวเตฺตตฺวา อนิจฺจตาทิปฎิสํยุตฺตํ ธมฺมํ กเถโนฺต –
Arahattaṃ pana patvā satthāraṃ anujānāpetvā mātāpitaro passituṃ thullakoṭṭhikaṃ gantvā, tattha sapadānaṃ piṇḍāya caranto pitu nivesane ābhidosikaṃ kummāsaṃ labhitvā taṃ amataṃ viya paribhuñjanto, pitarā nimantito svātanāya adhivāsetvā, dutiyadivase pitu nivesane piṇḍapātaṃ paribhuñjitvā alaṅkatapaṭiyatte itthāgārajane upagantvā ‘‘kīdisā nāma tā, ayyaputta, accharāyo, yāsaṃ tvaṃ hetu brahmacariyaṃ carasī’’tiādīni (ma. ni. 2.301) vatvā, palobhanakammaṃ kātuṃ āraddhe tassa adhippāyaṃ parivattetvā aniccatādipaṭisaṃyuttaṃ dhammaṃ kathento –
๗๖๙.
769.
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;
‘‘Passa cittakataṃ bimbaṃ, arukāyaṃ samussitaṃ;
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิติฯ
Āturaṃ bahusaṅkappaṃ, yassa natthi dhuvaṃ ṭhiti.
๗๗๐.
770.
‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จ;
‘‘Passa cittakataṃ rūpaṃ, maṇinā kuṇḍalena ca;
อฎฺฐิํ ตเจน โอนทฺธํ, สห วเตฺถหิ โสภติฯ
Aṭṭhiṃ tacena onaddhaṃ, saha vatthehi sobhati.
๗๗๑.
771.
‘‘อลตฺตกกตา ปาทา, มุขํ จุณฺณกมกฺขิตํ;
‘‘Alattakakatā pādā, mukhaṃ cuṇṇakamakkhitaṃ;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.
๗๗๒.
772.
‘‘อฎฺฐาปทกตา เกสา, เนตฺตา อญฺชนมกฺขิตา;
‘‘Aṭṭhāpadakatā kesā, nettā añjanamakkhitā;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.
๗๗๓.
773.
‘‘อญฺชนีว นวา จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโต;
‘‘Añjanīva navā cittā, pūtikāyo alaṅkato;
อลํ พาลสฺส โมหาย, โน จ ปารคเวสิโนฯ
Alaṃ bālassa mohāya, no ca pāragavesino.
๗๗๔.
774.
‘‘โอทหิ มิคโว ปาสํ, นาสทา วาคุรํ มิโค;
‘‘Odahi migavo pāsaṃ, nāsadā vāguraṃ migo;
ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม, กนฺทเนฺต มิคพนฺธเกฯ
Bhutvā nivāpaṃ gacchāma, kandante migabandhake.
๗๗๕.
775.
‘‘ฉิโนฺน ปาโส มิควสฺส, นาสทา วาคุรํ มิโค;
‘‘Chinno pāso migavassa, nāsadā vāguraṃ migo;
ภุตฺวา นิวาปํ คจฺฉาม, โสจเนฺต มิคลุทฺทเก’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;
Bhutvā nivāpaṃ gacchāma, socante migaluddake’’ti. – imā gāthā abhāsi;
ตตฺถ จิตฺตกตนฺติ จิตฺตํ กตํ จิตฺตกตํ, วตฺถาภรณมาลาทีหิ วิจิตฺตํ กตนฺติ อโตฺถฯ พิมฺพนฺติ ทีฆาทิภาเวน ยุตฺตฎฺฐาเนสุ ทีฆาทีหิ องฺคปจฺจเงฺคหิ มณฺฑิตํ อตฺตภาวํฯ อรุกายนฺติ นวนฺนํ วณมุขานํ โลมกูปานญฺจ วเสน วิสฺสนฺทมานอสุจิํ, สพฺพโส จ อรุภูตํ วณภูตํ อรูนํ วา กายํฯ สมุสฺสิตนฺติ ตีหิ อฎฺฐิสเตหิ สมุสฺสิตํฯ อาตุรนฺติ สพฺพกาลํ อิริยาปถนฺตราทีหิ ปริหริตพฺพตาย นิจฺจํ คิลานํฯ พหุสงฺกปฺปนฺติ พาลชเนน อภูตํ อาโรเปตฺวา พหุธา สงฺกปฺปิตพฺพํฯ ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิตีติ ยสฺส กายสฺส ธุวภาโว ฐิติสภาโว นตฺถิ, เอกํสโต เภทนวิกิรณวิทฺธํสนธโมฺมเยวฯ ตํ ปสฺสาติ สมีเป ฐิตํ ชนํ, อตฺตานเมว วา สนฺธาย วทติฯ
Tattha cittakatanti cittaṃ kataṃ cittakataṃ, vatthābharaṇamālādīhi vicittaṃ katanti attho. Bimbanti dīghādibhāvena yuttaṭṭhānesu dīghādīhi aṅgapaccaṅgehi maṇḍitaṃ attabhāvaṃ. Arukāyanti navannaṃ vaṇamukhānaṃ lomakūpānañca vasena vissandamānaasuciṃ, sabbaso ca arubhūtaṃ vaṇabhūtaṃ arūnaṃ vā kāyaṃ. Samussitanti tīhi aṭṭhisatehi samussitaṃ. Āturanti sabbakālaṃ iriyāpathantarādīhi pariharitabbatāya niccaṃ gilānaṃ. Bahusaṅkappanti bālajanena abhūtaṃ āropetvā bahudhā saṅkappitabbaṃ. Yassa natthi dhuvaṃ ṭhitīti yassa kāyassa dhuvabhāvo ṭhitisabhāvo natthi, ekaṃsato bhedanavikiraṇaviddhaṃsanadhammoyeva. Taṃ passāti samīpe ṭhitaṃ janaṃ, attānameva vā sandhāya vadati.
รูปนฺติ สรีรํฯ สรีรมฺปิ หิ ‘‘อฎฺฐิญฺจ ปฎิจฺจ, นฺหารุญฺจ ปฎิจฺจ, มํสญฺจ ปฎิจฺจ, จมฺมญฺจ ปฎิจฺจ, อากาโส ปริวาริโต ‘รูปเนฺตฺวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) รูปนฺติ วุจฺจติฯ มณินา กุณฺฑเลน จาติ สีสูปคาทิอาภรณคเตน มณินา กุณฺฑเลน จิตฺตกตํฯ อฎฺฐิํ ตเจน โอนทฺธนฺติ อลฺลจเมฺมน ปริโยนทฺธํ อติเรกติสตปเภทํ อฎฺฐิํ ปสฺสาติ โยชนาฯ กุณฺฑเลน จาติ จ-สเทฺทน เสสาภรณาลงฺกาเร สงฺคณฺหาติฯ สห วเตฺถหิ โสภตีติ ตยิทํ รูปํ มณินา จิตฺตกตมฺปิ วเตฺถหิ ปฎิจฺฉาทิตเมว โสภติ, น อปฎิจฺฉาทิตนฺติ อโตฺถฯ เย ปน ‘‘อฎฺฐิตเจนา’’ติ ปฐนฺติ, เตสํ อฎฺฐิตเจนํ โอนทฺธํ โสภติ, โอนทฺธตฺตา อฎฺฐิตเจนาติ อโตฺถฯ
Rūpanti sarīraṃ. Sarīrampi hi ‘‘aṭṭhiñca paṭicca, nhāruñca paṭicca, maṃsañca paṭicca, cammañca paṭicca, ākāso parivārito ‘rūpantveva saṅkhaṃ gacchatī’’tiādīsu (ma. ni. 1.306) rūpanti vuccati. Maṇinā kuṇḍalena cāti sīsūpagādiābharaṇagatena maṇinā kuṇḍalena cittakataṃ. Aṭṭhiṃ tacena onaddhanti allacammena pariyonaddhaṃ atirekatisatapabhedaṃ aṭṭhiṃ passāti yojanā. Kuṇḍalena cāti ca-saddena sesābharaṇālaṅkāre saṅgaṇhāti. Saha vatthehi sobhatīti tayidaṃ rūpaṃ maṇinā cittakatampi vatthehi paṭicchāditameva sobhati, na apaṭicchāditanti attho. Ye pana ‘‘aṭṭhitacenā’’ti paṭhanti, tesaṃ aṭṭhitacenaṃ onaddhaṃ sobhati, onaddhattā aṭṭhitacenāti attho.
อลตฺตกกตาติ อลตฺตเกน กตรญฺชนา ลาขาย สํรญฺชิตาฯ ปาทาติ จรณาฯ มุขํ จุณฺณกมกฺขิตนฺติ มุขํ จุณฺณเกน มกฺขิตํ, ยํ มณฺฑนมนุยุตฺตา สาสปกเกฺกน มุขปีฬกาทีนิ หริตฺวา โลณมตฺติกาย ทุฎฺฐโลหิตํ หริตฺวา มุขจุณฺณกวิเลปนํ กโรนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อลนฺติ พาลสฺส อนฺธปุถุชฺชนสฺส โน จ ปารคเวสิโน วฎฺฎาภิรตสฺส โมหาย สโมฺมหนาย สมตฺถํ ตสฺส จิตฺตํ โมเหตุํ ปริยตฺตํ, ปารคเวสิโน ปน วิวฎฺฎาภิรตสฺส โน อลํ น ปริยตฺตํฯ
Alattakakatāti alattakena katarañjanā lākhāya saṃrañjitā. Pādāti caraṇā. Mukhaṃ cuṇṇakamakkhitanti mukhaṃ cuṇṇakena makkhitaṃ, yaṃ maṇḍanamanuyuttā sāsapakakkena mukhapīḷakādīni haritvā loṇamattikāya duṭṭhalohitaṃ haritvā mukhacuṇṇakavilepanaṃ karonti, taṃ sandhāya vuttaṃ. Alanti bālassa andhaputhujjanassa noca pāragavesino vaṭṭābhiratassa mohāya sammohanāya samatthaṃ tassa cittaṃ mohetuṃ pariyattaṃ, pāragavesino pana vivaṭṭābhiratassa no alaṃ na pariyattaṃ.
อฎฺฐาปทกตาติ อฎฺฐปทากาเรน กตา สญฺจิตา ปุริมภาเค เกเส กเปฺปตฺวา นลาฎสฺส ปฎิจฺฉาทนวเสน กตา เกสรจนา อฎฺฐปทํ นาม, ยํ ‘‘อลก’’นฺติปิ วุจฺจติฯ เนตฺตา อญฺชนมกฺขิตาติ อุโภปิ นยนานิ อโนฺต ทฺวีสุ อเนฺตสุ จ ยถา อญฺชนจฺฉายา ทิสฺสติ, เอวํ อญฺชิตญฺชนานิฯ
Aṭṭhāpadakatāti aṭṭhapadākārena katā sañcitā purimabhāge kese kappetvā nalāṭassa paṭicchādanavasena katā kesaracanā aṭṭhapadaṃ nāma, yaṃ ‘‘alaka’’ntipi vuccati. Nettā añjanamakkhitāti ubhopi nayanāni anto dvīsu antesu ca yathā añjanacchāyā dissati, evaṃ añjitañjanāni.
อญฺชนีว นวา จิตฺตา, ปูติกาโย อลงฺกโตติ ยถา อญฺชนี อญฺชนนาฬิกา นวา อภินวา มาลากมฺมมกรทนฺตาทิวเสน จิตฺตา พหิ มฎฺฐา อุชฺชลา ทสฺสนียา, อโนฺต ปน น ทสฺสนียา โหติ, เอวเมว ตาสํ กาโย นฺหานพฺภญฺชนวตฺถาลงฺกาเรหิ อลงฺกโต พหิ อุชฺชโล, อโนฺต ปน ปูติ นานปฺปการอสุจีหิ ภริโต ติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ
Añjanīva navā cittā, pūtikāyo alaṅkatoti yathā añjanī añjananāḷikā navā abhinavā mālākammamakaradantādivasena cittā bahi maṭṭhā ujjalā dassanīyā, anto pana na dassanīyā hoti, evameva tāsaṃ kāyo nhānabbhañjanavatthālaṅkārehi alaṅkato bahi ujjalo, anto pana pūti nānappakāraasucīhi bharito tiṭṭhatīti attho.
โอทหีติ โอเฑฺฑสิฯ มิคโวติ, มิคลุทฺทโกฯ ปาสนฺติ, ทณฺฑวาคุรํฯ นาสทาติ น สงฺฆเฎฺฎสิฯ วาคุรนฺติ ปาสํฯ นิวาปนฺติ มิคานํ ขาทนตฺถาย ขิตฺตํ ติณาทิฆาสํฯ อุปมา โข อยํ เถเรน กตา อตฺถสฺส วิญฺญาปนายฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ยถา มิคานํ มารณตฺถาย ทณฺฑวาคุรํ โอเฑฺฑตฺวา ตตฺถ นิวาปํ วิกิริย มิคลุทฺทเก นิลีเน ฐิเต ตเตฺถโก ชวปรกฺกมสมฺปโนฺน เฉโก มิโค ปาสํ อผุสโนฺต เอว ยถาสุขํ นิวาปํ ขาทิตฺวา, ‘‘วเญฺจสิ วต มิโค’’ติ มิคลุทฺทเก วิรวเนฺต เอว คจฺฉติฯ อปโร มิโค พลวา เฉโก ชวสมฺปโนฺนว ตตฺถ คนฺตฺวา นิวาปํ ขาทิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปาสํ ฉินฺทิตฺวา, ‘‘วเญฺจสิ วต มิโค, ปาโส ฉิโนฺน’’ติ มิคลุทฺทเก โสจเนฺต เอว คจฺฉติ, เอวํ มยมฺปิ ปุเพฺพ ปุถุชฺชนกาเล มาตาปิตูหิ อาสชฺชนตฺถาย นิยฺยาทิเต โภเค ภุญฺชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อสชฺชมานา นิกฺขนฺตาฯ อิทานิ ปน สพฺพโส ฉินฺนกิเลสา อปาสา หุตฺวา ฐิตา, เตหิ ทินฺนโภชนํ ภุญฺชิตฺวา เตสุ โสจเนฺตสุ เอว คจฺฉามาติฯ
Odahīti oḍḍesi. Migavoti, migaluddako. Pāsanti, daṇḍavāguraṃ. Nāsadāti na saṅghaṭṭesi. Vāguranti pāsaṃ. Nivāpanti migānaṃ khādanatthāya khittaṃ tiṇādighāsaṃ. Upamā kho ayaṃ therena katā atthassa viññāpanāya. Ayañhettha attho – yathā migānaṃ māraṇatthāya daṇḍavāguraṃ oḍḍetvā tattha nivāpaṃ vikiriya migaluddake nilīne ṭhite tattheko javaparakkamasampanno cheko migo pāsaṃ aphusanto eva yathāsukhaṃ nivāpaṃ khāditvā, ‘‘vañcesi vata migo’’ti migaluddake viravante eva gacchati. Aparo migo balavā cheko javasampannova tattha gantvā nivāpaṃ khāditvā tattha tattha pāsaṃ chinditvā, ‘‘vañcesi vata migo, pāso chinno’’ti migaluddake socante eva gacchati, evaṃ mayampi pubbe puthujjanakāle mātāpitūhi āsajjanatthāya niyyādite bhoge bhuñjitvā tattha tattha asajjamānā nikkhantā. Idāni pana sabbaso chinnakilesā apāsā hutvā ṭhitā, tehi dinnabhojanaṃ bhuñjitvā tesu socantesu eva gacchāmāti.
เอวํ เถโร มิคลุทฺทกํ วิย มาตาปิตโร, หิรญฺญสุวณฺณํ อิตฺถาคารญฺจ วาคุรชาลํ วิย, อตฺตนา ปุเพฺพ ภุตฺตโภเค จ อิทานิ ภุตฺตโภชนญฺจ นิวาปติณํ วิย, อตฺตานํ มหามิคํ วิย จ กตฺวา ทเสฺสติฯ อิมา คาถา วตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา รโญฺญ โกรพฺยสฺส มิคาชินอุยฺยาเน มงฺคลสิลาปเฎฺฎ นิสีทิฯ เถรสฺส กิร ปิตา สตฺตสุ ทฺวารโกฎฺฐเกสุ อคฺคฬํ ทาเปตฺวา มเลฺล อาณาเปสิ ‘‘นิกฺขมิตุํ มา เทถ, กาสายานิ อปเนตฺวา เสตกานิ นิวาเสถา’’ติ, ตสฺมา เถโร อากาเสน อคมาสิฯ อถ ราชา โกรโพฺย เถรสฺส ตตฺถ นิสินฺนภาวํ สุตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ‘‘อิธ, โภ รฎฺฐปาล, ปพฺพชโนฺต พฺยาธิปาริชุญฺญํ วา ชราโภคญาติปาริชุญฺญํ วา ปโตฺต ปพฺพชติฯ ตฺวํ ปน กิญฺจิปิ ปาริชุญฺญํ อนุปคโต เอว กสฺมา ปพฺพชิโต’’ติ ปุจฺฉิฯ อถสฺส เถโร, ‘‘อุปนิยฺยติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร, อสฺสโก โลโก สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติโตฺต ตณฺหาทาโส’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) อิเมสํ จตุนฺนํ ธมฺมุเทฺทสานํ อตฺตานํ วิวิตฺตภาวํ กเถตฺวา ตสฺสา เทสนาย อนุคีติํ กเถโนฺต –
Evaṃ thero migaluddakaṃ viya mātāpitaro, hiraññasuvaṇṇaṃ itthāgārañca vāgurajālaṃ viya, attanā pubbe bhuttabhoge ca idāni bhuttabhojanañca nivāpatiṇaṃ viya, attānaṃ mahāmigaṃ viya ca katvā dasseti. Imā gāthā vatvā vehāsaṃ abbhuggantvā rañño korabyassa migājinauyyāne maṅgalasilāpaṭṭe nisīdi. Therassa kira pitā sattasu dvārakoṭṭhakesu aggaḷaṃ dāpetvā malle āṇāpesi ‘‘nikkhamituṃ mā detha, kāsāyāni apanetvā setakāni nivāsethā’’ti, tasmā thero ākāsena agamāsi. Atha rājā korabyo therassa tattha nisinnabhāvaṃ sutvā taṃ upasaṅkamitvā sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ‘‘idha, bho raṭṭhapāla, pabbajanto byādhipārijuññaṃ vā jarābhogañātipārijuññaṃ vā patto pabbajati. Tvaṃ pana kiñcipi pārijuññaṃ anupagato eva kasmā pabbajito’’ti pucchi. Athassa thero, ‘‘upaniyyati loko addhuvo, atāṇo loko anabhissaro, assako loko sabbaṃ pahāya gamanīyaṃ, ūno loko atitto taṇhādāso’’ti (ma. ni. 2.305) imesaṃ catunnaṃ dhammuddesānaṃ attānaṃ vivittabhāvaṃ kathetvā tassā desanāya anugītiṃ kathento –
๗๗๖.
776.
‘‘ปสฺสามิ โลเก สธเน มนุเสฺส, ลทฺธาน วิตฺตํ น ททนฺติ โมหา;
‘‘Passāmi loke sadhane manusse, laddhāna vittaṃ na dadanti mohā;
ลุทฺธา ธนํ สนฺนิจยํ กโรนฺติ, ภิโยฺยว กาเม อภิปตฺถยนฺติฯ
Luddhā dhanaṃ sannicayaṃ karonti, bhiyyova kāme abhipatthayanti.
๗๗๗.
777.
‘‘ราชา ปสยฺหปฺปถวิํ วิเชตฺวา, สสาครนฺตํ มหิมาวสโนฺต;
‘‘Rājā pasayhappathaviṃ vijetvā, sasāgarantaṃ mahimāvasanto;
โอรํ สมุทฺทสฺส อติตฺตรูโป, ปารํ สมุทฺทสฺสปิ ปตฺถเยถฯ
Oraṃ samuddassa atittarūpo, pāraṃ samuddassapi patthayetha.
๗๗๘.
778.
‘‘ราชา จ อเญฺญ จ พหู มนุสฺสา, อวีตตณฺหา มรณํ อุเปนฺติ;
‘‘Rājā ca aññe ca bahū manussā, avītataṇhā maraṇaṃ upenti;
อูนาว หุตฺวาน ชหนฺติ เทหํ, กาเมหิ โลกมฺหิ น หตฺถิ ติตฺติฯ
Ūnāva hutvāna jahanti dehaṃ, kāmehi lokamhi na hatthi titti.
๗๗๙.
779.
‘‘กนฺทนฺติ นํ ญาตี ปกิริย เกเส, ‘อโห วตา โน อมรา’ติ จาหุ;
‘‘Kandanti naṃ ñātī pakiriya kese, ‘aho vatā no amarā’ti cāhu;
วเตฺถน นํ ปารุตํ นีหริตฺวา, จิตํ สโมธาย ตโต ฑหนฺติฯ
Vatthena naṃ pārutaṃ nīharitvā, citaṃ samodhāya tato ḍahanti.
๗๘๐.
780.
‘‘โส ฑยฺหติ สูเลหิ ตุชฺชมาโน, เอเกน วเตฺถน ปหาย โภเค;
‘‘So ḍayhati sūlehi tujjamāno, ekena vatthena pahāya bhoge;
น มียมานสฺส ภวนฺติ ตาณา, ญาตี จ มิตฺตา อถ วา สหายาฯ
Na mīyamānassa bhavanti tāṇā, ñātī ca mittā atha vā sahāyā.
๗๘๑.
781.
‘‘ทายาทกา ตสฺส ธนํ หรนฺติ, สโตฺต ปน คจฺฉติ เยนกมฺมํ;
‘‘Dāyādakā tassa dhanaṃ haranti, satto pana gacchati yenakammaṃ;
น มียมานํ ธนมเนฺวติ กิญฺจิ, ปุตฺตา จ ทารา จ ธนญฺจ รฎฺฐํฯ
Na mīyamānaṃ dhanamanveti kiñci, puttā ca dārā ca dhanañca raṭṭhaṃ.
๗๘๒.
782.
‘‘น ทีฆมายุํ ลภเต ธเนน, น จาปิ วิเตฺตน ชรํ วิหนฺติ;
‘‘Na dīghamāyuṃ labhate dhanena, na cāpi vittena jaraṃ vihanti;
อปฺปํ หิทํ ชีวิตมาหุ ธีรา, อสสฺสตํ วิปฺปริณามธมฺมํฯ
Appaṃ hidaṃ jīvitamāhu dhīrā, asassataṃ vippariṇāmadhammaṃ.
๗๘๓.
783.
‘‘อฑฺฒา ทลิทฺทา จ ผุสนฺติ ผสฺสํ, พาโล จ ธีโร จ ตเถว ผุโฎฺฐ;
‘‘Aḍḍhā daliddā ca phusanti phassaṃ, bālo ca dhīro ca tatheva phuṭṭho;
พาโล หิ พาลฺยา วธิโตว เสติ, ธีโร จ โน เวธติ ผสฺสผุโฎฺฐฯ
Bālo hi bālyā vadhitova seti, dhīro ca no vedhati phassaphuṭṭho.
๗๘๔.
784.
‘‘ตสฺมา หิ ปญฺญาว ธเนน เสยฺยา, ยาย โวสานมิธาธิคจฺฉติ;
‘‘Tasmā hi paññāva dhanena seyyā, yāya vosānamidhādhigacchati;
อโพฺยสิตตฺตา หิ ภวาภเวสุ, ปาปานิ กมฺมานิ กโรติ โมหาฯ
Abyositattā hi bhavābhavesu, pāpāni kammāni karoti mohā.
๗๘๕.
785.
‘‘อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํ, สํสารมาปชฺช ปรมฺปราย;
‘‘Upeti gabbhañca parañca lokaṃ, saṃsāramāpajja paramparāya;
ตสฺสปฺปปโญฺญ อภิสทฺทหโนฺต, อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํฯ
Tassappapañño abhisaddahanto, upeti gabbhañca parañca lokaṃ.
๗๘๖.
786.
‘‘โจโร ยถา สนฺธิมุเข คหีโต, สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธโมฺม;
‘‘Coro yathā sandhimukhe gahīto, sakammunā haññati pāpadhammo;
เอวํ ปชา เปจฺจ ปรมฺหิ โลเก, สกมฺมุนา หญฺญติ ปาปธโมฺมฯ
Evaṃ pajā pecca paramhi loke, sakammunā haññati pāpadhammo.
๗๘๗.
787.
‘‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ;
‘‘Kāmā hi citrā madhurā manoramā, virūparūpena mathenti cittaṃ;
อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา, ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชฯ
Ādīnavaṃ kāmaguṇesu disvā, tasmā ahaṃ pabbajitomhi rāja.
๗๘๘.
788.
‘‘ทุมปฺผลานีว ปตนฺติ มาณวา, ทหรา จ วุฑฺฒา จ สรีรเภทา;
‘‘Dumapphalānīva patanti māṇavā, daharā ca vuḍḍhā ca sarīrabhedā;
เอตมฺปิ ทิสฺวา ปพฺพชิโตมฺหิ ราช, อปณฺณกํ สามญฺญเมว เสโยฺยฯ
Etampi disvā pabbajitomhi rāja, apaṇṇakaṃ sāmaññameva seyyo.
๗๘๙.
789.
‘‘สทฺธายาหํ ปพฺพชิโต, อุเปโต ชินสาสเน;
‘‘Saddhāyāhaṃ pabbajito, upeto jinasāsane;
อวญฺฌา มยฺหํ ปพฺพชฺชา, อนโณ ภุญฺชามิ โภชนํฯ
Avañjhā mayhaṃ pabbajjā, anaṇo bhuñjāmi bhojanaṃ.
๗๙๐.
790.
‘‘กาเม อาทิตฺตโต ทิสฺวา, ชาตรูปานิ สตฺถโต;
‘‘Kāme ādittato disvā, jātarūpāni satthato;
คพฺภโวกฺกนฺติโต ทุกฺขํ, นิรเยสุ มหพฺภยํฯ
Gabbhavokkantito dukkhaṃ, nirayesu mahabbhayaṃ.
๗๙๑.
791.
‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, สํเวคํ อลภิํ ตทา;
‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, saṃvegaṃ alabhiṃ tadā;
โสหํ วิโทฺธ ตทา สโนฺต, สมฺปโตฺต อาสวกฺขยํฯ
Sohaṃ viddho tadā santo, sampatto āsavakkhayaṃ.
๗๙๒.
792.
‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;
‘‘Pariciṇṇo mayā satthā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ;
โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตาฯ
Ohito garuko bhāro, bhavanetti samūhatā.
๗๙๓.
793.
‘‘ยสฺสตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;
‘‘Yassatthāya pabbajito, agārasmānagāriyaṃ;
โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติฯ – อิมา คาถา อโวจ;
So me attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo’’ti. – imā gāthā avoca;
ตตฺถ ปสฺสามิ โลเกติ อหํ, มหาราช, อิมสฺมิํ โลเก สธเน ธนสมฺปเนฺน อเฑฺฒ มนุเสฺส ปสฺสามิ, เต ปน ลทฺธาน วิตฺตํ ธนํ ลภิตฺวา โภคสมฺปตฺติยํ ฐิตา สมณพฺราหฺมณาทีสุ กสฺสจิ กิญฺจิปิ น ททนฺติฯ กสฺมา? โมหา กมฺมสฺสกตาปญฺญาย อภาวโตฯ ลุทฺธา โลภาภิภูตา ยถาลทฺธํ ธนํ สนฺนิจยํ สพฺพโส นิเจตพฺพํ นิเธตพฺพํ กโรนฺติฯ ภิโยฺยว ยถาธิคตกามโต อุปริ กาเม กามคุเณ ‘‘ตถาหํ เอทิเส จ โภเค ปฎิลเภยฺย’’นฺติ อภิปตฺถยนฺติ ปจฺจาสีสนฺติ ตชฺชญฺจ วายามํ กโรนฺติฯ
Tattha passāmi loketi ahaṃ, mahārāja, imasmiṃ loke sadhane dhanasampanne aḍḍhe manusse passāmi, te pana laddhāna vittaṃ dhanaṃ labhitvā bhogasampattiyaṃ ṭhitā samaṇabrāhmaṇādīsu kassaci kiñcipi na dadanti. Kasmā? Mohā kammassakatāpaññāya abhāvato. Luddhā lobhābhibhūtā yathāladdhaṃ dhanaṃ sannicayaṃ sabbaso nicetabbaṃ nidhetabbaṃ karonti. Bhiyyova yathādhigatakāmato upari kāme kāmaguṇe ‘‘tathāhaṃ edise ca bhoge paṭilabheyya’’nti abhipatthayanti paccāsīsanti tajjañca vāyāmaṃ karonti.
ภิโยฺย กามปตฺถนาย อุทาหรณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ราชา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปสยฺหปฺปถวิํ วิเชตฺวาติ อตฺตโน วํสานุคตํ ปถวิํ พลกฺกาเรน อภิวิชิยฯ อาวสโนฺตติ ปสาเสโนฺตฯ โอรํ สมุทฺทสฺสาติ อนวเสสํ สมุทฺทสฺส โอรภาคํ ลภิตฺวาปิ เตน อติตฺตรูโป ปารํ สมุทฺทสฺส ทีปนฺตรมฺปิ ปตฺถเยยฺยฯ
Bhiyyo kāmapatthanāya udāharaṇaṃ dassento ‘‘rājā’’tiādimāha. Tattha pasayhappathaviṃ vijetvāti attano vaṃsānugataṃ pathaviṃ balakkārena abhivijiya. Āvasantoti pasāsento. Oraṃ samuddassāti anavasesaṃ samuddassa orabhāgaṃ labhitvāpi tena atittarūpo pāraṃ samuddassa dīpantarampi patthayeyya.
อวีตตณฺหาติ อวิคตตณฺหาฯ อูนาวาติ อปริปุณฺณมโนรถาวฯ กาเมหิ โลกมฺหิ น หตฺถิ ติตฺตีติ ตณฺหาวิปนฺนานํ อิมสฺมิํ โลเก วตฺถุกาเมหิ ติตฺติ นาม นตฺถิฯ
Avītataṇhāti avigatataṇhā. Ūnāvāti aparipuṇṇamanorathāva. Kāmehi lokamhi na hatthi tittīti taṇhāvipannānaṃ imasmiṃ loke vatthukāmehi titti nāma natthi.
กนฺทนฺติ นนฺติ มตปุริสํ อุทฺทิสฺส ตสฺส คุเณ กิเตฺตนฺตา กนฺทนํ กโรนฺติฯ อโห วตา โน อมราติ จาหูติ อโห วต อมฺหากํ ญาตี อมรา สิยุนฺติ จ กเถนฺติ, คาถาสุขตฺถเญฺหตฺถ วตา-อิติ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํฯ
Kandanti nanti matapurisaṃ uddissa tassa guṇe kittentā kandanaṃ karonti. Aho vatā no amarāti cāhūti aho vata amhākaṃ ñātī amarā siyunti ca kathenti, gāthāsukhatthañhettha vatā-iti dīghaṃ katvā vuttaṃ.
โส ฑยฺหติ สูเลหิ ตุชฺชมาโนติ โส มตสโตฺต ฉวฑาหเกหิ สมฺมา ฌาเปตุํ สูเลหิ ตุชฺชมาโนฯ ตาณาติ ปริตฺตาณกราฯ
So ḍayhati sūlehi tujjamānoti so matasatto chavaḍāhakehi sammā jhāpetuṃ sūlehi tujjamāno. Tāṇāti parittāṇakarā.
เยนกมฺมนฺติ ยถากมฺมํฯ ธนนฺติ ธนายิตพฺพํ ยํกิญฺจิ วตฺถุฯ ปุน ธนนฺติ หิรญฺญสุวณฺณํ สนฺธาย วทติฯ
Yenakammanti yathākammaṃ. Dhananti dhanāyitabbaṃ yaṃkiñci vatthu. Puna dhananti hiraññasuvaṇṇaṃ sandhāya vadati.
‘‘น ทีฆมายุ’’นฺติอาทินา กามคุณสฺส ชราย จ ปฎิการาภาวํ วตฺวา ปุน ตสฺส เอกนฺติกภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘อปฺปํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ผุสนฺตีติ อนิฎฺฐผสฺสํ ผุสนฺติ ปาปุณนฺติ, ตตฺถ อฑฺฒทลิทฺทตา อการณนฺติ ทเสฺสติฯ ผสฺสํ พาโล จ ธีโร จ ตเถว ผุโฎฺฐติ ยถา พาโล อิฎฺฐานิฎฺฐสมฺผสฺสํ ผุโฎฺฐ, ตเถว ธีโร อิฎฺฐานิฎฺฐผสฺสํ ผุโฎฺฐ โหติ, น เอตฺถ พาลปณฺฑิตานํ โกจิ วิเสโสฯ อยํ ปน วิเสโส, พาโล หิ พาลฺยา วธิโตว เสตีติ พาลปุคฺคโล เกนจิ ทุกฺขธเมฺมน ผุโฎฺฐ โสจโนฺต กิลมโนฺต อุรตฺตาฬิํ กนฺทโนฺต พาลภาเวน วธิโต ปีฬิโตว หุตฺวา เสติ สยติฯ อิโต จิโต จ อาวฎฺฎโนฺต วิวฎฺฎโนฺต วิโรเธโนฺต เวธติ ผสฺสผุโฎฺฐติ ธีโร ปน ปณฺฑิโต ทุกฺขสมฺผเสฺสน สมฺผุโฎฺฐ น เวธติ กมฺปนมตฺตมฺปิ ตสฺส น โหตีติฯ
‘‘Na dīghamāyu’’ntiādinā kāmaguṇassa jarāya ca paṭikārābhāvaṃ vatvā puna tassa ekantikabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘appaṃ hī’’tiādi vuttaṃ. Phusantīti aniṭṭhaphassaṃ phusanti pāpuṇanti, tattha aḍḍhadaliddatā akāraṇanti dasseti. Phassaṃ bālo ca dhīro ca tatheva phuṭṭhoti yathā bālo iṭṭhāniṭṭhasamphassaṃ phuṭṭho, tatheva dhīro iṭṭhāniṭṭhaphassaṃ phuṭṭho hoti, na ettha bālapaṇḍitānaṃ koci viseso. Ayaṃ pana viseso, bālo hi bālyā vadhitova setīti bālapuggalo kenaci dukkhadhammena phuṭṭho socanto kilamanto urattāḷiṃ kandanto bālabhāvena vadhito pīḷitova hutvā seti sayati. Ito cito ca āvaṭṭanto vivaṭṭanto virodhento vedhati phassaphuṭṭhoti dhīro pana paṇḍito dukkhasamphassena samphuṭṭho na vedhati kampanamattampi tassa na hotīti.
ตสฺมาติ ยสฺมา พาลปณฺฑิตานํ โลกธเมฺม เอทิสี ปวตฺติ, ตสฺมา หิ ปญฺญาว ธเนน เสยฺยา, ยาย โวสานมิธาธิคจฺฉตีติ ปญฺญาว ธนโต ปาสํสตรา, ยาย ปญฺญาย โวสานํ ภวสฺส ปริโยสานภูตํ นิพฺพานํ อธิคจฺฉติฯ อโพฺยสิตตฺตา หีติ อนธิคตนิฎฺฐตฺตาฯ ภวาภเวสูติ มหนฺตามหเนฺตสุ ภเวสุฯ
Tasmāti yasmā bālapaṇḍitānaṃ lokadhamme edisī pavatti, tasmā hi paññāva dhanena seyyā, yāya vosānamidhādhigacchatīti paññāva dhanato pāsaṃsatarā, yāya paññāya vosānaṃ bhavassa pariyosānabhūtaṃ nibbānaṃ adhigacchati. Abyositattā hīti anadhigataniṭṭhattā. Bhavābhavesūti mahantāmahantesu bhavesu.
อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํ, สํสารมาปชฺช ปรมฺปรายาติ โย ปาปานิ กตฺวา อปราปรํ สํสรณมาปชฺชิตฺวา อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํ คพฺภเสยฺยาย ปรโลกุปฺปตฺติยา จ น มุจฺจติ, ตสฺส ปาปกมฺมการิโน ปุคฺคลสฺส กิริยํ อภิสทฺทหโนฺต ‘‘อตฺตา จ เม โหตี’’ติ ปตฺติยายโนฺต อโญฺญปิ อปฺปปโญฺญ พาโล ยถา ปฎิปชฺชิตฺวา อุเปติ คพฺภญฺจ ปรญฺจ โลกํ, น ตโต ปริมุจฺจติฯ
Upeti gabbhañca parañca lokaṃ, saṃsāramāpajja paramparāyāti yo pāpāni katvā aparāparaṃ saṃsaraṇamāpajjitvā upeti gabbhañca parañca lokaṃ gabbhaseyyāya paralokuppattiyā ca na muccati, tassa pāpakammakārino puggalassa kiriyaṃ abhisaddahanto ‘‘attā ca me hotī’’ti pattiyāyanto aññopi appapañño bālo yathā paṭipajjitvā upeti gabbhañca parañca lokaṃ, na tato parimuccati.
โจโร ยถาติ ยถา โจโร ปาปธโมฺม ฆรสนฺธิํ ฉินฺทโนฺต สนฺธิมุเข อารกฺขกปุริเสหิ คหิโต สกมฺมุนา เตน อตฺตโน สนฺธิเจฺฉทกมฺมุนา การณภูเตน กสาทีหิ ตาฬนาทิวเสน หญฺญติ ราชปุริเสหิ พาธิยฺยติ พชฺฌติ จฯ เอวํ ปชาติ เอวมยํ สตฺตโลโก อิธ ปาปานิ กริตฺวา เปจฺจ ปตฺวา เตน กมฺมุนา ปรมฺหิ โลเก นิรยาทีสุ หญฺญติ, ปญฺจวิธพนฺธนกมฺมการณาทิวเสน พาธิยฺยติฯ
Coro yathāti yathā coro pāpadhammo gharasandhiṃ chindanto sandhimukhe ārakkhakapurisehi gahito sakammunā tena attano sandhicchedakammunā kāraṇabhūtena kasādīhi tāḷanādivasena haññati rājapurisehi bādhiyyati bajjhati ca. Evaṃ pajāti evamayaṃ sattaloko idha pāpāni karitvā pecca patvā tena kammunā paramhi loke nirayādīsu haññati, pañcavidhabandhanakammakāraṇādivasena bādhiyyati.
เอวเมตาหิ เอกาทสหิ คาถาหิ ยถารหํ จตฺตาโร ธมฺมุเทฺทเส ปกาเสตฺวา อิทานิ กาเมสุ สํสาเร จ อาทีนวํ ทิสฺวา สทฺธาย อตฺตโน ปพฺพชิตภาวํ ปพฺพชิตกิจฺจสฺส จ มตฺถกปฺปตฺติํ วิภาเวโนฺต ‘‘กามา หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ กามาติ วตฺถุกามา มนาปิยา รูปาทโย ธมฺมา, กิเลสกามา สเพฺพปิ ราคปฺปเภทาฯ อิธ ปน วตฺถุกามา เวทิตพฺพาฯ เต หิ รูปาทิวเสน อเนกปฺปการตาย จิตฺราฯ โลกสฺสาทวเสน อิฎฺฐาการตาย มธุราฯ พาลปุถุชฺชนานํ มนํ รเมนฺตีติ มโนรมาฯ วิรูปรูเปนาติ วิวิธรูเปน, อเนกวิธสภาเวนาติ อโตฺถฯ เต หิ รูปาทิวเสน จิตฺรา, นีลาทิวเสน วิวิธรูปาฯ เอวํ เตน วิรูปรูเปน ตถา ตถา อสฺสาทํ ทเสฺสตฺวา มเถนฺติ จิตฺตํ ปพฺพชฺชาย อภิรมิตุํ น เทนฺตีติ อิมินา อปฺปสฺสาทพหุทุกฺขตาทินา อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา ตสฺมา ตํนิมิตฺตํ อหํ ปพฺพชิโต อมฺหิฯ ทุมปฺผลานิ ปกฺกกาเล อปริปกฺกกาเล จ ยตฺถ กตฺถจิ ปรูปกฺกมโต สรสโต วา ปตนฺติ, เอวํ สตฺตา ทหรา จ วุฑฺฒา จ สรีรสฺส เภทา ปตนฺติเยวฯ เอตมฺปิ ทิสฺวาติ เอวํ อนิจฺจตมฺปิ ปญฺญาจกฺขุนา ทิสฺวา, น เกวลํ อปฺปสฺสาทตาทิตาย อาทีนวเมวาติ อธิปฺปาโยฯ อปณฺณกนฺติ อวิรทฺธนกํ สามญฺญเมว สมณภาโวว เสโยฺย อุตฺตริตโรฯ
Evametāhi ekādasahi gāthāhi yathārahaṃ cattāro dhammuddese pakāsetvā idāni kāmesu saṃsāre ca ādīnavaṃ disvā saddhāya attano pabbajitabhāvaṃ pabbajitakiccassa ca matthakappattiṃ vibhāvento ‘‘kāmā hī’’tiādimāha. Tattha kāmāti vatthukāmā manāpiyā rūpādayo dhammā, kilesakāmā sabbepi rāgappabhedā. Idha pana vatthukāmā veditabbā. Te hi rūpādivasena anekappakāratāya citrā. Lokassādavasena iṭṭhākāratāya madhurā. Bālaputhujjanānaṃ manaṃ ramentīti manoramā. Virūparūpenāti vividharūpena, anekavidhasabhāvenāti attho. Te hi rūpādivasena citrā, nīlādivasena vividharūpā. Evaṃ tena virūparūpena tathā tathā assādaṃ dassetvā mathenti cittaṃ pabbajjāya abhiramituṃ na dentīti iminā appassādabahudukkhatādinā ādīnavaṃ kāmaguṇesu disvā tasmā taṃnimittaṃ ahaṃ pabbajito amhi. Dumapphalāni pakkakāle aparipakkakāle ca yattha katthaci parūpakkamato sarasato vā patanti, evaṃ sattā daharā ca vuḍḍhā ca sarīrassa bhedā patantiyeva. Etampi disvāti evaṃ aniccatampi paññācakkhunā disvā, na kevalaṃ appassādatāditāya ādīnavamevāti adhippāyo. Apaṇṇakanti aviraddhanakaṃ sāmaññameva samaṇabhāvova seyyo uttaritaro.
สทฺธายาติ กมฺมํ กมฺมผลํ พุทฺธสุพุทฺธตํ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติญฺจ สทฺทหิตฺวาฯ อุเปโต ชินสาสเนติ สตฺถุ สาสเน สมฺมาปฎิปตฺติํ อุปคโตฯ อวญฺฌา มยฺหํ ปพฺพชฺชา อรหตฺตสฺส อธิคตตฺตาฯ ตโต เอว อนโณ ภุญฺชามิ โภชนํ นิกฺกิเลสวเสน สามิภาวโต สามิปริโภเคน ปริภุญฺชนโตฯ
Saddhāyāti kammaṃ kammaphalaṃ buddhasubuddhataṃ dhammasudhammataṃ saṅghasuppaṭipattiñca saddahitvā. Upetojinasāsaneti satthu sāsane sammāpaṭipattiṃ upagato. Avañjhā mayhaṃ pabbajjā arahattassa adhigatattā. Tato eva anaṇo bhuñjāmi bhojanaṃ nikkilesavasena sāmibhāvato sāmiparibhogena paribhuñjanato.
กาเม อาทิตฺตโต ทิสฺวาติ วตฺถุกาเม กิเลสกาเม จ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตภาวโต ทิสฺวาฯ ชาตรูปานิ สตฺถโตติ กตากตปฺปเภทา สพฺพสุวณฺณวิกติโย อนตฺถาวหตาย นิสิตสตฺถโตฯ คพฺภโวกฺกนฺติโต ทุกฺขนฺติ คพฺภโวกฺกนฺติโต ปฎฺฐาย สพฺพสํสารปวตฺติทุกฺขํฯ นิรเยสุ มหพฺภยนฺติ สอุสฺสเทสุ อฎฺฐสุ มหานิรเยสุ ลพฺภมานํ มหาภยญฺจ สพฺพตฺถ ทิสฺวาติ โยชนาฯ
Kāme ādittato disvāti vatthukāme kilesakāme ca ekādasahi aggīhi ādittabhāvato disvā. Jātarūpāni satthatoti katākatappabhedā sabbasuvaṇṇavikatiyo anatthāvahatāya nisitasatthato. Gabbhavokkantito dukkhanti gabbhavokkantito paṭṭhāya sabbasaṃsārapavattidukkhaṃ. Nirayesu mahabbhayanti saussadesu aṭṭhasu mahānirayesu labbhamānaṃ mahābhayañca sabbattha disvāti yojanā.
เอตมาทีนวํ ญตฺวาติ เอตํ กามานํ อาทิตฺตตาทิํ สํสาเร อาทีนวํ โทสํ ญตฺวาฯ สํเวคํ อลภิํ ตทาติ ตสฺมิํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมสฺส สุตกาเล ภวาทิเก สํเวคํ อลตฺถํฯ วิโทฺธ ตทา สโนฺตติ ตสฺมิํ คหฎฺฐกาเล ราคสลฺลาทีหิ วิโทฺธ สมาโน อิทานิ สตฺถุ สาสนํ อาคมฺม สมฺปโตฺต อาสวกฺขยํ, วิโทฺธ วา จตฺตาริ สจฺจานิ, ปฎิวิโทฺธติ อโตฺถฯ เสสํ อนฺตรนฺตราทีสุ วุตฺตตฺตา สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Etamādīnavaṃ ñatvāti etaṃ kāmānaṃ ādittatādiṃ saṃsāre ādīnavaṃ dosaṃ ñatvā. Saṃvegaṃ alabhiṃ tadāti tasmiṃ satthu santike dhammassa sutakāle bhavādike saṃvegaṃ alatthaṃ. Viddho tadā santoti tasmiṃ gahaṭṭhakāle rāgasallādīhi viddho samāno idāni satthu sāsanaṃ āgamma sampatto āsavakkhayaṃ, viddho vā cattāri saccāni, paṭividdhoti attho. Sesaṃ antarantarādīsu vuttattā suviññeyyameva.
เอวํ เถโร รโญฺญ โกรพฺยสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา สตฺถุ สนฺติกเมว คโตฯ สตฺถา จ อปรภาเค อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน เถรํ สทฺธาปพฺพชิตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสีติฯ
Evaṃ thero rañño korabyassa dhammaṃ desetvā satthu santikameva gato. Satthā ca aparabhāge ariyagaṇamajjhe nisinno theraṃ saddhāpabbajitānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesīti.
รฎฺฐปาลเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Raṭṭhapālattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. รฎฺฐปาลเตฺถรคาถา • 4. Raṭṭhapālattheragāthā