Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi |
๔. เรวตีเปตวตฺถุ
4. Revatīpetavatthu
๗๑๔.
714.
1 ‘‘อุเฎฺฐหิ เรวเต สุปาปธเมฺม, อปารุตทฺวาเร อทานสีเล;
2 ‘‘Uṭṭhehi revate supāpadhamme, apārutadvāre adānasīle;
เนสฺสาม ตํ ยตฺถ ถุนนฺติ ทุคฺคตา, สมปฺปิตา 3 เนรยิกา ทุเขนา’’ติฯ
Nessāma taṃ yattha thunanti duggatā, samappitā 4 nerayikā dukhenā’’ti.
๗๑๕.
715.
อิเจฺจว 5 วตฺวาน ยมสฺส ทูตา, เต เทฺว ยกฺขา โลหิตกฺขา พฺรหนฺตา;
Icceva 6 vatvāna yamassa dūtā, te dve yakkhā lohitakkhā brahantā;
ปเจฺจกพาหาสุ คเหตฺวา เรวตํ, ปกฺกามยุํ เทวคณสฺส สนฺติเกฯ
Paccekabāhāsu gahetvā revataṃ, pakkāmayuṃ devagaṇassa santike.
๗๑๖.
716.
‘‘อาทิจฺจวณฺณํ รุจิรํ ปภสฺสรํ, พฺยมฺหํ สุภํ กญฺจนชาลฉนฺนํ;
‘‘Ādiccavaṇṇaṃ ruciraṃ pabhassaraṃ, byamhaṃ subhaṃ kañcanajālachannaṃ;
กเสฺสตมากิณฺณชนํ วิมานํ, สุริยสฺส รํสีริว โชตมานํฯ
Kassetamākiṇṇajanaṃ vimānaṃ, suriyassa raṃsīriva jotamānaṃ.
๗๑๗.
717.
‘‘นารีคณา จนฺทนสารลิตฺตา 7, อุภโต วิมานํ อุปโสภยนฺติ;
‘‘Nārīgaṇā candanasāralittā 8, ubhato vimānaṃ upasobhayanti;
ตํ ทิสฺสติ สุริยสมานวณฺณํ, โก โมทติ สคฺคปโตฺต วิมาเน’’ติฯ
Taṃ dissati suriyasamānavaṇṇaṃ, ko modati saggapatto vimāne’’ti.
๗๑๘.
718.
‘‘พาราณสิยํ นนฺทิโย นามาสิ, อุปาสโก อมจฺฉรี ทานปติ วทญฺญู;
‘‘Bārāṇasiyaṃ nandiyo nāmāsi, upāsako amaccharī dānapati vadaññū;
ตเสฺสตมากิณฺณชนํ วิมานํ, สุริยสฺส รํสีริว โชตมานํฯ
Tassetamākiṇṇajanaṃ vimānaṃ, suriyassa raṃsīriva jotamānaṃ.
๗๑๙.
719.
‘‘นารีคณา จนฺทนสารลิตฺตา, อุภโต วิมานํ อุปโสภยนฺติ;
‘‘Nārīgaṇā candanasāralittā, ubhato vimānaṃ upasobhayanti;
ตํ ทิสฺสติ สุริยสมานวณฺณํ, โส โมทติ สคฺคปโตฺต วิมาเน’’ติฯ
Taṃ dissati suriyasamānavaṇṇaṃ, so modati saggapatto vimāne’’ti.
๗๒๐.
720.
‘‘นนฺทิยสฺสาหํ ภริยา, อคารินี สพฺพกุลสฺส อิสฺสรา;
‘‘Nandiyassāhaṃ bhariyā, agārinī sabbakulassa issarā;
ภตฺตุ วิมาเน รมิสฺสามิ ทานหํ, น ปตฺถเย นิรยทสฺสนายา’’ติฯ
Bhattu vimāne ramissāmi dānahaṃ, na patthaye nirayadassanāyā’’ti.
๗๒๑.
721.
‘‘เอโส เต นิรโย สุปาปธเมฺม, ปุญฺญํ ตยา อกตํ ชีวโลเก;
‘‘Eso te nirayo supāpadhamme, puññaṃ tayā akataṃ jīvaloke;
น หิ มจฺฉรี โรสโก ปาปธโมฺม, สคฺคูปคานํ ลภติ สหพฺยต’’นฺติฯ
Na hi maccharī rosako pāpadhammo, saggūpagānaṃ labhati sahabyata’’nti.
๗๒๒.
722.
‘‘กิํ นุ คูถญฺจ มุตฺตญฺจ, อสุจี ปฎิทิสฺสติ;
‘‘Kiṃ nu gūthañca muttañca, asucī paṭidissati;
ทุคฺคนฺธํ กิมิทํ มีฬฺหํ, กิเมตํ อุปวายตี’’ติฯ
Duggandhaṃ kimidaṃ mīḷhaṃ, kimetaṃ upavāyatī’’ti.
๗๒๓.
723.
‘‘เอส สํสวโก นาม, คมฺภีโร สตโปริโส;
‘‘Esa saṃsavako nāma, gambhīro sataporiso;
ยตฺถ วสฺสสหสฺสานิ, ตุวํ ปจฺจสิ เรวเต’’ติฯ
Yattha vassasahassāni, tuvaṃ paccasi revate’’ti.
๗๒๔.
724.
‘‘กิํ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฎํ กตํ;
‘‘Kiṃ nu kāyena vācāya, manasā dukkaṭaṃ kataṃ;
เกน สํสวโก ลโทฺธ, คมฺภีโร สตโปริโส’’ติฯ
Kena saṃsavako laddho, gambhīro sataporiso’’ti.
๗๒๕.
725.
‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ จาปิ, อเญฺญ วาปิ วนิพฺพเก;
‘‘Samaṇe brāhmaṇe cāpi, aññe vāpi vanibbake;
มุสาวาเทน วเญฺจสิ, ตํ ปาปํ ปกตํ ตยาฯ
Musāvādena vañcesi, taṃ pāpaṃ pakataṃ tayā.
๗๒๖.
726.
‘‘เตน สํสวโก ลโทฺธ, คมฺภีโร สตโปริโส;
‘‘Tena saṃsavako laddho, gambhīro sataporiso;
ตตฺถ วสฺสสหสฺสานิ, ตุวํ ปจฺจสิ เรวเตฯ
Tattha vassasahassāni, tuvaṃ paccasi revate.
๗๒๗.
727.
‘‘หเตฺถปิ ฉินฺทนฺติ อโถปิ ปาเท, กเณฺณปิ ฉินฺทนฺติ อโถปิ นาสํ;
‘‘Hatthepi chindanti athopi pāde, kaṇṇepi chindanti athopi nāsaṃ;
อโถปิ กาโกฬคณา สเมจฺจ, สงฺคมฺม ขาทนฺติ วิผนฺทมาน’’นฺติฯ
Athopi kākoḷagaṇā samecca, saṅgamma khādanti viphandamāna’’nti.
๗๒๘.
728.
‘‘สาธุ โข มํ ปฎิเนถ, กาหามิ กุสลํ พหุํ;
‘‘Sādhu kho maṃ paṭinetha, kāhāmi kusalaṃ bahuṃ;
ทาเนน สมจริยาย, สํยเมน ทเมน จ;
Dānena samacariyāya, saṃyamena damena ca;
ยํ กตฺวา สุขิตา โหนฺติ, น จ ปจฺฉานุตปฺปเร’’ติฯ
Yaṃ katvā sukhitā honti, na ca pacchānutappare’’ti.
๗๒๙.
729.
‘‘ปุเร ตุวํ ปมชฺชิตฺวา, อิทานิ ปริเทวสิ;
‘‘Pure tuvaṃ pamajjitvā, idāni paridevasi;
สยํ กตานํ กมฺมานํ, วิปากํ อนุโภสฺสสี’’ติฯ
Sayaṃ katānaṃ kammānaṃ, vipākaṃ anubhossasī’’ti.
๗๓๐.
730.
‘‘โก เทวโลกโต มนุสฺสโลกํ, คนฺตฺวาน ปุโฎฺฐ เม เอวํ วเทยฺย;
‘‘Ko devalokato manussalokaṃ, gantvāna puṭṭho me evaṃ vadeyya;
‘นิกฺขิตฺตทเณฺฑสุ ททาถ ทานํ, อจฺฉาทนํ เสยฺย 9 มถนฺนปานํ;
‘Nikkhittadaṇḍesu dadātha dānaṃ, acchādanaṃ seyya 10 mathannapānaṃ;
น หิ มจฺฉรี โรสโก ปาปธโมฺม, สคฺคูปคานํ ลภติ สหพฺยตํ’ฯ
Na hi maccharī rosako pāpadhammo, saggūpagānaṃ labhati sahabyataṃ’.
๗๓๑.
731.
‘‘สาหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนิํ ลทฺธาน มานุสิํ;
‘‘Sāhaṃ nūna ito gantvā, yoniṃ laddhāna mānusiṃ;
วทญฺญู สีลสมฺปนฺนา, กาหามิ กุสลํ พหุํ;
Vadaññū sīlasampannā, kāhāmi kusalaṃ bahuṃ;
ทาเนน สมจริยาย, สํยเมน ทเมน จฯ
Dānena samacariyāya, saṃyamena damena ca.
๗๓๒.
732.
‘‘อารามานิ จ โรปิสฺสํ, ทุเคฺค สงฺกมนานิ จ;
‘‘Ārāmāni ca ropissaṃ, dugge saṅkamanāni ca;
ปปญฺจ อุทปานญฺจ, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ
Papañca udapānañca, vippasannena cetasā.
๗๓๓.
733.
‘‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, ยา จ ปกฺขสฺส อฎฺฐมี;
‘‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, yā ca pakkhassa aṭṭhamī;
ปาฎิหาริยปกฺขญฺจ, อฎฺฐงฺคสุสมาคตํฯ
Pāṭihāriyapakkhañca, aṭṭhaṅgasusamāgataṃ.
๗๓๔.
734.
‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;
‘‘Uposathaṃ upavasissaṃ, sadā sīlesu saṃvutā;
น จ ทาเน ปมชฺชิสฺสํ, สามํ ทิฎฺฐมิทํ มยา’’ติฯ
Na ca dāne pamajjissaṃ, sāmaṃ diṭṭhamidaṃ mayā’’ti.
๗๓๕.
735.
อิเจฺจวํ วิปฺปลปนฺติํ, ผนฺทมานํ ตโต ตโต;
Iccevaṃ vippalapantiṃ, phandamānaṃ tato tato;
ขิปิํสุ นิรเย โฆเร, อุทฺธํปาทํ อวํสิรํฯ
Khipiṃsu niraye ghore, uddhaṃpādaṃ avaṃsiraṃ.
๗๓๖.
736.
‘‘อหํ ปุเร มจฺฉรินี อโหสิํ, ปริภาสิกา สมณพฺราหฺมณานํ;
‘‘Ahaṃ pure maccharinī ahosiṃ, paribhāsikā samaṇabrāhmaṇānaṃ;
วิตเถน จ สามิกํ วญฺจยิตฺวา, ปจฺจามหํ นิรเย โฆรรูเป’’ติฯ
Vitathena ca sāmikaṃ vañcayitvā, paccāmahaṃ niraye ghorarūpe’’ti.
เรวตีเปตวตฺถุ จตุตฺถํฯ
Revatīpetavatthu catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā / ๔. เรวตีเปตวตฺถุวณฺณนา • 4. Revatīpetavatthuvaṇṇanā