Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๐๑] ๕. โรหณมิคชาตกวณฺณนา

    [501] 5. Rohaṇamigajātakavaṇṇanā

    เอเต ยูถา ปติยนฺตีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต อายสฺมโต อานนฺทสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ อารพฺภ กเถสิฯ โส ปนสฺส ชีวิตปริจฺจาโค อสีตินิปาเต จูฬหํสชาตเก (ชา. ๒.๒๑.๑ อาทโย) ธนปาลทมเน อาวิ ภวิสฺสติฯ เอวํ เตนายสฺมตา สตฺถุ อตฺถาย ชีวิเต ปริจฺจเตฺต ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อายสฺมา อานโนฺท เสกฺขปฎิสมฺภิทปฺปโตฺต หุตฺวา ทสพลสฺสตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส มมตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Eteyūthā patiyantīti idaṃ satthā veḷuvane viharanto āyasmato ānandassa jīvitapariccāgaṃ ārabbha kathesi. So panassa jīvitapariccāgo asītinipāte cūḷahaṃsajātake (jā. 2.21.1 ādayo) dhanapāladamane āvi bhavissati. Evaṃ tenāyasmatā satthu atthāya jīvite pariccatte dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, āyasmā ānando sekkhapaṭisambhidappatto hutvā dasabalassatthāya jīvitaṃ pariccajī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa mamatthāya jīvitaṃ pariccajiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต เขมา นามสฺส อคฺคมเหสี อโหสิฯ ตทา โพธิสโตฺต หิมวนฺตปเทเส มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา สุวณฺณวโณฺณ อโหสิ โสภคฺคปฺปโตฺตฯ กนิโฎฺฐปิสฺส จิตฺตมิโค นาม สุวณฺณวโณฺณว อโหสิ, กนิฎฺฐภคินีปิสฺส สุตนา นาม สุวณฺณวณฺณาว อโหสิฯ มหาสโตฺต ปน โรหโณ นาม มิคราชา อโหสิฯ โส หิมวเนฺต เทฺว ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา ตติยาย อนฺตเร โรหณํ นาม สรํ นิสฺสาย อสีติมิคสหสฺสปริวาโร วาสํ กเปฺปสิฯ โส อเนฺธ ชิเณฺณ มาตาปิตโร โปเสสิฯ อเถโก พาราณสิโต อวิทูเร เนสาทคามวาสี เนสาทปุโตฺต หิมวนฺตํ ปวิโฎฺฐ มหาสตฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน คามํ อาคนฺตฺวา อปรภาเค กาลํ กโรโนฺต ปุตฺตสฺสาโรเจสิ ‘‘ตาต, อมฺหากํ กมฺมภูมิยํ อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน สุวณฺณวโณฺณ มิโค วสติ, สเจ ราชา ปุเจฺฉยฺย, กเถยฺยาสี’’ติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente khemā nāmassa aggamahesī ahosi. Tadā bodhisatto himavantapadese migayoniyaṃ nibbattitvā suvaṇṇavaṇṇo ahosi sobhaggappatto. Kaniṭṭhopissa cittamigo nāma suvaṇṇavaṇṇova ahosi, kaniṭṭhabhaginīpissa sutanā nāma suvaṇṇavaṇṇāva ahosi. Mahāsatto pana rohaṇo nāma migarājā ahosi. So himavante dve pabbatarājiyo atikkamitvā tatiyāya antare rohaṇaṃ nāma saraṃ nissāya asītimigasahassaparivāro vāsaṃ kappesi. So andhe jiṇṇe mātāpitaro posesi. Atheko bārāṇasito avidūre nesādagāmavāsī nesādaputto himavantaṃ paviṭṭho mahāsattaṃ disvā attano gāmaṃ āgantvā aparabhāge kālaṃ karonto puttassārocesi ‘‘tāta, amhākaṃ kammabhūmiyaṃ asukasmiṃ nāma ṭhāne suvaṇṇavaṇṇo migo vasati, sace rājā puccheyya, katheyyāsī’’ti.

    อเถกทิวสํ เขมา เทวี ปจฺจูสกาเล สุปินํ อทฺทสฯ เอวรูโป สุปิโน อโหสิ – สุวณฺณวโณฺณ มิโค อาคนฺตฺวา กญฺจนปีเฐ นิสีทิตฺวา สุวณฺณกิงฺกิณิกํ อาโกเฎโนฺต วิย มธุรสฺสเรน เทวิยา ธมฺมํ เทเสติ, สา สาธุการํ ทตฺวา ธมฺมํ สุณาติฯ มิโค ธมฺมกถาย อนิฎฺฐิตาย เอว อุฎฺฐาย คจฺฉติ, สา ‘‘มิคํ คณฺหถ คณฺหถา’’ติ วทนฺตีเยว ปพุชฺฌิฯ ปริจาริกาโย ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปิหิตทฺวารวาตปานํ เคหํ วาตสฺสปิ โอกาโส นตฺถิ, อยฺยา, อิมาย เวลาย มิคํ คณฺหาเปตี’’ติ อวหสิํสุฯ สา ตสฺมิํ ขเณ ‘‘สุปิโน อย’’นฺติ ญตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘สุปิโนติ วุเตฺต ราชา อนาทโร ภวิสฺสติ, ‘โทหโฬ อุปฺปโนฺน’ติ วุเตฺต ปน อาทเรน ปริเยสิสฺสติ, สุวณฺณวณฺณสฺส มิคสฺส ธมฺมกถํ สุณิสฺสามี’’ติฯ สา คิลานาลยํ กตฺวา นิปชฺชิฯ ราชา อาคนฺตฺวา ‘‘ภเทฺท, กิํ เต อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘เทว, อญฺญํ นตฺถิ, โทหโฬ ปน เม อุปฺปโนฺน’’ติฯ ‘‘กิํ อิจฺฉสิ เทวี’’ติ? ‘‘สุวณฺณวณฺณสฺส ธมฺมิกมิคสฺส ธมฺมํ โสตุกามา เทวา’’ติฯ ‘‘ภเทฺท, ยํ นตฺถิ, ตตฺถ เต โทหโฬ อุปฺปโนฺน, สุวณฺณวโณฺณ นาม มิโคเยว นตฺถี’’ติฯ โส ‘‘สเจ น ลภามิ, อิเธว เม มรณ’’นฺติ รโญฺญ ปิฎฺฐิํ ทตฺวา นิปชฺชิฯ

    Athekadivasaṃ khemā devī paccūsakāle supinaṃ addasa. Evarūpo supino ahosi – suvaṇṇavaṇṇo migo āgantvā kañcanapīṭhe nisīditvā suvaṇṇakiṅkiṇikaṃ ākoṭento viya madhurassarena deviyā dhammaṃ deseti, sā sādhukāraṃ datvā dhammaṃ suṇāti. Migo dhammakathāya aniṭṭhitāya eva uṭṭhāya gacchati, sā ‘‘migaṃ gaṇhatha gaṇhathā’’ti vadantīyeva pabujjhi. Paricārikāyo tassā saddaṃ sutvā ‘‘pihitadvāravātapānaṃ gehaṃ vātassapi okāso natthi, ayyā, imāya velāya migaṃ gaṇhāpetī’’ti avahasiṃsu. Sā tasmiṃ khaṇe ‘‘supino aya’’nti ñatvā cintesi ‘‘supinoti vutte rājā anādaro bhavissati, ‘dohaḷo uppanno’ti vutte pana ādarena pariyesissati, suvaṇṇavaṇṇassa migassa dhammakathaṃ suṇissāmī’’ti. Sā gilānālayaṃ katvā nipajji. Rājā āgantvā ‘‘bhadde, kiṃ te aphāsuka’’nti pucchi. ‘‘Deva, aññaṃ natthi, dohaḷo pana me uppanno’’ti. ‘‘Kiṃ icchasi devī’’ti? ‘‘Suvaṇṇavaṇṇassa dhammikamigassa dhammaṃ sotukāmā devā’’ti. ‘‘Bhadde, yaṃ natthi, tattha te dohaḷo uppanno, suvaṇṇavaṇṇo nāma migoyeva natthī’’ti. So ‘‘sace na labhāmi, idheva me maraṇa’’nti rañño piṭṭhiṃ datvā nipajji.

    ราชา ‘‘สเจ อตฺถิ, ลภิสฺสสี’’ติ ปริสมเชฺฌ นิสีทิตฺวา โมรชาตเก (ชา. ๑.๒.๑๗ อาทโย) วุตฺตนเยเนว อมเจฺจ จ พฺราหฺมเณ จ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สุวณฺณวณฺณา มิคา นาม โหนฺตี’’ติ สุตฺวา ลุทฺทเก สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘เอวรูโป มิโค เกน ทิโฎฺฐ, เกน สุโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน เนสาทปุเตฺตน ปิตุ สนฺติกา สุตนิยาเมน กถิเต ‘‘สมฺม, ตสฺส เต มิคสฺส อานีตกาเล มหนฺตํ สกฺการํ กริสฺสามิ, คจฺฉ อาเนหิ น’’นฺติ วตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา ตํ เปเสสิฯ โสปิ ‘‘สจาหํ, เทว, ตํ อาเนตุํ น สกฺขิสฺสามิ, จมฺมมสฺส อาเนสฺสามิ, ตํ อาเนตุํ อสโกฺกโนฺต โลมานิปิสฺส อาเนสฺสามิ, ตุเมฺห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา อตฺตโน นิเวสนํ คนฺตฺวา ปุตฺตทารสฺส ปริพฺพยํ ทตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ มิคราชานํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมิํ นุ โข ฐาเน ปาสํ โอเฑฺฑตฺวา อิมํ มิคราชานํ คณฺหิตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ วีมํสโนฺต ปานียติเตฺถ โอกาสํ ปสฺสิฯ โส ทฬฺหํ จมฺมโยตฺตํ วเฎฺฎตฺวา มหาสตฺตสฺส ปานียปิวนฎฺฐาเน ยฎฺฐิปาสํ โอเฑฺฑสิฯ

    Rājā ‘‘sace atthi, labhissasī’’ti parisamajjhe nisīditvā morajātake (jā. 1.2.17 ādayo) vuttanayeneva amacce ca brāhmaṇe ca pucchitvā ‘‘suvaṇṇavaṇṇā migā nāma hontī’’ti sutvā luddake sannipātetvā ‘‘evarūpo migo kena diṭṭho, kena suto’’ti pucchitvā tena nesādaputtena pitu santikā sutaniyāmena kathite ‘‘samma, tassa te migassa ānītakāle mahantaṃ sakkāraṃ karissāmi, gaccha ānehi na’’nti vatvā paribbayaṃ datvā taṃ pesesi. Sopi ‘‘sacāhaṃ, deva, taṃ ānetuṃ na sakkhissāmi, cammamassa ānessāmi, taṃ ānetuṃ asakkonto lomānipissa ānessāmi, tumhe mā cintayitthā’’ti vatvā attano nivesanaṃ gantvā puttadārassa paribbayaṃ datvā tattha gantvā taṃ migarājānaṃ disvā ‘‘kasmiṃ nu kho ṭhāne pāsaṃ oḍḍetvā imaṃ migarājānaṃ gaṇhituṃ sakkhissāmī’’ti vīmaṃsanto pānīyatitthe okāsaṃ passi. So daḷhaṃ cammayottaṃ vaṭṭetvā mahāsattassa pānīyapivanaṭṭhāne yaṭṭhipāsaṃ oḍḍesi.

    ปุนทิวเส มหาสโตฺต อสีติยา มิคสหเสฺสหิ สทฺธิํ โคจรํ จริตฺวา ‘‘ปกติติเตฺถเยว ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา โอตรโนฺตเยว ปาเส พชฺฌิฯ โส ‘‘สจาหํ อิทาเนว พทฺธรวํ รวิสฺสามิ, ญาติคณา ปานียํ อปิวิตฺวาว ภีตา ปลายิสฺสนฺตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ยฎฺฐิยํ อลฺลียิตฺวา อตฺตโน วเส วเตฺตตฺวา ปานียํ ปิวโนฺต วิย อโหสิฯ อถ อสีติยา มิคสหสฺสานํ ปานียํ ปิวิตฺวา อุตฺตริตฺวา ฐิตกาเล ‘‘ปาสํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ติกฺขตฺตุํ อากฑฺฒิฯ ปฐมวาเร จมฺมํ ฉิชฺชิ, ทุติยวาเร มํสํ ฉิชฺชิ, ตติยวาเร นฺหารุํ ฉินฺทิตฺวา ปาโส อฎฺฐิํ อาหจฺจ อฎฺฐาสิฯ โส ฉินฺทิตุํ อสโกฺกโนฺต พทฺธรวํ รวิ, มิคคณา ภายิตฺวา ตีหิ ฆฎาหิ ปลายิํสุฯ จิตฺตมิโค ติณฺณมฺปิ ฆฎานํ อนฺตเร มหาสตฺตํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ อุปฺปชฺชมานํ มม ภาตุ อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา พทฺธํ ปสฺสิฯ อถ นํ มหาสโตฺต ทิสฺวา ‘‘ภาติก, มา อิธ ติฎฺฐ, สาสงฺกํ อิทํ ฐาน’’นฺติ วตฺวา อุโยฺยเชโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Punadivase mahāsatto asītiyā migasahassehi saddhiṃ gocaraṃ caritvā ‘‘pakatitittheyeva pānīyaṃ pivissāmī’’ti tattha gantvā otarantoyeva pāse bajjhi. So ‘‘sacāhaṃ idāneva baddharavaṃ ravissāmi, ñātigaṇā pānīyaṃ apivitvāva bhītā palāyissantī’’ti cintetvā yaṭṭhiyaṃ allīyitvā attano vase vattetvā pānīyaṃ pivanto viya ahosi. Atha asītiyā migasahassānaṃ pānīyaṃ pivitvā uttaritvā ṭhitakāle ‘‘pāsaṃ chindissāmī’’ti tikkhattuṃ ākaḍḍhi. Paṭhamavāre cammaṃ chijji, dutiyavāre maṃsaṃ chijji, tatiyavāre nhāruṃ chinditvā pāso aṭṭhiṃ āhacca aṭṭhāsi. So chindituṃ asakkonto baddharavaṃ ravi, migagaṇā bhāyitvā tīhi ghaṭāhi palāyiṃsu. Cittamigo tiṇṇampi ghaṭānaṃ antare mahāsattaṃ adisvā ‘‘idaṃ bhayaṃ uppajjamānaṃ mama bhātu uppannaṃ bhavissatī’’ti cintetvā tassa santikaṃ gantvā baddhaṃ passi. Atha naṃ mahāsatto disvā ‘‘bhātika, mā idha tiṭṭha, sāsaṅkaṃ idaṃ ṭhāna’’nti vatvā uyyojento paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๑๐๔.

    104.

    ‘‘เอเต ยูถา ปติยนฺติ, ภีตา มรณสฺส จิตฺตก;

    ‘‘Ete yūthā patiyanti, bhītā maraṇassa cittaka;

    คจฺฉ ตุวมฺปิ มากงฺขิ, ชีวิสฺสนฺติ ตยา สหา’’ติฯ

    Gaccha tuvampi mākaṅkhi, jīvissanti tayā sahā’’ti.

    ตตฺถ เอเตติ จกฺขุปถํ อติกฺกมิตฺวา ทูรคเต สนฺธายาหฯ ปติยนฺตีติ ปติคจฺฉนฺติ, ปลายนฺตีติ อโตฺถฯ จิตฺตกาติ ตํ อาลปติฯ ตยา สหาติ ตฺวํ เอเตสํ มม ฐาเน ฐตฺวา ราชา โหหิ, เอเต ตยา สทฺธิํ ชีวิสฺสนฺตีติฯ

    Tattha eteti cakkhupathaṃ atikkamitvā dūragate sandhāyāha. Patiyantīti patigacchanti, palāyantīti attho. Cittakāti taṃ ālapati. Tayā sahāti tvaṃ etesaṃ mama ṭhāne ṭhatvā rājā hohi, ete tayā saddhiṃ jīvissantīti.

    ตโต อุภินฺนมฺปิ ติโสฺส เอกนฺตริกคาถาโย โหนฺติ –

    Tato ubhinnampi tisso ekantarikagāthāyo honti –

    ๑๐๕.

    105.

    ‘‘นาหํ โรหณ คจฺฉามิ, หทยํ เม อวกสฺสติ;

    ‘‘Nāhaṃ rohaṇa gacchāmi, hadayaṃ me avakassati;

    น ตํ อหํ ชหิสฺสามิ, อิธ หิสฺสามิ ชีวิตํฯ

    Na taṃ ahaṃ jahissāmi, idha hissāmi jīvitaṃ.

    ๑๐๖.

    106.

    ‘‘เต หิ นูน มริสฺสนฺติ, อนฺธา อปริณายกา;

    ‘‘Te hi nūna marissanti, andhā apariṇāyakā;

    คจฺฉ ตุวมฺปิ มากงฺขิ, ชีวิสฺสนฺติ ตยา สหฯ

    Gaccha tuvampi mākaṅkhi, jīvissanti tayā saha.

    ๑๐๗.

    107.

    ‘‘นาหํ โรหณ คจฺฉามิ, หทยํ เม อวกสฺสติ;

    ‘‘Nāhaṃ rohaṇa gacchāmi, hadayaṃ me avakassati;

    น ตํ พทฺธํ ชหิสฺสามิ, อิธ หิสฺสามิ ชีวิต’’นฺติฯ

    Na taṃ baddhaṃ jahissāmi, idha hissāmi jīvita’’nti.

    ตตฺถ โรหณาติ มหาสตฺตํ นาเมนาลปติฯ อวกสฺสตีติ กฑฺฒยติ, โสเกน วา กฑฺฒียติ ฯ เต หิ นูนาติ เต อมฺหากํ มาตาปิตโร เอกํเสเนว ทฺวีสุปิ อเมฺหสุ อิธ มเตสุ อปริณายกา หุตฺวา อปฺปฎิชคฺคิยมานา สุสฺสิตฺวา มริสฺสนฺติ, ตสฺมา ภาติก จิตฺตก, คจฺฉ ตุวํ, ตยา สห เต ชีวิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ อิธ หิสฺสามีติ อิมสฺมิํเยว ฐาเน ชีวิตํ ชหิสฺสามีติฯ

    Tattha rohaṇāti mahāsattaṃ nāmenālapati. Avakassatīti kaḍḍhayati, sokena vā kaḍḍhīyati . Te hi nūnāti te amhākaṃ mātāpitaro ekaṃseneva dvīsupi amhesu idha matesu apariṇāyakā hutvā appaṭijaggiyamānā sussitvā marissanti, tasmā bhātika cittaka, gaccha tuvaṃ, tayā saha te jīvissantīti attho. Idha hissāmīti imasmiṃyeva ṭhāne jīvitaṃ jahissāmīti.

    อิติ วตฺวา โพธิสตฺตสฺส ทกฺขิณปสฺสํ นิสฺสาย ตํ สนฺธาเรตฺวา อสฺสาเสโนฺต อฎฺฐาสิฯ สุตนาปิ มิคโปติกา ปลายิตฺวา มิคานํ อนฺตเร อุโภ ภาติเก อปสฺสนฺตี ‘‘อิทํ ภยํ มม ภาติกานํ อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ นิวตฺติตฺวา เตสํ สนฺติกํ อาคตาฯ นํ อาคจฺฉนฺติํ ทิสฺวา มหาสโตฺต ปญฺจมํ คาถมาห –

    Iti vatvā bodhisattassa dakkhiṇapassaṃ nissāya taṃ sandhāretvā assāsento aṭṭhāsi. Sutanāpi migapotikā palāyitvā migānaṃ antare ubho bhātike apassantī ‘‘idaṃ bhayaṃ mama bhātikānaṃ uppannaṃ bhavissatī’’ti nivattitvā tesaṃ santikaṃ āgatā. Naṃ āgacchantiṃ disvā mahāsatto pañcamaṃ gāthamāha –

    ๑๐๘.

    108.

    ‘‘คจฺฉ ภีรุ ปลายสฺสุ, กูเฎ พโทฺธสฺมิ อายเส;

    ‘‘Gaccha bhīru palāyassu, kūṭe baddhosmi āyase;

    คจฺฉ ตุวมฺปิ มากงฺขิ, ชีวิสฺสนฺติ ตยา สหา’’ติฯ

    Gaccha tuvampi mākaṅkhi, jīvissanti tayā sahā’’ti.

    ตตฺถ ภีรูติ มาตุคาโม นาม อปฺปมตฺตเกนปิ ภายติ, เตน นํ เอวํ อาลปติฯ กูเฎติ ปฎิจฺฉนฺนปาเสฯ อายเสติ โส หิ อโนฺตอุทเก อยกฺขนฺธํ โกเฎฺฎตฺวา ตตฺถ สารทารุํ ยฎฺฐิํ พนฺธิตฺวา โอฑฺฑิโต, ตสฺมา เอวมาหฯ ตยา สหาติ เต อสีติสหสฺสา มิคา ตยา สทฺธิํ ชีวิสฺสนฺตีติฯ

    Tattha bhīrūti mātugāmo nāma appamattakenapi bhāyati, tena naṃ evaṃ ālapati. Kūṭeti paṭicchannapāse. Āyaseti so hi antoudake ayakkhandhaṃ koṭṭetvā tattha sāradāruṃ yaṭṭhiṃ bandhitvā oḍḍito, tasmā evamāha. Tayā sahāti te asītisahassā migā tayā saddhiṃ jīvissantīti.

    ตโต ปรํ ปุริมนเยเนว ติโสฺส คาถา โหนฺติ –

    Tato paraṃ purimanayeneva tisso gāthā honti –

    ๑๐๙.

    109.

    ‘‘นาหํ โรหณ คจฺฉามิ, หทยํ เม อวกสฺสติ;

    ‘‘Nāhaṃ rohaṇa gacchāmi, hadayaṃ me avakassati;

    น ตํ อหํ ชหิสฺสามิ, อิธ หิสฺสามิ ชีวิตํฯ

    Na taṃ ahaṃ jahissāmi, idha hissāmi jīvitaṃ.

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘เต หิ นูน มริสฺสนฺติ, อนฺธา อปริณายกา;

    ‘‘Te hi nūna marissanti, andhā apariṇāyakā;

    คจฺฉ ตุวมฺปิ มากงฺขิ, ชีวิสฺสนฺติ ตยา สหฯ

    Gaccha tuvampi mākaṅkhi, jīvissanti tayā saha.

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘นาหํ โรหณ คจฺฉามิ, หทยํ เม อวกสฺสติ;

    ‘‘Nāhaṃ rohaṇa gacchāmi, hadayaṃ me avakassati;

    น ตํ พทฺธํ ชหิสฺสามิ, อิธ หิสฺสามิ ชีวิต’’นฺติฯ

    Na taṃ baddhaṃ jahissāmi, idha hissāmi jīvita’’nti.

    ตตฺถ เต หิ นูนาติ อิธาปิ มาตาปิตโรเยว สนฺธายาหฯ

    Tattha te hi nūnāti idhāpi mātāpitaroyeva sandhāyāha.

    สาปิ ตเถว ปฎิกฺขิปิตฺวา มหาสตฺตสฺส วามปสฺสํ นิสฺสาย อสฺสาสยมานา อฎฺฐาสิฯ ลุโทฺทปิ เต มิเค ปลายเนฺต ทิสฺวา พทฺธรวญฺจ สุตฺวา ‘‘พโทฺธ ภวิสฺสติ มิคราชา’’ติ ทฬฺหํ กจฺฉํ พนฺธิตฺวา มิคมารณสตฺติํ อาทาย เวเคนาคจฺฉิฯ มหาสโตฺต ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา นวมํ คาถมาห –

    Sāpi tatheva paṭikkhipitvā mahāsattassa vāmapassaṃ nissāya assāsayamānā aṭṭhāsi. Luddopi te mige palāyante disvā baddharavañca sutvā ‘‘baddho bhavissati migarājā’’ti daḷhaṃ kacchaṃ bandhitvā migamāraṇasattiṃ ādāya vegenāgacchi. Mahāsatto taṃ āgacchantaṃ disvā navamaṃ gāthamāha –

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘อยํ โส ลุทฺทโก เอติ, ลุทฺทรูโป สหาวุโธ;

    ‘‘Ayaṃ so luddako eti, luddarūpo sahāvudho;

    โย โน วธิสฺสติ อชฺช, อุสุนา สตฺติยา อปี’’ติฯ

    Yo no vadhissati ajja, usunā sattiyā apī’’ti.

    ตตฺถ ลุทฺทรูโปติ ทารุณชาติโกฯ สตฺติยา อปีติ สตฺติยาปิ โน ปหริตฺวา วธิสฺสติ, ตสฺมา ยาว โส นาคจฺฉติ, ตาว ปลายถาติฯ

    Tattha luddarūpoti dāruṇajātiko. Sattiyā apīti sattiyāpi no paharitvā vadhissati, tasmā yāva so nāgacchati, tāva palāyathāti.

    ตํ ทิสฺวาปิ จิตฺตมิโค น ปลายิฯ สุตนา ปน สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตี มรณภยภีตา โถกํ ปลายิตฺวา – ‘‘อหํ เทฺว ภาติเก ปหาย กุหิํ ปลายิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ชีวิตํ ชหิตฺวา นลาเฎน มจฺจุํ อาทาย ปุนาคนฺตฺวา ภาตุ วามปเสฺส อฎฺฐาสิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา ทสมํ คาถมาห –

    Taṃ disvāpi cittamigo na palāyi. Sutanā pana sakabhāvena saṇṭhātuṃ asakkontī maraṇabhayabhītā thokaṃ palāyitvā – ‘‘ahaṃ dve bhātike pahāya kuhiṃ palāyissāmī’’ti attano jīvitaṃ jahitvā nalāṭena maccuṃ ādāya punāgantvā bhātu vāmapasse aṭṭhāsi. Tamatthaṃ pakāsento satthā dasamaṃ gāthamāha –

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘สา มุหุตฺตํ ปลายิตฺวา, ภยฎฺฎา ภยตชฺชิตา;

    ‘‘Sā muhuttaṃ palāyitvā, bhayaṭṭā bhayatajjitā;

    สุทุกฺกรํ อกรา ภีรุ, มรณายูปนิวตฺตถา’’ติฯ

    Sudukkaraṃ akarā bhīru, maraṇāyūpanivattathā’’ti.

    ตตฺถ มรณายูปนิวตฺตถาติ มรณตฺถาย อุปนิวตฺติฯ

    Tattha maraṇāyūpanivattathāti maraṇatthāya upanivatti.

    ลุโทฺทปิ อาคนฺตฺวา เต ตโย ชเน เอกโต ฐิเต ทิสฺวา เมตฺตจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา เอกกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺตภาตโร วิย เต มญฺญมาโน จิเนฺตสิ ‘‘มิคราชา, ตาว ปาเส พโทฺธ, อิเม ปน เทฺว ชนา หิโรตฺตปฺปพนฺธเนน พทฺธา, กิํ นุ โข อิเม เอตสฺส โหนฺตี’’ติ? อถ นํ ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –

    Luddopi āgantvā te tayo jane ekato ṭhite disvā mettacittaṃ uppādetvā ekakucchiyaṃ nibbattabhātaro viya te maññamāno cintesi ‘‘migarājā, tāva pāse baddho, ime pana dve janā hirottappabandhanena baddhā, kiṃ nu kho ime etassa hontī’’ti? Atha naṃ pucchanto gāthamāha –

    ๑๑๔.

    114.

    ‘‘กิํ นุ เตเม มิคา โหนฺติ, มุตฺตา พทฺธํ อุปาสเร;

    ‘‘Kiṃ nu teme migā honti, muttā baddhaṃ upāsare;

    น ตํ จชิตุมิจฺฉนฺติ, ชีวิตสฺสปิ การณา’’ติฯ

    Na taṃ cajitumicchanti, jīvitassapi kāraṇā’’ti.

    ตตฺถ กิํ นุ เตเมติ กิํ นุ เต อิเมฯ อุปาสเรติ อุปาสนฺติฯ

    Tattha kiṃ nu temeti kiṃ nu te ime. Upāsareti upāsanti.

    อถสฺส โพธิสโตฺต อาจิกฺขิ –

    Athassa bodhisatto ācikkhi –

    ๑๑๕.

    115.

    ‘‘ภาตโร โหนฺติ เม ลุทฺท, โสทริยา เอกมาตุกา;

    ‘‘Bhātaro honti me ludda, sodariyā ekamātukā;

    น มํ จชิตุมิจฺฉนฺติ, ชีวิตสฺสปิ การณา’’ติฯ

    Na maṃ cajitumicchanti, jīvitassapi kāraṇā’’ti.

    โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ภิโยฺยโสมตฺตาย มุทุจิโตฺต อโหสิฯ จิตฺตมิคราชา ตสฺส มุทุจิตฺตภาวํ ญตฺวา ‘‘สมฺม ลุทฺทก, มา ตฺวํ เอตํ มิคราชานํ ‘มิคมโตฺตเยวา’ติ มญฺญิตฺถ, อยญฺหิ อสีติยา มิคสหสฺสานํ ราชา สีลาจารสมฺปโนฺน สพฺพสเตฺตสุ มุทุจิโตฺต มหาปโญฺญ อเนฺธ ชิเณฺณ มาตาปิตโร โปเสติฯ สเจ ตฺวํ เอวรูปํ ธมฺมิกํ มิคํ มาเรสิ, เอตํ มาเรโนฺต มาตาปิตโร จ โน มญฺจ ภคินิญฺจ เมติ อเมฺห ปญฺจปิ ชเน มาเรสิเยวฯ มยฺหํ ปน ภาตุ ชีวิตํ เทโนฺต ปญฺจนฺนมฺปิ ชนานํ ชีวิตทายโกสี’’ติ วตฺวา คาถมาห –

    So tassa vacanaṃ sutvā bhiyyosomattāya muducitto ahosi. Cittamigarājā tassa muducittabhāvaṃ ñatvā ‘‘samma luddaka, mā tvaṃ etaṃ migarājānaṃ ‘migamattoyevā’ti maññittha, ayañhi asītiyā migasahassānaṃ rājā sīlācārasampanno sabbasattesu muducitto mahāpañño andhe jiṇṇe mātāpitaro poseti. Sace tvaṃ evarūpaṃ dhammikaṃ migaṃ māresi, etaṃ mārento mātāpitaro ca no mañca bhaginiñca meti amhe pañcapi jane māresiyeva. Mayhaṃ pana bhātu jīvitaṃ dento pañcannampi janānaṃ jīvitadāyakosī’’ti vatvā gāthamāha –

    ๑๑๖.

    116.

    ‘‘เต หิ นูน มริสฺสนฺติ, อนฺธา อปริณายกา;

    ‘‘Te hi nūna marissanti, andhā apariṇāyakā;

    ปญฺจนฺนํ ชีวิตํ เทหิ, ภาตรํ มุญฺจ ลุทฺทกา’’ติฯ

    Pañcannaṃ jīvitaṃ dehi, bhātaraṃ muñca luddakā’’ti.

    โส ตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสนฺนจิโตฺต ‘‘มา ภายิ สามี’’ติ วตฺวา อนนฺตรํ คาถมาห –

    So tassa dhammakathaṃ sutvā pasannacitto ‘‘mā bhāyi sāmī’’ti vatvā anantaraṃ gāthamāha –

    ๑๑๗.

    117.

    ‘‘โส โว อหํ ปโมกฺขามิ, มาตาเปตฺติภรํ มิคํ;

    ‘‘So vo ahaṃ pamokkhāmi, mātāpettibharaṃ migaṃ;

    นนฺทนฺตุ มาตาปิตโร, มุตฺตํ ทิสฺวา มหามิค’’นฺติฯ

    Nandantu mātāpitaro, muttaṃ disvā mahāmiga’’nti.

    ตตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํฯ มุตฺตนฺติ พนฺธนา มุตฺตํ ปสฺสิตฺวาฯ

    Tattha voti nipātamattaṃ. Muttanti bandhanā muttaṃ passitvā.

    เอวญฺจ ปน วตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘รญฺญา ทินฺนยโส มยฺหํ กิํ กริสฺสติ, สจาหํ อิมํ มิคราชานํ วธิสฺสามิ, อยํ วา เม ปถวี ภิชฺชิตฺวา วิวรํ ทสฺสติ, อสนิ วา เม มตฺถเก ปติสฺสติ, วิสฺสเชฺชสฺสามิ น’’นฺติฯ โส มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยฎฺฐิํ ปาเตตฺวา จมฺมโยตฺตํ ฉินฺทิตฺวา มิคราชานํ อาลิงฺคิตฺวา อุทกปริยเนฺต นิปชฺชาเปตฺวา มุทุจิเตฺตน สณิกํ ปาสา โมเจตฺวา นฺหารูหิ นฺหารุํ, มํเสน มํสํ, จเมฺมน จมฺมํ สโมธาเนตฺวา อุทเกน โลหิตํ โธวิตฺวา เมตฺตจิเตฺตน ปุนปฺปุนํ ปริมชฺชิฯ ตสฺส เมตฺตานุภาเวเนว มหาสตฺตสฺส ปารมิตานุภาเวน จ สพฺพานิ นฺหารุมํสจมฺมานิ สนฺธียิํสุ, ปาโท สญฺฉนฺนฉวิ สญฺฉนฺนโลโม อโหสิ, อสุกฎฺฐาเน พโทฺธ อโหสีติปิ น ปญฺญายิฯ มหาสโตฺต สุขปฺปโตฺต หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ ตํ ทิสฺวา จิตฺตมิโค โสมนสฺสชาโต ลุทฺทสฺส อนุโมทนํ กโรโนฺต คาถมาห –

    Evañca pana vatvā cintesi ‘‘raññā dinnayaso mayhaṃ kiṃ karissati, sacāhaṃ imaṃ migarājānaṃ vadhissāmi, ayaṃ vā me pathavī bhijjitvā vivaraṃ dassati, asani vā me matthake patissati, vissajjessāmi na’’nti. So mahāsattaṃ upasaṅkamitvā yaṭṭhiṃ pātetvā cammayottaṃ chinditvā migarājānaṃ āliṅgitvā udakapariyante nipajjāpetvā muducittena saṇikaṃ pāsā mocetvā nhārūhi nhāruṃ, maṃsena maṃsaṃ, cammena cammaṃ samodhānetvā udakena lohitaṃ dhovitvā mettacittena punappunaṃ parimajji. Tassa mettānubhāveneva mahāsattassa pāramitānubhāvena ca sabbāni nhārumaṃsacammāni sandhīyiṃsu, pādo sañchannachavi sañchannalomo ahosi, asukaṭṭhāne baddho ahosītipi na paññāyi. Mahāsatto sukhappatto hutvā aṭṭhāsi. Taṃ disvā cittamigo somanassajāto luddassa anumodanaṃ karonto gāthamāha –

    ๑๑๘.

    118.

    ‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สเพฺพหิ ญาติภิ;

    ‘‘Evaṃ luddaka nandassu, saha sabbehi ñātibhi;

    ยถาหมชฺช นนฺทามิ, มุตฺตํ ทิสฺวา มหามิค’’นฺติฯ

    Yathāhamajja nandāmi, muttaṃ disvā mahāmiga’’nti.

    อถ มหาสโตฺต ‘‘กิํ นุ โข เอส ลุโทฺท มํ คณฺหโนฺต อตฺตโน กาเมน คณฺหิ, อุทาหุ อญฺญสฺส อาณตฺติยา’’ติ จิเนฺตตฺวา คหิตการณํ ปุจฺฉิฯ ลุทฺทปุโตฺต อาห – ‘‘สามิ, น มยฺหํ ตุเมฺหหิ กมฺมํ อตฺถิ, รโญฺญ ปน อคฺคมเหสี เขมา นาม ตุมฺหากํ ธมฺมกถํ โสตุกามา, ตทตฺถาย รโญฺญ อาณตฺติยา ตฺวํ มยา คหิโต’’ติฯ สมฺม, เอวํ สเนฺต มํ วิสฺสเชฺชโนฺต อติทุกฺกรํ กโรสิ, เอหิ มํ เนตฺวา รโญฺญ ทเสฺสหิ, เทวิยา ธมฺมํ กเถสฺสามีติฯ สามิ, ราชาโน นาม กกฺขฬา, โก ชานาติ, กิํ ภวิสฺสติ, มยฺหํ รญฺญา ทินฺนยเสน กมฺมํ นตฺถิ, คจฺฉ ตฺวํ ยถาสุขนฺติฯ ปุน มหาสโตฺต ‘‘อิมินา มํ วิสฺสเชฺชเนฺตน อติทุกฺกรํ กตํ, ยสปฎิลาภสฺส อุปายมสฺส กริสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘สมฺม, ปิฎฺฐิํ ตาว เม หเตฺถน ปริมชฺชา’’ติ อาหฯ ‘‘โส ปริมชฺชิ, หโตฺถ สุวณฺณวเณฺณหิ โลเมหิ ปูริ’’ฯ ‘‘สามิ, อิเมหิ โลเมหิ กิํ กาโรมี’’ติฯ ‘‘สมฺม, อิมานิ หริตฺวา รโญฺญ จ เทวิยา จ ทเสฺสตฺวา ‘อิมานิ ตสฺส สุวณฺณวณฺณมิคสฺส โลมานี’ติ วตฺวา มม ฐาเน ฐตฺวา อิมาหิ คาถาหิ เทวิยา ธมฺมํ เทเสหิ, ตํ สุตฺวาเยว จสฺสา โทหโฬ ปฎิปฺปสฺสมฺภิสฺสตี’’ติ ฯ ‘‘ธมฺมํ จร มหาราชา’’ติ ทส ธมฺมจริยคาถา อุคฺคณฺหาเปตฺวา ปญฺจ สีลานิ ทตฺวา อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา อุโยฺยเชสิฯ ลุทฺทปุโตฺต มหาสตฺตํ อาจริยฎฺฐาเน ฐเปตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ ฐาเนสุ วนฺทิตฺวา โลมานิ ปทุมินิปเตฺตน คเหตฺวา ปกฺกามิฯ เตปิ ตโย ชนา โถกํ อนุคนฺตฺวา มุเขน โคจรญฺจ ปานียญฺจ คเหตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติกํ คมิํสุฯ มาตาปิตโร ‘‘ตาต โรหณ, ตฺวํ กิร ปาเส พโทฺธ กถํ มุโตฺตสี’’ติ ปุจฺฉนฺตา คาถมาหํสุ –

    Atha mahāsatto ‘‘kiṃ nu kho esa luddo maṃ gaṇhanto attano kāmena gaṇhi, udāhu aññassa āṇattiyā’’ti cintetvā gahitakāraṇaṃ pucchi. Luddaputto āha – ‘‘sāmi, na mayhaṃ tumhehi kammaṃ atthi, rañño pana aggamahesī khemā nāma tumhākaṃ dhammakathaṃ sotukāmā, tadatthāya rañño āṇattiyā tvaṃ mayā gahito’’ti. Samma, evaṃ sante maṃ vissajjento atidukkaraṃ karosi, ehi maṃ netvā rañño dassehi, deviyā dhammaṃ kathessāmīti. Sāmi, rājāno nāma kakkhaḷā, ko jānāti, kiṃ bhavissati, mayhaṃ raññā dinnayasena kammaṃ natthi, gaccha tvaṃ yathāsukhanti. Puna mahāsatto ‘‘iminā maṃ vissajjentena atidukkaraṃ kataṃ, yasapaṭilābhassa upāyamassa karissāmī’’ti cintetvā ‘‘samma, piṭṭhiṃ tāva me hatthena parimajjā’’ti āha. ‘‘So parimajji, hattho suvaṇṇavaṇṇehi lomehi pūri’’. ‘‘Sāmi, imehi lomehi kiṃ kāromī’’ti. ‘‘Samma, imāni haritvā rañño ca deviyā ca dassetvā ‘imāni tassa suvaṇṇavaṇṇamigassa lomānī’ti vatvā mama ṭhāne ṭhatvā imāhi gāthāhi deviyā dhammaṃ desehi, taṃ sutvāyeva cassā dohaḷo paṭippassambhissatī’’ti . ‘‘Dhammaṃ cara mahārājā’’ti dasa dhammacariyagāthā uggaṇhāpetvā pañca sīlāni datvā appamādena ovaditvā uyyojesi. Luddaputto mahāsattaṃ ācariyaṭṭhāne ṭhapetvā tikkhattuṃ padakkhiṇaṃ katvā catūsu ṭhānesu vanditvā lomāni paduminipattena gahetvā pakkāmi. Tepi tayo janā thokaṃ anugantvā mukhena gocarañca pānīyañca gahetvā mātāpitūnaṃ santikaṃ gamiṃsu. Mātāpitaro ‘‘tāta rohaṇa, tvaṃ kira pāse baddho kathaṃ muttosī’’ti pucchantā gāthamāhaṃsu –

    ๑๑๙.

    119.

    ‘‘กถํ ตฺวํ ปโมโกฺข อาสิ, อุปนีตสฺมิ ชีวิเต;

    ‘‘Kathaṃ tvaṃ pamokkho āsi, upanītasmi jīvite;

    กถํ ปุตฺต อโมเจสิ, กูฎปาสมฺห ลุทฺทโก’’ติฯ

    Kathaṃ putta amocesi, kūṭapāsamha luddako’’ti.

    ตตฺถ อุปนีตสฺมีติ ตว ชีวิเต มรณสนฺติกํ อุปนีเต กถํ ปโมโกฺข อาสิฯ

    Tattha upanītasmīti tava jīvite maraṇasantikaṃ upanīte kathaṃ pamokkho āsi.

    ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Taṃ sutvā bodhisatto tisso gāthā abhāsi –

    ๑๒๐.

    120.

    ‘‘ภณํ กณฺณสุขํ วาจํ, หทยงฺคํ หทยสฺสิตํ;

    ‘‘Bhaṇaṃ kaṇṇasukhaṃ vācaṃ, hadayaṅgaṃ hadayassitaṃ;

    สุภาสิตาหิ วาจาหิ, จิตฺตโก มํ อโมจยิฯ

    Subhāsitāhi vācāhi, cittako maṃ amocayi.

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘ภณํ กณฺณสุขํ วาจํ, หทยงฺคํ หทยสฺสิตํ;

    ‘‘Bhaṇaṃ kaṇṇasukhaṃ vācaṃ, hadayaṅgaṃ hadayassitaṃ;

    สุภาสิตาหิ วาจาหิ, สุตนา มํ อโมจยิฯ

    Subhāsitāhi vācāhi, sutanā maṃ amocayi.

    ๑๒๒.

    122.

    ‘‘สุตฺวา กณฺณสุขํ วาจํ, หทยงฺคํ หทยสฺสิตํ;

    ‘‘Sutvā kaṇṇasukhaṃ vācaṃ, hadayaṅgaṃ hadayassitaṃ;

    สุภาสิตานิ สุตฺวาน, ลุทฺทโก มํ อโมจยี’’ติฯ

    Subhāsitāni sutvāna, luddako maṃ amocayī’’ti.

    ตตฺถ ภณนฺติ ภณโนฺตฯ หทยงฺคนฺติ หทยงฺคมํฯ ทุติยคาถาย ภณนฺติ ภณมานาฯ สุตฺวาติ โส อิเมสํ อุภินฺนํ วาจํ สุตฺวาฯ

    Tattha bhaṇanti bhaṇanto. Hadayaṅganti hadayaṅgamaṃ. Dutiyagāthāya bhaṇanti bhaṇamānā. Sutvāti so imesaṃ ubhinnaṃ vācaṃ sutvā.

    อถสฺส มาตาปิตโร อนุโมทนฺตา อาหํสุ –

    Athassa mātāpitaro anumodantā āhaṃsu –

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘เอวํ อานนฺทิโต โหตุ, สห ทาเรหิ ลุทฺทโก;

    ‘‘Evaṃ ānandito hotu, saha dārehi luddako;

    ยถา มยชฺช นนฺทาม, ทิสฺวา โรหณมาคต’’นฺติฯ

    Yathā mayajja nandāma, disvā rohaṇamāgata’’nti.

    ลุโทฺทปิ อรญฺญา นิกฺขมิตฺวา ราชกุลํ คนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ ตํ ทิสฺวา ราชา คาถมาห –

    Luddopi araññā nikkhamitvā rājakulaṃ gantvā rājānaṃ vanditvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Taṃ disvā rājā gāthamāha –

    ๑๒๔.

    124.

    ‘‘นนุ ตฺวํ อวจ ลุทฺท, ‘มิคจมฺมานิ อาหริํ’;

    ‘‘Nanu tvaṃ avaca ludda, ‘migacammāni āhariṃ’;

    อถ เกน นุ วเณฺณน, มิคจมฺมานิ นาหรี’’ติฯ

    Atha kena nu vaṇṇena, migacammāni nāharī’’ti.

    ตตฺถ มิคจมฺมานีติ มิคํ วา จมฺมํ วาฯ อาหรินฺติ อาหริสฺสามิฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อโมฺภ ลุทฺท, นนุ ตฺวํ เอวํ อวจ ‘‘มิคํ อาเนตุํ อสโกฺกโนฺต จมฺมํ อาหริสฺสามิ, ตํ อสโกฺกโนฺต โลมานี’’ติ, โส ตฺวํ เกน การเณน เนว มิคํ, น มิคจมฺมํ อาหรีติ?

    Tattha migacammānīti migaṃ vā cammaṃ vā. Āharinti āharissāmi. Idaṃ vuttaṃ hoti – ambho ludda, nanu tvaṃ evaṃ avaca ‘‘migaṃ ānetuṃ asakkonto cammaṃ āharissāmi, taṃ asakkonto lomānī’’ti, so tvaṃ kena kāraṇena neva migaṃ, na migacammaṃ āharīti?

    ตํ สุตฺวา ลุโทฺท คาถมาห –

    Taṃ sutvā luddo gāthamāha –

    ๑๒๕.

    125.

    ‘‘อาคมา เจว หตฺถตฺถํ, กูฎปาสญฺจ โส มิโค;

    ‘‘Āgamā ceva hatthatthaṃ, kūṭapāsañca so migo;

    อพชฺฌิ ตํ มิคราชํ, ตญฺจ มุตฺตา อุปาสเรฯ

    Abajjhi taṃ migarājaṃ, tañca muttā upāsare.

    ๑๒๖.

    126.

    ‘‘ตสฺส เม อหุ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโน;

    ‘‘Tassa me ahu saṃvego, abbhuto lomahaṃsano;

    อิมญฺจาหํ มิคํ หเญฺญ, อชฺช หิสฺสามิ ชีวิต’’นฺติฯ

    Imañcāhaṃ migaṃ haññe, ajja hissāmi jīvita’’nti.

    ตตฺถ อาคมาติ มหาราช, โส มิโค มม หตฺถตฺถํ หตฺถปาสเญฺจว มยา โอฑฺฑิตํ กูฎปาสญฺจ อาคโต, ตสฺมิญฺจ กูฎปาเส อพชฺฌิฯ ตญฺจ มุตฺตา อุปาสเรติ ตญฺจ พทฺธํ อปเร มุตฺตา อพทฺธาว เทฺว มิคา อสฺสาเสนฺตา ตํ นิสฺสาย อฎฺฐํสุฯ อพฺภุโตติ ปุเพฺพ อภูตปุโพฺพฯ อิมญฺจาหนฺติ อถ เม สํวิคฺคสฺส เอตทโหสิ ‘‘สเจ อหํ อิมํ มิคํ หนิสฺสามิ, อเชฺชว อิมสฺมิํเยว ฐาเน ชีวิตํ ชหิสฺสามี’’ติฯ

    Tattha āgamāti mahārāja, so migo mama hatthatthaṃ hatthapāsañceva mayā oḍḍitaṃ kūṭapāsañca āgato, tasmiñca kūṭapāse abajjhi. Tañca muttā upāsareti tañca baddhaṃ apare muttā abaddhāva dve migā assāsentā taṃ nissāya aṭṭhaṃsu. Abbhutoti pubbe abhūtapubbo. Imañcāhanti atha me saṃviggassa etadahosi ‘‘sace ahaṃ imaṃ migaṃ hanissāmi, ajjeva imasmiṃyeva ṭhāne jīvitaṃ jahissāmī’’ti.

    ตํ สุตฺวา ราชา อาห –

    Taṃ sutvā rājā āha –

    ๑๒๗.

    127.

    ‘‘กีทิสา เต มิคา ลุทฺท, กีทิสา ธมฺมิกา มิคา;

    ‘‘Kīdisā te migā ludda, kīdisā dhammikā migā;

    กถํวณฺณา กถํสีลา, พาฬฺหํ โข เน ปสํสสี’’ติฯ

    Kathaṃvaṇṇā kathaṃsīlā, bāḷhaṃ kho ne pasaṃsasī’’ti.

    อิทํ โส ราชา วิมฺหยวเสน ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉติฯ ตํ สุตฺวา ลุโทฺท คาถมาห –

    Idaṃ so rājā vimhayavasena punappunaṃ pucchati. Taṃ sutvā luddo gāthamāha –

    ๑๒๘.

    128.

    ‘‘โอทาตสิงฺคา สุจิวาลา, ชาตรูปตจูปมา;

    ‘‘Odātasiṅgā sucivālā, jātarūpatacūpamā;

    ปาทา โลหิตกา เตสํ, อญฺชิตกฺขา มโนรมา’’ติฯ

    Pādā lohitakā tesaṃ, añjitakkhā manoramā’’ti.

    ตตฺถ โอทาตสิงฺคาติ รชตทามสทิสสิงฺคาฯ สุจิวาลาติ จามริวาลสทิเสน สุจินา วาเลน สมนฺนาคตาฯ โลหิตกาติ รตฺตนขา ปวาฬสทิสาฯ ปาทาติ ขุรปริยนฺตาฯ อญฺชิตกฺขาติ อญฺชิเตหิ วิย วิสุทฺธปญฺจปสาเทหิ อกฺขีหิ สมนฺนาคตาฯ

    Tattha odātasiṅgāti rajatadāmasadisasiṅgā. Sucivālāti cāmarivālasadisena sucinā vālena samannāgatā. Lohitakāti rattanakhā pavāḷasadisā. Pādāti khurapariyantā. Añjitakkhāti añjitehi viya visuddhapañcapasādehi akkhīhi samannāgatā.

    อิติ โส กเถโนฺตว มหาสตฺตสฺส สุวณฺณวณฺณานิ โลมานิ รโญฺญ หเตฺถ ฐเปตฺวา เตสํ มิคานํ สรีรวณฺณํ ปกาเสโนฺต คาถมาห –

    Iti so kathentova mahāsattassa suvaṇṇavaṇṇāni lomāni rañño hatthe ṭhapetvā tesaṃ migānaṃ sarīravaṇṇaṃ pakāsento gāthamāha –

    ๑๒๙.

    129.

    ‘‘เอทิสา เต มิคา เทว, เอทิสา ธมฺมิกา มิคา;

    ‘‘Edisā te migā deva, edisā dhammikā migā;

    มาตาเปตฺติภรา เทว, น เต โส อภิหาริตุ’’นฺติฯ

    Mātāpettibharā deva, na te so abhihāritu’’nti.

    ตตฺถ มาตาเปตฺติภราติ ชิเณฺณ อเนฺธ มาตาปิตโร โปเสนฺติ, เอตาทิสา เนสํ ธมฺมิกตาฯ น เต โส อภิหาริตุนฺติ โส มิคราชา น สกฺกา เกนจิ ตว ปณฺณาการตฺถาย อภิหริตุนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อภิหารยิ’’นฺติปิ ปาโฐ, โส อหํ ตํ เต ปณฺณาการตฺถาย นาภิหารยิํ น อาหรินฺติ อโตฺถฯ

    Tattha mātāpettibharāti jiṇṇe andhe mātāpitaro posenti, etādisā nesaṃ dhammikatā. Na te so abhihāritunti so migarājā na sakkā kenaci tava paṇṇākāratthāya abhiharitunti attho. ‘‘Abhihārayi’’ntipi pāṭho, so ahaṃ taṃ te paṇṇākāratthāya nābhihārayiṃ na āharinti attho.

    อิติ โส มหาสตฺตสฺส จ จิตฺตมิคสฺส จ สุตนาย มิคโปติกาย จ คุณํ กเถตฺวา ‘‘มหาราช, อหํ เตน มิครญฺญา ‘อตฺตโน โลมานิ ทเสฺสตฺวา มม ฐาเน ฐตฺวา ทสหิ ราชธมฺมจริยคาถาหิ เทวิยา ธมฺมํ กเถยฺยาสี’ติ อุคฺคณฺหาปิโต อาณโตฺต’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา ราชา นํ นฺหาเปตฺวา อหตวตฺถานิ นิวาเสตฺวา สตฺตรตนขจิเต ปลฺลเงฺก นิสีทาเปตฺวา สยํ เทวิยา สทฺธิํ นีจาสเน เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ตํ อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ยาจติฯ โส ธมฺมํ เทเสโนฺต อาห –

    Iti so mahāsattassa ca cittamigassa ca sutanāya migapotikāya ca guṇaṃ kathetvā ‘‘mahārāja, ahaṃ tena migaraññā ‘attano lomāni dassetvā mama ṭhāne ṭhatvā dasahi rājadhammacariyagāthāhi deviyā dhammaṃ katheyyāsī’ti uggaṇhāpito āṇatto’’ti āha. Taṃ sutvā rājā naṃ nhāpetvā ahatavatthāni nivāsetvā sattaratanakhacite pallaṅke nisīdāpetvā sayaṃ deviyā saddhiṃ nīcāsane ekamantaṃ nisīditvā taṃ añjaliṃ paggayha yācati. So dhammaṃ desento āha –

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มาตาปิตูสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, mātāpitūsu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, ปุตฺตทาเรสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, puttadāresu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มิตฺตามเจฺจสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, mittāmaccesu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, วาหเนสุ พเลสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, vāhanesu balesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, คาเมสุ นิคเมสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, gāmesu nigamesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, รเฎฺฐสุ ชนปเทสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, raṭṭhesu janapadesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, สมณพฺราหฺมเณสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, samaṇabrāhmaṇesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มิคปกฺขีสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, migapakkhīsu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, ธโมฺม จิโณฺณ สุขาวโห;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, dhammo ciṇṇo sukhāvaho;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, saindā devā sabrahmakā;

    สุจิเณฺณน ทิวํ ปตฺตา, มา ธมฺมํ ราช ปามโท’’ติฯ (ชา. ๒.๑๘.๑๑๔-๑๒๓);

    Suciṇṇena divaṃ pattā, mā dhammaṃ rāja pāmado’’ti. (jā. 2.18.114-123);

    อิติ เนสาทปุโตฺต มหาสเตฺตน เทสิตนิยาเมน อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสสิฯ มหาชโน สาธุการสหสฺสานิ ปวเตฺตสิฯ ธมฺมกถํ สุตฺวาเยว เทวิยา โทหโฬ ปฎิปฺปสฺสมฺภิฯ ราชา ตุสฺสิตฺวา ลุทฺทปุตฺตํ มหเนฺตน ยเสน สนฺตเปฺปโนฺต ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Iti nesādaputto mahāsattena desitaniyāmena ākāsagaṅgaṃ otārento viya buddhalīlāya dhammaṃ desesi. Mahājano sādhukārasahassāni pavattesi. Dhammakathaṃ sutvāyeva deviyā dohaḷo paṭippassambhi. Rājā tussitvā luddaputtaṃ mahantena yasena santappento tisso gāthā abhāsi –

    ๑๓๐.

    130.

    ‘‘ทมฺมิ นิกฺขสตํ ลุทฺท, ถูลญฺจ มณิกุณฺฑลํ;

    ‘‘Dammi nikkhasataṃ ludda, thūlañca maṇikuṇḍalaṃ;

    จตุสฺสทญฺจ ปลฺลงฺกํ, อุมาปุปฺผสรินฺนิภํฯ

    Catussadañca pallaṅkaṃ, umāpupphasarinnibhaṃ.

    ๑๓๑.

    131.

    ‘‘เทฺว จ สาทิสิโย ภริยา, อุสภญฺจ ควํ สตํ;

    ‘‘Dve ca sādisiyo bhariyā, usabhañca gavaṃ sataṃ;

    ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสฺสํ, พหุกาโร เมสิ ลุทฺทกฯ

    Dhammena rajjaṃ kāressaṃ, bahukāro mesi luddaka.

    ๑๓๒.

    132.

    ‘‘กสิวาณิชฺชา อิณทานํ, อุจฺฉาจริยา จ ลุทฺทก;

    ‘‘Kasivāṇijjā iṇadānaṃ, ucchācariyā ca luddaka;

    เอเตน ทารํ โปเสหิ, มา ปาปํ อกรี ปุนา’’ติฯ

    Etena dāraṃ posehi, mā pāpaṃ akarī punā’’ti.

    ตตฺถ ถูลนฺติ มหคฺฆํ มณิกุณฺฑลปสาธนญฺจ เต ทมฺมิฯ จตุสฺสทนฺติ จตุรุสฺสทํ, จตุอุสฺสีสกนฺติ อโตฺถฯ อุมาปุปฺผสรินฺนิภนฺติ นีลปจฺจตฺถรณตฺตา อุมาปุปฺผสทิสาย นิภาย โอภาเสน สมนฺนาคตํ, กาฬวณฺณทารุสารมยํ วาฯ สาทิสิโยติ อญฺญมญฺญํ รูเปน จ โภเคน จ สทิสาฯ อุสภญฺจ ควํ สตนฺติ อุสภํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ควํ สตญฺจ เต ทมฺมิฯ กาเรสฺสนฺติ ทส ราชธเมฺม อโกเปโนฺต ธเมฺมเนว รชฺชํ กาเรสฺสามิฯ พหุกาโร เมสีติ สุวณฺณวณฺณสฺส มิครโญฺญ ฐาเน ฐตฺวา ธมฺมสฺส เทสิตตฺตา ตฺวํ มม พหุปกาโร, มิคราเชน วุตฺตนิยาเมเนว เต อหํ ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาปิโตฯ กสิวาณิชฺชาติ สมฺม ลุทฺทก, อหมฺปิ มิคราชานํ อทิสฺวา ตสฺส วจนเมว สุตฺวา ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐิโต, ตฺวมฺปิ อิโต ปฎฺฐาย สีลวา โหหิ, ยานิ ตานิ กสิวาณิชฺชานิ อิณทานํ อุญฺฉาจริยาติ อาชีวมุขานิ, เอเตเนว สมฺมาอาชีเวน ตว ปุตฺตทารํ โปเสหิ, มา ปุน ปาปํ กรีติฯ

    Tattha thūlanti mahagghaṃ maṇikuṇḍalapasādhanañca te dammi. Catussadanti caturussadaṃ, catuussīsakanti attho. Umāpupphasarinnibhanti nīlapaccattharaṇattā umāpupphasadisāya nibhāya obhāsena samannāgataṃ, kāḷavaṇṇadārusāramayaṃ vā. Sādisiyoti aññamaññaṃ rūpena ca bhogena ca sadisā. Usabhañca gavaṃ satanti usabhaṃ jeṭṭhakaṃ katvā gavaṃ satañca te dammi. Kāressanti dasa rājadhamme akopento dhammeneva rajjaṃ kāressāmi. Bahukāro mesīti suvaṇṇavaṇṇassa migarañño ṭhāne ṭhatvā dhammassa desitattā tvaṃ mama bahupakāro, migarājena vuttaniyāmeneva te ahaṃ pañcasu sīlesu patiṭṭhāpito. Kasivāṇijjāti samma luddaka, ahampi migarājānaṃ adisvā tassa vacanameva sutvā pañcasu sīlesu patiṭṭhito, tvampi ito paṭṭhāya sīlavā hohi, yāni tāni kasivāṇijjāni iṇadānaṃ uñchācariyāti ājīvamukhāni, eteneva sammāājīvena tava puttadāraṃ posehi, mā puna pāpaṃ karīti.

    โส รโญฺญ กถํ สุตฺวา ‘‘น เม ฆราวาเสนโตฺถ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาถ เทวา’’ติ อนุชานาเปตฺวา รญฺญา ทินฺนธนํ ปุตฺตทารสฺส ทตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ ราชาปิ มหาสตฺตสฺส โอวาเท ฐตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ, ตสฺส โอวาโท วสฺสสหสฺสํ ปวตฺติฯ

    So rañño kathaṃ sutvā ‘‘na me gharāvāsenattho, pabbajjaṃ me anujānātha devā’’ti anujānāpetvā raññā dinnadhanaṃ puttadārassa datvā himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā aṭṭha samāpattiyo nibbattetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi. Rājāpi mahāsattassa ovāde ṭhatvā saggapuraṃ pūresi, tassa ovādo vassasahassaṃ pavatti.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขเว ปุเพฺพปิ มมตฺถาย อานเนฺทน ชีวิตํ ปริจฺจตฺตเมวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุโทฺท ฉโนฺน อโหสิ, ราชา สาริปุโตฺต, เทวี เขมา ภิกฺขุนี, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, สุตนา อุปฺปลวณฺณา, จิตฺตมิโค อานโนฺท, อสีติ มิคสหสฺสานิ สากิยคโณ, โรหโณ มิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ bhikkhave pubbepi mamatthāya ānandena jīvitaṃ pariccattamevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā luddo channo ahosi, rājā sāriputto, devī khemā bhikkhunī, mātāpitaro mahārājakulāni, sutanā uppalavaṇṇā, cittamigo ānando, asīti migasahassāni sākiyagaṇo, rohaṇo migarājā pana ahameva ahosi’’nti.

    โรหณมิคชาตกวณฺณนา ปญฺจมาฯ

    Rohaṇamigajātakavaṇṇanā pañcamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๐๑. โรหณมิคชาตกํ • 501. Rohaṇamigajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact