Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๒. โรหินีเถรีคาถาวณฺณนา

    2. Rohinītherīgāthāvaṇṇanā

    สมณาติ โภติ สุปีติอาทิกา โรหินิยา เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี อิโต เอกนวุติกเปฺป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา, เอกทิวสํ พนฺธุมตีนคเร ภควนฺตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ปูวสฺส ปูเรตฺวา ภควโต ทตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิฯ สา เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี อนุกฺกเมน อุปจิตวิโมกฺขสมฺภารา หุตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ มหาวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา โรหินีติ ลทฺธนามา วิญฺญุตํ ปตฺวา, สตฺถริ เวสาลิยํ วิหรเนฺต วิหารํ คนฺตวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺนา หุตฺวา มาตาปิตูนํ ธมฺมํ เทเสตฺวา สาสเน ปสาทํ อุปฺปาเทตฺวา เต อนุชานาเปตฺวา สยํ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี น จิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ –

    Samaṇāti bhoti supītiādikā rohiniyā theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī ito ekanavutikappe vipassissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā, ekadivasaṃ bandhumatīnagare bhagavantaṃ piṇḍāya carantaṃ disvā pattaṃ gahetvā pūvassa pūretvā bhagavato datvā pītisomanassajātā pañcapatiṭṭhitena vandi. Sā tena puññakammena devamanussesu saṃsarantī anukkamena upacitavimokkhasambhārā hutvā imasmiṃ buddhuppāde vesāliyaṃ mahāvibhavassa brāhmaṇassa gehe nibbattitvā rohinīti laddhanāmā viññutaṃ patvā, satthari vesāliyaṃ viharante vihāraṃ gantavā dhammaṃ sutvā sotāpannā hutvā mātāpitūnaṃ dhammaṃ desetvā sāsane pasādaṃ uppādetvā te anujānāpetvā sayaṃ pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karontī na cirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ –

    ‘‘นคเร พนฺธุมติยา, วิปสฺสิสฺส มเหสิโน;

    ‘‘Nagare bandhumatiyā, vipassissa mahesino;

    ปิณฺฑาย วิจรนฺตสฺส, ปูเวทาสิมหํ ตทาฯ

    Piṇḍāya vicarantassa, pūvedāsimahaṃ tadā.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ

    Tattha cittaṃ pasādetvā, tāvatiṃsamagacchahaṃ.

    ‘‘ฉตฺติํสเทวราชูนํ , มเหสิตฺตมการยิํ;

    ‘‘Chattiṃsadevarājūnaṃ , mahesittamakārayiṃ;

    ปญฺญาสจกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ

    Paññāsacakkavattīnaṃ, mahesittamakārayiṃ.

    ‘‘มนสา ปตฺถิตา นาม, สพฺพา มยฺหํ สมิชฺฌถ;

    ‘‘Manasā patthitā nāma, sabbā mayhaṃ samijjhatha;

    สมฺปตฺติํ อนุโภตฺวาน, เทเวสุ มนุเชสุ จฯ

    Sampattiṃ anubhotvāna, devesu manujesu ca.

    ‘‘ปจฺฉิเม ภวสมฺปเตฺต, ชาโต วิปฺปกุเล อหํ;

    ‘‘Pacchime bhavasampatte, jāto vippakule ahaṃ;

    โรหินี นาม นาเมน, ญาตเกหิ ปิยายิตาฯ

    Rohinī nāma nāmena, ñātakehi piyāyitā.

    ‘‘ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ธมฺมํ สุตฺวา ยถาตถํ;

    ‘‘Bhikkhūnaṃ santikaṃ gantvā, dhammaṃ sutvā yathātathaṃ;

    สํวิคฺคมานสา หุตฺวา, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Saṃviggamānasā hutvā, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ‘‘โยนิโส ปทหนฺตีนํ, อรหตฺตมปาปุณิํ;

    ‘‘Yoniso padahantīnaṃ, arahattamapāpuṇiṃ;

    เอกนวุติโต กเปฺป, ยํ ทานมททิํ ตทา;

    Ekanavutito kappe, yaṃ dānamadadiṃ tadā;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ปูวทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, pūvadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปุเพฺพ โสตาปนฺนกาเล ปิตรา อตฺตนา จ วจนปฎิวจนวเสน วุตฺตคาถา อุทานวเสน ภาสนฺตี –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā pubbe sotāpannakāle pitarā attanā ca vacanapaṭivacanavasena vuttagāthā udānavasena bhāsantī –

    ๒๗๑.

    271.

    ‘‘สมณาติ โภติ สุปิ, สมณาติ ปพุชฺฌสิ;

    ‘‘Samaṇāti bhoti supi, samaṇāti pabujjhasi;

    สมณาเนว กิเตฺตสิ, สมณี นูน ภวิสฺสสิฯ

    Samaṇāneva kittesi, samaṇī nūna bhavissasi.

    ๒๗๒.

    272.

    ‘‘วิปุลํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ, สมณานํ ปเวจฺฉสิ;

    ‘‘Vipulaṃ annañca pānañca, samaṇānaṃ pavecchasi;

    โรหินี ทานิ ปุจฺฉามิ, เกน เต สมณา ปิยาฯ

    Rohinī dāni pucchāmi, kena te samaṇā piyā.

    ๒๗๓.

    273.

    ‘‘อกมฺมกามา อลสา, ปรทตฺตูปชีวิโน;

    ‘‘Akammakāmā alasā, paradattūpajīvino;

    อาสํสุกา สาทุกามา, เกน เต สมณา ปิยาฯ

    Āsaṃsukā sādukāmā, kena te samaṇā piyā.

    ๒๗๔.

    274.

    ‘‘จิรสฺสํ วต มํ ตาต, สมณานํ ปริปุจฺฉสิ;

    ‘‘Cirassaṃ vata maṃ tāta, samaṇānaṃ paripucchasi;

    เตสํ เต กิตฺตยิสฺสามิ, ปญฺญาสีลปรกฺกมํฯ

    Tesaṃ te kittayissāmi, paññāsīlaparakkamaṃ.

    ๒๗๕.

    275.

    ‘‘กมฺมกามา อนลสา, กมฺมเสฎฺฐสฺส การกา;

    ‘‘Kammakāmā analasā, kammaseṭṭhassa kārakā;

    ราคํ โทสํ ปชหนฺติ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Rāgaṃ dosaṃ pajahanti, tena me samaṇā piyā.

    ๒๗๖.

    276.

    ‘‘ตีณิ ปาปสฺส มูลานิ, ธุนนฺติ สุจิการิโน;

    ‘‘Tīṇi pāpassa mūlāni, dhunanti sucikārino;

    สพฺพํ ปาปํ ปหีเนสํ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Sabbaṃ pāpaṃ pahīnesaṃ, tena me samaṇā piyā.

    ๒๗๗.

    277.

    ‘‘กายกมฺมํ สุจิ เนสํ, วจีกมฺมญฺจ ตาทิสํ;

    ‘‘Kāyakammaṃ suci nesaṃ, vacīkammañca tādisaṃ;

    มโนกมฺมํ สุจิ เนสํ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Manokammaṃ suci nesaṃ, tena me samaṇā piyā.

    ๒๗๘.

    278.

    ‘‘วิมลา สงฺขมุตฺตาว, สุทฺธา สนฺตรพาหิรา;

    ‘‘Vimalā saṅkhamuttāva, suddhā santarabāhirā;

    ปุณฺณา สุกฺกาน ธมฺมานํ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Puṇṇā sukkāna dhammānaṃ, tena me samaṇā piyā.

    ๒๗๙.

    279.

    ‘‘พหุสฺสุตา ธมฺมธรา, อริยา ธมฺมชีวิโน;

    ‘‘Bahussutā dhammadharā, ariyā dhammajīvino;

    อตฺถํ ธมฺมญฺจ เทเสนฺติ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Atthaṃ dhammañca desenti, tena me samaṇā piyā.

    ๒๘๐.

    280.

    ‘‘พหุสฺสุตา ธมฺมธรา, อริยา ธมฺมชีวิโน;

    ‘‘Bahussutā dhammadharā, ariyā dhammajīvino;

    เอกคฺคจิตฺตา สติมโนฺต, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Ekaggacittā satimanto, tena me samaṇā piyā.

    ๒๘๑.

    281.

    ‘‘ทูรงฺคมา สติมโนฺต, มนฺตภาณี อนุทฺธตา;

    ‘‘Dūraṅgamā satimanto, mantabhāṇī anuddhatā;

    ทุกฺขสฺสนฺตํ ปชานนฺติ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Dukkhassantaṃ pajānanti, tena me samaṇā piyā.

    ๒๘๒.

    282.

    ‘‘ยสฺมา คามา ปกฺกมนฺติ, น วิโลเกนฺติ กิญฺจนํ;

    ‘‘Yasmā gāmā pakkamanti, na vilokenti kiñcanaṃ;

    อนเปกฺขาว คจฺฉนฺติ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Anapekkhāva gacchanti, tena me samaṇā piyā.

    ๒๘๓.

    283.

    ‘‘น เต สํ โกเฎฺฐ โอเปนฺติ, น กุมฺภิํ น ขโฬปิยํ;

    ‘‘Na te saṃ koṭṭhe openti, na kumbhiṃ na khaḷopiyaṃ;

    ปรินิฎฺฐิตเมสานา, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Pariniṭṭhitamesānā, tena me samaṇā piyā.

    ๒๘๔.

    284.

    ‘‘น เต หิรญฺญํ คณฺหนฺติ, น สุวณฺณํ น รูปิยํ;

    ‘‘Na te hiraññaṃ gaṇhanti, na suvaṇṇaṃ na rūpiyaṃ;

    ปจฺจุปฺปเนฺนน ยาเปนฺติ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Paccuppannena yāpenti, tena me samaṇā piyā.

    ๒๘๕.

    285.

    ‘‘นานากุลา ปพฺพชิตา, นานาชนปเทหิ จ;

    ‘‘Nānākulā pabbajitā, nānājanapadehi ca;

    อญฺญมญฺญํ ปิหยนฺติ, เตน เม สมณา ปิยาฯ

    Aññamaññaṃ pihayanti, tena me samaṇā piyā.

    ๒๘๖.

    286.

    ‘‘อตฺถาย วต โน โภติ, กุเล ชาตาสิ โรหินี;

    ‘‘Atthāya vata no bhoti, kule jātāsi rohinī;

    สทฺธา พุเทฺธ จ ธเมฺม จ, สเงฺฆ จ ติพฺพคารวาฯ

    Saddhā buddhe ca dhamme ca, saṅghe ca tibbagāravā.

    ๒๘๗.

    287.

    ‘‘ตุวเญฺหตํ ปชานาสิ, ปุญฺญเกฺขตฺตํ อนุตฺตรํ;

    ‘‘Tuvañhetaṃ pajānāsi, puññakkhettaṃ anuttaraṃ;

    อมฺหมฺปิ เอเต สมณา, ปฎิคฺคณฺหนฺติ ทกฺขิณํฯ

    Amhampi ete samaṇā, paṭiggaṇhanti dakkhiṇaṃ.

    ๒๘๘.

    288.

    ‘‘ปติฎฺฐิโต เหตฺถ ยโญฺญ, วิปุโล โน ภวิสฺสติ;

    ‘‘Patiṭṭhito hettha yañño, vipulo no bhavissati;

    สเจ ภายสิ ทุกฺขสฺส, สเจ เต ทุกฺขมปฺปิยํฯ

    Sace bhāyasi dukkhassa, sace te dukkhamappiyaṃ.

    ๒๘๙.

    289.

    ‘‘อุเปหิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมํ สงฺฆญฺจ ตาทินํ;

    ‘‘Upehi saraṇaṃ buddhaṃ, dhammaṃ saṅghañca tādinaṃ;

    สมาทิยาหิ สีลานิ, ตํ เต อตฺถาย เหหิติฯ

    Samādiyāhi sīlāni, taṃ te atthāya hehiti.

    ๒๙๐.

    290.

    ‘‘อุเปมิ สรณํ พุทฺธํ, ธมฺมํ สงฺฆญฺจ ตาทินํ;

    ‘‘Upemi saraṇaṃ buddhaṃ, dhammaṃ saṅghañca tādinaṃ;

    สมาทิยามิ สีลานิ, ตํ เม อตฺถาย เหหิติฯ

    Samādiyāmi sīlāni, taṃ me atthāya hehiti.

    ๒๙๑.

    291.

    ‘‘พฺรหฺมพนฺธุ ปุเร อาสิํ, โส อิทานิมฺหิ พฺราหฺมโณ;

    ‘‘Brahmabandhu pure āsiṃ, so idānimhi brāhmaṇo;

    เตวิโชฺช โสตฺติโย จมฺหิ, เวทคู จมฺหิ นฺหาตโก’’ติฯ –

    Tevijjo sottiyo camhi, vedagū camhi nhātako’’ti. –

    อิมา คาถา ปจฺจุทาหาสิฯ

    Imā gāthā paccudāhāsi.

    ตตฺถ อาทิโต ติโสฺส คาถา อตฺตโน ธีตุ ภิกฺขูสุ สมฺมุติํ อนิจฺฉเนฺตน วุตฺตาฯ ตตฺถ สมณาติ โภติ สุปีติ โภติ ตฺวํ สุปนกาเลปิ ‘‘สมณา สมณา’’ติ กิเตฺตนฺตี สมณปฎิพทฺธํเยว กถํ กเถนฺตี สุปสิฯ สมณาติ ปพุชฺฌสีติ สุปนโต อุฎฺฐหนฺตีปิ ‘‘สมณา’’อิเจฺจวํ วตฺวา ปพุชฺฌสิ นิทฺทาย วุฎฺฐาสิฯ สมณาเนว กิเตฺตสีติ สพฺพกาลมฺปิ สมเณ เอว สมณานเมว วา คุเณ กิเตฺตสิ อภิตฺถวสิฯ สมณี นูน ภวิสฺสสีติ คิหิรูเปน ฐิตาปิ จิเตฺตน สมณี เอว มเญฺญ ภวิสฺสสิฯ อถ วา สมณี นูน ภวิสฺสสีติ อิทานิ คิหิรูเปน ฐิตาปิ น จิเรเนว สมณี เอว มเญฺญ ภวิสฺสสิ สมเณสุ เอว นินฺนโปณภาวโตฯ

    Tattha ādito tisso gāthā attano dhītu bhikkhūsu sammutiṃ anicchantena vuttā. Tattha samaṇāti bhoti supīti bhoti tvaṃ supanakālepi ‘‘samaṇā samaṇā’’ti kittentī samaṇapaṭibaddhaṃyeva kathaṃ kathentī supasi. Samaṇāti pabujjhasīti supanato uṭṭhahantīpi ‘‘samaṇā’’iccevaṃ vatvā pabujjhasi niddāya vuṭṭhāsi. Samaṇāneva kittesīti sabbakālampi samaṇe eva samaṇānameva vā guṇe kittesi abhitthavasi. Samaṇī nūna bhavissasīti gihirūpena ṭhitāpi cittena samaṇī eva maññe bhavissasi. Atha vā samaṇī nūna bhavissasīti idāni gihirūpena ṭhitāpi na cireneva samaṇī eva maññe bhavissasi samaṇesu eva ninnapoṇabhāvato.

    ปเวจฺฉสีติ เทสิฯ โรหินี ทานิ ปุจฺฉามีติ, อมฺม โรหินิ, ตํ อหํ อิทานิ ปุจฺฉามีติ พฺราหฺมโณ อตฺตโน ธีตรํ ปุจฺฉโนฺต อาหฯ เกน เต สมณา ปิยาติ, อมฺม โรหินิ, ตฺวํ สยนฺตีปิ ปพุชฺฌนฺตีปิ อญฺญทาปิ สมณานเมว คุเณ กิตฺตยสิ, เกน นาม การเณน ตุยฺหํ สมณา ปิยายิตพฺพา ชาตาติ อโตฺถฯ

    Pavecchasīti desi. Rohinī dāni pucchāmīti, amma rohini, taṃ ahaṃ idāni pucchāmīti brāhmaṇo attano dhītaraṃ pucchanto āha. Kena te samaṇā piyāti, amma rohini, tvaṃ sayantīpi pabujjhantīpi aññadāpi samaṇānameva guṇe kittayasi, kena nāma kāraṇena tuyhaṃ samaṇā piyāyitabbā jātāti attho.

    อิทานิ พฺราหฺมโณ สมเณสุ โทสํ ธีตุ อาจิกฺขโนฺต ‘‘อกมฺมกามา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ อกมฺมกามาติ น กมฺมกามา, อตฺตโน ปเรสญฺจ อตฺถาวหํ กิญฺจิ กมฺมํ น กาตุกามาฯ อลสาติ กุสีตาฯ ปรทตฺตูปชีวิโนติ ปเรหิ ทิเนฺนเนว อุปชีวนสีลาฯ อาสํสุกาติ ตโต เอว ฆาสจฺฉาทนาทีนํ อาสีสนกาฯ สาทุกามาติ สาทุํ มธุรเมว อาหารํ อิจฺฉนกาฯ สพฺพเมตํ พฺราหฺมโณ สมณานํ คุเณ อชานโนฺต อตฺตนาว ปริกปฺปิตํ โทสมาหฯ

    Idāni brāhmaṇo samaṇesu dosaṃ dhītu ācikkhanto ‘‘akammakāmā’’ti gāthamāha. Tattha akammakāmāti na kammakāmā, attano paresañca atthāvahaṃ kiñci kammaṃ na kātukāmā. Alasāti kusītā. Paradattūpajīvinoti parehi dinneneva upajīvanasīlā. Āsaṃsukāti tato eva ghāsacchādanādīnaṃ āsīsanakā. Sādukāmāti sāduṃ madhurameva āhāraṃ icchanakā. Sabbametaṃ brāhmaṇo samaṇānaṃ guṇe ajānanto attanāva parikappitaṃ dosamāha.

    ตํ สุตฺวา โรหินี ‘‘ลโทฺธ ทานิ เม โอกาโส อยฺยานํ คุเณ กเถตุ’’นฺติ ตุฎฺฐมานสา ภิกฺขูนํ คุเณ กิเตฺตตุกามา ปฐมํ ตาว เตสํ กิตฺตเน โสมนสฺสํ ปเวเทนฺตี ‘‘จีรสฺสํ วต มํ, ตาตา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ จิรสฺสํ วตาติ จิเรน วตฯ ตาตาติ ปิตรํ อาลปติฯ สมณานนฺติ สมเณ สมณานํ วา มยฺหํ ปิยายิตพฺพํ ปริปุจฺฉสิฯ เตสนฺติ สมณานํฯ ปญฺญาสีลปรกฺกมนฺติ ปญฺญญฺจ สีลญฺจ อุสฺสาหญฺจฯ

    Taṃ sutvā rohinī ‘‘laddho dāni me okāso ayyānaṃ guṇe kathetu’’nti tuṭṭhamānasā bhikkhūnaṃ guṇe kittetukāmā paṭhamaṃ tāva tesaṃ kittane somanassaṃ pavedentī ‘‘cīrassaṃ vata maṃ, tātā’’ti gāthamāha. Tattha cirassaṃ vatāti cirena vata. Tātāti pitaraṃ ālapati. Samaṇānanti samaṇe samaṇānaṃ vā mayhaṃ piyāyitabbaṃ paripucchasi. Tesanti samaṇānaṃ. Paññāsīlaparakkamanti paññañca sīlañca ussāhañca.

    กิตฺตยิสฺสามีติ กถยิสฺสามิฯ ปฎิชาเนตฺวา เต กิเตฺตนฺตี ‘‘อกมฺมกามา อลสา’’ติ เตน วุตฺตํ โทสํ ตาว นิเพฺพเฐตฺวา ตปฺปฎิปกฺขภูตํ คุณํ ทเสฺสตุํ ‘‘กมฺมกามา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ กมฺมกามาติ วตฺตปฎิวตฺตาทิเภทํ กมฺมํ สมณกิจฺจํ ปริปูรณวเสน กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ กมฺมกามาฯ ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺตา หุตฺวา อุฎฺฐาย สมุฎฺฐาย วายมนโต น อลสาติ อนลสาฯ ตํ ปน กมฺมํ เสฎฺฐํ อุตฺตมํ นิพฺพานาวหเมว กโรนฺตีติ กมฺมเสฎฺฐสฺส การกาฯ กโรนฺตา ปน ตํ ปฎิปตฺติยา อนวชฺชภาวโต ราคํ โทสํ ปชหนฺติ, ยถา ราคโทสา ปหียนฺติ, เอวํ สมณา กมฺมํ กโรนฺติฯ เตน เม สมณา ปิยาติ เตน ยถาวุเตฺตน สมฺมาปฎิปชฺชเนน มยฺหํ สมณา ปิยายิตพฺพาติ อโตฺถฯ

    Kittayissāmīti kathayissāmi. Paṭijānetvā te kittentī ‘‘akammakāmā alasā’’ti tena vuttaṃ dosaṃ tāva nibbeṭhetvā tappaṭipakkhabhūtaṃ guṇaṃ dassetuṃ ‘‘kammakāmā’’tiādimāha. Tattha kammakāmāti vattapaṭivattādibhedaṃ kammaṃ samaṇakiccaṃ paripūraṇavasena kāmenti icchantīti kammakāmā. Tattha yuttappayuttā hutvā uṭṭhāya samuṭṭhāya vāyamanato na alasāti analasā. Taṃ pana kammaṃ seṭṭhaṃ uttamaṃ nibbānāvahameva karontīti kammaseṭṭhassa kārakā. Karontā pana taṃ paṭipattiyā anavajjabhāvato rāgaṃ dosaṃ pajahanti, yathā rāgadosā pahīyanti, evaṃ samaṇā kammaṃ karonti. Tena me samaṇā piyāti tena yathāvuttena sammāpaṭipajjanena mayhaṃ samaṇā piyāyitabbāti attho.

    ตีณิ ปาปสฺส มูลานีติ โลภโทสโมหสงฺขาตานิ อกุสลสฺส ตีณิ มูลานิฯ ธุนนฺตีติ นิคฺฆาเตนฺติ, ปชหนฺตีติ อโตฺถฯ สุจิการิโนติ อนวชฺชกมฺมการิโนฯ สพฺพํ ปาปํ ปหีเนสนฺติ อคฺคมคฺคาธิคเมน เอสํ สพฺพมฺปิ ปาปํ ปหีนํฯ

    Tīṇi pāpassa mūlānīti lobhadosamohasaṅkhātāni akusalassa tīṇi mūlāni. Dhunantīti nigghātenti, pajahantīti attho. Sucikārinoti anavajjakammakārino. Sabbaṃ pāpaṃ pahīnesanti aggamaggādhigamena esaṃ sabbampi pāpaṃ pahīnaṃ.

    เอวํ ‘‘สมณา สุจิการิโน’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘กายกมฺม’’นฺติ คาถมาหฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Evaṃ ‘‘samaṇā sucikārino’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vibhajitvā dassetuṃ ‘‘kāyakamma’’nti gāthamāha. Taṃ suviññeyyameva.

    วิมลา สงฺขมุตฺตาวาติ สุโธตสงฺขา วิย มุตฺตา วิย จ วิคตมลา ราคาทิมลรหิตาฯ สุทฺธา สนฺตรพาหิราติ สนฺตรญฺจ พาหิรญฺจ สนฺตรพาหิรํฯ ตโต สนฺตรพาหิรโต สุทฺธา, สุทฺธาสยปโยคาติ อโตฺถฯ ปุณฺณา สุกฺกาน ธมฺมานนฺติ เอกนฺตสุเกฺกหิ อนวชฺชธเมฺมหิ ปริปุณฺณา, อเสเขหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตาติ อโตฺถฯ

    Vimalā saṅkhamuttāvāti sudhotasaṅkhā viya muttā viya ca vigatamalā rāgādimalarahitā. Suddhā santarabāhirāti santarañca bāhirañca santarabāhiraṃ. Tato santarabāhirato suddhā, suddhāsayapayogāti attho. Puṇṇā sukkāna dhammānanti ekantasukkehi anavajjadhammehi paripuṇṇā, asekhehi sīlakkhandhādīhi samannāgatāti attho.

    สุตฺตเคยฺยาทิพหุํ สุตํ เอเตสํ, สุเตน วา อุปฺปนฺนาติ พหุสฺสุตา, ปริยตฺติพาหุสเจฺจน ปฎิเวธพาหุสเจฺจน จ สมนฺนาคตาติ อโตฺถฯ ตเมว ทุวิธมฺปิ ธมฺมํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมธราฯ สตฺตานํ อาจารสมาจารสิกฺขาปเทน อรียนฺตีติ อริยาฯ ธเมฺมน ญาเยน ชีวนฺตีติ ธมฺมชีวิโนฯ อตฺถํ ธมฺมญฺจ เทเสนฺตีติ ภาสิตตฺถญฺจ เทสนาธมฺมญฺจ กเถนฺติ ปกาเสนฺติฯ อถ วา อตฺถโต อนเปตํ ธมฺมโต อนเปตญฺจ เทเสนฺติ อาจิกฺขนฺติฯ

    Suttageyyādibahuṃ sutaṃ etesaṃ, sutena vā uppannāti bahussutā, pariyattibāhusaccena paṭivedhabāhusaccena ca samannāgatāti attho. Tameva duvidhampi dhammaṃ dhārentīti dhammadharā. Sattānaṃ ācārasamācārasikkhāpadena arīyantīti ariyā. Dhammena ñāyena jīvantīti dhammajīvino. Atthaṃ dhammañca desentīti bhāsitatthañca desanādhammañca kathenti pakāsenti. Atha vā atthato anapetaṃ dhammato anapetañca desenti ācikkhanti.

    เอกคฺคจิตฺตาติ สมาหิตจิตฺตาฯ สติมโนฺตติ อุปฎฺฐิตสติโนฯ

    Ekaggacittāti samāhitacittā. Satimantoti upaṭṭhitasatino.

    ทูรงฺคมาติ อรญฺญคตา, มนุสฺสูปจารํ มุญฺจิตฺวา ทูรํ คจฺฉนฺตา, อิทฺธานุภาเวน วา ยถารุจิตํ ทูรํ ฐานํ คจฺฉนฺตีติ ทูรงฺคมาฯ มนฺตา วุจฺจติ ปญฺญา, ตาย ภณนสีลตาย มนฺตภาณีฯ น อุทฺธตาติ อนุทฺธตา, อุทฺธจฺจรหิตา วูปสนฺตจิตฺตาฯ ทุกฺขสฺสนฺตํ ปชานนฺตีติ วฎฺฎทุกฺขสฺส ปริยนฺตภูตํ นิพฺพานํ ปฎิวิชฺฌนฺติฯ

    Dūraṅgamāti araññagatā, manussūpacāraṃ muñcitvā dūraṃ gacchantā, iddhānubhāvena vā yathārucitaṃ dūraṃ ṭhānaṃ gacchantīti dūraṅgamā. Mantā vuccati paññā, tāya bhaṇanasīlatāya mantabhāṇī. Na uddhatāti anuddhatā, uddhaccarahitā vūpasantacittā. Dukkhassantaṃ pajānantīti vaṭṭadukkhassa pariyantabhūtaṃ nibbānaṃ paṭivijjhanti.

    น วิโลเกนฺติ กิญฺจนนฺติ ยโต คามโต ปกฺกมนฺติ, ตสฺมิํ คาเม กญฺจิ สตฺตํ วา สงฺขารํ วา อเปกฺขาวเสน น โอโลเกนฺติ, อถ โข ปน อนเปกฺขาว คจฺฉนฺติ ปกฺกมนฺติฯ

    Na vilokenti kiñcananti yato gāmato pakkamanti, tasmiṃ gāme kañci sattaṃ vā saṅkhāraṃ vā apekkhāvasena na olokenti, atha kho pana anapekkhāva gacchanti pakkamanti.

    น เต สํ โกเฎฺฐ โอเปนฺตีติ เต สมณา สํ อตฺตโน สนฺตกํ สาปเตยฺยํ โกเฎฺฐ น โอเปนฺติ น ปฎิสาเมตฺวา ฐเปนฺติ ตาทิสสฺส ปริคฺคหสฺส อภาวโตฯ กุมฺภินฺติ กุมฺภิยํฯ ขโฬปิยนฺติ ปจฺฉิยํฯ ปรินิฎฺฐิตเมสานาติ ปรกุเลสุ ปเรสํ อตฺถาย สิทฺธเมว ฆาสํ ปริเยสนฺตาฯ

    Na te saṃ koṭṭhe opentīti te samaṇā saṃ attano santakaṃ sāpateyyaṃ koṭṭhe na openti na paṭisāmetvā ṭhapenti tādisassa pariggahassa abhāvato. Kumbhinti kumbhiyaṃ. Khaḷopiyanti pacchiyaṃ. Pariniṭṭhitamesānāti parakulesu paresaṃ atthāya siddhameva ghāsaṃ pariyesantā.

    หิรญฺญนฺติ กหาปณํฯ รูปิยนฺติ รชตํฯ ปจฺจุปฺปเนฺนน ยาเปนฺตีติ อตีตํ อนนุโสจนฺตา อนาคตญฺจ อปจฺจาสีสนฺตา ปจฺจุปฺปเนฺนน ยาเปนฺติ อตฺตภาวํ ปวเตฺตนฺติฯ

    Hiraññanti kahāpaṇaṃ. Rūpiyanti rajataṃ. Paccuppannena yāpentīti atītaṃ ananusocantā anāgatañca apaccāsīsantā paccuppannena yāpenti attabhāvaṃ pavattenti.

    อญฺญมญฺญํ ปิหยนฺตีติ อญฺญมญฺญสฺมิํ เมตฺติํ กโรนฺติฯ ‘‘ปิหายนฺติ’’ปิ ปาโฐ, โส เอว อโตฺถฯ

    Aññamaññaṃ pihayantīti aññamaññasmiṃ mettiṃ karonti. ‘‘Pihāyanti’’pi pāṭho, so eva attho.

    เอวํ โส พฺราหฺมโณ ธีตุยา สนฺติเก ภิกฺขูนํ คุเณ สุตฺวา ปสนฺนมานโส ธีตรํ ปสํสโนฺต ‘‘อตฺถาย วตา’’ติอาทิมาหฯ

    Evaṃ so brāhmaṇo dhītuyā santike bhikkhūnaṃ guṇe sutvā pasannamānaso dhītaraṃ pasaṃsanto ‘‘atthāya vatā’’tiādimāha.

    อมฺหมฺปีติ อมฺหากมฺปิฯ ทกฺขิณนฺติ เทยฺยธมฺมํฯ

    Amhampīti amhākampi. Dakkhiṇanti deyyadhammaṃ.

    เอตฺถาติ เอเตสุ สมเณสุฯ ยโญฺญติ ทานธโมฺมฯ วิปุโลติ วิปุลผโลฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Etthāti etesu samaṇesu. Yaññoti dānadhammo. Vipuloti vipulaphalo. Sesaṃ vuttanayameva.

    เอวํ พฺราหฺมโณ สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฎฺฐิโต อปรภาเค สญฺชาตสํเวโค ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหเตฺต ปติฎฺฐาย อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทาเนโนฺต ‘‘พฺรหฺมพนฺธู’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ

    Evaṃ brāhmaṇo saraṇesu sīlesu ca patiṭṭhito aparabhāge sañjātasaṃvego pabbajitvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahatte patiṭṭhāya attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānento ‘‘brahmabandhū’’ti gāthamāha. Tassattho heṭṭhā vuttoyeva.

    โรหินีเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Rohinītherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๒. โรหินีเถรีคาถา • 2. Rohinītherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact