Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๗๗] ๗. โรมกชาตกวณฺณนา
[277] 7. Romakajātakavaṇṇanā
วสฺสานิ ปญฺญาส สมาธิกานีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต ภควโต วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิฯ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ อุตฺตานเมวฯ
Vassānipaññāsa samādhikānīti idaṃ satthā veḷuvane viharanto bhagavato vadhāya parisakkanaṃ ārabbha kathesi. Paccuppannavatthu uttānameva.
อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ปาราวโต หุตฺวา พหุปาราวตปริวุโต อรเญฺญ ปพฺพตคุหายํ วาสํ กเปฺปสิฯ อญฺญตโรปิ โข ตาปโส สีลสมฺปโนฺน เตสํ ปาราวตานํ วสนฎฺฐานโต อวิทูเร เอกํ ปจฺจนฺตคามํ อุปนิสฺสาย อสฺสมปทํ มาเปตฺวา ปพฺพตคุหายํ วาสํ กเปฺปสิฯ โพธิสโตฺต อนฺตรนฺตรา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา โสตพฺพยุตฺตกํ สุณาติฯ ตาปโส ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา ปกฺกามิ, อถโญฺญ กูฎชฎิโล อาคนฺตฺวา ตตฺถ วาสํ กเปฺปสิฯ โพธิสโตฺต ปาราวตปริวุโต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา อสฺสมปเท วิจริตฺวา คิริกนฺทรสมีเป โคจรํ คเหตฺวา สายํ อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คจฺฉติฯ กูฎตาปโส ตตฺถ อติเรกปณฺณาสวสฺสานิ วสิฯ
Atīte pana bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto pārāvato hutvā bahupārāvataparivuto araññe pabbataguhāyaṃ vāsaṃ kappesi. Aññataropi kho tāpaso sīlasampanno tesaṃ pārāvatānaṃ vasanaṭṭhānato avidūre ekaṃ paccantagāmaṃ upanissāya assamapadaṃ māpetvā pabbataguhāyaṃ vāsaṃ kappesi. Bodhisatto antarantarā tassa santikaṃ āgantvā sotabbayuttakaṃ suṇāti. Tāpaso tattha ciraṃ vasitvā pakkāmi, athañño kūṭajaṭilo āgantvā tattha vāsaṃ kappesi. Bodhisatto pārāvataparivuto taṃ upasaṅkamitvā vanditvā paṭisanthāraṃ katvā assamapade vicaritvā girikandarasamīpe gocaraṃ gahetvā sāyaṃ attano vasanaṭṭhānaṃ gacchati. Kūṭatāpaso tattha atirekapaṇṇāsavassāni vasi.
อถสฺส เอกทิวสํ ปจฺจนฺตคามวาสิโน มนุสฺสา ปาราวตมํสํ อภิสงฺขริตฺวา อทํสุฯ โส ตตฺถ รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ‘‘กิํ มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปาราวตมํส’’นฺติ สุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘มยฺหํ อสฺสมปทํ พหู ปาราวตา อาคจฺฉนฺติ, เต มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส ตณฺฑุลสปฺปิทธิขีรมริจาทีนิ อาหริตฺวา เอกมเนฺต ฐเปตฺวา มุคฺครํ จีวรกเณฺณน ปฎิจฺฉาเทตฺวา ปาราวตานํ อาคมนํ โอโลเกโนฺต ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิฯ โพธิสโตฺต ปาราวตปริวุโต อาคนฺตฺวา ตสฺส กูฎชฎิลสฺส ทุฎฺฐกิริยํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ทุฎฺฐตาปโส อเญฺญนากาเรน นิสิโนฺน, กจฺจิ นุ โข อมฺหากํ สมานชาตีนํ มํสํ ขาทิ, ปริคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ อนุวาเต ฐตฺวา ตสฺส สรีรคนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘อยํ อเมฺห มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุกาโม, น ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ ปาราวเต อาทาย ปฎิกฺกมิตฺวา จริฯ ตาปโส ตํ อนาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มธุรกถํ เตหิ สทฺธิํ กเถตฺวา วิสฺสาเสน อุปคเต มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ปุริมา เทฺว คาถา อโวจ –
Athassa ekadivasaṃ paccantagāmavāsino manussā pārāvatamaṃsaṃ abhisaṅkharitvā adaṃsu. So tattha rasataṇhāya bajjhitvā ‘‘kiṃ maṃsaṃ nāmeta’’nti pucchitvā ‘‘pārāvatamaṃsa’’nti sutvā cintesi – ‘‘mayhaṃ assamapadaṃ bahū pārāvatā āgacchanti, te māretvā maṃsaṃ khādituṃ vaṭṭatī’’ti. So taṇḍulasappidadhikhīramaricādīni āharitvā ekamante ṭhapetvā muggaraṃ cīvarakaṇṇena paṭicchādetvā pārāvatānaṃ āgamanaṃ olokento paṇṇasāladvāre nisīdi. Bodhisatto pārāvataparivuto āgantvā tassa kūṭajaṭilassa duṭṭhakiriyaṃ oloketvā ‘‘ayaṃ duṭṭhatāpaso aññenākārena nisinno, kacci nu kho amhākaṃ samānajātīnaṃ maṃsaṃ khādi, parigaṇhissāmi na’’nti anuvāte ṭhatvā tassa sarīragandhaṃ ghāyitvā ‘‘ayaṃ amhe māretvā maṃsaṃ khāditukāmo, na tassa santikaṃ gantuṃ vaṭṭatī’’ti pārāvate ādāya paṭikkamitvā cari. Tāpaso taṃ anāgacchantaṃ disvā ‘‘madhurakathaṃ tehi saddhiṃ kathetvā vissāsena upagate māretvā maṃsaṃ khādituṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā purimā dve gāthā avoca –
๗๙.
79.
‘‘วสฺสานิ ปญฺญาส สมาธิกานิ, วสิมฺห เสลสฺส คุหาย โรมก;
‘‘Vassāni paññāsa samādhikāni, vasimha selassa guhāya romaka;
อสงฺกมานา อภินิพฺพุตตฺตา, หตฺถตฺตมายนฺติ มมณฺฑชา ปุเรฯ
Asaṅkamānā abhinibbutattā, hatthattamāyanti mamaṇḍajā pure.
๘๐.
80.
‘‘เตทานิ วกฺกงฺค กิมตฺถมุสฺสุกา, ภชนฺติ อญฺญํ คิริกนฺทรํ ทิชา;
‘‘Tedāni vakkaṅga kimatthamussukā, bhajanti aññaṃ girikandaraṃ dijā;
น นูน มญฺญนฺติ มมํ ยถา ปุเร, จิรปฺปวุตฺถา อถ วา น เต อิเม’’ติฯ
Na nūna maññanti mamaṃ yathā pure, cirappavutthā atha vā na te ime’’ti.
ตตฺถ สมาธิกานีติ สมอธิกานิฯ โรมกาติ รุมาย อุปฺปนฺน, สุโธตปวาเฬน สมานวณฺณเนตฺตปาทตาย โพธิสตฺตํ ปาราวตํ อาลปติฯ อสงฺกมานาติ เอวํ อติเรกปญฺญาสวสฺสานิ อิมิสฺสา ปพฺพตคุหาย วสเนฺตสุ อเมฺหสุ เอเต อณฺฑชา เอกทิวสมฺปิ มยิ อาสงฺกํ อกตฺวา อภินิพฺพุตจิตฺตาว หุตฺวา ปุเพฺพ มม หตฺถตฺตํ หตฺถปฺปสารโณกาสํ อาคจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha samādhikānīti samaadhikāni. Romakāti rumāya uppanna, sudhotapavāḷena samānavaṇṇanettapādatāya bodhisattaṃ pārāvataṃ ālapati. Asaṅkamānāti evaṃ atirekapaññāsavassāni imissā pabbataguhāya vasantesu amhesu ete aṇḍajā ekadivasampi mayi āsaṅkaṃ akatvā abhinibbutacittāva hutvā pubbe mama hatthattaṃ hatthappasāraṇokāsaṃ āgacchantīti attho.
เตทานีติ เต อิทานิฯ วกฺกงฺคาติ โพธิสตฺตํ อาลปติ, สเพฺพปิ ปน ปกฺขิโน อุปฺปตนกาเล คีวํ วกฺกํ กตฺวา อุปฺปตนโต ‘‘วกฺกงฺคา’’ติ วุจฺจนฺติฯ กิมตฺถนฺติ กิํการณํ สมฺปสฺสมานา? อุสฺสุกาติ อุกฺกณฺฐิตรูปา หุตฺวาฯ คิริกนฺทรนฺติ คิริโต อญฺญํ ปพฺพตกนฺทรํฯ ยถา ปุเรติ ยถา ปุเพฺพ เอเต ปกฺขิโน มํ ครุํ กตฺวา ปิยํ กตฺวา มญฺญนฺติ, ตถา อิทานิ น นูน มญฺญนฺติ, ปุเพฺพ อิธ นิวุตฺถตาปโส อโญฺญ, อยํ อโญฺญ, เอวํ มเญฺญ เอเต มํ มญฺญนฺตีติ ทีเปติฯ จิรปฺปวุตฺถา อถ วา น เต อิเมติ กิํ นุ โข อิเม จิรํ วิปฺปวสิตฺวา ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน อาคตตฺตา มํ ‘‘โสเยว อย’’นฺติ น สญฺชานนฺติ, อุทาหุ เย อเมฺหสุ อภินิพฺพุตจิตฺตา, น เต อิเม, อเญฺญว อาคนฺตุกปกฺขิโน, อิเม เกน มํ น อุปสงฺกมนฺตีติ ปุจฺฉติฯ
Tedānīti te idāni. Vakkaṅgāti bodhisattaṃ ālapati, sabbepi pana pakkhino uppatanakāle gīvaṃ vakkaṃ katvā uppatanato ‘‘vakkaṅgā’’ti vuccanti. Kimatthanti kiṃkāraṇaṃ sampassamānā? Ussukāti ukkaṇṭhitarūpā hutvā. Girikandaranti girito aññaṃ pabbatakandaraṃ. Yathā pureti yathā pubbe ete pakkhino maṃ garuṃ katvā piyaṃ katvā maññanti, tathā idāni na nūna maññanti, pubbe idha nivutthatāpaso añño, ayaṃ añño, evaṃ maññe ete maṃ maññantīti dīpeti. Cirappavutthā atha vā na te imeti kiṃ nu kho ime ciraṃ vippavasitvā dīghassa addhuno accayena āgatattā maṃ ‘‘soyeva aya’’nti na sañjānanti, udāhu ye amhesu abhinibbutacittā, na te ime, aññeva āgantukapakkhino, ime kena maṃ na upasaṅkamantīti pucchati.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ปกฺกมิตฺวา ฐิโตว ตติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā bodhisatto pakkamitvā ṭhitova tatiyaṃ gāthamāha –
๘๑.
81.
‘‘ชานาม ตํ น มยํ สมฺปมูฬฺหา, โสเยว ตฺวํ เต มยมสฺม นาเญฺญ;
‘‘Jānāma taṃ na mayaṃ sampamūḷhā, soyeva tvaṃ te mayamasma nāññe;
จิตฺตญฺจ เต อสฺมิํ ชเน ปทุฎฺฐํ, อาชีวิกา เตน ตมุตฺตสามา’’ติฯ
Cittañca te asmiṃ jane paduṭṭhaṃ, ājīvikā tena tamuttasāmā’’ti.
ตตฺถ น มยํ สมฺปมูฬฺหาติ มยํ มูฬฺหา ปมตฺตา น โหมฯ จิตฺตญฺจ เต อสฺมิํ ชเน ปทุฎฺฐนฺติ ตฺวํ, โสเยว มยมฺปิ เตเยว, น ตํ สญฺชานาม, อปิจ โข ปน ตว จิตฺตํ อสฺมิํ ชเน ปทุฎฺฐํ อเมฺห มาเรตุํ อุปฺปนฺนํฯ อาชีวิกาติ อาชีวเหตุ ปพฺพชิต ปทุฎฺฐตาปสฯ เตน ตมุตฺตสามาติ เตน การเณน ตํ อุตฺตสาม ภายาม น อุปสงฺกมามฯ
Tattha na mayaṃ sampamūḷhāti mayaṃ mūḷhā pamattā na homa. Cittañca te asmiṃ jane paduṭṭhanti tvaṃ, soyeva mayampi teyeva, na taṃ sañjānāma, apica kho pana tava cittaṃ asmiṃ jane paduṭṭhaṃ amhe māretuṃ uppannaṃ. Ājīvikāti ājīvahetu pabbajita paduṭṭhatāpasa. Tena tamuttasāmāti tena kāraṇena taṃ uttasāma bhāyāma na upasaṅkamāma.
กูฎตาปโส ‘‘ญาโต อหํ อิเมหี’’ติ มุคฺครํ ขิปิตฺวา วิรชฺฌิตฺวา ‘‘คจฺฉ ตาว ตฺวํ วิรโทฺธมฺหี’’ติ อาหฯ อถ นํ โพธิสโตฺต ‘‘มํ ตาว วิรโทฺธสิ, จตฺตาโร ปน อปาเย น วิรชฺฌสิฯ สเจ อิธ วสิสฺสสิ, คามวาสีนํ ‘โจโร อย’นฺติ อาจิกฺขิตฺวา ตํ คาหาเปสฺสามิ สีฆํ ปลายสฺสู’’ติ ตํ ตเชฺชตฺวา ปกฺกามิฯ กูฎชฎิโล ตตฺถ วสิตุํ นาสกฺขิ, อญฺญตฺถ อคมาสิฯ
Kūṭatāpaso ‘‘ñāto ahaṃ imehī’’ti muggaraṃ khipitvā virajjhitvā ‘‘gaccha tāva tvaṃ viraddhomhī’’ti āha. Atha naṃ bodhisatto ‘‘maṃ tāva viraddhosi, cattāro pana apāye na virajjhasi. Sace idha vasissasi, gāmavāsīnaṃ ‘coro aya’nti ācikkhitvā taṃ gāhāpessāmi sīghaṃ palāyassū’’ti taṃ tajjetvā pakkāmi. Kūṭajaṭilo tattha vasituṃ nāsakkhi, aññattha agamāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฎตาปโส เทวทโตฺต อโหสิ, ปุริโม สีลวนฺตตาปโส สาริปุโตฺต, ปาราวตเชฎฺฐโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kūṭatāpaso devadatto ahosi, purimo sīlavantatāpaso sāriputto, pārāvatajeṭṭhako pana ahameva ahosi’’nti.
โรมกชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ
Romakajātakavaṇṇanā sattamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๗๗. โรมกชาตกํ • 277. Romakajātakaṃ