Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๗๔] ๔. รุกฺขธมฺมชาตกวณฺณนา
[74] 4. Rukkhadhammajātakavaṇṇanā
สาธู สมฺพหุลา ญาตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุทกกลเห อตฺตโน ญาตกานํ มหาวินาสํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ ญตฺวา อากาเสน คนฺตฺวา โรหิณีนทิยา อุปริ ปลฺลเงฺกน นิสีทิตฺวา นีลรํสิํ วิสฺสเชฺชตฺวา ญาตเก สํเวเชตฺวา อากาสา โอรุยฺห นทีตีเร นิสิโนฺน ตํ กลหํ อารพฺภ กเถสิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติฯ ตทา ปน สตฺถา ญาตเก อามเนฺตตฺวา ‘‘มหาราชา , ตุเมฺห ญาตกา, ญาตเกหิ นาม สมเคฺคหิ สโมฺมทมาเนหิ ภวิตุํ วฎฺฎติฯ ญาตกานญฺหิ สามคฺคิยา สติ ปจฺจามิตฺตา โอกาสํ น ลภนฺติ, ติฎฺฐนฺตุ ตาว มนุสฺสภูตา, อเจตนานํ รุกฺขานมฺปิ สามคฺคิํ ลทฺธุํ วฎฺฎติฯ อตีตสฺมิญฺหิ หิมวนฺตปฺปเทเส มหาวาโต สาลวนํ ปหริ, ตสฺส ปน สาลวนสฺส อญฺญมญฺญํ รุกฺขคจฺฉคุมฺพลตาหิ สมฺพนฺธตฺตา เอกรุกฺขมฺปิ ปาเตตุํ อสโกฺกโนฺต มตฺถกมตฺถเกเนว อคมาสิฯ เอกํ ปน องฺคเณ ฐิตํ สาขาวิฎปสมฺปนฺนมฺปิ มหารุกฺขํ อเญฺญหิ รุเกฺขหิ อสมฺพนฺธตฺตา อุมฺมูเลตฺวา ภูมิยํ ปาเตสิ, อิมินา การเณน ตุเมฺหหิปิ สมเคฺคหิ สโมฺมทมาเนหิ ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Sādhūsambahulā ñātīti idaṃ satthā jetavane viharanto udakakalahe attano ñātakānaṃ mahāvināsaṃ paccupaṭṭhitaṃ ñatvā ākāsena gantvā rohiṇīnadiyā upari pallaṅkena nisīditvā nīlaraṃsiṃ vissajjetvā ñātake saṃvejetvā ākāsā oruyha nadītīre nisinno taṃ kalahaṃ ārabbha kathesi. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana kuṇālajātake (jā. 2.21.kuṇālajātaka) āvi bhavissati. Tadā pana satthā ñātake āmantetvā ‘‘mahārājā , tumhe ñātakā, ñātakehi nāma samaggehi sammodamānehi bhavituṃ vaṭṭati. Ñātakānañhi sāmaggiyā sati paccāmittā okāsaṃ na labhanti, tiṭṭhantu tāva manussabhūtā, acetanānaṃ rukkhānampi sāmaggiṃ laddhuṃ vaṭṭati. Atītasmiñhi himavantappadese mahāvāto sālavanaṃ pahari, tassa pana sālavanassa aññamaññaṃ rukkhagacchagumbalatāhi sambandhattā ekarukkhampi pātetuṃ asakkonto matthakamatthakeneva agamāsi. Ekaṃ pana aṅgaṇe ṭhitaṃ sākhāviṭapasampannampi mahārukkhaṃ aññehi rukkhehi asambandhattā ummūletvā bhūmiyaṃ pātesi, iminā kāraṇena tumhehipi samaggehi sammodamānehi bhavituṃ vaṭṭatī’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต ปฐมํ อุปฺปโนฺน เวสฺสวโณ มหาราชา จวิ, สโกฺก อญฺญํ เวสฺสวณํ ฐเปสิฯ เอตสฺมิํ เวสฺสวเณ ปริวเตฺต ปจฺฉา นิพฺพตฺตเวสฺสวโณ ‘‘รุกฺขคจฺฉคุมฺพลตานํ อตฺตโน อตฺตโน รุจฺจนฎฺฐาเน วิมานํ คณฺหนฺตู’’ติ สาสนํ เปเสสิฯ ตทา โพธิสโตฺต หิมวนฺตปฺปเทเส เอกสฺมิํ สาลวเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โส ญาตเก อาห ‘‘ตุเมฺห วิมานานิ คณฺหนฺตา องฺคเณ ฐิตรุเกฺขสุ มา คณฺหถ, อิมสฺมิํ ปน สาลวเน มยา คหิตวิมานํ ปริวาเรตฺวา ฐิตวิมานานิ คณฺหถา’’ติฯ ตตฺถ โพธิสตฺตสฺส วจนกรา ปณฺฑิตเทวตา โพธิสตฺตสฺส วิมานํ ปริวาเรตฺวา ฐิตวิมานานิ คณฺหิํสุฯ อปณฺฑิตา ปน เทวตา ‘‘กิํ อมฺหากํ อโตฺถ อรญฺญวิมาเนหิ, มยํ มนุสฺสปเถ คามนิคมราชธานิทฺวาเรสุ วิมานานิ คณฺหิสฺสามฯ คามาทโย หิ อุปนิสฺสาย วสมานา เทวตา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา โหนฺตี’’ติ มนุสฺสปเถ องฺคณฎฺฐาเน นิพฺพตฺตมหารุเกฺขสุ วิมานานิ คณฺหิํสุฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente paṭhamaṃ uppanno vessavaṇo mahārājā cavi, sakko aññaṃ vessavaṇaṃ ṭhapesi. Etasmiṃ vessavaṇe parivatte pacchā nibbattavessavaṇo ‘‘rukkhagacchagumbalatānaṃ attano attano ruccanaṭṭhāne vimānaṃ gaṇhantū’’ti sāsanaṃ pesesi. Tadā bodhisatto himavantappadese ekasmiṃ sālavane rukkhadevatā hutvā nibbatti. So ñātake āha ‘‘tumhe vimānāni gaṇhantā aṅgaṇe ṭhitarukkhesu mā gaṇhatha, imasmiṃ pana sālavane mayā gahitavimānaṃ parivāretvā ṭhitavimānāni gaṇhathā’’ti. Tattha bodhisattassa vacanakarā paṇḍitadevatā bodhisattassa vimānaṃ parivāretvā ṭhitavimānāni gaṇhiṃsu. Apaṇḍitā pana devatā ‘‘kiṃ amhākaṃ attho araññavimānehi, mayaṃ manussapathe gāmanigamarājadhānidvāresu vimānāni gaṇhissāma. Gāmādayo hi upanissāya vasamānā devatā lābhaggayasaggappattā hontī’’ti manussapathe aṅgaṇaṭṭhāne nibbattamahārukkhesu vimānāni gaṇhiṃsu.
อเถกสฺมิํ ทิวเส มหตี วาตวุฎฺฐิ อุปฺปชฺชิฯ วาตสฺส อติพลวตาย ทฬฺหมูลา วนเชฎฺฐกรุกฺขาปิ สํภคฺคสาขาวิฎปา สมูลา นิปติํสุฯ ตํ ปน อญฺญมญฺญํ สมฺพนฺธเนน ฐิตํ สาลวนํ ปตฺวา อิโต จิโต จ ปหรโนฺต เอกรุกฺขมฺปิ ปาเตตุํ นาสกฺขิฯ ภคฺควิมานา เทวตา นิปฺปฎิสรณา ทารเก หเตฺถสุ คเหตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปวตฺติํ สาลวนเทวตานํ กถยิํสุฯ ตา ตาสํ เอวํ อาคตภาวํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํฯ โพธิสโตฺต ‘‘ปณฺฑิตานํ วจนํ อคฺคเหตฺวา นิปฺปจฺจยฎฺฐานํ คตา นาม เอวรูปาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสโนฺต อิมํ คาถมาห –
Athekasmiṃ divase mahatī vātavuṭṭhi uppajji. Vātassa atibalavatāya daḷhamūlā vanajeṭṭhakarukkhāpi saṃbhaggasākhāviṭapā samūlā nipatiṃsu. Taṃ pana aññamaññaṃ sambandhanena ṭhitaṃ sālavanaṃ patvā ito cito ca paharanto ekarukkhampi pātetuṃ nāsakkhi. Bhaggavimānā devatā nippaṭisaraṇā dārake hatthesu gahetvā himavantaṃ gantvā attano pavattiṃ sālavanadevatānaṃ kathayiṃsu. Tā tāsaṃ evaṃ āgatabhāvaṃ bodhisattassa ārocesuṃ. Bodhisatto ‘‘paṇḍitānaṃ vacanaṃ aggahetvā nippaccayaṭṭhānaṃ gatā nāma evarūpāva hontī’’ti vatvā dhammaṃ desento imaṃ gāthamāha –
๗๔.
74.
‘‘สาธู สมฺพหุลา ญาตี, อปิ รุกฺขา อรญฺญชา;
‘‘Sādhū sambahulā ñātī, api rukkhā araññajā;
วาโต วหติ เอกฎฺฐํ, พฺรหนฺตมฺปิ วนปฺปติ’’นฺติฯ
Vāto vahati ekaṭṭhaṃ, brahantampi vanappati’’nti.
ตตฺถ สมฺพหุลา ญาตีติ จตฺตาโร อุปาทาย ตตุตฺตริ สตสหสฺสมฺปิ สมฺพหุลา นาม, เอวํ สมฺพหุลา อญฺญมญฺญํ นิสฺสาย วสนฺตา ญาตกาฯ สาธูติ โสภนา ปสตฺถา, ปเรหิ อปฺปธํสิยาติ อโตฺถฯ อปิ รุกฺขา อรญฺญชาติ ติฎฺฐนฺตุ มนุสฺสภูตา, อรเญฺญ ชาตรุกฺขาปิ สมฺพหุลา อญฺญมญฺญูปตฺถเมฺภน ฐิตา สาธุเยวฯ รุกฺขานมฺปิ หิ สปจฺจยภาโว ลทฺธุํ วฎฺฎติฯ วาโต วหติ เอกฎฺฐนฺติ ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต วายโนฺต องฺคณฎฺฐาเน ฐิตํ เอกฎฺฐํ เอกกเมว ฐิตํ พฺรหนฺตมฺปิ วนปฺปติํ สาขาวิฎปสมฺปนฺนํ มหารุกฺขมฺปิ วหติ, อุมฺมูเลตฺวา ปาเตตีติ อโตฺถฯ โพธิสโตฺต อิมํ การณํ กเถตฺวา อายุกฺขเย ยถากมฺมํ คโตฯ
Tattha sambahulā ñātīti cattāro upādāya tatuttari satasahassampi sambahulā nāma, evaṃ sambahulā aññamaññaṃ nissāya vasantā ñātakā. Sādhūti sobhanā pasatthā, parehi appadhaṃsiyāti attho. Api rukkhā araññajāti tiṭṭhantu manussabhūtā, araññe jātarukkhāpi sambahulā aññamaññūpatthambhena ṭhitā sādhuyeva. Rukkhānampi hi sapaccayabhāvo laddhuṃ vaṭṭati. Vāto vahati ekaṭṭhanti puratthimādibhedo vāto vāyanto aṅgaṇaṭṭhāne ṭhitaṃ ekaṭṭhaṃ ekakameva ṭhitaṃ brahantampi vanappatiṃ sākhāviṭapasampannaṃ mahārukkhampi vahati, ummūletvā pātetīti attho. Bodhisatto imaṃ kāraṇaṃ kathetvā āyukkhaye yathākammaṃ gato.
สตฺถาปิ ‘‘เอวํ, มหาราชา, ญาตกานํ ตาว สามคฺคิเยว ลทฺธุํ วฎฺฎติ, สมคฺคา สโมฺมทมานา ปิยสํวาสเมว วสถา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวตา พุทฺธปริสา อเหสุํ, ปณฺฑิตเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthāpi ‘‘evaṃ, mahārājā, ñātakānaṃ tāva sāmaggiyeva laddhuṃ vaṭṭati, samaggā sammodamānā piyasaṃvāsameva vasathā’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā devatā buddhaparisā ahesuṃ, paṇḍitadevatā pana ahameva ahosi’’nti.
รุกฺขธมฺมชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Rukkhadhammajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๗๔. รุกฺขธมฺมชาตกํ • 74. Rukkhadhammajātakaṃ