Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    รูปวิภตฺติเอกกนิเทฺทสวณฺณนา

    Rūpavibhattiekakaniddesavaṇṇanā

    ๕๙๔. อิทานิ ตสฺสา อตฺถํ ภาเชตฺวา ทเสฺสตุํ สพฺพํ รูปํ น เหตุเมวาติอาทิ อารทฺธํฯ กสฺมา ปเนตฺถ ‘กตมํ ตํ สพฺพํ รูปํ น เหตู’ติ ปุจฺฉา น กตาติ? เภทาภาวโตฯ ยถา หิ ทุกาทีสุ ‘อุปาทารูป’มฺปิ อตฺถิ ‘โนอุปาทารูป’มฺปิ, เอวมิธ เหตุ น เหตูติปิ สเหตุกมเหตุกนฺติปิ เภโท นตฺถิ, ตสฺมา ปุจฺฉํ อกตฺวาว วิภตฺตํฯ ตตฺถ ‘สพฺพ’นฺติ สกลํ, นิรวเสสํฯ ‘รูป’นฺติ อยมสฺส สีตาทีหิ รุปฺปนภาวทีปโน สามญฺญลกฺขณนิเทฺทโสฯ น เหตุเมวาติ สาธารณเหตุปฎิเกฺขปนิเทฺทโสฯ

    594. Idāni tassā atthaṃ bhājetvā dassetuṃ sabbaṃ rūpaṃ na hetumevātiādi āraddhaṃ. Kasmā panettha ‘katamaṃ taṃ sabbaṃ rūpaṃ na hetū’ti pucchā na katāti? Bhedābhāvato. Yathā hi dukādīsu ‘upādārūpa’mpi atthi ‘noupādārūpa’mpi, evamidha hetu na hetūtipi sahetukamahetukantipi bhedo natthi, tasmā pucchaṃ akatvāva vibhattaṃ. Tattha ‘sabba’nti sakalaṃ, niravasesaṃ. ‘Rūpa’nti ayamassa sītādīhi ruppanabhāvadīpano sāmaññalakkhaṇaniddeso. Na hetumevāti sādhāraṇahetupaṭikkhepaniddeso.

    ตตฺถ เหตุเหตุ ปจฺจยเหตุ อุตฺตมเหตุ สาธารณเหตูติ จตุพฺพิโธ เหตุฯ เตสุ ‘ตโย กุสลเหตู, ตโย อกุสลเหตู, ตโย อพฺยากตเหตู’ติ (ธ. ส. ๑๐๕๙) อยํ ‘เหตุเหตุ’ นามฯ ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขุ, มหาภูตา เหตุ, จตฺตาโร มหาภูตา ปจฺจโย รูปกฺขนฺธสฺส ปญฺญาปนายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๘๕; สํ. นิ. ๓.๘๒) อยํ ‘ปจฺจยเหตุ’ นามฯ ‘‘กุสลากุสลํ อตฺตโน วิปากฎฺฐาเน, อุตฺตมํ อิฎฺฐารมฺมณํ กุสลวิปากฎฺฐาเน, อุตฺตมํ อนิฎฺฐารมฺมณํ อกุสลวิปากฎฺฐาเน’’ติ อยํ ‘อุตฺตมเหตุ’ นามฯ ยถาห – ‘อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ ฐานโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาตี’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘; วิภ. ๘๑๐; ปาฎิ. ม. ๒.๔๔), ‘‘เอเสว เหตุ เอส ปจฺจโย สงฺขารานํ ยทิทํ อวิชฺชา’’ติ อวิชฺชา สงฺขารานํ สาธารณเหตุ หุตฺวา ปจฺจยฎฺฐํ ผรตีติ อยํ ‘สาธารณเหตุ’ นามฯ ยถา หิ ปถวีรโส อาโปรโส จ มธุรสฺสาปิ อมธุรสฺสาปิ ปจฺจโย, เอวํ อวิชฺชา กุสลสงฺขารานมฺปิ อกุสลสงฺขารานมฺปิ สาธารณปจฺจโย โหติฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ ‘เหตุเหตุ’ อธิเปฺปโตฯ อิติ ‘เหตู ธมฺมา น เหตู ธมฺมา’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑) มาติกาย อาคตํ เหตุภาวํ รูปสฺส นิยเมตฺวา ปฎิกฺขิปโนฺต ‘น เหตุเมวา’ติ อาหฯ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ ปฎิเกฺขปนิเทฺทโส จ อปฺปฎิเกฺขปนิเทฺทโส จ เวทิตโพฺพฯ วจนโตฺถ ปน สพฺพปทานํ มาติกาวณฺณนายํ วุโตฺตเยวฯ

    Tattha hetuhetu paccayahetu uttamahetu sādhāraṇahetūti catubbidho hetu. Tesu ‘tayo kusalahetū, tayo akusalahetū, tayo abyākatahetū’ti (dha. sa. 1059) ayaṃ ‘hetuhetu’ nāma. ‘‘Cattāro kho, bhikkhu, mahābhūtā hetu, cattāro mahābhūtā paccayo rūpakkhandhassa paññāpanāyā’’ti (ma. ni. 3.85; saṃ. ni. 3.82) ayaṃ ‘paccayahetu’ nāma. ‘‘Kusalākusalaṃ attano vipākaṭṭhāne, uttamaṃ iṭṭhārammaṇaṃ kusalavipākaṭṭhāne, uttamaṃ aniṭṭhārammaṇaṃ akusalavipākaṭṭhāne’’ti ayaṃ ‘uttamahetu’ nāma. Yathāha – ‘atītānāgatapaccuppannānaṃ kammasamādānānaṃ ṭhānaso hetuso vipākaṃ yathābhūtaṃ pajānātī’ti (ma. ni. 1.148; vibha. 810; pāṭi. ma. 2.44), ‘‘eseva hetu esa paccayo saṅkhārānaṃ yadidaṃ avijjā’’ti avijjā saṅkhārānaṃ sādhāraṇahetu hutvā paccayaṭṭhaṃ pharatīti ayaṃ ‘sādhāraṇahetu’ nāma. Yathā hi pathavīraso āporaso ca madhurassāpi amadhurassāpi paccayo, evaṃ avijjā kusalasaṅkhārānampi akusalasaṅkhārānampi sādhāraṇapaccayo hoti. Imasmiṃ panatthe ‘hetuhetu’ adhippeto. Iti ‘hetū dhammā na hetū dhammā’ti (dha. sa. dukamātikā 1) mātikāya āgataṃ hetubhāvaṃ rūpassa niyametvā paṭikkhipanto ‘na hetumevā’ti āha. Iminā nayena sabbapadesu paṭikkhepaniddeso ca appaṭikkhepaniddeso ca veditabbo. Vacanattho pana sabbapadānaṃ mātikāvaṇṇanāyaṃ vuttoyeva.

    สปฺปจฺจยเมวาติ เอตฺถ ปน กมฺมสมุฎฺฐานํ กมฺมปจฺจยเมว โหติ, อาหารสมุฎฺฐานาทีนิ อาหาราทิปจฺจยาเนวาติ เอวํ รูปเสฺสว วุตฺตจตุปจฺจยวเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ รูปเมวาติ ‘รูปิโน ธมฺมา อรูปิโน ธมฺมา’ติ มาติกาย วุตฺตํ อรูปีภาวํ ปฎิกฺขิปติฯ อุปฺปนฺนํ ฉหิ วิญฺญาเณหีติ ปจฺจุปฺปนฺนรูปเมว จกฺขุวิญฺญาณาทีหิ ฉหิ เวทิตพฺพํฯ นิยาโม ปน จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ สนฺธาย คหิโตฯ น หิ ตานิ อตีตานาคตํ วิชานนฺติฯ มโนวิญฺญาณํ ปน อตีตมฺปิ อนาคตมฺปิ วิชานาติฯ ตํ อิมสฺมิํ ปญฺจวิญฺญาณโสเต ปติตตฺตา โสตปติตเมว หุตฺวา คตํฯ หุตฺวา อภาวเฎฺฐน ปน อนิจฺจเมวฯ ชราย อภิภวิตพฺพธมฺมกตฺตา ชราภิภูตเมวฯ ยสฺมา วา รูปกาเย ชรา ปากฎา โหติ, ตสฺมาปิ ‘ชราภิภูตเมวา’ติ วุตฺตํฯ

    Sappaccayamevāti ettha pana kammasamuṭṭhānaṃ kammapaccayameva hoti, āhārasamuṭṭhānādīni āhārādipaccayānevāti evaṃ rūpasseva vuttacatupaccayavasena attho veditabbo. Rūpamevāti ‘rūpino dhammā arūpino dhammā’ti mātikāya vuttaṃ arūpībhāvaṃ paṭikkhipati. Uppannaṃ chahi viññāṇehīti paccuppannarūpameva cakkhuviññāṇādīhi chahi veditabbaṃ. Niyāmo pana cakkhuviññāṇādīni sandhāya gahito. Na hi tāni atītānāgataṃ vijānanti. Manoviññāṇaṃ pana atītampi anāgatampi vijānāti. Taṃ imasmiṃ pañcaviññāṇasote patitattā sotapatitameva hutvā gataṃ. Hutvā abhāvaṭṭhena pana aniccameva. Jarāya abhibhavitabbadhammakattā jarābhibhūtameva. Yasmā vā rūpakāye jarā pākaṭā hoti, tasmāpi ‘jarābhibhūtamevā’ti vuttaṃ.

    เอวํ เอกวิเธน รูปสงฺคโหติ เอตฺถ ‘วิธา’-สโทฺท มานสณฺฐานโกฎฺฐาเสสุ ทิสฺสติฯ ‘‘เสโยฺยหมสฺมีติ วิธา, สทิโสหมสฺมีติ วิธา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๙๖๒) หิ มาโน วิธา นามฯ ‘‘กถํวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ, กถํวิธํ ปญฺญวนฺตํ วทนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๕) สณฺฐานํฯ ‘กถํวิธ’นฺติ หิ ปทสฺส กถํสณฺฐานนฺติ อโตฺถฯ ‘‘เอกวิเธน ญาณวตฺถุํ ทุวิเธน ญาณวตฺถู’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๕๑-๗๕๒) โกฎฺฐาโส วิธา นามฯ อิธาปิ โกฎฺฐาโสว อธิเปฺปโตฯ

    Evaṃ ekavidhena rūpasaṅgahoti ettha ‘vidhā’-saddo mānasaṇṭhānakoṭṭhāsesu dissati. ‘‘Seyyohamasmīti vidhā, sadisohamasmīti vidhā’’tiādīsu (vibha. 962) hi māno vidhā nāma. ‘‘Kathaṃvidhaṃ sīlavantaṃ vadanti, kathaṃvidhaṃ paññavantaṃ vadantī’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.95) saṇṭhānaṃ. ‘Kathaṃvidha’nti hi padassa kathaṃsaṇṭhānanti attho. ‘‘Ekavidhena ñāṇavatthuṃ duvidhena ñāṇavatthū’’tiādīsu (vibha. 751-752) koṭṭhāso vidhā nāma. Idhāpi koṭṭhāsova adhippeto.

    สงฺคหสโทฺทปิ สชาติสญฺชาติกิริยาคณนวเสน จตุพฺพิโธฯ ตตฺถ ‘‘สเพฺพ ขตฺติยา อาคจฺฉนฺตุ, สเพฺพ พฺราหฺมณา สเพฺพ เวสฺสา สเพฺพ สุทฺทา อาคจฺฉนฺตุ’’, ‘‘ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาวาจา, โย จ สมฺมากมฺมโนฺต, โย จ สมฺมาอาชีโว – อิเม ธมฺมา สีลกฺขเนฺธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) อยํ ‘สชาติสงฺคโห’ นามฯ ‘เอกชาติกา อาคจฺฉนฺตู’ติ วุตฺตฎฺฐาเน วิย หิ อิธ สเพฺพ ชาติยา เอกสงฺคหํ คตาฯ ‘‘สเพฺพ โกสลกา อาคจฺฉนฺตุ, สเพฺพ มาคธกา, สเพฺพ ภารุกจฺฉกา อาคจฺฉนฺตุ’’, ‘‘โย จาวุโส วิสาข, สมฺมาวายาโม, ยา จ สมฺมาสติ, โย จ สมฺมาสมาธิ – อิเม ธมฺมา สมาธิกฺขเนฺธ สงฺคหิตา’’ติ อยํ ‘สญฺชาติสงฺคโห’ นามฯ เอกฎฺฐาเน ชาตา สํวุทฺธา อาคจฺฉนฺตูติ วุตฺตฎฺฐาเน วิย หิ อิธ สเพฺพ สญฺชาติฎฺฐาเนน นิวุโตฺถกาเสน เอกสงฺคหํ คตาฯ ‘‘สเพฺพ หตฺถาโรหา อาคจฺฉนฺตุ, สเพฺพ อสฺสาโรหา, สเพฺพ รถิกา อาคจฺฉนฺตุ’’, ‘‘ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาทิฎฺฐิ, โย จ สมฺมาสงฺกโปฺป – อิเม ธมฺมา ปญฺญากฺขเนฺธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) อยํ ‘กิริยาสงฺคโห’ นามฯ สเพฺพว เหเต อตฺตโน กิริยากรเณน เอกสงฺคหํ คตาฯ ‘‘จกฺขายตนํ กตมกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติ? จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติฯ หญฺจิ จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติ, เตน วต เร วตฺตเพฺพ – จกฺขายตนํ รูปกฺขเนฺธน สงฺคหิต’’นฺติ (กถา. ๔๗๑), อยํ ‘คณนสงฺคโห’ นามฯ อยมิธ อธิเปฺปโตฯ เอกโกฎฺฐาเสน รูปคณนาติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ

    Saṅgahasaddopi sajātisañjātikiriyāgaṇanavasena catubbidho. Tattha ‘‘sabbe khattiyā āgacchantu, sabbe brāhmaṇā sabbe vessā sabbe suddā āgacchantu’’, ‘‘yā cāvuso visākha, sammāvācā, yo ca sammākammanto, yo ca sammāājīvo – ime dhammā sīlakkhandhe saṅgahitā’’ti (ma. ni. 1.462) ayaṃ ‘sajātisaṅgaho’ nāma. ‘Ekajātikā āgacchantū’ti vuttaṭṭhāne viya hi idha sabbe jātiyā ekasaṅgahaṃ gatā. ‘‘Sabbe kosalakā āgacchantu, sabbe māgadhakā, sabbe bhārukacchakā āgacchantu’’, ‘‘yo cāvuso visākha, sammāvāyāmo, yā ca sammāsati, yo ca sammāsamādhi – ime dhammā samādhikkhandhe saṅgahitā’’ti ayaṃ ‘sañjātisaṅgaho’ nāma. Ekaṭṭhāne jātā saṃvuddhā āgacchantūti vuttaṭṭhāne viya hi idha sabbe sañjātiṭṭhānena nivutthokāsena ekasaṅgahaṃ gatā. ‘‘Sabbe hatthārohā āgacchantu, sabbe assārohā, sabbe rathikā āgacchantu’’, ‘‘yā cāvuso visākha, sammādiṭṭhi, yo ca sammāsaṅkappo – ime dhammā paññākkhandhe saṅgahitā’’ti (ma. ni. 1.462) ayaṃ ‘kiriyāsaṅgaho’ nāma. Sabbeva hete attano kiriyākaraṇena ekasaṅgahaṃ gatā. ‘‘Cakkhāyatanaṃ katamakkhandhagaṇanaṃ gacchati? Cakkhāyatanaṃ rūpakkhandhagaṇanaṃ gacchati. Hañci cakkhāyatanaṃ rūpakkhandhagaṇanaṃ gacchati, tena vata re vattabbe – cakkhāyatanaṃ rūpakkhandhena saṅgahita’’nti (kathā. 471), ayaṃ ‘gaṇanasaṅgaho’ nāma. Ayamidha adhippeto. Ekakoṭṭhāsena rūpagaṇanāti ayañhettha attho. Esa nayo sabbattha.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปวิภตฺติ • Rūpavibhatti

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / เอกกนิเทฺทสวณฺณนา • Ekakaniddesavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / เอกกนิเทฺทสวณฺณนา • Ekakaniddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact