Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā

    ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา

    9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā

    ๕๘๗. เตน สมเยนาติ รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ นานปฺปการกนฺติ กตากตาทิวเสน อเนกวิธํฯ รูปิยสํโวหารนฺติ ชาตรูปรชตปริวตฺตนํฯ สมาปชฺชนฺตีติ ปฎิคฺคหณเสฺสว ปฎิกฺขิตตฺตา ปฎิคฺคหิตปริวตฺตเน โทสํ อปสฺสนฺตา กโรนฺติฯ

    587.Tena samayenāti rūpiyasaṃvohārasikkhāpadaṃ. Tattha nānappakārakanti katākatādivasena anekavidhaṃ. Rūpiyasaṃvohāranti jātarūparajataparivattanaṃ. Samāpajjantīti paṭiggahaṇasseva paṭikkhitattā paṭiggahitaparivattane dosaṃ apassantā karonti.

    ๕๘๙. สีสูปคนฺติอาทีสุ สีสํ อุปคจฺฉตีติ สีสูปคํ, โปตฺถเกสุ ปน ‘‘สีสูปก’’นฺติ ลิขิตํ, ยสฺส กสฺสจิ สีสาลงฺการเสฺสตํ อธิวจนํฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ กเตน กตนฺติอาทีสุ สุโทฺธ รูปิยสํโวหาโรเยวฯ

    589.Sīsūpagantiādīsu sīsaṃ upagacchatīti sīsūpagaṃ, potthakesu pana ‘‘sīsūpaka’’nti likhitaṃ, yassa kassaci sīsālaṅkārassetaṃ adhivacanaṃ. Esa nayo sabbattha. Katena katantiādīsu suddho rūpiyasaṃvohāroyeva.

    รูปิเย รูปิยสญฺญีติอาทิมฺหิ ปุริมสิกฺขาปเท วุตฺตวตฺถูสุ นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ เจตาเปนฺตสฺส มูลคฺคหเณ ปุริมสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, อปราปรปริวตฺตเน อิมินา นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยเมวฯ นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุํ วา กปฺปิยวตฺถุํ วา เจตาเปนฺตสฺสปิ เอเสว นโยฯ โย หิ อยํ อรูปิเย รูปิยสญฺญี รูปิยํ เจตาเปตีติอาทิ ทุติโย ติโก วุโตฺต, ตสฺสานุโลมตฺตา อวุโตฺตปิ อยมปโรปิ รูปิเย รูปิยสญฺญี อรูปิยํ เจตาเปตีติอาทิ ติโก เวทิตโพฺพฯ อตฺตโน วา หิ อรูปิเยน ปรสฺส รูปิยํ เจตาเปยฺย อตฺตโน วา รูปิเยน ปรสฺส อรูปิยํ, อุภยถาปิ รูปิยสํโวหาโร กโตเยว โหติ, ตสฺมา ปาฬิยํ เอกเนฺตน รูปิยปเกฺข เอโกเยว ติโก วุโตฺตติฯ

    Rūpiye rūpiyasaññītiādimhi purimasikkhāpade vuttavatthūsu nissaggiyavatthunā nissaggiyavatthuṃ cetāpentassa mūlaggahaṇe purimasikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ, aparāparaparivattane iminā nissaggiyapācittiyameva. Nissaggiyavatthunā dukkaṭavatthuṃ vā kappiyavatthuṃ vā cetāpentassapi eseva nayo. Yo hi ayaṃ arūpiye rūpiyasaññī rūpiyaṃ cetāpetītiādi dutiyo tiko vutto, tassānulomattā avuttopi ayamaparopi rūpiye rūpiyasaññī arūpiyaṃ cetāpetītiādi tiko veditabbo. Attano vā hi arūpiyena parassa rūpiyaṃ cetāpeyya attano vā rūpiyena parassa arūpiyaṃ, ubhayathāpi rūpiyasaṃvohāro katoyeva hoti, tasmā pāḷiyaṃ ekantena rūpiyapakkhe ekoyeva tiko vuttoti.

    ทุกฺกฎวตฺถุนา ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ เจตาเปนฺตสฺส มูลคฺคหเณ ปุริมสิกฺขาปเทน ทุกฺกฎํ, ปจฺฉา ปริวตฺตเน อิมินา นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, ครุกสฺส เจตาปิตตฺตาฯ ทุกฺกฎวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุเมว, กปฺปิยวตฺถุํ วา เจตาเปนฺตสฺส มูลคฺคหเณ ปุริมสิกฺขาปเทน ทุกฺกฎํ, ปจฺฉา ปริวตฺตเนปิ อิมินา ทุกฺกฎเมวฯ กสฺมา? อกปฺปิยวตฺถุนา เจตาปิตตฺตาฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สเจ กยวิกฺกยํ สมาปเชฺชยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ ภาสิตํ, ตํ ทุพฺภาสิตํฯ กสฺมา? น หิ ทานคฺคหณโต อโญฺญ กยวิกฺกโย นาม อตฺถิ, กยวิกฺกยสิกฺขาปทญฺจ กปฺปิยวตฺถุนา กปฺปิยวตฺถุปริวตฺตนเมว สนฺธาย วุตฺตํ, ตญฺจ โข อญฺญตฺร สหธมฺมิเกหิฯ อิทํ สิกฺขาปทํ รูปิเยน จ รูปิยารูปิยเจตาปนํ อรูปิเยน จ รูปิยเจตาปนํฯ ทุกฺกฎวตฺถุนา ปน ทุกฺกฎวตฺถุโน เจตาปนํ เนว อิธ น ตตฺถ ปาฬิยํ วุตฺตํ, น เจตฺถ อนาปตฺติ ภวิตุํ อรหติฯ ตสฺมา ยเถว ทุกฺกฎวตฺถุโน ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎํ, ตเถว ตสฺส วา เตน วา เจตาปเนปิ ทุกฺกฎํ ยุตฺตนฺติ ภควโต อธิปฺปายญฺญูหิ วุตฺตํฯ

    Dukkaṭavatthunā pana nissaggiyavatthuṃ cetāpentassa mūlaggahaṇe purimasikkhāpadena dukkaṭaṃ, pacchā parivattane iminā nissaggiyaṃ pācittiyaṃ, garukassa cetāpitattā. Dukkaṭavatthunā dukkaṭavatthumeva, kappiyavatthuṃ vā cetāpentassa mūlaggahaṇe purimasikkhāpadena dukkaṭaṃ, pacchā parivattanepi iminā dukkaṭameva. Kasmā? Akappiyavatthunā cetāpitattā. Andhakaṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sace kayavikkayaṃ samāpajjeyya, nissaggiyaṃ pācittiya’’nti bhāsitaṃ, taṃ dubbhāsitaṃ. Kasmā? Na hi dānaggahaṇato añño kayavikkayo nāma atthi, kayavikkayasikkhāpadañca kappiyavatthunā kappiyavatthuparivattanameva sandhāya vuttaṃ, tañca kho aññatra sahadhammikehi. Idaṃ sikkhāpadaṃ rūpiyena ca rūpiyārūpiyacetāpanaṃ arūpiyena ca rūpiyacetāpanaṃ. Dukkaṭavatthunā pana dukkaṭavatthuno cetāpanaṃ neva idha na tattha pāḷiyaṃ vuttaṃ, na cettha anāpatti bhavituṃ arahati. Tasmā yatheva dukkaṭavatthuno paṭiggahaṇe dukkaṭaṃ, tatheva tassa vā tena vā cetāpanepi dukkaṭaṃ yuttanti bhagavato adhippāyaññūhi vuttaṃ.

    กปฺปิยวตฺถุนา ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ เจตาเปนฺตสฺส มูลคฺคหเณ ปุริมสิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, ปจฺฉา ปริวตฺตเน อิมินา นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘อรูปิเย อรูปิยสญฺญี รูปิยํ เจตาเปติ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ ฯ เตเนว กปฺปิยวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุํ เจตาเปนฺตสฺส มูลปฎิคฺคหเณ ตเถว อนาปตฺติ, ปจฺฉา ปริวตฺตเน อิมินา ทุกฺกฎํฯ กสฺมา? อกปฺปิยสฺส เจตาปิตตฺตาฯ กปฺปิยวตฺถุนา ปน กปฺปิยวตฺถุํ อญฺญตฺร สหธมฺมิเกหิ เจตาเปนฺตสฺส มูลคฺคหเณ ปุริมสิกฺขาปเทน อนาปตฺติ, ปจฺฉา ปริวตฺตเน อุปริ กยวิกฺกยสิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ กยวิกฺกยํ โมเจตฺวา คณฺหนฺตสฺส อุปริสิกฺขาปเทนปิ อนาปตฺติ, วฑฺฒิํ ปโยเชนฺตสฺส ทุกฺกฎํฯ

    Kappiyavatthunā pana nissaggiyavatthuṃ cetāpentassa mūlaggahaṇe purimasikkhāpadena anāpatti, pacchā parivattane iminā nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Vuttañhetaṃ – ‘‘arūpiye arūpiyasaññī rūpiyaṃ cetāpeti nissaggiyaṃ pācittiya’’nti . Teneva kappiyavatthunā dukkaṭavatthuṃ cetāpentassa mūlapaṭiggahaṇe tatheva anāpatti, pacchā parivattane iminā dukkaṭaṃ. Kasmā? Akappiyassa cetāpitattā. Kappiyavatthunā pana kappiyavatthuṃ aññatra sahadhammikehi cetāpentassa mūlaggahaṇe purimasikkhāpadena anāpatti, pacchā parivattane upari kayavikkayasikkhāpadena nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Kayavikkayaṃ mocetvā gaṇhantassa uparisikkhāpadenapi anāpatti, vaḍḍhiṃ payojentassa dukkaṭaṃ.

    อิมสฺส จ รูปิยสํโวหารสฺส ครุกภาวทีปกํ อิทํ ปตฺตจตุกฺกํ เวทิตพฺพํฯ โย หิ รูปิยํ อุคฺคณฺหิตฺวา เตน อยพีชํ สมุฎฺฐาเปติ, ตํ โกฎฺฎาเปตฺวา เตน โลเหน ปตฺตํ กาเรติ, อยํ ปโตฺต มหาอกปฺปิโย นาม, น สกฺกา เกนจิ อุปาเยน กปฺปิโย กาตุํฯ สเจ หิ ตํ วินาเสตฺวา ถาลกํ กาเรติ, ตมฺปิ อกปฺปิยํฯ วาสิํ กาเรติ, ตาย ฉินฺนํ ทนฺตกฎฺฐมฺปิ อกปฺปิยํฯ พฬิสํ กาโรติ, เตน มาริตา มจฺฉาปิ อกปฺปิยาฯ วาสิผลํ ตาเปตฺวา อุทกํ วา ขีรํ วา อุณฺหาเปติ, ตมฺปิ อกปฺปิยเมวฯ

    Imassa ca rūpiyasaṃvohārassa garukabhāvadīpakaṃ idaṃ pattacatukkaṃ veditabbaṃ. Yo hi rūpiyaṃ uggaṇhitvā tena ayabījaṃ samuṭṭhāpeti, taṃ koṭṭāpetvā tena lohena pattaṃ kāreti, ayaṃ patto mahāakappiyo nāma, na sakkā kenaci upāyena kappiyo kātuṃ. Sace hi taṃ vināsetvā thālakaṃ kāreti, tampi akappiyaṃ. Vāsiṃ kāreti, tāya chinnaṃ dantakaṭṭhampi akappiyaṃ. Baḷisaṃ kāroti, tena māritā macchāpi akappiyā. Vāsiphalaṃ tāpetvā udakaṃ vā khīraṃ vā uṇhāpeti, tampi akappiyameva.

    โย ปน รูปิยํ อุคฺคณฺหิตฺวา เตน ปตฺตํ กิณาติ, อยมฺปิ ปโตฺต อกปฺปิโยฯ ‘‘ปญฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น กปฺปตี’’ติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ สกฺกา ปน กปฺปิโย กาตุํ, โส หิ มูเล มูลสามิกานํ ปเตฺต จ ปตฺตสามิกานํ ทิเนฺน กปฺปิโย โหติฯ กปฺปิยภณฺฑํ ทตฺวา คเหตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ

    Yo pana rūpiyaṃ uggaṇhitvā tena pattaṃ kiṇāti, ayampi patto akappiyo. ‘‘Pañcannampi sahadhammikānaṃ na kappatī’’ti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. Sakkā pana kappiyo kātuṃ, so hi mūle mūlasāmikānaṃ patte ca pattasāmikānaṃ dinne kappiyo hoti. Kappiyabhaṇḍaṃ datvā gahetvā paribhuñjituṃ vaṭṭati.

    โยปิ รูปิยํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา กปฺปิยการเกน สทฺธิํ กมฺมารกุลํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ วทติฯ กปฺปิยการโก จ ตํ รูปิยํ ทตฺวา กมฺมารํ สญฺญาเปติ, อยมฺปิ ปโตฺต กปฺปิยโวหาเรน คหิโตปิ ทุติยปตฺตสทิโสเยว, มูลสฺส สมฺปฎิจฺฉิตตฺตา อกปฺปิโยฯ กสฺมา เสสานํ น กปฺปตีติ? มูลสฺส อนิสฺสฎฺฐตฺตาฯ

    Yopi rūpiyaṃ uggaṇhāpetvā kappiyakārakena saddhiṃ kammārakulaṃ gantvā pattaṃ disvā ‘‘ayaṃ mayhaṃ ruccatī’’ti vadati. Kappiyakārako ca taṃ rūpiyaṃ datvā kammāraṃ saññāpeti, ayampi patto kappiyavohārena gahitopi dutiyapattasadisoyeva, mūlassa sampaṭicchitattā akappiyo. Kasmā sesānaṃ na kappatīti? Mūlassa anissaṭṭhattā.

    โย ปน รูปิยํ อสมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘เถรสฺส ปตฺตํ กิณิตฺวา เทหี’’ติ ปหิตกปฺปิยการเกน สทฺธิํ กมฺมารกุลํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิเม กหาปเณ คเหตฺวา อิมํ เทหี’’ติ กหาปเณ ทาเปตฺวา คหิโต, อยํ ปโตฺต เอตเสฺสว ภิกฺขุโน น วฎฺฎติ ทุพฺพิจาริตตฺตา, อเญฺญสํ ปน วฎฺฎติ, มูลสฺส อสมฺปฎิจฺฉิตตฺตาฯ

    Yo pana rūpiyaṃ asampaṭicchitvā ‘‘therassa pattaṃ kiṇitvā dehī’’ti pahitakappiyakārakena saddhiṃ kammārakulaṃ gantvā pattaṃ disvā ‘‘ime kahāpaṇe gahetvā imaṃ dehī’’ti kahāpaṇe dāpetvā gahito, ayaṃ patto etasseva bhikkhuno na vaṭṭati dubbicāritattā, aññesaṃ pana vaṭṭati, mūlassa asampaṭicchitattā.

    มหาสุมเตฺถรสฺส กิร อุปชฺฌาโย อนุรุทฺธเตฺถโร นาม อโหสิฯ โส อตฺตโน เอวรูปํ ปตฺตํ สปฺปิสฺส ปูเรตฺวา สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชิฯ ติปิฎกจูฬนาคเตฺถรสฺสปิ สทฺธิวิหาริกานํ เอวรูโป ปโตฺต อโหสิฯ ตํ เถโรปิ สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชาเปสีติฯ อิทํ อกปฺปิยปตฺตจตุกฺกํฯ

    Mahāsumattherassa kira upajjhāyo anuruddhatthero nāma ahosi. So attano evarūpaṃ pattaṃ sappissa pūretvā saṅghassa nissajji. Tipiṭakacūḷanāgattherassapi saddhivihārikānaṃ evarūpo patto ahosi. Taṃ theropi sappissa pūrāpetvā saṅghassa nissajjāpesīti. Idaṃ akappiyapattacatukkaṃ.

    สเจ ปน รูปิยํ อสมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘เถรสฺส ปตฺตํ กิณิตฺวา เทหี’’ติ ปหิตกปฺปิยการเกน สทฺธิํ กมฺมารกุลํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ วา ‘‘อิมาหํ คเหสฺสามี’’ติ วา วทติ, กปฺปิยการโก จ ตํ รูปิยํ ทตฺวา กมฺมารํ สญฺญาเปติ, อยํ ปโตฺต สพฺพกปฺปิโย พุทฺธานมฺปิ ปริโภคารโหติฯ

    Sace pana rūpiyaṃ asampaṭicchitvā ‘‘therassa pattaṃ kiṇitvā dehī’’ti pahitakappiyakārakena saddhiṃ kammārakulaṃ gantvā pattaṃ disvā ‘‘ayaṃ mayhaṃ ruccatī’’ti vā ‘‘imāhaṃ gahessāmī’’ti vā vadati, kappiyakārako ca taṃ rūpiyaṃ datvā kammāraṃ saññāpeti, ayaṃ patto sabbakappiyo buddhānampi paribhogārahoti.

    ๕๙๑. อรูปิเย รูปิยสญฺญีติ ขรปตฺตาทีสุ สุวณฺณาทิสญฺญีฯ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ สเจ เตน อรูปิยํ เจตาเปติ ทุกฺกฎาปตฺติ โหติฯ เอส นโย เวมติเกฯ อรูปิยสญฺญิสฺส ปน ปญฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สทฺธิ ‘‘อิทํ คเหตฺวา อิทํ เทถา’’ติ กยวิกฺกยํ กโรนฺตสฺสาปิ อนาปตฺติฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ

    591.Arūpiye rūpiyasaññīti kharapattādīsu suvaṇṇādisaññī. Āpatti dukkaṭassāti sace tena arūpiyaṃ cetāpeti dukkaṭāpatti hoti. Esa nayo vematike. Arūpiyasaññissa pana pañcahi sahadhammikehi saddhi ‘‘idaṃ gahetvā idaṃ dethā’’ti kayavikkayaṃ karontassāpi anāpatti. Sesaṃ uttānameva.

    ฉสมุฎฺฐานํ, กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Chasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammavacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทํ • 9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact