Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā
๕๘๗. นวเม ชาตรูปาทิจตุพฺพิธนิสฺสคฺคิยวตฺถุ อิธ รูปิยคฺคหเณเนว คหิตนฺติ อาห ‘‘ชาตรูปรชตปริวตฺตน’’นฺติฯ ปฎิคฺคหิตปริวตฺตเนติ กปฺปิยโวหาเรน, อกปฺปิยโวหาเรน วา ปฎิคฺคหิตสฺส รูปิยสฺส ปริวตฺตเนฯ
587. Navame jātarūpādicatubbidhanissaggiyavatthu idha rūpiyaggahaṇeneva gahitanti āha ‘‘jātarūparajataparivattana’’nti. Paṭiggahitaparivattaneti kappiyavohārena, akappiyavohārena vā paṭiggahitassa rūpiyassa parivattane.
๕๘๙. ปาฬิยํ ฆนกตนฺติ อิฎฺฐกาทิฯ รูปิยํ นาม สตฺถุวโณฺณติอาทีสุ กิญฺจาปิ เกวลํ รชตํ น คหิตํ, ตถาปิ รูปิยปเทเนว ตํ คหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ สุโทฺธ รูปิยสํโวหาโร เอว วุโตฺตติ อชฺฌาหริตพฺพํฯ รูปิเย รูปิยสญฺญีติอาทิมฺหิ วินิจฺฉยํ วกฺขามาติ ปาฐเสโสฯ
589. Pāḷiyaṃ ghanakatanti iṭṭhakādi. Rūpiyaṃ nāma satthuvaṇṇotiādīsu kiñcāpi kevalaṃ rajataṃ na gahitaṃ, tathāpi rūpiyapadeneva taṃ gahitanti daṭṭhabbaṃ. Suddho rūpiyasaṃvohāro eva vuttoti ajjhāharitabbaṃ. Rūpiye rūpiyasaññītiādimhi vinicchayaṃ vakkhāmāti pāṭhaseso.
๕๙๑. ปาฬิยํ รูปิเย รูปิยสญฺญีติ อตฺตนา ทิยฺยมานํ สกสนฺตกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ รูปิยํ เจตาเปตีติ ปรสนฺตกํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ ตตฺถ อรูปิย-สเทฺทน ทุกฺกฎวตฺถุมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ ปจฺฉิเม ปน ติเก ‘‘อรูปิเย รูปิยสญฺญี อรูปิยํ เจตาเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ อิมินา นเยน สพฺพตฺถ โยชนา เวทิตพฺพาฯ อิมสฺมิญฺจ ติเก อรูปิย-สเทฺทน กปฺปิยวตฺถุเยว คหิตํ, น มุตฺตาทิทุกฺกฎวตฺถุ อเนฺต ‘‘ปญฺจนฺนํ สห อนาปตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตาฯ กิญฺจาปิ ทุกฺกฎวตฺถุ น คหิตํ, ตถาปิ ทุกฺกฎวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุํ, กปฺปิยวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุญฺจ ปริวตฺตยโต ทุกฺกฎํ, นยโต สิทฺธเมว โหติฯ ตญฺจ ทุกฺกฎวตฺถุมฺหิ ตถสญฺญาย วา อตถสญฺญาย วา วิมติยา วา ปริวเตฺตนฺตสฺสปิ โหติเยว อจิตฺตกตฺตา อิมสฺส สิกฺขาปทสฺสฯ ปญฺจนฺนํ สหาติ ปญฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สหฯ
591. Pāḷiyaṃ rūpiye rūpiyasaññīti attanā diyyamānaṃ sakasantakaṃ sandhāya vuttaṃ. Rūpiyaṃ cetāpetīti parasantakaṃ. Esa nayo sesesupi. Tattha arūpiya-saddena dukkaṭavatthumpi saṅgaṇhāti. Pacchime pana tike ‘‘arūpiye rūpiyasaññī arūpiyaṃ cetāpeti, āpatti dukkaṭassā’’ti iminā nayena sabbattha yojanā veditabbā. Imasmiñca tike arūpiya-saddena kappiyavatthuyeva gahitaṃ, na muttādidukkaṭavatthu ante ‘‘pañcannaṃ saha anāpattī’’ti vuttattā. Kiñcāpi dukkaṭavatthu na gahitaṃ, tathāpi dukkaṭavatthunā dukkaṭavatthuṃ, kappiyavatthunā dukkaṭavatthuñca parivattayato dukkaṭaṃ, nayato siddhameva hoti. Tañca dukkaṭavatthumhi tathasaññāya vā atathasaññāya vā vimatiyā vā parivattentassapi hotiyeva acittakattā imassa sikkhāpadassa. Pañcannaṃ sahāti pañcahi sahadhammikehi saha.
อิทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุํ วา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปาฬิยํ สรูเปน อนาคตเตฺตปิ นยโต ลพฺภมานตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โย หิ อย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ยสฺมา รูปิเยน ปริวตฺติตํ อรูปิยํ นิสฺสฎฺฐมฺปิ สเพฺพสมฺปิ อกปฺปิยตฺตา นิสฺสคฺคิยเมว น โหติ นิสฺสชฺชิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพเสฺสว นิสฺสชฺชิตพฺพโต, เกวลํ ปน อิทํ ฉเฑฺฑตฺวา ปาจิตฺติยเมว ปริวตฺตเกน เทเสตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘รูปิเย รูปิยสญฺญี อรูปิยํ เจตาเปติ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติอาทิ ติโก ภควตา น วุโตฺต, ตีสุปิ ปเทสุ ปริวตฺติยมานสฺส อรูปิยเตฺตน นิสฺสคฺคิยวจนาโยคา รูปิยเสฺสว นิสฺสชฺชิตพฺพโตฯ รูปิยเสฺสว หิ นิสฺสฎฺฐสฺส อารามิกาทีหิ ปฎิปชฺชนวิธิ ปาฬิยํ ทสฺสิโต, น อรูปิยสฺสฯ ตสฺมา ปาจิตฺติยมตฺตสมฺภวทสฺสนตฺถเมว ปเนตฺถ อฎฺฐกถายํ ‘‘อวุโตฺตปิ อยํ…เป.… ติโก เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ, น ปน ตสฺส วตฺถุโน นิสฺสคฺคิยตาทสฺสนตฺถํฯ เตเนว ปตฺตจตุเกฺก ‘‘น สกฺกา เกนจิ อุปาเยน กปฺปิยํ กาตุ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อยํ อมฺหากํ ขนฺติฯ อตฺตโน วา หีติอาทิ ทุติยติกานุโลเมเนว ตติยตฺติกสฺส สิชฺฌนปฺปการํ สมเตฺถตุํ วุตฺตํฯ ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ยสฺมา หิ ยถา อตฺตโน อรูปิเยน ปรสฺส รูปิยํ เจตาเปนฺตสฺส เอกสฺมิํ อเนฺต รูปิยสมฺภวโต ‘‘รูปิยสํโวหาโร กโต เอว โหตี’’ติ ทุติยตฺติโก วุโตฺต, เอวํ อตฺตโน รูปิเยน ปรสฺส อรูปิยํ เจตาเปนฺตสฺสาปิ โหตีติ ตติโย ติโก วตฺตโพฺพ ภเวยฺย, โส ปน ทุติยตฺติเกเนว เอกโต รูปิยปกฺขสามเญฺญน สิชฺฌตีติ ปาฬิยํ น วุโตฺตติฯ ตตฺถ เอกเนฺตน รูปิยปเกฺขติ เอเกน อเนฺตน รูปิยปเกฺข, ‘‘เอกโต รูปิยปเกฺข’’ติ วา ปาโฐฯ
Idāni ‘‘nissaggiyavatthunā dukkaṭavatthuṃ vā’’tiādinā vuttassa atthassa pāḷiyaṃ sarūpena anāgatattepi nayato labbhamānataṃ dassetuṃ ‘‘yo hi aya’’ntiādi vuttaṃ. Ettha ca yasmā rūpiyena parivattitaṃ arūpiyaṃ nissaṭṭhampi sabbesampi akappiyattā nissaggiyameva na hoti nissajjitvā paribhuñjitabbasseva nissajjitabbato, kevalaṃ pana idaṃ chaḍḍetvā pācittiyameva parivattakena desetabbaṃ, tasmā ‘‘rūpiye rūpiyasaññī arūpiyaṃ cetāpeti, nissaggiyaṃ pācittiya’’ntiādi tiko bhagavatā na vutto, tīsupi padesu parivattiyamānassa arūpiyattena nissaggiyavacanāyogā rūpiyasseva nissajjitabbato. Rūpiyasseva hi nissaṭṭhassa ārāmikādīhi paṭipajjanavidhi pāḷiyaṃ dassito, na arūpiyassa. Tasmā pācittiyamattasambhavadassanatthameva panettha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘avuttopi ayaṃ…pe… tiko veditabbo’’ti vuttaṃ, na pana tassa vatthuno nissaggiyatādassanatthaṃ. Teneva pattacatukke ‘‘na sakkā kenaci upāyena kappiyaṃ kātu’’ntiādi vuttaṃ. Ayaṃ amhākaṃ khanti. Attano vā hītiādi dutiyatikānulomeneva tatiyattikassa sijjhanappakāraṃ samatthetuṃ vuttaṃ. Tatrāyaṃ adhippāyo – yasmā hi yathā attano arūpiyena parassa rūpiyaṃ cetāpentassa ekasmiṃ ante rūpiyasambhavato ‘‘rūpiyasaṃvohāro kato eva hotī’’ti dutiyattiko vutto, evaṃ attano rūpiyena parassa arūpiyaṃ cetāpentassāpi hotīti tatiyo tiko vattabbo bhaveyya, so pana dutiyattikeneva ekato rūpiyapakkhasāmaññena sijjhatīti pāḷiyaṃ na vuttoti. Tattha ekantena rūpiyapakkheti ekena antena rūpiyapakkhe, ‘‘ekato rūpiyapakkhe’’ti vā pāṭho.
อิทานิ ทุติยตฺติเก อรูปิยปทสฺส อตฺถภูเตสุ ทุกฺกฎวตฺถุกปฺปิยวตฺถูสุ ทุกฺกฎวตฺถุนา รูปิยาทิปริวตฺตเน อาปตฺติเภทํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกฺกฎวตฺถุนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ทุกฺกฎวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุนฺติอาทิ ปน ทุกฺกฎวตฺถุนา ปริวตฺตนปฺปสเงฺค ปาฬิยํ อวุตฺตสฺสาปิ อตฺถสฺส นยโต ลพฺภมานตํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิมินาติ รูปิยสํโวหารสิกฺขาปเทน, เตน จ ทุกฺกฎสฺส อจิตฺตกตมฺปิ ทเสฺสติฯ อญฺญตฺร สหธมฺมิเกหีติ ‘‘ปญฺจนฺนํ สห อนาปตฺตี’’ติ วจนโต วุตฺตํ, เตนาปิ กยวิกฺกยสิกฺขาปทสฺส กปฺปิยวตฺถุนิสฺสิตตํ เอว สาเธติฯ อิมํ…เป.… รูปิยเจตาปนญฺจ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ปกเตน สมฺพโนฺธฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเทฯ ตตฺถาติ กยวิกฺกยสิกฺขาปเท (ปารา. ๕๙๓)ฯ
Idāni dutiyattike arūpiyapadassa atthabhūtesu dukkaṭavatthukappiyavatthūsu dukkaṭavatthunā rūpiyādiparivattane āpattibhedaṃ dassetuṃ ‘‘dukkaṭavatthunā’’tiādi āraddhaṃ. Dukkaṭavatthunā dukkaṭavatthuntiādi pana dukkaṭavatthunā parivattanappasaṅge pāḷiyaṃ avuttassāpi atthassa nayato labbhamānataṃ dassetuṃ vuttaṃ. Tattha imināti rūpiyasaṃvohārasikkhāpadena, tena ca dukkaṭassa acittakatampi dasseti. Aññatra sahadhammikehīti ‘‘pañcannaṃ saha anāpattī’’ti vacanato vuttaṃ, tenāpi kayavikkayasikkhāpadassa kappiyavatthunissitataṃ eva sādheti. Imaṃ…pe… rūpiyacetāpanañca sandhāya vuttanti pakatena sambandho. Idhāti imasmiṃ sikkhāpade. Tatthāti kayavikkayasikkhāpade (pārā. 593).
เอวํ ทุกฺกฎวตฺถุนา รูปิยาทิปริวตฺตเน อาปตฺติเภทํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ กปฺปิยวตฺถุนาปิ ทเสฺสตุํ ‘‘กปฺปิยวตฺถุนา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ เตเนวาติ กปฺปิยวตฺถุนา เอวฯ ‘‘รูปิยํ อุคฺคณฺหิตฺวา’’ติ อิทํ อุกฺกฎฺฐวเสน วุตฺตํฯ มุตฺตาทิทุกฺกฎวตฺถุมฺปิ อุคฺคเหตฺวา การิตมฺปิ ปญฺจนฺนมฺปิ น วฎฺฎติ เอวฯ สมุฎฺฐาเปตีติ สยํ คนฺตฺวา, ‘‘อิมํ กหาปณาทิํ กมฺมการานํ ทตฺวา พีชํ สมุฎฺฐาเปหี’’ติ เอวํ อญฺญํ อาณาเปตฺวา วา สมุฎฺฐาเปติฯ มหาอกปฺปิโยติ อตฺตนาว พีชโต ปฎฺฐาย ทูสิตตฺตา อญฺญสฺส มูลสามิกสฺส อภาวโต วุตฺตํฯ โส หิ โจเรหิ อจฺฉิโนฺนปิ ปุน ลโทฺธ ชานนฺตสฺส กสฺสจิปิ น วฎฺฎติฯ ยทิ หิ วเฎฺฎยฺย, ตฬากาทีสุ วิย อจฺฉิโนฺน วฎฺฎตีติ อาจริยา วเทยฺยุํฯ น สกฺกา เกนจิ อุปาเยนาติ สเงฺฆ นิสฺสชฺชเนน, โจราทิอจฺฉินฺทนาทินา จ กปฺปิยํ กาตุํ น สกฺกา, อิทญฺจ เตน รูเปน ฐิตํ, ตมฺมูลิเกน วตฺถุมุตฺตาทิรูเปน ฐิตญฺจ สนฺธาย วุตฺตํฯ ทุกฺกฎวตฺถุมฺปิ หิ ตมฺมูลิกกปฺปิยวตฺถุญฺจ น สกฺกา เกนจิ อุปาเยน เตน รูเปน กปฺปิยํ กาตุํฯ ยทิ ปน โส ภิกฺขุ เตน กปฺปิยวตฺถุทุกฺกฎวตฺถุนา ปุน รูปิยํ เจตาเปยฺย, ตํ รูปิยํ นิสฺสชฺชาเปตฺวา อเญฺญสํ กปฺปิยํ กาตุมฺปิ สกฺกา ภเวยฺยาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Evaṃ dukkaṭavatthunā rūpiyādiparivattane āpattibhedaṃ dassetvā idāni kappiyavatthunāpi dassetuṃ ‘‘kappiyavatthunā panā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tenevāti kappiyavatthunā eva. ‘‘Rūpiyaṃ uggaṇhitvā’’ti idaṃ ukkaṭṭhavasena vuttaṃ. Muttādidukkaṭavatthumpi uggahetvā kāritampi pañcannampi na vaṭṭati eva. Samuṭṭhāpetīti sayaṃ gantvā, ‘‘imaṃ kahāpaṇādiṃ kammakārānaṃ datvā bījaṃ samuṭṭhāpehī’’ti evaṃ aññaṃ āṇāpetvā vā samuṭṭhāpeti. Mahāakappiyoti attanāva bījato paṭṭhāya dūsitattā aññassa mūlasāmikassa abhāvato vuttaṃ. So hi corehi acchinnopi puna laddho jānantassa kassacipi na vaṭṭati. Yadi hi vaṭṭeyya, taḷākādīsu viya acchinno vaṭṭatīti ācariyā vadeyyuṃ. Na sakkā kenaci upāyenāti saṅghe nissajjanena, corādiacchindanādinā ca kappiyaṃ kātuṃ na sakkā, idañca tena rūpena ṭhitaṃ, tammūlikena vatthumuttādirūpena ṭhitañca sandhāya vuttaṃ. Dukkaṭavatthumpi hi tammūlikakappiyavatthuñca na sakkā kenaci upāyena tena rūpena kappiyaṃ kātuṃ. Yadi pana so bhikkhu tena kappiyavatthudukkaṭavatthunā puna rūpiyaṃ cetāpeyya, taṃ rūpiyaṃ nissajjāpetvā aññesaṃ kappiyaṃ kātumpi sakkā bhaveyyāti daṭṭhabbaṃ.
ปตฺตํ กิณาตีติ เอตฺถ ‘‘อิมินา กหาปณาทินา กมฺมารกุลโต ปตฺตํ กิณิตฺวา เอหี’’ติ อารามิกาทีหิ กิณาปนมฺปิ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตเนว ราชสิกฺขาปทฎฺฐกถายํ ‘‘เอตฺตเกหิ กหาปเณหิ สาฎเก อาหร, เอตฺตเกหิ ยาคุอาทีนิ สมฺปาเทหีติ วทติ, ยํ เต อาหรนฺติ, สเพฺพสํ อกปฺปิยํฯ กสฺมา? กหาปณานํ วิจาริตตฺตา’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) วุตฺตํ ฯ อิมินา ปน วจเนน ยํ มาติกาฎฺฐกถายํ รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทํ ‘‘อนาณตฺติก’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ น สเมติฯ น เกวลญฺจ อิมินา, ปาฬิยาปิ ตํ น สเมติฯ ปาฬิยญฺหิ นิสฺสฎฺฐรูปิเยน อารามิกาทีหิ สปฺปิยาทิํ ปริวตฺตาเปตุํ ‘‘โส วตฺตโพฺพ ‘อาวุโส, อิมํ ชานาหี’ติฯ สเจ โส ภณติ ‘อิมินา กิํ อาหรียตู’ติ, น วตฺตโพฺพ ‘อิมํ วา อิมํ วา อาหรา’ติฯ กปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํ ‘สปฺปิ วา’’’ติอาทินา รูปิยสํโวหารํ ปริโมเจตฺวาว วุตฺตํฯ ‘‘อิมินา รูปิเยน กิํ อาหรียตู’’ติ ปุจฺฉโนฺต ‘‘อิมํ อาหรา’’ติ วุเตฺตปิ อธิการโต ‘‘อิมินา รูปิเยน อิมํ อาหรา’’ติ ภิกฺขูหิ อาณโตฺต เอว โหตีติ ตํ รูปิยสํโวหารํ ปริวเชฺชตุํ ‘‘น วตฺตโพฺพ ‘อิมํ วา อิมํ วา อาหรา’’’ติ ปฎิเกฺขโป กโต, อนาปตฺติวาเรปิ ‘‘กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขตี’’ติ น วุตฺตํฯ กยวิกฺกยสิกฺขาปเท (ปารา. ๕๙๕) ปน ตถา วุตฺตํ, ตสฺมา อิทํ สาณตฺติกํ กยวิกฺกยเมว อนาณตฺติกนฺติ คเหตพฺพํฯ
Pattaṃ kiṇātīti ettha ‘‘iminā kahāpaṇādinā kammārakulato pattaṃ kiṇitvā ehī’’ti ārāmikādīhi kiṇāpanampi saṅgahitanti veditabbaṃ. Teneva rājasikkhāpadaṭṭhakathāyaṃ ‘‘ettakehi kahāpaṇehi sāṭake āhara, ettakehi yāguādīni sampādehīti vadati, yaṃ te āharanti, sabbesaṃ akappiyaṃ. Kasmā? Kahāpaṇānaṃ vicāritattā’’ti (pārā. aṭṭha. 2.538-539) vuttaṃ . Iminā pana vacanena yaṃ mātikāṭṭhakathāyaṃ rūpiyasaṃvohārasikkhāpadaṃ ‘‘anāṇattika’’nti vuttaṃ, taṃ na sameti. Na kevalañca iminā, pāḷiyāpi taṃ na sameti. Pāḷiyañhi nissaṭṭharūpiyena ārāmikādīhi sappiyādiṃ parivattāpetuṃ ‘‘so vattabbo ‘āvuso, imaṃ jānāhī’ti. Sace so bhaṇati ‘iminā kiṃ āharīyatū’ti, na vattabbo ‘imaṃ vā imaṃ vā āharā’ti. Kappiyaṃ ācikkhitabbaṃ ‘sappi vā’’’tiādinā rūpiyasaṃvohāraṃ parimocetvāva vuttaṃ. ‘‘Iminā rūpiyena kiṃ āharīyatū’’ti pucchanto ‘‘imaṃ āharā’’ti vuttepi adhikārato ‘‘iminā rūpiyena imaṃ āharā’’ti bhikkhūhi āṇatto eva hotīti taṃ rūpiyasaṃvohāraṃ parivajjetuṃ ‘‘na vattabbo ‘imaṃ vā imaṃ vā āharā’’’ti paṭikkhepo kato, anāpattivārepi ‘‘kappiyakārakassa ācikkhatī’’ti na vuttaṃ. Kayavikkayasikkhāpade (pārā. 595) pana tathā vuttaṃ, tasmā idaṃ sāṇattikaṃ kayavikkayameva anāṇattikanti gahetabbaṃ.
มูลสฺส อนิสฺสฎฺฐตฺตาติ เยน อุคฺคหิตมูเลน ปโตฺต กีโต, ตสฺส มูลสฺส สงฺฆมเชฺฌ อนิสฺสฎฺฐตฺตา, เอเตน รูปิยเมว นิสฺสชฺชิตพฺพํ, น ตมฺมูลิกํ อรูปิยนฺติ ทเสฺสติฯ ยทิ หิ เตน รูปิเยน อญฺญํ รูปิยํ เจตาเปยฺย, ตํ รูปิยสํโวหารสิกฺขาปเท อาคตนเยเนว นิสฺสชฺชาเปตฺวา เสเสหิ ปริภุญฺชิตพฺพํ ภเวยฺยาติฯ ‘‘มูลสฺส อสมฺปฎิจฺฉิตตฺตา’’ติ อิมินา มูลสฺส คิหิสนฺตกตฺตํ, เตเนว ปตฺตสฺส รูปิยสํโวหารานุปฺปนฺนตญฺจ ทเสฺสติฯ ปญฺจสหธมฺมิกสนฺตเกเนว หิ รูปิยสํโวหารโทโสฯ ตตฺถ จ อตฺตโน สนฺตเก ปาจิตฺติยํ, อิตรตฺถ ทุกฺกฎํฯ
Mūlassa anissaṭṭhattāti yena uggahitamūlena patto kīto, tassa mūlassa saṅghamajjhe anissaṭṭhattā, etena rūpiyameva nissajjitabbaṃ, na tammūlikaṃ arūpiyanti dasseti. Yadi hi tena rūpiyena aññaṃ rūpiyaṃ cetāpeyya, taṃ rūpiyasaṃvohārasikkhāpade āgatanayeneva nissajjāpetvā sesehi paribhuñjitabbaṃ bhaveyyāti. ‘‘Mūlassa asampaṭicchitattā’’ti iminā mūlassa gihisantakattaṃ, teneva pattassa rūpiyasaṃvohārānuppannatañca dasseti. Pañcasahadhammikasantakeneva hi rūpiyasaṃvohāradoso. Tattha ca attano santake pācittiyaṃ, itarattha dukkaṭaṃ.
นิสฺสชฺชีติ ทานวเสน วุตฺตํ, น วินยกมฺมวเสนฯ เตเนว ‘‘สปฺปิสฺส ปูเรตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ ยํ อตฺตโน ธเนน ปริวเตฺตติ, ตสฺส วา ธนสฺส รูปิยภาโว, ปริวตฺตนปริวตฺตาปเนสุ อญฺญตรภาโว จาติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ
Nissajjīti dānavasena vuttaṃ, na vinayakammavasena. Teneva ‘‘sappissa pūretvā’’ti vuttaṃ. Yaṃ attano dhanena parivatteti, tassa vā dhanassa rūpiyabhāvo, parivattanaparivattāpanesu aññatarabhāvo cāti imānettha dve aṅgāni.
รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทํ • 9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๙. รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทวณฺณนา • 9. Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadavaṇṇanā