Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā
๕๘๒. เตน สมเยนาติ รูปิยสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ ปฎิวิโสติ โกฎฺฐาโสฯ
582.Tena samayenāti rūpiyasikkhāpadaṃ. Tattha paṭivisoti koṭṭhāso.
๕๘๓-๔. ชาตรูปรชตนฺติ เอตฺถ ชาตรูปนฺติ สุวณฺณสฺส นามํฯ ตํ ปน ยสฺมา ตถาคตสฺส วณฺณสทิสํ โหติ, ตสฺมา ‘‘สตฺถุวโณฺณ วุจฺจตี’’ติ ปทภาชเน วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ‘‘โย สตฺถุวโณฺณ โลหวิเสโส, อิทํ ชาตรูปํ นามา’’ติ รชตํ ปน ‘‘สโงฺข, สิลา, ปวาล, รชตํ, ชาตรูป’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๕๐๖) รูปิยํ วุตฺตํฯ อิธ ปน ยํ กิญฺจิ โวหารคมนียํ กหาปณาทิ อธิเปฺปตํฯ เตเนวสฺส ปทภาชเน ‘‘กหาปโณ โลหมาสโก’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กหาปโณติ โสวณฺณมโย วา รูปิยมโย วา ปากติโก วาฯ โลหมาสโกติ ตมฺพโลหาทีหิ กตมาสโกฯ ทารุมาสโกติ สารทารุนา วา เวฬุเปสิกาย วา อนฺตมโส ตาลปเณฺณนาปิ รูปํ ฉินฺทิตฺวา กตมาสโกฯ ชตุมาสโกติ ลาขาย วา นิยฺยาเสน วา รูปํ สมุฎฺฐาเปตฺวา กตมาสโกฯ ‘‘เย โวหารํ คจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา ปน ปเทน โย โย ยตฺถ ยตฺถ ชนปเท ยทา ยทา โวหารํ คจฺฉติ, อนฺตมโส อฎฺฐิมโยปิ จมฺมมโยปิ รุกฺขผลพีชมโยปิ สมุฎฺฐาปิตรูโปปิ อสมุฎฺฐาปิตรูโปปิ สโพฺพ สงฺคหิโตฯ
583-4.Jātarūparajatanti ettha jātarūpanti suvaṇṇassa nāmaṃ. Taṃ pana yasmā tathāgatassa vaṇṇasadisaṃ hoti, tasmā ‘‘satthuvaṇṇo vuccatī’’ti padabhājane vuttaṃ. Tassattho – ‘‘yo satthuvaṇṇo lohaviseso, idaṃ jātarūpaṃ nāmā’’ti rajataṃ pana ‘‘saṅkho, silā, pavāla, rajataṃ, jātarūpa’’ntiādīsu (pāci. 506) rūpiyaṃ vuttaṃ. Idha pana yaṃ kiñci vohāragamanīyaṃ kahāpaṇādi adhippetaṃ. Tenevassa padabhājane ‘‘kahāpaṇo lohamāsako’’tiādi vuttaṃ. Tattha kahāpaṇoti sovaṇṇamayo vā rūpiyamayo vā pākatiko vā. Lohamāsakoti tambalohādīhi katamāsako. Dārumāsakoti sāradārunā vā veḷupesikāya vā antamaso tālapaṇṇenāpi rūpaṃ chinditvā katamāsako. Jatumāsakoti lākhāya vā niyyāsena vā rūpaṃ samuṭṭhāpetvā katamāsako. ‘‘Ye vohāraṃ gacchantī’’ti iminā pana padena yo yo yattha yattha janapade yadā yadā vohāraṃ gacchati, antamaso aṭṭhimayopi cammamayopi rukkhaphalabījamayopi samuṭṭhāpitarūpopi asamuṭṭhāpitarūpopi sabbo saṅgahito.
อิเจฺจตํ สพฺพมฺปิ รชตํ ชาตรูปํ ชาตรูปมาสโก, วุตฺตปฺปเภโท สโพฺพปิ รชตมาสโกติ จตุพฺพิธํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ โหติฯ มุตฺตา, มณิ, เวฬุริโย, สโงฺข, สิลา, ปวาล, โลหิตโงฺก, มสารคลฺลํ, สตฺต ธญฺญานิ, ทาสิทาสเขตฺตวตฺถุปุปฺผารามผลารามาทโยติ อิทํ ทุกฺกฎวตฺถุฯ สุตฺตํ ผาโล ปฎโก กปฺปาโส อเนกปฺปการํ อปรณฺณํ สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตาทิเภสชฺชญฺจ อิทํ กปฺปิยวตฺถุฯ ตตฺถ นิสฺสคฺคิยวตฺถุํ อตฺตโน วา สงฺฆคณปุคฺคลเจติยานํ วา อตฺถาย สมฺปฎิจฺฉิตุํ น วฎฺฎติฯ อตฺตโน อตฺถาย สมฺปฎิจฺฉโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ โหติ, เสสานํ อตฺถาย ทุกฺกฎํฯ ทุกฺกฎวตฺถุํ สเพฺพสมฺปิ อตฺถาย สมฺปฎิจฺฉโต ทุกฺกฎเมวฯ กปฺปิยวตฺถุมฺหิ อนาปตฺติฯ สพฺพมฺปิ นิกฺขิปนตฺถาย ภณฺฑาคาริกสีเสน สมฺปฎิจฺฉโต อุปริ รตนสิกฺขาปเท อาคตวเสน ปาจิตฺติยํฯ
Iccetaṃ sabbampi rajataṃ jātarūpaṃ jātarūpamāsako, vuttappabhedo sabbopi rajatamāsakoti catubbidhaṃ nissaggiyavatthu hoti. Muttā, maṇi, veḷuriyo, saṅkho, silā, pavāla, lohitaṅko, masāragallaṃ, satta dhaññāni, dāsidāsakhettavatthupupphārāmaphalārāmādayoti idaṃ dukkaṭavatthu. Suttaṃ phālo paṭako kappāso anekappakāraṃ aparaṇṇaṃ sappinavanītatelamadhuphāṇitādibhesajjañca idaṃ kappiyavatthu. Tattha nissaggiyavatthuṃ attano vā saṅghagaṇapuggalacetiyānaṃ vā atthāya sampaṭicchituṃ na vaṭṭati. Attano atthāya sampaṭicchato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ hoti, sesānaṃ atthāya dukkaṭaṃ. Dukkaṭavatthuṃ sabbesampi atthāya sampaṭicchato dukkaṭameva. Kappiyavatthumhi anāpatti. Sabbampi nikkhipanatthāya bhaṇḍāgārikasīsena sampaṭicchato upari ratanasikkhāpade āgatavasena pācittiyaṃ.
อุคฺคเณฺหยฺยาติ คเณฺหยฺยฯ ยสฺมา ปน คณฺหโนฺต อาปตฺติํ อาปชฺชติ, เตนสฺส ปทภาชเน ‘‘สยํ คณฺหาติ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ วุตฺตํฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ
Uggaṇheyyāti gaṇheyya. Yasmā pana gaṇhanto āpattiṃ āpajjati, tenassa padabhājane ‘‘sayaṃ gaṇhāti nissaggiyaṃ pācittiya’’nti vuttaṃ. Esa nayo sesapadesupi.
ตตฺถ ชาตรูปรชตภเณฺฑสุ กหาปณมาสเกสุ จ เอกํ คณฺหโต วา คณฺหาปยโต วา เอกา อาปตฺติฯ สหสฺสํ เจปิ เอกโต คณฺหาติ, คณฺหาเปติ, วตฺถุคณนาย อาปตฺติโยฯ มหาปจฺจริยํ ปน กุรุนฺทิยญฺจ สิถิลพทฺธาย ถวิกาย สิถิลปูริเต วา ภาชเน รูปคณนาย อาปตฺติฯ ฆนพเทฺธ ปน ฆนปูริเต วา เอกาว อาปตฺตีติ วุตฺตํฯ
Tattha jātarūparajatabhaṇḍesu kahāpaṇamāsakesu ca ekaṃ gaṇhato vā gaṇhāpayato vā ekā āpatti. Sahassaṃ cepi ekato gaṇhāti, gaṇhāpeti, vatthugaṇanāya āpattiyo. Mahāpaccariyaṃ pana kurundiyañca sithilabaddhāya thavikāya sithilapūrite vā bhājane rūpagaṇanāya āpatti. Ghanabaddhe pana ghanapūrite vā ekāva āpattīti vuttaṃ.
อุปนิกฺขิตฺตสาทิยเน ปน ‘‘อิทํ อยฺยสฺส โหตู’’ติ วุเตฺต สเจปิ จิเตฺตน สาทิยติ, คณฺหิตุกาโม โหติ, กาเยน วา วาจาย วา ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฎิกฺขิปติ, อนาปตฺติฯ กายวาจาหิ วา อปฺปฎิกฺขิปิตฺวาปิ สุทฺธจิโตฺต หุตฺวา ‘‘นยิทํ อมฺหากํ กปฺปตี’’ติ น สาทิยติ, อนาปตฺติเยวฯ ตีสุ ทฺวาเรสุ หิ เยน เกนจิ ปฎิกฺขิตฺตํ ปฎิกฺขิตฺตเมว โหติฯ สเจ ปน กายวาจาหิ อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา จิเตฺตน อธิวาเสติ, กายวาจาหิ กตฺตพฺพสฺส ปฎิเกฺขปสฺส อกรณโต อกิริยสมุฎฺฐานํ กายทฺวาเร จ วจีทฺวาเร จ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, มโนทฺวาเร ปน อาปตฺติ นาม นตฺถิฯ
Upanikkhittasādiyane pana ‘‘idaṃ ayyassa hotū’’ti vutte sacepi cittena sādiyati, gaṇhitukāmo hoti, kāyena vā vācāya vā ‘‘nayidaṃ kappatī’’ti paṭikkhipati, anāpatti. Kāyavācāhi vā appaṭikkhipitvāpi suddhacitto hutvā ‘‘nayidaṃ amhākaṃ kappatī’’ti na sādiyati, anāpattiyeva. Tīsu dvāresu hi yena kenaci paṭikkhittaṃ paṭikkhittameva hoti. Sace pana kāyavācāhi appaṭikkhipitvā cittena adhivāseti, kāyavācāhi kattabbassa paṭikkhepassa akaraṇato akiriyasamuṭṭhānaṃ kāyadvāre ca vacīdvāre ca āpattiṃ āpajjati, manodvāre pana āpatti nāma natthi.
เอโก สตํ วา สหสฺสํ วา ปาทมูเล ฐเปติ ‘‘ตุยฺหิทํ โหตู’’ติ, ภิกฺขู ‘‘นยิทํ กปฺปตี’’ติ ปฎิกฺขิปติ, อุปาสโก ปริจฺจตฺตํ มยา ตุมฺหากนฺติ คโต, อโญฺญ ตตฺถ อาคนฺตฺวา ปุจฺฉติ – ‘‘กิํ, ภเนฺต, อิท’’นฺติ? ยํ เตน อตฺตนา จ วุตฺตํ, ตํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ โส เจ วทติ – ‘‘โคปยิสฺสามิ, ภเนฺต, คุตฺตฎฺฐานํ ทเสฺสถา’’ติ, สตฺตภูมิกมฺปิ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ‘‘อิทํ คุตฺตฎฺฐาน’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพํ, ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’’ติ น วตฺตพฺพํฯ เอตฺตาวตา กปฺปิยญฺจ อกปฺปิยญฺจ นิสฺสาย ฐิตํ โหติฯ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา รกฺขเนฺตน วสิตพฺพํฯ สเจ กิญฺจิ วิกฺกายิกภณฺฑํ ปตฺตํ วา จีวรํ วา อาคจฺฉติ, ‘‘อิทํ คเหสฺสถ ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘อุปาสก อตฺถิ อมฺหากํ อิมินา อโตฺถ, วตฺถุ จ เอวรูปํ นาม สํวิชฺชติ, กปฺปิยการโก นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํฯ สเจ โส วทติ, ‘‘อหํ กปฺปิยการโก ภวิสฺสามิ, ทฺวารํ วิวริตฺวา เทถา’’ติ, ทฺวารํ วิวริตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ โอกาเส ฐปิต’’นฺติ วตฺตพฺพํ, ‘‘อิทํ คณฺหา’’ติ น วตฺตพฺพํฯ เอวมฺปิ กปฺปิยญฺจ อกปฺปิยญฺจ นิสฺสาย ฐิตเมว โหติ, โส เจ ตํ คเหตฺวา ตสฺส กปฺปิยภณฺฑํ เทติ, วฎฺฎติฯ สเจ อธิกํ คณฺหาติ, ‘‘น มยํ ตว ภณฺฑํ คณฺหาม, ‘‘นิกฺขมาหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ
Eko sataṃ vā sahassaṃ vā pādamūle ṭhapeti ‘‘tuyhidaṃ hotū’’ti, bhikkhū ‘‘nayidaṃ kappatī’’ti paṭikkhipati, upāsako pariccattaṃ mayā tumhākanti gato, añño tattha āgantvā pucchati – ‘‘kiṃ, bhante, ida’’nti? Yaṃ tena attanā ca vuttaṃ, taṃ ācikkhitabbaṃ. So ce vadati – ‘‘gopayissāmi, bhante, guttaṭṭhānaṃ dassethā’’ti, sattabhūmikampi pāsādaṃ abhiruhitvā ‘‘idaṃ guttaṭṭhāna’’nti ācikkhitabbaṃ, ‘‘idha nikkhipāhī’’ti na vattabbaṃ. Ettāvatā kappiyañca akappiyañca nissāya ṭhitaṃ hoti. Dvāraṃ pidahitvā rakkhantena vasitabbaṃ. Sace kiñci vikkāyikabhaṇḍaṃ pattaṃ vā cīvaraṃ vā āgacchati, ‘‘idaṃ gahessatha bhante’’ti vutte ‘‘upāsaka atthi amhākaṃ iminā attho, vatthu ca evarūpaṃ nāma saṃvijjati, kappiyakārako natthī’’ti vattabbaṃ. Sace so vadati, ‘‘ahaṃ kappiyakārako bhavissāmi, dvāraṃ vivaritvā dethā’’ti, dvāraṃ vivaritvā ‘‘imasmiṃ okāse ṭhapita’’nti vattabbaṃ, ‘‘idaṃ gaṇhā’’ti na vattabbaṃ. Evampi kappiyañca akappiyañca nissāya ṭhitameva hoti, so ce taṃ gahetvā tassa kappiyabhaṇḍaṃ deti, vaṭṭati. Sace adhikaṃ gaṇhāti, ‘‘na mayaṃ tava bhaṇḍaṃ gaṇhāma, ‘‘nikkhamāhī’’ti vattabbo.
สงฺฆมเชฺฌ นิสฺสชฺชิตพฺพนฺติ เอตฺถ ยสฺมา รูปิยํ นาม อกปฺปิยํ, ‘‘ตสฺมา นิสฺสชฺชิตพฺพํ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา’’ติ น วุตฺตํฯ ยสฺมา ปน ตํ ปฎิคฺคหิตมตฺตเมว น เตน กิญฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตํ, ตสฺมา อุปาเยน ปริโภคทสฺสนตฺถํ ‘‘สงฺฆมเชฺฌ นิสฺสชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ กปฺปิยํ อาจิกฺขิตพฺพํ สปฺปิ วาติ ‘‘ปพฺพชิตานํ สปฺปิ วา เตลํ วา วฎฺฎติ อุปาสกา’’ติ เอวํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ
Saṅghamajjhe nissajjitabbanti ettha yasmā rūpiyaṃ nāma akappiyaṃ, ‘‘tasmā nissajjitabbaṃ saṅghassa vā gaṇassa vā puggalassa vā’’ti na vuttaṃ. Yasmā pana taṃ paṭiggahitamattameva na tena kiñci kappiyabhaṇḍaṃ cetāpitaṃ, tasmā upāyena paribhogadassanatthaṃ ‘‘saṅghamajjhe nissajjitabba’’nti vuttaṃ. Kappiyaṃ ācikkhitabbaṃ sappi vāti ‘‘pabbajitānaṃ sappi vā telaṃ vā vaṭṭati upāsakā’’ti evaṃ ācikkhitabbaṃ.
รูปิยปฎิคฺคาหกํ ฐเปตฺวา สเพฺพเหว ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ สเพฺพหิ ภาเชตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ รูปิยปฎิคฺคาหเกน ภาโค น คเหตโพฺพฯ อเญฺญสํ ภิกฺขูนํ วา อารามิกานํ วา ปตฺตภาคมฺปิ ลภิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติ, อนฺตมโส มกฺกฎาทีหิ ตโต หริตฺวา อรเญฺญ ฐปิตํ วา เตสํ หตฺถโต คฬิตํ วา ติรจฺฉานคตปริคฺคหิตมฺปิ ปํสุกูลมฺปิ น วฎฺฎติเยว, ตโต อาหเฎน ผาณิเตน เสนาสนธูปนมฺปิ น วฎฺฎติฯ สปฺปินา วา เตเลน วา ปทีปํ กตฺวา ทีปาโลเก นิปชฺชิตุํ กสิณปริกมฺมมฺปิ กาตุํ, โปตฺถกมฺปิ วาเจตุํ น วฎฺฎติฯ เตลมธุผาณิเตหิ ปน สรีเร วณํ มเกฺขตุํ น วฎฺฎติเยวฯ เตน วตฺถุนา มญฺจปีฐาทีนิ วา คณฺหนฺติ, อุโปสถาคารํ วา โภชนสาลํ วา กโรนฺติ, ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ ฉายาปิ เคหปริเจฺฉเทน ฐิตา น วฎฺฎติ, ปริเจฺฉทาติกฺกนฺตา อาคนฺตุกตฺตา วฎฺฎติฯ ตํ วตฺถุํ วิสฺสเชฺชตฺวา กเตน มเคฺคนปิ เสตุนาปิ นาวายปิ อุฬุเมฺปนปิ คนฺตุํ น วฎฺฎติ, เตน วตฺถุนา ขนาปิตาย โปกฺขรณิยา อุพฺภิโททกํ ปาตุํ วา ปริภุญฺชิตุํ วา น วฎฺฎติฯ อโนฺต อุทเก ปน อสติ อญฺญํ อาคนฺตุกํ อุทกํ วา วโสฺสทกํ วา ปวิฎฺฐํ วฎฺฎติฯ กีตาย เยน อุทเกน สทฺธิํ กีตา ตํ อาคนฺตุกมฺปิ น วฎฺฎติ, ตํ วตฺถุํ อุปนิเกฺขปํ ฐเปตฺวา สโงฺฆ ปจฺจเย ปริภุญฺชติ, เตปิ ปจฺจยา ตสฺส น วฎฺฎนฺติฯ อาราโม คหิโต โหติ, โสปิ ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติฯ ยทิ ภูมิปิ พีชมฺปิ อกปฺปิยํ เนว ภูมิํ น ผลํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ภูมิํเยว กิณิตฺวา อญฺญานิ พีชานิ โรปิตานิ ผลํ วฎฺฎติ, อถ พีชานิ กิณิตฺวา กปฺปิยภูมิยํ โรปิตานิ, ผลํ น วฎฺฎติ, ภูมิยํ นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา วฎฺฎติฯ
Rūpiyapaṭiggāhakaṃ ṭhapetvā sabbeheva paribhuñjitabbanti sabbehi bhājetvā paribhuñjitabbaṃ. Rūpiyapaṭiggāhakena bhāgo na gahetabbo. Aññesaṃ bhikkhūnaṃ vā ārāmikānaṃ vā pattabhāgampi labhitvā paribhuñjituṃ na vaṭṭati, antamaso makkaṭādīhi tato haritvā araññe ṭhapitaṃ vā tesaṃ hatthato gaḷitaṃ vā tiracchānagatapariggahitampi paṃsukūlampi na vaṭṭatiyeva, tato āhaṭena phāṇitena senāsanadhūpanampi na vaṭṭati. Sappinā vā telena vā padīpaṃ katvā dīpāloke nipajjituṃ kasiṇaparikammampi kātuṃ, potthakampi vācetuṃ na vaṭṭati. Telamadhuphāṇitehi pana sarīre vaṇaṃ makkhetuṃ na vaṭṭatiyeva. Tena vatthunā mañcapīṭhādīni vā gaṇhanti, uposathāgāraṃ vā bhojanasālaṃ vā karonti, paribhuñjituṃ na vaṭṭati. Chāyāpi gehaparicchedena ṭhitā na vaṭṭati, paricchedātikkantā āgantukattā vaṭṭati. Taṃ vatthuṃ vissajjetvā katena maggenapi setunāpi nāvāyapi uḷumpenapi gantuṃ na vaṭṭati, tena vatthunā khanāpitāya pokkharaṇiyā ubbhidodakaṃ pātuṃ vā paribhuñjituṃ vā na vaṭṭati. Anto udake pana asati aññaṃ āgantukaṃ udakaṃ vā vassodakaṃ vā paviṭṭhaṃ vaṭṭati. Kītāya yena udakena saddhiṃ kītā taṃ āgantukampi na vaṭṭati, taṃ vatthuṃ upanikkhepaṃ ṭhapetvā saṅgho paccaye paribhuñjati, tepi paccayā tassa na vaṭṭanti. Ārāmo gahito hoti, sopi paribhuñjituṃ na vaṭṭati. Yadi bhūmipi bījampi akappiyaṃ neva bhūmiṃ na phalaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭati. Sace bhūmiṃyeva kiṇitvā aññāni bījāni ropitāni phalaṃ vaṭṭati, atha bījāni kiṇitvā kappiyabhūmiyaṃ ropitāni, phalaṃ na vaṭṭati, bhūmiyaṃ nisīdituṃ vā nipajjituṃ vā vaṭṭati.
สเจ โส ฉเฑฺฑตีติ ยตฺถ กตฺถจิ ขิปติ, อถาปิ น ฉเฑฺฑติ, สยํ คเหตฺวา คจฺฉติ, น วาเรตโพฺพฯ โน เจ ฉเฑฺฑตีติ อถ เนว คเหตฺวา คจฺฉติ, น ฉเฑฺฑติ, กิํ มยฺหํ อิมินา พฺยาปาเรนาติ เยน กามํ ปกฺกมติ, ตโต ยถาวุตฺตลกฺขโณ รูปิยฉฑฺฑโก สมฺมนฺนิตโพฺพฯ
Sace so chaḍḍetīti yattha katthaci khipati, athāpi na chaḍḍeti, sayaṃ gahetvā gacchati, na vāretabbo. No ce chaḍḍetīti atha neva gahetvā gacchati, na chaḍḍeti, kiṃ mayhaṃ iminā byāpārenāti yena kāmaṃ pakkamati, tato yathāvuttalakkhaṇo rūpiyachaḍḍako sammannitabbo.
โย น ฉนฺทาคตินฺติอาทีสุ โลภวเสน ตํ วตฺถุํ อตฺตโน วา กโรโนฺต อตฺตานํ วา อุกฺกํเสโนฺต ฉนฺทาคติํ นาม คจฺฉติ ฯ โทสวเสน ‘‘เนวายํ มาติกํ ชานาติ, น วินย’’นฺติ ปรํ อปสาเทโนฺต โทสาคติํ นาม คจฺฉติฯ โมหวเสน มุฎฺฐปมุฎฺฐสฺสติภาวํ อาปชฺชโนฺต โมหาคติํ นาม คจฺฉติฯ รูปิยปฎิคฺคาหกสฺส ภเยน ฉเฑฺฑตุํ อวิสหโนฺต ภยาคติํ นาม คจฺฉติฯ เอวํ อกโรโนฺต น ฉนฺทาคติํ คจฺฉติ, น โทสาคติํ คจฺฉติ, น โมหาคติํ คจฺฉติ, น ภยาคติํ คจฺฉตีติ เวทิตโพฺพฯ
Yona chandāgatintiādīsu lobhavasena taṃ vatthuṃ attano vā karonto attānaṃ vā ukkaṃsento chandāgatiṃ nāma gacchati . Dosavasena ‘‘nevāyaṃ mātikaṃ jānāti, na vinaya’’nti paraṃ apasādento dosāgatiṃ nāma gacchati. Mohavasena muṭṭhapamuṭṭhassatibhāvaṃ āpajjanto mohāgatiṃ nāma gacchati. Rūpiyapaṭiggāhakassa bhayena chaḍḍetuṃ avisahanto bhayāgatiṃ nāma gacchati. Evaṃ akaronto na chandāgatiṃ gacchati, na dosāgatiṃ gacchati, na mohāgatiṃ gacchati, na bhayāgatiṃ gacchatīti veditabbo.
๕๘๕. อนิมิตฺตํ กตฺวาติ นิมิตฺตํ อกตฺวา, อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา นทิยา วา ปปาเต วา วนคหเน วา คูถํ วิย อนเปเกฺขน ปติโตกาสํ อสมนฺนาหรเนฺตน ปาเตตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เอวํ ชิคุจฺฉิตเพฺพปิ รูปิเย ภควา ปริยาเยน ภิกฺขูนํ ปริโภคํ อาจิกฺขิฯ รูปิยปฎิคฺคาหกสฺส ปน เกนจิ ปริยาเยน ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยปริโภโค น วฎฺฎติฯ ยถา จายํ เอตสฺส น วฎฺฎติ, เอวํ อสนฺตสมฺภาวนาย วา กุลทูสกกเมฺมน วา กุหนาทีหิ วา อุปฺปนฺนปจฺจยา เนว ตสฺส น อญฺญสฺส วฎฺฎนฺติ, ธเมฺมน สเมน อุปฺปนฺนาปิ อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎนฺติฯ
585.Animittaṃ katvāti nimittaṃ akatvā, akkhīni nimmīletvā nadiyā vā papāte vā vanagahane vā gūthaṃ viya anapekkhena patitokāsaṃ asamannāharantena pātetabbanti attho. Evaṃ jigucchitabbepi rūpiye bhagavā pariyāyena bhikkhūnaṃ paribhogaṃ ācikkhi. Rūpiyapaṭiggāhakassa pana kenaci pariyāyena tato uppannapaccayaparibhogo na vaṭṭati. Yathā cāyaṃ etassa na vaṭṭati, evaṃ asantasambhāvanāya vā kuladūsakakammena vā kuhanādīhi vā uppannapaccayā neva tassa na aññassa vaṭṭanti, dhammena samena uppannāpi appaccavekkhitvā paribhuñjituṃ na vaṭṭanti.
จตฺตาโร หิ ปริโภคา – เถยฺยปริโภโค, อิณปริโภโค, ทายชฺชปริโภโค, สามิปริโภโคติฯ ตตฺถ สงฺฆมเชฺฌปิ นิสีทิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค ‘‘เถยฺยปริโภโค’’ นามฯ สีลวโต อปฺปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ‘‘อิณปริโภโค’’ นามฯ ตสฺมา จีวรํ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, ปิณฺฑปาโต อาโลเป อาโลเปฯ ตถา อสโกฺกเนฺตน ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยามปจฺฉิมยาเมสุฯ สจสฺส อปฺปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฎฺฐาเน ติฎฺฐติฯ เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, เภสชฺชสฺส ปฎิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ สติปจฺจยตา วฎฺฎติ, เอวํ สเนฺตปิ ปฎิคฺคหเณ สติํ กตฺวา ปริโภเค อกโรนฺตเสฺสว อาปตฺติ, ปฎิคฺคหเณ ปน สติํ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺติฯ
Cattāro hi paribhogā – theyyaparibhogo, iṇaparibhogo, dāyajjaparibhogo, sāmiparibhogoti. Tattha saṅghamajjhepi nisīditvā paribhuñjantassa dussīlassa paribhogo ‘‘theyyaparibhogo’’ nāma. Sīlavato appaccavekkhitaparibhogo ‘‘iṇaparibhogo’’ nāma. Tasmā cīvaraṃ paribhoge paribhoge paccavekkhitabbaṃ, piṇḍapāto ālope ālope. Tathā asakkontena purebhattapacchābhattapurimayāmapacchimayāmesu. Sacassa appaccavekkhatova aruṇo uggacchati, iṇaparibhogaṭṭhāne tiṭṭhati. Senāsanampi paribhoge paribhoge paccavekkhitabbaṃ, bhesajjassa paṭiggahaṇepi paribhogepi satipaccayatā vaṭṭati, evaṃ santepi paṭiggahaṇe satiṃ katvā paribhoge akarontasseva āpatti, paṭiggahaṇe pana satiṃ akatvā paribhoge karontassa anāpatti.
จตุพฺพิธา หิ สุทฺธิ – เทสนาสุทฺธิ, สํวรสุทฺธิ, ปริเยฎฺฐิสุทฺธิ, ปจฺจเวกฺขณสุทฺธีติฯ ตตฺถ เทสนาสุทฺธิ นาม ปาติโมกฺขสํวรสีลํ , ตญฺหิ เทสนาย สุชฺฌนโต ‘‘เทสนาสุทฺธี’’ติ วุจฺจติฯ สํวรสุทฺธิ นาม อินฺทฺริยสํวรสีลํ, ตญฺหิ น ปุน เอวํ กริสฺสามีติ จิตฺตาธิฎฺฐานสํวเรเนว สุชฺฌนโต ‘‘สํวรสุทฺธี’’ติ วุจฺจติฯ ปริเยฎฺฐิสุทฺธิ นาม อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ, ตญฺหิ อเนสนํ ปหาย ธเมฺมน สเมน ปจฺจเย อุปฺปาเทนฺตสฺส ปริเยสนาย สุทฺธตฺตา ‘‘ปริเยฎฺฐิสุทฺธี’’ติ วุจฺจติฯ ปจฺจเวกฺขณสุทฺธิ นาม ปจฺจยปริโภคสนฺนิสฺสิตสีลํ, ตญฺหิ ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฎิเสวตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน วุเตฺตน ปจฺจเวกฺขเณน สุชฺฌนโต ‘‘ปจฺจเวกฺขณสุทฺธี’’ติ วุจฺจติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปฎิคฺคหเณ ปน สติํ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติฯ
Catubbidhā hi suddhi – desanāsuddhi, saṃvarasuddhi, pariyeṭṭhisuddhi, paccavekkhaṇasuddhīti. Tattha desanāsuddhi nāma pātimokkhasaṃvarasīlaṃ , tañhi desanāya sujjhanato ‘‘desanāsuddhī’’ti vuccati. Saṃvarasuddhi nāma indriyasaṃvarasīlaṃ, tañhi na puna evaṃ karissāmīti cittādhiṭṭhānasaṃvareneva sujjhanato ‘‘saṃvarasuddhī’’ti vuccati. Pariyeṭṭhisuddhi nāma ājīvapārisuddhisīlaṃ, tañhi anesanaṃ pahāya dhammena samena paccaye uppādentassa pariyesanāya suddhattā ‘‘pariyeṭṭhisuddhī’’ti vuccati. Paccavekkhaṇasuddhi nāma paccayaparibhogasannissitasīlaṃ, tañhi ‘‘paṭisaṅkhā yoniso cīvaraṃ paṭisevatī’’tiādinā (ma. ni. 1.23; a. ni. 6.58) nayena vuttena paccavekkhaṇena sujjhanato ‘‘paccavekkhaṇasuddhī’’ti vuccati. Tena vuttaṃ – ‘‘paṭiggahaṇe pana satiṃ akatvā paribhoge karontassa anāpattī’’ti.
สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ ปจฺจยปริโภโค ทายชฺชปริโภโค นาม, เต หิ ภควโต ปุตฺตา, ตสฺมา ปิตุสนฺตกานํ ปจฺจยานํ ทายาทา หุตฺวา เต ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺติฯ กิํ ปน เต ภควโต ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺติ, คิหีนํ ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺตีติ? คิหีหิ ทินฺนาปิ ภควตา อนุญฺญาตตฺตา ภควโต สนฺตกา โหนฺติ, ตสฺมา เต ภควโต ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺตีติ (ม. นิ. ๑.๒๙) เวทิตพฺพํ, ธมฺมทายาทสุตฺตเญฺจตฺถ สาธกํฯ
Sattannaṃ sekkhānaṃ paccayaparibhogo dāyajjaparibhogo nāma, te hi bhagavato puttā, tasmā pitusantakānaṃ paccayānaṃ dāyādā hutvā te paccaye paribhuñjanti. Kiṃ pana te bhagavato paccaye paribhuñjanti, gihīnaṃ paccaye paribhuñjantīti? Gihīhi dinnāpi bhagavatā anuññātattā bhagavato santakā honti, tasmā te bhagavato paccaye paribhuñjantīti (ma. ni. 1.29) veditabbaṃ, dhammadāyādasuttañcettha sādhakaṃ.
ขีณาสวานํ ปริโภโค สามิปริโภโค นาม, เต หิ ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภุญฺชนฺตีติฯ อิเมสุ ปริโภเคสุ สามิปริโภโค จ ทายชฺชปริโภโค จ สเพฺพสมฺปิ วฎฺฎติฯ อิณปริโภโค น วฎฺฎติ, เถยฺยปริโภเค กถาเยว นตฺถิฯ
Khīṇāsavānaṃ paribhogo sāmiparibhogo nāma, te hi taṇhāya dāsabyaṃ atītattā sāmino hutvā paribhuñjantīti. Imesu paribhogesu sāmiparibhogo ca dāyajjaparibhogo ca sabbesampi vaṭṭati. Iṇaparibhogo na vaṭṭati, theyyaparibhoge kathāyeva natthi.
อปเรปิ จตฺตาโร ปริโภคา – ลชฺชิปริโภโค, อลชฺชิปริโภโค, ธมฺมิยปริโภโค, อธมฺมิยปริโภโคติฯ
Aparepi cattāro paribhogā – lajjiparibhogo, alajjiparibhogo, dhammiyaparibhogo, adhammiyaparibhogoti.
ตตฺถ อลชฺชิโน ลชฺชินา สทฺธิํ ปริโภโค วฎฺฎติ, อาปตฺติยา น กาเรตโพฺพฯ ลชฺชิโน อลชฺชินา สทฺธิํ ยาว น ชานาติ, ตาว วฎฺฎติฯ อาทิโต ปฎฺฐาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถิ, ตสฺมา ยทาสฺส อลชฺชีภาวํ ชานาติ ตทา วตฺตโพฺพ ‘‘ตุเมฺห กายทฺวาเร จ วจีทฺวาเร จ วีติกฺกมํ กโรถ, ตํ อปฺปติรูปํ มา เอวมกตฺถา’’ติฯ สเจ อนาทิยิตฺวา กโรติเยว, ยทิ เตน สทฺธิํ ปริโภคํ กโรติ, โสปิ อลชฺชีเยว โหติฯ โยปิ อตฺตโน ภารภูเตน อลชฺชินา สทฺธิํ ปริโภคํ กโรติ, โสปิ นิวาเรตโพฺพฯ สเจ น โอรมติ, อยมฺปิ อลชฺชีเยว โหติฯ เอวํ เอโก อลชฺชี อลชฺชีสตมฺปิ กโรติฯ อลชฺชิโน ปน อลชฺชินาว สทฺธิํ ปริโภเค อาปตฺติ นาม นตฺถิฯ ลชฺชิโน ลชฺชินา สทฺธิํ ปริโภโค ทฺวินฺนํ ขตฺติยกุมารานํ สุวณฺณปาติยํ โภชนสทิโสติฯ
Tattha alajjino lajjinā saddhiṃ paribhogo vaṭṭati, āpattiyā na kāretabbo. Lajjino alajjinā saddhiṃ yāva na jānāti, tāva vaṭṭati. Ādito paṭṭhāya hi alajjī nāma natthi, tasmā yadāssa alajjībhāvaṃ jānāti tadā vattabbo ‘‘tumhe kāyadvāre ca vacīdvāre ca vītikkamaṃ karotha, taṃ appatirūpaṃ mā evamakatthā’’ti. Sace anādiyitvā karotiyeva, yadi tena saddhiṃ paribhogaṃ karoti, sopi alajjīyeva hoti. Yopi attano bhārabhūtena alajjinā saddhiṃ paribhogaṃ karoti, sopi nivāretabbo. Sace na oramati, ayampi alajjīyeva hoti. Evaṃ eko alajjī alajjīsatampi karoti. Alajjino pana alajjināva saddhiṃ paribhoge āpatti nāma natthi. Lajjino lajjinā saddhiṃ paribhogo dvinnaṃ khattiyakumārānaṃ suvaṇṇapātiyaṃ bhojanasadisoti.
ธมฺมิยาธมฺมิยปริโภโค ปจฺจยวเสน เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ สเจ ปุคฺคโลปิ อลชฺชี ปิณฺฑปาโตปิ อธมฺมิโย, อุโภ เชคุจฺฉาฯ ปุคฺคโล อลชฺชี ปิณฺฑปาโต ธมฺมิโย, ปุคฺคลํ ชิคุจฺฉิตฺวา ปิณฺฑปาโต น คเหตโพฺพฯ มหาปจฺจริยํ ปน ทุสฺสีโล สงฺฆโต อุเทฺทสภตฺตาทีนิ ลภิตฺวา สงฺฆเสฺสว เทติ, เอตานิ ยถาทานเมว คตตฺตา วฎฺฎนฺตีติ วุตฺตํฯ ปุคฺคโล ลชฺชี ปิณฺฑปาโต อธมฺมิโย, ปิณฺฑปาโต เชคุโจฺฉ น คเหตโพฺพฯ ปุคฺคโล ลชฺชี, ปิณฺฑปาโตปิ ธมฺมิโย, วฎฺฎติฯ
Dhammiyādhammiyaparibhogo paccayavasena veditabbo. Tattha sace puggalopi alajjī piṇḍapātopi adhammiyo, ubho jegucchā. Puggalo alajjī piṇḍapāto dhammiyo, puggalaṃ jigucchitvā piṇḍapāto na gahetabbo. Mahāpaccariyaṃ pana dussīlo saṅghato uddesabhattādīni labhitvā saṅghasseva deti, etāni yathādānameva gatattā vaṭṭantīti vuttaṃ. Puggalo lajjī piṇḍapāto adhammiyo, piṇḍapāto jeguccho na gahetabbo. Puggalo lajjī, piṇḍapātopi dhammiyo, vaṭṭati.
อปเร เทฺว ปคฺคหา; เทฺว จ ปริโภคา – ลชฺชิปคฺคโห, อลชฺชิปคฺคโห; ธมฺมปริโภโค อามิสปริโภโคติฯ
Apare dve paggahā; dve ca paribhogā – lajjipaggaho, alajjipaggaho; dhammaparibhogo āmisaparibhogoti.
ตตฺถ อลชฺชิโน ลชฺชิํ ปคฺคเหตุํ วฎฺฎติ, น โส อาปตฺติยา กาเรตโพฺพฯ สเจ ปน ลชฺชี อลชฺชิํ ปคฺคณฺหาติ, อนุโมทนาย อเชฺฌสติ, ธมฺมกถาย อเชฺฌสติ, กุเลสุ อุปตฺถเมฺภติ ฯ อิตโรปิ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อีทิโส จ อีทิโส จา’’ติ ตสฺส ปริสติ วณฺณํ ภาสติ, อยํ สาสนํ โอสกฺกาเปติ อนฺตรธาเปตีติ เวทิตโพฺพฯ
Tattha alajjino lajjiṃ paggahetuṃ vaṭṭati, na so āpattiyā kāretabbo. Sace pana lajjī alajjiṃ paggaṇhāti, anumodanāya ajjhesati, dhammakathāya ajjhesati, kulesu upatthambheti . Itaropi ‘‘amhākaṃ ācariyo īdiso ca īdiso cā’’ti tassa parisati vaṇṇaṃ bhāsati, ayaṃ sāsanaṃ osakkāpeti antaradhāpetīti veditabbo.
ธมฺมปริโภค-อามิสปริโภเคสุ ปน ยตฺถ อามิสปริโภโค วฎฺฎติ, ตตฺถ ธมฺมปริโภโคปิ วฎฺฎติฯ โย ปน โกฎิยํ ฐิโต คโนฺถ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อจฺจเยน นสฺสิสฺสติ, ตํ ธมฺมานุคฺคเหน อุคฺคณฺหิตุํ วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ
Dhammaparibhoga-āmisaparibhogesu pana yattha āmisaparibhogo vaṭṭati, tattha dhammaparibhogopi vaṭṭati. Yo pana koṭiyaṃ ṭhito gantho tassa puggalassa accayena nassissati, taṃ dhammānuggahena uggaṇhituṃ vaṭṭatīti vuttaṃ.
ตตฺริทํ วตฺถุ – มหาภเย กิร เอกเสฺสว ภิกฺขุโน มหานิเทฺทโส ปคุโณ อโหสิฯ อถ จตุนิกายิกติสฺสเตฺถรสฺส อุปชฺฌาโย มหาติปิฎกเตฺถโร นาม มหารกฺขิตเตฺถรํ อาห – ‘‘อาวุโส มหารกฺขิต, เอตสฺส สนฺติเก มหานิเทฺทสํ คณฺหาหี’’ติฯ ‘‘ปาโป กิรายํ, ภเนฺต, น คณฺหามี’’ติฯ ‘‘คณฺหาวุโส, อหํ เต สนฺติเก นิสีทิสฺสามี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต, ตุเมฺหสุ นิสิเนฺนสุ คณฺหิสฺสามี’’ติ ปฎฺฐเปตฺวา รตฺตินฺทิวํ นิรนฺตรํ ปริยาปุณโนฺต โอสานทิวเส เหฎฺฐามเญฺจ อิตฺถิํ ทิสฺวา ‘‘ภเนฺต, สุตํเยว เม ปุเพฺพ, สจาหํ เอวํ ชาเนยฺยํ, น อีทิสสฺส สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุเณยฺย’’นฺติ อาหฯ ตสฺส ปน สนฺติเก พหู มหาเถรา อุคฺคณฺหิตฺวา มหานิเทฺทสํ ปติฎฺฐาเปสุํฯ
Tatridaṃ vatthu – mahābhaye kira ekasseva bhikkhuno mahāniddeso paguṇo ahosi. Atha catunikāyikatissattherassa upajjhāyo mahātipiṭakatthero nāma mahārakkhitattheraṃ āha – ‘‘āvuso mahārakkhita, etassa santike mahāniddesaṃ gaṇhāhī’’ti. ‘‘Pāpo kirāyaṃ, bhante, na gaṇhāmī’’ti. ‘‘Gaṇhāvuso, ahaṃ te santike nisīdissāmī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante, tumhesu nisinnesu gaṇhissāmī’’ti paṭṭhapetvā rattindivaṃ nirantaraṃ pariyāpuṇanto osānadivase heṭṭhāmañce itthiṃ disvā ‘‘bhante, sutaṃyeva me pubbe, sacāhaṃ evaṃ jāneyyaṃ, na īdisassa santike dhammaṃ pariyāpuṇeyya’’nti āha. Tassa pana santike bahū mahātherā uggaṇhitvā mahāniddesaṃ patiṭṭhāpesuṃ.
๕๘๖. รูปิเย รูปิยสญฺญีติ เอตฺถ สพฺพมฺปิ ชาตรูปรชตํ รูปิยสงฺคหเมว คตนฺติ เวทิตพฺพํฯ
586.Rūpiye rūpiyasaññīti ettha sabbampi jātarūparajataṃ rūpiyasaṅgahameva gatanti veditabbaṃ.
รูปิเย เวมติโกติ ‘‘สุวณฺณํ นุ โข, ขรปตฺตํ นุ โข’’ติอาทินา นเยน สํสยชาโตฯ
Rūpiye vematikoti ‘‘suvaṇṇaṃ nu kho, kharapattaṃ nu kho’’tiādinā nayena saṃsayajāto.
รูปิเย อรูปิยสญฺญีติ สุวณฺณาทีสุ ขรปตฺตาทิสญฺญีฯ อปิจ ปุญฺญกามา ราโชโรธาทโย ภตฺตขชฺชกคนฺธปิณฺฑาทีสุ ปกฺขิปิตฺวา หิรญฺญสุวณฺณํ เทนฺติ, โจฬภิกฺขาย จรนฺตานํ ทสฺสเนฺต พทฺธกหาปณาทีหิเยว สทฺธิํ โจฬกานิ เทนฺติ, ภิกฺขู ภตฺตาทิสญฺญาย วา โจฬกสญฺญาย วา ปฎิคฺคณฺหนฺติ, เอวมฺปิ รูปิเย อรูปิยสญฺญี รูปิยํ คณฺหาตีติ เวทิตโพฺพฯ ปฎิคฺคณฺหเนฺตน ปน ‘‘อิมสฺมิํ เคเห อิทํ ลทฺธ’’นฺติ สลฺลเกฺขตพฺพํฯ เยน หิ อสฺสติยา ทินฺนํ โหติ, โส สติํ ปฎิลภิตฺวา ปุน อาคจฺฉติ, อถสฺส วตฺตพฺพํ – ‘‘ตว โจฬกํ ปสฺสาหี’’ติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Rūpiye arūpiyasaññīti suvaṇṇādīsu kharapattādisaññī. Apica puññakāmā rājorodhādayo bhattakhajjakagandhapiṇḍādīsu pakkhipitvā hiraññasuvaṇṇaṃ denti, coḷabhikkhāya carantānaṃ dassante baddhakahāpaṇādīhiyeva saddhiṃ coḷakāni denti, bhikkhū bhattādisaññāya vā coḷakasaññāya vā paṭiggaṇhanti, evampi rūpiye arūpiyasaññī rūpiyaṃ gaṇhātīti veditabbo. Paṭiggaṇhantena pana ‘‘imasmiṃ gehe idaṃ laddha’’nti sallakkhetabbaṃ. Yena hi assatiyā dinnaṃ hoti, so satiṃ paṭilabhitvā puna āgacchati, athassa vattabbaṃ – ‘‘tava coḷakaṃ passāhī’’ti. Sesamettha uttānatthameva.
สมุฎฺฐานาทีสุ ฉสมุฎฺฐานํ, สิยา กิริยํ คหเณน อาปชฺชนโต, สิยา อกิริยํ ปฎิเกฺขปสฺส อกรณโต รูปิยอญฺญวาทกอุปสฺสุติสิกฺขาปทานิ หิ ตีณิ เอกปริเจฺฉทานิ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Samuṭṭhānādīsu chasamuṭṭhānaṃ, siyā kiriyaṃ gahaṇena āpajjanato, siyā akiriyaṃ paṭikkhepassa akaraṇato rūpiyaaññavādakaupassutisikkhāpadāni hi tīṇi ekaparicchedāni, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammavacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๘. รูปิยสิกฺขาปทํ • 8. Rūpiyasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā