Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา

    8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā

    ๕๘๓-๕๘๔. รูปิยสิกฺขาปเท ปน สตฺถุวโณฺณติ สตฺถุนา สมานวโณฺณฯ สตฺถุโน วโณฺณ สตฺถุวโณฺณ, สตฺถุวโณฺณ วิย วโณฺณ อสฺสาติ สตฺถุวโณฺณติ มชฺฌปทโลปีสมาโส ทฎฺฐโพฺพฯ ปากติโก นาม เอตรหิ ปกติกหาปโณฯ รุกฺขผลพีชมโยติ ตินฺติณิกาทิรุกฺขานํ ผลพีเชน กโตฯ อิเจฺจตํ สพฺพมฺปีติ ยถาวุตฺตเภทํ สพฺพมฺปิ จตุพฺพิธํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ ชาตรูปมาสโกติ สุวณฺณกหาปโณฯ

    583-584. Rūpiyasikkhāpade pana satthuvaṇṇoti satthunā samānavaṇṇo. Satthuno vaṇṇo satthuvaṇṇo, satthuvaṇṇo viya vaṇṇo assāti satthuvaṇṇoti majjhapadalopīsamāso daṭṭhabbo. Pākatiko nāma etarahi pakatikahāpaṇo. Rukkhaphalabījamayoti tintiṇikādirukkhānaṃ phalabījena kato. Iccetaṃ sabbampīti yathāvuttabhedaṃ sabbampi catubbidhaṃ nissaggiyavatthu hotīti sambandho. Jātarūpamāsakoti suvaṇṇakahāpaṇo.

    คเณฺหยฺยาติ อตฺตโน อตฺถาย ทียมานํ วา กตฺถจิ ฐิตํ วา นิปฺปริคฺคหํ ทิสฺวา สยํ คเณฺหยฺยฯ ‘‘อิทํ อยฺยสฺส โหตู’’ติ เอวํ สมฺมุขา วา ‘‘อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน มม หิรญฺญสุวณฺณํ อตฺถิ, ตํ ตุยฺหํ โหตู’’ติ เอวํ ปรมฺมุขา ฐิตํ วา เกวลํ วาจาย วา หตฺถมุทฺทาย วา ‘‘ตุยฺห’’นฺติ วตฺวา ปริจฺจตฺตสฺส กายวาจาหิ อปฺปฎิกฺขิปิตฺวา จิเตฺตน สาทิยนํ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนํ นามฯ ‘‘สาทิยตี’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ ‘‘คณฺหิตุกาโม โหตี’’ติฯ ‘‘อิทํ คุตฺตฎฺฐาน’’นฺติ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ปจฺจยปริโภคํเยว สนฺธาย อาจิกฺขิตพฺพํฯ ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’’ติ วุเตฺต ‘‘อุคฺคณฺหาเปยฺย วา’’ติ วุตฺตลกฺขเณน นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ อาห – ‘‘อิธ นิกฺขิปาหีติ น วตฺตพฺพ’’นฺติฯ ปรโต ‘‘อิมํ คณฺหา’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ กปฺปิยญฺจ อกปฺปิยญฺจ นิสฺสาย ฐิตเมว โหตีติ ยสฺมา ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยปริโภโค กปฺปติ, ตสฺมา กปฺปิยํ นิสฺสาย ฐิตํฯ ยสฺมา ปน ทุพฺพิจารณาย ตโต อุปฺปนฺนปจฺจยปริโภโคปิ น กปฺปติ, ตสฺมา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ฐิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Gaṇheyyāti attano atthāya dīyamānaṃ vā katthaci ṭhitaṃ vā nippariggahaṃ disvā sayaṃ gaṇheyya. ‘‘Idaṃ ayyassa hotū’’ti evaṃ sammukhā vā ‘‘asukasmiṃ nāma ṭhāne mama hiraññasuvaṇṇaṃ atthi, taṃ tuyhaṃ hotū’’ti evaṃ parammukhā ṭhitaṃ vā kevalaṃ vācāya vā hatthamuddāya vā ‘‘tuyha’’nti vatvā pariccattassa kāyavācāhi appaṭikkhipitvā cittena sādiyanaṃ upanikkhittasādiyanaṃ nāma. ‘‘Sādiyatī’’ti vuttamevatthaṃ vibhāveti ‘‘gaṇhitukāmo hotī’’ti. ‘‘Idaṃ guttaṭṭhāna’’nti ācikkhitabbanti paccayaparibhogaṃyeva sandhāya ācikkhitabbaṃ. ‘‘Idha nikkhipāhī’’ti vutte ‘‘uggaṇhāpeyya vā’’ti vuttalakkhaṇena nissaggiyaṃ hotīti āha – ‘‘idha nikkhipāhīti na vattabba’’nti. Parato ‘‘imaṃ gaṇhā’’ti na vattabbanti etthāpi eseva nayo. Kappiyañca akappiyañca nissāya ṭhitameva hotīti yasmā tato uppannapaccayaparibhogo kappati, tasmā kappiyaṃ nissāya ṭhitaṃ. Yasmā pana dubbicāraṇāya tato uppannapaccayaparibhogopi na kappati, tasmā akappiyaṃ nissāya ṭhitanti veditabbaṃ.

    น เตน กิญฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตนฺติ เอตฺถ เจตาปิตํ เจ, นตฺถิ ปริโภคุปาโย, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํฯ อกปฺปิยญฺหิ นิสฺสคฺคิยํ วตฺถุํ อุคฺคณฺหิตฺวา ตํ อนิสฺสชฺชิตฺวาว เจตาปิตํ กปฺปิยภณฺฑํ สงฺฆสฺส นิสฺสฎฺฐมฺปิ สเพฺพสํ น กปฺปติฯ เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา นิสฺสคฺคิยํ วตฺถุํ ปฎิคฺคเหตฺวา เจตาปิตํ กปฺปิยภณฺฑํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชามีติ นิสฺสฎฺฐํ วินาว อุปายํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, ตสฺมา ‘น เตน กิญฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิต’นฺติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ ‘‘อารามิกานํ วา ปตฺตภาคนฺติ อิทํ คิหีนํ หตฺถคโตปิ โสเยว ภาโคติ กตฺวา วุตฺตํฯ สเจ ปน เตน อญฺญํ ปริวเตฺตตฺวา อารามิกา เทนฺติ, ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติ มชฺฌิมคณฺฐิปเท จูฬคณฺฐิปเท จ วุตฺตํฯ ตโต หริตฺวาติ อเญฺญสํ ปตฺตภาคโต หริตฺวาฯ กสิณปริกมฺมนฺติ อาโลกกสิณปริกมฺมํฯ มญฺจปีฐาทีนิ วาติ เอตฺถ ‘‘ตโต คหิตมญฺจปีฐาทีนิ ปริวเตฺตตฺวา อญฺญํ เจ คหิตํ, วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ ฉายาปีติ โภชนสาลาทีนํ ฉายาปิฯ ปริเจฺฉทาติกฺกนฺตาติ เคหปริเจฺฉทํ อติกฺกนฺตา, ฉายาย คตคตฎฺฐานํ เคหํ นาม น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ มเคฺคนปีติ เอตฺถ ‘‘สเจ อโญฺญ มโคฺค นตฺถิ, มคฺคํ อธิฎฺฐหิตฺวา คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ กีตายาติ เตน วตฺถุนา กีตายฯ อุปนิเกฺขปํ ฐเปตฺวา สโงฺฆ ปจฺจเย ปริภุญฺชตีติ สเจ อุปาสโก ‘‘อติพหุ เอตํ หิรญฺญํ, อิทํ, ภเนฺต, อเชฺชว น วินาเสตพฺพ’’นฺติ วตฺวา สยํ อุปนิเกฺขปํ ฐเปติ, อเญฺญน วา ฐปาเปติ, เอตํ อุปนิเกฺขปํ ฐเปตฺวา ตโต อุทยํ ปริภุญฺชโนฺต สโงฺฆ ปจฺจเย ปริภุญฺชติ, เตน วตฺถุนา คหิตตฺตา ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Na tena kiñci kappiyabhaṇḍaṃ cetāpitanti ettha cetāpitaṃ ce, natthi paribhogupāyo, tasmā evaṃ vuttaṃ. Akappiyañhi nissaggiyaṃ vatthuṃ uggaṇhitvā taṃ anissajjitvāva cetāpitaṃ kappiyabhaṇḍaṃ saṅghassa nissaṭṭhampi sabbesaṃ na kappati. Keci pana ‘‘yasmā nissaggiyaṃ vatthuṃ paṭiggahetvā cetāpitaṃ kappiyabhaṇḍaṃ saṅghassa nissajjāmīti nissaṭṭhaṃ vināva upāyaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭati, tasmā ‘na tena kiñci kappiyabhaṇḍaṃ cetāpita’nti vutta’’nti vadanti. ‘‘Ārāmikānaṃ vā pattabhāganti idaṃ gihīnaṃ hatthagatopi soyeva bhāgoti katvā vuttaṃ. Sace pana tena aññaṃ parivattetvā ārāmikā denti, paribhuñjituṃ vaṭṭatī’’ti majjhimagaṇṭhipade cūḷagaṇṭhipade ca vuttaṃ. Tato haritvāti aññesaṃ pattabhāgato haritvā. Kasiṇaparikammanti ālokakasiṇaparikammaṃ. Mañcapīṭhādīni vāti ettha ‘‘tato gahitamañcapīṭhādīni parivattetvā aññaṃ ce gahitaṃ, vaṭṭatī’’ti vadanti. Chāyāpīti bhojanasālādīnaṃ chāyāpi. Paricchedātikkantāti gehaparicchedaṃ atikkantā, chāyāya gatagataṭṭhānaṃ gehaṃ nāma na hotīti adhippāyo. Maggenapīti ettha ‘‘sace añño maggo natthi, maggaṃ adhiṭṭhahitvā gantuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Kītāyāti tena vatthunā kītāya. Upanikkhepaṃ ṭhapetvā saṅgho paccaye paribhuñjatīti sace upāsako ‘‘atibahu etaṃ hiraññaṃ, idaṃ, bhante, ajjeva na vināsetabba’’nti vatvā sayaṃ upanikkhepaṃ ṭhapeti, aññena vā ṭhapāpeti, etaṃ upanikkhepaṃ ṭhapetvā tato udayaṃ paribhuñjanto saṅgho paccaye paribhuñjati, tena vatthunā gahitattā ‘‘akappiya’’nti vuttaṃ.

    ๕๘๕. ปติโตกาสํ อสมนฺนาหรเนฺตน ปาเตตพฺพนฺติ อิทํ นิรเปกฺขภาวทสฺสนปรนฺติ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ปติตฎฺฐาเน ญาเตปิสฺส คูถํ ฉเฑฺฑนฺตสฺส วิย นิรเปกฺขภาโวเยเวตฺถ ปมาณนฺติ เวทิตพฺพํฯ อสนฺตสมฺภาวนายาติ อตฺตนิ อวิชฺชมานอุตฺตริมนุสฺสธมฺมาโรจนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เถยฺยปริโภโค นาม อนรหสฺส ปริโภโคฯ ภควตา หิ อตฺตโน สาสเน สีลวโต ปจฺจยา อนุญฺญาตา, น ทุสฺสีลสฺสฯ ทายกานมฺปิ สีลวโต เอว ปริจฺจาโค, น ทุสฺสีลสฺส อตฺตโน การานํ มหปฺผลภาวสฺส ปจฺจาสีสนโตฯ อิติ สตฺถารา อนนุญฺญาตตฺตา ทายเกหิ จ อปริจฺจตฺตตฺตา ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโคฯ อิณวเสน ปริโภโค อิณปริโภโค, ปฎิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา อภาวโต อิณํ คเหตฺวา ปริโภโค วิยาติ อโตฺถฯ ตสฺมาติ ‘‘สีลวโต’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติฯ จีวรํ ปริโภเค ปริโภเคติ กายโต โมเจตฺวา โมเจตฺวา ปริโภเคฯ ปุเรภตฺต…เป.… ปจฺฉิมยาเมสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตถา อสโกฺกเนฺตน ยถาวุตฺตกาลวิเสสวเสน เอกสฺมิํ ทิวเส จตุกฺขตฺตุํ ติกฺขตฺตุํ ทฺวิกฺขตฺตุํ สกิํเยว วา ปจฺจเวกฺขิตพฺพํฯ

    585.Patitokāsaṃ asamannāharantena pātetabbanti idaṃ nirapekkhabhāvadassanaparanti veditabbaṃ, tasmā patitaṭṭhāne ñātepissa gūthaṃ chaḍḍentassa viya nirapekkhabhāvoyevettha pamāṇanti veditabbaṃ. Asantasambhāvanāyāti attani avijjamānauttarimanussadhammārocanaṃ sandhāya vuttaṃ. Theyyaparibhogo nāma anarahassa paribhogo. Bhagavatā hi attano sāsane sīlavato paccayā anuññātā, na dussīlassa. Dāyakānampi sīlavato eva pariccāgo, na dussīlassa attano kārānaṃ mahapphalabhāvassa paccāsīsanato. Iti satthārā ananuññātattā dāyakehi ca apariccattattā dussīlassa paribhogo theyyaparibhogo. Iṇavasena paribhogo iṇaparibhogo, paṭiggāhakato dakkhiṇāvisuddhiyā abhāvato iṇaṃ gahetvā paribhogo viyāti attho. Tasmāti ‘‘sīlavato’’tiādinā vuttamevatthaṃ kāraṇabhāvena paccāmasati. Cīvaraṃ paribhoge paribhogeti kāyato mocetvā mocetvā paribhoge. Purebhatta…pe… pacchimayāmesu paccavekkhitabbanti sambandho. Tathā asakkontena yathāvuttakālavisesavasena ekasmiṃ divase catukkhattuṃ tikkhattuṃ dvikkhattuṃ sakiṃyeva vā paccavekkhitabbaṃ.

    สจสฺส อปจฺจเวกฺขโตว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฎฺฐาเน ติฎฺฐตีติ เอตฺถ ‘‘หิโยฺย ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตํ, ตํ ยาวเทว สีตสฺส ปฎิฆาตาย…เป.… หิริโกปีนปฺปฎิจฺฉาทนตฺถํ, หิโยฺย โย มยา ปิณฺฑปาโต ปริภุโตฺต, โส เนว ทวายาติอาทินา สเจ อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณํ น กเรยฺย, อิณปริโภคฎฺฐาเน ติฎฺฐตี’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํฯ เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเคติ ปเวเส ปเวเสฯ เอวํ ปน อสโกฺกเนฺตน ปุเรภตฺตาทีสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํฯ ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว สกฺกา วิญฺญาตุนฺติ อิธ วิสุํ น วุตฺตํฯ สติปจฺจยตาติ สติยา ปจฺจยภาโว, ปฎิคฺคหณสฺส ปริโภคสฺส จ ปจฺจเวกฺขณสติยา ปจฺจยภาโว ยุชฺชติ, ปจฺจเวกฺขิตฺวาว ปฎิคฺคเหตพฺพํ ปริภุญฺชิตพฺพญฺจาติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘สติํ กตฺวา’’ติอาทิฯ เอวํ สเนฺตปีติ ยทิปิ ทฺวีสุปิ ฐาเนสุ ปจฺจเวกฺขณา ยุตฺตา, เอวํ สเนฺตปิฯ อปเร ปนาหุ ‘‘สติปจฺจยตาติ สติเภสชฺชปริโภคสฺส ปจฺจยภาเว ปจฺจเยติ อโตฺถฯ เอวํ สเนฺตปีติ ปจฺจเย สติปี’’ติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํฯ ตถา หิ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปจฺจเวกฺขณาย วิสุชฺฌติ, น ปจฺจยสพฺภาวมเตฺตนฯ

    Sacassaapaccavekkhatova aruṇo uggacchati, iṇaparibhogaṭṭhāne tiṭṭhatīti ettha ‘‘hiyyo yaṃ mayā cīvaraṃ paribhuttaṃ, taṃ yāvadeva sītassa paṭighātāya…pe… hirikopīnappaṭicchādanatthaṃ, hiyyo yo mayā piṇḍapāto paribhutto, so neva davāyātiādinā sace atītaparibhogapaccavekkhaṇaṃ na kareyya, iṇaparibhogaṭṭhāne tiṭṭhatī’’ti vadanti, vīmaṃsitabbaṃ. Senāsanampi paribhoge paribhogeti pavese pavese. Evaṃ pana asakkontena purebhattādīsu paccavekkhitabbaṃ. Taṃ heṭṭhā vuttanayeneva sakkā viññātunti idha visuṃ na vuttaṃ. Satipaccayatāti satiyā paccayabhāvo, paṭiggahaṇassa paribhogassa ca paccavekkhaṇasatiyā paccayabhāvo yujjati, paccavekkhitvāva paṭiggahetabbaṃ paribhuñjitabbañcāti attho. Tenevāha ‘‘satiṃ katvā’’tiādi. Evaṃ santepīti yadipi dvīsupi ṭhānesu paccavekkhaṇā yuttā, evaṃ santepi. Apare panāhu ‘‘satipaccayatāti satibhesajjaparibhogassa paccayabhāve paccayeti attho. Evaṃ santepīti paccaye satipī’’ti, taṃ tesaṃ matimattaṃ. Tathā hi paccayasannissitasīlaṃ paccavekkhaṇāya visujjhati, na paccayasabbhāvamattena.

    นนุ จ ‘‘ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตํ, ตสฺมา ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส จ โก วิเสโสติ? วุจฺจเต – ปุริเมสุ ตาว ตีสุ ปจฺจเยสุ วิเสโส ปากโฎเยว, คิลานปจฺจเย ปน ยถา วติํ กตฺวา รุกฺขมูเล โคปิเต ตสฺส ผลานิปิ รกฺขิตานิเยว โหนฺติ, เอวเมว ปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีเล รกฺขิเต ตปฺปฎิพทฺธํ ปาติโมกฺขสํวรสีลมฺปิ นิปฺผนฺนํ นาม โหติฯ คิลานปจฺจยํ อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส สีลํ ภิชฺชมานํ ปาติโมกฺขสํวรสีลเมว ภิชฺชติ, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปน ปจฺฉาภตฺตปุริมยามาทีสุ ยาว อรุณุคฺคมนา อปจฺจเวกฺขนฺตเสฺสว ภิชฺชติฯ ปุเรภตฺตญฺหิ อปจฺจเวกฺขิตฺวาปิ คิลานปจฺจยํ ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติ, อิทเมเตสํ นานากรณํฯ

    Nanu ca ‘‘paribhoge karontassa anāpattī’’ti iminā pātimokkhasaṃvarasīlaṃ vuttaṃ, tasmā paccayasannissitasīlassa pātimokkhasaṃvarasīlassa ca ko visesoti? Vuccate – purimesu tāva tīsu paccayesu viseso pākaṭoyeva, gilānapaccaye pana yathā vatiṃ katvā rukkhamūle gopite tassa phalānipi rakkhitāniyeva honti, evameva paccavekkhaṇāya paccayasannissitasīle rakkhite tappaṭibaddhaṃ pātimokkhasaṃvarasīlampi nipphannaṃ nāma hoti. Gilānapaccayaṃ apaccavekkhitvā paribhuñjantassa sīlaṃ bhijjamānaṃ pātimokkhasaṃvarasīlameva bhijjati, paccayasannissitasīlaṃ pana pacchābhattapurimayāmādīsu yāva aruṇuggamanā apaccavekkhantasseva bhijjati. Purebhattañhi apaccavekkhitvāpi gilānapaccayaṃ paribhuñjantassa anāpatti, idametesaṃ nānākaraṇaṃ.

    เอวํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส วิสุทฺธิํ ทเสฺสตฺวา เตเนว ปสเงฺคน สพฺพาปิ สุทฺธิโย ทเสฺสตุํ ‘‘จตุพฺพิธา หิ สุทฺธี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุชฺฌติ เอตายาติ สุทฺธิ, ยถาธมฺมํ เทสนาว สุทฺธิ เทสนาสุทฺธิฯ วุฎฺฐานสฺสปิ เจตฺถ เทสนาย เอว สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ฉินฺนมูลาปตฺตีนํ ปน อภิกฺขุตาปฎิญฺญาว เทสนาฯ อธิฎฺฐานวิสิโฎฺฐ สํวโรว สุทฺธิ สํวรสุทฺธิฯ ธเมฺมน สเมน ปจฺจยานํ ปริเยฎฺฐิ เอว สุทฺธิ ปริเยฎฺฐิสุทฺธิฯ จตูสุ ปจฺจเยสุ วุตฺตวิธินา ปจฺจเวกฺขณาว สุทฺธิ ปจฺจเวกฺขณสุทฺธิฯ เอส ตาว สุทฺธีสุ สมาสนโยฯ สุทฺธิมเนฺตสุ สีเลสุ เทสนา สุทฺธิ เอตสฺสาติ เทสนาสุทฺธิฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ น ปุน เอวํ กริสฺสามีติ เอตฺถ เอวนฺติ สํวรเภทํ สนฺธายาหฯ ปหายาติ วเชฺชตฺวา, อกตฺวาติ อโตฺถฯ ทาตพฺพเฎฺฐน ทายํ, ตํ อาทิยนฺตีติ ทายาทา, อนนุญฺญาเตสุ สเพฺพน สพฺพํ ปริโภคาภาวโต อนุญฺญาเตสุเยว จ ปริโภคสพฺภาวภาวโต ภิกฺขูหิ ปริภุญฺชิตพฺพปจฺจยา ภควโต สนฺตกาฯ ธมฺมทายาทสุตฺตเญฺจตฺถ สาธกนฺติ –

    Evaṃ paccayasannissitasīlassa visuddhiṃ dassetvā teneva pasaṅgena sabbāpi suddhiyo dassetuṃ ‘‘catubbidhā hi suddhī’’tiādimāha. Tattha sujjhati etāyāti suddhi, yathādhammaṃ desanāva suddhi desanāsuddhi. Vuṭṭhānassapi cettha desanāya eva saṅgaho daṭṭhabbo. Chinnamūlāpattīnaṃ pana abhikkhutāpaṭiññāva desanā. Adhiṭṭhānavisiṭṭho saṃvarova suddhi saṃvarasuddhi. Dhammena samena paccayānaṃ pariyeṭṭhi eva suddhi pariyeṭṭhisuddhi. Catūsu paccayesu vuttavidhinā paccavekkhaṇāva suddhi paccavekkhaṇasuddhi. Esa tāva suddhīsu samāsanayo. Suddhimantesu sīlesu desanā suddhi etassāti desanāsuddhi. Sesesupi eseva nayo. Na puna evaṃ karissāmīti ettha evanti saṃvarabhedaṃ sandhāyāha. Pahāyāti vajjetvā, akatvāti attho. Dātabbaṭṭhena dāyaṃ, taṃ ādiyantīti dāyādā, ananuññātesu sabbena sabbaṃ paribhogābhāvato anuññātesuyeva ca paribhogasabbhāvabhāvato bhikkhūhi paribhuñjitabbapaccayā bhagavato santakā. Dhammadāyādasuttañcettha sādhakanti –

    ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทาฯ อตฺถิ เม ตุเมฺหสุ อนุกมฺปา, ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๙) –

    ‘‘Dhammadāyādā me, bhikkhave, bhavatha, mā āmisadāyādā. Atthi me tumhesu anukampā, ‘kinti me sāvakā dhammadāyādā bhaveyyuṃ, no āmisadāyādā’’’ti (ma. ni. 1.29) –

    เอวํ ปวตฺตํ ธมฺมทายาทสุตฺตญฺจ เอตฺถ เอตสฺมิํ อเตฺถ สาธกํฯ

    Evaṃ pavattaṃ dhammadāyādasuttañca ettha etasmiṃ atthe sādhakaṃ.

    อวีตราคานํ ตณฺหาปรวสตาย ปจฺจยปริโภเค สามิภาโว นตฺถิ, ตทภาเวน วีตราคานํ ตตฺถ สามิภาโว ยถารุจิ ปริโภคสพฺภาวโตฯ ตถา หิ เต ปฎิกูลมฺปิ อปฺปฎิกูลากาเรน อปฺปฎิกูลมฺปิ ปฎิกูลากาเรน ตทุภยมฺปิ วเชฺชตฺวา อชฺฌุเปกฺขนากาเรน ปจฺจเย ปริภุญฺชนฺติ, ทายกานญฺจ มโนรถํ ปริปูเรนฺติฯ เตนาห – ‘‘เต หิ ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภุญฺชนฺตี’’ติฯ โย ปนายํ สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค, โส อิณปริโภคสฺส ปจฺจนีกตฺตา อาณณฺยปริโภโค นาม โหติฯ ยถา หิ อิณายิโก อตฺตโน รุจิยา อิจฺฉิตเทสํ คนฺตุํ น ลภติ, เอวํ อิณปริโภคยุโตฺต โลกโต นิสฺสริตุํ น ลภตีติ ตปฺปฎิปกฺขตฺตา สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อาณณฺยปริโภโคติ วุจฺจติ, ตสฺมา นิปฺปริยายโต จตุปริโภควินิมุโตฺต วิสุํเยวายํ ปริโภโคติ เวทิตโพฺพฯ โส อิธ วิสุํ น วุโตฺต, ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉตีติฯ สีลวาปิ หิ อิมาย สิกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา เสโกฺขเตฺวว วุจฺจติฯ สเพฺพสนฺติ อริยานํ ปุถุชฺชนานญฺจฯ

    Avītarāgānaṃ taṇhāparavasatāya paccayaparibhoge sāmibhāvo natthi, tadabhāvena vītarāgānaṃ tattha sāmibhāvo yathāruci paribhogasabbhāvato. Tathā hi te paṭikūlampi appaṭikūlākārena appaṭikūlampi paṭikūlākārena tadubhayampi vajjetvā ajjhupekkhanākārena paccaye paribhuñjanti, dāyakānañca manorathaṃ paripūrenti. Tenāha – ‘‘te hi taṇhāya dāsabyaṃ atītattā sāmino hutvā paribhuñjantī’’ti. Yo panāyaṃ sīlavato paccavekkhitaparibhogo, so iṇaparibhogassa paccanīkattā āṇaṇyaparibhogo nāma hoti. Yathā hi iṇāyiko attano ruciyā icchitadesaṃ gantuṃ na labhati, evaṃ iṇaparibhogayutto lokato nissarituṃ na labhatīti tappaṭipakkhattā sīlavato paccavekkhitaparibhogo āṇaṇyaparibhogoti vuccati, tasmā nippariyāyato catuparibhogavinimutto visuṃyevāyaṃ paribhogoti veditabbo. So idha visuṃ na vutto, dāyajjaparibhogeyeva vā saṅgahaṃ gacchatīti. Sīlavāpi hi imāya sikkhāya samannāgatattā sekkhotveva vuccati. Sabbesanti ariyānaṃ puthujjanānañca.

    กถํ ปุถุชฺชนานํ อิเม ปริโภคา สมฺภวนฺตีติ? อุปจารวเสนฯ โย หิ ปุถุชฺชนสฺสปิ สเลฺลขปฺปฎิปตฺติยํ ฐิตสฺส ปจฺจยเคธํ ปหาย ตตฺถ อนุปลิเตฺตน จิเตฺตน ปริโภโค, โส สามิปริโภโค วิย โหติฯ สีลวโต ปน ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ทายชฺชปริโภโค วิย โหติ ทายกานํ มโนรถสฺส อวิราธนโตฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติฯ กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส ปริโภเค วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ตสฺส เสกฺขสงฺคหโตฯ เสกฺขสุตฺตเญฺหตสฺส อตฺถสฺส สาธกํฯ

    Kathaṃ puthujjanānaṃ ime paribhogā sambhavantīti? Upacāravasena. Yo hi puthujjanassapi sallekhappaṭipattiyaṃ ṭhitassa paccayagedhaṃ pahāya tattha anupalittena cittena paribhogo, so sāmiparibhogo viya hoti. Sīlavato pana paccavekkhitaparibhogo dāyajjaparibhogo viya hoti dāyakānaṃ manorathassa avirādhanato. Teneva vuttaṃ ‘‘dāyajjaparibhogeyeva vā saṅgahaṃ gacchatī’’ti. Kalyāṇaputhujjanassa paribhoge vattabbameva natthi tassa sekkhasaṅgahato. Sekkhasuttañhetassa atthassa sādhakaṃ.

    ลชฺชินา สทฺธิํ ปริโภโค นาม ลชฺชิสฺส สนฺตกํ คเหตฺวา ปริโภโคฯ อลชฺชินา สทฺธินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อาทิโต ปฎฺฐาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถีติ อิมินา ทิฎฺฐทิเฎฺฐสุเยว อาสงฺกา น กาตพฺพาติ ทเสฺสติฯ อตฺตโน ภารภูตา สทฺธิวิหาริกาทโยฯ โสปิ นิวาเรตโพฺพติ โย ปสฺสติ, เตน นิวาเรตโพฺพฯ ยสฺมา อลชฺชีปริโภโค นาม ลชฺชิโน วุจฺจติ, ตสฺมา อาปตฺติ นาม นตฺถิ อุภินฺนมฺปิ อลชฺชีภาวโต, ‘‘อลชฺชีปริโภโค’’ติ อิทํ นามมตฺตเมว น ลพฺภตีติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘อาปตฺติ ปน อตฺถิเยวาติ วทนฺตี’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ

    Lajjinā saddhiṃ paribhogo nāma lajjissa santakaṃ gahetvā paribhogo. Alajjinā saddhinti etthāpi eseva nayo. Ādito paṭṭhāya hi alajjī nāma natthīti iminā diṭṭhadiṭṭhesuyeva āsaṅkā na kātabbāti dasseti. Attano bhārabhūtā saddhivihārikādayo. Sopi nivāretabboti yo passati, tena nivāretabbo. Yasmā alajjīparibhogo nāma lajjino vuccati, tasmā āpatti nāma natthi ubhinnampi alajjībhāvato, ‘‘alajjīparibhogo’’ti idaṃ nāmamattameva na labbhatīti vuttaṃ hoti. ‘‘Āpatti pana atthiyevāti vadantī’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ.

    อธมฺมิโยติ อเนสนาทีหิ อุปฺปโนฺนฯ ธมฺมิโยติ ภิกฺขาจริยาทีหิ อุปฺปโนฺนฯ สงฺฆเสฺสว เทตีติ ภตฺตํ อคฺคเหตฺวา อตฺตนา ลทฺธสลากํเยว เทติฯ สเจ ปน ลชฺชี อลชฺชิํ ปคฺคณฺหาติ…เป.… อนฺตรธาเปตีติ เอตฺถ เกวลํ ปคฺคณฺหิตุกามตาย เอวํ กาตุํ น วฎฺฎติ, ธมฺมสฺส ปน สาสนสฺส โสตูนญฺจ อนุคฺคหตฺถาย วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ ปุริมนเยน ‘‘โส อาปตฺติยา กาเรตโพฺพ’’ติ วุตฺตตฺตา อิมสฺส อาปตฺติเยวาติ วทนฺติฯ อุเทฺทสคฺคหณาทินา ธมฺมสฺส ปริโภโค ธมฺมปริโภโคฯ ธมฺมานุคฺคเหน คณฺหนฺตสฺส อาปตฺติยา อภาเวปิ เถโร ตสฺส อลชฺชิภาวํเยว สนฺธาย ‘‘ปาโป กิราย’’นฺติอาทิมาหฯ ตสฺส ปน สนฺติเกติ มหารกฺขิตเตฺถรสฺส สนฺติเกฯ

    Adhammiyoti anesanādīhi uppanno. Dhammiyoti bhikkhācariyādīhi uppanno. Saṅghasseva detīti bhattaṃ aggahetvā attanā laddhasalākaṃyeva deti. Sace pana lajjī alajjiṃ paggaṇhāti…pe… antaradhāpetīti ettha kevalaṃ paggaṇhitukāmatāya evaṃ kātuṃ na vaṭṭati, dhammassa pana sāsanassa sotūnañca anuggahatthāya vaṭṭatīti veditabbaṃ. Purimanayena ‘‘so āpattiyā kāretabbo’’ti vuttattā imassa āpattiyevāti vadanti. Uddesaggahaṇādinā dhammassa paribhogo dhammaparibhogo. Dhammānuggahena gaṇhantassa āpattiyā abhāvepi thero tassa alajjibhāvaṃyeva sandhāya ‘‘pāpo kirāya’’ntiādimāha. Tassa pana santiketi mahārakkhitattherassa santike.

    ๕๘๖. ราโชโรธาทโยติอาทิ ‘‘อิทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ เจตนามตฺตสมฺภวโต วุตฺตํฯ อสฺสติยา ทินฺนนฺติ เอตฺถ อสฺสติยา ทินฺนํ นาม อปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺมา ทสเนฺต พทฺธกหาปณาทิ อสฺสติยา ทินฺนํ ภิกฺขุนา วตฺถสญฺญาย ปฎิคฺคหิตญฺจ, ตโต เนว รูปิยํ ทินฺนํ, นาปิ ปฎิคฺคหิตญฺจ โหตีติ เอตฺถ อาปตฺติเทสนากิจฺจํ นตฺถิ, ตํ ปน ทายกานเมว ปฎิทาตพฺพํฯ เตน อกปฺปิยวตฺถุนา เต เจ ทายกา สปฺปิอาทีนิ กิณิตฺวาน สงฺฆสฺส ตสฺส จ ภิกฺขุโน เทนฺติ, สเพฺพสํ กปฺปติ ทายกานํเยว สนฺตกตฺตาฯ อฎฺฐกถายํ ปน ปุญฺญกาเมหิ ปริจฺจชิตฺวา ทินฺนเมว สนฺธาย ‘‘ปุญฺญกามา…เป.… รูปิเย อรูปิยสญฺญี รูปิยํ ปฎิคฺคณฺหาตีติ เวทิตโพฺพ’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ปริจฺจชิตฺวา ทินฺนํ วตฺถสญฺญาย คณฺหโตปิ นิสฺสคฺคิยเมวฯ เตน ยทิ เต ทายกา โน อาคนฺตฺวา คณฺหนฺติ, ทายเก ปุจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย เจ ปริจฺจตฺตํ, สเงฺฆ นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติ เทเสตพฺพาฯ ตว โจฬกํ ปสฺสาหีหิ อิมินา คิหิสนฺตเกปิ ‘‘อิทํ คณฺหถา’’ติอาทิอกปฺปิยโวหาเรน วิธานํ ภิกฺขุโน น กปฺปตีติ ทีเปติฯ เอกปริเจฺฉทานีติ กิริยากิริยภาวโต เอกปริเจฺฉทานิฯ ชาตรูปรชตภาโว, อตฺตุเทฺทสิกตา, กหาปณาทีสุ อญฺญตรภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ

    586.Rājorodhādayotiādi ‘‘idaṃ gaṇhissāmī’’ti cetanāmattasambhavato vuttaṃ. Assatiyā dinnanti ettha assatiyā dinnaṃ nāma apariccattaṃ hoti, tasmā dasante baddhakahāpaṇādi assatiyā dinnaṃ bhikkhunā vatthasaññāya paṭiggahitañca, tato neva rūpiyaṃ dinnaṃ, nāpi paṭiggahitañca hotīti ettha āpattidesanākiccaṃ natthi, taṃ pana dāyakānameva paṭidātabbaṃ. Tena akappiyavatthunā te ce dāyakā sappiādīni kiṇitvāna saṅghassa tassa ca bhikkhuno denti, sabbesaṃ kappati dāyakānaṃyeva santakattā. Aṭṭhakathāyaṃ pana puññakāmehi pariccajitvā dinnameva sandhāya ‘‘puññakāmā…pe… rūpiye arūpiyasaññī rūpiyaṃ paṭiggaṇhātīti veditabbo’’ti vuttaṃ, tasmā pariccajitvā dinnaṃ vatthasaññāya gaṇhatopi nissaggiyameva. Tena yadi te dāyakā no āgantvā gaṇhanti, dāyake pucchitvā attano atthāya ce pariccattaṃ, saṅghe nissajjitvā āpatti desetabbā. Tava coḷakaṃ passāhīhi iminā gihisantakepi ‘‘idaṃ gaṇhathā’’tiādiakappiyavohārena vidhānaṃ bhikkhuno na kappatīti dīpeti. Ekaparicchedānīti kiriyākiriyabhāvato ekaparicchedāni. Jātarūparajatabhāvo, attuddesikatā, kahāpaṇādīsu aññatarabhāvoti imānettha tīṇi aṅgāni.

    รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๘. รูปิยสิกฺขาปทํ • 8. Rūpiyasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact