Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā

    ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา

    8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā

    ๕๘๓-๔. สพฺพมฺปีติ ติวิธมฺปิฯ ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข’ติอาทิ ปน กิญฺจาปิ ราชสิกฺขาปเท ‘น วฎฺฎตี’ติ ปสงฺคโต วุตฺตํ, สรูปโต ปน อาปตฺติทสฺสนวเสน สกฎฺฐาเนปิ วตฺตุมารทฺธ’’นฺติ วุตฺตํฯ กถเมตํ? มุตฺตาทีนํ สกฎฺฐานํ ชาตํ, น หิ ตานิ อิธ ปาฬิยํ ทิสฺสนฺตีติ อิมสฺส อฎฺฐกถายํ วุตฺตานิ, ราชสิกฺขาปทสฺสปิ อฎฺฐกถายํ วุตฺตานีติฯ น เกวลํ หิรญฺญสุวณฺณเมว, อญฺญมฺปิ เขตฺตวตฺถาทิกํ ‘‘อกปฺปิยํ น สมฺปฎิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ สามเญฺญน, น สรูปโตฯ ปาฬิยํ ปน สรูปโต ‘‘จีวรเจตาปนฺนํ นาม หิรญฺญํ วา สุวณฺณํ วา มุตฺตา วา มณิ วา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตสฺมา ราชสิกฺขาปทเมวสฺส สกฎฺฐานํฯ มุตฺตามณิคฺคหเณน เจตฺถ ตชฺชาติยคฺคหณํ สิทฺธเมวาติ นาคโต อิมสฺส ปฐมเมว ปญฺญตฺตตฺตาฯ ยทิ เอวํ อิธ อนาคตตฺตา กตรํ เนสํ สกฎฺฐานนฺติ? อิทเมว อตฺถโต, โน สรูปโตฯ

    583-4.Sabbampīti tividhampi. ‘‘Muttā maṇi veḷuriyo saṅkho’tiādi pana kiñcāpi rājasikkhāpade ‘na vaṭṭatī’ti pasaṅgato vuttaṃ, sarūpato pana āpattidassanavasena sakaṭṭhānepi vattumāraddha’’nti vuttaṃ. Kathametaṃ? Muttādīnaṃ sakaṭṭhānaṃ jātaṃ, na hi tāni idha pāḷiyaṃ dissantīti imassa aṭṭhakathāyaṃ vuttāni, rājasikkhāpadassapi aṭṭhakathāyaṃ vuttānīti. Na kevalaṃ hiraññasuvaṇṇameva, aññampi khettavatthādikaṃ ‘‘akappiyaṃ na sampaṭicchitabba’’nti sāmaññena, na sarūpato. Pāḷiyaṃ pana sarūpato ‘‘cīvaracetāpannaṃ nāma hiraññaṃ vā suvaṇṇaṃ vā muttā vā maṇi vā’’ti ettakameva vuttaṃ, tasmā rājasikkhāpadamevassa sakaṭṭhānaṃ. Muttāmaṇiggahaṇena cettha tajjātiyaggahaṇaṃ siddhamevāti nāgato imassa paṭhamameva paññattattā. Yadi evaṃ idha anāgatattā kataraṃ nesaṃ sakaṭṭhānanti? Idameva atthato, no sarūpato.

    กถํ? เอตานิ หิ รตนสิกฺขาปเท นิสฺสคฺคิยวตฺถูนิ, ทุกฺกฎวตฺถูนิ จ เอกโต ‘‘รตน’’นฺติ อาคตานิ, ‘‘รตนสมฺมต’’นฺติ กปฺปิยวตฺถุ อาคตํฯ เตสุ จ ทสสุ รตเนสุ รชตชาตรูปทฺวยํ อิธ นิสฺสคฺคิยวตฺถุ, อวเสสํ ทุกฺกฎวตฺถูติ สิทฺธํฯ อิธ จ สิทฺธตฺตา เอว รตนสิกฺขาปทสฺส อนาปตฺติวาเร ‘‘รตนสมฺมตํ วิสฺสาสํ คณฺหาติ, ตาวกาลิกํ คณฺหาติ, ปํสุกูลสญฺญิสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น รตนํ วุตฺตํฯ สตฺตวิธธญฺญทาสิทาสเขตฺตาทิ ปน พฺรหฺมชาลาทิสุตฺตวเสน (ที. นิ. ๑.๑ อาทโย) อกปฺปิยนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมา อิธ ทุกฺกฎวตฺถูติ สิทฺธํ, เตเนว อนุโยควเตฺต ‘‘ธมฺมํ ชานาติ, ธมฺมานุโลมํ, วินยํ, วินยานุโลมํ ชานาตี’’ติ (ปริ. ๔๔๒) วุตฺตํฯ ตถา อามกมํสมฺปิ ทุกฺกฎวตฺถุํ อาปชฺชตีติ? น, อิธ วินเย อนุญฺญาตตฺตา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํส’’นฺติอาทินา (มหาว. ๒๖๔), ตสฺมา น อามกมํสํ สุเตฺต อาคตมฺปิ ทุกฺกฎวตฺถุ โหติ, ตถาปิ อตฺตโน ปริโภคตฺถาย ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎเมวาติ โน ตโกฺกติ อาจริโยฯ ‘‘อิธ นิกฺขิปาหี’ติ วุเตฺต อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนเมว โหตี’’ติ วทนฺติฯ ‘‘อกปฺปิยวิจารณา เอว น วฎฺฎตีติ เจ? กปฺปิยญฺจ อกปฺปิยญฺจ นิสฺสาย ฐิตนฺติ เอตฺถ ตํ สยํ อปริโภคารหํ หุตฺวา ตทคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑํ ปริโภคารหํ หุตฺวา ฐิตนฺติ อโตฺถ’’ติ ลิขิตํ, ‘‘ปํสุกูลภาเวน ฐิตตฺตา, คุตฺตฎฺฐานาจิกฺขนสฺส กปฺปิยตฺตา จ กปฺปิยํ นิสฺสาย ฐิตํฯ ‘อิทํ คณฺหา’ติอาทินา วทนฺตสฺส อกปฺปิยตฺตา อกปฺปิยํ นิสฺสาย ฐิต’’นฺติ จฯ เอวมฺปิ กปฺปิยญฺจ อกปฺปิยญฺจาติ ‘‘อิมสฺมิํ โอกาเส ฐปิตํ, กิํ น ปสฺสสีติ เฉกตเร อิเมว กหาปเณ’’ติอาทิวจนสฺส กปฺปิยตฺตา กปฺปิยํ นิสฺสาย ฐิตํฯ ‘‘อิทํ คณฺหา’’ติ วุเตฺต ทุพฺพิจาริตตฺตา อตฺตโน อกปฺปิยตฺตา ตโต อาคตํ อกปฺปิยํ นิสฺสาย ฐิตเมว โหติฯ ‘‘อิทํ คณฺหา’ติ วุเตฺต เตน คหิเต ‘อุคฺคณฺหาเปยฺย วา’ติ วุตฺตวิธิํ น ปาปุณาติ, เกวลํ ทุพฺพิจาริตตฺตา ตเสฺสว ตํ อกปฺปิยํ โหติ, มูลปฎิคฺคหณสฺส สุทฺธตฺตา ปรโต ปตฺตจตุเกฺก ตติยปโตฺต วิยาติ จ เอวํ อุปติสฺสเตฺถโร วทตี’’ติ อนุคณฺฐิปเท วุตฺตํฯ กิํ พหุนา, วิสุทฺธาคมตฺตา กปฺปิยํฯ ทุพฺพิจารณาย สติ อกปฺปิยํ นิสฺสาย ฐิตํ โหตีติ โน ตโกฺกติ อาจริโยฯ ‘‘เอวํ สงฺฆคณาทีนมฺปิ อตฺถาย ปริจฺจเตฺตปิ เตน สมานคติกตฺตา ฐเปตฺวา อาปตฺติวิเสส’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Kathaṃ? Etāni hi ratanasikkhāpade nissaggiyavatthūni, dukkaṭavatthūni ca ekato ‘‘ratana’’nti āgatāni, ‘‘ratanasammata’’nti kappiyavatthu āgataṃ. Tesu ca dasasu ratanesu rajatajātarūpadvayaṃ idha nissaggiyavatthu, avasesaṃ dukkaṭavatthūti siddhaṃ. Idha ca siddhattā eva ratanasikkhāpadassa anāpattivāre ‘‘ratanasammataṃ vissāsaṃ gaṇhāti, tāvakālikaṃ gaṇhāti, paṃsukūlasaññissā’’ti vuttaṃ, na ratanaṃ vuttaṃ. Sattavidhadhaññadāsidāsakhettādi pana brahmajālādisuttavasena (dī. ni. 1.1 ādayo) akappiyanti siddhaṃ, tasmā idha dukkaṭavatthūti siddhaṃ, teneva anuyogavatte ‘‘dhammaṃ jānāti, dhammānulomaṃ, vinayaṃ, vinayānulomaṃ jānātī’’ti (pari. 442) vuttaṃ. Tathā āmakamaṃsampi dukkaṭavatthuṃ āpajjatīti? Na, idha vinaye anuññātattā ‘‘anujānāmi, bhikkhave, amanussikābādhe āmakamaṃsa’’ntiādinā (mahāva. 264), tasmā na āmakamaṃsaṃ sutte āgatampi dukkaṭavatthu hoti, tathāpi attano paribhogatthāya paṭiggahaṇe dukkaṭamevāti no takkoti ācariyo. ‘‘Idha nikkhipāhī’ti vutte upanikkhittasādiyanameva hotī’’ti vadanti. ‘‘Akappiyavicāraṇā eva na vaṭṭatīti ce? Kappiyañca akappiyañca nissāya ṭhitanti ettha taṃ sayaṃ aparibhogārahaṃ hutvā tadagghanakaṃ kappiyabhaṇḍaṃ paribhogārahaṃ hutvā ṭhitanti attho’’ti likhitaṃ, ‘‘paṃsukūlabhāvena ṭhitattā, guttaṭṭhānācikkhanassa kappiyattā ca kappiyaṃ nissāya ṭhitaṃ. ‘Idaṃ gaṇhā’tiādinā vadantassa akappiyattā akappiyaṃ nissāya ṭhita’’nti ca. Evampi kappiyañca akappiyañcāti ‘‘imasmiṃ okāse ṭhapitaṃ, kiṃ na passasīti chekatare imeva kahāpaṇe’’tiādivacanassa kappiyattā kappiyaṃ nissāya ṭhitaṃ. ‘‘Idaṃ gaṇhā’’ti vutte dubbicāritattā attano akappiyattā tato āgataṃ akappiyaṃ nissāya ṭhitameva hoti. ‘‘Idaṃ gaṇhā’ti vutte tena gahite ‘uggaṇhāpeyya vā’ti vuttavidhiṃ na pāpuṇāti, kevalaṃ dubbicāritattā tasseva taṃ akappiyaṃ hoti, mūlapaṭiggahaṇassa suddhattā parato pattacatukke tatiyapatto viyāti ca evaṃ upatissatthero vadatī’’ti anugaṇṭhipade vuttaṃ. Kiṃ bahunā, visuddhāgamattā kappiyaṃ. Dubbicāraṇāya sati akappiyaṃ nissāya ṭhitaṃ hotīti no takkoti ācariyo. ‘‘Evaṃ saṅghagaṇādīnampi atthāya pariccattepi tena samānagatikattā ṭhapetvā āpattivisesa’’nti vuttaṃ.

    น กิญฺจิ กปฺปิยภณฺฑํ เจตาปิตนฺติ เจตาปิตเญฺจ, อุปายาภาวํ ทเสฺสติฯ ‘‘อุปนิเกฺขปํ ฐเปตฺวาติ สเจ โส อุปาสโก ‘อติพหุํ เอตํ หิรญฺญํ, อิทํ ภเนฺต อเชฺชว น วินาเสตพฺพ’นฺติ วตฺวา สยํ อุปนิเกฺขปเทเส ฐเปติ, อเญฺญน วา ฐปาเปติ, เอตํ อุปนิเกฺขปํ ฐเปตฺวา ตโต ลทฺธํ อุทยํ ปริภุญฺชโนฺต สโงฺฆ ปจฺจเย ปริภุญฺชติ นามา’’ติ วุตฺตํฯ

    Na kiñci kappiyabhaṇḍaṃ cetāpitanti cetāpitañce, upāyābhāvaṃ dasseti. ‘‘Upanikkhepaṃ ṭhapetvāti sace so upāsako ‘atibahuṃ etaṃ hiraññaṃ, idaṃ bhante ajjeva na vināsetabba’nti vatvā sayaṃ upanikkhepadese ṭhapeti, aññena vā ṭhapāpeti, etaṃ upanikkhepaṃ ṭhapetvā tato laddhaṃ udayaṃ paribhuñjanto saṅgho paccaye paribhuñjati nāmā’’ti vuttaṃ.

    ๕๘๕. อยํ กิร อิตฺถํลกฺขณสมฺปโนฺน อุกฺกํสโตฯ เอวํ องฺคสมฺปโนฺนปิ อปรภาเค โลภวเสน วา อเญฺญน วา การเณน สเจ นิมิตฺตํ กตฺวา ปาเตติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเคติ ปเวเส ปเวเสฯ โส หิ การณนฺตเรน รุกฺขมูลิกสฺส, อโพฺภกาสิกสฺสปิ วฎฺฎติ เอว, ฐานนิสชฺชาทิวเสน นิวาสาธิปฺปาเย สติ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํฯ เภสชฺชสฺส สติปจฺจยตา สพฺพกาลมฺปีติ เอเกฯ อสนฺนิหิตสฺส ปจฺฉาภตฺตเมว, สนฺนิหิตสฺส ปุเรภตฺตมฺปีติ โน ตโกฺกติ อาจริโยฯ ‘‘ยามกาลิกํ สตฺตาหกาลิกํ ยาวชีวิกํ อาหารตฺถาย…เป.… ปฎิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๒๔๔) หิ วุตฺตํฯ ทุกฺกฎญฺหิ วิกาลโภชนสิกฺขาปเท อาคตํ วิกาเล อาปชฺชติ, โน กาเล อาหารกาลตฺตา, สนฺนิธิสิกฺขาปเท อาคตํ ปน กาเลปิ สนฺนิธิชาตตฺตา, เตเนว ตตฺถ สตฺตาหกาลิกยาวชีวิกทฺวยเมว วุตฺตนฺติฯ ‘‘สติ ปจฺจเย’’ติ วจนโต นายํ วิเสโส ลพฺภตีติ เจ? น, อนิฎฺฐปฺปสงฺคโต, วจนานิยมโต จฯ สนฺนิธิสิกฺขาปเท หิ ‘‘อนาปตฺติ ยาวกาลิกํ ยาวกาลํ นิทหิตฺวา ภุญฺชติฯ ยามกาลิกํ ยาเม นิทหิตฺวา ภุญฺชตี’’ติ (ปาจิ. ๒๕๖) เอตฺถ วจนปฺปมาณโต ยามกาลิกํ น ปุเรภเตฺต, น ปจฺฉาภเตฺต, น ทิวเส, น รตฺติยํ ยามเมว นิทหิตฺวา ภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อนิฎฺฐปฺปสโงฺคฯ ตถา ตเตฺถว ‘‘ยามกาลิกํ ยามํ นิทหิตฺวา ภุญฺชติ, สตฺตาหกาลิกํ สตฺตาหํ นิทหิตฺวา ภุญฺชตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘สติ ปจฺจเย’’ติ, ตสฺมา สติปจฺจย-วจนํ กตฺถจิ โหติ, กตฺถจิ น โหตีติ วจนานิยมโต อาปตฺติยาปิ อนิยโม สิยาฯ เอวํ สเนฺตปิ ยถาวุตฺตทุกฺกฎํ อาปชฺชติ เอวฯ น อนาหารปฺปโยชนตฺตา ยามกาลิกาทีนนฺติ เจ? น, สปฺปิอาทิมิสฺสโภชนสฺส ปณีตโภชนภาวปฺปตฺติโตฯ อปิจ สพฺพกาลิเกสุ ยาวกาลิกํ โอฬาริกํ, ตํ อาหารตฺถาย ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส กาเล อนาปตฺติ, ปเคว อโนฬาริกํ ยามกาลิกาทิํ, อาหารตฺถาย เอว อนุญฺญาตตฺตาฯ ยาวกาลิเก เอว อนาปตฺตีติ เจ? น, อนาหารตฺถาย คณฺหนฺตสฺส อาปตฺติสมฺภวโต อิตรํ อาหารตฺถาย คณฺหนฺตสฺส วิย, ตสฺมา ยถาวุตฺตเมเวตฺถ สนฺนิฎฺฐานํ ปาฬิํ, ยุตฺติญฺจ อนุโลเมตีติฯ

    585. Ayaṃ kira itthaṃlakkhaṇasampanno ukkaṃsato. Evaṃ aṅgasampannopi aparabhāge lobhavasena vā aññena vā kāraṇena sace nimittaṃ katvā pāteti, āpatti dukkaṭassa. Senāsanampi paribhoge paribhogeti pavese pavese. So hi kāraṇantarena rukkhamūlikassa, abbhokāsikassapi vaṭṭati eva, ṭhānanisajjādivasena nivāsādhippāye sati paribhoge paribhoge paccavekkhitabbaṃ. Bhesajjassa satipaccayatā sabbakālampīti eke. Asannihitassa pacchābhattameva, sannihitassa purebhattampīti no takkoti ācariyo. ‘‘Yāmakālikaṃ sattāhakālikaṃ yāvajīvikaṃ āhāratthāya…pe… paṭiggaṇhāti, āpatti dukkaṭassa. Ajjhohāre ajjhohāre āpatti dukkaṭassā’’ti (pāci. 244) hi vuttaṃ. Dukkaṭañhi vikālabhojanasikkhāpade āgataṃ vikāle āpajjati, no kāle āhārakālattā, sannidhisikkhāpade āgataṃ pana kālepi sannidhijātattā, teneva tattha sattāhakālikayāvajīvikadvayameva vuttanti. ‘‘Sati paccaye’’ti vacanato nāyaṃ viseso labbhatīti ce? Na, aniṭṭhappasaṅgato, vacanāniyamato ca. Sannidhisikkhāpade hi ‘‘anāpatti yāvakālikaṃ yāvakālaṃ nidahitvā bhuñjati. Yāmakālikaṃ yāme nidahitvā bhuñjatī’’ti (pāci. 256) ettha vacanappamāṇato yāmakālikaṃ na purebhatte, na pacchābhatte, na divase, na rattiyaṃ yāmameva nidahitvā bhuñjantassa anāpattīti aniṭṭhappasaṅgo. Tathā tattheva ‘‘yāmakālikaṃ yāmaṃ nidahitvā bhuñjati, sattāhakālikaṃ sattāhaṃ nidahitvā bhuñjatī’’ti ettakameva vuttaṃ, na vuttaṃ ‘‘sati paccaye’’ti, tasmā satipaccaya-vacanaṃ katthaci hoti, katthaci na hotīti vacanāniyamato āpattiyāpi aniyamo siyā. Evaṃ santepi yathāvuttadukkaṭaṃ āpajjati eva. Na anāhārappayojanattā yāmakālikādīnanti ce? Na, sappiādimissabhojanassa paṇītabhojanabhāvappattito. Apica sabbakālikesu yāvakālikaṃ oḷārikaṃ, taṃ āhāratthāya paṭiggaṇhantassa kāle anāpatti, pageva anoḷārikaṃ yāmakālikādiṃ, āhāratthāya eva anuññātattā. Yāvakālike eva anāpattīti ce? Na, anāhāratthāya gaṇhantassa āpattisambhavato itaraṃ āhāratthāya gaṇhantassa viya, tasmā yathāvuttamevettha sanniṭṭhānaṃ pāḷiṃ, yuttiñca anulometīti.

    เทสนาสุทฺธีติ เอตฺถ เทสนา นาม วินยกมฺมํ, เตน วุฎฺฐานมฺปิ เทสนา เอว นาม โหตีติฯ ‘‘ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปฎิเสวตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปฎิคฺคหเณ ปน สติํ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ขีณาสวา กตกิจฺจตฺตา วิภตฺตทายาทา วิย โหนฺติ, เตน เตสํ สามิปริโภคา โหนฺติฯ อญฺญถา ยาวกาลิกภาวํ อนติกฺกนฺตตฺตา วิรุชฺฌติฯ อิณปริโภโค น วฎฺฎติ, เภสเชฺช อาปตฺติโต, อิตรสฺมิํ อยุตฺตปริโภคโต, อิณํ วิย อนนุญฺญาตภุตฺตตฺตา จฯ ‘‘อาทิโต ปฎฺฐาย หิ อลชฺชี นาม นตฺถิ, ตสฺมา น โกจิ สงฺกิตโพฺพ’’ติ ลิขิตํฯ ภารภูตา สทฺธิวิหาริกาทโยฯ ยถาทานเมว คหิตตฺตาติ เอตฺถ ‘‘อตฺตโน หเตฺถน เจ เทติ, น วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อติเรกภาคํ คเหตฺวา ปุนทิวเส อตฺตโน อตฺถาย อุทฺธฎภาคํ ตเตฺถว ทาเปติ, วฎฺฎตี’’ติ จฯ ปริวตฺตกํ เทติ, ธมฺมิยเญฺจ, วฎฺฎติฯ โน อธมฺมิยํฯ ‘‘ตํ ธมฺมานุคฺคเหน อุคฺคณฺหิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ เกน เลเสนาติ เจ? ‘‘อลพฺภมานาย สามคฺคิยา อนาปตฺติ สโมฺภเค สํวาเส’’ติ (มหาว. ๑๓๐) อิมินา อุปสมฺปทกฺขนฺธกวจนเลเสนฯ

    Desanāsuddhīti ettha desanā nāma vinayakammaṃ, tena vuṭṭhānampi desanā eva nāma hotīti. ‘‘Paṭiggaṇhātī’’ti avatvā ‘‘paṭisevatī’’ti vuttattā paṭiggahaṇe pana satiṃ akatvā paribhoge karontassa anāpatti. Khīṇāsavā katakiccattā vibhattadāyādā viya honti, tena tesaṃ sāmiparibhogā honti. Aññathā yāvakālikabhāvaṃ anatikkantattā virujjhati. Iṇaparibhogo na vaṭṭati, bhesajje āpattito, itarasmiṃ ayuttaparibhogato, iṇaṃ viya ananuññātabhuttattā ca. ‘‘Ādito paṭṭhāya hi alajjī nāma natthi, tasmā na koci saṅkitabbo’’ti likhitaṃ. Bhārabhūtā saddhivihārikādayo. Yathādānameva gahitattāti ettha ‘‘attano hatthena ce deti, na vaṭṭatī’’ti vuttaṃ, ‘‘atirekabhāgaṃ gahetvā punadivase attano atthāya uddhaṭabhāgaṃ tattheva dāpeti, vaṭṭatī’’ti ca. Parivattakaṃ deti, dhammiyañce, vaṭṭati. No adhammiyaṃ. ‘‘Taṃ dhammānuggahena uggaṇhituṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Kena lesenāti ce? ‘‘Alabbhamānāya sāmaggiyā anāpatti sambhoge saṃvāse’’ti (mahāva. 130) iminā upasampadakkhandhakavacanalesena.

    ๕๘๖. อสฺสติยา ทินฺนนฺติ เอตฺถ ‘‘อสฺสติยา ทินฺนํ นาม อปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺมา ทุสฺสเนฺต พทฺธกหาปณาทีนิ สติํ ปฎิลภิตฺวา ทายกา เจ ปุน คณฺหนฺติ, นิสฺสคฺคิยเมว เทเสตพฺพํฯ เตน อกปฺปิยภเณฺฑน เต เจ ทายกา สปฺปิอาทีนิ กิณิตฺวา สงฺฆสฺส เทนฺติ, ตสฺสปิ ภิกฺขุโน กปฺปติ ทายกานํเยว สนฺตกตฺตาฯ ภิกฺขุนา หิ ‘วตฺถํ คณฺหามี’ติ วตฺถสญฺญาย เอว คหิตํ, น รูปิยสญฺญายฯ อิทญฺจ สิกฺขาปทํ อตฺตโน อตฺถาย อุคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ, น จ เตน ตํ อตฺตโน อตฺถาย ปเรสํ วา อตฺถาย คหิตํฯ อถ เต ทายกา โน เจ อาคนฺตฺวา คณฺหนฺติ, ทายเก ปุจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย เจ ปริจฺจตฺตํ, สเงฺฆ นิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติ เทเสตพฺพาฯ โน เจ, อาปตฺติ เอว เทเสตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธํฯ อาปตฺติเทสนาย หิ สติ รูปิยํ ปฎิคฺคหิตนฺติ สิทฺธํ, ตสฺมิํ สิเทฺธ ‘‘ตโต อุปฺปนฺนํ ตสฺสปิ กปฺปตี’’ติ อิทํ น ยุชฺชตีติฯ กปฺปติ เอวาติ เจ? น, วตฺถุํ อนิสฺสชฺชิตฺวา อาปตฺติ เทเสตพฺพาติ น ยุชฺชติฯ อจิตฺตกตฺตา สิกฺขาปทสฺส ยุชฺชตีติ เจ? น, สพฺพตฺถ ‘‘รูปิยํ ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนโตฯ ‘‘รูปิยํ ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ หิ วุตฺตํ, อญฺญถา สพฺพตฺถ ‘‘รูปิย’’นฺติ ปทํ นิรตฺถกํ โหติ วินาปิ เตน ตทตฺถสิทฺธิโตฯ อเนน จ วตฺถํ ปฎิคฺคหิตํ, ทายเกน จ วตฺถเมว ทินฺนํ, วตฺถคตมฺปิ รูปิยํ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโนฺต ปทวาเรน กาเรตโพฺพฯ อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘รูปิเย อรูปิยสญฺญีติ สุวณฺณาทีสุ ขรปตฺตาทิสญฺญี’’ติ วุตฺตํ ‘‘รูปิยํ ปฎิคฺคณฺหาตี’’ติ วจนวเสนฯ

    586.Assatiyā dinnanti ettha ‘‘assatiyā dinnaṃ nāma apariccattaṃ hoti, tasmā dussante baddhakahāpaṇādīni satiṃ paṭilabhitvā dāyakā ce puna gaṇhanti, nissaggiyameva desetabbaṃ. Tena akappiyabhaṇḍena te ce dāyakā sappiādīni kiṇitvā saṅghassa denti, tassapi bhikkhuno kappati dāyakānaṃyeva santakattā. Bhikkhunā hi ‘vatthaṃ gaṇhāmī’ti vatthasaññāya eva gahitaṃ, na rūpiyasaññāya. Idañca sikkhāpadaṃ attano atthāya uggahaṇaṃ sandhāya vuttaṃ, na ca tena taṃ attano atthāya paresaṃ vā atthāya gahitaṃ. Atha te dāyakā no ce āgantvā gaṇhanti, dāyake pucchitvā attano atthāya ce pariccattaṃ, saṅghe nissajjitvā āpatti desetabbā. No ce, āpatti eva desetabbā’’ti vuttaṃ, taṃ pubbāparaviruddhaṃ. Āpattidesanāya hi sati rūpiyaṃ paṭiggahitanti siddhaṃ, tasmiṃ siddhe ‘‘tato uppannaṃ tassapi kappatī’’ti idaṃ na yujjatīti. Kappati evāti ce? Na, vatthuṃ anissajjitvā āpatti desetabbāti na yujjati. Acittakattā sikkhāpadassa yujjatīti ce? Na, sabbattha ‘‘rūpiyaṃ paṭiggaṇhātī’’ti vacanato. ‘‘Rūpiyaṃ paṭiggaṇhātī’’ti hi vuttaṃ, aññathā sabbattha ‘‘rūpiya’’nti padaṃ niratthakaṃ hoti vināpi tena tadatthasiddhito. Anena ca vatthaṃ paṭiggahitaṃ, dāyakena ca vatthameva dinnaṃ, vatthagatampi rūpiyaṃ theyyacittena gaṇhanto padavārena kāretabbo. Aṭṭhakathāyañca ‘‘rūpiye arūpiyasaññīti suvaṇṇādīsu kharapattādisaññī’’ti vuttaṃ ‘‘rūpiyaṃ paṭiggaṇhātī’’ti vacanavasena.

    ‘‘อปิจ ปุญฺญกามา’’ติอาทิ ปน วิธานนฺตรทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เตเนว หิ ‘‘อิมสฺมิํ เคเห อิทํ ลทฺธนฺติ สลฺลเกฺขตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ อญฺญถา สลฺลกฺขเณ วิมติวเสน, วิมติยา จ สติ นิสฺสคฺคิยเมว ‘‘รูปิเย เวมติโก’’ติอาทิ วจนโตติฯ อิทํ วิธานํ นิรตฺถกเมว อาปชฺชติ, น จ นิรตฺถกํฯ กสฺมา? ทุสฺสเนฺต พทฺธกหาปณาทิ อสฺสติยา ทินฺนํ วตฺถสญฺญาย ปฎิคฺคหิตญฺจ, ตโต น รูปิยํ ทินฺนญฺจ โหติ ปฎิคฺคหิตญฺจาติฯ เอตฺถ อาปตฺติเทสนากิจฺจํ นตฺถิ, ตํ ปน ทายกานเมว ปฎิทาตพฺพํฯ ตโต อุปฺปนฺนํ กปฺปิยภณฺฑญฺจ สเพฺพสํ กปฺปตีติ อิมสฺส วิธานนฺตรทสฺสนตฺถํ ‘‘อปิจ ปุญฺญกามา’’ติอาทีติ โน ตโกฺกติ อาจริโยฯ

    ‘‘Apica puññakāmā’’tiādi pana vidhānantaradassanatthaṃ vuttaṃ, teneva hi ‘‘imasmiṃ gehe idaṃ laddhanti sallakkhetabba’’nti vuttaṃ. Aññathā sallakkhaṇe vimativasena, vimatiyā ca sati nissaggiyameva ‘‘rūpiye vematiko’’tiādi vacanatoti. Idaṃ vidhānaṃ niratthakameva āpajjati, na ca niratthakaṃ. Kasmā? Dussante baddhakahāpaṇādi assatiyā dinnaṃ vatthasaññāya paṭiggahitañca, tato na rūpiyaṃ dinnañca hoti paṭiggahitañcāti. Ettha āpattidesanākiccaṃ natthi, taṃ pana dāyakānameva paṭidātabbaṃ. Tato uppannaṃ kappiyabhaṇḍañca sabbesaṃ kappatīti imassa vidhānantaradassanatthaṃ ‘‘apica puññakāmā’’tiādīti no takkoti ācariyo.

    รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๘. รูปิยสิกฺขาปทํ • 8. Rūpiyasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๘. รูปิยสิกฺขาปทวณฺณนา • 8. Rūpiyasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact